คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #20 : ,,, Part 19 ,,, ตัวซวย
Title : Mystery Love
Type : Long fiction
Author : *..MooKiiE..*
Category : Comedy / Romance
Paring : Yunho x Jaejoong / YooChun x JunSu
Note : เรื่องนี้มุกได้แรงบันดาลใจมาจากซีรี่ส์เกาหลีเรื่อง The Master’s Sun นะคะ จึงทำให้เนื้อหาบางอย่างอาจคล้ายคลึงกันบ้าง
*******************************************************
ขอให้มีความสุขในการอ่านค่ะ และ
อย่าลืมกดเป็นแฟนพันธุ์แท้ฟิคเรื่องนี้กันนะคะ ^^
Part 19
ภายในห้องทำงานของผู้บริหารระดับสูงนั้นช่างเงียบสงบ แม้แต่เสียงของเครื่องปรับอากาศยังแทบจะไม่ส่งเสียงรบกวนให้ได้ยิน บนโต๊ะทำงานมีป้ายชื่อและตำแหน่งของคนๆ นี้ระบุเอาไว้อยู่
‘ชองยูริม ผู้อำนวยการฝ่ายประชาสัมพันธ์’
เธอมีศักดิ์เป็นป้าของชองยุนโฮ และเพราะธุรกิจของครอบครัวที่มีอยู่มากมายทำให้เธอไม่ค่อยจะได้บินกลับมาที่เกาหลีสักเท่าไหร่นัก อีกทั้งห้างสรรพสินค้านี้ยังเป็นของพี่ชายเธอที่กำลังจะมอบให้หลานชายเพียงคนเดียวรับหน้าที่บริหารต่อ เธอก็ยิ่งหายห่วง เพราะเธอนั้นรู้ถึงความสามารถและมั่นใจในศักยภาพการทำงานของยุนโฮเป็นอย่างมาก
แต่เมื่อไม่นานมานี้ กลับมีข่าวลือบางอย่างที่ทำให้เธอเกิดความสนใจ มากขนาดทำให้เธอถึงกับเลื่อนทริปฉลองการแต่งงานครั้งที่สิบของเธอและสามีที่วางแพลนกันเอาไว้ว่าจะไปทัวร์ที่ยุโรปกันสักเดือนแล้วเปลี่ยนมาเป็นดินเนอร์ง่ายๆ ที่ร้านอาหารหรูๆ ในเกาหลีแทน
เรื่องของหลานชายเพียงคนเดียวของเธอ กับพนักงานที่มีนิสัยแปลกๆ เด็กที่ชื่อคิมแจจุงคนนั้น…
“เลขาคิม”
และคนเดียวที่น่าจะพอให้คำตอบแก่เขาได้เป็นอย่างดี นอกเหนือจากชองยุนโฮแล้ว ก็น่าจะเป็นเลขาคิมคนนี้นี่แหละ
“ครับคุณยูริม”
“เด็กที่ชื่อคิมแจจุงคนนั้น… เป็นใครกัน?”
เธอถามออกมาด้วยสีหน้าและน้ำเสียงนิ่งๆ
เลขาคิมนิ่งค้างไปอยู่สักพักหนึ่ง ก่อนที่เขาจะเอ่ยปากตอบกลับไป
“เด็กคนนั้นเป็นพนักงานใหม่ที่นายน้อยเพิ่งจะเลื่อนขั้นให้ครับ”
“ผู้ช่วยคนพิเศษ… เด็กนั่นไม่เห็นจะดูพิเศษตรงไหน ออกจะดูแปลกๆ ไปเสียด้วยซ้ำ”
“อย่าห่วงไปเลยครับ คิมแจจุงเป็นคนดี”
“อย่างงั้นหรอ?”
หญิงวัยกลางคนยกยิ้มที่มุมปาก ถึงแม้ว่าอายุของเธอจะมากแล้วแต่ความสวยของเธอก็ยังไม่เสื่อมคลายเพราะเงินที่มีสามารถรักษาให้มันยังคงสภาพดีได้อยู่
เลขาคิมเองก็ยกยิ้มบางๆ ขึ้นมาเช่นกัน
“คุณยูริมน่าจะรู้จักหลานชายของตัวเองดีนะครับ”
“หืม?”
เธอเลิกคิ้วมองเลขาคิมเล็กน้อย
“นายน้อยมักทำในสิ่งที่เป็นประโยชน์ต่อเขาเสมอคุณอย่าห่วงไปเลยครับ”
“หมายความว่า…”
“การมีอยู่ของคิมแจจุงจะต้องมีประโยชน์ต่อคุณยุนโฮอย่างแน่นอน”
เลขาคิมพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่นเพราะความมั่นใจ
โดยประโยชน์ในที่นี้ อาจจะสามารถวัดได้จากความรู้สึกของนายน้อยได้เพียงอย่างเดียวก็เป็นได้…
.
.
.
.
.
วันนี้ตารางงานของยุนโฮไม่มีอะไรมาก ง่ายๆ ก็แค่ประชุมตั้งแต่เช้าจนถึงเที่ยงก็แค่นั้นเอง โดยที่คิมแจจุงเองก็ได้รับมอบหมายงานที่สำคัญมากๆ เช่นกัน ซึ่งนั่นก็คือ
เตรียมอาหารกลางวันให้ท่านประธาน…
แหมะ… สำคัญเหลือเกิน งานใหญ่งานโต งานนี้ถ้าไม่มีเขาชองยุนโฮจะมีข้าวกลางวันกินมั้ยเนี่ย! แต่ก็ไม่เป็นไร แจจุงเต็มใจ แค่นี้ก็รู้สึกดีแล้ว เหมือนได้พัฒนาความสัมพันธ์ไปอีกเซนติเมตรนึง
ได้เตรียมอาหารให้คนที่ตัวเองชอบทาน…
แค่คิดก็ใจเต้นเร็วเสียแล้ว
หลังจากที่ทานอาหารกลางวันที่แจจุงเป็นคนเตรียมเอาไว้ให้เสร็จเรียบร้อยแล้ว ยุนโฮก็เรียกเลขาคิมเข้ามาคุยงานต่ออย่างทันที โดยให้แจจุงนั่งฟังสรุปคร่าวๆ ของงานที่เพิ่งจะประชุมจบไปเมื่อเช้านี้ด้วย เพราะยังไงซะคิมแจจุงก็ควรจะมีความรู้เกี่ยวกับงานของห้างนี่อยู่บ้าง ไม่ใช่ให้มานั่งปลาบผีไปวันๆ
“ทีมงานได้ทำการสรุปมาแล้วนะครับว่าจะให้จองซูยอนมาถ่ายแบบภาพโปรโมตห้างเดอะคิงดอมเซ็ทล่าสุดให้กับเรา”
ยุนโฮอธิบายใจความสั้นๆ ของการประชุมนี้ให้กับคนทั้งสองฟัง
แจจุงฟังแล้วก็แอบขมวดคิ้วเล็กน้อย
‘ซูยอนอีกแล้ว สงสัยเธอคงจะดังมากจริงๆ ก็เธอทั้งสวย ฉลาดและหุ่นดี ใครๆ ก็พากันชื่นชม พูดแล้วก็อิจฉาจัง’
“ธีมและคอนเซ็ปต์ต่างๆ ได้มีการพูดคุยกันเรียบร้อยแล้ว และเนื่องจากผมต้องการให้การโปรโมตครั้งนี้เป็นที่พูดถึง”
ยุนโฮเอนหลังไปพิงพนักพิงเก้าอี้ด้วยท่าทางสบายๆ
“เพราะห้างไจแอนท์เลื่อนเปิดตัวในต้นเดือนหน้าใช่มั้ยครับ?”
เลขาคิมถามออกไปตามข้อมูลที่ได้รู้มา ซึ่งก็ได้การตอบกลับจากยุนโฮเป็นการพยักหน้ารับเบาๆ
“ใช่ และเพราะอย่างงั้นผมจึงต้องรีบสร้างประเด็นเพื่อที่จะได้แย่งพื้นที่สื่อของห้างคู่แข่ง”
หรือจะพูดตรงๆ ก็คือเขาต้องการสร้างกระแสกลบข่าวของฝั่งคู่แข่งนั่นเอง
ทั้งแจจุงและเลขาคิมต่างก็พากันมองยุนโฮอย่างงงๆ
“เราจะต้องสร้างเสียงฮือฮา”
แจจุงพยักหน้าขึ้นลงเพราะเห็นด้วยกับคำพูดของยุนโฮ แต่อะไรล่ะที่จะสร้างเสียงฮือฮาแบบทอล์คออฟเดอะทาวน์
ดวงตาคมจ้องมองใบหน้าของคนทั้งสองสลับไปมา เขายกยิ้มที่มุมปากเล็กน้อยก่อนที่จะหันกลับไปจ้องสบตากับคิมแจจุง
“นายว่าฉันหน้าตาเป็นไง?”
แจจุงที่เจอคำถามแบบนั้นก็ถึงกับผงะไปเลยทีเดียว ส่วนเลขาคิมที่ยืนอยู่ข้างกันก็แอบบกมือขึ้นมาปิดปากเพราะกลั้นอาการขำของตัวเองเอาไว้ไม่อยู่
“เอ่อ……”
ใบ้รับประทานไปเลยคิมแจจุงเอ๋ย
“เอาใหม่… ถามว่าฉันหล่อมั้ยดีกว่า?”
คำถามนี้ง่ายขึ้นเยอะ แม้จะยังงงๆ มึนๆ อยู่แต่คิมแจจุงก็ตอบตามความรู้สึกของตัวเองออกไป
“หล่อครับ”
‘หล่อมาก! หล่อใจละลายเลย!’
ยุนโฮพยักหน้ารับเบาๆ ก่อนที่จะหันกลับมาถามความเห็นจากเลขาคิมที่ยืนอยู่ข้างๆ
“แล้วเลขาคิมล่ะครับ? คุณคิดว่าผมเป็นยังไงบ้าง”
คนสูงอายุที่เห็นยุนโฮมาตั้งแต่เด็กๆ ยกยิ้มบาง
“นายน้อยหล่อมากกว่าดาราหรือนักร้องบางคนอีกครับ”
แจจุงเองก็พยักหน้าเห็นด้วยกับคำพูดของเลขาคิม ท่านประธานของเขาหล่อ สูง หุ่นดี รูปร่างสมส่วน ผิวเนียน ฉลาด แถมยังรวยอีกต่างหาก และเพราะมีคุณสมบัติดีขนาดนี้นี่ไง คิมแจจุงถึงต้องสู้สุดตัวเพื่อให้มายืนอยู่ตรงจุดนี้ให้ได้!
ยุนโฮยกยิ้มบางๆ หลังจากที่ได้รับฟังคำตอบที่น่าพอใจจากคนทั้งสอง
“แม้จะไม่อยากยอมรับนัก แต่ผมก็รู้สึกว่าตัวเองนั้นหน้าตาดีอยู่พอสมควร”
อู้ว~ ชองยุนโฮที่ดูนิ่งๆ ก็มีมุมหลงตัวเองเหมือนคนอื่นเขาเหมือนกันนะเนี่ย แจจุงคิดพร้อมกับแอบหัวเราะออกมาเบาๆ
“หึหึ”
แต่เลขาคิมนี่ซิหัวเราะดังกว่าแจจุงอีก
ยุนโฮปรายสายตามองทั้งเลาขาคิมและคิมแจจุงที่พยายามกลั้นขำด้วยใบหน้าและดวงตานิ่งๆ
“อ่ะแฮ่ม!”
ซึ่งพอคนร่างสูงกระแอมทีเดียวทั้งสองคนก็หยุดหัวเราะได้อย่างทันที แต่ก็ต้องพยายามกลั้นกันอย่างเต็มที่เพราะดวงตาคมที่จ้องมองมานั้นมันน่ากลัวน้อยเสียที่ไหน
ยุนโฮยังคงมีสีหน้าเรียบเฉย แต่ใครจะรู้ว่าในความรู้สึกลึกๆ แล้วเขาเองก็อายในคำพูดนั้นของตนเองอยู่เหมือนกัน แต่ถ้าแสดงท่าทีอะไรออกไป สองคนนี้ก็รู้หมดซิว่าเขาน่ะ… เขิน
“แล้วนายน้อยมีแผนที่จะดึงให้สื่อมาสนใจเรายังไงครับ?”
เลขาคิมที่ตั้งสติได้อย่างรวดเร็วรีบเอ่ยปากสอบถามเรื่องงานต่ออย่างทันที
แจจุงที่ยืนอยู่ข้างๆ ก็แอบขมวดคิ้วสงสัยด้วยอยู่เหมือนกัน ข่าวห้างสรรพสินค้าเปิดใหม่น่าจะทำให้นักข่าวเทความสนใจไปที่นั่นได้มากพอสมควร แล้วข่าวอะไรล่ะที่เราจะสามารถดึงให้นักข่าวหันมาให้ความสนใจในห้างเดอะคิงดอมได้
“เราจะเอาอะไรไปสู้กับข่าวของฝั่งนั้นครับ?”
เลขาคิมถามต่อ
ยุนโฮยกยิ้มที่มุมปาก ซึ่งรอยยิ้มนั่นทำเอาแจจุงเกือบคลั่งละลายลงไปกองกับพื้น
“ถ้าผมไปถ่ายแบบ พวกคุณคิดว่าจะมีคนสนใจมั้ย?”
ทั้งเลขาคิมและแจจุงต่างก็พยักหน้าขึ้นลงเร็วๆ ด้วยกันทั้งคู่
“สนใจแน่นอนอยู่แล้วครับ”
“แล้วถ้าผม……..”
ยุนโฮเว้นจังหวะไปสักพักหนึ่ง ดวงตาคมมองใบหน้าของแจจุงและเลาขาคิมสลับกันไปมา
“ถ่ายแบบโปรโมตห้างเดอะคิงดอมคู่กับซูยอน พวกคุณคิดว่าสื่อจะสนใจมากขนาดไหนกันล่ะครับ?”
หลังจากที่ได้ยินคำพูดของยุนโฮ แจจุงก็ขมวดคิ้วทำหน้ายุ่งอย่างทันที สื่อจะสนใจรึป่าวไม่รู้ รู้แต่ว่าตอนนี้คิมแจจุงสนใจมากเลยล่ะ!
‘ทำไมท่านประธานของเขาต้องไปถ่ายแบบคู่กับผู้หญิงคนอื่นด้วยเล่า!’
สนใจรับคิมแจจุงไปประกอบฉากมั้ย?
.
.
.
.
.
จุนซูมาฝึกงานตามปกติ แต่ที่ไม่ปกติคือความรู้สึกของตัวเองที่ตีกันวุ่นไปมาอยู่ในหัวสมองซึ่งเรื่องมันก็เกิดขึ้นหลังจากเมื่อวานนี้ที่พี่แจจุงหายตัวไปนั่นแหละ ตอนแรกเขาก็มัวแต่วุ่นวายใจเรื่องของพี่แจจุงอยู่อ่ะนะ แต่พอโดนปาร์คยูชอนขโมยกอดเท่านั้นแหละ ยอมรับเลยว่าเขาเกือบจะลืมเรื่องของพี่แจจุงไปเสียแล้ว และก็หันมาโมโหไอ้หน้าหนูแทนที่บังอาจมาลวนลามเขา! แต่นอกจากความรู้สึกโกรธแล้ว มันยังมีความรู้สึกอื่นแอบแฝงอยู่ด้วยนี่น่ะซิ ซึ่งมันก็เป็นความรู้สึกที่ทำให้จุนซูต้องมาแอบเครียดอยู่ในตอนนี้นั่นเอง
เขาแอบใจเต้นให้กับอ้อมกอดของปาร์คยูชอน…
ซึ่งความรู้สึกแบบนี้มันไม่สมควรที่จะเกิดขึ้นเลย!
‘แต่มันก็ดันเกิดขึ้นไปแล้ว ให้ตายซิ!’
“ต้องรีบหาทางแก้ไข!!”
ใช่… นั่นคือสิ่งที่จุนซูคิดได้ในตอนนี้
แต่ดูเหมือนว่าปาร์คยูชอนไม่ค่อยจะให้ความร่วมมือกับเขาสักเท่าไหร่นัก เพราะเพียงแค่คิดถึงหมอนั่น ร่างของปาร์คยูชอนก็เดินฉีกยิ้มกว้างเข้ามาทักทายพนักงานในแผนกฟร้อนเสียแล้ว และแน่นอนว่าหมอนั่นไม่ได้มีเจตนาลงมาตรวจงานเพียงอย่างเดียวเท่านั้นแน่ เพราะเป้าหมายที่แท้จริงของการลงมาที่ฟร้อนของคนร่างสูงมักจบลงด้วยการ…
“นักศึกษาฝึกงานคิมจุนซู หลังเลิกงานแล้วขึ้นไปพบผมที่ห้องทำงานด้วยนะครับ”
พูดด้วยรอยยิ้มบาง ก่อนที่จะเดินจากไป ทิ้งให้คิมจุนซูต้องรับศึกหนักจากพี่ๆ ร่วมแผนกที่จ้องมองมาที่เขาเป็นตาเดียวด้วยแววตาสงสัยที่ปิดเอาไว้ไม่มิด ไหนจะรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ของพี่จินฮีที่ยกยิ้มแปลกๆ ในตอนที่มองมาที่เขาอีก
‘พวกพี่มองผมด้วยสายตาแบบนั้น… หมายความว่ายังไงกันครับ?’
“เดี๋ยวนี้คุณยูชอนขยันแวะมาตรวจที่ฟร้อนบ๊อย~บ่อยเนอะ เธอว่ามั้ย?”
พี่พนักงานสาวสวยคนหนึ่งพูดเปิดประเด็นขึ้นมาเป็นคนแรก
“ก่อนหน้านี้ไม่เห็นจะเคยมาเลยเนอะ”
พี่อีกคนก็รีบรับช่วงต่ออย่างทันที
“ก็แหม… พวกเธอก็น่าจะรู้นี่นาว่าเป็นเพราะใคร”
พี่จินฮีเองก็ร่วมไปกับเขาด้วย และพอพี่จินฮีพูดจบ พี่ๆ ทุกคนก็พากันหัวเราะคิกคักและหันกลับมาจ้องมองจุนซูด้วยสายตากรุ้มกริ่ม
จุนซูทำหน้างง เขาเลิกคิ้วขึ้นพร้อมกับเอ่ยปากถามพวกพี่ๆ ออกไป
“มองหน้าผมกันทำไมครับ?”
จินฮีหัวเราะออกมาเบาๆ ก่อนที่เธอจะเอ่ยปากถามในสิ่งที่เธอได้ยินมากับจุนซู
“อย่าว่าอย่างงั้นอย่างงี้เลยนะจุนซู พอดีพี่ไปได้ยินเรื่องอะไรมาน่ะ ก็เลยอยากจะถามเราหน่อยจะได้มั้ย?”
“ครับ?”
จุนซูมองหน้าพี่จินฮีและพี่คนอื่นๆ ที่กำลังจ้องมองมาที่เขาด้วยความอยากรู้
“คือถ้าไม่สะดวกใจก็ไม่ต้องตอบก็ได้นะ”
เพราะเรื่องที่พวกเธอได้ยินมามันก็ค่อนข้างที่จะเป็นเรื่องส่วนตัวอยู่ไม่น้อย
จุนซูแอบขมวดคิ้วเล็กน้อย พี่ๆ ไปได้ยินเรื่องอะไรมาอย่างงั้นหรอ? แล้วเรื่องนั้นก็เป็นเรื่องที่เกี่ยวกับเขาเสียด้วยซิ แม้แต่พี่จินฮีที่ดูจะเป็นผู้ใหญ่ที่สุดยังเก็บความสงสัยนั้นเอาไว้ไม่ได้เลย เขาเองก็ชักจะอยากรู้ซะแล้วซิว่าเรื่องนี้มันคือเรื่องอะไร
อ๊ะ! ตาขวากระตุกอีกแล้ว นั่นไง ลางสังหรณ์เริ่มทำงานแล้วคิมจุนซูเอ๋ย ตาขวากระตุกทีไรความซวยตัวเท่าควายก็พุ่งเข้ามาชนอย่างทันที
และทุกๆ ความซวยที่เขาได้พบเจอนั้น…
ก็ล้วนแต่เกิดจากปาร์คยูชอนด้วยกันทั้งสิ้น
“เอ่อ… ถามมาเถอะครับ ถ้าผมตอบได้ก็จะตอบ”
จินฮียิ้มแหยๆ เธอเงียบไปสักพักหนึ่งก่อนที่จะเอ่ยปากถามในสิ่งที่ตัวเองและเพื่อนๆ ร่วมงานอยากรู้ออกไป
“คุณยูชอนกับจุนซูกำลังคบกันอยู่ใช่มั้ย?”
“ห๊ะ?”
แค่ได้ยินจุนซูก็ถึงกับตาโตและเผลอส่งเสียงดังออกมาด้วยความตกใจ อะไรนะ เมื่อกี้เหมือนหูเขาจะฝาดไป นั่นซิ ต้องได้ยินผิดไปแน่ๆ พี่จินฮีไม่น่าจะถามอะไรแบบนั้นออกมาหรอก!
“คุณยูชอนกับจุนซู… เป็นแฟนกันใช่มั้ยจ๊ะ?”
ชัดเลย หูเขาไม่ได้ฝาด ตาขวาเขานี่ก็กระตุกถี่จริง!
“อ่ะ….. เอ่ออออ”
“คุณอินยองกับคุณยูราเป็นคนบอกพวกเราเองแหละจ๊ะ แต่พวกพี่ก็ไม่แน่ใจ เลยคิดว่าจะมาถามจุนซูเองจะดีกว่า”
พี่พนักงานที่ยืนอยู่ข้างหลังพี่จินฮีพูดขึ้นมา ตอนแรกเธอก็แอบอิจฉาและหมั่นไส้เด็กคนนี้อยู่อ่ะนะ แต่ความน่ารักและนิสัยที่แท้จริงของเจ้าตัวก็ทำให้เธออดที่จะเอ็นดูคิมจุนซูไม่ได้
จุนซูที่ยังคงช็อคอยู่ได้แต่ยืนมองพี่ๆ ผู้หญิงตาปริบๆ
“ได้ข่าวว่าคุณยูชอนพาไปทานข้าวด้วยกันแล้วก็เปิดตัวในวันนั้นเลยใช่มั้ย? จุนซูนี่น่าอิจฉาจังเลยเนอะ”
พี่โซฮีพนักงานคนสวยเอ่ยแทรกขึ้นมา
จุนซูที่เพิ่งจะได้สติ เข้าใจถึงต้นเหตุของเรื่องนี้ขึ้นมาได้อย่างทันที นัดทานข้าว เปิดตัวแฟน ชัดเลย เรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อวันนั้นนั่นเอง
ไม่คิดเลยว่าเรื่องวันนั้น จะสร้างความซวยในวันนี้ให้แก่เขา!!
‘ปาร์คยูชอน!!! ไอ้หน้าหนู มาแก้ข่าวให้ฉันเดี๋ยวนี้เลย!’
ตั้งแต่รู้จักกับหมอนี่มา… ชีวิตของคิมจุนซูเหมือนโดนราหูเข้าครอบงำ ความซวยมาเยือนชีวิตอยู่แทบทุกวัน ทุกคน! ลุกขึ้นปรบมือให้กับผู้นำพาความโชคร้ายมาให้เขาหน่อยเร็ว
‘ปาร์คยูชอน… ผู้สนับสนุนความซวยหลักในชีวิตของคิมจุนซู’
.
.
.
.
.
วันนี้เป็นวันที่จองซูยอนจะต้องเข้ามาวัดตัวเพื่อที่จะได้นำไปจัดเตรียมเสื้อผ้าสำหรับถ่ายแบบให้กับห้างสรรพสินค้าเดอะคิงดอม ซึ่งแจจุงก็ต้องมาดูแลงานนี้ด้วยเพราะยุนโฮและเลขาคิมติดประชุม ซึ่งเดี๋ยวพวกเขาจะตามมาทีหลัง ดังนั้นหน้าที่ดูแลดาราคนสวยจึงต้องตกเป็นของแจจุงไปตามระเบียบ
แจจุงนั่งอ่านนิตยสารรอการมาถึงของดาราสาวอยู่ในห้องรับรองที่ถูกเนรมิตให้เป็นห้องวัดตัวชั่วคราว มีทีมงานและดีไซเนอร์ที่ดูแลเรื่องเสื้อผ้าของการถ่ายแบบครั้งนี้อยู่ด้วยประมาณห้าหกคน
“คุณซูยอนมาแล้วค่ะ”
พนักงานคนหนึ่งเปิดประตูเข้ามาบอกทีมงานภายในห้อง ซึ่งพอได้ยินดังนั้นทุกคนต่างก็พากันมายืนรอต้อนรับนักร้องสาวอย่างกระตือรือร้น แจจุงเองก็เช่นกัน เขายืนรอเธออยู่ที่หน้าประตูรวมกับทีมงานคนอื่นๆ
เพียงไม่นานบานประตูก็ถูกเปิดออกพร้อมกับการปรากฏตัวของหญิงสาวคนสวยและผู้จัดการของเธอ
“สวัสดีค่ะทุกคน วันนี้ก็ขอฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะคะ”
ซูยอนพูดขึ้นมาด้วยรอยยิ้มก่อนที่จะก้มโค้งตัวเล็กน้อยเพื่อเป็นการทักทาย
ทีมงานทุกคนต่างก็พากันฉีกยิ้มแล้วกรูเข้าไปหาศิลปินคนสวยอย่างทันที แจจุงที่มีหน้าที่แค่คอยดูแลการทำงานในครั้งนี้ก็ได้แต่ยืนเฉยๆ ดวงตากลมโตมองหญิงสาวที่กำลังฉีกยิ้มและพูดคุยกับทีมงานอย่างเป็นกันเองอย่างนึกอิจฉา เพราะเธอทั้งสวย หุ่นดี และโด่งดัง เป็นที่ต้องการของใครหลายๆ คน แต่สิ่งอื่นใดที่ทำให้แจจุงรู้สึกอิจฉาเธอนั้น คือเรื่อง…
การที่เธอได้ถ่ายแบบคู่กับชองยุนโฮ… ท่านประธานของเขานั่นเอง
ซูยอนที่กำลังจะเดินไปวัดตัวที่หน้ากระจกหันมามองแจจุงแว๊บนึง เธอยกยิ้มบางๆ ให้แก่เขาซึ่งนั่นก็ทำเอาแจจุงถึงกับเขินไปเลยทีเดียว แจจุงแอบมองการทำงานของพวกทีมงานอยู่ห่างๆ หญิงสาวยืนกางแขนให้ดีไซเนอร์ได้วัดตัว ใบหน้าของเธอมีความอ่อนล้า
แจจุงขมวดคิ้ว ไม่รู้ว่าเขาคิดมากไปเองมั้ย แต่ทำไมเขารู้สึกว่าซูยอนนั้นแปลกๆ เหมือนมีเงามืดอะไรสักอย่างแผ่กระจายออกมาจากตัวเธอ เขาสะบัดหัวไปมาเบาๆ เพื่อไล่ความคิดแปลกๆ ของตัวเองนั้น
“สงสัยจะคิดมากไปเอง”
การทำงานดำเนินไปได้สักพักหนึ่ง ทีมงานนำชุดที่ได้จัดเตรียมเอาไว้แล้วมาให้หญิงสาวได้ลองสวมใส่ดู เธอเข้าไปเปลี่ยนในห้องแต่งตัวอยู่สักพักหนึ่งก่อนที่จะเดินออกมาให้ทีมงานได้ช่วยกันตรวจสอบอีกครั้งที่หน้ากระจกบานใหญ่
และในตอนที่แจจุงกำลังยืนมองคนสวยอย่างชื่นชมอยู่นั่นเอง อยู่ๆ ดวงตาของเขาก็เหลือบไปเห็นเงาของใครบางคนในกระจกเงานั่นเสียก่อน
ขนอ่อนของคนตัวเล็กพากันรุกตั้งฝืนแรงโน้มถ่วงโลก ซึ่งมันก็เป็นสัญญาณบอกเขาได้เป็นอย่างดีเลยว่าสิ่งที่ตัวเองเจอนั้น… ไม่ใช่มนุษย์
แจจุงกลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่ พยายามตั้งสติแม้จะหวาดกลัวมากแค่ไหนก็ตาม เขาเพ่งมองไปที่เงาในกระจกที่ไม่ได้มีเงาของซูยอนแต่เพียงคนเดียว แต่กลับมาเงาของผู้ชายคนหนึ่งที่หน้าตาดูหน้ากลัว เขามีใบหน้าสีขาววอกลอยเหมือนสวมหน้ากากอยู่ ดวงตาทั้งสองข้างของเขามีสีดำไปทั่วทั้งหนังตาและรอบดวงตา ทาปากสีแดงเลือดนก ชายคนนั้นสวมชุดสีขาว ลักษณะเหมือนเป็นกระโปรงชุดยาวๆ ผมของเขายาวประบ่า หยิกและฟูคล้ายรังนก
เขาดูเหมือนตัวตลกโจ๊กเกอร์ แต่หน้าตาของเขานั้น… ช่างน่ากลัวจนชวนขนลุกเชียวล่ะ
“ผีตนนั้น….. ทำไม……. ถึงมองคุณซูยอนแบบนั้น?”
แจจุงพึมพำกับตนเองเบาๆ เขาแอบมองผีโจ๊กเกอร์โหดนั่นอยู่ห่างๆ
“เหมือนเขาจะพูดอะไรบางอย่าง”
แจจุงเพ่งมองไปที่ปากของผีตนนั้น เขาพยายามอ่านปากเพื่อที่จะได้รู้ในสิ่งที่ผีตัวตลกนั่นพูด
ผีผู้ชายตนนั้นยกยิ้มที่มุมปากอย่างน่ากลัว ดวงตาของเขาจ้องมองไปที่ซูยอนที่มีสีหน้าอ่อนล้า ก่อนที่เขาจะเคลื่อนตัวไปอยู่ข้างๆ เธอ ใบหน้าขาวๆ นั่นโน้มลงไปอยู่ที่ข้างหูของนักร้องคนสวย ก่อนที่จะกระซิบบางสิ่งบางอย่างกรอกใส่หูของเธอไปเรื่อยๆ แบบนั้นซ้ำๆ
“มากกว่านี้……. เธอต้องสวยให้มากกว่านี้”
แจจุงขมวดคิ้วในตอนที่เขาสามารถแกะคำพูดของผีตนนั้นได้ และเมื่อซูยอนโดนผีตนนั้นพูดกรอกหูใส่มากขึ้นเรื่อยๆ ออร่าสีดำที่แผ่กระจายอยู่รอบตัวเธอก็ใหญ่ขึ้นและเห็นเด่นชัดมากขึ้นไปอีก
ซูยอนมองเงาตัวเองที่สะท้อนอยู่ในกระจกบานใหญ่ เธอจ้องมองอยู่นานก่อนที่จะขมวดคิ้วและหันหันกลับมามองบรรดาทีมงานและผู้จัดการส่วนตัวของเธอ
“พี่คะ ชั้นว่าชุดนี้มันดูเรียบไป”
“หืม?”
ทุกคนต่างกันทำหน้างงหลังจากที่ได้ยินคำพูดของนักร้องคนสวย ทั้งแจจุงและทีมงานต่างก็พากันกวาดสายตามองชุดที่หญิงสาวสวมใส่ด้วยกันทั้งหมด พร้อมกับมีคำถามที่เกิดขึ้นอยู่ในใจ
‘ชุดสีสันฉูดฉาด ที่เว้าหน้าแหวกหลังและรัดรูปซะขนาดนั้นเนี่ยนะเรียกว่าเรียบไป’
แจจุงได้แต่ขมวดคิ้วมองด้วยความสงสัย
“ชั้นอยากได้กระโปรงขนนก และก็เอาขนนกและดอกไม้หลายๆ ดอกมาติดบนหัวด้วย”
“ห๊ะ??”
ทีมงาน โดยเฉพาะดีไซเนอร์ถึงกับร้องเสียงหลง นั่นมันชุดบ้าอะไรวะนั่น!
“พี่จินอาคะ? หลังจากที่ลองชุดเสร็จแล้วพาฉันไปโรงพยาบาลหน่อยนะคะ”
เธอหันมาพูดกับพี่ผู้จัดการส่วนตัวที่ยืนทำหน้าเหวอเหมือนกับทีมงานคนอื่นๆ
“เอ๋? ไปทำไมหรอ หรือเธอรู้สึกเหมือนว่าจะไม่สบาย?”
ซูยอนยกยิ้ม ผีผู้ชายตนนั้นยังคงพูดกรอกหูเธอต่อไปเรื่อยๆ ด้วยน้ำเสียงนิ่งๆ
“มากกว่านี้……. เธอต้องสวย….ให้มากกว่านี้”
“เธอ ต้องสวยกว่าใคร……. ต้องสวยกว่าทุกๆ คน มากขึ้น…….. มากขึ้น”
“ไม่ค่ะ ฉันไม่ได้ป่วย”
ทุกๆ คนที่อยู่ในห้องนั่นถึงกับขมวดคิ้วและจ้องมองหญิงสวยคนสวยด้วยความงง แจจุงเองก็งงเช่นกัน แต่พอจะรู้สาเหตุที่ทำให้นักร้องคนสวยมีอาการแปลกๆ เช่นนี้แล้ว คงจะเป็นเพราะผีตัวตลกที่ยืนกระซิบอะไรบางอย่างอยู่ข้างเธอแน่ๆ
และคำพูดต่อมาของซูยอนก็ทำเอาทุกคนในห้องถึงกับอุทานออกมาเป็นเสียงเดียวกัน
“แต่ฉันจะไปทำศัลยกรรมเพิ่มต่างหากล่ะ”
แจจุงรีบหันหน้ากลับไปจ้องมองผีผู้ชายตนนั้นอย่างทันที เขายกยิ้มพึงใจหลังจากที่ได้ยินคำพูดนั้นของซูยอน แจจุงขมวดคิ้วพร้อมกับทำหน้ายุ่ง ผีตนนี้แปลกเกินไป เขาไม่เคยเจอผีแปลกๆ แบบนี้ แปลกจนไม่รู้ว่าเขาควรจะรับมือหรือช่วยเหลือซูยอนให้หลุดรอดจากการคลอบงำของผีตนนี้ได้อย่างไรดี
และถ้าเขาปล่อยให้ผีตนนี้เป่าหูซูยอนต่อไปเรื่อยๆ เรื่องคงเลวร้ายขึ้น และมันอาจจะส่งผลกระทบต่อการถ่ายแบบโปรโมตห้างเดอะคิงดอมนี้ด้วยก็ได้
‘ไม่ได้ๆ เขาจะทำให้ยุนโฮเดือดร้อนไม่ได้’
ต้องใช้ความสามารถพิเศษของเราจัดการปัญหานี้ให้จบลงโดยเร็วที่สุด!
“และนี่มันผีอะไรกันวะเนี่ย!”
แจจุงบ่นออกมาอย่างหัวเสีย
และถึงแม้จะไม่ได้เป็นคำถามที่ต้องการคำตอบ แต่ก็ยังมีผีใจดีมาช่วยตอบให้อีกต่างหาก ซึ่งผีที่ว่านั่นก็ไม่ใช่ผีตัวอื่นใด ผีชิมชางมินที่หายหน้าหายตาไปนานนั่นเอง
ชางมินปรากฏตัวขึ้นมาตรงหน้าของแจจุง คนตัวเล็กดูจะตกใจและดีใจอยู่ไม่น้อยที่ได้พบเจอผีสุดกวนตนนี้อีกครั้ง
“ชางมิน! นี่นายหายไปไหนมาตั้งหลายวันน่ะ โอ๊ย! หายไปนานจนฉันนึกว่านายไปเกิดแล้วซะอีก”
“ตลกละๆ ผมไปเกิดได้ที่ไหนล่ะ!”
แจจุงฉีกยิ้มกว้าง เพราะเขามัวแต่ดีใจที่เจอชางมินจนเกือบจะลืมเรื่องผีผู้ชายที่คอยตามซูยอนเหมือนเป็นเงาตนนั้นไปเลย
“คิดถึงจัง”
“ไม่ต้องมาอ่อย ผมไม่โง่ไปชอบพี่หรอก”
“อ่อยที่ไหนเล่า!”
แจจุงทำปากยู่
“หยุดเลยๆ นี่ลืมไปแล้วรึไงว่าตัวเองกำลังทำงานอยู่น่ะ”
ชางมินเอ่ยเตือนสติ
“โอ๊ะ! จริงด้วย”
“นี่… ผมรู้ด้วยแหละว่าผีตนนั้นน่ะ เป็นผีอะไร”
ชางมินพูดขึ้นมาพร้อมกับยกยิ้มที่มุมปาก
“จริงหรอ? บอกพี่หน่อยซิ เกิดมาก็เพิ่งเคยเจอผีหน้าตาประหลาดๆ แบบนั้นครั้งแรก”
ชางมินหันกลับไปมองผีตัวตลกตนนั้นเล็กน้อย แน่นอนว่าชิมชางมินไม่เคยทำอะไรโดยไม่หวังของกินเป็นสิ่งตอบแทน
“อยากกินอุด้งจัง”
“จัดให้ตามคำขอ รีบๆ บอกมาเลย!”
“ผีตนนั้นน่ะ…….”
“เขาเรียกว่า… ผีเสพย์ติดความสวยงาม”
ตั้งแต่เจอผีมาหลายปีก็เพิ่งรู้ว่ามันมีผีประเภทนี้ด้วยนี่แหละ คิมแจจุงล่ะปวดหัว อยากกลับไปใช้ชีวิตปกติเร็วๆ เสียจริง!
“มันจะคอยเป่าหูให้พวกผู้หญิงอยากสวยมากขึ้นเรื่อยๆ อยากไปทำศัลยกรรม แต่งตัวมากขึ้นๆ จนกลายเป็นเหมือนนกแก้ว”
“ถ้าฉันไม่ช่วยคุณซูยอน เธอก็จะกลายเป็นนกแก้วใช่มั้ย?”
“แน่นอน ผีตนนั้นจะทำให้เธอแต่งตัวหนักยิ่งกว่าคนสติไม่ดีอีก”
แจจุงฟังแล้วก็ได้แต่ถอนหายใจออกมา ดวงตากลมโตหันกลับไปจ้องร่างของซูยอนที่กำลังยืนเถียงกับผู้จัดการส่วนตัวของเธออยู่
และนี่ก็คืองานชิ้นแรกจริงๆ หลังจากที่เขาได้เลื่อนตำแหน่งใหม่
‘ไม่ต้องห่วงนะครับท่านประธาน ผมจะรีบปลาบผีศัลยกรรมตัวนี้ให้เร็วที่สุดเลย!’
TBC ^-----------^*
*******************************************************
Talk : )
สวัสดีค่ะทุกคนนนนนนนน
มุกมาแล้ววววววววว
มาดึกมากเลย เพราะป่วยค่ะ กลับจากทำงานมาก็ไม่มีแรงแล้ว เจอคำผิดตรงไหนบอกได้เลยนะคะ
ป่วยมาสามวันแล้ว ไม่ได้พักผ่อนสักทีเพราะต้องทำงาน TT
ขอให้ทุกคนอ่านกันให้สนุกนะคะ
ใครเล่นทวิต ถ้าอยากคุยหรือติดต่อสอบถามเรื่องฟิคก็เมนชั่นมาได้เลยค่ะ ฟิคเก่าๆ พอเหลืออยู่นิดนึง สอบถามมาได้
Twitter >>> http://twitter.com/@MMooKiiEE
E-mail >>> mookiie_jong@hotmail.com
ขอขอบคุณทุกๆ คนที่กดเข้ามาอ่านนะคะ
แล้วเจอกันใหม่ตอนหน้าค่ะ
^------------------------------^*
*******************************************************
ความคิดเห็น