ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [FIC] ☆--- Mystery Love ---☆ [TVXQ][YAOI]

    ลำดับตอนที่ #20 : ,,, Part 19 ,,, ตัวซวย

    • อัปเดตล่าสุด 17 มิ.ย. 57


    Title         :  Mystery Love
    Type        :  Long fiction
    Author      :  *..MooKiiE..*
    Category :  Comedy / Romance
    Paring      :  Yunho x Jaejoong / YooChun x JunSu
    Note         :  เรื่องนี้มุกได้แรงบันดาลใจมาจากซีรี่ส์เกาหลีเรื่อง The Master’s Sun นะคะ จึงทำให้เนื้อหาบางอย่างอาจคล้ายคลึงกันบ้าง

     

    *******************************************************

     

     

    ขอให้มีความสุขในการอ่านค่ะ และ

    อย่าลืมกดเป็นแฟนพันธุ์แท้ฟิคเรื่องนี้กันนะคะ ^^




    Part 19

     

                    ภายในห้องทำงานของผู้บริหารระดับสูงนั้นช่างเงียบสงบ แม้แต่เสียงของเครื่องปรับอากาศยังแทบจะไม่ส่งเสียงรบกวนให้ได้ยิน บนโต๊ะทำงานมีป้ายชื่อและตำแหน่งของคนๆ นี้ระบุเอาไว้อยู่

     

                    ชองยูริม ผู้อำนวยการฝ่ายประชาสัมพันธ์

     

                    เธอมีศักดิ์เป็นป้าของชองยุนโฮ และเพราะธุรกิจของครอบครัวที่มีอยู่มากมายทำให้เธอไม่ค่อยจะได้บินกลับมาที่เกาหลีสักเท่าไหร่นัก อีกทั้งห้างสรรพสินค้านี้ยังเป็นของพี่ชายเธอที่กำลังจะมอบให้หลานชายเพียงคนเดียวรับหน้าที่บริหารต่อ เธอก็ยิ่งหายห่วง เพราะเธอนั้นรู้ถึงความสามารถและมั่นใจในศักยภาพการทำงานของยุนโฮเป็นอย่างมาก

     

                    แต่เมื่อไม่นานมานี้ กลับมีข่าวลือบางอย่างที่ทำให้เธอเกิดความสนใจ มากขนาดทำให้เธอถึงกับเลื่อนทริปฉลองการแต่งงานครั้งที่สิบของเธอและสามีที่วางแพลนกันเอาไว้ว่าจะไปทัวร์ที่ยุโรปกันสักเดือนแล้วเปลี่ยนมาเป็นดินเนอร์ง่ายๆ ที่ร้านอาหารหรูๆ ในเกาหลีแทน

     

                    เรื่องของหลานชายเพียงคนเดียวของเธอ กับพนักงานที่มีนิสัยแปลกๆ เด็กที่ชื่อคิมแจจุงคนนั้น

     

                    “เลขาคิม”

                    และคนเดียวที่น่าจะพอให้คำตอบแก่เขาได้เป็นอย่างดี นอกเหนือจากชองยุนโฮแล้ว ก็น่าจะเป็นเลขาคิมคนนี้นี่แหละ

     

                    “ครับคุณยูริม”

     

                    “เด็กที่ชื่อคิมแจจุงคนนั้นเป็นใครกัน?

                    เธอถามออกมาด้วยสีหน้าและน้ำเสียงนิ่งๆ

     

                    เลขาคิมนิ่งค้างไปอยู่สักพักหนึ่ง ก่อนที่เขาจะเอ่ยปากตอบกลับไป

                    “เด็กคนนั้นเป็นพนักงานใหม่ที่นายน้อยเพิ่งจะเลื่อนขั้นให้ครับ”

     

                    “ผู้ช่วยคนพิเศษเด็กนั่นไม่เห็นจะดูพิเศษตรงไหน ออกจะดูแปลกๆ ไปเสียด้วยซ้ำ”

     

                    “อย่าห่วงไปเลยครับ คิมแจจุงเป็นคนดี”

     

                    “อย่างงั้นหรอ?

                    หญิงวัยกลางคนยกยิ้มที่มุมปาก ถึงแม้ว่าอายุของเธอจะมากแล้วแต่ความสวยของเธอก็ยังไม่เสื่อมคลายเพราะเงินที่มีสามารถรักษาให้มันยังคงสภาพดีได้อยู่

     

                    เลขาคิมเองก็ยกยิ้มบางๆ ขึ้นมาเช่นกัน

                    “คุณยูริมน่าจะรู้จักหลานชายของตัวเองดีนะครับ”

     

                    “หืม?

                    เธอเลิกคิ้วมองเลขาคิมเล็กน้อย

     

                    “นายน้อยมักทำในสิ่งที่เป็นประโยชน์ต่อเขาเสมอคุณอย่าห่วงไปเลยครับ”

     

                    “หมายความว่า

     

                    “การมีอยู่ของคิมแจจุงจะต้องมีประโยชน์ต่อคุณยุนโฮอย่างแน่นอน”

                    เลขาคิมพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่นเพราะความมั่นใจ

     

                โดยประโยชน์ในที่นี้ อาจจะสามารถวัดได้จากความรู้สึกของนายน้อยได้เพียงอย่างเดียวก็เป็นได้

    .

    .

    .

    .

    .

                วันนี้ตารางงานของยุนโฮไม่มีอะไรมาก ง่ายๆ ก็แค่ประชุมตั้งแต่เช้าจนถึงเที่ยงก็แค่นั้นเอง โดยที่คิมแจจุงเองก็ได้รับมอบหมายงานที่สำคัญมากๆ เช่นกัน ซึ่งนั่นก็คือ

                   

                    เตรียมอาหารกลางวันให้ท่านประธาน

     

                แหมะสำคัญเหลือเกิน งานใหญ่งานโต งานนี้ถ้าไม่มีเขาชองยุนโฮจะมีข้าวกลางวันกินมั้ยเนี่ย! แต่ก็ไม่เป็นไร แจจุงเต็มใจ แค่นี้ก็รู้สึกดีแล้ว เหมือนได้พัฒนาความสัมพันธ์ไปอีกเซนติเมตรนึง

     

                    ได้เตรียมอาหารให้คนที่ตัวเองชอบทาน

                แค่คิดก็ใจเต้นเร็วเสียแล้ว

     

                    หลังจากที่ทานอาหารกลางวันที่แจจุงเป็นคนเตรียมเอาไว้ให้เสร็จเรียบร้อยแล้ว ยุนโฮก็เรียกเลขาคิมเข้ามาคุยงานต่ออย่างทันที โดยให้แจจุงนั่งฟังสรุปคร่าวๆ ของงานที่เพิ่งจะประชุมจบไปเมื่อเช้านี้ด้วย เพราะยังไงซะคิมแจจุงก็ควรจะมีความรู้เกี่ยวกับงานของห้างนี่อยู่บ้าง ไม่ใช่ให้มานั่งปลาบผีไปวันๆ

     

                “ทีมงานได้ทำการสรุปมาแล้วนะครับว่าจะให้จองซูยอนมาถ่ายแบบภาพโปรโมตห้างเดอะคิงดอมเซ็ทล่าสุดให้กับเรา”

                    ยุนโฮอธิบายใจความสั้นๆ ของการประชุมนี้ให้กับคนทั้งสองฟัง

     

                    แจจุงฟังแล้วก็แอบขมวดคิ้วเล็กน้อย

                    ซูยอนอีกแล้ว สงสัยเธอคงจะดังมากจริงๆ ก็เธอทั้งสวย ฉลาดและหุ่นดี ใครๆ ก็พากันชื่นชม พูดแล้วก็อิจฉาจัง

     

                    “ธีมและคอนเซ็ปต์ต่างๆ ได้มีการพูดคุยกันเรียบร้อยแล้ว และเนื่องจากผมต้องการให้การโปรโมตครั้งนี้เป็นที่พูดถึง

                    ยุนโฮเอนหลังไปพิงพนักพิงเก้าอี้ด้วยท่าทางสบายๆ

     

                    “เพราะห้างไจแอนท์เลื่อนเปิดตัวในต้นเดือนหน้าใช่มั้ยครับ?

                    เลขาคิมถามออกไปตามข้อมูลที่ได้รู้มา ซึ่งก็ได้การตอบกลับจากยุนโฮเป็นการพยักหน้ารับเบาๆ

     

                    “ใช่ และเพราะอย่างงั้นผมจึงต้องรีบสร้างประเด็นเพื่อที่จะได้แย่งพื้นที่สื่อของห้างคู่แข่ง”

                    หรือจะพูดตรงๆ ก็คือเขาต้องการสร้างกระแสกลบข่าวของฝั่งคู่แข่งนั่นเอง

     

                    ทั้งแจจุงและเลขาคิมต่างก็พากันมองยุนโฮอย่างงงๆ

                    “เราจะต้องสร้างเสียงฮือฮา”

     

                    แจจุงพยักหน้าขึ้นลงเพราะเห็นด้วยกับคำพูดของยุนโฮ แต่อะไรล่ะที่จะสร้างเสียงฮือฮาแบบทอล์คออฟเดอะทาวน์

     

                    ดวงตาคมจ้องมองใบหน้าของคนทั้งสองสลับไปมา เขายกยิ้มที่มุมปากเล็กน้อยก่อนที่จะหันกลับไปจ้องสบตากับคิมแจจุง

                    “นายว่าฉันหน้าตาเป็นไง?

     

                    แจจุงที่เจอคำถามแบบนั้นก็ถึงกับผงะไปเลยทีเดียว ส่วนเลขาคิมที่ยืนอยู่ข้างกันก็แอบบกมือขึ้นมาปิดปากเพราะกลั้นอาการขำของตัวเองเอาไว้ไม่อยู่

     

                    “เอ่อ……

                    ใบ้รับประทานไปเลยคิมแจจุงเอ๋ย

     

                    “เอาใหม่ถามว่าฉันหล่อมั้ยดีกว่า?

     

                    คำถามนี้ง่ายขึ้นเยอะ แม้จะยังงงๆ มึนๆ อยู่แต่คิมแจจุงก็ตอบตามความรู้สึกของตัวเองออกไป

                    “หล่อครับ”

     

                หล่อมาก! หล่อใจละลายเลย!’

     

                    ยุนโฮพยักหน้ารับเบาๆ ก่อนที่จะหันกลับมาถามความเห็นจากเลขาคิมที่ยืนอยู่ข้างๆ

                    “แล้วเลขาคิมล่ะครับ? คุณคิดว่าผมเป็นยังไงบ้าง”

     

                    คนสูงอายุที่เห็นยุนโฮมาตั้งแต่เด็กๆ ยกยิ้มบาง

                    “นายน้อยหล่อมากกว่าดาราหรือนักร้องบางคนอีกครับ”

     

                    แจจุงเองก็พยักหน้าเห็นด้วยกับคำพูดของเลขาคิม ท่านประธานของเขาหล่อ สูง หุ่นดี รูปร่างสมส่วน ผิวเนียน ฉลาด แถมยังรวยอีกต่างหาก และเพราะมีคุณสมบัติดีขนาดนี้นี่ไง คิมแจจุงถึงต้องสู้สุดตัวเพื่อให้มายืนอยู่ตรงจุดนี้ให้ได้!

     

                    ยุนโฮยกยิ้มบางๆ หลังจากที่ได้รับฟังคำตอบที่น่าพอใจจากคนทั้งสอง

                    “แม้จะไม่อยากยอมรับนัก แต่ผมก็รู้สึกว่าตัวเองนั้นหน้าตาดีอยู่พอสมควร”

     

                    อู้ว~ ชองยุนโฮที่ดูนิ่งๆ ก็มีมุมหลงตัวเองเหมือนคนอื่นเขาเหมือนกันนะเนี่ย แจจุงคิดพร้อมกับแอบหัวเราะออกมาเบาๆ

                   

                    “หึหึ”

                    แต่เลขาคิมนี่ซิหัวเราะดังกว่าแจจุงอีก

     

                    ยุนโฮปรายสายตามองทั้งเลาขาคิมและคิมแจจุงที่พยายามกลั้นขำด้วยใบหน้าและดวงตานิ่งๆ

                    “อ่ะแฮ่ม!

     

                    ซึ่งพอคนร่างสูงกระแอมทีเดียวทั้งสองคนก็หยุดหัวเราะได้อย่างทันที แต่ก็ต้องพยายามกลั้นกันอย่างเต็มที่เพราะดวงตาคมที่จ้องมองมานั้นมันน่ากลัวน้อยเสียที่ไหน

     

                    ยุนโฮยังคงมีสีหน้าเรียบเฉย แต่ใครจะรู้ว่าในความรู้สึกลึกๆ แล้วเขาเองก็อายในคำพูดนั้นของตนเองอยู่เหมือนกัน แต่ถ้าแสดงท่าทีอะไรออกไป สองคนนี้ก็รู้หมดซิว่าเขาน่ะเขิน

     

                    “แล้วนายน้อยมีแผนที่จะดึงให้สื่อมาสนใจเรายังไงครับ?

                    เลขาคิมที่ตั้งสติได้อย่างรวดเร็วรีบเอ่ยปากสอบถามเรื่องงานต่ออย่างทันที

     

                    แจจุงที่ยืนอยู่ข้างๆ ก็แอบขมวดคิ้วสงสัยด้วยอยู่เหมือนกัน ข่าวห้างสรรพสินค้าเปิดใหม่น่าจะทำให้นักข่าวเทความสนใจไปที่นั่นได้มากพอสมควร แล้วข่าวอะไรล่ะที่เราจะสามารถดึงให้นักข่าวหันมาให้ความสนใจในห้างเดอะคิงดอมได้

     

                    “เราจะเอาอะไรไปสู้กับข่าวของฝั่งนั้นครับ?

                    เลขาคิมถามต่อ

     

                    ยุนโฮยกยิ้มที่มุมปาก ซึ่งรอยยิ้มนั่นทำเอาแจจุงเกือบคลั่งละลายลงไปกองกับพื้น

                    “ถ้าผมไปถ่ายแบบ พวกคุณคิดว่าจะมีคนสนใจมั้ย?

     

                    ทั้งเลขาคิมและแจจุงต่างก็พยักหน้าขึ้นลงเร็วๆ ด้วยกันทั้งคู่

                    “สนใจแน่นอนอยู่แล้วครับ”

     

                    “แล้วถ้าผม……..

                    ยุนโฮเว้นจังหวะไปสักพักหนึ่ง ดวงตาคมมองใบหน้าของแจจุงและเลาขาคิมสลับกันไปมา

     

                    “ถ่ายแบบโปรโมตห้างเดอะคิงดอมคู่กับซูยอน พวกคุณคิดว่าสื่อจะสนใจมากขนาดไหนกันล่ะครับ?

     

                    หลังจากที่ได้ยินคำพูดของยุนโฮ แจจุงก็ขมวดคิ้วทำหน้ายุ่งอย่างทันที สื่อจะสนใจรึป่าวไม่รู้ รู้แต่ว่าตอนนี้คิมแจจุงสนใจมากเลยล่ะ!

                ‘ทำไมท่านประธานของเขาต้องไปถ่ายแบบคู่กับผู้หญิงคนอื่นด้วยเล่า!’

     

                สนใจรับคิมแจจุงไปประกอบฉากมั้ย?

    .

    .

    .

    .

    .

                จุนซูมาฝึกงานตามปกติ แต่ที่ไม่ปกติคือความรู้สึกของตัวเองที่ตีกันวุ่นไปมาอยู่ในหัวสมองซึ่งเรื่องมันก็เกิดขึ้นหลังจากเมื่อวานนี้ที่พี่แจจุงหายตัวไปนั่นแหละ ตอนแรกเขาก็มัวแต่วุ่นวายใจเรื่องของพี่แจจุงอยู่อ่ะนะ แต่พอโดนปาร์คยูชอนขโมยกอดเท่านั้นแหละ ยอมรับเลยว่าเขาเกือบจะลืมเรื่องของพี่แจจุงไปเสียแล้ว และก็หันมาโมโหไอ้หน้าหนูแทนที่บังอาจมาลวนลามเขา! แต่นอกจากความรู้สึกโกรธแล้ว มันยังมีความรู้สึกอื่นแอบแฝงอยู่ด้วยนี่น่ะซิ ซึ่งมันก็เป็นความรู้สึกที่ทำให้จุนซูต้องมาแอบเครียดอยู่ในตอนนี้นั่นเอง

     

                    เขาแอบใจเต้นให้กับอ้อมกอดของปาร์คยูชอน

                ซึ่งความรู้สึกแบบนี้มันไม่สมควรที่จะเกิดขึ้นเลย!

     

                ‘แต่มันก็ดันเกิดขึ้นไปแล้ว ให้ตายซิ!’

     

                    “ต้องรีบหาทางแก้ไข!!

                    ใช่นั่นคือสิ่งที่จุนซูคิดได้ในตอนนี้

     

                    แต่ดูเหมือนว่าปาร์คยูชอนไม่ค่อยจะให้ความร่วมมือกับเขาสักเท่าไหร่นัก เพราะเพียงแค่คิดถึงหมอนั่น ร่างของปาร์คยูชอนก็เดินฉีกยิ้มกว้างเข้ามาทักทายพนักงานในแผนกฟร้อนเสียแล้ว และแน่นอนว่าหมอนั่นไม่ได้มีเจตนาลงมาตรวจงานเพียงอย่างเดียวเท่านั้นแน่ เพราะเป้าหมายที่แท้จริงของการลงมาที่ฟร้อนของคนร่างสูงมักจบลงด้วยการ

     

                    “นักศึกษาฝึกงานคิมจุนซู หลังเลิกงานแล้วขึ้นไปพบผมที่ห้องทำงานด้วยนะครับ”

                    พูดด้วยรอยยิ้มบาง ก่อนที่จะเดินจากไป ทิ้งให้คิมจุนซูต้องรับศึกหนักจากพี่ๆ ร่วมแผนกที่จ้องมองมาที่เขาเป็นตาเดียวด้วยแววตาสงสัยที่ปิดเอาไว้ไม่มิด ไหนจะรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ของพี่จินฮีที่ยกยิ้มแปลกๆ ในตอนที่มองมาที่เขาอีก

     

                พวกพี่มองผมด้วยสายตาแบบนั้นหมายความว่ายังไงกันครับ?’

     

                    “เดี๋ยวนี้คุณยูชอนขยันแวะมาตรวจที่ฟร้อนบ๊อย~บ่อยเนอะ เธอว่ามั้ย?

                    พี่พนักงานสาวสวยคนหนึ่งพูดเปิดประเด็นขึ้นมาเป็นคนแรก

     

                    “ก่อนหน้านี้ไม่เห็นจะเคยมาเลยเนอะ”

                    พี่อีกคนก็รีบรับช่วงต่ออย่างทันที

     

                    “ก็แหมพวกเธอก็น่าจะรู้นี่นาว่าเป็นเพราะใคร”

                    พี่จินฮีเองก็ร่วมไปกับเขาด้วย และพอพี่จินฮีพูดจบ พี่ๆ ทุกคนก็พากันหัวเราะคิกคักและหันกลับมาจ้องมองจุนซูด้วยสายตากรุ้มกริ่ม

     

                    จุนซูทำหน้างง เขาเลิกคิ้วขึ้นพร้อมกับเอ่ยปากถามพวกพี่ๆ ออกไป

                    “มองหน้าผมกันทำไมครับ?

     

                    จินฮีหัวเราะออกมาเบาๆ ก่อนที่เธอจะเอ่ยปากถามในสิ่งที่เธอได้ยินมากับจุนซู

                    “อย่าว่าอย่างงั้นอย่างงี้เลยนะจุนซู พอดีพี่ไปได้ยินเรื่องอะไรมาน่ะ ก็เลยอยากจะถามเราหน่อยจะได้มั้ย?

     

                    “ครับ?

                    จุนซูมองหน้าพี่จินฮีและพี่คนอื่นๆ ที่กำลังจ้องมองมาที่เขาด้วยความอยากรู้

     

                    “คือถ้าไม่สะดวกใจก็ไม่ต้องตอบก็ได้นะ”

                    เพราะเรื่องที่พวกเธอได้ยินมามันก็ค่อนข้างที่จะเป็นเรื่องส่วนตัวอยู่ไม่น้อย

     

                    จุนซูแอบขมวดคิ้วเล็กน้อย พี่ๆ ไปได้ยินเรื่องอะไรมาอย่างงั้นหรอ? แล้วเรื่องนั้นก็เป็นเรื่องที่เกี่ยวกับเขาเสียด้วยซิ แม้แต่พี่จินฮีที่ดูจะเป็นผู้ใหญ่ที่สุดยังเก็บความสงสัยนั้นเอาไว้ไม่ได้เลย เขาเองก็ชักจะอยากรู้ซะแล้วซิว่าเรื่องนี้มันคือเรื่องอะไร

     

                    อ๊ะ! ตาขวากระตุกอีกแล้ว นั่นไง ลางสังหรณ์เริ่มทำงานแล้วคิมจุนซูเอ๋ย ตาขวากระตุกทีไรความซวยตัวเท่าควายก็พุ่งเข้ามาชนอย่างทันที

     

                และทุกๆ ความซวยที่เขาได้พบเจอนั้น

                ก็ล้วนแต่เกิดจากปาร์คยูชอนด้วยกันทั้งสิ้น

     

                    “เอ่อถามมาเถอะครับ ถ้าผมตอบได้ก็จะตอบ”

     

                    จินฮียิ้มแหยๆ เธอเงียบไปสักพักหนึ่งก่อนที่จะเอ่ยปากถามในสิ่งที่ตัวเองและเพื่อนๆ ร่วมงานอยากรู้ออกไป

                    “คุณยูชอนกับจุนซูกำลังคบกันอยู่ใช่มั้ย?

     

                    “ห๊ะ?

                    แค่ได้ยินจุนซูก็ถึงกับตาโตและเผลอส่งเสียงดังออกมาด้วยความตกใจ อะไรนะ เมื่อกี้เหมือนหูเขาจะฝาดไป นั่นซิ ต้องได้ยินผิดไปแน่ๆ พี่จินฮีไม่น่าจะถามอะไรแบบนั้นออกมาหรอก!

                                   

                    “คุณยูชอนกับจุนซูเป็นแฟนกันใช่มั้ยจ๊ะ?

     

                    ชัดเลย หูเขาไม่ได้ฝาด ตาขวาเขานี่ก็กระตุกถี่จริง!

                    “อ่ะ….. เอ่ออออ”

     

                    “คุณอินยองกับคุณยูราเป็นคนบอกพวกเราเองแหละจ๊ะ แต่พวกพี่ก็ไม่แน่ใจ เลยคิดว่าจะมาถามจุนซูเองจะดีกว่า”

                    พี่พนักงานที่ยืนอยู่ข้างหลังพี่จินฮีพูดขึ้นมา ตอนแรกเธอก็แอบอิจฉาและหมั่นไส้เด็กคนนี้อยู่อ่ะนะ แต่ความน่ารักและนิสัยที่แท้จริงของเจ้าตัวก็ทำให้เธออดที่จะเอ็นดูคิมจุนซูไม่ได้

     

                    จุนซูที่ยังคงช็อคอยู่ได้แต่ยืนมองพี่ๆ ผู้หญิงตาปริบๆ

     

                    “ได้ข่าวว่าคุณยูชอนพาไปทานข้าวด้วยกันแล้วก็เปิดตัวในวันนั้นเลยใช่มั้ย? จุนซูนี่น่าอิจฉาจังเลยเนอะ”

                    พี่โซฮีพนักงานคนสวยเอ่ยแทรกขึ้นมา

     

                    จุนซูที่เพิ่งจะได้สติ เข้าใจถึงต้นเหตุของเรื่องนี้ขึ้นมาได้อย่างทันที นัดทานข้าว เปิดตัวแฟน ชัดเลย เรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อวันนั้นนั่นเอง

     

                    ไม่คิดเลยว่าเรื่องวันนั้น จะสร้างความซวยในวันนี้ให้แก่เขา!!

     

                ‘ปาร์คยูชอน!!! ไอ้หน้าหนู มาแก้ข่าวให้ฉันเดี๋ยวนี้เลย!’

                ตั้งแต่รู้จักกับหมอนี่มาชีวิตของคิมจุนซูเหมือนโดนราหูเข้าครอบงำ ความซวยมาเยือนชีวิตอยู่แทบทุกวัน ทุกคน! ลุกขึ้นปรบมือให้กับผู้นำพาความโชคร้ายมาให้เขาหน่อยเร็ว

     

                    ปาร์คยูชอนผู้สนับสนุนความซวยหลักในชีวิตของคิมจุนซู

    .

    .

    .

    .

    .

                    วันนี้เป็นวันที่จองซูยอนจะต้องเข้ามาวัดตัวเพื่อที่จะได้นำไปจัดเตรียมเสื้อผ้าสำหรับถ่ายแบบให้กับห้างสรรพสินค้าเดอะคิงดอม ซึ่งแจจุงก็ต้องมาดูแลงานนี้ด้วยเพราะยุนโฮและเลขาคิมติดประชุม ซึ่งเดี๋ยวพวกเขาจะตามมาทีหลัง ดังนั้นหน้าที่ดูแลดาราคนสวยจึงต้องตกเป็นของแจจุงไปตามระเบียบ

     

                    แจจุงนั่งอ่านนิตยสารรอการมาถึงของดาราสาวอยู่ในห้องรับรองที่ถูกเนรมิตให้เป็นห้องวัดตัวชั่วคราว มีทีมงานและดีไซเนอร์ที่ดูแลเรื่องเสื้อผ้าของการถ่ายแบบครั้งนี้อยู่ด้วยประมาณห้าหกคน

     

                    “คุณซูยอนมาแล้วค่ะ”

                    พนักงานคนหนึ่งเปิดประตูเข้ามาบอกทีมงานภายในห้อง ซึ่งพอได้ยินดังนั้นทุกคนต่างก็พากันมายืนรอต้อนรับนักร้องสาวอย่างกระตือรือร้น แจจุงเองก็เช่นกัน เขายืนรอเธออยู่ที่หน้าประตูรวมกับทีมงานคนอื่นๆ

     

                    เพียงไม่นานบานประตูก็ถูกเปิดออกพร้อมกับการปรากฏตัวของหญิงสาวคนสวยและผู้จัดการของเธอ

     

                    “สวัสดีค่ะทุกคน วันนี้ก็ขอฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะคะ”

                    ซูยอนพูดขึ้นมาด้วยรอยยิ้มก่อนที่จะก้มโค้งตัวเล็กน้อยเพื่อเป็นการทักทาย

     

                    ทีมงานทุกคนต่างก็พากันฉีกยิ้มแล้วกรูเข้าไปหาศิลปินคนสวยอย่างทันที แจจุงที่มีหน้าที่แค่คอยดูแลการทำงานในครั้งนี้ก็ได้แต่ยืนเฉยๆ ดวงตากลมโตมองหญิงสาวที่กำลังฉีกยิ้มและพูดคุยกับทีมงานอย่างเป็นกันเองอย่างนึกอิจฉา เพราะเธอทั้งสวย หุ่นดี และโด่งดัง เป็นที่ต้องการของใครหลายๆ คน แต่สิ่งอื่นใดที่ทำให้แจจุงรู้สึกอิจฉาเธอนั้น คือเรื่อง

                   

                    การที่เธอได้ถ่ายแบบคู่กับชองยุนโฮท่านประธานของเขานั่นเอง

     

                    ซูยอนที่กำลังจะเดินไปวัดตัวที่หน้ากระจกหันมามองแจจุงแว๊บนึง เธอยกยิ้มบางๆ ให้แก่เขาซึ่งนั่นก็ทำเอาแจจุงถึงกับเขินไปเลยทีเดียว แจจุงแอบมองการทำงานของพวกทีมงานอยู่ห่างๆ หญิงสาวยืนกางแขนให้ดีไซเนอร์ได้วัดตัว ใบหน้าของเธอมีความอ่อนล้า

     

                    แจจุงขมวดคิ้ว ไม่รู้ว่าเขาคิดมากไปเองมั้ย แต่ทำไมเขารู้สึกว่าซูยอนนั้นแปลกๆ เหมือนมีเงามืดอะไรสักอย่างแผ่กระจายออกมาจากตัวเธอ เขาสะบัดหัวไปมาเบาๆ เพื่อไล่ความคิดแปลกๆ ของตัวเองนั้น

                    “สงสัยจะคิดมากไปเอง”

     

                    การทำงานดำเนินไปได้สักพักหนึ่ง ทีมงานนำชุดที่ได้จัดเตรียมเอาไว้แล้วมาให้หญิงสาวได้ลองสวมใส่ดู เธอเข้าไปเปลี่ยนในห้องแต่งตัวอยู่สักพักหนึ่งก่อนที่จะเดินออกมาให้ทีมงานได้ช่วยกันตรวจสอบอีกครั้งที่หน้ากระจกบานใหญ่

     

                    และในตอนที่แจจุงกำลังยืนมองคนสวยอย่างชื่นชมอยู่นั่นเอง อยู่ๆ ดวงตาของเขาก็เหลือบไปเห็นเงาของใครบางคนในกระจกเงานั่นเสียก่อน

     

                    ขนอ่อนของคนตัวเล็กพากันรุกตั้งฝืนแรงโน้มถ่วงโลก ซึ่งมันก็เป็นสัญญาณบอกเขาได้เป็นอย่างดีเลยว่าสิ่งที่ตัวเองเจอนั้นไม่ใช่มนุษย์

     

                    แจจุงกลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่ พยายามตั้งสติแม้จะหวาดกลัวมากแค่ไหนก็ตาม เขาเพ่งมองไปที่เงาในกระจกที่ไม่ได้มีเงาของซูยอนแต่เพียงคนเดียว แต่กลับมาเงาของผู้ชายคนหนึ่งที่หน้าตาดูหน้ากลัว เขามีใบหน้าสีขาววอกลอยเหมือนสวมหน้ากากอยู่ ดวงตาทั้งสองข้างของเขามีสีดำไปทั่วทั้งหนังตาและรอบดวงตา ทาปากสีแดงเลือดนก ชายคนนั้นสวมชุดสีขาว ลักษณะเหมือนเป็นกระโปรงชุดยาวๆ ผมของเขายาวประบ่า หยิกและฟูคล้ายรังนก

     

                    เขาดูเหมือนตัวตลกโจ๊กเกอร์ แต่หน้าตาของเขานั้นช่างน่ากลัวจนชวนขนลุกเชียวล่ะ

     

                    “ผีตนนั้น….. ทำไม……. ถึงมองคุณซูยอนแบบนั้น?

                    แจจุงพึมพำกับตนเองเบาๆ เขาแอบมองผีโจ๊กเกอร์โหดนั่นอยู่ห่างๆ

     

                    “เหมือนเขาจะพูดอะไรบางอย่าง”

                    แจจุงเพ่งมองไปที่ปากของผีตนนั้น เขาพยายามอ่านปากเพื่อที่จะได้รู้ในสิ่งที่ผีตัวตลกนั่นพูด

     

                    ผีผู้ชายตนนั้นยกยิ้มที่มุมปากอย่างน่ากลัว ดวงตาของเขาจ้องมองไปที่ซูยอนที่มีสีหน้าอ่อนล้า ก่อนที่เขาจะเคลื่อนตัวไปอยู่ข้างๆ เธอ ใบหน้าขาวๆ นั่นโน้มลงไปอยู่ที่ข้างหูของนักร้องคนสวย ก่อนที่จะกระซิบบางสิ่งบางอย่างกรอกใส่หูของเธอไปเรื่อยๆ แบบนั้นซ้ำๆ

     

                    “มากกว่านี้……. เธอต้องสวยให้มากกว่านี้”

     

                    แจจุงขมวดคิ้วในตอนที่เขาสามารถแกะคำพูดของผีตนนั้นได้ และเมื่อซูยอนโดนผีตนนั้นพูดกรอกหูใส่มากขึ้นเรื่อยๆ ออร่าสีดำที่แผ่กระจายอยู่รอบตัวเธอก็ใหญ่ขึ้นและเห็นเด่นชัดมากขึ้นไปอีก

     

                    ซูยอนมองเงาตัวเองที่สะท้อนอยู่ในกระจกบานใหญ่ เธอจ้องมองอยู่นานก่อนที่จะขมวดคิ้วและหันหันกลับมามองบรรดาทีมงานและผู้จัดการส่วนตัวของเธอ

                    “พี่คะ ชั้นว่าชุดนี้มันดูเรียบไป”

     

                    “หืม?

                    ทุกคนต่างกันทำหน้างงหลังจากที่ได้ยินคำพูดของนักร้องคนสวย ทั้งแจจุงและทีมงานต่างก็พากันกวาดสายตามองชุดที่หญิงสาวสวมใส่ด้วยกันทั้งหมด พร้อมกับมีคำถามที่เกิดขึ้นอยู่ในใจ

     

                ชุดสีสันฉูดฉาด ที่เว้าหน้าแหวกหลังและรัดรูปซะขนาดนั้นเนี่ยนะเรียกว่าเรียบไป

                    แจจุงได้แต่ขมวดคิ้วมองด้วยความสงสัย

     

                    “ชั้นอยากได้กระโปรงขนนก และก็เอาขนนกและดอกไม้หลายๆ ดอกมาติดบนหัวด้วย”

     

                    “ห๊ะ??

                    ทีมงาน โดยเฉพาะดีไซเนอร์ถึงกับร้องเสียงหลง นั่นมันชุดบ้าอะไรวะนั่น!

     

                    “พี่จินอาคะ? หลังจากที่ลองชุดเสร็จแล้วพาฉันไปโรงพยาบาลหน่อยนะคะ”

                    เธอหันมาพูดกับพี่ผู้จัดการส่วนตัวที่ยืนทำหน้าเหวอเหมือนกับทีมงานคนอื่นๆ

     

                    “เอ๋? ไปทำไมหรอ หรือเธอรู้สึกเหมือนว่าจะไม่สบาย?

     

                    ซูยอนยกยิ้ม ผีผู้ชายตนนั้นยังคงพูดกรอกหูเธอต่อไปเรื่อยๆ ด้วยน้ำเสียงนิ่งๆ

     

                    “มากกว่านี้……. เธอต้องสวย….ให้มากกว่านี้”

                “เธอ ต้องสวยกว่าใคร……. ต้องสวยกว่าทุกๆ คน มากขึ้น…….. มากขึ้น”

                   

                    “ไม่ค่ะ ฉันไม่ได้ป่วย”

     

                    ทุกๆ คนที่อยู่ในห้องนั่นถึงกับขมวดคิ้วและจ้องมองหญิงสวยคนสวยด้วยความงง แจจุงเองก็งงเช่นกัน แต่พอจะรู้สาเหตุที่ทำให้นักร้องคนสวยมีอาการแปลกๆ เช่นนี้แล้ว คงจะเป็นเพราะผีตัวตลกที่ยืนกระซิบอะไรบางอย่างอยู่ข้างเธอแน่ๆ

     

                    และคำพูดต่อมาของซูยอนก็ทำเอาทุกคนในห้องถึงกับอุทานออกมาเป็นเสียงเดียวกัน

                    “แต่ฉันจะไปทำศัลยกรรมเพิ่มต่างหากล่ะ”

     

                    แจจุงรีบหันหน้ากลับไปจ้องมองผีผู้ชายตนนั้นอย่างทันที เขายกยิ้มพึงใจหลังจากที่ได้ยินคำพูดนั้นของซูยอน แจจุงขมวดคิ้วพร้อมกับทำหน้ายุ่ง ผีตนนี้แปลกเกินไป เขาไม่เคยเจอผีแปลกๆ แบบนี้ แปลกจนไม่รู้ว่าเขาควรจะรับมือหรือช่วยเหลือซูยอนให้หลุดรอดจากการคลอบงำของผีตนนี้ได้อย่างไรดี

     

                    และถ้าเขาปล่อยให้ผีตนนี้เป่าหูซูยอนต่อไปเรื่อยๆ เรื่องคงเลวร้ายขึ้น และมันอาจจะส่งผลกระทบต่อการถ่ายแบบโปรโมตห้างเดอะคิงดอมนี้ด้วยก็ได้

     

                ไม่ได้ๆ เขาจะทำให้ยุนโฮเดือดร้อนไม่ได้

                    ต้องใช้ความสามารถพิเศษของเราจัดการปัญหานี้ให้จบลงโดยเร็วที่สุด!

     

                    “และนี่มันผีอะไรกันวะเนี่ย!

                    แจจุงบ่นออกมาอย่างหัวเสีย

     

                    และถึงแม้จะไม่ได้เป็นคำถามที่ต้องการคำตอบ แต่ก็ยังมีผีใจดีมาช่วยตอบให้อีกต่างหาก ซึ่งผีที่ว่านั่นก็ไม่ใช่ผีตัวอื่นใด ผีชิมชางมินที่หายหน้าหายตาไปนานนั่นเอง

     

                    ชางมินปรากฏตัวขึ้นมาตรงหน้าของแจจุง คนตัวเล็กดูจะตกใจและดีใจอยู่ไม่น้อยที่ได้พบเจอผีสุดกวนตนนี้อีกครั้ง

                    “ชางมิน! นี่นายหายไปไหนมาตั้งหลายวันน่ะ โอ๊ย! หายไปนานจนฉันนึกว่านายไปเกิดแล้วซะอีก”

     

                    “ตลกละๆ ผมไปเกิดได้ที่ไหนล่ะ!

     

                    แจจุงฉีกยิ้มกว้าง เพราะเขามัวแต่ดีใจที่เจอชางมินจนเกือบจะลืมเรื่องผีผู้ชายที่คอยตามซูยอนเหมือนเป็นเงาตนนั้นไปเลย

                    “คิดถึงจัง”

     

                    “ไม่ต้องมาอ่อย ผมไม่โง่ไปชอบพี่หรอก”

     

                    “อ่อยที่ไหนเล่า!

                    แจจุงทำปากยู่

     

                    “หยุดเลยๆ นี่ลืมไปแล้วรึไงว่าตัวเองกำลังทำงานอยู่น่ะ”

                    ชางมินเอ่ยเตือนสติ

     

                    “โอ๊ะ! จริงด้วย”

     

                    “นี่ผมรู้ด้วยแหละว่าผีตนนั้นน่ะ เป็นผีอะไร”

                    ชางมินพูดขึ้นมาพร้อมกับยกยิ้มที่มุมปาก

     

                    “จริงหรอ? บอกพี่หน่อยซิ เกิดมาก็เพิ่งเคยเจอผีหน้าตาประหลาดๆ แบบนั้นครั้งแรก”

     

                    ชางมินหันกลับไปมองผีตัวตลกตนนั้นเล็กน้อย แน่นอนว่าชิมชางมินไม่เคยทำอะไรโดยไม่หวังของกินเป็นสิ่งตอบแทน

                    “อยากกินอุด้งจัง”

     

                    “จัดให้ตามคำขอ รีบๆ บอกมาเลย!

                   

                    “ผีตนนั้นน่ะ…….

     

                    “เขาเรียกว่าผีเสพย์ติดความสวยงาม”

     

                    ตั้งแต่เจอผีมาหลายปีก็เพิ่งรู้ว่ามันมีผีประเภทนี้ด้วยนี่แหละ คิมแจจุงล่ะปวดหัว อยากกลับไปใช้ชีวิตปกติเร็วๆ เสียจริง!

     

                    “มันจะคอยเป่าหูให้พวกผู้หญิงอยากสวยมากขึ้นเรื่อยๆ อยากไปทำศัลยกรรม แต่งตัวมากขึ้นๆ จนกลายเป็นเหมือนนกแก้ว”

     

                    “ถ้าฉันไม่ช่วยคุณซูยอน เธอก็จะกลายเป็นนกแก้วใช่มั้ย?

     

                    “แน่นอน ผีตนนั้นจะทำให้เธอแต่งตัวหนักยิ่งกว่าคนสติไม่ดีอีก”

     

                    แจจุงฟังแล้วก็ได้แต่ถอนหายใจออกมา ดวงตากลมโตหันกลับไปจ้องร่างของซูยอนที่กำลังยืนเถียงกับผู้จัดการส่วนตัวของเธออยู่

     

                    และนี่ก็คืองานชิ้นแรกจริงๆ หลังจากที่เขาได้เลื่อนตำแหน่งใหม่

                ไม่ต้องห่วงนะครับท่านประธาน ผมจะรีบปลาบผีศัลยกรรมตัวนี้ให้เร็วที่สุดเลย!’

                   

     

    TBC ^-----------^*

     

     

    *******************************************************

     Talk : )

     

    สวัสดีค่ะทุกคนนนนนนนน
    มุกมาแล้ววววววววว
    มาดึกมากเลย เพราะป่วยค่ะ กลับจากทำงานมาก็ไม่มีแรงแล้ว เจอคำผิดตรงไหนบอกได้เลยนะคะ
    ป่วยมาสามวันแล้ว ไม่ได้พักผ่อนสักทีเพราะต้องทำงาน TT
    ขอให้ทุกคนอ่านกันให้สนุกนะคะ

    ใครเล่นทวิต ถ้าอยากคุยหรือติดต่อสอบถามเรื่องฟิคก็เมนชั่นมาได้เลยค่ะ ฟิคเก่าๆ พอเหลืออยู่นิดนึง สอบถามมาได้
    Twitter >>> http://twitter.com/@MMooKiiEE  
    E-mail >>> mookiie_jong@hotmail.com

    ขอขอบคุณทุกๆ คนที่กดเข้ามาอ่านนะคะ
    แล้วเจอกันใหม่ตอนหน้าค่ะ

    ^------------------------------^*

     

    *******************************************************

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×