คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #17 : ,,, Part 16 ,,, จอมวุ่นวาย... คิมแจจุง
Title : Mystery Love
Type : Long fiction
Author : *..MooKiiE..*
Category : Comedy / Romance
Paring : Yunho x Jaejoong / YooChun x JunSu
Note : เรื่องนี้มุกได้แรงบันดาลใจมาจากซีรี่ส์เกาหลีเรื่อง The Master’s Sun นะคะ จึงทำให้เนื้อหาบางอย่างอาจคล้ายคลึงกันบ้าง
*******************************************************
ขอให้มีความสุขในการอ่านค่ะ และ
อย่าลืมกดเป็นแฟนพันธุ์แท้ฟิคเรื่องนี้กันนะคะ ^^
Part 16
งานแถลงข่าวเปิดตัวแบรนด์เสื้อผ้าสุดหรูที่เพิ่งจะมาเปิดช็อปในห้างสรรพสินค้าเดอะคิงดอมถูกจัดอย่างอลังการให้สมกับชื่อแบรนด์ระดับโลก ทั้งสื่อมวลชน ดารานักร้องและเซเลบริตี้ชื่อดังของเกาหลีต่างก็พากันมาร่วมงานนี้กันอย่างคับคั่ง แสงแฟลชถูกยิงระรัวไปที่พรีเซ็นเตอร์สาวสวยของงานหลังจากที่เธอปรากฏตัวที่พรมแดง นักร้องสาวแนวหน้าของประเทศเกาหลีที่กำลังโด่งดังอยู่ในตอนนี้ ด้วยรูปโฉมที่ดูสวยสง่าและเพราะความที่เธอเติบโตมาจากอเมริกาจึงทำให้ลุคของเธอนั้นดูอินเตอร์ตามไปด้วย ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมเธอถึงได้ถูกเลือกมาเป็นพรีเซ็นเตอร์คนแรกให้กับแบรนด์เสื้อผ้าดังๆ แบบนี้ และชื่อของเธอก็คือ… จอง ซูยอน
สถานที่รอบๆ งานถูกตกแต่งด้วยธีมสีทองและสีดำตามคอนเซปต์ของแบรนด์ เสียงเพลงที่เปิดคลออยู่ภายในงานก็เป็นเพลงที่เข้ากับสถานที่อยู่ไม่น้อย
แจจุงที่ยืนอยู่ข้างๆ เลขาคิมมองดูบรรยากาศรอบๆ งานอย่างตื่นตาตื่นใจ นี่เป็นครั้งแรกที่เขาเคยได้มีโอกาสมาอยู่ในงานแบบนี้ คนตัวเล็กดูจะตื่นตาตื่นใจไปกับทุกๆ สิ่งรอบๆ ตัวเหมือนเด็กๆ ดวงตากลมโตนั้นเป็นประกายระยิบระยับ
ยุนโฮที่ยืนอยู่ข้างๆ เองก็ยังสามารถรับรู้ได้ถึงอาการตื่นเต้นเป็นเด็กๆ ของแจจุงได้ แม้จะรู้สึกเอ็นดู แต่ปากกลับพูดออกไปอีกอย่าง
“ทำตัวเหมือนบ้านนอกเข้าเมือง”
แจจุงที่กำลังตื่นตาตื่นใจกับแสงสีเสียงถึงกับหงอยลงไปอย่างทันที เขาก้มหัวขอโทษ
“ขอโทษฮะ”
ยุนโฮที่เห็นว่าคนตัวเล็กดูจะนิ่งไปก็อดที่จะรู้สึกผิดขึ้นมานิดๆ อย่างเสียไม่ได้ แต่ในเมื่อคำพูดมันได้ถูกพูดออกไปแล้ว เขาก็คงจะกลับไปแก้ไขอะไรไม่ได้
เลขาคิมที่ยืนอยู่ข้างกันเห็นบรรยากาศที่เริ่มจะอึมครึมแปลกๆ จึงรีบเอ่ยปากรีบเปลี่ยนเรื่อง
“นายน้อยครับ อีกสิบนาทีคุณจะต้องไปถ่ายรูปร่วมกับคุณลีและคุณซูยอนที่ป้ายแบ็คดร๊อปนะครับ”
ยุนโฮไม่ตอบเขาเพียงแค่พยักหน้ารับเบาๆ ก่อนที่ดวงตาคมจะปรายสายตามองคิมแจจุงที่ยืนตัวลีบอยู่ข้างๆ เลขาคิม
‘แค่โดนเขาดุนิดหน่อยก็หงอยเป็นเด็กๆ ซะแล้ว’
“คิมแจจุง”
ยุนโฮเอ่ยเรียกคนตัวเล็กด้วยน้ำเสียงนิ่งๆ
แจจุงจำใจต้องเงยหน้าขึ้นมามองคนที่สูงกว่าก่อนที่จะตอบรับกลับไป
“ครับ?”
“ไปหาอะไรกินซะซิ”
ยุนโฮยังคงพูดต่อด้วยน้ำเสียงและสีหน้านิ่งๆ
“เอ๋?”
“ไปหาอะไรกินซะ ตักอาหารเสร็จแล้วก็ไปนั่งรอฉันที่โต๊ะหน้าเวที เดี๋ยวฉันกับเลขาคิมจะตามไปทีหลัง เข้าใจที่สั่งมั้ย?”
ยุนโฮออกคำสั่งศัพท์
“เข้าใจครับ”
“รู้แล้วก็ไปซะ”
“ครับ”
แจจุงตอบรับเบาๆ ก่อนที่จะกลับหลังหันแล้วมุ่งตรงไปที่โต๊ะบุฟเฟ่ต์ที่เต็มไปด้วยอาหารนานาชาติมากมายหลายชาติให้เขาได้เลือกสรร ดวงตากลมโตที่เคยหมองลงเมื่อไม่กี่นาทีนี้กลับมาเป็นประกายสดใสอีกครั้ง ของกินที่วางอยู่ตรงหน้าทำให้คนตัวเล็กกลับมาอารมณ์ดีเหมือนอย่างเคย แจจุงฉีกยิ้มไปมาก่อนที่จะแอบขมวดคิ้วเล็กน้อยในตอนที่คิดอะไรบางอย่างได้
“มีแต่ของน่ากินทั้งนั้นเลยอ่ะ อยากเอาไปฝากจุนซูด้วยจัง”
เสียดายที่เขาไม่ได้พกกล่องข้าวมาด้วย
“ไม่เป็นไร! เดี๋ยวพี่กินเผื่อเราเองนะน้องรัก!”
แจจุงพูดอย่างอารมณ์ดีก่อนที่จะเดินไปหยิบอุปกรณ์ต่างๆ มาแล้วพร้อมลุยกับอาหารที่วางอยู่ตรงหน้าอย่างมีความสุข
‘ถ้าพี่ขอกล่องโฟมเขามาได้ พี่จะห่อไปให้นะจุนซู’
แม้แต่ตอนกินเขาก็ยังมีจิตใจนึกถึงน้องชาย เป็นไง เขาเป็นพี่ชายที่น่ารักใช่มั้ยล่ะ!
ในขณะที่แจจุงกำลังฉีกยิ้มมีความสุขอยู่กับอาหารที่วางอยู่ตรงหน้า แจจุงคงจะไม่รู้ว่าท่าทางของตัวเองนั้นถูกใครบางคนจ้องมองอยู่
เลขาคิมแอบอมยิ้มให้กับภาพที่เห็น ก่อนที่จะพูดเปรยออกมาเบาๆ ทำเหมือนกับว่าพูดอยู่กับตนเอง แต่ทั้งที่ความเป็นจริงแล้วเขากำลังพูดอยู่กับนายน้อยชองยุนโฮต่างหาก
“แจจุงเป็นเด็กที่น่ารักดีนะครับ”
“หมอนั่นนี่นะน่ารัก เหอะ! ตัวก่อความวุ่นวายชัดๆ”
เลขาคิมหัวเราะให้กับคำพูดของนายน้อยตนเอง
“แต่นายน้อยก็ยังให้คนที่ชอบก่อความวุ่นวายแบบนั้นมาทำงานอยู่ข้างๆ ตัวเอง”
ยุนโฮที่กำลังจะก้าวขาเดินถึงกับหยุดชะงักไปกับคำพูดนั้นของเลขาคิม เรียวคิ้วคมเข้มขมวดกันจนเป็นปมขนาดเล็กๆ
“นั่นคือการป้องกันไม่ให้คิมแจจุงไปก่อความวุ่นวายเพิ่มเติมต่างหาก”
เลขาคิมแอบยกยิ้มให้กับคำตอบของนายน้อยยุนโฮ ที่ฟังดูยังไงก็เหมือนจะเป็นคำแก้ตัวมากกว่าคำตอบที่ออกมาจากความจริง
“นายน้อยก็เลยให้แจจุงมาสร้างความวุ่นวายให้ตัวเองแทนซินะครับ”
ดวงตาคมปรายสายตามามองเลขาคิมที่ยืนอมยิ้มอยู่ข้างๆ ด้วยสายตาและใบหน้านิ่งๆ
“ไปทำงานกันเถอะครับ”
และนั่นก็คือการตัดจบปิดบทสนทนาประเด็นเรื่องของคิมแจจุงไป ยุนโฮเดินตรงเข้าไปหาพรีเซ็นเตอร์คนสวย เธอหันมาฉีกยิ้มให้กับชายหนุ่มซึ่งยุนโฮก็ยกยิ้มบางๆ ตอบกลับเธอเช่นกัน เสียงนักข่าวจากหลายๆ สำนักพากันตะโกนแข่งกันให้คนทั้งคู่หันหน้ามามองที่กล้องของสำนักตัวเอง แฟงแฟลชพร้อมกับเสียงรัวชัตเตอร์ดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง ในช่วงเวลาหนึ่งดวงตาคมของยุนโฮเผลอหันไปเห็นใบหน้าขาวๆ ของใครบางคนที่กำลังฉีกยิ้มอยู่หน้าโต๊ะขนมหวาน คิมแจจุงหยิบเอาขนมวางใส่จานอย่างมีความสุข แต่เพราะเป็นคนซุ่มซ่ามคนตัวเล็กจึงได้ทำขนมชิ้นนั้นตกลงพื้น และดูท่าจะตกใจมาก เพราะตาโตๆ นั้นเบิกกว้างขึ้น ไหนจะปากกลมๆ นั่นอีก แจจุงหันซ้ายหันขวากำลังจะก้มลงไปหยิบขนมชิ้นนั้นขึ้นมาแต่ก็โดนพนักงานที่ยืนอยู่บริเวณนั้นเอ่ยห้ามพร้อมกับรับหน้าที่ทำความสะอาดขนมชิ้นนั้นแทน คิมแจจุงก้มหัวขอโทษเธอพร้อมกับเอ่ยปากขอบคุณด้วยรอยยิ้มแหยๆ
ยุนโฮมองภาพตรงหน้าพร้อมกับส่ายหัวไปมาอย่างระอา พร้อมกับคำพูดเมื่อสักครู่นี้ของเลขาคิมที่ลอยกลับเข้ามาในหัวของเขา
“นั่นซิ… ทำไมเราถึงยอมให้จอมวุ่นวายนี่มาทำงานอยู่ข้างๆ”
จอมวุ่นวาย… คิมแจจุง
ชักจะทำให้หัวสมองของเขาวุ่นวายตามไปด้วยซะแล้ว!
.
.
.
.
.
“ทำไมคุณต้องลากผมมางานเลี้ยงนี่ด้วยเนี่ย!”
นั่นคือสิ่งที่จุนซูโวยวายมาตลอดทางตั้งแต่อยู่บนรถจนมาถึงสถานที่จัดงาน
“ก็นายเป็นลูกจ้างฉัน….. นี่คิมจุนซูฉันตอบนายไปหลายรอบแล้วนะ ถึงงานแล้วเลิกโวยวายซะ”
ปาร์คยูชอนตอบกลับไปด้วยท่าทางสบายๆ ไม่ได้สนใจท่าทางฮึดฮัดของคนตัวเล็กเลยแม้แต่น้อย ก็อย่างที่บอกการได้แกล้งคิมจุนซูนั้นถือว่าเป็นความสุขอีกอย่างหนึ่งของเขา
“อีกอย่างตอนนี้เราเป็นแฟนกันนะ ลืมแล้วหรอ?”
ยูชอนยังคงเอ่ยแซวไม่เลิก
“แฟนบ้าแฟนบออะไรล่ะ!! มั่ว!”
พูดแล้วยังแค้นไม่หาย พูดแล้วขึ้นเลยๆ อยากถีบมันซะเดี๋ยวนี้เลยว่ะ! คดีเก่ายังไม่เคลีย คดีใหม่มาอีกแล้ว
จุนซูหน้าบึ้ง อยู่ๆ ตอนที่เขากำลังจะเลิกงานปาร์คยูชอนก็เดินมาหาเขาพร้อมกับลากเขาออกมา โดยบอกกับเขาสั้นๆ ว่าจะพาไปงานเลี้ยง ไม่ได้ถามถึงความพร้อมหรือความเต็มใจของเขาเลยแม้แต่น้อย ให้ตายซิ! เขาคิดผิดจริงๆ ที่มาฝึกงานที่นี่
“เอาน่า… งานนี้มีดารามาร่วมงานหลายคนนะ”
จุนซูยังคงหน้ายุ่งคิ้วขมวดอยู่ ดาราใช่สิ่งที่เขาสนใจที่ไหนละ ทำงานเหนื่อยจะตาย พอเลิกงานก็อยากกลับบ้านไปนอนพักให้หายเหนื่อย แต่กลับโดนลากมางานเลี้ยงต่อ มันน่าโมโหๆ
และเมื่อเห็นว่าเจ้าเด็กแสบยังคงอารมณ์ไม่ดีอยู่ ยูชอนจึงหาตัวเลือกอื่นมาหลอกล่อ
“ของกินก็อร่อยๆ ทั้งนั้น”
“มัวแต่พูดอยู่นั่นแหละ!”
จุนซูที่ยังคงทำหน้ายุ่งอยู่พูดแทรกขึ้นมา
“ห๊ะ? อะไรนะ?”
“รีบๆ พาผมขึ้นไปบนงานได้แล้ว หิว!!”
จุนซูยืนกอดอก ริมฝีปากเล็กๆ นั้นเชิดขึ้นเล็กน้อย
ยูชอนที่ได้ยินดังนั้นถึงกับหลุดหัวเราะออกมาเสียงดัง
“ฮะฮะฮ่า! ที่แท้ก็โมโหหิวนี่เอง”
จุนซูส่งเสียงฮึดฮัด ก็จะทำไมอ่ะ! ก็คนมันหิวอ่ะ!
“ป่ะๆ เด็กน่อย เดี๋ยวเสี่ยพาไปกินข่าว”
‘โถ… ไอ้เสี่ยหัวเถิกเอ้ย!’
.
.
.
ทันทีที่ขึ้นมาถึงงานเลี้ยง ปาร์คยูชอนก็ถูกนักข่าวลากตัวไปถ่ายรูปอย่างทันที แต่ก่อนที่จะไปเขาก็ไม่ลืมที่จะกำชับให้จุนซูรอเขาอยู่ที่เดิม แต่มีหรอที่คนอย่างคิมจุนซูจะเชื่อฟัง
“หิวจะตายชัก ใครจะไปหิ้วท้องรอวะ”
คนตัวเล็กบ่นออกมาในขณะที่กำลังก้าวขาเดินตรงไปยังโต๊ะอาหาร
แค่เห็นอาหารนานาชาติหน้าตาน่าทานวางอยู่ตรงหน้าท้องเขาก็ร้องเสียแล้ว และยิ่งเดินเข้าไปใกล้จนได้กลิ่นหอมๆ ของมัน กระเพาะของเขาก็รีบทำงานอย่างทันที
“อันนี้ก็น่ากิน อันนั้นก็น่ากิน โหว! มีแต่ของน่ากินเต็มไปหมดเลย!”
จุนซูตื่นตาตื่นใจกับอาหารที่อยู่ตรงเบื้องหน้า จนลืมเรื่องหงุดหงิดเมื่อก่อนหน้านี้ไปอย่างทันที
“อยากเอากลับไปฝากพี่แจจุงจัง มีถุงมั้ยนะ หรือกล่องโฟมก็ได้”
จุนซูมองอาหารตรงหน้าพร้อมกับคิดถึงใบหน้าสวยๆ ของพี่ชาย เชื่อแล้วจริงๆ ว่าสอคนพี่น้องนี่รักกันเอาเสียมากๆ ไม่ว่าจะไปไหนมาไหน ถึงแม้จะไม่ได้อยู่ด้วยกันแต่ก็มักจะคิดถึงกันอยู่เสมอ เมื่อตัวเองได้กินของดีๆ ก็อยากให้อีกคนได้กินของดีๆ เหล่านั้นด้วย
จุนซูตักอาหารจำพวกค็อกเทลมาจิ้มกินไปเรื่อยๆ อันไหนอร่อยก็จิ้มมาหลายชิ้น พอกินหมดก็วนกลับไปจิ้มใหม่ มัวแต่เพลิดเพลินอยู่กับการกินจนลืมปาร์คยูชอนไปเสียสนิท รู้ตัวอีกที ไฟภายในงานก็ถูกดับลงพร้อมกับเสียงดนตรีสุดเร้าใจที่ดังขึ้นก่อนที่เหล่าบรรดานางแบบและนายแบบจะพากันเดินขบวนแฟชั่นโชว์ออกมา
ดวงตาเรียวเล็กจ้องมองการเดินแบบตรงหน้าอย่างสนอกสนใจ ดูไปก็จิ้มของกินเข้าปากไปด้วย บริกรที่เดินถือถาดน้ำผ่านมายื่นแก้วอะไรบางอย่างส่งให้เขา ซึ่งเขาก็มัวแต่มองบนเวทีอย่างเพลินๆ เลยเผลอยกแก้วน้ำนั่นขึ้นดื่ม เพียงแค่อึกเดียวเขาก็แทบจะปาแก้วนำนั่นทิ้งเสียแล้ว
“แหวะ! ไวน์นี่หว่า”
จุนซูและแจจุงไม่ชอบดื่มแอลกอฮอล์ทุกชนิด เพราะเขามีความฝังใจในรสชาติของมันว่ามันขม ส่วนแจจุงไม่ใช่ว่าไม่ชอบดื่ม แต่ไม่สมควรที่จะดื่มแอลกอฮอล์เข้าไปเลยต่างหาก เพราะเมื่อดื่มเข้าไปแล้ว…
“จุนซู?”
ในขณะที่กำลังคิดอะไรอยู่เพลินๆ เสียงหวานๆ ที่แสนจะคุ้นหูก็ดังแทรกความคิดของจุนซูเข้ามา คนตัวเล็กหันกลับไปมองทางด้านหลังก่อนที่จะเบิกตาเล็กๆ นั่นกว้างขึ้นด้วยความประหลาดใจ
“พี่แจจุง!”
ทั้งแจจุงและจุนซูต่างก็ดูจะตกใจกับการพบเจอกันโดยบังเอิญในครั้งนี้เอาเสียมากๆ ทันทีที่เห็นหน้าแจจุง จุนซูก็เพิ่งจะนึกได้ว่างานเลี้ยงนี้ถูกจัดขึ้นที่ห้องแกรนด์บอลรูมของห้างเดอะคิงดอมที่พี่ชายตัวเองทำงานอยู่นั่นเอง แต่ที่น่าแปลกใจคือทำไมพี่ชายของเขาถึงมาอยู่ที่งานเลี้ยงนี้ได้
และคิมแจจุงเองก็มีความคิดที่ไม่ต่างกัน ทำไมน้องชายของเขาถึงมาอยู่ที่นี่ได้กันนะ?
“จุนซูมากับใครน่ะ?”
“เขามากับเจ้านายคนที่เคยเล่าให้พี่แจจุงฟังนั่นแหละ”
แจจุงทำท่านึกอยู่สักพักหนึ่ง
“อ้อ… เจ้านายหน้าหนูคนนั้นซินะ ไหนๆ พี่อยากเห็นหน้าเขาจังว่าจะเหมือนหนูแบบที่จุนซูพูดรึป่าว?”
“อยู่นู้นไงฮะ คนที่มีหน้าผากกว้างๆ เอาไว้สะท้อนแสงแฟลชอยู่ตรงที่คนเยอะๆ นั่นน่ะ”
แจจุงมองตามไปยังทิศที่น้องชายตัวเองเพยิดหน้าให้ดู ที่ที่คนเยอะๆ ตรงนั้นมีชองยุนโฮ เลขาคิม และใครบางคนที่เขาพอจะจำได้ว่าเคยเจอคนคนนี้ที่ห้องสมุดพร้อมกับยุนโฮในวันนั้น
“เอ๊ะ? นั่นเพื่อนท่านประธานนี่นา”
“หืม?”
“เจ้านายของจุนซูน่ะ เป็นเพื่อนกับท่านประธานของพี่แหละ”
จุนซูทำหน้างงก่อนที่จะหันกลับไปมองยังทิศทางเดิมที่มีปาร์คยูชอนและใรบางคนยืนอยู่ด้วยข้างๆ ใครคนนั้นที่มีใบหน้าเรียบเฉย ดวงตาคมนิ่งไม่แสดงความรู้สึกใดๆ ออกมา ท่านประธานของพี่แจจุง…
“เขาคือคนที่พี่ชอบเอามาเล่าให้ฟังซินะ”
แจจุงอมยิ้ม แก้มขาวๆ กลายเป็นสีชมพูระเรื่อ
“อื้อ… เขานั่นแหละ หลุมหลบภัยของพี่”
จุนซูมองสายตาของพี่แจจุงที่ใช้มองชองยุนโฮอย่างสังเกต แววตาของพี่แจจุงที่ใช้มองคนคนนั้น บวกกับน้ำเสียงและท่าทางของพี่ชายตนเองในเวลาที่พูดถึงชองยุนโฮให้เขาฟังนั้นเป็นสิ่งที่บ่งบอกความรู้สึกของพี่แจจุงที่มีต่อเจ้านายของตนเองได้อย่างทันที
“พี่แจจุง”
แจจุงที่กำลังมองยุนโฮอยู่ขานตอบรับ แต่ก็ยังไม่ได้ละสายตาออกจากคนร่างสูง
“หืม?”
“พี่… ชอบผู้ชายคนนั้นใช่มั้ย?”
คำถามของจุนซูทำให้แจจุงถึงกับชะงักนิ่งไปอย่างทันที ถึงแม้ว่าภายในงานจะเปิดดนตรีเสียงดังมากแค่ไหนก็ตามแต่ในตอนนี้ ภายในหัวของเขากลับไม่ได้รับรู้ถึงเสียงเพลงเหล่านั้นเลย มีแต่คำพูดของจุนซูเท่านั้นที่ลอยก้องอยู่ในโสตประสาทของเขาไปมา
“พี่… ชอบผู้ชายคนนั้นใช่มั้ย?”
‘ชอบ… ชองยุนโฮอย่างงั้นหรอ?’
‘เขา…ชอบยุนโฮรึป่าวนะ?’
นั่นซิ… ทำไมเขาถึงอยากอยู่ใกล้คนคนนี้ ต่อให้ยุนโฮไล่เขาเป็นสิบๆ รอบ หาเรื่องมาแกล้งเขาสารพัด แต่เขาก็ยังไม่คิดจะไปไหน ยังคงที่จะทำงานที่ห้างแห่งนี้ต่อไป ยอมแม้จะต้องมาทำงานเป็นพนักงานทำความสะอาด ยอมช่วยยุนโฮปลาบผีทั้งๆ ที่ตัวเองนั้นกลัวแทบตาย ยอมในหลายๆ เรื่อง ขอเพียงแค่ให้เขาได้อยู่ใกล้ๆ ยุนโฮก็พอ อันที่จริงไม่ต้องให้ได้เห็นหน้ากันทุกวัน แค่พอได้เห็นบ้าง แค่ให้เขารู้สึกอุ่นใจว่าเขาได้อยู่ใกล้หลุมหลบภัยหลุมนี้ก็เพียงพอแล้วจริงๆ
“พี่แจจุง?”
จุนซูเอ่ยเรียกพี่ชายตัวเองอีกครั้งเมื่อเห็นว่าแจจุงนั้นเงียบไป
แจจุงยกยิ้มบาง เขาหันมามองน้องชายก่อนที่จะเอ่ยปากตอบกลับไปด้วยรอยยิ้มบวกกับแก้มที่ขึ้นสีระเรื่อน่ามอง
“คงงั้นมั้ง”
แม้จะเป็นคำตอบสั้นๆ แต่ก็สามารถอธิบายความรู้สึกของแจจุงในตอนนี้ได้เป็นอย่างดีว่า…
‘เขากำลัง… ชอบท่านประธาน’
คำตอบที่ได้รับจากพี่ชายตนเองนั้นไม่ได้ทำให้จุนซูรู้สึกตกใจหรือแปลกใจมากสักเท่าไหร่ ก็ในเมื่อเขาพอจะรู้อยู่แล้วนี่นาว่าพี่ชายของเขานั้นรู้สึกยังไง
เขาก็หวังและได้แต่อวยพรให้พี่แจจุงนั้นโชคดี
ช่วยทำให้พี่ชายที่แสนดีของผมมีความสุขด้วยทีเถอะนะ… คุณยุนโฮ
.
.
.
งานแถลงข่าวใกล้จะจบลง การเดินแบบบนเวทีจบลงไปได้สักพักแล้ว ตอนนี้เป็นช่วงสัมภาษณ์พรีเซ็นเตอร์สาวสวยร่วมกับผู้บริหารแบรนด์ ชองยุนโฮจึงมีเวลาปลีกตัวออกมาจากกองทัพนักข่าว เขากวาดสายตามองไปรอบๆ งานเพื่อมองหาใครบางคน ก่อนที่ดวงตาคมจะไปสะดุดเข้ากับแผ่นหลังบางๆ ของคิมแจจุงที่ยืนอยู่ตรงมุมอาหาร เขาขมวดคิ้วเมื่อเห็นว่าแจจุงนั้นกำลังคุยกับใครบางคนอยู่
“หมอนั่นคุยกับใคร?”
ถึงยุนโฮจะพูดออกมาเบาๆ แต่เลขาคิมที่ยืนอยู่ข้างๆ กันก็ยังคงได้ยินมันอยู่ดี
“นั่น… น้องชายของคิมแจจุงครับ ชื่อคิมจุนซู รู้สึกว่าจะทำงานอยู่กับคุณยูชอน เพราะคุณยูชอนเป็นคนพามา”
“น้องชายอย่างงั้นหรอ”
“ครับ แจจุงพามาแนะนำตัวกับผมตอนที่นายน้อยให้สัมภาษณ์อยู่”
ยุนโฮพยักหน้ารับเบาๆ เขากำลังจะเดินเข้าไปหาคนทั้งสองแต่ก็ถูกนักข่าวและผู้เช่าร้านกลุ่มหนึ่งเดินเข้ามาคุยด้วยเสียก่อน
‘ให้ตายซิ! วันนี้เขาจะได้กินข้าวมั้ยวะเนี่ย!’
ยุนโฮทำหน้าหงุดหงิดจนเลาขาคิมที่ยืนอยู่ใกล้ๆ ต้องเอ่ยปากเตือนเบาๆ
“ยิ้มเข้าไว้ครับ ท่องเอาไว้เพื่อธุรกิจ… เพื่อห้างเดอะคิงดอม”
ยุนโฮสูดหายใจเข้าปอดเฮือกใหญ่เพื่อเป็นการสงบสติอารมณ์ ดวงตาคมหันกลับไปมองแผ่นหลังของคิมแจจุงอีกครั้งอย่างครุ่นคิด
‘หมอนั่นอยู่กับน้องชาย… คงจะไม่ไปก่อเรื่องวุ่นวายอะไรหรอกนะ’
และเมื่อคิดได้ดังนั้นยุนโฮจึงกลับมาฉีกยิ้มการค้าให้กับบุคคลที่อยู่ตรงเบื้องหน้าทั้งหลาย… โลกธุรกิจบางทีก็ไม่ต่างอะไรกับโลกมายานักหรอก เพราะในตอนนี้ห้างคู่แข่งกำลังจะเปิดตัว ถ้าเขาไม่รักษาความสัมพันธ์กับคนกลุ่มนี้เอาไว้ผลเสียจะตามมาในอนาคตข้างหน้านี้แน่ๆ เอาเป็นว่า…
‘คิมแจจุงอย่าเพิ่งก่อเรื่องตอนนี้ก็แล้วกัน’
แล้วมันเกี่ยวอะไรกับคิมแจจุง? นั่นซิ? ชองยุนโฮก็ได้แต่คิดและสงสัยกับตนเองอยู่เช่นกัน…
.
.
.
จุนซูกับแจจุงพูดคุยถึงการเดินแบบที่น่าตื่นตาตื่นใจด้วยกันในขณะที่มือและตาก็จ้องมองหาของกินไปด้วย พวกเขาทั้งสองคนลืมเรื่องเจ้านายของตัวเองในตอนที่ได้อยู่ด้วยกันประหนึ่งเหมือนมางานนี้ด้วยกัน ทั้งๆ ที่ต่างคนต่างมา จนเวลาผ่านไปนานหลายนาที จุนซูที่มัวแต่จิ้มอาหารกินและมองดูดารานางแบบไปอย่างเพลินๆ เผลอแป๊บเดียวพี่ชายของเขาก็ก่อเรื่องให้เสียแล้ว
“จุนซูๆ น้ำแก้วนี้อร่อยมากๆ เลยแหละ น้องชิมรึยัง?”
จุนซูหันหน้ากลับมามองพี่ชาย ก่อนที่ดวงตาเล็กๆ จะต้องเบิกกว้างขึ้นด้วยความตกใจ ส่วนคนพี่ที่กำลังก่อเรื่องให้น้องชายตัวเองอยู่กลับไม่ได้รู้เรื่องรู้ราวอะไรกับเขาเลย ยกแก้วน้ำนั่นขึ้นดื่มจนหมดแก้วก่อนที่จะหันไปหยิบแก้วใหม่มาดื่มต่อ จุนซูเห็นดังนั้นจึงรีบเข้าไปแย่งแก้วที่บรรจุน้ำสีสวยๆ นั่นมาถือเอาไว้เอง
“พี่แจจุง!”
แจจุงทำหน้ายุ่ง ทำแก้มพองๆ ผิวหน้าขาวๆ ขึ้นสีแดงระเรื่อ
“อะไรอ่ะ! มาแย่งพี่ทำไม อยากกินก็ไปหยิบเองซิ”
แจจุงพยายามจะแย่งแก้วน้ำของตัวเองคืนมาจากจุนซูจนคนน้องต้องทำหน้าและเสียงดุใส่
“พี่แจจุง! หยุดเลยนะ”
คนพี่เบะปาก
“ทำไมต้องดุพี่ด้วยล่ะ”
จุนซูมองหน้าแดงๆ ของพี่ชายพร้อมกับถอนหายใจออกมา นั่นไง! อาการเริ่มออกมาแล้วมั้ยล่ะ!
“พี่แจจุงรู้มั้ยว่าที่พี่กินไปน่ะมันเป็นค็อกเทลที่ผสมแอลกอฮอล์นะ”
แจจุงมองหน้าน้องชายนิ่งๆ
“แอล…. กอ…… ฮอล์”
จุนซูพยักหน้ารับ
“ใช่”
แจจุงฟังแล้วก็ได้แต่ขบกัดริมฝีปากของตัวเองเอาไว้
“พี่…… จะเมามั้ย?”
จุนซูถอนหายใจออกมาเบาๆ เขาเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าค็อกเทลพวกนี้ผสมแอลกอฮอล์มากน้อยแค่ไหน แต่ที่เขารู้ คือรู้ว่าพี่แจจุงนั้นเป็นคนคออ่อน และขอย้ำ! ว่าเป็นคนที่คออ่อนมากเสียด้วยซิ
“พี่กินไปแค่แก้วเดียว คงไม่เมาหรอก”
แจจุงก้มหน้า เขาเงียบไม่ยอมพูดอะไรกลับไปจนน้องชายต้องยื่นมือออกมาแตะที่แขนของพี่ชายเบาๆ
“จุนซู…….”
“หืม?”
“จริงๆ แล้ว พี่… ไม่ได้กินไปแค่แก้วเดียวหรอก”
พี่ชายคนสวยค่อยๆ เงยหน้าขึ้นมามองสบตากับน้องชายของตัวเองช้าๆ
“แก้วเมื่อกี้ที่เพิ่งกินหมดไป…”
“เป็นแก้วที่ห้าของพี่”
“ห๊า!!!!!”
จุนซูเผลอตะโกนออกมาเสียงดัง ดวงตาเล็กๆ แทบจะถลนออกมา
แจจุงมองน้องชายด้วยใบหน้าหงอยๆ
“ฉิบหายแล้ว!!”
ฉิบหายแน่ๆ งานนี้ นั่นคือคำพูดที่สามารถบ่งบอกความรู้สึกของคิมจุนซูในตอนนี้ได้เป็นอย่างดี
ความซวยบังเกิดแล้วมั้ยล่ะคิมจุนซูเอ๋ย!
“พี่ว่า…. พี่ ม๊าย เปน ราย น๊า แค่มึน นิด หน่อย เอ๊งงงงงง”
เสียงของแจจุงเริ่มยานคาง ไหนจะดวงตากลมโตทีกำลังจ้องมองจุนซูด้วยสายตาที่หยาดเยิ้มนั่นอีกล่ะ ไม่เมาเลยสักนิด พี่แจจุงบอกว่าตัวเองไม่เมา แต่อาการของพี่ในตอนนี้น่ะมันเรียกว่าคนเมาชัดๆ
“พี่แจจุงเรากลับบ้านกันเดี๋ยวนี้เลย!”
จุนซูรีบลากพี่ชายคนสวยให้เดินออกไปจากงาน แต่แจจุงดูเหมือนจะไม่ให้ความร่วมมือสักเท่าไหร่
“เดี๋ยวซี่…… พี่ยางม่าย…..ได้บอกลาท่าน…..ปาธานเลยน๊า”
“เดี๋ยวค่อยโทรบอก”
ตอนนี้ไม่มีอะไรสำคัญเท่ากับรีบลากพี่ชายของเขากลับบ้านให้เร็วที่สุดแล้ว! เพราะพี่แจจุงของเขาในเวลาเมาเป็นอะไรที่น่ากลัวที่สุด
และในตอนที่กำลังจะเดินไปที่ลิฟต์โทรศัพท์มือถือของคิมจุนซูก็ดังขึ้น คนตัวเล็กปล่อยมือพี่ชายก่อนที่หยิบออกมาดูและเพราะชื่อปลายสายทำให้เขาจำเป็นต้องกดรับสาย… ปาร์คยูชอน
[อยู่ไหน?]
“กำลังจะกลับบ้าน”
[ห๊ะ? ใครบอกให้นายกลับบ้าน รีบเข้ามาในงานเดี๋ยวนี้เลยนะ หน้าที่ของนายยังไม่เสร็จเลยจะรีบหนีกลับได้ยังไง]
“ผมรีบจริงๆ เอาไว้พรุ่งนี้ผมจะทำงานชดเชยให้ก็แล้วกันแค่นี้นะ!”
[เดี๋ยว! อย่าเพิ่งวาง…… คิมจุนซู!!!!!]
“โว๊ย!!! ไอ้หน้าหนูบอกว่าไม่ว่างๆๆๆ ไม่ได้ยินรึไง แค่นี้นะไม่ต้องพูดแล้ว พอ!!!!”
เพราะเรื่องของพี่ชายจึงทำให้คิมจุนซูฟิวส์ขาดได้ง่าย เขาตะโกนด่าปาร์คยูชอนอย่างเหลืออดจนลืมเรื่องตำแหน่งและสถานะของคนคนนี้ไปเลย
จุนซูหอบขายใจแรงด้วยความเหนื่อย เอาล่ะเคลียปัญหาจบแล้วทีนี้เขาก็พาพี่แจจุงกลับบ้านได้แล้ว
“ป่ะพี่แจจุง กลับ………บ้านกัน”
ท้ายประโยคนั้นแทบจะขาดหายไปกับบรรยากาศที่แสนเงียบเมื่อจุนซูหันหน้ากลับมาพบกับความว่างเปล่า ถ้าเป็นในการ์ตูน ในฉากนี้ก็คงจะมีใบไม่ปลิวพร้อมกับเสียงลมที่พัดผ่านดัง ‘ฟิ้ว’
เงียบ…
ที่ข้างๆ กายของเขาไม่มีพี่ชายคนสวยยืนอยู่ด้วยอีกต่อไปแล้ว
“ฉิบหาย!!!!!”
คิมแจจุงหายตัวไปแล้ว!!!!
วันนี้มันเป็นวันซวยอะไรของเขากันนะ เพราะไอ้หน้าหนูนั่นแท้ๆ เลย คอยดูนะ ถ้าเจอจะจับถอนขนให้หมดหัวเลย!! แต่ก่อนอื่น เขาคงต้องรีบไปตามหาพี่แจจุงเสียก่อน ไม่รู้ว่าเดินไปไหนแล้ว ให้ตายซิ! นี่เขาเผลอแค่แป๊บเดียวเองนะ
“หายไปไหนนะพี่แจจุง”
อย่าง เพิ่งมีเรื่องอะไรเกิดขึ้นกับพี่แจจุงเลยนะ…
ขอร้องล่ะ…
TBC ^-----------^*
*******************************************************
Talk : )
สวัสดีค่ะทุกคน ^^
แค่อยากจะบอกว่าวันนี้เหนื่อยมากเลย เข็นร่างพังๆ มาอัพฟิคสุดชีวิต
เพราะคนอ่านเลยนะเนี่ย หลายๆ คนน่าจะรู้ว่าเรามีนัดกันทุกๆ วันอาทิตย์ดึกๆ ในยามปกติที่มุกไม่เบี้ยวอ่ะนะ 55555
ส่วนอาทิตย์หน้ามุกจะไปเที่ยวทะเลค่ะ สามวันเลย กลับมาก็ทำงานต่อเลย ยิงยาว
ไม่รู้จะมีแรงมาอัพมั้ย
ถ้ามีก็จะมาอัพให้นะคะ
หวังว่าทุกคนจะสนุกกับผฟิคเรื่องนี้นะคะ
ตอนหน้าแจจุงจะไปสร้างความเดือดร้อนอะไร เดี๋ยวมาลุ้นกัน ฮิฮิ
ชางมินหายไปนานและ คิดถึงเหมือนกันแหะ ><
เดี๋ยวรอโอกาสเหมาะจะพามารับเชิญใหม่
ใครเล่นทวิต ถ้าอยากคุยหรือติดต่อสอบถามเรื่องฟิคก็เมนชั่นมาได้เลยค่ะ ฟิคเก่าๆ พอเหลืออยู่นิดนึง สอบถามมาได้
Twitter >>> http://twitter.com/@MMooKiiEE
E-mail >>> mookiie_jong@hotmail.com
ขอขอบคุณทุกๆ คนที่กดเข้ามาอ่านนะคะ
แล้วเจอกันใหม่ตอนหน้าค่ะ
^------------------------------^*
*******************************************************
ความคิดเห็น