ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [FIC] ☆--- Mystery Love ---☆ [TVXQ][YAOI]

    ลำดับตอนที่ #17 : ,,, Part 16 ,,, จอมวุ่นวาย... คิมแจจุง

    • อัปเดตล่าสุด 26 พ.ค. 57


    Title         :  Mystery Love
    Type        :  Long fiction
    Author      :  *..MooKiiE..*
    Category :  Comedy / Romance
    Paring      :  Yunho x Jaejoong / YooChun x JunSu

    Note         :  เรื่องนี้มุกได้แรงบันดาลใจมาจากซีรี่ส์เกาหลีเรื่อง The Master’s Sun นะคะ จึงทำให้เนื้อหาบางอย่างอาจคล้ายคลึงกันบ้าง

                                                                                                                                                                                                                                                              

    *******************************************************

     
     

    ขอให้มีความสุขในการอ่านค่ะ และ

    อย่าลืมกดเป็นแฟนพันธุ์แท้ฟิคเรื่องนี้กันนะคะ ^^


    Part 16

     

     

                    งานแถลงข่าวเปิดตัวแบรนด์เสื้อผ้าสุดหรูที่เพิ่งจะมาเปิดช็อปในห้างสรรพสินค้าเดอะคิงดอมถูกจัดอย่างอลังการให้สมกับชื่อแบรนด์ระดับโลก ทั้งสื่อมวลชน ดารานักร้องและเซเลบริตี้ชื่อดังของเกาหลีต่างก็พากันมาร่วมงานนี้กันอย่างคับคั่ง แสงแฟลชถูกยิงระรัวไปที่พรีเซ็นเตอร์สาวสวยของงานหลังจากที่เธอปรากฏตัวที่พรมแดง นักร้องสาวแนวหน้าของประเทศเกาหลีที่กำลังโด่งดังอยู่ในตอนนี้ ด้วยรูปโฉมที่ดูสวยสง่าและเพราะความที่เธอเติบโตมาจากอเมริกาจึงทำให้ลุคของเธอนั้นดูอินเตอร์ตามไปด้วย ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมเธอถึงได้ถูกเลือกมาเป็นพรีเซ็นเตอร์คนแรกให้กับแบรนด์เสื้อผ้าดังๆ แบบนี้ และชื่อของเธอก็คือจอง ซูยอน

     

                    สถานที่รอบๆ งานถูกตกแต่งด้วยธีมสีทองและสีดำตามคอนเซปต์ของแบรนด์ เสียงเพลงที่เปิดคลออยู่ภายในงานก็เป็นเพลงที่เข้ากับสถานที่อยู่ไม่น้อย

     

                    แจจุงที่ยืนอยู่ข้างๆ เลขาคิมมองดูบรรยากาศรอบๆ งานอย่างตื่นตาตื่นใจ นี่เป็นครั้งแรกที่เขาเคยได้มีโอกาสมาอยู่ในงานแบบนี้ คนตัวเล็กดูจะตื่นตาตื่นใจไปกับทุกๆ สิ่งรอบๆ ตัวเหมือนเด็กๆ ดวงตากลมโตนั้นเป็นประกายระยิบระยับ

     

                    ยุนโฮที่ยืนอยู่ข้างๆ เองก็ยังสามารถรับรู้ได้ถึงอาการตื่นเต้นเป็นเด็กๆ ของแจจุงได้ แม้จะรู้สึกเอ็นดู แต่ปากกลับพูดออกไปอีกอย่าง

                    “ทำตัวเหมือนบ้านนอกเข้าเมือง”

     

                    แจจุงที่กำลังตื่นตาตื่นใจกับแสงสีเสียงถึงกับหงอยลงไปอย่างทันที เขาก้มหัวขอโทษ

                    “ขอโทษฮะ”

     

                    ยุนโฮที่เห็นว่าคนตัวเล็กดูจะนิ่งไปก็อดที่จะรู้สึกผิดขึ้นมานิดๆ อย่างเสียไม่ได้ แต่ในเมื่อคำพูดมันได้ถูกพูดออกไปแล้ว เขาก็คงจะกลับไปแก้ไขอะไรไม่ได้

     

                    เลขาคิมที่ยืนอยู่ข้างกันเห็นบรรยากาศที่เริ่มจะอึมครึมแปลกๆ จึงรีบเอ่ยปากรีบเปลี่ยนเรื่อง

                    “นายน้อยครับ อีกสิบนาทีคุณจะต้องไปถ่ายรูปร่วมกับคุณลีและคุณซูยอนที่ป้ายแบ็คดร๊อปนะครับ”

                   

                    ยุนโฮไม่ตอบเขาเพียงแค่พยักหน้ารับเบาๆ ก่อนที่ดวงตาคมจะปรายสายตามองคิมแจจุงที่ยืนตัวลีบอยู่ข้างๆ เลขาคิม

                แค่โดนเขาดุนิดหน่อยก็หงอยเป็นเด็กๆ ซะแล้ว

     

                “คิมแจจุง”

                    ยุนโฮเอ่ยเรียกคนตัวเล็กด้วยน้ำเสียงนิ่งๆ

     

                    แจจุงจำใจต้องเงยหน้าขึ้นมามองคนที่สูงกว่าก่อนที่จะตอบรับกลับไป

                    “ครับ?

     

                    “ไปหาอะไรกินซะซิ”

                    ยุนโฮยังคงพูดต่อด้วยน้ำเสียงและสีหน้านิ่งๆ

     

                    “เอ๋?

     

                    “ไปหาอะไรกินซะ ตักอาหารเสร็จแล้วก็ไปนั่งรอฉันที่โต๊ะหน้าเวที เดี๋ยวฉันกับเลขาคิมจะตามไปทีหลัง เข้าใจที่สั่งมั้ย?

                    ยุนโฮออกคำสั่งศัพท์

     

                    “เข้าใจครับ”

     

                    “รู้แล้วก็ไปซะ”

     

                    “ครับ”

                    แจจุงตอบรับเบาๆ ก่อนที่จะกลับหลังหันแล้วมุ่งตรงไปที่โต๊ะบุฟเฟ่ต์ที่เต็มไปด้วยอาหารนานาชาติมากมายหลายชาติให้เขาได้เลือกสรร ดวงตากลมโตที่เคยหมองลงเมื่อไม่กี่นาทีนี้กลับมาเป็นประกายสดใสอีกครั้ง ของกินที่วางอยู่ตรงหน้าทำให้คนตัวเล็กกลับมาอารมณ์ดีเหมือนอย่างเคย แจจุงฉีกยิ้มไปมาก่อนที่จะแอบขมวดคิ้วเล็กน้อยในตอนที่คิดอะไรบางอย่างได้

                   

                    “มีแต่ของน่ากินทั้งนั้นเลยอ่ะ อยากเอาไปฝากจุนซูด้วยจัง”

                    เสียดายที่เขาไม่ได้พกกล่องข้าวมาด้วย

     

                    “ไม่เป็นไร! เดี๋ยวพี่กินเผื่อเราเองนะน้องรัก!

                    แจจุงพูดอย่างอารมณ์ดีก่อนที่จะเดินไปหยิบอุปกรณ์ต่างๆ มาแล้วพร้อมลุยกับอาหารที่วางอยู่ตรงหน้าอย่างมีความสุข

     

                ถ้าพี่ขอกล่องโฟมเขามาได้ พี่จะห่อไปให้นะจุนซู

                    แม้แต่ตอนกินเขาก็ยังมีจิตใจนึกถึงน้องชาย เป็นไง เขาเป็นพี่ชายที่น่ารักใช่มั้ยล่ะ!

     

                    ในขณะที่แจจุงกำลังฉีกยิ้มมีความสุขอยู่กับอาหารที่วางอยู่ตรงหน้า แจจุงคงจะไม่รู้ว่าท่าทางของตัวเองนั้นถูกใครบางคนจ้องมองอยู่

     

                    เลขาคิมแอบอมยิ้มให้กับภาพที่เห็น ก่อนที่จะพูดเปรยออกมาเบาๆ ทำเหมือนกับว่าพูดอยู่กับตนเอง แต่ทั้งที่ความเป็นจริงแล้วเขากำลังพูดอยู่กับนายน้อยชองยุนโฮต่างหาก

                    “แจจุงเป็นเด็กที่น่ารักดีนะครับ”

     

                    “หมอนั่นนี่นะน่ารัก เหอะ! ตัวก่อความวุ่นวายชัดๆ”

     

                    เลขาคิมหัวเราะให้กับคำพูดของนายน้อยตนเอง

                    “แต่นายน้อยก็ยังให้คนที่ชอบก่อความวุ่นวายแบบนั้นมาทำงานอยู่ข้างๆ ตัวเอง”

     

                    ยุนโฮที่กำลังจะก้าวขาเดินถึงกับหยุดชะงักไปกับคำพูดนั้นของเลขาคิม เรียวคิ้วคมเข้มขมวดกันจนเป็นปมขนาดเล็กๆ

                    “นั่นคือการป้องกันไม่ให้คิมแจจุงไปก่อความวุ่นวายเพิ่มเติมต่างหาก”

     

                    เลขาคิมแอบยกยิ้มให้กับคำตอบของนายน้อยยุนโฮ ที่ฟังดูยังไงก็เหมือนจะเป็นคำแก้ตัวมากกว่าคำตอบที่ออกมาจากความจริง

                    “นายน้อยก็เลยให้แจจุงมาสร้างความวุ่นวายให้ตัวเองแทนซินะครับ”

     

                    ดวงตาคมปรายสายตามามองเลขาคิมที่ยืนอมยิ้มอยู่ข้างๆ ด้วยสายตาและใบหน้านิ่งๆ

                    “ไปทำงานกันเถอะครับ”

     

                    และนั่นก็คือการตัดจบปิดบทสนทนาประเด็นเรื่องของคิมแจจุงไป ยุนโฮเดินตรงเข้าไปหาพรีเซ็นเตอร์คนสวย เธอหันมาฉีกยิ้มให้กับชายหนุ่มซึ่งยุนโฮก็ยกยิ้มบางๆ ตอบกลับเธอเช่นกัน เสียงนักข่าวจากหลายๆ สำนักพากันตะโกนแข่งกันให้คนทั้งคู่หันหน้ามามองที่กล้องของสำนักตัวเอง แฟงแฟลชพร้อมกับเสียงรัวชัตเตอร์ดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง ในช่วงเวลาหนึ่งดวงตาคมของยุนโฮเผลอหันไปเห็นใบหน้าขาวๆ ของใครบางคนที่กำลังฉีกยิ้มอยู่หน้าโต๊ะขนมหวาน คิมแจจุงหยิบเอาขนมวางใส่จานอย่างมีความสุข แต่เพราะเป็นคนซุ่มซ่ามคนตัวเล็กจึงได้ทำขนมชิ้นนั้นตกลงพื้น และดูท่าจะตกใจมาก เพราะตาโตๆ นั้นเบิกกว้างขึ้น ไหนจะปากกลมๆ นั่นอีก แจจุงหันซ้ายหันขวากำลังจะก้มลงไปหยิบขนมชิ้นนั้นขึ้นมาแต่ก็โดนพนักงานที่ยืนอยู่บริเวณนั้นเอ่ยห้ามพร้อมกับรับหน้าที่ทำความสะอาดขนมชิ้นนั้นแทน คิมแจจุงก้มหัวขอโทษเธอพร้อมกับเอ่ยปากขอบคุณด้วยรอยยิ้มแหยๆ

     

                    ยุนโฮมองภาพตรงหน้าพร้อมกับส่ายหัวไปมาอย่างระอา พร้อมกับคำพูดเมื่อสักครู่นี้ของเลขาคิมที่ลอยกลับเข้ามาในหัวของเขา

                    “นั่นซิทำไมเราถึงยอมให้จอมวุ่นวายนี่มาทำงานอยู่ข้างๆ”

     

                จอมวุ่นวายคิมแจจุง

                    ชักจะทำให้หัวสมองของเขาวุ่นวายตามไปด้วยซะแล้ว!

    .

    .

    .

    .

    .

                “ทำไมคุณต้องลากผมมางานเลี้ยงนี่ด้วยเนี่ย!

                    นั่นคือสิ่งที่จุนซูโวยวายมาตลอดทางตั้งแต่อยู่บนรถจนมาถึงสถานที่จัดงาน

     

                    “ก็นายเป็นลูกจ้างฉัน….. นี่คิมจุนซูฉันตอบนายไปหลายรอบแล้วนะ ถึงงานแล้วเลิกโวยวายซะ”

                    ปาร์คยูชอนตอบกลับไปด้วยท่าทางสบายๆ ไม่ได้สนใจท่าทางฮึดฮัดของคนตัวเล็กเลยแม้แต่น้อย ก็อย่างที่บอกการได้แกล้งคิมจุนซูนั้นถือว่าเป็นความสุขอีกอย่างหนึ่งของเขา

     

                    “อีกอย่างตอนนี้เราเป็นแฟนกันนะ ลืมแล้วหรอ?

                    ยูชอนยังคงเอ่ยแซวไม่เลิก

     

                    “แฟนบ้าแฟนบออะไรล่ะ!! มั่ว!

                    พูดแล้วยังแค้นไม่หาย พูดแล้วขึ้นเลยๆ อยากถีบมันซะเดี๋ยวนี้เลยว่ะ! คดีเก่ายังไม่เคลีย คดีใหม่มาอีกแล้ว

     

                    จุนซูหน้าบึ้ง อยู่ๆ ตอนที่เขากำลังจะเลิกงานปาร์คยูชอนก็เดินมาหาเขาพร้อมกับลากเขาออกมา โดยบอกกับเขาสั้นๆ ว่าจะพาไปงานเลี้ยง ไม่ได้ถามถึงความพร้อมหรือความเต็มใจของเขาเลยแม้แต่น้อย ให้ตายซิ! เขาคิดผิดจริงๆ ที่มาฝึกงานที่นี่

     

                    “เอาน่างานนี้มีดารามาร่วมงานหลายคนนะ”

     

                    จุนซูยังคงหน้ายุ่งคิ้วขมวดอยู่ ดาราใช่สิ่งที่เขาสนใจที่ไหนละ ทำงานเหนื่อยจะตาย พอเลิกงานก็อยากกลับบ้านไปนอนพักให้หายเหนื่อย แต่กลับโดนลากมางานเลี้ยงต่อ มันน่าโมโหๆ

                   

                    และเมื่อเห็นว่าเจ้าเด็กแสบยังคงอารมณ์ไม่ดีอยู่ ยูชอนจึงหาตัวเลือกอื่นมาหลอกล่อ 

                    “ของกินก็อร่อยๆ ทั้งนั้น”

     

                    “มัวแต่พูดอยู่นั่นแหละ!

                    จุนซูที่ยังคงทำหน้ายุ่งอยู่พูดแทรกขึ้นมา

     

                    “ห๊ะ? อะไรนะ?

     

                    “รีบๆ พาผมขึ้นไปบนงานได้แล้ว หิว!!

                    จุนซูยืนกอดอก ริมฝีปากเล็กๆ นั้นเชิดขึ้นเล็กน้อย

     

                    ยูชอนที่ได้ยินดังนั้นถึงกับหลุดหัวเราะออกมาเสียงดัง

                    “ฮะฮะฮ่า! ที่แท้ก็โมโหหิวนี่เอง”

     

                    จุนซูส่งเสียงฮึดฮัด ก็จะทำไมอ่ะ! ก็คนมันหิวอ่ะ!

     

                    “ป่ะๆ เด็กน่อย เดี๋ยวเสี่ยพาไปกินข่าว”

     

                โถไอ้เสี่ยหัวเถิกเอ้ย!’

    .

    .

    .

                    ทันทีที่ขึ้นมาถึงงานเลี้ยง ปาร์คยูชอนก็ถูกนักข่าวลากตัวไปถ่ายรูปอย่างทันที แต่ก่อนที่จะไปเขาก็ไม่ลืมที่จะกำชับให้จุนซูรอเขาอยู่ที่เดิม แต่มีหรอที่คนอย่างคิมจุนซูจะเชื่อฟัง

                   

                    “หิวจะตายชัก ใครจะไปหิ้วท้องรอวะ”

                    คนตัวเล็กบ่นออกมาในขณะที่กำลังก้าวขาเดินตรงไปยังโต๊ะอาหาร

     

                    แค่เห็นอาหารนานาชาติหน้าตาน่าทานวางอยู่ตรงหน้าท้องเขาก็ร้องเสียแล้ว และยิ่งเดินเข้าไปใกล้จนได้กลิ่นหอมๆ ของมัน กระเพาะของเขาก็รีบทำงานอย่างทันที

                    “อันนี้ก็น่ากิน อันนั้นก็น่ากิน โหว! มีแต่ของน่ากินเต็มไปหมดเลย!

     

                    จุนซูตื่นตาตื่นใจกับอาหารที่อยู่ตรงเบื้องหน้า จนลืมเรื่องหงุดหงิดเมื่อก่อนหน้านี้ไปอย่างทันที

                    “อยากเอากลับไปฝากพี่แจจุงจัง มีถุงมั้ยนะ หรือกล่องโฟมก็ได้”

     

                    จุนซูมองอาหารตรงหน้าพร้อมกับคิดถึงใบหน้าสวยๆ ของพี่ชาย เชื่อแล้วจริงๆ ว่าสอคนพี่น้องนี่รักกันเอาเสียมากๆ ไม่ว่าจะไปไหนมาไหน ถึงแม้จะไม่ได้อยู่ด้วยกันแต่ก็มักจะคิดถึงกันอยู่เสมอ เมื่อตัวเองได้กินของดีๆ ก็อยากให้อีกคนได้กินของดีๆ เหล่านั้นด้วย

     

                    จุนซูตักอาหารจำพวกค็อกเทลมาจิ้มกินไปเรื่อยๆ อันไหนอร่อยก็จิ้มมาหลายชิ้น พอกินหมดก็วนกลับไปจิ้มใหม่ มัวแต่เพลิดเพลินอยู่กับการกินจนลืมปาร์คยูชอนไปเสียสนิท รู้ตัวอีกที ไฟภายในงานก็ถูกดับลงพร้อมกับเสียงดนตรีสุดเร้าใจที่ดังขึ้นก่อนที่เหล่าบรรดานางแบบและนายแบบจะพากันเดินขบวนแฟชั่นโชว์ออกมา

     

                    ดวงตาเรียวเล็กจ้องมองการเดินแบบตรงหน้าอย่างสนอกสนใจ ดูไปก็จิ้มของกินเข้าปากไปด้วย บริกรที่เดินถือถาดน้ำผ่านมายื่นแก้วอะไรบางอย่างส่งให้เขา ซึ่งเขาก็มัวแต่มองบนเวทีอย่างเพลินๆ เลยเผลอยกแก้วน้ำนั่นขึ้นดื่ม เพียงแค่อึกเดียวเขาก็แทบจะปาแก้วนำนั่นทิ้งเสียแล้ว

                    “แหวะ! ไวน์นี่หว่า”

     

                    จุนซูและแจจุงไม่ชอบดื่มแอลกอฮอล์ทุกชนิด เพราะเขามีความฝังใจในรสชาติของมันว่ามันขม ส่วนแจจุงไม่ใช่ว่าไม่ชอบดื่ม แต่ไม่สมควรที่จะดื่มแอลกอฮอล์เข้าไปเลยต่างหาก เพราะเมื่อดื่มเข้าไปแล้ว

     

                    “จุนซู?

     

                    ในขณะที่กำลังคิดอะไรอยู่เพลินๆ เสียงหวานๆ ที่แสนจะคุ้นหูก็ดังแทรกความคิดของจุนซูเข้ามา คนตัวเล็กหันกลับไปมองทางด้านหลังก่อนที่จะเบิกตาเล็กๆ นั่นกว้างขึ้นด้วยความประหลาดใจ

                    “พี่แจจุง!

     

                    ทั้งแจจุงและจุนซูต่างก็ดูจะตกใจกับการพบเจอกันโดยบังเอิญในครั้งนี้เอาเสียมากๆ ทันทีที่เห็นหน้าแจจุง จุนซูก็เพิ่งจะนึกได้ว่างานเลี้ยงนี้ถูกจัดขึ้นที่ห้องแกรนด์บอลรูมของห้างเดอะคิงดอมที่พี่ชายตัวเองทำงานอยู่นั่นเอง แต่ที่น่าแปลกใจคือทำไมพี่ชายของเขาถึงมาอยู่ที่งานเลี้ยงนี้ได้

     

                    และคิมแจจุงเองก็มีความคิดที่ไม่ต่างกัน ทำไมน้องชายของเขาถึงมาอยู่ที่นี่ได้กันนะ?

                    “จุนซูมากับใครน่ะ?

     

                    “เขามากับเจ้านายคนที่เคยเล่าให้พี่แจจุงฟังนั่นแหละ”

     

                    แจจุงทำท่านึกอยู่สักพักหนึ่ง

                    “อ้อเจ้านายหน้าหนูคนนั้นซินะ ไหนๆ พี่อยากเห็นหน้าเขาจังว่าจะเหมือนหนูแบบที่จุนซูพูดรึป่าว?

     

                    “อยู่นู้นไงฮะ คนที่มีหน้าผากกว้างๆ เอาไว้สะท้อนแสงแฟลชอยู่ตรงที่คนเยอะๆ นั่นน่ะ”

     

                    แจจุงมองตามไปยังทิศที่น้องชายตัวเองเพยิดหน้าให้ดู ที่ที่คนเยอะๆ ตรงนั้นมีชองยุนโฮ เลขาคิม และใครบางคนที่เขาพอจะจำได้ว่าเคยเจอคนคนนี้ที่ห้องสมุดพร้อมกับยุนโฮในวันนั้น

                    “เอ๊ะ? นั่นเพื่อนท่านประธานนี่นา”

     

                    “หืม?

     

                    “เจ้านายของจุนซูน่ะ เป็นเพื่อนกับท่านประธานของพี่แหละ”

     

                    จุนซูทำหน้างงก่อนที่จะหันกลับไปมองยังทิศทางเดิมที่มีปาร์คยูชอนและใรบางคนยืนอยู่ด้วยข้างๆ ใครคนนั้นที่มีใบหน้าเรียบเฉย ดวงตาคมนิ่งไม่แสดงความรู้สึกใดๆ ออกมา ท่านประธานของพี่แจจุง

                    “เขาคือคนที่พี่ชอบเอามาเล่าให้ฟังซินะ”

     

                    แจจุงอมยิ้ม แก้มขาวๆ กลายเป็นสีชมพูระเรื่อ

                    “อื้อเขานั่นแหละ หลุมหลบภัยของพี่”

     

                    จุนซูมองสายตาของพี่แจจุงที่ใช้มองชองยุนโฮอย่างสังเกต แววตาของพี่แจจุงที่ใช้มองคนคนนั้น บวกกับน้ำเสียงและท่าทางของพี่ชายตนเองในเวลาที่พูดถึงชองยุนโฮให้เขาฟังนั้นเป็นสิ่งที่บ่งบอกความรู้สึกของพี่แจจุงที่มีต่อเจ้านายของตนเองได้อย่างทันที

                    “พี่แจจุง”

     

                    แจจุงที่กำลังมองยุนโฮอยู่ขานตอบรับ แต่ก็ยังไม่ได้ละสายตาออกจากคนร่างสูง

                    “หืม?

     

                    “พี่ชอบผู้ชายคนนั้นใช่มั้ย?

     

                    คำถามของจุนซูทำให้แจจุงถึงกับชะงักนิ่งไปอย่างทันที ถึงแม้ว่าภายในงานจะเปิดดนตรีเสียงดังมากแค่ไหนก็ตามแต่ในตอนนี้ ภายในหัวของเขากลับไม่ได้รับรู้ถึงเสียงเพลงเหล่านั้นเลย มีแต่คำพูดของจุนซูเท่านั้นที่ลอยก้องอยู่ในโสตประสาทของเขาไปมา

     

                    “พี่ชอบผู้ชายคนนั้นใช่มั้ย?

     

                ชอบชองยุนโฮอย่างงั้นหรอ?’

     

                ‘เขาชอบยุนโฮรึป่าวนะ?’

     

                นั่นซิทำไมเขาถึงอยากอยู่ใกล้คนคนนี้ ต่อให้ยุนโฮไล่เขาเป็นสิบๆ รอบ หาเรื่องมาแกล้งเขาสารพัด แต่เขาก็ยังไม่คิดจะไปไหน ยังคงที่จะทำงานที่ห้างแห่งนี้ต่อไป ยอมแม้จะต้องมาทำงานเป็นพนักงานทำความสะอาด ยอมช่วยยุนโฮปลาบผีทั้งๆ ที่ตัวเองนั้นกลัวแทบตาย ยอมในหลายๆ เรื่อง ขอเพียงแค่ให้เขาได้อยู่ใกล้ๆ ยุนโฮก็พอ อันที่จริงไม่ต้องให้ได้เห็นหน้ากันทุกวัน แค่พอได้เห็นบ้าง แค่ให้เขารู้สึกอุ่นใจว่าเขาได้อยู่ใกล้หลุมหลบภัยหลุมนี้ก็เพียงพอแล้วจริงๆ

     

                    “พี่แจจุง?

                    จุนซูเอ่ยเรียกพี่ชายตัวเองอีกครั้งเมื่อเห็นว่าแจจุงนั้นเงียบไป

     

                    แจจุงยกยิ้มบาง เขาหันมามองน้องชายก่อนที่จะเอ่ยปากตอบกลับไปด้วยรอยยิ้มบวกกับแก้มที่ขึ้นสีระเรื่อน่ามอง

                    “คงงั้นมั้ง”

     

                    แม้จะเป็นคำตอบสั้นๆ แต่ก็สามารถอธิบายความรู้สึกของแจจุงในตอนนี้ได้เป็นอย่างดีว่า

                เขากำลังชอบท่านประธาน

     

                    คำตอบที่ได้รับจากพี่ชายตนเองนั้นไม่ได้ทำให้จุนซูรู้สึกตกใจหรือแปลกใจมากสักเท่าไหร่ ก็ในเมื่อเขาพอจะรู้อยู่แล้วนี่นาว่าพี่ชายของเขานั้นรู้สึกยังไง

     

                เขาก็หวังและได้แต่อวยพรให้พี่แจจุงนั้นโชคดี

                ช่วยทำให้พี่ชายที่แสนดีของผมมีความสุขด้วยทีเถอะนะคุณยุนโฮ

    .

    .

    .

                    งานแถลงข่าวใกล้จะจบลง การเดินแบบบนเวทีจบลงไปได้สักพักแล้ว ตอนนี้เป็นช่วงสัมภาษณ์พรีเซ็นเตอร์สาวสวยร่วมกับผู้บริหารแบรนด์ ชองยุนโฮจึงมีเวลาปลีกตัวออกมาจากกองทัพนักข่าว เขากวาดสายตามองไปรอบๆ งานเพื่อมองหาใครบางคน ก่อนที่ดวงตาคมจะไปสะดุดเข้ากับแผ่นหลังบางๆ ของคิมแจจุงที่ยืนอยู่ตรงมุมอาหาร เขาขมวดคิ้วเมื่อเห็นว่าแจจุงนั้นกำลังคุยกับใครบางคนอยู่

                    “หมอนั่นคุยกับใคร?

     

                    ถึงยุนโฮจะพูดออกมาเบาๆ แต่เลขาคิมที่ยืนอยู่ข้างๆ กันก็ยังคงได้ยินมันอยู่ดี

                    “นั่นน้องชายของคิมแจจุงครับ ชื่อคิมจุนซู รู้สึกว่าจะทำงานอยู่กับคุณยูชอน เพราะคุณยูชอนเป็นคนพามา”

     

                    “น้องชายอย่างงั้นหรอ”

     

                    “ครับ แจจุงพามาแนะนำตัวกับผมตอนที่นายน้อยให้สัมภาษณ์อยู่”

     

                    ยุนโฮพยักหน้ารับเบาๆ เขากำลังจะเดินเข้าไปหาคนทั้งสองแต่ก็ถูกนักข่าวและผู้เช่าร้านกลุ่มหนึ่งเดินเข้ามาคุยด้วยเสียก่อน

                ให้ตายซิ! วันนี้เขาจะได้กินข้าวมั้ยวะเนี่ย!’

     

                    ยุนโฮทำหน้าหงุดหงิดจนเลาขาคิมที่ยืนอยู่ใกล้ๆ ต้องเอ่ยปากเตือนเบาๆ

                    “ยิ้มเข้าไว้ครับ ท่องเอาไว้เพื่อธุรกิจเพื่อห้างเดอะคิงดอม”

     

                    ยุนโฮสูดหายใจเข้าปอดเฮือกใหญ่เพื่อเป็นการสงบสติอารมณ์ ดวงตาคมหันกลับไปมองแผ่นหลังของคิมแจจุงอีกครั้งอย่างครุ่นคิด

                    หมอนั่นอยู่กับน้องชาย คงจะไม่ไปก่อเรื่องวุ่นวายอะไรหรอกนะ

                   

                    และเมื่อคิดได้ดังนั้นยุนโฮจึงกลับมาฉีกยิ้มการค้าให้กับบุคคลที่อยู่ตรงเบื้องหน้าทั้งหลายโลกธุรกิจบางทีก็ไม่ต่างอะไรกับโลกมายานักหรอก เพราะในตอนนี้ห้างคู่แข่งกำลังจะเปิดตัว ถ้าเขาไม่รักษาความสัมพันธ์กับคนกลุ่มนี้เอาไว้ผลเสียจะตามมาในอนาคตข้างหน้านี้แน่ๆ เอาเป็นว่า

     

                    คิมแจจุงอย่าเพิ่งก่อเรื่องตอนนี้ก็แล้วกัน

     

                แล้วมันเกี่ยวอะไรกับคิมแจจุง? นั่นซิ? ชองยุนโฮก็ได้แต่คิดและสงสัยกับตนเองอยู่เช่นกัน

    .

    .

    .

                จุนซูกับแจจุงพูดคุยถึงการเดินแบบที่น่าตื่นตาตื่นใจด้วยกันในขณะที่มือและตาก็จ้องมองหาของกินไปด้วย พวกเขาทั้งสองคนลืมเรื่องเจ้านายของตัวเองในตอนที่ได้อยู่ด้วยกันประหนึ่งเหมือนมางานนี้ด้วยกัน ทั้งๆ ที่ต่างคนต่างมา จนเวลาผ่านไปนานหลายนาที จุนซูที่มัวแต่จิ้มอาหารกินและมองดูดารานางแบบไปอย่างเพลินๆ เผลอแป๊บเดียวพี่ชายของเขาก็ก่อเรื่องให้เสียแล้ว

     

                    “จุนซูๆ น้ำแก้วนี้อร่อยมากๆ เลยแหละ น้องชิมรึยัง?

     

                    จุนซูหันหน้ากลับมามองพี่ชาย ก่อนที่ดวงตาเล็กๆ จะต้องเบิกกว้างขึ้นด้วยความตกใจ ส่วนคนพี่ที่กำลังก่อเรื่องให้น้องชายตัวเองอยู่กลับไม่ได้รู้เรื่องรู้ราวอะไรกับเขาเลย ยกแก้วน้ำนั่นขึ้นดื่มจนหมดแก้วก่อนที่จะหันไปหยิบแก้วใหม่มาดื่มต่อ จุนซูเห็นดังนั้นจึงรีบเข้าไปแย่งแก้วที่บรรจุน้ำสีสวยๆ นั่นมาถือเอาไว้เอง

     

                    “พี่แจจุง!

     

                    แจจุงทำหน้ายุ่ง ทำแก้มพองๆ ผิวหน้าขาวๆ ขึ้นสีแดงระเรื่อ

                    “อะไรอ่ะ! มาแย่งพี่ทำไม อยากกินก็ไปหยิบเองซิ”

     

                    แจจุงพยายามจะแย่งแก้วน้ำของตัวเองคืนมาจากจุนซูจนคนน้องต้องทำหน้าและเสียงดุใส่

                    “พี่แจจุง! หยุดเลยนะ”

     

                    คนพี่เบะปาก

                    “ทำไมต้องดุพี่ด้วยล่ะ”

     

                    จุนซูมองหน้าแดงๆ ของพี่ชายพร้อมกับถอนหายใจออกมา นั่นไง! อาการเริ่มออกมาแล้วมั้ยล่ะ!

                    “พี่แจจุงรู้มั้ยว่าที่พี่กินไปน่ะมันเป็นค็อกเทลที่ผสมแอลกอฮอล์นะ”

     

                    แจจุงมองหน้าน้องชายนิ่งๆ

                    “แอล…. กอ…… ฮอล์”

     

                    จุนซูพยักหน้ารับ

                    “ใช่”

     

                    แจจุงฟังแล้วก็ได้แต่ขบกัดริมฝีปากของตัวเองเอาไว้

                    “พี่…… จะเมามั้ย?

     

                    จุนซูถอนหายใจออกมาเบาๆ เขาเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าค็อกเทลพวกนี้ผสมแอลกอฮอล์มากน้อยแค่ไหน แต่ที่เขารู้ คือรู้ว่าพี่แจจุงนั้นเป็นคนคออ่อน และขอย้ำ! ว่าเป็นคนที่คออ่อนมากเสียด้วยซิ

                    “พี่กินไปแค่แก้วเดียว คงไม่เมาหรอก”

     

                    แจจุงก้มหน้า เขาเงียบไม่ยอมพูดอะไรกลับไปจนน้องชายต้องยื่นมือออกมาแตะที่แขนของพี่ชายเบาๆ

                    “จุนซู…….

     

                    “หืม?

     

                    “จริงๆ แล้ว พี่ไม่ได้กินไปแค่แก้วเดียวหรอก”

     

                    พี่ชายคนสวยค่อยๆ เงยหน้าขึ้นมามองสบตากับน้องชายของตัวเองช้าๆ

                    “แก้วเมื่อกี้ที่เพิ่งกินหมดไป

     

                    “เป็นแก้วที่ห้าของพี่”

     

                    “ห๊า!!!!!

                    จุนซูเผลอตะโกนออกมาเสียงดัง ดวงตาเล็กๆ แทบจะถลนออกมา

     

                    แจจุงมองน้องชายด้วยใบหน้าหงอยๆ

                   

                    “ฉิบหายแล้ว!!

                    ฉิบหายแน่ๆ งานนี้ นั่นคือคำพูดที่สามารถบ่งบอกความรู้สึกของคิมจุนซูในตอนนี้ได้เป็นอย่างดี

     

                    ความซวยบังเกิดแล้วมั้ยล่ะคิมจุนซูเอ๋ย!

     

                    “พี่ว่า…. พี่ ม๊าย เปน ราย น๊า แค่มึน นิด หน่อย เอ๊งงงงงง”

                    เสียงของแจจุงเริ่มยานคาง ไหนจะดวงตากลมโตทีกำลังจ้องมองจุนซูด้วยสายตาที่หยาดเยิ้มนั่นอีกล่ะ ไม่เมาเลยสักนิด พี่แจจุงบอกว่าตัวเองไม่เมา แต่อาการของพี่ในตอนนี้น่ะมันเรียกว่าคนเมาชัดๆ

     

                    “พี่แจจุงเรากลับบ้านกันเดี๋ยวนี้เลย!

                    จุนซูรีบลากพี่ชายคนสวยให้เดินออกไปจากงาน แต่แจจุงดูเหมือนจะไม่ให้ความร่วมมือสักเท่าไหร่

     

                    “เดี๋ยวซี่…… พี่ยางม่าย…..ได้บอกลาท่าน…..ปาธานเลยน๊า”

     

                    “เดี๋ยวค่อยโทรบอก”

                    ตอนนี้ไม่มีอะไรสำคัญเท่ากับรีบลากพี่ชายของเขากลับบ้านให้เร็วที่สุดแล้ว! เพราะพี่แจจุงของเขาในเวลาเมาเป็นอะไรที่น่ากลัวที่สุด

     

                    และในตอนที่กำลังจะเดินไปที่ลิฟต์โทรศัพท์มือถือของคิมจุนซูก็ดังขึ้น คนตัวเล็กปล่อยมือพี่ชายก่อนที่หยิบออกมาดูและเพราะชื่อปลายสายทำให้เขาจำเป็นต้องกดรับสายปาร์คยูชอน

                    [อยู่ไหน?]

     

                    “กำลังจะกลับบ้าน”

     

                    [ห๊ะ? ใครบอกให้นายกลับบ้าน รีบเข้ามาในงานเดี๋ยวนี้เลยนะ หน้าที่ของนายยังไม่เสร็จเลยจะรีบหนีกลับได้ยังไง]

     

                    “ผมรีบจริงๆ เอาไว้พรุ่งนี้ผมจะทำงานชดเชยให้ก็แล้วกันแค่นี้นะ!

     

                    [เดี๋ยว! อย่าเพิ่งวาง…… คิมจุนซู!!!!!]

     

                    “โว๊ย!!! ไอ้หน้าหนูบอกว่าไม่ว่างๆๆๆ ไม่ได้ยินรึไง แค่นี้นะไม่ต้องพูดแล้ว พอ!!!!

                    เพราะเรื่องของพี่ชายจึงทำให้คิมจุนซูฟิวส์ขาดได้ง่าย เขาตะโกนด่าปาร์คยูชอนอย่างเหลืออดจนลืมเรื่องตำแหน่งและสถานะของคนคนนี้ไปเลย

     

                    จุนซูหอบขายใจแรงด้วยความเหนื่อย เอาล่ะเคลียปัญหาจบแล้วทีนี้เขาก็พาพี่แจจุงกลับบ้านได้แล้ว

                    “ป่ะพี่แจจุง กลับ………บ้านกัน”

     

                    ท้ายประโยคนั้นแทบจะขาดหายไปกับบรรยากาศที่แสนเงียบเมื่อจุนซูหันหน้ากลับมาพบกับความว่างเปล่า ถ้าเป็นในการ์ตูน ในฉากนี้ก็คงจะมีใบไม่ปลิวพร้อมกับเสียงลมที่พัดผ่านดัง ฟิ้ว

     

                เงียบ

                ที่ข้างๆ กายของเขาไม่มีพี่ชายคนสวยยืนอยู่ด้วยอีกต่อไปแล้ว

     

                    “ฉิบหาย!!!!!

                    คิมแจจุงหายตัวไปแล้ว!!!!

     

                    วันนี้มันเป็นวันซวยอะไรของเขากันนะ เพราะไอ้หน้าหนูนั่นแท้ๆ เลย คอยดูนะ ถ้าเจอจะจับถอนขนให้หมดหัวเลย!! แต่ก่อนอื่น เขาคงต้องรีบไปตามหาพี่แจจุงเสียก่อน ไม่รู้ว่าเดินไปไหนแล้ว ให้ตายซิ! นี่เขาเผลอแค่แป๊บเดียวเองนะ

     

                    “หายไปไหนนะพี่แจจุง”

     

                อย่าง เพิ่งมีเรื่องอะไรเกิดขึ้นกับพี่แจจุงเลยนะ

                ขอร้องล่ะ

                   

    TBC ^-----------^*

     

     

    *******************************************************

     

    Talk : )

     

    สวัสดีค่ะทุกคน ^^
    แค่อยากจะบอกว่าวันนี้เหนื่อยมากเลย เข็นร่างพังๆ มาอัพฟิคสุดชีวิต
    เพราะคนอ่านเลยนะเนี่ย หลายๆ คนน่าจะรู้ว่าเรามีนัดกันทุกๆ วันอาทิตย์ดึกๆ ในยามปกติที่มุกไม่เบี้ยวอ่ะนะ 55555
    ส่วนอาทิตย์หน้ามุกจะไปเที่ยวทะเลค่ะ สามวันเลย กลับมาก็ทำงานต่อเลย ยิงยาว
    ไม่รู้จะมีแรงมาอัพมั้ย
    ถ้ามีก็จะมาอัพให้นะคะ

    หวังว่าทุกคนจะสนุกกับผฟิคเรื่องนี้นะคะ
    ตอนหน้าแจจุงจะไปสร้างความเดือดร้อนอะไร เดี๋ยวมาลุ้นกัน ฮิฮิ
    ชางมินหายไปนานและ คิดถึงเหมือนกันแหะ ><
    เดี๋ยวรอโอกาสเหมาะจะพามารับเชิญใหม่

    ใครเล่นทวิต ถ้าอยากคุยหรือติดต่อสอบถามเรื่องฟิคก็เมนชั่นมาได้เลยค่ะ ฟิคเก่าๆ พอเหลืออยู่นิดนึง สอบถามมาได้
    Twitter >>> http://twitter.com/@MMooKiiEE  
    E-mail >>> mookiie_jong@hotmail.com

    ขอขอบคุณทุกๆ คนที่กดเข้ามาอ่านนะคะ
    แล้วเจอกันใหม่ตอนหน้าค่ะ

    ^------------------------------^*

     *******************************************************

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×