คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #15 : ,,, Part 14 ,,, นี่ชองยุนโฮหรือโคนัน?
Title : Mystery Love
Type : Long fiction
Author : *..MooKiiE..*
Category : Comedy / Romance
Paring : Yunho x Jaejoong / YooChun x JunSu
Note : เรื่องนี้มุกได้แรงบันดาลใจมาจากซีรี่ส์เกาหลีเรื่อง The Master’s Sun นะคะ จึงทำให้เนื้อหาบางอย่างอาจคล้ายคลึงกันบ้าง
*******************************************************
ขอให้มีความสุขในการอ่านค่ะ และ
อย่าลืมกดเป็นแฟนพันธุ์แท้ฟิคเรื่องนี้กันนะคะ ^^
Part 14
“ทำไมถึงชอบลงไปนั่งเล่นที่พื้นนักนะคิมแจจุง”
เสียงนั้นดังขึ้นพร้อมกับการปรากฏตัวของชองยุนโฮ หลุมหลบภัยของคิมแจจุง…
วันนี้แจจุงถูกผลักให้ล้มลงมานั่งอยู่ที่พื้นถึงสองครั้ง
และทั้งสองครั้งก็มีชองยุนโฮเป็นผู้เดินเข้ามาช่วยเขาเอาไว้
เหมือนฉายเหตุการณ์ซ้ำกับเมื่อเช้าทุกประการ ท่ามกลางผู้คนที่ยืนล้อมมองดูเขาที่นั่งอยู่บนพื้น มีร่างสูงของชองยุนโฮที่เดินผ่านแทรกเข้ามาได้อย่างง่ายดายเพราะทุกๆ คนล้วนหลีกทางให้กับเขา
ฝ่ามือหนายังคงถูกส่งยื่นมาจ่อตรงหน้าของเขาดังเดิม ดวงตากลมโตเงยหน้าขึ้นไปสบสายตากับดวงตาคมที่กำลังจ้องมองมาที่ตนเองอยู่เช่นกัน และนี่ก็เป็นอีกครั้งที่ชองยุนโฮทำให้คิมแจจุงอยากจะร้องไห้เมื่อคนร่างสูงย่อตัวลงมานั่งยองๆ อยู่ตรงหน้าเขา
ยุนโฮมองคนตัวเล็กตรงหน้าที่กำลังจะเบะปากร้องไห้แล้วก็ได้แต่แอบขำในใจ ตอนที่เขายังไม่ออกมาช่วยก็ทำเป็นเก่งดีอยู่หรอก แต่พอเขาออกมาช่วยทีไรก็เบะปากจะร้องไห้ทุกที
“ที่พื้นมันนุ่มมากหรอถึงชอบลงไปนั่งน่ะ”
แจจุงส่ายหัวไปมาดุ๊กดิ๊ก
“แข็ง”
“แล้วลงไปนั่งทำไมบ่อยๆ ทำตัวเป็นเด็กไปได้”
แทนที่จะมองว่าเป็นคนบ้าเหมือนกับคนอื่นๆ แต่เขากลับบอกว่าแจจุงทำตัวเหมือนกับเด็กๆ ซึ่งนอกจากจะทำให้คนตัวเล็กรู้สึกดีขึ้นมาได้แล้วมันยังทำให้แจจุงมีกำลังใจที่จะจัดการกับปัญหาที่อยู่ตรงหน้านี้ต่ออีกด้วย ขอแค่มีหลุมหลบภัยอยู่ข้างๆ เขาก็พร้อมที่จะสู้ต่อ
“ลุกขึ้นซะ”
ยุนโฮยืดตัวลุกขึ้นยืนพร้อมกัยส่งฝ่ามือของตนเองไปให้แจจุงจับ ซึ่งแจจุงก็ยินยอมที่จะจับฝ่ามืออบอุ่นข้างนั้นอย่างเต็มใจ เขาลุกขึ้นยืนตามแรงดึงของคนร่างสูง
แม้จะมีผู้คนรุมล้อมจับตาดูพร้อมกับซุบซิบนินทาเรื่องของพวกเขาเอาไว้อยู่มากมาย แต่ยุนโฮก็สามารถทำตัวเป็นปกติได้เป็นอย่างดีเพราะเขาชินกับเหตุการณ์เช่นนี้แล้ว
“ไหนบอกว่าจะมาหาเจ้าของรองเท้าข้างนี้ไม่ใช่หรอ? แล้วไง… เจอรึยังล่ะ”
แจจุงพยักหน้ารับ
“เจอแล้วครับ”
นิ้วขาวๆ ยกขึ้นชี้ไปที่สามีของชินเอก่อนที่จะรีบเอ่ยปากฟ้องยุนโฮอย่างทันที
“แต่เขาคนนั้นไปยอมรับว่าเป็นรองเท้าของภรรยาตัวเอง”
“ผมไม่ได้พูดโกหก! รองเท้าภรรยาของผมอยู่นี่ ส่วนหมอนั่นก็เอาแต่พูดเรื่องเพ้อเจ้อเหมือนคนบ้า”
ฝ่ายสามีที่ถูกกล่าวหาก็รีบเอ่ยปากแก้ตัว เขารีบชูรองเท้าที่ตนเองถืออยู่ขึ้นมาโชว์ คนที่รุมดูเหตุการณ์อยู่ต่างก็พากันฮือฮา
ยุนโฮมองดูรองเท้าข้างที่อยู่ในมือของผู้ชายคนนั้นพร้อมกับกระตุกยิ้ม
“เลขาคิมครับ ช่วยพาคุณตำรวจที่จะมาขอพบคุณผู้ชายคนนี้เข้ามาที”
“ครับ”
เลขาคิมที่ยืนอยู่ข้างหลังตอบรับคำสั่งก่อนที่จะผละตัวออกไป
แจจุงหันไปมองยุนโฮด้วยความสงสัย ก่อนที่จะหันกลับไปทางด้านหลัง เขาเห็นเลขาคิมเดินตรงเข้ามาหาพวกเขาพร้อมกับตำรวจอีกสองนาย และในมือของตำรวจคนหนึ่งก็มีรองเท้าสีแดงซึ่งเป็นแบบเดียวกันกับที่แจจุงและผู้ชายคนนั้นถืออยู่เข้ามาด้วย
“รองเท้าของชินเอ”
แจจุงพึมพำออกมาเบาๆ
ยุนโฮยกยิ้มที่มุมปากหลังจากที่ได้เห็นแววตาหวาดวิตกของผู้ชายคนนั้น
“แล้วเราจะได้รู้กันว่าคิมแจจุงบ้า หรือว่าคุณพูดโกหกกันแน่”
ยุนโฮหันไปยิ้มการค้าให้กับคุณตำรวจก่อนที่จะเอ่ยปากถาม
“ไม่ทราบว่ารองเท้าที่คุณตำรวจถืออยู่เป็นของใครหรอครับ?”
ตำรวจคนที่ถือรองเท้าเอาไว้อยู่รีบเอ่ยปากตอบกลับไปอย่างทันที
“อ้อ… เป็นรองเท้าของคุณชินเอที่เธอสวมเอาไว้ในตอนที่เกิดอุบัติเหตุน่ะครับ ผมเอาไปตรวจสอบแล้วไม่มีสิ่งผิดปกติอะไรจึงจะนำมันมาคืนให้กับสามีของเธอ”
“ขอผมดูหน่อยได้มั้ยครับ?”
ตำรวจคนนั้นส่งรองเท้าให้กับชองยุนโฮ คนร่างสูงรับมันมาถือเอาไว้ก่อนที่จะหันกลับไปสบตากับผู้ชายที่กำลังยืนจ้องเขาตาเขม็ง
“ถ้าเราเอารองเท้ามาเทียบกัน เราก็จะรู้ได้อย่างทันทีว่าข้างไหนเป็นของจริง และข้างไหนเป็นของปลอม”
ยุนโฮเดินไปหยิบรองเท้าที่สามีของชินเอกำเอาไว้แน่นด้วยแรงที่มากพอสมควร เขายกข้างที่เป็นของชินเอขึ้นมาก่อนที่จะนำรองเท้าข้างนั้นขึ้นมาเทียบเอาไว้ข้างๆ และทันใดนั้นก็เกิดเสียงฮือฮาจากบุคคลรอบๆ กายขึ้นมาได้อย่างทันที แจจุงเองก็อดที่จะอึ้งไม่ได้กับการกระทำที่แสนฉลาดของชองยุนโฮ
“โอ๊ะ!!!!”
ทุกคนรอบข้างต่างก็อุทานออกมาเป็นคำเดียวกัน
ยุนโฮยกยิ้มก่อนที่จะพูดออกไปด้วยน้ำเสียงนิ่งๆ
“หึ! ดูเหมือนว่ารองเท้าของคุณจะไม่เหมือนกันนะครับ”
เขาปล่อยรองเท้าข้างที่เป็นของปลอมนั้นลงพื้น ก่อนที่ใบหน้าคมจะหันกลับไปมองแจจุงที่ยืนอยู่ทางด้านหลัง เขาเอียงหัวส่งสัญญาณให้คนตัวเล็กนั้นเดินเข้ามาหา
ซึ่งแจจุงก็ยอมทำตามแต่โดยดี เขาจ้องสามีของชินเอก่อนที่จะยื่นรองเท้าข้างที่ตนเองถืออยู่ในมือให้กับฝ่ามือของยุนโฮที่ยื่นออกมาเตรียมรอรับรองเท้าจากเขาอยู่แล้ว
คนร่างสูงยกรองเท้าทั้งสองข้างขึ้นมาวางเทียบกันต่อหน้าแม่และสามีของชินเอ และสิ่งที่ทุกๆ คนเห็นก็เรียกเสียงฮือฮาให้กลับมาดังได้อีกครั้ง
“หึ! กลับกัน รองเท้าสองข้างนี้ต่างหากที่เหมือนกัน”
เลขาคิมที่ยืนดูเหตุการณ์อยู่ห่างๆ ถึงกับยกยิ้ม แจจุงเองก็อดไม่ได้ที่จะชื่นชมยุนโฮอยู่ในใจ ส่วนคุณแม่ของชินเอที่ได้รู้ความจริงก็ถึงกับช็อคไปเลย
‘นี่ชองยุนโฮหรือโคนัน?’
“นี่รองเท้าของชินเอจริงๆ น่ะหรอ?”
เธอหยิบรองเท้าที่อยู่ในมือของยุนโฮมาถือเอาไว้ก่อนที่จะหันหน้ากลับไปมองลูกเขยด้วยแววตาที่ทั้งสับสนและไม่เข้าใจ
“แล้วที่เธอมีนั้น… มันคืออะไร?”
ชายคนนั้นทำหน้าเครียดด้วยความวิตกกังวล เขาพยายามจะสรรหาข้อแก้ตัวมาพูดเพื่อให้กับตนเองแต่ในเมื่อหลักฐานมันชี้ชัดมากขนาดนี้ เขาจะสามารถทำอะไรได้
ดวงตาคมของยุนโฮมองผ่านกระจกบานใสเข้าไปในร้าน เขาเห็นผู้หญิงคนหนึ่งยืนหลบมุมอยู่ตรงนั้น ยุนโฮจึงหันกลับไปเรียกรปภ.ของห้างพร้อมกับออกคำสั่ง
“ผู้หญิงที่ยืนอยู่ตรงหลังเสาต้นนั้น ไปพาเธอออกมา”
รปภ.ทั้งสองคนรีบทำตามคำสั่งให้ยุนโฮอย่างทันที เขารีบพุ่งเข้าไปลากร่างของหญิงสาวที่พยายามขัดขืนให้เดินออกมานอกร้านด้วยความทุลักทุเล เพราะเท้าของเธอนั้นขาดร้องเท้าไปข้างหนึ่ง ซึ่งสิ่งนั้นก็ทำให้ทุกๆ คนต่างก็พากันจ้องมองและฮืฮฮากันอย่างเสียงดัง
ยุนโฮยิ้มเยาะให้กับผู้ชายคนนั้น เขาปรายสายตามองไปที่เท้าของหญิงสาวก่อนที่จะเอ่ยปากพูด
“ดูเหมือนรองเท้าที่คุณมีอยู่… น่าจะเป็นของผู้หญิงคนนี้นะครับ”
“นี่เธอ!! โกหกฉันมาตลอดอย่างงั้นหรอ? เธอหลอกลูกที่รักของฉันได้ยังไง!”
หัวอกของคนเป็นแม่ที่ต้องมาสูญเสียลูกก่อนวัยอันควรยังบอบช้ำไม่หาย และยิ่งไม่ได้รับรู้เรื่องราวในวันนี้ก็ยิ่งทำให้หัวใจของคนเป็นผู้ให้กำเนิดแตกออกเป็นเสี่ยงๆ เพราะเศร้าและเสียใจมากจนเกินไป หญิงสูงวัยจึงเกิดอาการหน้ามืดเหมือนจะเป็นลมจนยุนโฮต้องรีบเข้าไปช่วยพยุงเอาไว้
สามีของชินเอกำมือแน่นในตอนที่ตำรวจเดินเข้ามารวบตัวเขาเอาไว้ แจจุงจึงตัดสินใจเดินนำข้อความบางอย่างที่ชินเอบอกกับเธอเอาไว้ไปบอกให้เขาได้รู้
“ภรรยาของคุณ… จะจับตารอดูคุณตาย”
“เหมือนกับที่คุณ… มองดูเธอตายเหมือนกัน”
.
.
.
ที่ชั้นดาดฟ้าของทางห้างสรรพสินค้าที่เงียบสงบ มีเพียงเสียงของสายลมที่พัดผ่านไปมาเบาๆ พอให้ได้ยิน แจจุงจึงเลือกสถานที่นี้ในการพูดคุยกับแม่ของชินเอ
“ลูกสาวของฉันคอยดูเราอยู่หรอ?”
แจจุงมองผ่านไหล่ของหญิงสูงอายุไปทางด้านหลัง มีร่างของชินเอยืนอยู่ ซึ่งสภาพของเธอในตอนนี้ไม่ได้มีคราบเลือดเปรอะเปื้อนอะไรอีกต่อไปแล้ว เธออยู่ในสภาพที่สวย ดูดี เพียงแต่มีผิวที่ขาวซีดกว่าคนปกติแต่เพียงเท่านั้น ดวงตาของชินเอมีแต่ความเศร้าหมองประดับเอาไว้อยู่ แจจุงก็ได้แต่มองคนทั้งคู่ด้วยความสงสาร
“ครับ เธออยู่ใกล้ๆ คุณนี่เอง”
“ฮืออออออ…. ชินเอ………… ชินเอลูกแม่”
ชินเอเดินเข้ามาสวมกอดแม่ของเธอจากทางด้านหลัง น้ำตาของเธอไหลออกมาจากดวงตาไม่ขาดสาย พอๆ กับน้ำตาของคุณป้าคนนั้นที่ร้องไห้จนเหมือนจะขาดใจตาย
“เธอกำลังกอดคุณอยู่”
แจจุงบอกเพียงแค่นั้นเสียงปล่อยโฮร้องไห้เสียงดังของคุณป้าก็ดังขึ้นไปอีก แจจุงยืนมองพวกเขาอย่างเงียบๆ ท่ามกลางสายลมที่พัดผ่านมาอย่างเอื่อยเฉื่อยมีแต่เสียงร้องไห้ที่ดังสะท้อนอยู่ในบริเวณนี้ ความเศร้าที่แผ่ออกมาจากทั้งคู่นั้นแจจุงสามารถรับรู้ได้ ดวงตากลมโตเอ่อคลอไปด้วยน้ำตาใสๆ เขารู้สึกหดหู่ใจที่ต้องมาเห็นการจากลาในรูปแบบคล้ายๆ กันนี้หลายต่อหลายครั้ง ต้องยืนดูคนรักกันมากมายที่ต้องมาจากลากัน ยืนอยู่ข้างกัน แต่ไม่สามารถสัมผัสถึงกันได้ ถึงจะเจอเหตุการณ์เหล่านี้มาหลายร้อยครั้ง แต่เขาก็ยังไม่ชินกับความรู้สึกนี้อยู่ดี
เวลาผ่านไปนานพอสมควร ร่างของชินเอค่อยๆ แตกสลายมลายหายไปในอากาศอยางช้าๆ จนในที่แห่งนั้นเหลือเพียงแค่คุณแม่ของเธอที่ยืนร้องไห้อยู่
“คุณต้องเข้มแข็งให้ได้นะครับ”
คนที่จากไปแล้วไม่อาจหวนกลับมาได้ แต่คนที่ยังอยู่ก็ต้องก้าวเดินต่อไป
ไม่ต้องรีบร้อน เพราะยังไง ทุกๆ คนจะต้องมีวันนั้นเหมือนกันอย่างแน่นอน…
ซึ่งนั่นก็คือ…
วันตาย…
.
.
.
แจจุงกลับขึ้นมายังห้องทำงานของยุนโฮตามคำสั่งของคนร่างสูงที่บอกเขาเอาไว้ก่อนที่เขาจะไปคุยกับแม่ของชินเอ คนตัวเล็กฉีกยิ้มให้กับเลขาคิมที่ส่งยิ้มใจดีมาให้กับเขา และก่อนที่เขาจะได้เปิดประตูเข้าไปยังห้องทำงานของท่านประธาน เลขาคิมก็พูดบางสิ่งบางอย่างขึ้นมาเสียก่อน
“ยินดีด้วยนะครับ”
ประโยคนั้นทำเอาแจจุงถึงกับทำหน้าเหวอด้วยความมึนงง
“เอ๊ะ? ยินดี? ยินดีเรื่องอะไรครับ”
เลขาคิมไม่ตอบ เขาเพียงแค่ยิ้มบางๆ ก่อนที่จะก้มหน้ากลับไปพิมพ์เอกสารต่อ ปล่อยให้คิมแจจุงยืนทำหน้างงอยู่ที่หน้าห้องเพียงคนเดียว คนตัวเล็กขมวดคิ้วก่อนที่จะเคาะประตูห้องทำงานของท่านประธานเป็นเชิงขออนุญาตสองสามที และเมื่อได้ยินเสียงตอบรับจากคนในห้องเขาจึงเปิดประตูเข้าไป
ชองยุนโฮที่นั่งจ้องหน้าจอคอมพิวเตอร์อยู่ละสายตาออกมามองเขาด้วยใบหน้านิ่งๆ แจจุงที่ยืนอยู่ตรงหน้าประตูก็ทำอะไรไม่ถูกได้แต่ยืนเก้ๆ กังๆ
“นั่งซิ”
พอยุนโฮอนุญาต แจจุงจึงเดินมาทรุดตัวลงนั่งที่เก้าอี้ที่ตั้งอยู่ทางด้านหน้าโต๊ะทำงานของยุนโฮ แต่คนร่างสูงกลับนั่งนิ่งไม่ยอมพูดอะไรออกมาจนแจจุงที่นั่งลุ้นอยู่เริ่มหมดอารมณ์ที่จะลุ้นเสียแล้ว
“เอ่อ… ท่านประธานฮะ จริงๆ ผมก็ไม่อยากจะพูดหรอกนะฮะ แต่เมื่อตอนบ่าย คุณจำได้มั้ยว่าคุณพูดอะไรกับผม?”
บางทียุนโฮอาจจะลืมดังนั้นแจจุงจึงต้องช่วยกระตุ้นเตือนความทรงจำของเขาให้
“อย่าหาว่าผมทวงเลยนะครับ อ่า….. แต่ผมก็ทวงจริงๆ นั่นแหละ”
“ไหนล่ะรางวัลที่คุณจะให้ผม”
ยุนโฮฟังแล้วก็ถึงกับหัวเราะหึอยู่ในลำคอ เขายกยิ้มที่มุมปากก่อนที่จะลุกขึ้นยืนแล้วเดินตรงไปที่ประตู แจจุงที่นั่งอยู่ที่เดิมก็ได้แต่อ้าปากค้าง ทำตาโตหน้าเหวอมองตามคนร่างสูงด้วยความมึนงง
“ท่านประธานจะไปไหนฮะ?”
ยุนโฮยืนนิ่งอยู่ที่ประตู เขาหันหน้ากลับมามองแจจุงที่กำลังนั่งทำหน้าเหวออยู่ที่เก้าอี้ก่อนที่จะเอ่ยปากสั่งคนตัวเล็ก
“ลุกมาซิ”
“เอ๋?”
“ฉันจะพานายไปซื้อเสื้อผ้า”
ยุนโฮตอบกลับมาสั้นๆ แต่นั่นก็ยิ่งเพิ่มความงงให้กับแจจุงมากขึ้นไปอีก
“ซื้อเสื้อผ้า? ซื้อมาทำไมอ่ะฮะ?”
ในเมื่อคนตัวเล็กไม่เข้าใจในสิ่งที่เขาพูด ชองยุนโฮจึงต้องอธิบายขยายความให้มากกว่านั้น
“ฉันจะพานายไปซื้อเสื้อผ้า สำหรับงานตำแหน่งใหม่ของนายยังไงล่ะ เข้าใจรึยัง?”
แจจุงฟังแล้วก็ถึงกับอึ้ง ก่อนที่ใบหน้าขาวๆ จะแปรเปลี่ยนเป็นความดีใจ คนตัวเล็กฉีกยิ้มกว้างก่อนที่จะรีบเอ่ยปากขอบคุณยุนโฮ
“ขอบคุณฮะท่านประธาน”
“รู้แล้วก็รีบๆ ลุกมาสักทีซิ”
ยุนโฮพูดเสียงเข้ม
แต่แจจุงก็ไม่ได้รู้สึกหวาดกลัวในใบหน้าดุๆ นั้นของยุนโฮเลยสักนิด
“จะรีบไปเดี๋ยวนี้ล่ะฮะท่านประธาน”
ว่าแล้วคนตัวเล็กก็รีบวิ่งดุ๊กดิ๊กไปหาคนร่างสูงที่ยืนทำหน้านิ่งอยู่หน้าประตู แจจุงเงยหน้ามองยุนโฮก่อนที่จะฉีกยิ้มกว้างจนตาปิด เป็นรอยยิ้มแห่งความสุขที่นานๆ ครั้งเขาจะได้ยิ้มแบบนี้สักครั้งหนึ่ง แต่พอได้มาอยู่ใกล้ยุนโฮ เขาก็ได้สัมผัสกับสิ่งที่เรียกว่า ‘ความสุข’ อยู่บ่อยๆ
“จะให้ผมทำตำแหน่งอะไรหรอฮะ?”
“เดี๋ยวก็รู้”
แจจุงฟังแล้วก็ขมวดคิ้วงง ก่อนที่จะบ่นออกมาเบาๆ
“จะได้ทำงานอยู่ข้างๆ จริงป่ะเนี่ย”
แต่ยุนโฮที่เดินอยู่ข้างๆ กันก็ยังได้ยินอยู่ดี
“หึ! ฉันไปไหน นายไปด้วย ข้างพอมั้ย?”
“โอ๊ะ! ใกล้ชิดกันมากๆ เลย!! แล้วตัวติดกันเลยมั้ยฮะ?”
แจจุงถามออกมาด้วยความตื่นเต้น และดูท่าว่าจะตื่นเต้นจริงๆ เพราะถึงกับใช้คำพูดแปลกๆ ออกมาเชียว
“มากไปๆ ไม่ไปนอนที่บ้านฉันเลยล่ะ”
“ถ้าท่านประธานอนุญาต ผมก็ไปได้นะฮะ”
แจจุงตอบกลับด้วยหน้าตาที่ใสซื่อ
“ฝันเอาก่อนก็แล้วกัน”
แจจุงอมยิ้ม
“ผมเชื่อว่าฝันของผมจะต้องเป็นจริง”
เพราะก่อนหน้านั้นผมก็เคยฝันที่อยากจะได้อยู่ใกล้ๆ คุณเหมือนกัน และตอนนี้ความฝันนั้นก็สำเร็จแล้ว อีกไม่นาน ความฝันนั้นก็อาจจะสำเร็จด้วยเหมือนกัน
มีความสุขจังเลยแหะ…
.
.
.
.
.
วันนี้เป็นวันที่จุนซูต้องมาฝึกงาน ในช่วงเช้าเขาก็ได้ฝึกงานตามที่คิดเอาไว้อยู่หรอก แต่พอจะถึงเวลาพักเท่านั้นแหละ ความฝันของเขาที่คิดว่าจะไปนั่งทานข้าวให้สบายอารมณ์ก็ต้องพังทลายลงไปอย่างทันทีเมื่อปาร์คยูชอนโผล่หน้าหนูๆ มาให้เขาเห็นที่ฟร้อนพร้อมกับเอ่ยปากบอกกับเขาว่า…
“เดี๋ยวออกไปทำงานข้างนอกกับฉัน”
“ตอนไหนฮะ?”
ยูชอนยกยิ้ม ก่อนที่จะเอ่ยปากตอบ
“ตอนนี้ และเดี๋ยวนี้”
และนั่นก็เป็นประโยคที่ทำให้คิมจุนซูต้องมานั่งเป็นตุ๊กตาหน้ารถอยู่ในรถยนต์คันหรูของปาร์คยูชอนอยู่ในตอนนี้ โดยที่ไม่รู้เลยว่าจุดหมายปลายทางนั้นคือที่ไหน
“คราวนี้จะให้ผมทำอะไรอีกล่ะครับ”
จริงๆ จุนซูอยากจะถามว่าคราวนี้จะหาอะไรมาแก้แค้นเขาเรื่องเมื่อวานต่างหาก
“บอกไปนายก็คงจะบอกว่าเป็นงานไร้สาระ”
ยูชอนเอ่ยปากตอบกลับไปด้วยท่าทางสบายๆ เขาฮัมเพลงโปรดของตนเองที่เปิดคลออยู่อย่างอารมณ์ดี เพราะวันนี้เขามีอะไรสนุกๆ มาให้ทำน่ะซิ
“ก็หัดทำตัวให้มันมีสาระสักทีซิครับ”
“ทำไมนายถึงชอบด่าฉันนักนะ ไม่ชอบฉันมากเลยรึไง?”
“มากเกินกว่าที่จะอธิบายออกมาเป็นคำพูดได้เลยล่ะครับ”
ยูชอนฟังแล้วก็ถึงกับหัวเราะออกมาเสียงดัง
“ฮะฮะฮ่า!! แต่นายรู้มั้ย……”
ยูชอนละสายตาจากการมองถนนหันมาสบตากับคนตัวเล็กสักพักหนึ่ง ดวงตาคมของเขาฉายแววทะเล้นและเจ้าเล่ห์ โดยเฉพาะรอยยิ้มที่มุมปากนั่น…. รอยยิ้มของตัวโกงชัดๆ
“เขาบอกกันว่า… เกลียดอย่างไหน มักได้อย่างงั้นล่ะ”
จุนซูนั่งอึ้งกับคำพูดนั้นไปหลายวินาทีก่อนที่จะรีบตั้งสติและตอบกลับมาอย่างรวดเร็ว
“ผมนี่แหละจะเป็นคนทำลายความคิดเพ้อเจ้อนั้นเอง!”
ยูชอนหัวเราะออกมาอีกครั้งหลังจากได้ฟังอุดมการณ์ที่แน่วแน่ของคนตัวเล็ก เขายกยิ้มและกลับไปฮัมเพลงโปรดต่ออย่างสบายอารมณ์
“แล้วฉันจะรอดู”
‘ถ้าฉันทำให้นายหวั่นไหวไม่ได้ เชิญเอาเท้ามาเหยียบหน้าปาร์คยูชอนได้เลย!’
.
.
.
ยูชอนพาจุนซูมาที่ร้านอาหารญี่ปุ่นที่ดูหรูหราแห่งหนึ่ง โดยโต๊ะที่คนร่างสูงได้จองเอาไว้นั้นเป็นห้องทานอาหารส่วนตัวที่มีบานแผ่นไม้กั้นโซนห้องแต่ละห้องเอาไว้ บรรยากาศที่เงียบสงบและเป็นส่วนตัวแบบสุดๆ นี่เองทำให้คนตัวเล็กที่เดินกวาดสายตาสำรวจไปรอบๆ ถึงกับนึกราคาอาหารแต่ละจานไม่ออกไปเลยทีเดียว คราวที่แล้วว่าหรูแล้วนะ แต่คราวนี้กลับดูหรูมากกว่าคราวก่อนอีก!
“คนรวยนี่เขาจะกินข้าวร้านธรรมดาๆ ไม่เป็นกันรึไงนะ”
จุนซูแอบบ่นเบาๆ กับตนเอง
“ไม่ทราบว่าแขกของผมมากันรึยังครับ?”
ยูชอนเอ่ยปากถามพนักงานสาวที่อยู่ในชุดกิโมโนสีชมพูสวย
“มากันเรียบร้อยแล้วค่ะ”
พนักงานตอบกลับมาอย่างสุภาพ
ยูชอนยิ้ม
“ขอนคุณครับ”
จุนซูที่ยืนอยู่ข้างๆ ขมวดคิ้วด้วยความสงสัย ก่อนที่จะเอ่ยปากถามออกไป
“คุณนัดลูกค้ามาคุยงานหรอครับ?”
เขาก็นึกว่าจะให้เขามากินข้าวเป็นเพื่อนเหมือนกับวันนั้น ที่แท้ก็นัดคนอื่นเอาไว้ด้วย
ยูชอนยกยิ้ม ก่อนที่จะตอบกลับมา
“ป่าว”
“เอ๊ะ?”
“แต่ฉันนัดรถไฟสองขบวนที่นายจับให้ชนกันเมื่อวานมายังไงล่ะ”
และทันทีที่บานประจูแบบญี่ปุ่นถูกเลื่อนออก ดวงตาเรียวเล็กก็สบเข้ากับร่างของหญิงสาวสวยสองคนที่กำลังหันหน้ามาฉีกยิ้มให้ยูชอนอย่างทันที
‘นี่คือการแก้แค้นของไอ้หน้าหนูนี่ซินะ’
ยูชอนยกยิ้มสะใจเมื่อเห็นคนตัวเล็กทำหน้าเหวอ เขาก้มหน้าลงไปพูดเบาๆ ที่ข้างใบหูของจุนซู
“เผื่อนายจะอยากรู้ว่าฉันจะแก้ปัญหานี้ยังไง ฉันก็เลยพานายมาดูด้วยตาตัวเอง”
“แล้วฉันจะทำให้นายได้รู้ว่าคาสโนว่าเขาไม่กลัวกับเรื่องแค่นี้กันหรอก”
ยูชอนฉีกยิ้มเจ้าเล่ห์ และก่อนที่เขาจะเดินเข้าห้อง คนร่างสูงก็ได้พูดอะไรทิ้งท้ายเอาไว้ให้คนตัวเล็กได้กร่นด่าในใจเล่นๆ
“เตรียมพบกับการแก้เผ็ดของฉันได้เลยเจ้าเด็กแสบ!”
TBC ^----------^*
*******************************************************
Talk : )
สวัสดีค่ะ
มุกมาแล้ววววววววว
อาทิตย์นี้มาเร็ว มาตามสัญญา
แต่เมื่อพาร์ทที่แล้วมีใครบางคนบอกให้มุกอัพฟิคชดเชยที่หายไปสองอาทิตย์โดยการให้อัพสองตอน
งื่อออออออ มุกทำให้ไม่ได้นะคะ แค่ตอนเดียวก็ลากเลือดแล้วค่ะ TT
นี่เพิ่งอาบน้ำกินข้าวและจัดการปัญหาชีวิตตัวเองเสร็จเลยค่ะ
เลิกงานตอนสองทุ่มนี้เอง เหนื่อย ปวดหลัง ปวดตัวสุดๆ ต้องการชาร์ตพลังมากๆ
ไม่รู้จะพูดอะไรแล้ว
สำหรับฟิคก็หวังว่าจะยังมีคนรออ่านแบบนี้ต่อไปเรื่อยๆ นะคะ พาร์ทที่แล้วทำเอาดีใจ ซึ้งที่ยังมีคนรออ่านอยู่
ใครที่อยากคุยกับมุกก็แวะมาคุยกันได้ที่ทวิตเตอร์นะคะ
คุยได้ ไม่กัด ใจดี น่ารัก 555555
Twitter >>> http://twitter.com/@MMooKiiEE
E-mail >>> mookiie_jong@hotmail.com
แล้วเจอกันตอนหน้านะคะ
ขอบคุณทุกๆ คนที่กดเข้ามาอ่านค่ะ
^------------------------^*
*******************************************************
ความคิดเห็น