ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [FIC] ☆--- Mystery Love ---☆ [TVXQ][YAOI]

    ลำดับตอนที่ #14 : ,,, Part 13 ,,, เดจาวู

    • อัปเดตล่าสุด 5 พ.ค. 57


    Title         :  Mystery Love
    Type        :  Long fiction
    Author      :  *..MooKiiE..*
    Category :  Comedy / Romance
    Paring      :  Yunho x Jaejoong / YooChun x JunSu
    Note         :  เรื่องนี้มุกได้แรงบันดาลใจมาจากซีรี่ส์เกาหลีเรื่อง The Master’s Sun นะคะ จึงทำให้เนื้อหาบางอย่างอาจคล้ายคลึงกันบ้าง

                                                                                                                                                                                                                                                              

    *******************************************************

     

    ขอให้มีความสุขในการอ่านค่ะ และ

    อย่าลืมกดเป็นแฟนพันธุ์แท้ฟิคเรื่องนี้กันนะคะ ^^



     

    Part 13 

                   

                    ท่ามกลางผู้คนมากมายที่เดินผ่านไปผ่านมาหน้าร้านเสื้อผ้าสุดหรู มีร่างบางๆ ของใครบางคนกำลังทำตัวลับๆ ล่อๆ อยู่ทางหน้าร้าน ลูกค้าบางคนก็มองมาที่คนตัวเล็กด้วยสายตาแปลกๆ แต่ก็ไม่มีใครคิดที่จะสนใจ เพราะสินค้าลดราคาที่อยู่ทางด้านในมีความน่าสนใจมากกว่าผู้ชายท่าทางประหลาดคนนี้

     

                    ดวงตากลมสะดุดเข้ากับร่างสูงใหญ่ของผู้ชายคนหนึ่งที่กำลังก้มหน้าอ่านเอกสารอะไรบางอย่างอยู่ภายในร้าน แจจุงหันกลับไปมองผู้หญิงที่ยืนอยู่ข้างตนเองพร้อมกับเอ่ยปากถาม

                    “นั่นใช่แฟนของคุณรึป่าว?

     

                    เธอไม่ตอบแต่เลือกที่จะพยักหน้าตอบกลับมาเบาๆ

     

                    แจจุงจึงหันไปสังเกตพฤติกรรมของชายคนนั้นต่อ และในตอนที่เขากำลังแอบยืนมองชายคนนั้นอยู่ทางหน้าร้าน อยู่ๆ ก็มีร่างบอบบางของหญิงสาวคนหนึ่งเดินสวนเขาเข้าไปแล้วเดินตรงเข้าไปหาผู้ชายคนนั้นด้วยรอยยิ้มหวาน

     

                    ลางสังหรณ์บางอย่างในตัวเขาบอกว่าเธอคนนี้ไม่ธรรมดา ซึ่งก็ดูเหมือนจะเป็นความจริงเมื่อเขาหันไปมองท่าทางของผีสาวที่มองคนทั้งคู่ด้วยดวงตาที่โศกเศร้าปนโกรธเคือง

     

                    “ส่วนเธอคนนั้นก็คงจะเป็นชู้กับแฟนของคุณซินะ”

                    ไม่ต้องตอบเป็นคำพูด เพียงสายตาที่จ้องมองก็พอจะชัดเจนได้เพียงพอแล้ว

     

                    แจจุงหันหน้ากลับไปมองท่าทางของคนทั้งคู่ แล้วอยู่ๆ ภาพเหตุการณ์ในวันที่เธอคนนั้นได้พบเจอก็ปรากฏขึ้นมาให้เขาเห็น มันเหมือนกับเขาย้อนเวลากลับไปอยู่ร่วมในเหตุการณ์กับเธอ ภาพของปาร์คชินเอก่อนประสบอุบัติเหตุ ใช่แล้วนั่นคือชื่อของเธอ

    .

    .

    .

                    เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในวันนั้น ชินเอตั้งใจเอาไว้ว่าเธอจะไปเซอร์ไพรส์แฟนของเธอที่ร้านหลังจากที่เธอบินไปติดต่อธุรกิจที่ญี่ปุ่นกลับมา ตอนนั้นเป็นเวลาเกือบจะสี่ทุ่มเสียแล้ว ห้างสรรพสินค้ากำลังจะปิดให้บริการคนจึงน้อยลงเหลือเพียงแค่พนักงานประจำร้านของแต่ละร้านและเหล่าพนักงานของห้างสรรพสินค้าแต่เพียงเท่านั้น

     

                    จริงๆ เธอจะต้องบินกลับมาเกาหลีในวันพรุ่งนี้แต่เพราะทำธุระเสร็จเร็วกว่าที่คิดเธอจึงได้กลับมาก่อนล่วงหน้าหนึ่งวัน เธอกะว่าเธอจะมาเซอร์ไพรส์สามีและชวนเขาไปทานข้าวด้วยกันก่อนกลับบ้าน

     

                ทั้งๆ ที่คิดว่าตนเองเป็นฝ่ายที่จะมาเซอร์ไพรส์เขาแท้ๆ

                แต่กลับโดนสามีทำเซอร์ไพรส์จัดหนักให้แทนซะอย่างงั้น

     

                    ใครจะไปคิดว่าสามีที่เธอคิดว่าเป็นคนดี ไม่เจ้าชู้ ขยันทำงาน และซื่อสัตย์ต่อความรักของเรา จะมายืนโอบกอดหญิงสาวคนอื่นที่ไม่ใช่ภรรยาตนเองอยู่ในร้านของพวกเราแบบนี้!

     

                    ชินเอยืดดูคนทั้งคู่อยู่ทางหน้าร้าน พนักงานคนอื่นๆ ไม่ได้อยู่ที่นี่แล้วคาดว่าเขาคงสั่งให้พวกนั้นกลับบ้านไปก่อนเพื่อที่จะได้ทำอะไรกันถนัดมากขึ้น สองคนนั้นพูดคุยหัวเราะกันคิกคัก โอบกอดและจูบกันอย่างไม่อายใคร ไม่แม้แต่จะสนใจว่ามีใครกำลังยืนมองอยู่

     

                    หัวใจของผู้หญิงที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความรักที่มอบให้กับสามีแตกสลาย และยิ่งได้รับฟังคำพูดของคนที่เคยสาบานว่าจะรักกันไปจนวันตายก็ยิ่งทำให้หัวใจที่บอบช้ำดวงนี้แตกละเอียดเกินจะเยียวยา

     

                    “ฉันเบื่อที่จะต้องทำตัวหลบๆ ซ่อนๆ แล้วนะคะ เมื่อไหร่คุณจะจัดการเรื่องนี้ให้จบๆ ไปสักที”

                    หญิงสาวคนนั้นพูดขึ้นมาหลังจากที่พวกเขาจูบกันเสร็จ เธอซบหน้าลงที่ไหล่ของเขาอย่างออดอ้อน

     

                    ชายหนุ่มอมยิ้ม เขายกมือขึ้นลูบผมยาวสวยของเธอเบาๆ

                    “อีกไม่นานหรอก อีกแค่แปบเดียวเท่านั้น รอก่อนนะที่รัก”

     

                    ที่รักชินเอแสยะยิ้มหลังจากที่ได้ยินคำนี้หลุดออกจากปากสามีของตนเอง คำนี้คือคำที่คุณใช้เรียกฉันไม่ใช่หรอ? แต่แล้วทำไมวันนี้ถึงไปใช้เรียกผู้หญิงอีกคนกัน?

     

                คำว่ารักที่คุณให้ฉัน กับคำว่ารักที่คุณให้เธอ คำไหนคือความจริง?

     

                “อาทิตย์นี้คุณจะต้องไปไต่เขากับเธอจริงๆ หรอคะ ฉันเหงานะ”

     

                    “ผมจำเป็นต้องไป”

     

                    “ดูท่าแฟนคุณจะชอบไต่เขามากเลยซินะ”

     

                    “อืมเธอชอบมาก ชินเอชอบภูเขามาก”

     

                    ชินเอได้แต่ยืนมองคนทั้งคู่ด้วยใบหน้าที่เปรอะเปื้อนไปด้วยคราบน้ำตา เธอตั้งใจว่าจะหันหลังและก้าวขาเดินออกไปจากที่ตรงนี้ แต่ประโยคต่อมาที่สามีของเธอพูดออกมาทำให้ร่างทั้งร่างถึงกับนิ่งค้าง

                    “และที่นั่นก็จะเป็นที่ตายของเธอด้วย ผมได้วางแผนทุกอย่างเอาไว้เรียบร้อยแล้ว”

     

                    ทันทีที่ได้ยินประโยคนั้น ชินเอก็ถึงกลับช็อคไปเลย เรี่ยวแรงหล่นหายจนเผลอทำถุงของฝากที่จะนำมาให้สามีหล่นลงพื้น ซึ่งเสียงนั้นก็ทำให้คู่หญิงชายที่อยู่ภายในร้านต้องหันมามองเธอเป็นตาเดียว

     

                    ดูท่าสามีของเธอก็คงจะช็อคเหมือนกัน เขาคงจะไม่คิดไม่ฝันว่าเธอจะมาเห็นภาพนี้ซินะ หึ! นี่เขาโดนหลอกมานานแค่ไหนแล้ว

     

                    ชินเอไม่สนใจ เขายังไม่อยากเห็นหน้าของผู้ชายคนนี้ในตอนนี้เธอหันหลังและรีบเดินออกจากที่ตรงนั้น โดยไม่สนใจเสียงของสามีที่ไล่ตามหลังมา เพราะเสียงของเขานั้นดังใกล้เข้ามาเรื่อยๆ หญิงสาวจึงตัดสินใจเปลี่ยนจากการเดินเป็นวิ่งแทน

     

                    “ที่รัก! หยุดก่อน!

     

                กึก กึก กึก!

                    ส้นรองเท้าของเธอดังกระทบกับ แต่เพราะเป็นรองเท้าส้นสูงบวกกับพื้นกระเบื้องที่ลื่นของห้างจึงทำให้ขาของเธอพลิกและรองเท้าก็หลุดออกจากเท้าเธอ ชินเอไม่ได้สนใจรองเท้าข้างนั้น เธอออกตัววิ่งให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้เพราะในตอนนี้สามีของเธอได้ไล่ตามหลังมาแล้ว

     

                    ทันทีที่หนีออกมาจากห้างสรรพสินค้าได้ หญิงสาวก็รีบขับรถกลับบ้านของเธออย่างทันทีเพราะเพิ่งผ่านเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดมาจึงทำให้สติของเธอไม่ค่อยจะอยู่กับเนื้อกับตัว ชินเอขับรถไปก็ร้องไห้ไป รถของเธอขับเคลื่อนด้วยความเร็วสูง ถนนเป็นถนนสองเลนส์ที่มีรถขับสวนกันไปมา เธอขับรถซิกแซกไปมาจนรถคันอื่นๆ ต้องบีบแตรเตือน แต่ในตอนนั้นสติของเธอไม่ได้จดจ่ออยู่ที่เรื่องนั้นแล้ว

     

                    โทรศัพท์มือถือส่งเสียงร้องเรียกเมื่อมีสายโทรเข้า ดวงตากลมโตที่เอ่อคลอไปด้วยหยาดน้ำตาหันไปมองก่อนที่จะร้องไห้หนักกว่าเก่าเมื่อปลายสายคือสามีของเธอ ชินเอละสายตากลับไปมองกระจกมองหลัง เขาเห็นรถของสามีขับไล่ตามมาก็ยิ่งทำให้เธอเพิ่มความเร็วเพื่อที่จะหนีเขาให้ได้

     

                    เธอขับรถเร็วขึ้นเรื่อยๆ พร้อมกับหันไปมองทางด้านหลังอยู่เป็นระยะๆ สามีของเธอยังคงตามเธอมาอยู่ และในตอนที่เธอกำลังจะหันหน้ากลับมามองทางอีกครั้ง สิ่งที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น

     

                    “กรี๊ดดดดดดดดดดดดด!

     

                ตู้ม!!!!!!

                รถของชินเอชนเข้ากับรถกระบะที่ขนเหล็กก่อสร้างที่จอดอยู่ทางด้านหน้าอย่างแรง เหล็กแท่งยาวพุ่งชนกระจกรถจนแตกละเอียด และอุบัติเหตุในครั้งนี้ก็เป็นอุบติเหตุที่คร่าชีวิตของเธอ

     

                    ใบหน้าที่เคยสาวใสเปรอะเปื้อนไปด้วยคราบเลือดและเศษกระจกที่แตกลงมา ดวงตาของเธอปิดสนิท แต่น้ำตายังคงไหลอยู่ ซึ่งมันก็ไหลลงมาปะปนกับเลือดของเธอ จนกลายเป็นน้ำตาสายเลือด

    .

    .

    .

                    แจจุงที่ได้เห็นเหตุการณ์นั้นวันนั้นทั้งหมดถึงกับต้องทรุดตัวลงนั่งที่พื้นอย่างหมดแรง เหตุการณ์ที่ผู้หญิงคนนี้พบเจอมันเลวร้ายเกินไป เลวร้ายมากจริงๆ

                    “คนที่เคยบอกว่ารักกันทำไมถึงทำร้ายกันได้ลงคอนะ”

     

                    ดวงตากลมจ้องมองชินเอด้วยแววตาสงสาร ก่อนที่เสียงพูดคุยของสองคนนั้นจะทำให้แจจุงต้องหยุดนิ่งฟัง อาจจะเป็นเพราะพวกเขาเดินมาคุยกันในที่ๆ อยู่ไม่ไกลจากทางเข้าร้าน แจจุงจึงพอจะได้ยินทุกคำพูดของคนพวกนั้น

                   

                    “คุณไม่ควรใส่รองเท้าคู่นี้มาเลยนะ”

                    รองเท้าของหญิงสาวคนนั้นเป็นรองเท้าที่สั่งตัดที่ผู้ชายคนนี้เป็นคนสั่งทำให้ ซึ่งเป็นแบบเดียวกันกับของชินเอ เหมือนกันทุกอย่างทั้งสี และรูปทรง ยกเว้นขนาดที่ดูว่าของเธอน่าจะใหญ่กว่า

     

                    “ไม่เป็นไรหรอกน่าตอนนี้ภรรยาของคุณก็ตายไปแล้วนี่นา ไม่มีใครสงสัยหรอก แต่ก่อนฉันกลัวว่าคนจะจับได้เพราะมันเหมือนกันก็เลยไม่ค่อยได้เอามาใส่ แต่ตอนนี้คงไม่เป็นปัญหาแล้วล่ะ”

     

                    “ระวังหน่อยซิ ยังมีแม่ยายผมเหลืออยู่อีกคนนะ แต่ก็คงอยู่ได้อีกไม่นานหรอก”

     

                    “หืม?

     

                    “พอลูกสาวตาย เธอก็ป่วย ฉันคิดว่าอีกไม่นานเธอก็คงจะตาย”

     

                    “รอหน่อยนะอีกไม่นานเราก็จะโชคดีแล้ว”

     

                    พวกเขาทั้งสองคนคงจะไม่รู้ว่าคำพูดพวกนั้นมีใครคนอื่นได้ยินด้วย และผู้ชายคนนั้นก็คงจะไม่รู้ตัวว่าภรรยาของเขาที่ตายไปแล้วกำลังยืนมองพวกเขาทั้งสองคนอยู่ข้างๆ น้ำตาของเธอไหลออกมาจากดวงตา และมันก็ยังคงเป็นน้ำตาแห่งสายเลือดอยู่เช่นเดิม

     

                กรรมจะตามสนองพวกคุณเอง

    .

    .

    .

                    ยุนโฮยืนอยู่ที่หน้าต่างบานใหญ่ในห้องทำงานของเขา เขามองดูภาพตรงหน้าอย่างครุ่นคิด ห่างไม่ไกลจากที่ตั้งของห้างเดอะคิงดอมกำลังมีห้างสรรพสินค้าใหม่ที่กำลังเร่งดำเนินการสร้างอยู่และกำลังจะเปิดตัวในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้านี้

                    “ผมได้ยินมาว่าที่นั่นกำลังจะแย่งลูกค้าของเราไป”

     

                    “ครับมีพนักงานหลายคนจากฝั่งนั้นมาติดต่อให้ผู้เช่าของเราย้ายไปขายที่นั่น”

                    เลขาคิมที่ยืนอยู่ทางด้านหลังตอบกลับมาตามข้อมูลที่ตนเองได้รับ

     

                    “จงใจแย่งลูกค้ากันชัดๆ”

     

                    “เราควรจะลงไปทักทายผู้เช่าบ้างนะครับ เพื่อสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับพวกเขา”

                    เลขาคิมเสนอความคิดเห็น

     

                    “ผมยิ้มจนปากจะฉีกถึงหูอยู่แล้ว”

                    ยุนโฮฟังแล้วก็ได้แต่ขมวดคิ้ว เขาแสดงตัวอย่างให้เลขาคิมดูด้วยการฉีกยิ้มกว้างจนเห็นฟันแทบจะทุกซี่ ซึ่งนั่นมันก็ตลกมากพอสมควรเลยล่ะ

     

                    เลขาคิมหัวเราะออกมาเล็กน้อย

                    “มันเป็นเรื่องเล็กๆ ที่จะสามารถผูกใจผู้เช่าให้อยู่กับเราได้นะครับ อ้อจริงซิเมื่อกี้นี้ผมเห็นแจจุงยืนอยู่ที่หน้าร้านเดอะ รันเวย์ตั้งนานสองนาน ดูเหมือนว่ากำลังยืนดูอะไรอยู่”

     

                    “…………………

                    ยุนโฮไม่ได้พูดอะไรตอบกลับไป เขาแค่ยืนฟังในสิ่งที่เลขาคิมพูดอยู่เงียบๆ เดอะ รันเวย์เป็นร้านที่อยู่กับห้างเดอะคิงดอมมาตั้งแต่ห้างเปิดให้บริการ เป็นอีกร้านที่ช่วยสร้างรายได้ให้กับห้างของเขา และก็ถือว่าเจ้าของร้านนี้เป็นคนสำคัญของห้างอยู่พอสมควร ดูเหมือนว่าพ่อของเขาจะรู้จักกับแม่ยายของเจ้าของร้านนี้ ส่วนตัวลูกเขยซึ่งเป็นเจ้าของร้านเขาก็เคยเห็นหน้าพอจะจำได้อยู่บ้าง แต่ก็ไม่ได้รู้จักอะไรกันมาก

     

                    “ภรรยาของเจ้าของร้านเพิ่งจะเสียชีวิตไปเมื่อหลายวันก่อน ผมว่านายน้อยควรจะลงไปแสดงความเสียใจกับเขาหน่อยนะครับ”

     

                    ยุนโฮสะดุดในคำพูดของเลขาคิม เขาหันไปเลิกคิ้วมองคนสูงอายุกว่า

                    “ภรรยาเพิ่งเสียไปอย่างงั้นหรอ?

     

                    “ครับ เมื่อสามวันที่แล้ว”

     

                    “…………………

                    เหมือนมีลางสังหรณ์อะไรบางอย่างบอกกับเขาว่าเรื่องนี้จะต้องเกี่ยวข้องกับรองเท้าส้นสูงที่คิมแจจุงเก็บได้แน่ๆ บางทีผีผู้หญิงตนนั้น อาจเป็นวิญญาณภรรยาของร้านเดอะ รันเวย์ก็เป็นได้

     

                    “ผมหวังว่าคิมแจจุงจะไม่ไปก่อเรื่องอะไรอีกนะ”

                   

                    ยุนโฮยกยิ้มที่มุมปาก ก่อนที่เขาจะหันหน้ากลับไปมองวิวทางด้านนอกหน้าต่างดังเดิม

                    “หึ! ขึ้นชื่อว่าคิมแจจุงแล้ว ไม่มีหรอกที่จะไม่ไปสร้างความวุ่นวาย”

     

                    “หมอนั่นน่ะ ตัวสร้างเรื่องชั้นเซียนเลย”

     

                และเขาก็ต้องตามไปช่วยอยู่เสมอ

                ไม่เข้าใจตัวเองอยู่เหมือนกันว่าทำไปทำไม และทำไมต้องทำ

    .

    .

    .

                    แจจุงยังคงยืนอยู่ที่เดิมไม่ไปไหน จนกระทั่งมีผู้หญิงสูงอายุคนหนึ่งเดินผ่านเขาเข้าไปในร้าน ผู้ชายคนนั้นยังคงยืนคุยอยู่กับพนักงานสาวที่เป็นกิ๊กของตัวเองอยู่ และเธอก็เป็นฝ่ายที่หันมาเห็นผู้มาใหม่เสียก่อนจึงได้ผละตัวเดินไปอยู่ตรงมุมอื่น

     

                    ชายหนุ่มหันกลับมามองทางด้านหลังก่อนที่จะฉีกยิ้มออกมาเมื่อเห็นว่าใครที่เดินเข้ามาภายในร้าน

                    “คุณแม่มาทำไมครับ ป่วยอยู่ไม่ใช่หรอ ในเวลานี้คุณแม่ควรจะนอนพักอยู่ที่บ้านนะครับ”

     

                    หญิงสาวสูงวัยยิ้มอย่างอ่อนแรง ใบหน้าของเธอยังคงมีความเศร้าประดับเอาไว้อยู่

                    “ฉันไม่มีลูกสาวที่จะนั่งกินข้าวร่วมกันอีกแล้ว ฉันก็เลยเอาอาหารมาให้”

     

                    เธอยื่นถุงข้าวที่ห่อเอาไว้อย่างดีให้กับลูกเขย

     

                    “คุณแม่ครับ ตอนนี้เหลือแค่เราสองคนแล้วนะครับ คุณแม่ควรจะดูแลตัวเองให้ดีๆ พักผ่อนให้มากๆ จริงซิ! คุณแม่อยากไปไต่เขากับผมรึป่าว เหมือนที่ผมไปกับชินเอไง”

     

                    เธอยิ้มอย่างอ่อนล้า ไม่ได้ตอบอะไรกลับไป

     

                    แจจุงที่ยืนมองดูเหตุการณ์อยู่ห่างๆ เริ่มทนไม่ไหว ทั้งๆ ที่ตัวเองเป็นฝ่ายทำให้ลูกสาวของเขาตายแท้ๆ แต่กลับพูดแบบนั้นออกมาได้อย่างหน้าตาเฉย คนตัวเล็กจึงตัดสินใจเดินตรงเข้าไปในร้านอย่างแน่วแน่ เขาต้องช่วยคุณป้าและชินเอให้หลุดพ้นจากเรื่องเลวร้ายที่เกิดจากผู้ชายคนนี้

     

                    ผู้ชายคนนั้นหันมาเห็นแจจุงที่เดินตรงเข้ามาหาตน เขามองคนตรงตัวเล็กด้วยความมึนงง หญิงสูงอายุที่เห็นท่าทางผิดปกติของลูกเขยก็หันกลับมามองแจจุงเช่นเดียวกัน

     

                    แจจุงเดินไปหยุดอยู่ตรงหน้าของคนทั้งสอง ก่อนที่เขาจะยื่นรองเท้าส้นสูงสีแดงไปให้กับสามีของชินเอที่ก้มลงมองมันด้วยความตกใจ แต่เขาก็สามารถปรับสีหน้าให้เป็นปกติได้ในเวลาต่อมาอย่างดีเยี่ยม

                    “อะไร?

     

                    แจจุงล่ะอยากจะเอาส้นรองเท้าจิกหัวใส่คนเลวๆ อย่างนี้เสียจริง แต่เขาก็ต้องควบคุมอารมณ์ของตัวเองเอาไว้

                    “ผมเอารองเท้าของภรรยาคุณมาคืน เธอบอกให้ผมเอามาให้คุณ”

     

                    หญิงสาวที่ยืนอยู่หลังเคาน์เตอร์ถึงกับสะดุ้ง เธอจ้องมองรองเท้าข้างนั้นด้วยแววตาหวาดวิตก ส่วนคุณแม่ของชินเอก็ตกใจกับคำพูดของแจจุงไม่แพ้กัน เธอเอ่ยปากถามออกมาด้วยนำเสียงสั่นๆ

                    “นั่นรองเท้าของชินเอหรอ? รองเท้าของลูกฉันใช่มั้ย?

     

                    แจจุงหันหน้าไปมองเธอด้วยแววตาสงสาร แม่ทุกคนย่อมรักลูกของตัวเองมาก และถ้าเธอรู้ว่าลูกสาวของเธอตายเพราะสามีของตัวเองเธอจะเจ็บปวดขนาดไหนกันนะ ดวงตากลมโตละสายตาไปมองวิญญาณของหญิงสาวที่ได้แต่ยืนร้องไห้มองแม่ของตนเองด้วยความเจ็บปวด

     

                    “ครับ เธอมาที่นี่ก่อนที่จะเกิดอุบัติเหตุ และในวันนั้นเธอก็จับได้ว่าสามีของเธอมีกิ๊ก เธอตกใจมากจึงวิ่งหนีไปและก็ได้ทำรองเท้าข้างนี้หล่นเอาไว้”

                   

                    หญิงสูงวัยมองแจจุงอย่างมึนงง ก่อนที่จะหันไปถามลูกเขยของเธอ

                    “เด็กคนนี้พูดเรื่องอะไรกันน่ะ”

     

                    “อย่าไปฟังเลยครับ คำพูดไร้สาระ”

                    แม้แต่ในยามนี้ เขาก็ยังควบคุมสีหน้าได้เป็นปกติ

     

                    “คุณบอกว่าภรรยาของผมมาที่นี่อย่างงั้นหรอ? ไม่จริงเลยสักนิด ส่วนเรื่องรองเท้าผมก็เจอรองเท้าที่หายไปของชินเอแล้วเหมือนกัน”

                    เขาพูดก่อนที่จะเดินกลับไปที่เคาน์เตอร์ซึ่งมีหญิงสาวคนนั้นยืนอยู่ ดวงตาของคนทั้งคู่จ้องสบกันอย่างรู้กัน ก่อนที่ชายหนุ่มจะเดินกลับมาหาแจจุงพร้อมกับรองเท้าสีแดงที่เขาแอบอ้างว่าเป็นของชินเอ

     

                    “นี่ไงรองเท้าของชินเอ ตำรวจเพิ่งเอามาให้ผมเมื่อเช้า เขาบอกว่ามันหล่นอยู่ใกล้ๆ กับที่เกิดอุบัติเหตุ”

     

                    แจจุงได้ยินแบบนั้นก็รู้สึกโมโหขึ้นมาอย่างทันที

                    “เลิกโกหกสักทีเถอะครับ!

     

                    “รองเท้าข้างนี้เป็นของผู้หญิงคนนั้น!

                    แจจุงพูดพร้อมกับชี้นิ้วไปที่ผู้หญิงคนดังกล่าว เธอสะดุ้งเล็กน้อยก่อนที่จะพยายามควบคุมสีหน้าให้เป็นปกติ คนตัวเล็กพยายามที่จะเดินเข้าไปหาพนักงานคนนั้นเพื่อที่จะไปดึงเธอออกมาให้ทุกคนได้รู้ว่าเท้าอีกข้างหนึ่งของเธอนั้นว่างเปล่า แต่เขาก็ถูกขัดขวางเอาไว้ด้วยฝีมือสามีของชินเอ

     

                    “หยุดนะ! นี่นายเป็นใครจะมาทำตัวรุ่มร่ามในร้านของฉันแบบนี้ได้ยังไง? ต้องการอะไรกันแน่!

     

                    แจจุงมองหน้าผู้ชายคนนั้น

                    “เธอกำลังจับตาดูคุณอยู่นะ”

     

                    ก่อนที่จะหันหน้ากลับไปพูดกับคุณแม่ของชินเอ

                    “คุณป้าครับผมอยากช่วยคุณป้านะครับ ผู้ชายคนนี้ไม่ได้เป็นคนดีอย่างที่คุณป้าคิด”

     

                    “หยุดเดี๋ยวนี้เลยนะ!

                    ชายคนนั้นพูดขึ้นมาเสียงดัง แจจุงหันกลับไปมองเขาก็พบว่าในตอนนี้เขาเสแสร้งบีบน้ำตาเสียแล้ว โอ้โห! การแสดงยอดเยี่ยม

     

                    “นี่คุณต้องการอะไร? ทำแบบนี้ทำไม ภรรยาของผมพึ่งจะเสียไปนะ คุณทำแบบนี้ทำไม คุณทำกับคนที่กำลังเสียใจที่คนรักตายไปแบบนี้น่ะหรอ?

     

                    แจจุงฟังแล้วแทบจะสบถออกมา        

                    “เหอะ! รักงั้นหรอ? ถ้าภรรยาของคุณมายืนอยู่ตรงหน้าคุณยังจะพูดแบบนี้อยู่มั้ย?

     

                    ชายหนุ่มคนนั้นตีหน้าเศร้าพร้อมกับเล่าความเท็จออกมา

                    “ถ้าเธอยืนอยู่ตรงนี้ เธอก็จะรับรู้ได้ว่าผมรักเธอมากแค่ไหน ผมเจ็บปวดจนแทบอยากจะตายตามเธอไปด้วยซ้ำ!

     

                    แจจุงมองไปที่ทางด้านหลังของเขา ชินเอกำลังยืนมองเขาอยู่ด้วยดวงตาโศกเศร้าและเจ็บปวด แม้แต่ในเวลานี้ สามีของเธอก็ยังสามารถพูดโกหกได้อย่างหน้าตาเฉย

                   

                    “คุณนี่มันแสดงละครเก่งชะมัด!

     

                                    “เธอพูดอะไร?

     

                    แจจุงกำรองเท้าที่ถืออยู่ในเมื่อแน่นก่อนที่จะพุ่งเข้าไปพลักอกผู้ชายคนนั้น

                    “โกหก…… น้ำตานั่นก็จอมปลอม!

     

                    การ์ดและพนักงานประจำร้านรีบตรงมาจับตัวเขาเอาไว้อย่างทันทีพร้อมกับตะโกนห้ามไม่ให้เขาทำอะไรเจ้าของร้านซึ่งแจจุงก็ไม่ฟัง เขาพยามขันขืนและสะบัดมือให้หลุดพ้นจากการจับกุมพร้อมกับตะโกนด่าผู้ชายคนนั้นไปด้วย

                    “ผมเห็นทุกอย่าง ผมเห็นเหตุการณ์ในวันนั้น ผมได้ยินว่าคุณพูดอะไร ผมรู้ว่าคุณดีใจที่ภรรยาคุณตายเพราะคุณเองก็วางแผนที่จะฆ่าเธอเอาไว้อยู่เหมือนกัน!

     

                    แจจุงถูกพนักงานทั้งสองคนลากออกไปจากร้านแต่เขาก็ยังไม่หยุดที่จะตะโกนด่าสามีชองชินเอ

                    “ตอนนี้ภรรยาของคุณก็กำลังยืนฟังคำโหกหของคุณอยู่ คุณรู้บ้างมั้ย? คุณมันไม่ใช่คนดีเลยสักนิด!

     

                    “คุณป้าครับ! ลูกสาวของคุณป้าอยากให้ผมช่วยปกป้องคุณป้านะครับ”

     

                    “นี่นายเป็นบ้ารึไงห๊ะ สงบสติอารมณ์เดี๋ยวนี้!

                    พนักงานผู้ชายที่เป็นคนลากแจจุงออกมาตะโกนด่าคนตัวเล็ก แม้จะขัดขืนยังไงแต่ในที่สุดแจจุงก็ถูกเหวี่ยงให้ลงมานั่งกองอยู่ที่หน้าร้านจนได้ท่ามกลางสายตาของผู้คนมากมายที่จ้องมองมาที่เขา

     

                    โดนผลักให้ลงมานั่งอยู่ที่พื้นเป็นครั้งที่สองของวัน และถูกมองว่าเป็นคนบ้าอีกครั้งภายในวันเดียว ชีวิตของเขานี่มันน่าขำจริงๆ เขากวาดสายของมองดูรอบๆ แล้วก็ได้แต่ยิ้มเยาะให้กับโชคชะตาของตัวเอง ตั้งใจจะช่วยเหลือผู้อื่นแท้ๆ แต่กลับถูกมองว่าเป็นคนบ้า

     

                    สามีและแม่ของชินเอก็เดินออกมาดูแจจุงด้วยเช่นกัน ผู้ชายคนนั้นมองแจจุงด้วยแววตาที่เหนือนกว่าก่อนที่จะยิ้มเยาะให้กับคิมแจจุงที่นั่งหมดท่าอยู่ที่พื้น

     

                    พนักงานหันไปเรียกรปภ.ที่ยืนอยู่บริเวณนั้นมาเพื่อที่จะให้ลากคิมแจจุงออกไป

                   

                    และในตอนที่คนอื่นๆ กำลังมองแจจุงด้วยแววตาสมเพชอยู่นั้นนั่นเอง เสียงของใครบางคนก็ดัแทรกขึ้นมาท่ามกลางเสียงซุบซิบนินทาเหล่านั้น

     

                    “ทำไมถึงชอบลงไปนั่งเล่นที่พื้นนักนะคิมแจจุง”

     

                    เดจาวู

                เสียงนั้น

                เหมือนเหตุการณ์เมื่อเช้าวนกลับมาเกิดขึ้นอีกครั้ง

     

     

    TBC ^----------^*

     

     

    *******************************************************

     

    Talk : )

     

    สวัสดีค่ะ
    มุกมาแล้ววววววววววว
    โอ่ยยยยย หายไปสองอาทิตย์เลย คนอ่านลืมกันหมดแล้วแน่ๆ
    ลืมทั้งเนื้อเรื่อง ลืมทั้งคนเขียน ลืมทั้งฟิคเรื่องนี้ไปแล้วมั้ง TT

    ขอโทษนะคะ พอดีสองอาทิตย์ที่ผ่านมาทำงานแทบทุกวันเลย รีบหาเงินค่ะ 5555
    แต่ยังไม่ได้หางานประจำทำนะ เป็นงานพาร์ทไทม์
    แต่อาทิตย์นี้พอจะมีเวลาและ ทำงานแค่สามวัน
    เลยรีบมาแต่งฟิค
    หวังว่ายังจะมีคนรออ่านนะ ><

    พาร์ทนี้ไม่มีอะไรมากค่ะ พาร์ทหน้าค่อยมี

    ไม่รู้จะทอล์คอะไรอีก เอาเป็นว่าใครที่ยังไม่ได้ลงชื่อก็ไปลงกันนะคะ
    เผื่อจะได้ดูโฮมินที่ไทยกัน สู้ๆ >>> goo.gl/kTSaU2 

    ใครเล่นทวิต แวะไปคุยกับมุกได้นะ เหงา ทุกวันนี้คุยคนเดียวตลอดเลยค่ะ 55555
    Twitter >>> http://twitter.com/@MMooKiiEE  
    E-mail >>> mookiie_jong@hotmail.com

    แล้วเจอกันตอนหน้านะคะ
    ขอบคุณทุกๆ คนที่กดเข้ามาอ่านค่ะ

    ^--------------------^*

     

    *******************************************************

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×