ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [FIC] ☆--- Mystery Love ---☆ [TVXQ][YAOI]

    ลำดับตอนที่ #13 : ,,, Part 12 ,,, เลื่อนขั้น

    • อัปเดตล่าสุด 22 เม.ย. 57


    Title         :  Mystery Love
    Type        :  Long fiction
    Author      :  *..MooKiiE..*
    Category :  Comedy / Romance
    Paring      :  Yunho x Jaejoong / YooChun x JunSu

    Note         :  เรื่องนี้มุกได้แรงบันดาลใจมาจากซีรี่ส์เกาหลีเรื่อง The Master’s Sun นะคะ จึงทำให้เนื้อหาบางอย่างอาจคล้ายคลึงกันบ้าง

                                                                                                                                                                                                                                                              

    *******************************************************

     
    ขอให้มีความสุขในการอ่านค่ะ และ

    อย่าลืมกดเป็นแฟนพันธุ์แท้ฟิคเรื่องนี้กันนะคะ ^^



     

    Part 12

     

                    ยูชอนกลับเข้ามาในห้องทำงานหลังจากที่ประชุมเสร็จด้วยใบหน้าที่อ่อนเพลีย การประชุมที่ยาวนานถึงสามชั่วโมงทำเอาพลังงานของเขาแทบหมด หน้าที่การงานที่คุณพ่อมอบหมายให้ แม้มันจะยากเกินความสามารถของเขาในบางเรื่อง แต่เขาก็ไม่ยอมแพ้ ต้องไม่ทำให้คุณพ่อและทุกๆ คนผิดหวัง

     

                    เห็นปาร์คยูชอนเป็นคนเจ้าชู้ ทำตัวกะล่อนไปวันๆ แบบนี้ แต่เรื่องงานเขาไม่เคยทำเล่นๆ นะจะบอกให้

     

                    แม้จะเพลีย แต่พอเปิดประตูห้องทำงานเข้ามาแล้วได้เห็นคิมจุนซูที่กำลังนั่งคุยโทรศัพท์นัดแนะงานที่เขาได้มอบหมายเอาไว้ให้อย่างตั้งอกตั้งใจก็ทำให้ความเหนื่อยของเขาลดน้อยลงไปได้นิดนึง

     

                    ไม่รู้ทำไมเหมือนกัน อาจจะเป็นเพราะการแกล้งคิมจุนซูทำให้เขารู้สึกสนุกจนลืมความเครียดไปได้ล่ะมั้ง

     

                    “ครับ….. สถานที่ตามที่ได้นัดเอาไว้เลยครับ ครับ แล้วจะบอกคุณยูชอนให้นะครับ สวัสดีครับ

                    จุนซูกดวางสายแล้วก็ถอนหายใจออกมาด้วยความเบื่อหน่าย จะไม่ให้เบื่อได้ยังไง ก็เขาเล่นพูดแบบนี้ซ้ำๆ กันไปเป็นสิบๆ สายเลยหนิ น่าเบื่อจะตายชัก แต่ก็ยังดีที่มีเรื่องสนุกๆ บางอย่างที่ทำให้เขาพอจะอารมณ์ดีได้บ้างอยู่

     

                อ่าอยากเห็นเรื่องสนุกเร็วๆ จัง

                จุนซูแอบยกยิ้มที่มุมปาก เขาไม่ทันได้สังเกตว่าภายในห้องนี้ไม่ได้มีเขาอยู่ตามลำพังอีกแล้ว จนกระทั่งปาร์คยูชอนเดินมาทรุดตัวลงนั้งที่เก้าอี้ตรงหน้าเขานี่แหละ จุนซูถึงได้รู้ตัว

     

                    “ยิ้มอะไร?

                    ดวงตาคมปรายสายตามองคนตรงหน้าอย่างต้องการสังเกต

     

                    จุนซูปรับสีหน้าให้เป็นปกติ เขาทำหน้าตาเฉยทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้กับคำพูดของอีกฝ่าย

                    “ป่าวหนิฮะ แค่ดีใจที่ทำงานเสร็จ”

     

                    ยูชอนเลิกคิ้วมอง

                    “หืม? เสร็จแล้วงั้นหรอ เร็วเหมือนกันนะเนี่ย”

     

                    จุนซูยกยิ้ม             

                    “นัดทุกคนตามที่คุณบอกเอาไว้เรียบร้อย ไม่มีตกหล่นเลยแม้แต่รายเดียว”

     

                    ยูชอนพยักหน้ารับเบาๆ

     

                    “อ้อจริงซิคุณซูจีบอกให้ผมฝากบอกคุณว่าเธอจะตั้งตารอคอยคืนพิเศษกับคุณอย่างใจจดใจจ่อเลยล่ะ คุณมินอาก็บอกว่าเธอพร้อมจะสร้างความทรงจำกับคุณเป็นอย่างดี แล้วไหนจะคุณ……

     

                    แต่ยังไม่ทันที่จุนซูจะได้พูดจบ ยูชอนก็ยกมือห้ามและพูดแทรกขึ้นมาเสียก่อน

                    “พอเถอะ ฉันไม่อยากรู้”

     

                    จุนซูไหวไหล่ ไม่อยากรู้ก็ไม่เป็นไร แต่สาวๆ ของหมอนี่ก็ดันฝากข้อความไว้กับเขาซะทุกคนเลย พูดกันซะยาวเหยียด ถ้าพวกเธอมาได้ยินว่ายูชอนไม่อยากรู้ข้อความพวกนั้นคงจะเสียใจน่าดูเลยแหะ ผู้ชายแบบนี้มีดีให้น่าหลงใหลตรงไหนกัน

     

                    ยูชอนมองคนตัวเล็กที่นั่งมองเขาพร้อมกับขมวดคิ้วอยู่อย่างเงียบๆ ก่อนที่จะเอ่ยปากพูดออกไปอย่างรู้ทัน

                    “ทำหน้าแบบนั้นกำลังนั่งด่าฉันอยู่ในใจล่ะซิ”

     

                    จุนซูยกยิ้มก่อนที่จะตอบกลับไป

                    “เป็นไปตามที่คุณคิดเลยล่ะครับ”

     

                    “แปลกคน นายก็น่าจะเห็นแล้วนะว่าฉันมีแต่คนชอบ มีแต่คนอยากเข้าหา แต่นายกลับเกลียดขี้หน้าฉัน”

     

                    “สงสัยผมคงทำบุญมาเยอะเลยตาสว่างไม่หลงผิดเหมือนคนพวกนั้นมั้งครับ”

                    จุนซูตอบหน้าตาย

     

                    ยูชอนฟังคำตอบนั้นแล้วก็ได้แต่ยกยิ้มชอบใจ เขาเองก็แปลกคนเหมือนกัน รู้ว่าตัวเองโดนหลอกด่าแต่ก็กลับมานั่งยิ้มให้เขาด่าอยู่แบบนี้ ประสาทรึป่าววะเรา?

     

                    “นี่คือตารางเวลา สถานที่ที่ผมจัดเอาไว้ให้ เชิญคุณตรวจดูได้เลยครับ”

                    จุนซูส่งกระดาษกำหนดการการออกเดทของยูชอนกับสาวๆ ในแต่ละวันไปให้กับคนร่างสูง ฝ่ามือหนายื่นออกมาหยิบพร้อมกับก้มหน้าลงมองดูมันอยู่สักพักก่อนที่จะวางมันลง

     

                    “ทำงานเรียบร้อยดีหนิ”

     

                    “ผมอยากทำงานให้มันสมกับเงินที่คุณจ้างผมก็แค่นั้นเอง”

     

                    “อ่าฮะ”

                    ยูชอนยกยิ้มพร้อมกับพยักหน้ารับ

     

                    “และนี่ฮะ โทรศัพท์ของคุณ”

                    จุนซูส่งโทรศัพท์มือถือราคาแพงคืนให้กับเจ้าของ

     

                    ยูชอนรับมาก่อนที่จะจิ้มๆ เพื่อกดดูอะไรบางอย่าง

                    “ระหว่างที่ฉันประชุมมีใครโทรมารึป่าว?

     

                    จุนซูฟังแล้วถึงกับยกยิ้ม

                    “มีฮะ สองคน”

     

                    “อืม”

                    ยูชอนตอบกลับสั้นๆ เพราะเขาเห็นรายชื่อของคู่ควงที่โทรมาตนเองเรียบร้อยแล้ว

     

                    “พวกเธอโทรมาว่าไง? นายตอบอะไรเธอ”

     

                    “ผมบอกว่าคุณกำลังประชุมอยู่ พวกเธอบอกกับผมว่าจะมาหาคุณ”

                    จุนซูพูดตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงเรียบๆ

     

                    “งั้นหรอ?

     

                    แต่อยู่ๆ คนที่นั่งทำหน้าตานิ่งเฉยก็กลับยกยิ้มขึ้นมา ซึ่งนั่นก็ทำให้ยูชอนรู้สึกแปลกใจพอสมควร

                    “แต่ไม่ต้องห่วงนะฮะ ผมจัดการให้คุณเรียบร้อยแล้ว”

     

                    “หืม? จัดการ”

                    ยูชอนเลิกคิ้วมองคนตรงหน้าอย่างแปลกใจ อยู่ๆ เขาก็รู้สึกเหมือนตาขวาของตัวเองจะกระตุก เหมือนกำลังจะมีเรื่องไม่ดีอะไรบางอย่างเกิดขึ้น

     

                    “ใช่ฮะ ผมวางแผนจัดการให้คุณเป็นอย่างดีเลย”

     

                    ยูชอนมองคนตรงหน้าอย่างไม่ค่อยจะไว้วางใจ ถึงเด็กนี่จะทำหน้าตาปกติ แต่แววตาคู่นั้นที่ฉายแววเป็นประกายระยิบระยับเหมือนเด็กๆ ที่เจอของเล่นทำให้เขารู้สึกแปลกๆ

                    “แล้วนายจัดการยังไง”

     

                    จุนซูยกยิ้ม เขาไม่ตอบแต่กลับก้มหน้าลงไปดูเวลาที่นาฬิกาข้อมือของตนเอง อ่านี่ก็ใกล้เวลานัดแล้ว พนันได้เลยว่าสาวๆ ต้องมาก่อนเวลาแน่ๆ ไม่มีใครยอมพลาดโอกาสที่จะได้อยู่ใกล้กับปาร์คยูชอนหรอก!

     

                    และในตอนนั้นนั่นเองที่เสียงโทรศัพท์บนโต๊ะทำงานของยูชอนก็เกิดส่งเสียงดังขึ้น คนร่างสูงกดปุ่มพร้อมกับกรอกเสียงตอบรับกลับไป แต่ก็ยังมิวายมองจุนซูอย่างจับผิด

                    “มีอะไรครับคุณซอนมี”

     

                    “เอ่อ…… เอ่อ…….. คือ คุณยูชอนคะ มีแขกมาขอพบค่ะ”

     

                    “ใคร? คุณยูราหรอ?

     

                    “คือ….. คุณยูราก็มาค่ะ แต่………

                    เสียงของเลขาสาวอึกอักเงียบไปอยู่สักพักหนึ่งจนยูชอนตองถามย้ำกับเธอ

     

                    “แต่อะไร”

     

                    “แต่คุณอินยองก็มาด้วยเหมือนกันค่ะ มาพร้อมกันทั้งสองคนเลย พวกเธอบอกว่าคุณยูชอนนัดพวกเธอเอาไว้ จะให้ฉันพาเข้าไปเลยมั้ยคะ?

     

                    ยูชอนฟังเสียงเลขาสาวพูดพร้อมกับประมวลผลภายในหัวสมองไปด้วย วันนี้เขาไม่ได้นัดใครให้มาหาเลยสักคน เพราะได้มอบหน้าที่นั้นให้กับใครบางคนไปแล้ว

     

                    ใครบางคนที่กำลังนั่งยกยิ้มทำหน้าตาไม่รู้ไม่ชี้อยู่ตรงหน้าเขานี่ยังไงล่ะ

     

                ให้ตายซิ! ทำไมเขาถึงลืมคิดถึงความเจ้าเล่ห์ของเจ้าเด็กแสบคนนี้กันนะ

     

                    “ฝีมือนายซินะ”

     

                    จุนซูฉีกยิ้ม

                    “ผมกลัวว่าคุณจะเสียเวลา”

                   

                    “ก็เลยนัดให้พวกเธอมาหาฉันพร้อมกันเลยงั้นซิ?

     

                    คนตัวเล็กไหวไหล่แต่ก็ยังคงฉีกยิ้มอยู่ ก็แหมคนมันมีความสุขที่ได้แก้แค้นหมอนี่คืนนี่นา คนเจ้าชู้ก็ต้องเจอแบบนี้แหละ!

                   

                    จุนซูลุกขึ้นยืน เขาหยิบประเป๋าของตนเองขึ้นมาสะพาย

                    “ดูเหมือนคุณจะมีปัญหามาให้แก้ เอ้ย! มีธุระที่ต้องทำ และผมทำงานของผมเสร็จแล้ว งั้นผมขอตัวกลับก่อนนะครับ”

     

                    ยูชอนมองคนตรงหน้าด้วยสายตานิ่งๆ แกล้งเขาเสร็จแล้วก็คิดจะชิ่งหนีซินะ

     

                    คนตัวเล็กยกยิ้มก่อนที่จะเดินไปที่ประตู และก่อนที่จะเปิดประตูออกจากห้องไป จุนซูก็ไม่ลืมที่จะหันมาพูดซ้ำเติม เอ้ย! พูดให้กำลังใจกับท่านประธานก่อนออกจากห้องเสียด้วย เขามีมารยาทใช่มั้ยล่ะ

                    “รถไฟชนกันน่าสนุกจังเลยนะครับ”

     

                    ยูชอนอมยิ้ม เขาหัวเราะออกมาเบาๆ ให้กับความน่ารักของเจ้าแสบ คิดว่าคนอย่างปาร์คยูชอนไม่เคยเจอปัญหาแบบนี้หรือไงกัน คิดว่าเขาจะจัดการปัญหานี้ไม่ได้ซินะ  คิดผิดแล้วล่ะหนูน้อย

                    “คิดจะเจ้าชู้ ก็ต้องรู้จักสับรางให้เป็น”

     

                    ของแบบนี้มันอยู่ที่ฝีมือ ยูชอนกดโทรศัพท์ไปหาเลขาสาวที่หน้าห้องพร้อมกับกรอกเสียงตอบกลับไปเมื่อเธอตอบรับ

                    “เชิญพวกเธอทั้งสองคนเข้ามาในห้องของผมได้เลยครับ”

     

                เมื่อรถไฟชนกันต้องไม่กลัว

                นี่แหละ! คาสโนว่าตัวจริงปาร์คยูชอน

    .

    .

    .

    .

    .

                แจจุงใช้เวลาในการไขปริศนาของวิญญาณผู้หญิงตนนั้นอยู่หลายชั่วโมง เขาถอนหายใจออกมาด้วยคงามเบื่อหน่าย หลักฐานก็มีเพียงแค่ร้องเท้าสีแดงเพียงข้างเดียว แล้ววันนี้วิญญาณของผีตนนั้นก็ไปแอบอยู่ที่ไหนก็ไม่รู้ ไม่ปรากฏตัวออกมาให้เขาเห็นเลยสักนิด

     

                    เป็นเวลาเกือบบ่ายสอง คิมแจจุงที่ไม่ได้กินอะไรมาเลยตั้งแต่เช้าจึงต้องหยุดทำภารกิจตามล่าหาวิญญาณมานั่งกินข้าวกลางวันที่ฟู้ดคอร์ดของห้างสรรพสินค้าที่เต็มไปด้วยผู้คนมากมาย เขาเลือกกินเมนูง่ายที่ราคาถูกที่สุดเท่าที่จะหาได้ แต่ถึงยังไงราคาอาหารในห้างก็ย่อมแพงกว่าอาหารข้างทางอยู่แล้ว เอาเถอะ หิวจนหัวจะทิ่มลงพื้นแบบนี้เขาไม่มีแรงเดินออกไปหากินข้างนอกแล้วล่ะ

     

                    แจจุงใช้เวลาในการกินข้าวมื้อแรกของวันเพียงไม่นาน ในตอนที่กำลังยกแก้วน้ำเปล่าขึ้นดื่มอยู่ๆ เก้าอี้ที่เคยว่างเปล่าทางด้านหน้าของเขาก็มีร่างของใครทรุดตัวลงมานั่ง คนตัวเล็กที่กำลังคาบหลอดดูดน้ำอยู่ในปากจ้องมองคนตรงหน้าด้วยสายตาอึ้งๆ ถึงจะเพิ่งเจอกันเมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อน แต่เขาก็ไม่คิดว่าวันนี้เราจะได้เจอกันอีก แถมยังเป็นการเจอกันโดยที่อีกฝ่ายเป็นคนเดินเข้ามาหาเขาเองอีกต่างหาก

     

                    “ท่านประธาน”

                    แจจุงเอ่ยชื่ออีกฝ่ายอย่างเพ้อๆ คนตัวเล็กทำตาโต ปากกลมๆ นั่นก็พะงาบๆ เพราะกำลังงงอยู่

                   

                    ยุนโฮยังคงมีสีหน้าเรียบเฉย แม้ในตอนนี้พวกเขาทั้งสองคนจะตกเป็นเป้าสายตาของคนรอบข้างอยู่ก็ตาม

                    “เป็นไง ปราบผีสำเร็จมั้ย?

     

                    “วันนี้ผมไม่ได้มาปราบผีสักหน่อย ผมมาช่วยเธอต่างหาก”

                   

                    ยุนโฮฟังแล้วก็ได้แต่เลิอกคิ้วขึ้นด้วยความสงสัย

                    “ช่วย?

     

                    แจจุงรีบพยักหน้าขึ้นลงเร็วๆ

                    “ใช่ฮะ ผมมาเพื่อช่วยเธอ”

     

                    แล้วคิมแจจุงก็เล่าสิ่งต่างๆ ที่เกิดขึ้นเมื่อวาน รวมไปถึงความฝันของเขาให้คนร่างสูงได้ฟังด้วย ชองยุนโฮที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามนั่งฟังด้วยสีหน้าเรียบเฉย มีบางตอนที่เขาแอบขมวดคิ้วสักเล็กน้อยแต่ก็เพียงไม่นาน เขาก็กลับมาทำหน้าตานิ่งเฉยเหมือนเดิม

     

                    “เพราะแบบนี้นี่แหละ ผมถึงต้องมาช่วยเธอ”

     

                    “ทั้งๆ ที่เป็นวันหยุด และแม้จะโดนคนอื่นๆ มองว่าเป็นคนบ้าอย่างงั้นน่ะหรอ?

                    ดวงตาคมมองคนที่นั่งอยู่ตรงหน้าพร้อมกับเอ่ยปามถามออกมาด้วยน้ำเสียงราบเรียบ

     

                    ดวงตากลมจ้องสบสายตากับดวงตาคม ก่อนที่จะพยักหน้ารับและตอบกลับด้วยน้ำเสียงหนักแน่น

                    “ครับยังไงก็ถูกมองเป็นคนบ้าจนชินแล้วนี่นา ถ้าไม่ช่วยเธอ ผมก็คงจะไม่สบายใจและคงจะต้องรู้สึกผิดไปอีกนาน”

     

                    “…………………..

                    ยุนโฮฟังคนตรงหน้าพูดอยู่อย่างเงียบๆ ดวงตาคมจ้องมองรอยยิ้มบางๆ ในขณะที่พูดของแจจุงด้วยความรู้สึกแปลกใจ ก่อนหน้านี้เขามักจะมองวาคนคนนี้เป็นคนประหลาด มองว่าคนที่นั่งอยู่ตรงหน้านี้เป็นคนสติไม่ดี แอบหลอกด่าหมอนี่ว่าเป็นคนบ้าอยู่เสมอ แต่ก็คนบ้าคนนี้นี่แหละที่ชอบทำตัวให้คนอื่นมองว่าบ้า ยอมให้ตัวเองโดนด่าเพียงเพราะอยากจะช่วยพวกผีๆ ให้หลุดพ้นจากความทุกข์ แม้ว่าตัวเองจะต้องมานั่งแบกความทุกข์เหล่านั้นเอาไว้ก็ตาม

     

                    หลังจากที่ได้รู้จัก ได้สังเกตคนคนนี้มากขึ้น ชองยุนโฮก็คงจะต้องยอมรับว่าเขานั้นเชื่อเกือบร้อยเปร์เซ็นต์ว่าคนคนนี้สามารถมองเห็นผีได้จริงๆ แม้จะไม่อยากเชื่อ แต่ก็ต้องเชื่อ

     

                    เขาคิดว่าคิมแจจุงอาจจะไม่ใช่คนปกติจริงๆ นั่นแหละ คนปกติที่ไหนกันเขาจะมาคอยช่วยเหลือผีที่ตัวเองไม่ได้รู้จักอะไรด้วยเลยแบบนี้

     

                    คิมแจจุงคงเป็นคนดีเกินไป ดีจนผิดปกติ

     

                    “คิมแจจุง”

                    ชองยุนโฮมองคนตรงหน้าก่อนที่จะเอ่ยปากเรียกชื่องของคนร่างบางด้วยน้ำเสียงเรียบๆ

     

                    “ครับ?

                    ดวงตากลมใสๆ จ้องมองอีกฝ่ายอย่างงงๆ

     

                    ชองยุนโฮนั่งจ้องหน้าคนตัวเล็กด้วยสายตานิ่งๆ อยู่สักพักหนึ่งก่อนที่จะเอ่ยปากพูด

                    “รีบๆ ช่วยผีตัวนี้ให้เสร็จเร็วๆ ล่ะ”

     

                    “เอ๋?

                    แจจุงเอียงคอมองยุนโฮอย่างงงๆ

     

                    ยุนโฮยกยิ้มที่มุมปากเล็กน้อยก่อนที่จะเอ่ยปากพูดต่อ

                    “ถ้านายทำสำเร็จ”

     

                    แจจุงทำตาโตรอคอยฟังคำพูดของคนร่างสูงอย่างลุ้นๆ คราวก่อนนั้นยุนโฮบอกกับเขาว่าถ้าเขาทำไม่สำเร็จจะไล่เขาออก แต่คราวนี้กลับต่างจากครั้งก่อน ถ้าเขาทำสำเร็จ เขาจะได้อะไรอย่างงั้นหรอ?

     

                    ชางมินบอกกับเขาว่าเขาจะโชคดี หรือว่าโชคดีที่ว่านั้นจะเป็นโชคที่ได้จากยุนโฮกันนะ

                                    “ถ้าผมทำสำเร็จ ทำไมหรอครับ? ผมจะได้รางวัลหรอ?

     

                    ยุนโฮกระตุกยิ้มที่มุมปากเล็กน้อย ย้ำ! ว่าเล็กน้อย เพราะถ้าไม่สังเกตดีๆ จะไม่รู้เลยว่าชองยุนโฮกำลังยกยิ้มอยู่

                    “ฉันจะเลื่อนขั้นให้นาย”

     

                    “เลื่อนขั้น?

                    ให้เขาไปเป็นหัวหน้าพ่อบ้านอะไรอย่างงี้อ่ะหรอ? ไม่เอาอ่ะ! เขาอยากเป็นพนักงานทำความสะอาดธรรมดาๆ ที่สามารถมีเวลาว่างแว๊บไปแอบส่องยุนโฮตอนทำงานได้ก็แค่นั้นเอง ตำแหน่งอะไรนั่นเขาไม่อยากได้หรอก!

     

                    ยุนโฮมองคนตรงหน้าที่นั่งขมวดคิ้วจนหน้ายุ่งพร้อมกับนึกขำอยู่ในใจ สงสัยจะไม่อยากเลื่อนขั้นแหะ เขาก็เลยต้องงัดไม่เด็ดออกมาใช้

                    “ฉันจะให้นายมาอยู่ข้างๆ ฉัน”

     

                    เพียงแค่นั้น เพียงแค่ได้ยิน คิมแจจุงก็เบิกตากว้างขึ้นด้วยความตกใจเสียแล้ว อะอะไรนะ! เขาจะได้ทำงานอยู่ข้างยุนโฮอย่างงั้นหรอ? นี่เขาไม่ได้ฝันไปนะ เรื่องจริงใช่มั้ย?

     

                    “รู้อย่างงี้ก็รีบๆ ไปทำหน้าที่ของนายเถอะ”

                    ยุนโฮพูดพร้อมกับลุกขึ้นยืน

     

                    “เอ๋??

                    และนั่นก็ทำให้แจจุงเกิดความสงสัยได้อีกรอบ

     

                    “ถ้าอยากอยู่ใกล้ฉันเร็วๆ ก็รีบๆ ไปช่วยผีตนนั้นซะ”

                    ชองยุนโฮพูดทิ้งท้ายเอาไว้เพียงแค่นั้นก่อนที่จะหันหลังแล้วเดินจากไป ดวงตากลมได้แต่จ้ององแผ่นหลังกว้างของคนที่ค่อยๆ ห่างไปเรื่อยๆ อย่างใช้ความคิด

     

                    ได้อยู่ข้างๆ ยุนโฮ ได้อยู่ใกล้ๆ แม้จะไม่รู้ว่าตนเองจะต้องไปทำงานในฐานะอะไร แต่เพียงแค่นี้คิมแจจุงก็พร้อมสู้สุดในขาดดิ้นเสียแล้ว

                    “กำลังใจมาเต็ม! ตอนนี้ผมพร้อมช่วยคุณแล้วครับคุณผี”

     

                    มาเลยตอนนี้คิมแจจุงพร้อมรบเต็มที่ เร็วๆ เลย! เขาจะได้ไปอยู่ข้างๆ ยุนโฮเสียที ตอนนี้ให้ไปเป็นคนรับใช้ส่วนตัวเขาก็ยอมอ่ะ ขอแค่ได้อยู่ใกล้ๆ ได้อยู่ข้างๆ หลุมหลบภัยของเขาก็พอ

     

                รอผมก่อนนะครับท่านประธาน

    .

    .

    .

                    หลังจากได้พลังที่เต็มเปี่ยมจากท่านประธาน แจจุงก็ใช้เวลาในการตามหาวิญญาณของผีเจ้าของร้องเท้าส้นสูงอยู่นานกว่าสองชั่วโมง โดยในครั้งนี้เขาก็ได้รับความช่วยเหลือจากผีจอมเจ้าเล่ห์ชิมชางมินเจ้าเก่าเข้ามาช่วยด้วย และแน่นอน ชางมินไม่เคยช่วยอะไรเขาโดยไม่หวังผลตอบแทน

     

                    ผีสาวตนนั้นเธอกำลังยืนมองอะไรบางอย่างอยู่ที่หน้าร้านขายเสื้อผ้าร้านหนึงที่อยู่ภายในห้างเดอะคิงดอม สายตาของเธอดูเศร้าสร้อยจนแจจุงที่แอบยืนอยู่ไกลๆ ยังสามารถสัมผัสถึงมันได้เธอคงจะเศร้ามากเลยซินะ เรื่องนั้นก็คงจะเป็นสาเหตุที่ทำให้เธอไม่สามารถไปสู่สุขคติได้

     

                    “อย่าลืมไก่บาร์บีคิวของผมล่ะ”

                    ชิมชางมินย้ำหลังจากที่ตนเองช่วยแจจุงตามล่าหาผีตนนั้นได้สำเร็จเรียบร้อยแล้ว

     

                    “รู้แล้วน่า ย้ำจังเลย! ให้ฉันช่วยเธอสำเร็จก่อนเถอะ ฉันจะรีบไปซื้อมาให้นายเลย!

                    โชคดีที่จุดตรงที่แจจุงกับชางมินยืนอยู่นั้นเป็นที่ลับสายตาคน ไม่อย่างงั้นแจจุงคงจะโดนหาว่าเป็นบ้าอีกแน่ๆ ที่มายืนพูดคนเดียวอยู่แบบนี้

     

                    “อย่าลืมล่ะ”

     

                    “ก็บอกว่ารู้แล้วไงเล่า ชิ๊!

     

                    “รีบๆ เข้านะจะได้อยู่ใกล้คุณยุนโฮของพี่ซะที”

                    เมื่อชางมินพูดประโยคนั้นจบก็หายตัวไปกับอากาศอย่างทันที ทิ้งให้คนโดนแซวได้แต่ยืนหน้าแดงอ้าปากกลมๆ พะงาบๆ อยู่คนเดียว

     

                    กว่าจะตั้งสติได้ก็ในตอนที่เขารู้สึกถึงสายตาของใครบางคนที่จ้องมองมาพร้อมกับเสียงกึกๆ ของส้นร้องเท้าที่ดังกระทบกับพื้นที่ดังใกล้จุดที่เขายืนอยู่มากขึ้นเรื่อยๆ ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเสียงนั้นเป็นเสียงของใคร แม้จะทำใจมาพอสมควรแล้วแต่พอเอาเข้าจริงยังไงเขาก็ยังคงรู้สึกจนลุกเหมือนเดิมนั่นแหละ

     

                    เสียงร้องเท้าส้นสูงดังหยุดที่ด้านหลังของเขา พร้อมกับที่หูของแจจุงได้ยินเสียงเย็นๆ ของหญิงสาวคนนั้นกระซิบเบาๆ อยู่ที่ข้างหูของเขา

                    “ชะ…… ช่วย……..ด้วย”

     

                    แจจุงสูดลมหายใจเข้าปอดเฮือกใหญ่เพื่อเป็นการเรียกขวัญและกำลังใจก่อนที่จะเอ่ยปากตอบเธอกลับไปด้วยน้ำเสียงสั่นๆ

                    “ผะผม….. ช่วยคุณแน่ๆ ตะ…. แต่คุณ…. ก็ต้องเล่าเรื่องของคุณ…… ให้ผมฟังก่อน”

     

                    เสียงวิญญาณตนนั้นเงียบไป จนแจจุงต้องทำใจกล้ากลับหลังหันไปดูเธอ เขาสะดุ้งเล็กน้อยเพราะความตกใจที่เห็นเธอยืนอยู่ใกล้ๆ แต่ความตกใจนั้นก็เปลี่ยนเป็นความมึนงงเมื่ออยู่ๆ วิญญาณผีสาวกลับมายืนร้องไห้อยู่ตรงหน้าเขา

     

                    น้ำตาของเธอไหลเปรอะเปื้อนไปกับคราบเลือดบนใบหน้าของเธอ แจจงมองดูเธอด้วยความสงสารแม้ในใจลึกๆ ยังมีความหวาดกลัวอยู่บ้างก็ตาม

                    “เล่ามาถอะ ถ้าคุณอยากให้ผมช่วยคุณก็ต้องบอกมาก่อนว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับคุณ”

     

                    “ฮึก………. ฮือ………

                    เสียงร้องไห้คร่ำครวญของเธอฟังแล้วช่างขนลุกนัก รับรองเลยว่าถ้าเป็นคนอื่นคงจะวิ่งเผ่นกันไปแล้ว

     

                    “ผมสัญญาว่าผมจะช่วยคุณ”

                    แจจุงเอ่ยปากบอกกับผีสาวตนนั้นด้วยน้ำเสียงหนักแน่น แม้จะไม่มีเรื่องข้อเสนอของยุนโฮเข้ามาเกี่ยวข้องยังไงเขาก็ยังจะช่วยเธอเช่นเดิม เขาคงจะรู้สึกผิดที่ต้องปล่อยให้พวกผีเหล่านี้ทุกข์ใจทั้งๆ ที่เขาสามารถช่วยเหลือพวกเขาได้ มันคงเป็นโชคชะตาที่ลิขิตให้ชีวิตเขาเป็นแบบนี้

     

                    ดวงตาสีแดงก่ำของเธอจ้องมองมาที่แจจุง ซึ่งก็ทำเอาคนตัวเล็กถึงกับสะดุ้งไปได้เหมือนกัน เธอยืนร้องไห้อยู่สักพักก่อนที่จะเริ่มเอ่ยปากเล่าเรื่องที่เป็นต้นเหตุการตายของเธอให้แจจุงฟัง

                    “เรื่องมันเกิดขึ้นในคืนนั้น…… คืนที่ฉันจับได้ว่าสามีของฉัน………. มีชู้”

     

                    แจจุงทำตาโตด้วยความตกใจในตอนที่ได้ฟังเรื่องเล่าของเธอ ก่อนที่ดวงตากลมจะแปรเปลี่ยนเป็นแววตาแห่งความสงสารและความเห็นใจ ความรักมักมีทั้งด้านสีขาวสีดำและสีเทาเสมอ มีทั้งความรักที่เป็นสุขและความรักที่สร้างทุกข์ให้กับเรา แต่ยังไงเขาก็ยังคงเชื่อว่าความรักนั้นสวยงามเสมอ มันต้องมีสักช่วงแหละที่ความรักทำให้ชีวิตของเรามีความสุข ก่อนที่จะต้องมาเจอกับเรื่องเลวร้าย ผู้หญิงคนนี้ก็ต้องเจอกับความสุขที่เกิดจากความรักมาก่อนอย่างแน่นอน

     

                    และความรักของเขาจะเป็นยังไงนะ? แจจุงก็เคยสงสัยในเรื่องนี้อยู่เหมือนกัน

     

                    แต่ช่างมันเถอะ ตอนนี้เขาต้องช่วยเธอเสียก่อน เพราะถ้าเขาช่วยเธอได้สำเร็จ  บางทีนี่อาจจะเป็นต้นกำเนิดเส้นทางความรักของเขาในอนาคตก็ได้ใครจะไปรู้

     

                    แต่ตอนนี้ต้องเลิกมโนและกลับมาสู่โลกของความเป็นจริงก่อนนะคิมแจจุง

     

                    เดี๋ยวความฝันที่สวยงามจะได้เป็นเพียงแค่ความฝันที่ไม่สามารถเกิดขึ้นได้จริง

     

                    “เรามารีบจัดการปัญหาของคุณให้จบเร็วๆ เถอะ”

                    ผมจะได้ไปตามล่าหาชองยุนโฮต่อ เอ๊ะ? ไหนบอกว่าไม่ได้ช่วยเพราะยุนโฮไง แต่ก็นะ ยุนโฮก็เป็นองค์ประกอบหลักที่ทำให้แจจุงมีกำลังใจช่วยเหลือผีพวกนี้แหละนะ

     

                    ความรักของเขา

                จะมีจุดเริ่มต้นที่ชองยุนโฮรึป่าวนะ?

     

                เขาก็ได้แต่ภาวนา

                แต่เรื่องแบบนี้คงจะต้องรอดูกันต่อไป…..

     

                    “หวังว่าเขาคนนั้น จะทำให้ผมมีความสุขกับความรักนะ”

     

     

    TBC ^----------^*

     

     

    *******************************************************

     

    Talk : )

     

    สวัสดีค่ะทุกคนนนนนน
    เหนื่อยมากกกกกกกก
    เข็นร่างพังๆ มาอัพ
    คือปวดทั้งตัวเลยค่ะ ปวดไหล่แบบยกแทบไม่ขึ้น TT
    ไม่มีแรงมอล์คแล้วววววว
    ขอตัวไปนอนก่อนนะคะ

    อ้อ! อาทิตย์หน้ามุกอาจจะไม่ได้มาอัพนะคะ
    เพราะต้องทำงาน TT

    ขอให้ทุกคนสนุกกับการอ่าน

    ช่องทางการติดต่อมุกค่ะ
    Twitter >>> http://twitter.com/@MMooKiiEE  
    E-mail >>> mookiie_jong@hotmail.com

    แล้วเจอกันตอนหน้านะคะ

    ^-------------------------^*

     

    *******************************************************

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×