NC

คำเตือนเนื้อหา

เรื่องนี้อาจมีเนื้อหาหรือการใช้ภาษา
ที่ไม่เหมาะสม เยาวชนที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปี
ควรใช้วิจารณญานในการอ่าน
กดยอมรับเพื่อเข้าสู่เนื้อหา

อ่านเงื่อนไขเพิ่มเติม
ปิด
ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    (RW)[FanFic AlphaTopia+InaGO]The Adventure of The Thunder

    ลำดับตอนที่ #3 : (past)เจ้าหมาน้อยในตรอกมืด

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 210
      4
      28 ม.ค. 65

    ก่อนหน้าเหตุการณ์ในเนื้อเรื่องหลักสักพัก

     

    บางครั้งสึรุกิ เคียวสุเกะก็สงสัยเหลือเกิน ว่าทำไมคนอย่างเขาถึงได้มาอยู่ในสภาพนี้กันนะ

    ถ้าเป็นคนอื่นก็คงจะรู้สึกเหมือนโชคชะตาเข้าข้าง ที่อยู่ๆมีพวกชนชั้นสูงมาเอาใจใส่อย่างดี แต่บางทีเขาก็แอบรู้สึกว่าไอหมอนี่มันโครตน่ารำคาญเลย

    ฮาคุ

    “ค้าบ ว่าไงครับที่รัก?”พ่อหนุ่มผมสีแพลตตินั่มยาว มีหางม้าสีเงินยวงขานรับคนที่เขากอดไว้

    “ข้อแรก ใครที่รักนายกัน ข้อสอง ฉันอึดอัด เลิกกอดฉันสักที”

    “นับจากวันนั้นมันก็เกือบสามปีแล้วนะ แล้วเราก็อยู่ด้วยกันมาจะปีนึงแล้วด้วย เรายังไม่ได้เป็นอะไรกันอีกหรอ?”

    “อย่าสำคัญตัวนักเลย นายก็แค่คนที่ต้องรับผิดชอบฉันเท่านั้นแหละ”

    “ไอหยา ใจร้ายจังนะ ทำไมที่รักเย็นชากับฉันจังล่ะ”

    “หยุดเรียกฉันแบบนี้ได้แล้ว”บุคคลในอ้อมกอดเริ่มหงุดหงิด ชักดาบอัศวินมาจ่อคออีกฝ่ายไว้

    “อะ โอเคๆ ยอมแล้วครับยอมแล้ว เคียวนี่รุนแรงตลอดเลยนะ”ฮาคุที่เหงื่อตกค่อยๆปล่อยมือออกจากอีกฝ่าย แล้วไปนั่งเงียบๆที่อีกฝั่งนึงของโซฟา

    “ก็พูดรู้เรื่องนิ่”เคียวสุเกะเก็บอาวุธประจำตัวกลับเข้าที่โดยการเปลี่ยนมันเป็นรอยสัก ชำเรืองมองคู่พันธะของตัวเองที่ตอนนี้นั่งซึมเหมือนสุนัขที่โดนเจ้าของดุ

    .

    .

    .

    “…เฮ้อ ก็ได้ มานี่มา แค่แปปเดียวนะ”แต่สุดท้ายก็เป็นเคียวสะเองที่ทนมองอีกฝ่ายนั่งจ๋องไม่ไหว ตบที่ตักของตัวเองสองสามทีเป็นการบอกว่าเขาอนุญาณให้หนุนตัก

    ซึ่งฮาคุก็เหมือนจะรอเวลานี้มานาน เอนตัวลงนอนหนุนตักอีกฝ่ายอย่างรวดเร็ว

    “เฮ้อ”เด็กหนุ่มร่างสูงโปร่งมีผมสั้นชี้แหลมสีกรมท่าเข้ม ดวงตาคมกับนัยน์ตาสีส้มได้แต่ถอนหายใจอีกครั้ง

    และตั้งคำถามกับตัวเองว่าทำไมถึงได้ใจอ่อนกับอีกฝ่ายง่ายดายขนาดนี้กัน

    “นายนี่เหมือนแมวดีนะ”คนที่นอนหนุนตักอยู่เปิดประเด็น

    “ตรงไหนกัน”

    “ตรงที่เดาใจยาก เดี๋ยวดุเดี๋ยวใจดี ตอนอ้อนก็น่ารัก”

    “ฉันไปอ้อนนายตอนไหนกัน ไม่เห็นจะจำได้”

    “เห ก็วันนั้นไง ลืมแล้วเหรอ? วันนั้นน่ะนะ…”

    .

    .

    .

    ประมาณสามปีที่แล้ว

     

    ณ เขตZ ฮาคุริวในวัย14ปีได้กลับมาเหยียบที่นี่อีกครั้ง หลังจากครั้งล่าสุดคือตอนที่เขาเกิดมา เด็กหนุ่มจากชนชั้นสูงคนนี้ไม่เคยลืมชาติกำเนิดที่แท้จริงของตัวเอง ว่าเขานั้นควรเป็นอะไรกันแน่

    ‘ถ้าคุณแม่ยังอยู่ที่นี่คงมีความหมายมากกว่านี้…’เขาได้แต่คิด ขณะที่เดินไปตามทางเท้าโดยมีบอดี้การ์ดสองคนประกบซ้ายขวา

    ความกลัว คือสิ่งที่ตระกูลชิโรอิ ผู้ก่อตั้งแก๊ง“White Dragon”ใช้ปกครองคนอื่น และคนในตระกูลรึแม้แต่เหล่าสมาชิกต่างก็ถูกฝึกมาให้ไร้ซึ่งความกลัว

    แน่นอนว่าผู้สืบทอดเพียงหนึ่งเดียวอย่างชิโรอิ ฮาคุริวจะต้องฝึกหนักกว่าคนอื่น

    ในเอนโจลิโก้ ความกลัวที่ได้พบมักจะมีแต่ความกลัวของชนชั้นสูงหรือกลาง แต่ที่นี่ มีความกลัวที่หลากหลายกว่า

    ผู้คนที่มากไปด้วยอำนาจก็กลัวที่จะสูญเสียอำนาจ ผู้คนที่มีความรักก็กลัวจะเสียสิ่งที่รักไป แต่ไม่ว่าจะเป็นใครลึกๆแล้วต่างก็มีความกลัวที่เหมือนกันคือ กลัวเจ็บ กลัวอดอยาก กลัวป่วย และกลัวตาย

    การที่จะไร้ซึ่งความกลัวทั้งๆที่ยังมีความคิดความรู้สึกเนี้ย มันยากจริงๆนะ

    “หือ?”ฮาคุริวเลิกคิ้วขึ้นเมื่ออยู่ๆมีกลิ่นบางอย่างลอยมา เป็นกลิ่นประหลาดที่หอมหวานกว่าดอกไม้หรือน้ำหอมทุกชนิดที่เคยพบเจอ

    เป็นกลิ่นชวนฝันที่เหมือนสร้างขึ้นมาเพื่อเขา น่าหลงใหล และน่าครอบครอง

    “พวกนายได้กลิ่นอะไรรึเปล่า”นายน้อยของตระกูลหันไปถามบอดี้การ์ดของตัวเอง พวกเขาทั้งคู่ส่ายหน้า ทำเอาคนถามแปลกใจ ก่อนจะนึกอะไรออก

    บอดี้การ์ดของเขาทั้งคู่เป็นเบต้า ส่วนตัวเขาเองเป็นอัลฟ่า ถ้านี่เป็นกลิ่นฟีโรโมนมันก็พอจะอธิบายได้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น

    แต่ว่า มันมาจากใครหรือมาจากไหนล่ะ?

    “จะทำ…อะไรน่ะ”อีกอย่างที่ลอยตามมา คือเสียงสั่นเครืออันแผ่วเบา ที่ฮาคุริวเดาไว้ว่าน่าจะเป็นเสียงของเจ้าของกลิ่น

    และถ้าการเดาครั้งนี้ถูกต้อง ก็แปลว่าอาจมีเรื่องไม่ดีเกิดขึ้นในตรอกข้างๆเขา มันเป็นตรอกที่มืดแม้ว่าตอนนี้จะเป็นเวลากลางวัน แถมยังสกปรกและเต็มไปด้วยขยะ เรียกได้ว่าเป็นฝันร้ายของคนรักความสะอาดเลย

    หากว่าเป็นเด็กเล็กหรือพวกโอเมก้าคงกลัวที่จะเดินเข้าไปเพราะอาจจะเจอกับเรื่องร้าย แต่สำหรับฮาคุริวผู้อยากรู้อยากเห็น การเข้าไปในตรอกนี้ง่ายกว่าการแกะฝาพุดดิ้งสะอีก

    .

    .

    .

    “ป-ปล่อยฉันนะ…”ต้นตอของเสียงคือเด็กหนุ่มร่างสูงโปร่งผมสั้นชี้แหลมสีกรมท่าเข้มอยู่ในสภาพที่เสื้อผ้าถูกฉีกออกจนไม่เหลือชิ้นดี แขนที่ถูกผู้ชายวัยกลางคนสองคนกดไว้กับกำแพงคนละข้างพยายามต่อต้านแต่ก็ไร้ผล

    “แหมๆจะรีบไปไหนล่ะ ให้พวกเราได้เล่นสนุกกับแกก่อนสิ”หนึ่งในชายโรคจิตจับคางของเด็กหนุ่มเงยขึ้นเพื่อยลโฉม แก้มของเขาที่เคยขาวเนียนตอนนี้เปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำและอาบไปด้วยน้ำตาของความกลัว

    “ช่าย ไหนๆแกก็อยากงั้นก็มาปลดปล่อยความอยากให้พวกเราสะ”ชายอีกคนพูดขณะที่มืออีกข้างลูบไล้ตามลำตัวของเหยื่อที่กำลังสั่นไปทั่วทั้งร่าง ก่อนจะย่อตัวลงหวังจะลิ้มรสเนินเนื้อของเด็กวัยรุ่นที่ไม่เคยได้ลิ้มลอง

    แต่ก็ ไปชิมในชาติหน้าเถอะนะ

    “อั่ก!”ทั้งคู่ถูกชายสองคนในชุดสูทดำติดเข็มกลัดลายมังกรของแก๊งมาเฟียชื่อดังล็อกคอเข้าให้

    “นี่พวกมึงเป็นใครกันหะ!?”พวกมันทั้งโวยวายและดิ้นรน แต่ก็ไม่สามารถต่อกรกำลังแขนของทหารรับจ้างได้เลยแม้แต่น้อย

    ส่วนเด็กชายผู้เคราะห์ร้ายหลังหลุดพ้นจากเงื้อมมือของพวกโรคจิตติดสัดมาได้ก็ได้แต่นั่งกอดตัวเองอยู่อย่างงั้น ไม่ใช่แค่เพราะสภาพที่ดูไม่ค่อยดี แต่สองขาของเขานั้นอ่อนแรงเกินกว่าจะลุกขึ้นยืน

    ดวงตาคมที่เต็มไปด้วยน้ำตาเริ่มพร่ามัวพร้อมๆกับอุณหภูมิร่างกายที่สูงเกินร่างกายมนุษย์ปกติ ตัวเขาทำได้เพียงหอบหวังให้ไอร้อนจากร่างกายออกไปบ้าง ก่อนที่หางตาจะเห็นเท้าของใครสักคนเดินใกล้เข้ามา

    พึ่บ

    ผู้มาใหม่ถอดแจ็กเก็ตสีขาวของตนมาคลุมเรือนร่างของลูกหมาที่กำลังสั่นกลัวไว้ นั่งคุกเข่าข้างเดียวต่อหน้าอีกฝ่ายแล้วค่อยๆลูบไล้ตามไรผมสีกรมท่าอย่างแผ่วเบาเพื่อปลอบขวัญ

    “นายน้อยครับ จะเอาอย่างไงกับพวกมันดีครับ”หนึ่งในบอดี้การ์ดถามผู้เป็นนายของตนในตอนนี้ว่าจะให้ทำอย่างไงกับคนในอ้อมแขนพวกเขา ฝ่ายถูกถามครุ่นคิดเล็กน้อยก่อนจะถามบางอย่าง

    “หน่วยเก็บกวาดที่อยู่ใกล้ที่สุดอยู่ห่างไปเท่าไหร่”

    “ประมาณห้าถึงสิบนาทีครับ”

    “อืม งั้นก็ตามนั้น”ชายหนุ่มดีดนิ้วข้างขวาดังเป๊าะ

    “เฮ้ย! จะทำอะไรพวกกูน่ะ!? ปล่อย-”

    กร็อบ

    .

    .

    .

    “ไหนดูสิ๊”ฮาคุริวเปิดมือถือฝาพับสีแดงที่ตกอยู่ข้างๆเด็กหนุ่มในขณะที่บอดี้การ์ดของเขากำลัง‘เก็บกวาด’ จากรูปหน้าจอที่เป็นรูปถ่ายรวมครอบครัวก็พอจะทำให้เขาเดาเจ้าของมือถือเครื่องนี้ได้

    “นี่ นายชื่ออะไรเหรอ”

    “ค-เคียว เคียวสุเกะ”เจ้าของมือถือตอบด้วยเสียงกระเส่า แววตาสีส้มคู่นั้นไม่ได้มีกามารมณ์แฝงอยู่เหมือนโอเมก้าส่วนใหญ่ ในยามที่จ้องไปในตาของเขา มันมีแต่ความทรมานที่มากล้น มากเกินกว่าที่ตัวเขาคนเดียวจะรับมือไหว

    “ไหวรึเปล่า?”ฮาคุริวละสายตาจากมือถือมาสนใจอีกฝ่ายที่ยังสั่นอยู่

    “ไม่…”เคียวเริ่มหน้ามืด วินเวียนจนแทบจะฟุบลงไปนอนกับพื้น เมื่อเห็นว่าท่าจะไม่ดี ฮาคุริวดึงอีกฝ่ายให้มาพิงตัวเองไว้ก่อนจะถาม

    “งั้น พอจะบอกทางไปบ้านได้มั้ย?”

    “อ-อือ…”เคียวพยักหน้าพร้อมตอบรับด้วยแรงที่เหลือน้อยนิด

    “ถ้างั้น เราไปกันเถอะนะ เผื่อแอร์ในรถจะพอบรรเทานายได้บ้าง”ฮาคุริวอุ้มอีกฝ่ายขึ้น ถึงจะปิดบังได้ไม่หมดแต่อย่างน้อยแจ็กเก็ตสีขาวตัวนี้ก็คลุมส่วนสำคัญของเคียวได้มิดชิด

    แต่ในระหว่างกำลังเดินไปที่รถ ฮาคุริวก็เกิดความคิดแปลกๆที่ไม่ควรคิดขึ้นมา

    ‘นอกจากยาและก็เรื่องอย่างว่า อีกอย่างที่พอจะบรรเทาความทรมานจากการฮีทได้คือกลิ่นของคู่พันธะนิ่หน่า แต่ว่าก็ได้ผลแค่บางคู่นิ่ แถมเราก็พึ่งจะเจอกัน จะทำแบบนั้นมันก็…’

    “เฮ้ย เคียว เคียวสุเกะ!”ฮาคุริวพยายามปลุกคนในอ้อมแขนที่หมดสติไปสะแล้ว เกิดมาก็พึ่งเคยเจอคนที่สลบเพราะอาการฮีทนี่แหละ

    ‘ช่วยไม่ได้… ขอทดลองหน่อยละกันนะ’

    .

    .

    .

    “อือ…”ลมเย็นจากแอร์ของรถสุดหรูและกลิ่นบางอย่างปลุกเคียวขึ้นมา ถึงจะยังรู้สึกร้อนวูบวาบอยู่บ้างแต่อาการก็ทุเลาแล้ว และพอดวงตาเปิดกว้างชัดเจน ก็พบว่าตัวเองกำลังนั่งอยู่บนตักใครบางคน!?

    “ตื่นสักทีนะ ดีขึ้นรึยัง?”ฮาคุริวถามคนที่นั่งตักเขาอยู่พลางลูบหัวอีกฝ่ายไปด้วย ตอนแรกก็กะจะให้ซบอกเขาไว้แต่ด้วยขนาดตัวกลายเป็นว่าตอนนี้เคียวกำลังซุกซอกคอเขาอยู่

    “อ-อืม”เคียวผู้เลิกลั่กใช้แรงที่เหลือดึงตัวเองมานั่งข้างๆอีกฝ่ายแทน ก่อนจะรู้สึกเจ็บแปลบที่หลังคอ พอคลำดูก็รู้สึกเหมือนมีรอยบางอย่างอยู่ตรงบริเวณนั้น“นี่มัน เกิดอะไรขึ้นน่ะ..?”

    “…แหะๆๆๆ”ฮาคุริวได้แต่ขำแห้งอยู่อย่างงั้น แต่แค่นั้นก็พอจะทำให้อีกฝ่ายเดาออกแล้วล่ะ

    “นี่นาย ทำแบบนี้ไปเพื่ออะไรกันฮะ!?”เคียวกระชากคอเสื้ออีกฝ่ายที่นั่งข้างๆอย่างโกรธเคือง ทำเอาบอดี้การ์ดชุดดำสองคนที่นั่งเบาะหน้าหันขวับมามองทั้งคู่ แต่ฮาคุริวรีบเบรคสองคนนั้นไว้ก่อน

    “ก็ฉันไม่รู้จะต้องทำไงนี่หน่า ยาแก้ก็ไม่มี รึว่าอยากให้ฉันทำเรื่องอย่างว่าให้แทนเล่า”

    “แต่ว่า แบบนี้ฉันก็…”

    “เอาน่าๆ ตอนนี้ก็ช่วยบอกที่อยู่นายมาก่อนนะ จะได้ออกรถกันสักที”ฮาคุริวยื่นมือถือฝาพับสีแดงให้เจ้าของ พอเห็นมือถือของตัวเองเคียวก็รีบคว้ามันมาทันที

    “อะ ไปตามนี้”หลังจากกดอะไรสักพักเขาก็ยื่นมือถือให้ดู เป็นแผนที่ของเขตZที่มีจุดสีแดงระบุตำแหน่งไว้

    “อืม งั้นก็ไปกันเถอะเนาะ”

    .

    .

    .

    “นี่ โกรธหรอ?”ฮาคุริวทักเคียวที่กำลังนั่งไขว่ห้างพลางเหม่อมองออกไปนอกหน้าต่าง ดูเหมือนคุณหนูมากกว่าคุณหนูตัวจริงอีก

    “ก็ต้องโกรธดิ นายเป็นใครก็ไม่รู้อยู่ๆมาทำพันธะกันงี้ฉันไม่เชือดคอก็ดีแค่ไหนแล้ว แต่ก็…ขอบคุณที่ช่วยไว้ละกัน”

    “นี่นาย… เป็นพวกซึนเดเระเหรอ?”

    “ไม่ใช่”

    “เอ แต่ไอการพูดแนวๆนี้มัน-”

    “ไม่ใช่”

    “ม-ไม่ใช่ก็ไม่ใช่ ว่าแต่พูดคล่องขนาดนี้หายฮีทแล้วเหรอ?”

    “ไม่แน่ใจเหมือนกั- อะ”พูดยังไม่ทันขาดคำ ร่างกายของเคียวก็เริ่มร้อนขึ้นเหมือนมีไฟสุมในอก สองแก้มขาวเนียนเริ่มเปลี่ยนสีอีกรอบ ทำเอาคนที่นั่งข้างๆสะดุ้งโหยง

    “เฮ้ยเคียว นายโอเคมั้ย? เหวอ!?”ฮาคุริวหันมากะจะดึงอีกฝ่ายมาดูอาการ แต่รอบนี้เขากลับเป็นฝ่ายโดนดึงสะเอง เคียวขึ้นนั่งตักและโอบคอผู้ที่ตอนนี้เป็นคู่พันธะของเขาไว้ ซุกเข้าที่ซอกคออีกฝ่ายอย่างโหยหาย“ท-ทำอะไรน่ะ!?”

    “หอมจัง…”เด็กหนุ่มสูดดมกลิ่นกายอีกฝ่ายจนเต็มปอดราวกับว่าเสพติดมันเข้า ทำเอาคนที่โดนซุกเลิกลั่กแต่ก็ปล่อยไว้อย่างงั้น พลางลูบแผ่นหลังเรียบเนียนและไร้สิ่งปกปิดอย่างแผ่วเบาที่สุด เหมือนกำลังลูบไล้สมบัติที่ตนหวงแหน

    “นาย…ชอบเหรอ?”ฮาคุริวถามคนที่กำลังกอดคอเขาไว้ซึ่งก็ได้คำตอบเป็นการพยักหน้า ตัวเขาเองก็ไม่นึกว่ามันจะเกิดอะไรแบบนี้ขึ้น แต่อย่างน้อยสุนัขดุร้ายที่เอาแต่ขู่เมื่อกี้ก็กลายร่างเป็นลูกแมวจอมอ้อนแล้ว ปล่อยไว้แบบงี้ละกัน

    ‘น่ารักจัง น่าเอากลับบ้านชะมัด’

    .

    .

    .

    ในที่สุดรถสุดหรูหราของลูกเจ้าพ่อก็มาถึงจุดหมาย เป็นบ้านเดี่ยวสองชั้นหลังเล็กๆ จากการคาดคะเนน่าจะมีสองห้องข้างล่างและสองห้องข้างบน แต่พอเอาจริงๆสำหรับชนชั้นต่ำนี่ถือว่าหรูเลย

    “บ้านนายอยู่กันหลายคนเหรอ?”ฮาคุริวถามเคียวที่ถูกเขาอุ้มท่าเจ้าสาวลงจากรถ

    “ก็แค่เคย… ตอนนี้เหลือแค่ฉันกับน้องสาว”หลังจากผ่านการซุกไซ้กันมาสักพักอาการฮีทของเคียวก็หายดีเป็นปลิดทิ้ง นับว่าเป็นเรื่องมหัศจรรย์ของวันนี้เลย

    “ง-งั้นหรอ”พอรู้สึกว่าจะเผลอจี้จุดอีกฝ่ายเข้าเขาก็ไม่ถามอะไรเพิ่ม พาคนในอ้อมแขนมากดออดหน้าบ้าน

    ปิ๊งปอง

    “หวัดดี นั่นใคร”เด็กสาวรูปร่างสูงโปร่ง มีผมสีน้ำตาลช็อกโกแลตและดวงตาสีแดงกลมโตสดใสเปิดประตูออกมาดูผู้มาเยือน ก่อนที่จะหน้าซีดเมื่อได้เห็นสภาพของ‘พี่ชาย’ที่ตอนนี้ดูไม่ได้สุดๆ“พี่เคียว!? มันเกิดอะไรขึ้นกันน่ะ? บอกมาเดี๋ยวนี้เลยนะ!”

    “ใจเย็นๆก่อนนะริ พี่ไม่เป็นอะไรหรอก ไปหยิบยาแก้ฮีทมาให้พี่ก่อนไป”

    “รับทราบค่ะ… ส่วนแก เข้ามาสะ”ฮาริหรือริเดินกลับเข้าไปค้นของในบ้าน ในขณะที่ฮาคุริวอุ้มพี่ชายของเธอเข้าบ้านมา แล้วค่อยๆวางเคียวลงบนโซฟาในห้องนั่งเล่น

    “ขอบคุณ ว่าแต่ทำไมต้องช่วยฉันขนาดนี้ด้วย?”เคียวตัดสินใจถามคำถามที่เขาสงสัยมาสักพักแล้ว

    “ก็…ไม่รู้เหมือนกัน แต่นายไม่เป็นอะไรก็ดีแล้วล่ะ จริงสิ ฉันยังไม่เคยพูดชื่อตัวเองเลยนิ่หน่า ฉันชื่อฮาคุริวนะ”

    “อืม จะจำไว้ก็แล้วกันนะ ฮาคุริว”

    “พี่เคียวคะ ยากับเสื้อผ้าค่ะ”ในขณะเดียวกัน ริเดินมาหาทั้งคู่พร้อมทุกอย่างที่เคียวต้องใช้ในตอนนี้ เธอจ้องเขม็งมาที่คนแปลกหน้าอย่างไม่ไว้ใจ ทำเอาฮาคุริวเริ่มเหงื่อตก

    “ถ-ถ้างั้น ฉันไปก่อนนะ”ฮาคุริวอำลา แต่ยังไม่ทันได้ออกจากห้อง ก็ถูกเรียกไว้ก่อน

    “เดี๋ยว! ฮาคุริว!”เคียวเรียกคนที่กำลังจะเดินออกไปพลางโยนเสื้อแจ็กเก็ตสีขาวซึ่งเป็นของอีกฝ่ายคืนไป

    “อะ”ฮาคุริวหันกลับมารับเสื้อของตัวเอง เขาลืมมันไปสนิทเลย“ข-ขอบใจ งั้นฉันไปจริงๆแล้วนะ”

    .

    .

    .

    “…เฮ้อ”หลังจากขึ้นรถมา ฮาคุริวก็ถอนหายใจตลอดการเดินทางกลับเอนโจลิโก้

    “นายน้อยคิดถึงเขาสินะครับ”หนึ่งในบอดี้การ์ดเปิดบทสนทนา ถ้าเป็นคนอื่นอาจจะมองว่าเป็นการล้ำเส้น แต่เขารู้ดีว่าถ้าเขาไม่พูดก่อนอย่างไงนายน้อยของพวกเขาก็ต้องพูด

    “อืม ใช่ แบบนี้เขาเรียกว่าคลั่งรักรึเปล่านะ…”

    “ถึงโอกาสมันจะน้อย แต่ก็มีคนที่คลั่งรักใครสักคนตั้งแต่แรกเห็นอยู่เหมือนกันนะครับ ผมว่าหนึ่งในนั้นมีนายน้อยอยู่ด้วยล่ะ ฮ่าๆๆๆ”บอดี้การ์ดอีกคนผสมโรง

    “แหม ได้ทีแล้วเอาใหญ่เลยนะ อยากให้ฉันฟ้องเรื่องที่นายโดดงานมั้ย?”นายน้อยขู่อีกฝ่ายแบบที่เขาถนัด

    “ม-ไม่กล้าหรอกครับ…”

    “เฮ้อ จะมีโอกาสได้มาที่นี่อีกมั้ยนะ…”

    อยากเจอทุกวันเลยล่ะ…

    .

    .

    .

    “อีกห้าวันการแข่งขันแรกของพวกเราก็จะเริ่มสินะคะ?”

    “อืม หลังจากนี้ ผู้คนจะรู้จักพี่ในฐานะกัปตันของทีมเล็กๆที่ไม่น่าจดจำล่ะ”

    “เพราะงั้นวันนั้นพี่ก็ต้องลุยให้เต็มที่สิคะ! เอาให้ทั้งโลกจดจำพี่เลย!”

    “ฮะๆ เธอก็พูดเกินไปนะริ”

     

     

     


    อ่ย ในที่สุดก็เป็นไทแล้วโว้ยยยยย ตอนท้ายๆสำนวนจะเริ่มแปลกๆหน่อยนะครับเนื่องจากว่าผมเขียนจนเช้าติดต่อกันหลายวันพอมาช่วงท้ายๆสมองเริ่มรับไม่ไหวสะได้ อย่างไงก็ฝากติดตามตอนต่อไปด้วยนะครับ

    ในตอนนี้ นอกจากเปิดเผยการเจอกันครั้งแรกของฮาคุกับพี่น้องบ้านสึรุกิแล้ว ยังเปิดเผยอาการฮีทของเคียวที่ไม่ค่อยเหมือนใครด้วยครับ โดยเขาจะมีอาการเหมือนโอเมก้าคนอื่น แต่ที่หายไปคือความต้องการทางเพศที่ไม่มีเลยสักนิด แถมบางครั้งเขาก็ทรมานสะจนสลบไปเลยล่ะครับ แต่หลังจากนี้จะมีคนดูแลแล้วน้าาา หุๆๆๆ

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×