คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : ฝากฝังกับช่างตีเหล็ก
ในพื้นที่ขอบชายแดนเมืองนั่วติงมีหมู่บ้านเล็กแห่งหนึ่งตั้งอยู่นามเซิ่งหุน ที่นั่นมีผู้คนอาศัยอยู่ราวๆร้อยกว่าคนล้วนแล้วแต่เป็นคนสวนที่ปลูกพืชขายสมุนไพรตามป่าเขาเท่านั้น
เรือนร่างของหนึ่งชายหนุ่มและเด็กน้อยวัยหกขวบปีในชุดเสื้อคลุมสีดำสนิทเดินมาหยุดอยู่ที่บ้านไม้ขนาดกลางเก่าและทรุดโทรมหลังหนึ่ง
“ผู้สูงศักดิ์ที่ท่านอาจารย์ว่าอาศัยอยู่ที่แห่งนี้แน่หรือเจ้าคะ มู่หลันว่ามันดู เอิ่ม ทรุดโทรมไปหน่อยนะเจ้าค่ะ”เด็กน้อยวัยหกขวบปีในชุดสีแดงสดภายใต้เสื้อคลุมชี้ออกไปทางบ้านหลังนั้น
“เกรงว่าเป็นเช่นนั้น”ผู้เป็นอาจารย์กล่าวออกมาพลางถอดหายใจ ใครหนอจะไปคาดคิดว่าผู้เยี่ยมยุทธ์ในอดีตเวลานี้จะกลายเป็นเพียงคนตีเหล็กในหมู่บ้านห่างไกลความเจริญแห่งหนึ่ง มู่หลันที่ได้ยินพลันยู่หน้าใบหน้าน่ารักนั้นมีแก้มน้อยปรากฏออกมาให้เห็น
น่ารักน่าชังเสียเชียว อาจารย์หนุ่มยืนมืออกมาบีบแก้มน้อยๆนั้น
“อื้ออ ท่านอาจารย์เจ้าค่ะมู่หลันเจ็บ”เด็กหญิงร้องประท้วงจนคนโตกว่าปล่อยมืออกจากดวงหน้านาง ทั้งคู่เดินเข้าไปใกล้บ้านหลังนั้นเรื่อย ๆเพียงพริบตาเดียวมู่หลันมองเห็นแสงสีม่วงพาดผ่านปรากฏเป็นร่างของเด็กชายวัยใกล้เคียงกับนางในชุดสีฟ้าคราม
“ไม่ทราบว่าท่านทั้งสองต้องการพบใครขอรับ”เด็กหนุ่มคนนั้นก้มหัวคาระวะแล้วพลางถาม
“อาจารย์ข้าต้องการผมใครแล้วเกี่ยวอะไรกับเจ้า”มู่หลันออกตัวเอ่ยตัดหน้าคำพูดอาจารย์นางทันที
ผู้เป็นอาจารย์รีบปราบลูกศิษย์เสียงแข็ง “มู่หลัน” เด็กหญิงหงอยลงอย่างเห็นได้ชัด
“เสียมารยาทแล้วคุณชายน้อย เจ้าคงจะเป็นถังซานสินะ ข้ามาพบพรหมยุทธ์เฮ่าเทียนได้โปรดบอกเขาให้ข้าด้วย”ถังซานมองดูคนที่ถูกเรียกว่าอาจารย์จากเด็กหญิงชุดแดงคนนั้นแย้มยิ้มก่อนจะเอ่ยชื่อที่เขาไม่รู้จักออกมา พรหมยุทธ์เฮ่าเทียนใครกัน ที่แห่งนี้มีเพียงเขาและบิดาช่างตีเหล็กเท่านั้น
“ถังซาน ให้พวกเขาเข้ามา”สุ่มเสียงทรงพลังดังออกมาจากในบ้าน มู่หลันเฝ้าพิจารณาอย่างสนออกสนใจ คนในนั้นต้องเป็นผู้สูงศักดิ์ที่อาจารย์พูดถึงแน่
ทั้งมู่หลันและอาจารย์เดินตามหลังเด็กชายคนนั้นเขามาในบ้าน กลิ่นสุราตีขึ้นหน้าจนเด็กน้อยมึนงงมู่หลันสะบัดหัวเล็กน้อย ก่อนกวาดตามองรอบบ้าน อย่างน้อยสภาพภายในบ้านก็ดูดีกว่าข้างนอก กระมั้ง ดวงตาเรียวโตตวัดมองก่อนจะไปหยุดลงตรงชายวัยกลางคนในชุดขาดๆที่นั่งเทสุราอยู่กลางบ้าน
คงไม่ใช่หรอก คนผู้นั้นไม่น่าใช่ผู้สูงศักดิ์ที่ว่าหรอก
ปัง!
มู่หลันมองเห็นชามสุราลอยขว้างผ่านศีรษะนางไปหาทางอาจารย์ ก่อนผู้เป็นอาจารย์จะหลบพ้นได้อย่างง่ายได้
“ฝูเจิน เจ้ามาที่นี่ทำไม”
ชายคนนั้นหันมามองจ้องอาจารย์และมู่หลันคล้ายหวังกินเลือดกินเนื้อ นางรีบวิ่งหลบหลังอาจารย์ทันที ผู้สูงศักดิ์คนนี้ไม่เป็นมิตรสักนิด!
“ข้าเกรงว่าเราต้องคุยกันตามลำพัง”ฝูเจินกล่าว เขาถอดเสื้อคลุมออกมาพาดไว้บนมือ
“ถังซาน เจ้าพานังหนูคนนั้นออกไป”ถังเฮ่ากล่าวกับบุตรชายพลางเพ่งพินิจใบหน้าคุ้นเคยบนดวงหน้าน่ารักของเด็กสาว
ถังซานพยักหน้ารับคำบิดาก่อนจะรีบจูงมือพาเด็กหญิงผมแดงออกไปข้างนอก นางขัดขืนเล็กน้อยจนเขาต้องออกแรงดึง
“ที่นี่ไกลพอแล้ว ยินดีที่ได้รู้จักข้าถังซาน”ถังซานพาเด็กหญิงชุดออกมาบริเวณที่เขาใช้สำหรับฝึกฝนวิชาเทียนเสวียน
“มู่หลัน ตัวเดียวกับมู่หลันฮวา*”มู่หลันพยักหน้าตอบ นางกอดอกก่อนจะเดินไปนั่งบริเวณริมหน้าผาเท้าน้อยๆ ของนางแกว่งไปมา
ลมตรงนี้เย็นกำลังดี แดดก็ไม่ร้อน อย่างน้อยเจ้าถังซานนั้นก็ยังเลือกสถานที่ได้ดี
“มู่หลัน เจ้าระวังตกนะ”ถังซานร้องเตือน
“ฮึ คนเป็นวิญญาจารย์เขาไม่ผลัดตกหน้าผาตายง่ายๆหรอกนะ”นางร้องประกาศ ถังซานกำลังมึนงงกับสิ่งที่ถูกเอ่ยออกมาจากริมฝีปากแดงของเด็กสาว
“วิญญาจารย์คืออะไร”ถังซานเอ่ยถามทำเอาดวงหน้างามของมู่หลันชะงักกึก
“หาา เจ้าไม่รู้จักวิญญาจารย์หรือนี้ ป่วยหรือเปล่าเนี่ย ไหนให้ข้าวัดหน้าผากเจ้าหน่อยสิ”มู่หลันว่า เมื่อครู่นางตกใจคล้ายเกือบพลัดตกหน้าผานี่ไปจริงๆ นางขยับเข้าใกล้ถังซานก่อนจะยกมือขึ้นวัดกับหน้าผากของคนตรงหน้า
ก็ไม่ร้อนนี่นา แล้วทำหน้าถึงแดงละนั้น
“พ่อเจ้าก็เป็นถึงราชทินนามพรหมยุทธ์ที่เด็กที่สุดในโต้วหลัวเลยนะ เขาไม่เคยสอนเรื่องพวกนี้กับเจ้าบ้างเลยหรืออย่างไร”
ถังซานตกใจเล็กน้อย ถึงเขาจะไม่รู้ว่าราชทินนามพรหมยุทธ์ที่ว่าของมู่หลันคืออะไร แต่ฟังจากน้ำเสียงตกอกตกใจของนางคงจะเป็นบุคคลที่แข็งแกร่งระดับโลกแน่ๆ
นางลุกขึ้นกล่าว “วิญญาจารย์คือชื่อของบุคคลที่ฝึกฝนการใช้วิญญายุทธ์อย่างชำนาญ ส่วนการที่จะเป็นวิญญาจารย์ได้เจ้าต้องได้รับการปลุกวิญญาณยุทธ์ก่อน ดูจากตอนนี้เจ้าน่าจะอายุพอๆ กับข้าอีกไม่นานเจ้าก็น่าจะได้รับการปลุกวิญญาณยุทธ์”มู่หลัน โชว์จิ้งจอกแดงเก้าหางตัวใหญ่ให้ถังซานดู นางพึ่งพอใจกับใบหน้าตื่นเต้นของอีกฝ่ายเป็นอย่างดี
โฮะๆ เห็นอย่างนี้แล้วเรียกข้าว่าพี่สาวซะสิ
“และการที่จะเป็นวิญญาจารย์แล้วนอกจากวิญญาณยุทธ์แล้ว เจ้าต้องมีสิ่งที่เรียกว่าพลังวิญญาณด้วย ถ้าเจ้าขาดสิ่งใดสิ่งหนึ่งไปก็เป็นวิญญาจารย์ไม่ได้”
“ขอบคุณเจ้ามากนะมู่หลันที่บอกข้า”ถังซานเอ่ยตอบด้วยรอยยิ้ม บางทีการเป็นวิญญาจารย์อาจจะเป็นเงื่อนไขที่ทำให้วิชาเทียนเสวียนของเขาสามารถฝึกฝนต่อไปได้
“เหอะ ไม่ต้องมาขอบคุณหรอกนะ ข้านะแค่สงเคราะห์เด็กที่ไม่รู้เรื่องรู้ราวแบบเจ้าเฉยๆหรอก”มู่หลันเชิดใบหน้าขึ้น ถังซานส่งยิ้มเอ็นดูให้นางในอายุจิตเขามีอายุมากกว่านางหลายปีเห็นแบบนี้ มู่หลันนางดูคล้ายลูกคุณหนูตระกูลใหญ่ที่ถูกเลี้ยงมาอย่างตามใจเลยทีเดียว
ผ่านหลายนาทีจนอาทิตย์เริ่มลับขอบฟ้า มู่หลันเดินเล่นจนทั่วบริเวณหน้าผาจนเบื่อแล้วถึงได้มานั่งเขี่ยหญ้าอยู่ข้างๆถังซานที่กำลังรวบรวมสมาธิฝึกวิชาเทียนเสวียนอยู่ นางหยิบหญ้าอ่อนขึ้นมาแหย่ใต้จมูกถังซานจนอีกฝ่ายจามตัวโย
“ฮ่าๆ”เสียงหัวเราะใสกังวานดังมาจากมู่หลัน
“เจ้า!”ถังซานร้องตะโกน เขาลุกขึ้นวิ่งเข้าใส่มู่หลันหวังแก้แค้นนางทันที ถังซานใช้เคลื่อนที่ดุจเงาพรายมาอยู่เบื้องหน้าของมู่หลันจนนางไม่ทันตั้งตัว เขายืนมือจั๊กจี้เอวนางทันที
“กรี๊ด เดียวๆออกไปนะถังซาน”มู่หลันร้องห้าม นางรีบวิ่งหนีก่อนจะกลิ้งหลุนๆบนพื้นเพราะสะดุดขาตัวเอง
“เจ้ามาแกล้งข้าก่อนนะ”ถังซานกระโจนเข้าใส่นางทันที
“อุ๊บส์ เสี่ยวหลันเจ้าฮ่าๆๆ”ฝูเจินเดินเข้ามาตามทั้งคู่ เขาเห็นภาพของเด็กน้อยหยอกล้อกันอย่างเด็กเล่นก่อนจะหัวเราะออกมา ลูกศิษย์คนดีของเขาในตอนนี้ละทิ้งซึ่งภาพลักษณ์ของคุณหนูน้อยเส้นผมสีน้ำตาลของหลุดลุยมีเศษหญ้าติดตามผม
“อาจารย์เจ้าค่ะ เจ้าถังซานแกล้งข้า”นังหนูตัวดีเอ่ยปากฟ้องทันที ถังซานลุกขึ้นปัดเศษหญ้าออกจากตัวก่อนจะเอื้อมมือให้เด็กหญิงจับ นางเชิดหน้าสูงก่อนจะลุกขึ้นยืนด้วยตัวเอง
“เอาล่ะๆ พวกเจ้าสองคนรีบกลับบ้านกันได้แล้ว พระอาทิตย์กำลังจะตกแล้ว”ฝูเจินเมินคำขอของลูกศิษย์ตัวเองทันที
“ท่านอาจารย์เจ้าค่ะ!”มู่หลันร้อง นางเกาะแขนอาจารย์ก่อนจะหันไปจ้องหน้าถังซานคล้ายเอาเรื่อง
“กลับมาแล้วขอรับ”ถังซานบอกกับบิดาก่อนเขาจะเดินนำเข้าไปในบ้านไม้หลังนั้นแล้วตรงไปยังครัวทันที ฝูเจินเดินนำไปนั่งตรงโต๊ะอาหาร มู่หลันรู้งานนางเดินตรงไปล้างมือของตัวเองก่อนจะตรงมายังโต๊ะกินข้าว เพียงไม่นานถังซานก็กลับมาพร้อมอาหารที่น่าตาดูน่าทานหลายจานก่อนจะว่างลงบนโต๊ะ
ทั้งสี่เริ่มลงมือทานอาหาร มู่หลันนั่งข้างกับถังซาน ไม่ว่าเด็กชายวัยหกขวบปีหมายตาอาหารชิ้นใดล้วนถูกมู่หลันใช้ตะเกียบคีบตัดหน้าไปก่อนเสมอ
ฝูเจินมองพฤติกรรมของลูกศิษย์ก่อนจะส่ายหน้า
“อาจารย์ตัดสินใจแล้ว อาจารย์จะฝากเจ้าไว้กับท่านเฮ่าเทียน”ฝูเจินเอ่ยเสียงเรียบขึ้นกลางโต๊ะอาหาร ตะเกียบในมือของมู่หลันร่วงหล่น
“ฝากข้า? อาจารย์จะไปที่ไหนปกติท่านก็พาศิษย์ไปด้วยอยู่แล้ว เรื่องอะไรต้องนำข้ามาฝากกับใครก็ไม่รู้ละเจ้าค่ะ”มู่หลันกล่าวออกมารวดเดียวนางมองคนเป็นอาจารย์ด้วยใบหน้างุนงง
อาจารย์จะทิ้งนาง? ไม่ได้สิ ท่านอาจารย์จะทิ้งนางไม่ได้ นอกจากบิดาที่ป่วยบ่อยๆตัวนางก็เหลือแค่เพียงอาจารย์แล้ว
“อาจารย์จะออกตามหาสมุนไพรที่ใช้รักษาพ่อเจ้า หนทางข้างหน้าล้วนมีแต่อันตราย ตัวอาจารย์คนเดียวใช้ว่าจะปกป้องตัวเองได้ ให้พาเจ้าไปด้วยจะไม่อันตรายหรือ”
“แต่-”
“ไม่มีแต่เสี่ยวหลัน อาจารย์ตัดสินใจแล้วจบมื้ออาหารนี่จะออกเดินทางทันที”ฝูเจินกล่าวเสียงแข็ง มู่หลันซึมลงอย่างเห็นได้ชัดอาจารย์พูดเช่นนี้ เกรงว่าคงตัดสินใจทุกอย่างไว้แล้ว
สองพ่อลูกแซ่ถังเพียงนิ่งเงียนมองดูบทสนทนาของสองศิษย์อาจารย์อยู่เงียบๆ
ช่วงเวลาดำเนินต่อไปจนสิ้นสุดมื้ออาหารนี้ มู่หลันนั่งก้มหน้าเงียบนางไม่ยอมพูดคุยกับใคร ฝูเจินมองศิษย์ด้วยแววตารู้สึกผิด“เสี่ยวหลันอาจารย์ลาก่อน”ชายหนุ่มทิ้งคำพูดไว้แค่นั้นก่อนจะใช้เร้นกายหายออกไปทันที
ถังซานมองเด็กสาวที่เมื่อช่วงเย็นนี้ยังยิ้มแย้มและหัวเราะดังมาตอนนี้กลับนั่งก้มหน้าลง เขาถือหมอบใบใหญ่มายืนอยู่หน้านาง มู่หลันเงยหน้าขึ้นมองขอบดวงตานางแดงระเรื่อ
“ต้องขออภัยด้วย บ้านข้ามีห้องนอนเพียงสองห้องเกรงว่าเจ้าต้องนอนห้องเดียวกับข้าแล้ว”ถังซานกล่าว พวกเขาอายุเพียงหกขวบปีอย่างไรก็ไม่ดูแย่เกินไป
“ข้าจะนอนบนเตียง”นางกล่าวคล้ายกลั้นเสียงสะอื้นก่อนรับเอาหมอนใบใหญ่นั้นมาถือ
“ตามใจเจ้า”
สวัสดีทุกท่านนะคะนี้คือแฟนฟิคโอซีของเราเอง เนื้อหามันก็จะเบียวๆหน่อย ไม่ชอบกดออกได้นะคะ
วันอัพไม่แน่นอนเพราะเราก็มีธุระส่วนตัวของเราที่ต้องทำด้วย
สุดท้ายนี้มันคือแฟนฟิคโอซีของเรา เราจะกำหนดเนื้อเรื่องอย่างไรก็ขึ้นอยู่กับเรา รบกวนคอมเมนท์ด้วยความสุภาพและไม่เมนท์ทวงนิยายนะคะ
(แก้ไขวันที่24 ก.ค. 2565)
ตรงประโยค"มู่หลัน ที่แปลว่าดอกกล้วยไม้" ที่มู่หลันพูดนั้นเกิดจากความผิดพลาดของไรท์ที่คิดว่าแมกโนเลียอยู่ในสกุลเดียวกับกลัวยไม้หรือหลันฮวาค่ะ
จึงขอแก้ไขเป็น “มู่หลัน ตัวเดียวกับมู่หลันฮวา*”แทนค่ะ
ความคิดเห็น