ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [ SF ] : SJ : SIHAN : INNOCENT Romantic ( Yaoi )

    ลำดับตอนที่ #10 : [ SF ] SIHAN มีอาการ ( Song Story )

    • อัปเดตล่าสุด 10 ก.พ. 54


    SF SIHAN มีอาการ ( Song Story )


    By :GALAXYRung
     


     
    กลัวจะมีอาการให้เธอรู้แค่เจอก็ยังสั่น ทำได้เพียงหลบตาเธอเท่านั้น
     




     
    กลัวจะมีอาการให้เธอเห็นแล้วเธอนั้นรู้ทัน ก็กลัวเธอนั้นไม่เหมือนเดิม
     
     
     
    “ ฮันเกิงนายเป็นอะไร ทำไมนายต้องคอยหลบหน้าฉัน นายโกรธอะไรฉัน ถึงไม่ยอมมองหน้ากัน ถ้าฉันทำอะไรให้นายโกรธก็ต้องขอโทษด้วยนะ ขอร้องละกลับมาเป็นเหมือนเดิมได้ไหม ”
     
     
     
     
    “ ทำไมนายถึงคิดว่านายทำอะไรผิดหละ ฉันไม่ได้โกรธนายนะซีวอน ฉันแค่ ............. ”
     
     
     
    “ แค่อะไร”
     
     
     
    “ แค่อายเท่านั้นเอง”
     
     
     
    “ อาย เรื่องอะไร ”
     
     
     
    “ นายจะอยากรู้ไปทำไม”
     
     
     
     
    Hangeng talk
     
     
     
     
     
     
    อ่า สวัสดีครับผมฮันเกิงครับ ผมมีอะไรจะเล่าให้พวกคุณฟังด้วย เมื่อไม่นานมานี้ผมเพิ่งจะได้รู้ความรู้สึกของตัวเองที่มีกับเพื่อนข้างบ้านคนหนึ่งทุกครั้งที่ผมเจอเค้า ผมจะมีอาการ หน้าร้อนวูบวาบ ตัวสั่น ใจเต้นแรงเหมือนมันจะหลุดออกมาอยู่แล้ว เวลาสบตากันทีไร ผมรู้สึกว่าเรี่ยวแรงมันหายไปหมด เหมือนกับว่าสายตาของเขามันดึงพลังออกไปจากตัวผมไปหมด ผมเลยไม่ค่อยจะกล้าสบตาเขาสักเท่าไร กลัวเขาจะรู้ถึงอาการที่ผมเป็น ผมกลัวเขาเกลียดผมเอานะสิ ผมยังอยากมีเขาอยู่ในชีวิตของผมอยู่ และเรื่องนี้ผมเป็นคนขี้อายผมเลยไม่ค่อยรู้ว่าอาการที่เป็นอยู่นี่มันคืออะไร ผมจึงไปถามเพื่อนสนิทของผมว่ามันเป็นอะไรกันแน่ ปาร์ค จองซู เราเรียกลีทึกดีกว่านะ
     
     
     
     
    “ นี่ลีทึกฉันถามอะไรแกหน่อยได้ไหม "
     
     
     
     
    “ อะไรหละ ถ้ารู้ก็จะตอบแล้วกันนะ ”
     
     
     
     
     
    “ ถ้าเกิดว่าเรามีอาการใจเต้นแรงจนจะหลุดออกมา หน้าร้อนวูบวาบ ตัวสั่นจนทำอะไรไม่ถูก เวลาที่สบตาเขาทีไรมันเขินยังไงไม่รู้อะ บางทีแค่นึกถึงเขาก็ยิ้มออกมาได้แบบไม่มีเหตุผล กับใครคนหนึ่งหละ มันคืออาการอะไรเหรอ ” ฮันเกิงถามลีทึกด้วยความสงสัยอย่างมาก
     
     
     
     
     
    “ อาการแบบนี้เขาเรียกว่า คนมีความรัก แกมีอาการแบบนี้กับใครวะ ”
     
     
     
     
     
    มันคือความรักอย่างนั้นเหรอ
     
     
     
     
     
     
    “ กะ กับ ซีวอนอะ” ฮันเกิงตอบพลางก้มหน้าเขินพลางบิดไปบิดมา
     
     
     
     
     
    “ แล้วคิดจะทำยังไงต่อไป แกจะรุกเขาหรือเปล่าวะ ”
     
     
     
     
    “ ไม่หรอกแก เรื่องนี้ฉันเรียบร้อยเว้ย ฉันจะไม่รุก ฉันจะหลบ ”
     
     
     
     
    “ หา หลบ หลบอะไรวะ ”
     
     
     
     
    “ หลบหน้าอะแก”
     
     
     
     
    “ มีความกล้ามากเพื่อนฉัน” ลีทึกบอกประชด( ก็บอกแล้วว่าเรื่องนี้ฮันเขาเรียบร้อย )
     
     
     
     
    และก็เป็นอย่างที่พูดจริงๆ ฮันเกิงหลบหน้าซีวอนได้เกือบอาทิตย์แล้ว
     
     
     
     
    กลัวจะมีอาการให้เธอรู้แค่เจอก็ยังสั่น ทำได้เพียงหลบตาเธอเท่านั้น
    กลัวจะมีอาการให้เธอเห็นแล้วเธอนั้นรู้ทัน ก็กลัวเธอนั้นไม่เหมือนเดิม
     
     
     
    Siwon talk
     
     
     
     
    อ่าครับก็อย่างที่รู้กันว่าเรื่องนี้ผมเป็นพระเอก ( พ่อคะหนูได้ข่าวมาว่าทุก เรื่องที่หนูแต่งพ่อก็เป็นพระเอกเสมอนี่คะ : ไรเตอร์ ) ผมมีเพื่อนข้างบ้านคนหนึ่งเขาน่ารักมาก ออกแนวซื่อๆ โก๊ะๆ เปิ่นๆ ซุ่มซ่าม เราสนิทกันมาประมาณสองปีแล้วหละ นับตั้งแต่ที่ผมย้ายมาอยู่ที่นี่ เขาจะรู้หรือเปล่านะว่าผมชอบเขาตั้งแต่แรกเจอ แต่เขาคงไม่รู้หรอก เพราะดูท่าทางแล้วเขาคงจะไม่คิดกับผมแบบนั้น ปกติแล้วเรามักจะตัวติดกันเสมอ ไปไหนก็ไปด้วยกัน แต่ทำไมหมู่นี้ผมรู้สึกว่าเขาแปลกไป เหมือนเขาคอยหลบหน้าผม ผมอยากรู้ว่าผมทำอะไรผิด ผมคงต้องไปถามเขาให้เรื่องแล้ว
     
     
     
    อยากจะยิ้มให้เธอสบตาทักทาย ใจกลับอายก็ได้แต่เฉยทั้งที่มันไม่จริง
     
    เช้าวันต่อมา
     
     
    ซีวอนมารับฮันเกิงเหมือนทุกวัน เพราะพวกเขาอยู่หมู่บ้านเดียวกัน ซีวอนและฮันเกิงจึงเดินทางไปโรงเรียนด้วยกันทุกวัน วันนี้ก็เช่นกัน
     
     
     
    “ อรุณสวัสดิ์ครับคุณน้า ฮันตื่นหรือยังครับ ” ร่างสูงถามอย่างสุภาพ
     
     
     
     
    “ อ้าว ซีวอน ฮันเขาไปโรงเรียนตั้งแต่เช้าแล้วหละจ๊ะ เห็นบอกว่ามีธุระ นี่เขาไม่ได้บอกซีวอนเหรอจ๊ะ ”
     
     
     
    “ อ่า ครับ ถ้าอย่างนั้นผมขอตัวก่อนนะครับ” ร่างสูงเดินออกจากบ้าน ก่อนจะสตาร์ทรถ ( จักรยาน ) คันโปรด ไปโรงเรียนทันที
     
     
     
     
    “ ฮันเขาเป็นอะไรนะ ทำไมเขาแปลกไป แถมยังรู้สึกเหมือนเขากำลังหลบหน้าเราอีกตะหาก หรือว่าเราจะทำอะไรให้ฮันโกรธกันนะ ฮันเป็นอะไรเนี่ย โอ๊ยเครียดโว๊ย ” ร่างสูงส่ายหัวไปมาอย่างกับคนบ้า ( เอ่อวอนคะไม่เคยได้ยินเหรอคะว่าห้ามส่ายศรีษะขณะขับรถ อาจทำให้มีอุบัติเหตุได้นะคะ : ไรเตอร์ ) และยังไม่ทันที่ไรเตอร์จะเตือนอะไรอีก ร่างของท่านชายซีวอน ก็ไถลไปสแครชกับพื้นถนนทันที ( เป็นไรมากไหมนั่น ถนนอะฮ่าๆ: ไรเตอร์ )
     
     
     
    “ อูย เจ็บเป็นบ้าเลย อะไรจะซวยขนาดนี้ ” ร่างสูงบ่นก่อนจะลุกขึ้นและปั่นจักรยานต่อไป
     
     
     
    ตอนกลางวัน
     
     
     
     
    ซีวอนเดินมาที่หน้าห้องเรียนของฮันเกิง เพื่อจะชวนไปกินข้าวด้วยกันเหมือนทุกวัน
     
     
     
    “ ไอ้ฮันแฟนแกมารับแล้ว ไปกินข้าวกัน ” ลีทึกกระซิบบอกเพื่อนรัก เมื่อเห็นว่าคนที่เพื่อนของตนกำลังหลบ บัดนี้ยืนอยู่หน้าห้องเรียนของพวกตนแล้ว
     
     
     
    “ ไม่เว้ย แกลืมไปแล้วหรือไง ว่าฉันหลบหน้าเขาอยู่อะ ”
     
     
    “ แต่เขาอยู่หน้าห้องแล้วนะ ไปกัน ” แต่ฮันเกิงส่ายหน้าเป็นคำตอบ
     
     
     
     
    “ ฉันบอกแล้วว่าฉันไม่ไป ฉันจะหลบ จะหลบ แกไม่เข้าใจเหรอ ” ร่างบางสะบัดแขนเพื่อนออก แล้วลงไปนั่งใต้โต๊ะ
     
     
     
     
    “ แล้วแกจะเอาไง แกจะหลบตลอดไปเลยหรือไง ”
     
     
     
     
    “ อย่าถามมากได้ไหม แกรีบๆไปบอกเขาสิ ”
     
     
     
     
    “ เออๆ ” ลีทึกถึงกับเซ็ง ก่อนจะทำหน้าที่ผู้ส่งสารที่ดี
     
     
     
     
    “ อ้าวคุณลีทึก แล้วฮันหละครับ ” ร่างสูงถามขึ้นเมื่อไม่เห็นคนที่ตัวเองอยากเจอ
     
     
     
    “ อ๋อ ไอ้ฮันมันไปกินข้าวตั้งนานแล้วหละ นายเองก็ไปกินข้าวได้แล้ว ” ลีทึกสวมบทบาทได้อย่างแนบเนียน
     
     
     
    “ อ่า ถ้างั้นผมขอตัวก่อนนะครับ ” ร่างสูงบอกก่อนเดินออกไป
     
     
     
     
    ทำไมผมจะไม่เห็นฮันเกิงอยู่ในห้อง แถมเขายังอยู่ใต้โต๊ะอีกตะหาก ผมไม่เข้าใจว่าทำไมเขาถึงต้องหลบหน้าผมด้วย เขาโกรธอะไรผมหรือเปล่า ผมทำอะไรผิด ยังไงซะวันนี้ผมก็ต้องคุยกับเขาให้รู้เรื่อง
     
     
     
    “ ไอ้ฮัน ซีวอนไปแล้ว ออกมาจากใต้โต๊ะได้แล้ว ” ร่างบางเรียกเพื่อนของตน เมื่อเห็นว่า ซีวอนเดินไปไกลมากแล้ว
     
     
     
    “ อืม ขอบใจนะ เฮ้อ ” ร่างบางของฮันเกิงลุกขึ้นนั่งทำหน้าเซ็งๆ เขาเป็นคนขี้ขลาดใช่ไหมเนี่ย
     
     
     
    “ แกจะหลบไปถึงไหนฮะ ถ้าเป็นฉันนะ ฉันจะบอกให้เขารู้ไปเลย ไม่ต้องมาทนเก็บความรู้สึกไว้หรอก ”
     
     
     
     
    “ ก็ฉันไม่กล้านี่ ถ้าเกิดว่าเขาไม่ชอบฉันเหมือนที่ฉันชอบเขา แล้วทีนี้ฉันจะทำยังหละ ฉันกลัวเขาเกลียดอะ ” ร่างบางพูดอย่างคิดตก เกิดเป็นคนขี้อายก็อย่างนี้แหละ
     
     
     
     
    “ เอาไว้ฉันกล้าก่อนแล้วกัน ” พูดแค่นั้นก็นอนฟุบกับโต๊ะ
     
     
     
     
    เวลาเย็น
     
     
     
     
    ตอนนี้ผมนั่งรออยู่ที่หน้าห้องของฮันเกิง ผมร้อนใจจริงๆ เลยมาคุยกับฮันให้รู้เรื่อง เมื่อเป้าหมายเดินมาหน้าห้อง เห็นคนที่ตนไม่อยากเจอ รีบหันหน้ากลับเพื่อเตรียมหนี
     
     
     
     
    “ ฮันเกิง มานี่หน่อย ” ซีวอนรั้งข้อมือบางไว้
    “ มะ ไม่ ฉันไม่มีอะไรจะคุยกับนาย ปล่อยฉันนะ ” ฮันเกิงพยายามแกะมือหนาออก
     
     
     
     
    “ ฮัน นายเป็นอะไร หลบหน้าฉันทำไม ”
     
     
     
     
    “ เอ่อ คือ ไม่มีอะไรหรอก ซีวอนไว้คุยวันหลังละกันนะ ฉันรีบ ” ร่างบางสะบัดมือหนาออกแล้ววิ่งหนีไปทันที
     
     
     
    เฮ้อแล้ววันนี้จะคุยกันรู้เรื่องไหมเนี่ย ในเมื่อฮันเอาแต่หนีเขาอยู่แบบนี้ หรือว่าเขาจะเกลียดผมจริงๆ หรือรู้ว่าผมแอบชอบเขา หรือว่าเขามีแฟนแล้ว แต่เราก็อยู่กับเขาตลอดเลยนี่หว่า แต่ห่างกันแค่อาทิตย์เดียวเอง เวลาอาทิตย์เดียวอาจจะมีคนมาจีบฮันเกิงมากมายเลยก็ได้ ก็ฮันน่ารักซะขนาดนี้ แล้ววิ่งไปไหนแล้วเนี่ย โอ๊ยคนหล่อเครียด
     
     
     
     
     
     
    ทางด้านฮันเกิง
     
     
     
     
    “ แฮ่กๆ เหนื่อยเป็นบ้าเลย การวิ่งทั้งที่หัวใจยังเต้นแรงเนี่ย มันเหนื่อยมากจริงๆนะเนี่ย ” บ่นกับตัวเองเบาๆ ในระหว่างที่นั่งบ่นอยู่นั้น จู่ๆก็มีมือปริศนามาวางที่ไหล่บาง ทำเอาคนที่นั่งบ่นอยู่ถึงกับสะดุ้ง ก่อนจะค่อยๆหันหน้าไปหาอย่างลุ้นระทึก
     
     
     
     
     
     
    “ โธ่ ไอ้ทึกตกใจหมดเลย ”
     
     
     
     
    “ ฮันแกมานั่งทำอะไรตรงนี้ห๊ะ เหงื่อโซมาเชียว ”
     
     
     
     
     
    “ ฉันวิ่งหนีซีวอนมาอะดิ ”
     
     
     
    “ หา วิ่งหนี วิ่งหนีทำไม หรือว่ามันจะปล้ำแก ”
     
     
     
     
    “ ถ้าปล้ำก็ดีสิ ไม่ใช่เว๊ย เขาแค่เรียกฉันไปถามนิดหน่อย ฉันขี้เกียจตอบเลยวิ่งหนีมา ”
     
     
     
     
    “ ถึงขนาดหนีนี่ ไม่หน่อยแล้วมั้ง”
     
     
     
     
    “ ก็มันนิดหน่อยอะนะ คือว่า ซีวอนเขาถามฉันว่าทำไมต้องหลบหน้าเขาด้วยอะไรประมาณเนี๊ยะอะ ฉันไม่กล้าตอบเลยหนีมาเนี่ย ”
     
     
     
     
     
    “ ไอ้ป๊อดเอ๊ย มัวแต่กลัวอย่างเนี่ยแหละ ระวังเหอะ ถ้าคนอื่นแย่งไปก่อน ฉันจะสมน้ำหน้าแกคอยดู ”
     
     
     
     
    “ ใช่สิ ฉันมันไม่สำคัญหนิ ” ฮันเกิงตัดพ้ออย่างน้อยใจ
     
     
     
    “ ไอ้ฮันที่ฉันพูดอย่างนี้ก็เพราะต้องการให้แกคิดได้นะ แกต้องลุกสู้อย่าหวาดกลัวกับสิ่งที่ยังไม่ได้เกิดขึ้นสิ ” ลีทึกตบไหล่เพื่อนอย่างให้กำลังใจ
     
     
     
     
    “ ฉันก็อยากฮึดสู้นะ แต่นายก็รู้ว่าฉันไม่มีความกล้าถึงขนาดนั้น ”
     
     
     
    “ แกไม่กล้าเจอหน้าเขาใช่ไหม ถ้าแกพูดกับเขาทางโทรศัพท์หละ ”
     
     
     
    “ อืมเป็นความคิดที่ดีนะ ทำไมฉันคิดไม่ได้อะ เอาไว้ตอนเย็นฉันจะลองดู ฉันกลับบ้านก่อนนะ ”
     
     
     
     
    “ โชคดีเพื่อน ”
     
     
     
    กลัวจะมีอาการให้เธอรู้แค่เจอก็ยังสั่น ทำได้เพียงหลบตาเธอเท่านั้น
    กลัวจะมีอาการให้เธอเห็นแล้วเธอนั้นรู้ทัน ก็กลัวเธอนั้นไม่เหมือนเดิม




    บ้านฮันเกิง


     
     
     
    ร่างบางเดินเข้าบ้านของตนเองอยู่นั้น พลันสายตาก็ไปสะดุดกับคนที่ตนแสนจะคุ้นเคย ทำให้ต้องรีบเบนสายตาหนี และรีบเดินหนีทันที
     
     
     
    “ เดี๋ยวก่อนฮัน อย่าเพิ่งไปฉันมีเรื่องจะคุยด้วย ”
     
     
     
    ร่างบางที่เตรียมจะหนีจำต้องเดินไปหาคนเรียกอย่างช่วยไม่ได้ ก็ไม่นึกว่าจะมานี่นา เลยไม่มีข้ออ้างในการหลบหน้า
     
     
     
    “ เอ่อ อะไรหละที่นายอยากจะคุยกับฉัน ”
    “ นายนั่งนี่ก่อนสิ ” ร่างสูงว่าพลางตบเบาๆที่โซฟา
     
     
     
    คนอย่างฮันเกิงจะทำอะไรได้หละนอกจากทำตามคนหน้าหล่อบอก
    โอ๊ยมือสั่นหมดแล้ว ไอ้ทึกเพราะแกแหละถ้าแกไม่บอกว่าฉันรู้สึกยังไงกับซีวอนฉันก็ไม่เป็นอย่างนี้หรอก ( รู้สึกว่าอันนี้คุณแม่จะพาล )
     
     
     
    “ เอ่อ คือ นาย จะ คุย อะไรเหรอ พอดีว่า ฉัน ไม่ ........ ”
     
     
     
    “ ไม่อะไรฮัน นายเป็นอะไร นายหลบหน้าฉันมากี่วันแล้ว แล้วนี่นายจะรีบไปไหน นายตั้งใจจะหลบหน้าฉันไปถึงไหนฮะฮัน ” ซีวอนพูดด้วยสีหน้าที่จริงจัง แล้วอย่างนี้ฮันเกิงจะพูดอะไรได้หละ ก็ต้องนั่งก้มหน้าอย่างเดียวสิ ไม่กล้าแหงนหน้ามองอ๊า กลัวสิงโตงับหัวง่า T_T
     
     
     
     
    “ คือว่า ฉันไม่ได้จะหลบนะ ( แค่ไม่มาให้เห็นหน้าเอง ) คือฉัน ฉัน ” ฉันอะไรดีหว่าคิดคำแก้ตัวไม่ออกอะ  
     
     
     
     
    “ ฉันอะไร ฮันนี่ฉันเครียดอยู่นะ เป็นอะไรก็บอกฉันมา นายเป็นอย่างนี้ฉันเครียดนะ ”





    “ ................................. ”
     
     
     
     
     
    “ ได้ถ้านายไม่ตอบก็ไม่เป็นไร ขอโทษนะที่ทำให้ลำบากใจ ฉันขอตัวก่อนนะ ” ตอนนี้สีหน้าโกรธมาก ผมอยากจะบอกเขานะ ว่าผมเป็นอะไร รู้สึกกับเขาอย่างไร และมันติดที่ปากผม ตอนนี้ผมอ้าปากไม่ออก ขยับตัวไม่ได้ เขากำลังจะเดินออกไปแล้ว ผมควรจะทำไงดี และในที่สุดเขาก็เดินจากผมไป ผมมันโง่ใช่ไหม ที่ปล่อยเขาไป ทำไมผมเป็นคนขี้ขลาดขนาดนี้นะ เขาโกรธมากขนาดนี้ แล้วผมจะทำยังไงดี ผมควรจะโทรไปพูดกับเขาเหมือนที่ลีทึกแนะนำแล้วหละ ไม่งั้นผมคงต้องทรมานใจไปอีกนานแน่ๆ
     
     
     
    หากว่าฉันบอกเธอออกไปเหมือนใจ ฉันก็กลัวว่าวันพรุ่งนี้เธอจะเปลี่ยน เพราะฉันไม่เข้าใจ




     
    วันต่อมา
     


     
     
    ฮันเกิงได้เจอซีวอนที่โรงเรียนแต่เขากลับไม่ยอมมองหน้าเลย ทำให้วันนี้ฮันเกิงไม่มีกะจิกะใจที่จะเรียนหนังสือเลย
     
     

     
    ลีทึกผู้สังเกตการณ์จึงทนไม่ได้ที่จะต้องทำอะไรสักอย่างซะแล้ว
     
     
     
    “ นี่ไอ้ฮัน แกพูดกับซีวอนหรือยัง ”
     
     
     


    “ ยัง........... ”
     
     
     
    “ ทำไมถึงยังไม่พูดอีกฮะ”
     
     
     


     
    “ ก็พูดไม่ออกอะ ฮึก แกฉันพยายามแล้วนะ แต่ฉัน ฮึก ฉันทำไม่ได้ ฮือๆ ” ฮันเกิงเริ่มร้องไห้หนักขึ้นเรื่อยๆ
     
     
     



    “ เฮ้อ จะร้องทำไม เอางี้ อะคุยซะ ” ลีทึกล้วงโทรศัพท์ของตนออกมาแล้วกดโทรหาใครสักคน ที่คิดว่าฮันเกิงรู้จักดี ฮันเกิงรับเครื่องสารมาแนบหูตนเอง
     
     
     
     

    / ฮัลโล คุณลีทึกเหรอครับ โทรมาหาผมมีอะไรหรือเปล่าครับ /
     
     
     




    + อะ เอ่อ คือ คือว่า ซะ ซีวอนเหรอ นี่ นี่ฉันเองนะ ฮันเกิง +
     
     
     



    / มีอะไรเหรอ / เขาถามเสียงเรียบ
     
     


     
    + คือว่าฉันมีอะไรจะพูดกับนาย +
     
     


     
     
    / อะไร /
     
     
     
     


    + ฉัน ฉัน มีคำตอบให้นายแล้วหละ คือว่า นายอยากรู้ใช่ไหมว่าหลายวันที่ผ่านมาฉันเป็นอะไร ที่ฉันเป็นแบบนี้เพราะฉันรักนาย ที่ฉันหลบหน้านายเพราะไม่กล้าสู้หน้านาย ฉันกลัวนายจะเปลี่ยนไป +
     




     
     
     
    / นี่เหรอคือเหตุผลที่นายหลบหน้าฉัน /
     
     
     




    + ฉันทำตัวไมถูกเวลาอยู่ต่อหน้านาย ฮือๆ นายจะเกลียดฉันไหม + ฮันเกิงร้องไห้หนักอีกครั้ง
     
     


     
     
    / ฮันฉันก็มีเรื่องจะบอกนาย ฉันรักนายเหมือนกัน รักมานานมาก ตั้งแต่ที่ฉันเห็นนายครั้งแรก ฉันก็รู้ทันทีว่าฉันเกิดมาเพื่อรักนายเท่านั้น /
     
     





     
    + ฮือๆ นึกว่านายจะเกลียดฉัน ซะอีก +
     
     
     





    “ ทำไม ฉันต้องเกลียดนายด้วยหละ ฉันไม่มีวันเกลียดนายแน่นอน ก็ฉันรักนายขนาดนี้ คนดี ” ฮันเกิงรู้สึกได้ถึงแรงกอดจากด้านหลังของตน ใช่แล้วนี่แหละคือกลิ่นที่แสนคุ้นเคย กลิ่นของซีวอน ร่างบางร้องไห้หนักกว่าเดิมอีก ซีวอนจึงดึงให้คนที่พยายามหนีหน้าเขาตลอดทั้งอาทิตย์ ให้หันมาเผชิญหน้ากับเขา มือหนาค่อยๆเช็ดน้ำตาให้ฮันเกิงอย่างทะนุถนอม และกดจูบลงไปที่ริมฝีปากบางอย่างแผ่วเบา





    “ ไชโยในที่สุด พวกนายก็เข้าใจกันสักที ฉันลุ้นจะแย่ ” ผู้สังเกตการณ์พูดขึ้นอย่างโล่งใจ
     
     
     





    “ อืมขอบคุณ คุณลีทึกมากนะครับ ที่ช่วยให้ผมกับฮัน ได้พูดความในใจกันสักที ”
     







     
    “ แหม ไม่เป็นไรหรอก พวกนายมีความสุขฉันก็ดีใจแล้ว หมดธุระฉันแล้วขอตัวก่อนนะ พอดีฉันมีนัดอะ ไปนะ ” พอลีทึกพูดเสร็จก็วิ่งออกไปทันที
     
     






     
    สองคนที่เหลือก็ได้แต่ทำหน้างงๆ จะรีบไหนนะ
     
     





     
    “ นี่นายรู้ไหมว่าลีทึกจะรีบไปไหน ” ฮันเกิงหันไปถามซีวอน
     
     
     







    “ ก็อย่างที่เขาบอกนั่นแหละ เขามีนัด วันนี้กลับบ้านด้วยกันนะ ”
     
     




     
    “ อืม ถ้าไม่กลับกับนาย แล้วจะให้ฉันกลับกับใครละ ”
     
     
     



    “ อืมงั้นก็ไปกันเถอะนะ ” ซีวอนหันมาจูงมือฮันเกิงเดินกลับบ้าน
     
     




    “ ซีวอน ฉันรักนายจังเลย ”
     
     
     






    “ อืมฉันก็รักนาย รัก รัก รัก ” ว่าพลางยื่นหน้ามาหา
     
     
     




    “ แต่ฉันรัก รัก รัก รัก รัก รัก นาย จุ๊บ ^^ ” ร่างบางรีบยื่นหน้าไปจุ๊บซีวอน ก่อนจะสะบัดมือมือซีวอนแล้ววิ่งหน้าไปก่อน ซีวอนอมยิ้มก่อนจะวิ่งไปตามคนขี้อายที่ตอนนี้อาจจะไม่ขี้อายเหมือนเดิม
    ทีนี้ถ้าพวกคุณแอบชอบใครอยู่อย่าให้มันเป็นแค่รักข้างเดียวนะ อย่างน้อยที่สุด คุณควรจะบอกความในใจให้เขาคนนั้นรู้ ถึงแม้ว่าผลจะเป็นอย่างไร อย่างน้อยเราก็ได้บอกเขาคนนั้นออกไป


    กลัวจะมีอาการให้เธอรู้แค่เจอก็ยังสั่น ทำได้เพียงหลบตาเธอเท่านั้น
    กลัวจะมีอาการให้เธอเห็นแล้วเธอนั้นรู้ทัน ก็กลัวเธอนั้นไม่เหมือนเดิม
     



     
    อ๊ายยยยยยย เสร็จแล้วกว่าจะจบดองไปสองเดือน แฮ่ๆคือว่าไม่อยากจะแก้ตัวแต่เค้าไม่ว่าง ( ฟังไม่ขึ้นใช่ปะ ) ก็ได้ ก็ได้ เขาคิดไม่ออก
     
     
     
     
     
     
     
     
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×