ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Tales of Bird พันธสัญญาวิหคสวรรค์ [Yaoi]

    ลำดับตอนที่ #6 : Tale 3 : สี่วิหค

    • อัปเดตล่าสุด 3 ก.ย. 59



    บทที่3 สี่วิหค


    5ปีต่อมา


    แสงแดดยามเช้าส่องผ่านหน้าต่างเข้ามาในห้องเผยให้เห็นถึงชายหนุ่มเรือนผมสีน้ำตาลอ่อนยุ่งเหยิงกำลังพลิกตัวเพื่อหลบแสงแดดที่ส่องเข้ามารบกวนเวลานอนของเขา เมื่อคืนเขาต้องทำงานเสียจนเกือบเช้า และคงจะได้นอนต่อหากไม่มีเสียงเคาะประตูเสียก่อน

     

    เบเรียสสบถอย่างรำคาญแต่ก็ยอมลุกขึ้นไปเปิดประตูก่อนที่จะมีคนพังประตูเข้ามาเสียก่อน

     

    ถ้าไม่มีธุระสำคัญจริงๆจะตวาดเข้าให้

     

    “มีอะไร..”

     

    ปึง

     

    “เฮ้ย!ทำอะไรเนี่ย โรซี่!!” กองเอกสารปึกใหญ่ถูกโยนมาใส่ผู้นำตระกูลคาเลนอย่างไม่ใยดี จนเจ้าของนัยน์ตาสีดำสนิทถึงกับเบิกตากว้างเมื่อเห็นกองเอกสารที่วางอยู่หน้าห้องนอนของเขา เด็กสาวร่างเล็กยืนเท้าสะเอวมองผู้นำตระกูลอย่างเอือมๆ โรซาริอาหรือโรซี่ตามชื่อที่มารดาเป็นคนตั้งให้กวาดตามองเอกสารที่ต้องให้ผู้นำตระกูลจัดการแล้วเบนสายตาไปยังคนอายุมากกว่า

     

    “งานที่พี่สั่งพวกเหยี่ยวแดงไงล่ะ ฉันแค่เอามาให้เฉยๆ” โรซาริอาหันหลังกลับเมื่อเสร็จธุระของเธอแล้ว เธอจะไปดูแลแปลงกุหลาบของเธอต่อ คฤหาสน์ของตระกูลคาเลนในยามนี้เต็มไปด้วยดอกกุหลาบสายพันธุ์ต่างๆหลากสีสันกำลังส่งกลิ่นหอมไปทั่วสวน

     

    “รอเดี๋ยวโรซี่..” น้ำเสียงนุ่มนวลจากข้างหลังทำให้เธออดที่จะขนลุกไม่ได้ ทั้งๆที่เธอว่าเธอเดินออกมาห่างจากระยะประชิดได้พอสมควรแล้ว แต่เสียงของเบเรียสที่อยู่ข้างๆไม่ได้ทำให้เธอสบายใจเลยแม้แต่น้อย ถ้าพี่ชายโรคจิตของเธอใช้น้ำเสียงแบบนี้เมื่อไหร่..


    “เตรียมตัวให้ดี เย็นวันนี้เรามีงานต้องไปกัน..” ไม่พูดเปล่า นัยน์ตาสีไวน์แดงเช่นเดียวกับเรือนผมมองมายังมือของอีกฝ่ายที่ถืออะไรบางอย่างอยู่ แล้วก็ต้องสะดุ้งเมื่อได้ยินเสียงที่เจือไปด้วยความพอใจของผู้นำตระกูล สั่งให้เธอไปทำงานหาข่าวข้างนอกยังดีกว่าสิ่งนี้

     

    “ใส่รองเท้าส้นสูงด้วยล่ะน้องรัก..พี่ชายคนนี้ไม่อยากให้น้องสาวเตี้ยที่สุดในงานหรอกนะ”

     

    ให้เธอใส่ส้นสูงงั้นหรอ!ฝันไปเถอะ

     

    โรซาริอาปัดมือของพี่ชายอย่างแรงจนส้นสูงสีขาวประดับอัญมณีตกลงกับพื้นอย่างแรงแล้วรีบวิ่งให้ห่างจากบุคคลที่อันตรายที่สุดสำหรับเธอในตอนนี้ นัยน์ตาสีรัตติกาลมองตามร่างของน้องสาวต่างมารดาไปอย่างขบขัน เขารู้ดีว่าโรซี่ไม่ชอบหรือจะพูดได้ว่าเกลียดส้นสูงเสียยิ่งกว่าอะไร อีกทั้งพวกงานสังคมอะไรต่างๆถ้าไม่จำเป็นน้องสาวของเขาก็ไม่อยากจะย่างกรายเข้าไป ทั้งๆที่เวลาอยู่บ้านออกจะแต่งตัวน่ารักเสียด้วยซ้ำ

     

    แต่ก็นะ..ถือว่าเป็นการเอาคืนจากเรื่องกองเอกสารเมื่อครู่ก็แล้วกัน

     

    เบเรียสก้มลงเก็บรองเท้าที่เขาสั่งทำพิเศษสำหรับโรซี่ขึ้นมาแล้วเตรียมจะไปนั่งอ่านข่าวทั้งหมดที่เหยี่ยวของตระกูลหามาให้ แต่ก่อนที่จะได้ทำอะไร

     

    ตู้ม!!

     

    เพล๊ง!!

     

    เสียงระเบิดจากภายนอกพร้อมกระจกที่แตกกระจาย โดยมีเสียงกรีดร้องดังมาจากเรือนคนรับใช้ เบเรียสส่ายหน้าเล็กน้อย ดูเหมือนว่านกน้อยตัวโปรดของเขาจะกลับมาแล้ว.. และถ้าโรซี่มาเห็นคงจะไม่ชอบใจนักหากพบว่าแปลงกุหลาบทั้งหลายที่เธอเฝ้าดูแลราบเป็นหน้ากลอง

     

    “ไปเรียกเอเวลมาหาผมที่ห้องทำงานเดี๋ยวนี้”

     


    ร่างโปร่งบางของเด็กหนุ่มสูดหายใจลึกๆหลังจากระเบิดพลังทำลายสวนคฤหาสน์ไปเพราะคิดว่าเห็นบางสิ่งบางอย่างที่ไม่มีรูปร่างชัดเจนกำลังเข้าใกล้เขาจนเผลอระเบิดพลังออกไปด้วยความกลัว ใช่..เขาคิดว่าเขาเห็นสิ่งที่เรียกว่าวิญญาณตรงสวนนั่น และเขากลัวมันที่สุด เอเวล ซิเมียส ยกมือขึ้นจะเคาะประตูห้องทำงานของผู้นำตระกูลคนปัจจุบัน แต่ประตูกลับแง้มออกมาราวกับล่วงรู้

     

    “เข้ามาสิ” น้ำเสียงนุ่มนวลแต่กลับชวนขนลุกอย่างบอกไม่ถูก ร่างสูงของเบเรียสนั่งอยู่ตรงโต๊ะ ใบหน้าหล่อเหลามีแว่นตาเป็นตัวช่วยในเวลาอ่านเอกสารใส่อยู่

     

    “จะยืนตรงนั้นอีกนานไหมเอเวล”

     

    “นายท่าน..ขออภัยด้วย” เอเวลคุกเข้าลงข้างหนึ่งแล้วก้มหัวให้กับเจ้าชีวิต เอเวลเกิดมาพร้อมพลังทำลายล้างและเพราะความหวาดกลัวต่อพลังของตนเอง เขาจึงพยายามหลบหนีจากผู้คนและคนที่เขารัก เขาถูกผู้นำตระกูลคาเลนคนก่อนพาเข้ามาที่คฤหาสน์นี้เพื่อเป็นเหยี่ยวแดงให้กับตระกูลคาเลน ดังนั้นชีวิตของเขาจึงให้กับตระกูลคาเลนอย่างไม่มีข้อสงสัยใด คำสั่งทุกคำสั่ง ความปราถนาของนายเหนือหัวคืองานของเขา แต่ครั้งนี้เขากลับระเบิดสวนของคุณหนูโรซาริอาเพียงเพราะกลัวผีอีกแล้ว

     

    “นกน้อยขอโทษผมด้วยเหตุใดกัน” เบเรียสถอดแว่นแล้วเดินมาหยุดตรงหน้าคนที่คุกเข่าอยู่ พลางเอื้อมมือไปเกี่ยวปลายผมสีแดงของอีกฝ่ายเล่นแล้วเชยคางอีกฝ่ายขึ้นมา เอเวลเป็นนกตัวโปรดของเขา ด้วยทักษะการสืบข่าวหรือแม้แต่ฝีมือการต่อสู้และความภักดีต่อตระกูล เขารู้ว่านิสัยของอีกฝ่ายเป็นอย่างไร เพียงแต่นิสัยเหล่านั้นจะไม่แสดงออกกับเขาเท่านั้น

     

    เหยี่ยวแดงที่งดงาม และเขาเป็นเจ้าของมัน

     

    “ความวุ่นวายที่เกิดขึ้น ผม..” ริมฝีปากบางถูกหยุดด้วยนิ้วของคนสูงศักดิ์พร้อมรอยยิ้มบนใบหน้าหล่อเหล่า นัยน์ตาสีแดงใสสบกับนัยน์ตาสีดำสนิทโดยไม่สามารถพูดอะไรได้อีก เบเรียสสามารถหยุดการกระทำของผู้อื่นได้เพียงแค่สบตา นั่นรวมถึงเขาด้วย

     

    แม้จะมีรอยยิ้มประดับอยู่ แต่ไม่ได้ทำให้สบายใจเลยแม้แต่น้อย

    เบเรียส ไอม์ คาเลน คือบุคคลที่อันตรายที่สุดเท่าที่เขาเคยเจอ

     

    “ผมรู้แล้ว ยังไงเอเวลก็ต้องไปทำสวนให้เหมือนเดิมเป็นการชดใช้ แต่ตอนนี้ผมอยากรู้เรื่องสิ่งที่ผมสนใจมากกว่า” 


    “ตราแห่งอวาลอน..เคยได้ยินใช่ไหมนกน้อย”





    เคร๊ง

     

    ผลั๊ก

     

    ร่างของชายหนุ่มเรือนผมสีดำสนิทยาวถึงกลางหลัง ใบหน้างดงามหากแต่แข็งแกร่งไปในขณะเดียวกันไม่ปรากฏแววเหนื่อยเลยแม้ว่าใบหน้าได้รูปนั้นจะเต็มไปด้วยหยาดเหงื่อจากการฝึกซ้อม ออคต้าร์ปาดเหงื่อบนใบหน้าอย่างไม่ใส่ใจนักก่อนจะโยนดาบยาวไปให้ทหารที่ยืนเฝ้าลานฝึกอยู่


    “อย่าหันหลังให้ศัตรูจนกว่าจะสิ้นสุดการต่อสู้ และอย่าชะล่าใจจนเกินไป” ออคต้าร์เอ่ยเตือนทหารที่ยังมีข้อผิดพลาดให้เห็น

     

    “ขอรับท่านแม่ทัพ!

     

    “พี่ยังเข้มงวดเหมือนเดิม” น้ำเสียงคุ้นหูพร้อมร่างของน้องชายที่นานๆทีจะโผล่เข้ามาหาเขาในวัง ช่วงหลังออคต้าร์ยุ่งอยู่กับการฝึกฝนทหารใหม่ในวังเสียจนแทบไม่ได้คุยกับเลโอเน่ทั้งที่อยู่คฤหาสน์เดียวกัน

     

    “หน้าที่ของทหารจะผ่อนปรนไม่ได้เด็ดขาด” น้ำเสียงนุ่มทว่าเด็ดขาดยามพูดถึงหน้าที่ทำให้เลโอเน่พยักหน้าตาม เขาไม่ใช่คนพูดเก่งและไม่สนใจอะไรนอกจากการต่อสู้และครอบครัว ก่อนที่นัยน์ตาสีเขียวจะละสายตาจากพี่ชายไปยังนกสีขาวตัวเล็กที่บินมาเกาะไหล่

     

    “พาฮาร์วมาด้วยหรอเลโอ” คนที่อายุมากกว่าเดินเข้ามาใกล้เมื่อเห็นนกน้อยที่เขามักจะเห็นอยู่ข้างกายเลโอเน่ตลอด ในขณะที่เลโอเน่ยักไหล่เล็กน้อยแล้วเอื้อมมือไปให้ฮาร์วลงมาเกาะแทนไหล่

     

    “พี่ก็รู้ว่าฮาร์วอยู่กับผมตลอดเวลา”

     

    “นั่นซินะ..”

     

    “แม่ทัพออคเตย์น” เสียงเรียกจากข้างหลังพร้อมร่างสมส่วนของชายหนุ่มที่มักจะอยู่ในชุดสีขาวพร้อมใบหน้ายิ้มแย้มเสมอ ออคต้าร์หายใจแรงๆกับเสียงของคนข้างหลังที่ไม่ต้องหันไปมองก็รู้ว่าเป็นใคร วันนี้สุนัขจิ้งจอกของกษัตริย์มีอะไรกับเขาอีกล่ะ

     

    “ผมจำไม่ได้ว่าพวกเราสนิทกันขนาดที่เรียกชื่อนั้นได้นะครับท่านหัวหน้าองครักษ์” คนที่ถูกเรียกว่าหัวหน้าองครักษ์ยังคงรักษารอยยิ้มไว้อย่างเดิม จินา เจ  เบริลเรียม หัวหน้าองครักษ์วังหลวงและเป็นจิ้งจอก ของกษัตริย์ทาทารัส ภายใต้รอยยิ้มนั่น ออคต้าร์ไม่ชอบรอยยิ้มแบบนั้นจริงๆ และไม่ใช่แค่เขาที่ไม่ชอบ

     

    แต่ตระกูลวิหก อ่า..อาจจะยกเว้นโรซาลีนไว้

    ไม่มีใครไว้ใจจินาเลยแม้แต่น้อย

    แต่ด้วยตำแหน่งและความไว้วางใจที่ทาทารัสให้กับจินา

    พวกเขาก็ทำอะไรไม่ได้อยู่ดี

     

    “กษัตริย์ให้ท่านไปพบน่ะครับ ที่โถงกลาง” จินาเอ่ยด้วยน้ำเสียงเป็นมิตร ดวงตาเรียวจ้องไปยังแม่ทัพแห่งเบทริกซ์อย่างไม่เกรงกลัว ซึ่งมันทำให้ออคต้าร์รู้สึกถูกท้าทายอยู่หน่อยๆ แต่ในเมื่อกษัตริย์เรียกเขา เขาก็ควรจะต้องรีบไป ทุกคนรู้ดีว่าทาทารัสไม่ชอบการรอคอย

     

    “เข้าใจแล้ว ผมจะไปเดี๋ยวนี้” นัยน์ตาสีทองมองน้องชายอย่างขอโทษ ออคต้าร์เดินตามจินาไปยังห้องโถงกลางอย่างเร่งรีบ ประตูบานใหญ่เปิดออกเผยให้เห็นถึงร่างสง่างามของกษัตริย์นั่งอยู่บนบัลลังก์โดยมีองค์ชายแอสเทียร์นั่งอยู่ข้างๆ เจ้าของตำแหน่งแม่ทัพใหญ่คุกเข่าลงทำความเคารพนายเหนือหัวแล้วลุกขึ้นยืน

     

    ”ช่วงนี้ชายแดนทิศเหนือเป็นเช่นไร”

     

    “สงบสุขดีพะยะค่ะ เรื่องโจรปล้นสะดมกระหม่อมส่งคนจัดการเรียบร้อยแล้ว” ออคต้าร์รายงานไปอย่างไม่เข้าใจ เขาเคยส่งรายงานแล้วว่าเรื่องโจรปล้นระหว่างชายแดนทิศเหนือได้จัดการเรียบร้อยแล้ว แต่ถ้าให้เขาเดา สิ่งที่กษัตริย์ทาทารัสต้องการพูดไม่ใช่มีแค่เรื่องนี้แน่นอน

     

    “จัดเตรียมคนให้พร้อม ข้าจะไปเยือนโอมาลานซ์ในวันพรุ่งนี้”


    “รับพระบัญชาพะยะค่ะ” เจ้าของเรือนผมสีดำยาวรับคำหนักแน่น ออคต้าร์รู้ว่าการที่กษัตริย์เสด็จลงไปเยือนเมืองเล็กๆนี้เป็นการแสดงความใส่ใจกับประชาชนและเป็นการประกาศถึงเจ้าเมืองเล็กๆทางอาณาจักรเองก็ไม่ได้ปล่อยให้เจ้าเมืองมีอำนาจจนทำตามใจตนเองได้

     

    “ไม่มีกิจอันใดแล้วเจ้าไปได้” ออคต้าร์ทำความเคารพอีกครั้งก่อนที่จะเดินออกจากโถงกลางไป แต่ก่อนที่เขาจะได้ออกจากตัวปราสาทไปลานฝึกเขากลับถูกหยุดไว้ด้วยร่างของหมอหลวงที่กำลังเดินผ่านไป เกรย์เซียยกมือทักทายแม่ทัพหนุ่มด้วยรอยยิ้มอ่อนโยน และออคต้าร์เองก็โค้งกลับไปให้เล็กน้อย

     

    โรซาลีนเป็นตระกูลที่เป็นมิตรน่าเข้าใกล้ที่สุดในบรรดาตระกูลสี่วิหก

     

    สำหรับเขาพานิค..ท่านชาเรย์ที่ขัดคอกับท่านพ่อของเขามาตลอด

    ตอนนี้พอจะยอมรับเขาบ้าง ส่วนไอเรสเขาเคยคุยด้วยเพียงไม่กี่ครั้ง

     

    คาเลน..เบเรียส ผู้ชายโรคจิตที่เขาไม่ค่อยอยากเข้าไปยุ่งเท่าไหร่

    เป็นตระกูลที่อันตราย ไม่ซิต้องบอกว่าตัวผู้นำตระกูลต่างหากที่อันตราย

     

    โรซาลีน เกรย์เซียเป็นผู้ที่มีอายุมากที่สุดในคนรุ่นเขา ใจดีและเป็นกลาง

    เกรย์เซียเป็นคนที่ทุกคนยอมรับมากที่สุด

     

    “ฝ่าบาททรงเรียกคุณไปพบหรือครับออคต้าร์” เกรย์เซียเอ่ยถามเมื่อเห็นว่าคนที่เด็กกว่าพึ่งออกจากห้องโถง ในเวลาปกติออคต้าร์จะไม่เข้าไปในตัวห้องโถงหากไม่มีธุระอะไร และธุระเพียงอย่างเดียวของชายหนุ่มหน้าสวยนี่คือคำสั่งของกษัตริย์ทาทารัสแค่นั้น

     

    “ฝ่าบาทจะเสด็จไปโอมาลานซ์ในวันพรุ่งนี้ เลยเรียกผมไปเรื่องจัดคนครับ”

     

    “โอมาลานซ์? เมืองชายฝั่งติดกับอาณาจักรโซทาเลีย..” คิ้วเรียวขมวดเล็กน้อยก่อนจะกลับมาเป็นเหมือนเดิม นัยน์ตาสีฟ้าน้ำทะเลฉายแววประหลาดใจจนคู่สนทนาอย่างออคต้าร์อดที่จะแปลกใจไม่ได้ที่เห็นเกรย์เซียมีแววตาอย่างนั้น

     

    “มีอะไรหรือเปล่าครับเกรย์เซีย”

     

    “ไม่มีอะไร..แต่คุณเตรียมคนมีฝีมือไว้ด้วย ผมไม่คิดว่าโซทาเลียจะอยู่เฉยๆรอทางเราไปเกือบประชิดชายแดนหรอก” โอมาลานซ์ถือเป็นชายแดนส่วนสุดท้ายที่ติดกับอีกอาณาจักร เกรย์เซียคิดว่าหากได้ยินว่ากษัตริย์ทาทารัสจะเสด็จไปเอง ฝั่งนั้นจะนิ่งเฉยอยู่ได้จากชื่อเสียงปีศาจที่ถูกขนานมา

     

    “รับทราบ ขอบคุณที่แนะนำครับ” ร่างสูงกว่าของออคต้าร์โค้งให้เกรย์เซียเล็กน้อยพร้อมรอยยิ้มบางๆก่อนที่จะเดินไปยังลานฝึกตามความตั้งใจเดิม เกรย์เซียเหลือบไปเห็นนางกำนัลวัยรุ่นกลุ่มหนึ่งกำลังมองมาที่เขาอย่างเขินอายจึงยิ้มให้บางๆ

     

    “อ..อ่อ ท่านเกรย์เซียคะ” หนึ่งในนางกำนัลกลุ่มนั้นค่อยๆรวบรวมความกล้าเดินเข้ามาหาเขา เด็กสาวหน้าตาน่ารักกับดวงตากลมโตสีน้ำตาลหวานรับกับเรือนผมยาวสีเดียวกัน นับว่าเป็นเด็กสาวที่งดงามคนหนึ่งเลยทีเดียว

     

    เพียงแต่..ไม่น่าสนใจพอ

     

    “มีอะไรให้ช่วยครับคุณผู้หญิง” เพื่อเป็นการตอบสนองไมตรีที่ดี อย่างน้อยเขาก็ไม่ควรจะปฏิเสธไปก่อนที่เธอจะได้พูดอะไร เขารู้ทันทีด้วยใบหน้าที่ขึ้นสีระรื่อของเด็กสาว นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาเจอเหตุการณ์แบบนี้


    “ฉันชอบท่านเกรย์เซียค่ะ!ถ้าไม่รังเกียจได้โปรดคบหากับฉันได้ไหมคะ” เขาว่าแล้วไม่มีผิด.. แต่ก็อย่างที่เขาคิด ผู้หญิงคนนี้ไม่มีอะไรที่น่าสนใจพอ.. รอยยิ้มอ่อนโยนแต่ทว่านัยน์ตาคู่สวยกลับแฝงไปด้วยการขอโทษ มืออุ่นลูบเรือนผมของเด็กสาวเบาๆ


    “ผมขออภัยด้วย แต่ตอนนี้ผมยังไม่คิดเรื่องคบหากับใครหรอกครับ” น้ำเสียงอ่อนโยนทำให้เด็กสาวเคลิ้มไปเล็กน้อย จนต้องยอมแพ้ไปกับความอ่อนโยนที่ชายหนุ่มให้มา ถึงแม้ว่าจะไม่ได้ดังที่ใจต้องการก็ตาม จริงๆแล้วเธอก็รู้ดีว่าหมอหลวงหนุ่มรูปงามผู้อ่อนโยนนี้ไม่คิดที่จะคบหากับใคร

     

    แต่สิ่งที่เธอเห็นตั้งแต่เป็นนางกำนัลที่นี่คือ..

    บุรุษรูปงามทั้งหลาย..

    ตระกูลสี่วิหก..มีแต่บุรุษรูปงามทั้งนั้น!

    แค่นี้พวกเธอก็ตายตาหลับแล้ว แม้จะไม่ได้ครอบครองก็ตามที

     

    หลังจากที่ส่งนางกำนัลกลุ่มนั้นไปแล้วเกรย์เซียจึงถอนหายใจเบาๆ รอบนี้โชคดีหน่อยที่ไม่ได้เกาะแกะอะไรเขามาก นี่จะว่าเป็นคำสาปหรือว่าพรดีล่ะ ตัวเขาจะมีฟีโรโมนแปลกๆออกจากตัวทำให้ผู้คนชอบที่จะมาอยู่ใกล้เขาตั้งแต่เกิด ยิ่งในตอนเด็กด้วยแล้วหากไม่มีพี่เลี้ยงคอยดูแลเขาคงจะถูกลักพาตัวไปแล้ว พอก้าวขึ้นเป็นผู้นำเขายิ่งต้องวางตัวให้เหมาะสม แต่ก็ยังมีคนพยายามเข้าใกล้เขาอย่างที่เห็น

     

    แต่จะว่าไป..วันนี้เขายังไม่ได้พบท่านชาเรย์เลย

     

    “ขออภัยครับ แต่ท่านชาเรย์ได้มาที่วังหลวงหรือเปล่าครับวันนี้” ร่างโปร่งตัดสินใจถามนางกำนัลที่เดินผ่านไปด้วยรอยยิ้ม และได้รับคำตอบกลับมาพร้อมสีหน้าเขินอาย ไม่ใช่ทุกคนที่จะมีโอกาสได้คุยกับตระกูลวิหกที่กุมอำนาจปกครองในแต่ละส่วนของอาณาจักร การได้สนทนาแม้เพียงเล็กน้อยก็ถือว่าโชคดีแล้ว

     

    เพียงแต่สิ่งที่เกรย์เซียสนใจคือคำตอบที่ออกมาจากนางกำนัลคนนั้น

     

    “ท่านชาเรย์ไม่สบายหนัก ฝ่าบาทจึงให้พักผ่อนอยู่ที่คฤหาสน์พานิคค่ะ” 


    “ไม่สบายอย่างนั้นหรอครับ..ของเยี่ยมคงต้องเป็นผลไม้ซินะ” เกรย์เซียเป็นคนที่ไปยังคฤหาสน์ของตระกูลอื่นเป็นบางครั้ง ไม่ว่าจะได้รับคำเชิญให้ไปช่วยดูแลอาการป่วยหรือแม้แต่การสนทนาเรื่องการปกครองจนถึงเรื่องไร้สาระทั่วไป แต่ที่เขาแปลกใจคือทำไมเขาถึงไม่สังเกตุเห็นอาการป่วยของชาเรย์เลยทั้งที่เมื่อวานก็ยังสนทนากันอยู่ด้วยซ้ำ

     

    “ท่านหมอเกรย์เซีย มีทหารได้รับบาดเจ็บจากการฝึกซ้อม รบกวนช่วยดูด้วยขอรับ!” เสียงตะโกนจากทหารในเครื่องแบบสองนายแบกทหารนายหนึ่งที่บาดเจ็บตรงศีรษะทำให้ร่างโปร่งต้องรีบไปดูอาการตามหน้าที่ทันที เมื่อเห็นว่าไม่ได้เป็นอะไรมากจึงให้ทหารอีกนายไปหาผ้าสะอาดกับน้ำมาเพื่อที่จะหยุดเลือดที่ไหลออกมาก่อน เวทย์สายรักษาของเขาสามารถใช้ได้ไม่จำกัดก็จริง แต่การใช้พลังมากเกินไปก็ไม่ดีกับร่างกายของเขาเช่นกัน

     

    ยกเว้นเป็นการรักษาเล็กน้อย นั่นไม่ส่งผลอะไรกับเขานัก

    เพราะเขาชินแล้วกับการฝึกฝนร่างกายให้รับความเจ็บปวดจากพันธะสัญญา

     

    “เสร็จแล้วครับ คราวหลังฝึกกันระวังๆอย่าให้บาดเจ็บอีกนะครับ” เลือดหยุดไหลแล้ว แผลก็สมานตัวแล้ว ดังนั้นไม่มีอะไรที่เขาต้องทำอีกจึงเอ่ยเตือนให้ระวัง เขาไม่อยากให้ใครได้รับบาดเจ็บในเวลาฝึกเพราะหากมีรับสั่งลงมาให้จัดกำลังพลไปที่ไหน จะเสียโอกาสไปได้

     

    อันที่จริงเขาก็ไม่ชอบการต่อสู้

    แต่ไม่ได้หมายความว่าคนตระกูลโรซาลีนขี้ขลาด

    แม้จะไม่ใช่แม่ทัพใหญ่เช่นฟารอส

    แต่โรซาลีนก็มีข้อเชี่ยวชาญของตนเองเช่นกัน

     

    เกรย์เซียเดินไปตามทางเดินในปราสาทพลางครุ่นคิดอะไรบางอย่าง เขาต้องออกเดินทางไปด้วยในวันพรุ่งนี้เผื่อเหตุการณ์ฉุกเฉิน พรุ่งนี้คงจะวุ่นวายน่าดูล่ะ ในเมื่อตระกูลวิหกทั้งสี่จะมารวมตัวกัน เขาต้องแจ้งเรื่องเดินทางให้กับทางพานิคทราบด้วย

     

    การออกจากงานก่อนเวลาไม่ใช่เรื่องผิด

    หากมีสิ่งสำคัญกว่าต้องทำ

     




    “เชิญท่านเกรย์เซีย กระผมจะไปรายงานนายท่านให้ขอรับ” ร่างโปร่งของหมอหนุ่มนั่งลงที่โซฟาเรียบๆแต่ลงตัวกับการตกแต่งภายในอย่างเคยชิน เขามาที่นี่เพื่อดูอาการของท่านชาเรย์และแจ้งข่าวเรื่องการเดินทางไปโอมาลานซ์ในวันพรุ่งนี้ให้กับไอเรส เพราะต่อให้เขารักษาให้กับผู้นำตระกูลพานิคตอนนี้ ร่างกายก็ยังต้องการการพักผ่อนอยู่ดี

     

    “ท่านเกรย์เซีย ขอบคุณที่มาดูอาการท่านพ่อถึงที่นี่” ไอเรสส่งยิ้มจางๆให้กับคนที่อายุมากกว่าแล้วผายมือให้ทำตัวตามสบาย วันนี้ทั้งวันไอเรสได้แต่อยู่ในห้องกับชาเรย์ไม่ได้ไปไหน คอยดูแลที่ปรึกษาชราอย่างดีที่สุดเท่าที่จะทำได้ แต่อาการของชาเรย์ไม่ได้ดีขึ้นเลย เขาจึงวางใจเมื่อเห็นเกรย์เซียมาถึงที่นี่

     

    “ไม่เป็นไร ผมขอดูอาการท่านชาเรย์หน่อยนะครับ”

     

    นัยน์ตาสีน้ำทะเลเบิกกว้างเมื่อได้เข้าไปในห้องนอนของผู้นำตระกูลพานิค ไอวิญญาณของชาเรย์อ่อนลงจนเกรย์เซียสัมผัสได้ตั้งแต่ย่างเท้าเข้าไปในห้อง มืออุ่นรีบจับชีพจรของชายชราทันที

     

    อ่อน..

    อ่อนมากจนน่ากลัว

     

    “ท่านชาเรย์ใช้พลังของวิหกไปใช่ไหมคุณไอเรส?!

     

    “ข้าก็ไม่ทราบ แต่ท่านพ่อดูเหนื่อยตั้งแต่กลับมาเมื่อวาน..” นัยน์ตาสีทองสว่างหลุบลงอย่างขอโทษที่ไม่สามารถบอกอะไรได้มากไปกว่านี้ เขารู้เพียงว่าท่านพ่อตรงเข้าพักผ่อนทันทีที่กลับมาถึง ไม่ได้เข้าไปห้องทำงานก่อนอย่างปกติ

     

    “ผมจะใช้เวทย์รักษาช่วย..แต่ไม่สามารถบอกได้ว่าท่านชาเรย์จะทนได้แค่ไหน” ร่างโปร่งคุกเข่าลงแล้วจับมือชายชราไว้ เปลือกตาบางค่อยๆปิดลงก่อนที่กระแสพลังสีเงินจะค่อยๆไหลเวียนผ่านเข้าไปในร่างกายคนที่นอนอยู่ ปีกสีขาวที่แผ่นหลังของเกรย์เซียค่อยๆปรากฏให้เห็นและกางออกอย่างเต็มที่ ใบหน้าได้รูปปรากฏเหงื่อผุดขึ้นมาเมื่อเกรย์เซียพยายามอดกลั้นความเจ็บปวด

     

    ปีกสีขาวกับสายเวทย์รักษา

     

    ไอเรสมองการรักษาอย่างไม่วางตา ภาพที่เขาเห็นไม่ใช่สิ่งที่จะเกิดขึ้นง่ายๆ ปีกของตระกูลวิหกจะช่วยเสริมพลังของเจ้าของ แต่แลกมาด้วยความเจ็บปวดมหาศาล ซึ่งเขา..เป็นคนที่ไม่สามารถใช้ปีกได้

     

    วิหกไร้ปีก

     

    กระแสพลังสีเงินไหลเวียนซักพักก่อนที่จะหยุดลงพร้อมกับร่างของเกรย์เซียที่ลงไปนั่งกับพื้นอย่างหมดแรง ใบหน้าหล่อเหลาติดหวานมีร่องรอยของความโล่งใจไประดับหนึ่งแต่ขณะเดียวกันก็มีความกังวลไปด้วย ปีกสีขาวข้างหลังยังคงปรากฏอยู่และขยับไปมาตามอารมณ์ของเจ้าของ


    “ผมรักษาให้แล้ว ตอนนี้อยู่ที่ตัวท่านชาเรย์ว่าจะทนได้นานแค่ไหน ไอวิญญาณของท่านอ่อนไปตามกาลเวลาและยิ่งใช้พลังของวิหกอีก..”

     

    “ขอบคุณ..ขอบคุณจริงๆท่านเกรย์เซีย..” ไอเรสก้มหัวลงต่ำเป็นการขอบคุณอย่างสูงสุดเท่าที่เขาจะทำได้ พานิคไม่เคยก้มหัวให้ใคร แต่ในตอนนี้ไอเรสกลับยอมลดศักดิ์ศรีลงให้กับผู้ที่ยอมใช้พลังในการช่วยเหลือพ่อของเขา ไม่ใช่เรื่องที่ละเลยได้จริงๆ

     

    “ไม่เป็นไรครับ แต่ผมมีเรื่องจะแจ้งคือในวันพรุ่งนี้กษัตริย์ทาทารัสจะเสด็จเยือนเมืองโอมาลานซ์ เตรียมตัวให้พร้อมด้วยครับคุณไอเรส” เกรย์เซียลุกขึ้นยืนช้าๆแล้วหลับตาลงสั่งให้ปีกหายไป เหลือไว้แต่ขนนกสีขาวที่ร่วงหล่นยามใช้พลังเล็กน้อย ซึ่งเจ้าตัวก็ได้แต่หัวเราะเบาๆ วิหกจะมีขนร่วงทุกครั้งที่ใช้ปีก แต่ก็ร่วงในปริมาณไม่มากและไม่ได้ทำให้ปีกของพวกเขาหนานุ่มน้อยลง

     

    แค่เสียเวลาเก็บกวาดนิดหน่อย ถ้าร่วงในพื้นที่ส่วนบุคคล

     

    “ท่านเกรย์เซียมาที่นี่อย่างไร ให้ข้าบอกคนให้เตรียมรถม้าให้หรือไม่”  หมอหนุ่มส่ายหน้าพร้อมรอยยิ้มเช่นเดียวกับที่เห็นเป็นปกติ เขาคิดถูกที่ตัดสินใจนั่งรถม้าของตระกูลโรซาลีนมาแทนที่จะขี่ม้ามาเพียงคนเดียว ร่างโปร่งเดินออกมาโดยมีเจ้าบ้านเดินไปส่งถึงหน้าคฤหาสน์ เกรย์เซียขึ้นรถม้าไปก่อนจะสั่งให้สารถีออกรถ เสียงล้อรถดังขึ้นเบาๆไปตามทาง แต่สายตาของเกรย์เซียกลับหยุดไปที่บางสิ่งเสียก่อน

     

    ร่างเล็กของเด็กหนุ่มเรือนผมสีทองกำลังนั่งพิงต้นไม้อยู่เงียบๆ นัยน์ตาสีฟ้าจางที่เขาเคยเห็นร่าเริงยามที่อยู่ต่อหน้าคนอื่นตอนนี้กลับมีประกายโดดเดี่ยวจนน่าแปลกใจ เกรย์เซียจำได้ว่าตอนที่เขาเจอเนคต้าร์อยู่คนเดียวในวันแรก ดวงตาสีฟ้านั่นก็มีแววโดดเดี่ยวเช่นกัน แต่มันเลือนหายไปทันทีที่เจอคนที่เจ้าตัวเรียกว่าพี่ชาย

     

    น่าสนใจ..เด็กคนนี้น่าสนใจจริงๆ 


    ------------------------

    Talk 

     *เหยี่ยวแดง คือชื่อเรียกสายสืบของตระกูลคาเลน 


    ตอนนี้ตัวละครก็ค่อยๆโผล่มาเรื่อยๆ เดาคู่เด็กๆกันไว้หรือยังคะ555

    แต่บางตัวละครเรายังวางคู่ให้ไม่ถูกเลยค่ะ

    บทนี้ให้เกรเซียเด่นไปเลย รู้สึกไอเรสกลายเป็นตัวประกอบเบาๆ 

    สองพี่น้องฟารอสยังแต่งยากเหมือนเดิม 

    แต่จะพยายามค่ะ เพี้ยนบอกได้ทุกคนเลยนะ


    ทุกคอมเม้นต์คือกำลังใจของเรา ขอให้สนุกกับนิยายค่ะ


    © themy butter
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×