คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #12 : Tale 9 คำทำนายของชิลลี่
Chapter
9 คำทำนายของชิลลี่
นัยน์ตาสีฟ้าจางเหลือบมองซ้ายขวา
เมื่อเห็นทางสะดวกแล้วจึงเร่งฝีเท้าไปยังจุดหมายที่ต้องการ
มือบางผลักประตูที่ทำจากไม้ชั้นดีอย่างเงียบที่สุด
แต่บุคคลที่ยืนอยู่ตรงบันไดพร้อมกับร่างโปร่งบางของคุณชายตระกูลรองทำให้เนคต้าร์ต้องหันไปก้มหัวให้
“เนคต้าร์ เจ้าไปไหนมาหรือ”
น้ำเสียงอ่อนโยนจากนายหญิงตระกูลพานิคเอ่ยทักบุตรชายบุญธรรม
ในขณะที่หวางอี้ยังคงมีสีหน้าเรียบเฉย ไม่สนใจว่าเขาจะอยู่ที่ใด
ไมร่าค่อยๆเดินลงบันไดโดยมีหวางอี้คอยประคอง ช่วงหลังร่างกายนายหญิงของคฤหาสน์อ่อนแอไปตามกาลเวลา
ทำให้บ่อยครั้งต้องรบกวนหวางอี้หรือสาวใช้ในการไปไหนมาไหนในคฤหาสน์
หรือถ้าหากไอเรสอยู่ ลูกชายของเธอก็จะอยู่กับเธอเกือบตลอดทั้งวัน
แต่จะไม่ให้ไมร่าขยับตัวไปไหนมากนัก
“นายหญิง..พึ่งกลับจากวังหลวงครับ” รอยยิ้มทื่อๆ ปรากฏบนใบหน้าของเด็กหนุ่ม จนถึงตอนนี้เด็กชายผู้ถูกรับเลี้ยงยังคงไม่กล้าที่จะเรียกไมร่าว่าท่านแม่เสียที แม้ว่าไมร่าจะบอกให้เนคต้าร์เรียกเธอว่าแม่หลายครั้งแล้วก็ตามที
“วังหลวง? คงเข้าไปหาองค์ชายน้อยสินะ”
“ครับ องค์ชายแอสเทียร์โดนกักบริเวณ เลยเรียกให้ผมเข้าไปหา”
“ท่านแม่ใหญ่ ข้าจะไปนำยามาให้ท่าน ท่านรออยู่ตรงนี้ได้หรือไม่”
หวางอี้ยิ้มจางๆ
ให้กับหญิงชราก่อนจะเดินไปในส่วนครัวที่ใช้ปรุงยาเพื่อนำยาบำรุงร่างกายมาให้นายหญิงแห่งตระกูลพานิค
เหลือเพียงคนต่างวัยสองคนยืนอยู่ด้วยกันเท่านั้น
“เนคต้าร์..นี่เจ้า! บาดแผลพวกนี้มาได้อย่างไร”
นัยน์ตาสีทองเบิกกว้างขึ้นเมื่อได้พิจารณาบุตรชายบุญธรรมอย่างละเอียดอีกครั้ง
มือบอบบางของสตรีสูงวัยลูบเบาๆ ที่แผลเป็นตรงข้อมือของเด็กหนุ่ม
นอกจากนี้ที่ใบหน้าน่ารักยังมีรอยแผลสดใหม่ที่เกิดขึ้นไม่นานอีก ในขณะที่เนคต้าร์ได้แต่เงียบแล้วก้มหน้าลง
เขาจะบอกได้อย่างไรว่าตอนอยู่ที่วังหลวง
เขาโดนรังแกอย่างไรจากนางกำนัลบางกลุ่ม
สายเลือดนอกคอกของเขาน่ะ ทำไมจะไม่รู้ว่ามีใครพูดอะไรไว้บ้างล่ะ
การเป็นบุตรบุญธรรมของตระกูลพานิค มันไม่ได้ช่วยอะไรเขาเลย
ในเมื่อความจริงคือเขาไม่ใช่สายเลือดบริสุทธิ์อันสูงส่ง.. แม้ว่าต่อหน้าองค์ชาย
พี่ชายของเขาหรือตระกูลวิหคคนอื่น เขาจะถูกปฏิบัติอย่างดีก็ตาม
แต่เรื่องพวกนี้เนคต้าร์เสียแล้ว
เรื่องอะไรเขาจะต้องนำสิ่งเน่าเสียเหล่านั้นไปใส่ใจ
“วังหลวงไม่งดงามอย่างที่คิดใช่ไหม..”
ไมร่าเอื่อมมือไปลูบเรือนผมนุ่มเบาๆ เธอพอจะเดาสถานการณ์ได้บ้าง ยิ่งเนคต้าร์เป็นคนที่ไม่ค่อยแสดงออกอะไรเรื่องของตนเอง
นั่นยิ่งทำให้เธอเป็นห่วงเด็กคนนี้
“แม่ไม่รู้ว่าเนคต้าร์ต้องเจออะไร แต่ถ้าไม่ไหว
ยังไงเจ้าก็เป็นลูกของแม่อีกคน เป็นน้องของไอเรสและหวางอี้..มีอะไรหากไม่อยากบอกพี่เจ้า
ก็บอกแม่ได้” ความอบอุ่นจากมือบางทำให้เนคต้าร์รู้สึกอบอุ่นในหัวใจมากขึ้น
นี่เป็นครั้งแรกตั้งแต่เข้ามาอยู่ในตระกูลพานิคที่เขารู้สึกว่าเขาเองก็เป็นส่วนหนึ่งของตระกูลนี้
“ขอบคุณครับแม่ใหญ่” รอยยิ้มจริงใจที่ไม่ค่อยเผยออกมา
กลับปรากฏบนใบหน้าอย่างง่ายดายเมื่อรับรู้ถึงความรู้สึกผู้เป็นมารดา
เพล๊ง!
“ว๊าย!! คุณชายรองคะ”
เสียงของหล่นแตกพร้อมกับเสียงกรีดร้องของสาวใช้เรียกความสนใจจากบุคคลที่ยืนกลางโถงได้เป็นอย่างดี
ไมร่าสะดุ้งเล็กน้อย
ก่อนจะหันไปมองเนคต้าร์ที่เข้าใจในทันทีว่าสตรีสูงวัยต้องการอะไร
เด็กหนุ่มประคองไมร่าไปยังห้องครัวส่วนปรุงยา และพบร่างของหวางอี้นอนหมดสติอยู่บนพื้น
ข้างกายนั้นมีขวดยาที่เจ้าตัวคงจะตั้งใจนำมาให้ไมร่าแตกอยู่บนพื้น
“หวางอี้..หวางอี้เป็นอะไร”
“น..นายหญิง คุณชายสาม.. อยู่ดีๆคุณชายรองก็หมดสติเลยค่ะ”
สาวใช้ที่เนคต้าร์ไม่เคยเห็นหน้าลนลานตอบนายอย่างหวาดกลัว
เด็กหนุ่มไม่ใช่คนไหวพริบดีนัก
แต่เขารู้ว่าสิ่งหนึ่งที่ทำให้หวางอี้หมดสติได้คือ..เกสรดอกไม้..
แม้รอบข้างจะไม่มีดอกไม้วางอยู่ ทุกอย่างถูกเก็บเรียบร้อย
แต่มือบางหยิบกลีบดอกไม้ที่ร่วงอยู่บนพื้นแล้วเงยหน้ามองสาวใช้คนใหม่
เขาจะเชื่อในสิ่งที่เขาเห็น และสิ่งที่เขาเห็นในตอนนี้มันก็เพียงพอที่จะทำให้เชื่อความคิดตนเองแล้ว
“เธอ พึ่งมาใหม่ใช่ไหม”
“ค่ะ..ฉันพึ่งทำงานที่คฤหาสน์นี้ได้ 3 วัน”
“คราวหลังอย่าเอาดอกไม้เข้ามาในบริเวณคฤหาสน์อีก
คุณชายรองของที่นี่แพ้เกสรดอกไม้ทุกชนิด” เนคต้าร์ยืดตัวขึ้น นิ้วเรียวคีบดอกไม้ช่อใหญ่จากตระกร้าที่มีผ้าปิดเอาไว้
ทำให้หญิงรับใช้เบิกตากว้างด้วยความตกใจ
เธอไม่คิดว่าคุณชายรองจะเข้ามาตอนที่เธอมีดอกไม้อยู่กับตัว
และถึงแม้ว่าจะมีอยู่กับตัว แต่ก็ไม่คิดว่าจะแพ้รุนแรงขนาดหมดสติไปแบบนี้
“พาคุณชายรองกับนายหญิงขึ้นไปพัก ฉันจะต้องบอกพี่เกี่ยวกับเรื่องนี้”
เนคต้าร์ส่งไมร่าให้กับสาวใช้อีกคนที่รีบวิ่งมาดูเหตุการณ์
ส่วนหวางอี้เขาให้พ่อบ้านคนสนิทของเจ้าตัวเป็นคนพาไปพัก
เด็กหนุ่มหันหลังกลับหลังจากประมวลผลได้แล้วว่าต้องทำอะไร
ถึงตอนนี้พี่ชายเขาจะยังอยู่ข้างนอกก็เถอะ แต่ในเมื่อพรุ่งนี้เขาไม่ต้องเข้าวัง
เขาก็มีเวลาให้รอพี่ไอเรสอีกนาน ถึงแม้ว่า..
“เจ้ากลับมาช้านะเนคต้าร์ เกิดเรื่องอะไรขึ้นสินะ”
เนี่ยแหละ..สิ่งที่เป็นสาเหตุที่เขาจะโดนทางราชสำนักประกาศจับเอา นัยน์ตาสีฟ้าจางสบกับนัยน์ตาสีม่วงอ่อนของคนที่เป็นเพื่อนสนิทได้อย่างไรก็ไม่รู้
แต่ในเมื่อเขาขัดคำสั่งไม่ได้.. จะโดนลงโทษมันก็เป็นเรื่องปกติ
เพราะต่อให้อยากขัดคำสั่งยังไง
คนที่ทำพันธะสัญญาวิหคกับเขา นอกจากกษัตริย์ทาทารัสแล้ว..
องค์ชายแอสเทียร์เองก็ขอให้ท่านชิลลี่ทำพันธะสัญญากับเขาโดยตรง
เพราะฉะนั้นแล้ว เขาจึงขัดคำสั่งแอสเทียร์ไม่ได้
คำสั่งในครั้งนี้ก็คือ..ให้พาแอสเทียร์มานอนที่คฤหาสน์ตระกูลพานิคหนึ่งคืน
แต่เนคต้าร์รู้ดี มันจะจบแค่คืนเดียวซะที่ไหนกัน
“อืม พี่หวางอี้หมดสติเพราะเกสรดอกไม้น่ะ”
“บุตรชายคนรองตระกูลพานิค คนที่ปากกล้ากับท่านพี่ทาทารัสน่ะหรือ”
กิติศักดิ์ของหวางอี้ถูกลือไปไกล
บ้างก็ว่าหวางอี้หาญกล้าขนาดใช้พลังโดยไม่เกรงกลัวองค์กษัตริย์
บ้างก็ว่าหวางอี้ใช้คำพูดจาอย่างชาญฉลาดจนทำให้ทาทารัสยอมแพ้
แต่พอแอสเทียร์ไปถามความจริงก็โดนทำหน้าตาดุๆ ใส่กลับมา พร้อมกับคำพูด “ไม่ใช่เรื่องที่เด็กอย่างเจ้าต้องรับรู้”
เสียอย่างนั้น ส่วนชิลลี่ที่อยู่ในเหตุการณ์ก็บอกแค่ว่าสนุกสนานที่เห็นทาทารัสอารมณ์เสียได้ขนาดนั้น
“ว่าแต่องค์ชายจะทำยังไงต่อกับเรื่องวิวาห์ล่ะ
คงไม่คิดจะหนีตลอดไปใช่ไหม” เนคต้าร์หยิบเสื้อให้แอสเทียร์ใช้เปลี่ยน
ก่อนจะเปลี่ยนเสื้อของตนเองบ้าง เขาไม่คิดว่าแอสเทียร์จะหนีไปได้ตลอด
กษัตริย์ก็คงไม่ปล่อยเรื่องนี้ไปโดยไม่ทำอะไร หากแอสเทียร์คิดจะหนีจริง
“ข้ารู้ ยังไงข้าก็ต้องเข้าพิธีนั่น แค่ขออิสระก่อนเท่านั้น”
คนสูงศักดิ์กว่าคว้าหมอนใบใหญ่มากอดแน่น เขารู้ว่าต่อให้หนีไป
ยังไงท่านพี่ทาทารัสก็ต้องลากคอเขากลับมาอยู่ดี
เพราะงั้นทางที่ดีที่สุดคือไม่หนีและยอมรับชะตากรรมของตนเองซะ ก็หวังว่ากษัตริย์ไซรัสจะไม่เลวร้ายล่ะนะ
“นี่เนคต้าร์..”
“มีอะไรเหรอ”
“เจ้าไม่คิดจะตามหาต้นตระกูลที่แท้จริงของเจ้าหรอ
นกยูงน่ะ..ไม่ใช่คนของเบทริกซ์ เจ้าก็รู้ดี” คำพูดจากเพื่อนทำให้เนคต้าร์ชะงักไปเล็กน้อย
“ตามหาเพื่ออะไร ล้างแค้นหรอ..ฉันไม่คิดว่าจะทำมันได้ในตอนนี้หรอก”
ถ้าเป็นไปได้ เนคต้าร์ก็อยากจะฝังเรื่องนั้นให้ตายลงไปในส่วนลึกของจิตใจ
ทุกวันนี้เขามีชีวิตอยู่ในฐานะของคนตระกูลพานิค
ซึ่งมันเพียงพอสำหรับชีวิตด้อยค่าของเขาแล้ว
หรือต่อให้อยากแก้แค้น..ตัวเขาในตอนนี้ก็ยังไม่สามารถทำได้อยู่ดี
“ข้าแค่แนะนำในฐานะสหายของเจ้า หรือหากเจ้าต้องการความช่วยเหลือ
ข้าก็ยินดี” คำเสนอแนะของแอสเทียร์ที่ไม่ได้มีมาบ่อยนักทำให้เนคต้าร์หัวเราะเบาๆ
แล้วส่ายหน้าปฏิเสธ
“ไม่เป็นไร ฉันบอกแล้วว่าตอนนี้ฉันยังไม่คิดเรื่องแก้แค้นอะไรทั้งนั้น
แค่ในตระกูลพานิคก็มีเรื่องที่ต้องคิดมากแล้ว”
“เอาเถอะ จะคิดยังไงก็เรื่องของเจ้าแล้วกัน ข้าจะพักผ่อนแล้ว”
ว่าจบก็ล้มตัวนอนบนเตียงนุ่มทันที
ทิ้งให้เจ้าของห้องยืนงงอยู่ตรงนั้นกับท่าทีไปไวของแอสเทียร์
แต่จะว่าไป..นี่มันเตียงของเขาไม่ใช่หรอ
ทำไมกลายเป็นเขาที่ต้องนอนฟูกล่ะ..
.
.
“ท่านเรอาตริส ปล่อยองค์ชายไปแบบนี้จะดีหรือครับ”
จินาเอ่ยถามหญิงสาวที่เป็นคนบอกให้เขาปล่อยแอสเทียร์ไปกับคนตระกูลพานิค เมื่อครู่ที่เขาถูกเรียกไปรายงานความประพฤติขององค์ชายให้องค์กษัตริย์
หัวใจของเขาแทบจะหลุดออกมาข้างนอกยามสบสายตากับนัยน์ตาสีฟ้านั่น
ดีแค่ไหนแล้วที่เขายังทำตัวเป็นปกติได้ด้วยรอยยิ้มจนทาทารัสไม่สงสัย
ส่วนทหารยามคนอื่นเขาก็จัดการปิดปากให้เงียบหมดแล้ว
“เด็กคนนั้นยังใช้งานได้อีกเยอะจินา
เจ้าก็รู้ว่าข้าไม่ทำอะไรโดยไม่หวังผลตอบแทน
ไม่ว่ากับแอสเทียร์หรือเด็กตระกูลนกยูงนั่น..”
เรอาตริสหยิบคุ๊กกี้เข้าปากอย่างสบายๆ เธอรู้ว่าต่อให้ปล่อยแอสเทียร์ออกไป
ยังไงองค์ชายน้อยก็ต้องกลับมาอยู่ดี สายเลือดมิอาจทรยศต่อหน้าที่ได้ และเธอหมายความตามนั้น
ไม่ว่าจะสายเลือดกษัตริย์ของแอสเทียร์
หรือหน้าที่ของวิหค
“อินทรีย์จะถึงคราที่แยกจาก หงส์ขาวจะต้องเลือก เหยี่ยวแดงถึงเวลาลงมือ
เค้าแมวจะเผยตัวตน” ริมฝีปากแดงเอ่ยคำทำนายเกี่ยวกับวิหคทั้งสี่
โดยมีองครักษ์ใหญ่อย่างจินาคอยยืนฟัง แต่ไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่
เวลาที่เรอาตริสเอ่ยคำทำนาย มันจะต้องมีสิ่งที่เขาไม่เข้าใจทุกครั้ง
“หมายความว่ายังไงกันท่านเรอาตริส”
“ข้าหมายความตามที่ทำนายนั่นล่ะจิ้งจอกของทาทารัส”
นั่นล่ะที่เขาไม่เข้าใจ จินาไม่ใช่คนโง่
แต่คนอื่นต่างหาก..ที่พูดจาไม่รู้เรื่อง
“จินา มีคนตามหาอยู่” เสียงเรียบจากแม่ทัพใหญ่อย่างออคต้าร์ที่โดนไหว้วานให้มาตามองครักษ์หนุ่มดังขึ้นจากข้างหลัง จินาพยักหน้าน้อยๆ
ก่อนจะขอตัวไปพบคนที่ตามหาอยู่ เมื่อหมดธุระแล้วออคต้าร์จึงตั้งใจจะกลับไปนั่งอ่านหนังสือยามว่าง
“ฟารอส ระวังปีกของเจ้าให้ดี”
ร่างสูงหยุดฝีเท้าทันทีที่ได้ยินคำพูดจากเรอาตริส ถึงจะไม่เข้าใจ
แต่คิดว่ามันก็คงไม่ใช่เรื่องดีอย่างแน่นอน แต่..สำหรับคนอย่างออคต้าร์แล้ว
สิ่งที่เขาควรจะระวัง มีแค่อย่างเดียว
สงคราม..ทำยังไงให้เกิดการสูญเสียน้อยที่สุด
“ขอบคุณครับ แต่ปีกของฟารอสตอนนี้ยังไม่จำเป็น สติ สมาธิและความเด็ดขาด
นั่นคือปีกของพวกเรา” นัยน์ตาสีแดงมองตามชายเสื้อคลุมที่สะบัดไปตามจังหวะย่างก้าวของแม่ทัพหนุ่มแล้วส่ายหน้า
นี่ถือว่าเธอเตือนแล้ว คนที่ฟังจะเชื่อแล้วระวังตามคำเตือนหรือเลือกที่จะไม่ใส่ใจกับมันก็ได้
ดูเหมือนอินทรีย์หนุ่มผู้ทรนงจะเป็นอย่างหลัง
มันก็ไม่แปลกหรอก..ที่ออคต้าร์จะไม่ระวังเกี่ยวกับพลังวิหค
เพราะจนถึงตอนนี้ ปีกของอินทรีย์ยังไม่เคยกางออกมาเลยแม้แต่ครั้งเดียว
ไม่มีใครรู้ว่าคนที่ไม่มีพลังเวทย์อย่างตระกูลฟารอส
แต่ถูกแทนที่ด้วยพละกำลังมากเกินมนุษย์ธรรมดา
หากกางปีกใช้พลังของวิหคแล้ว..จะส่งผลอะไรขึ้นบ้าง
หรืออย่างน้อย..คนที่รู้ก็มีเพียงแค่คนเดียว
เรอาตริสส่งคุ๊กกี้ชิ้นสุดท้ายเข้าปากแล้วเช็ดปากเบาๆ
ตามประวัติศาตร์แล้ว คนของตระกูลฟารอสไม่เคยใช้พลังวิหคเลยแม้แต่ครั้งเดียว
เพราะเพียงแค่กำลังปกติของพวกเขาก็เพียงพอต่อการต่อกรกับข้าศึกเป็นกองทัพแล้ว เท่าที่เธอเห็นในนิมิตร
สิ่งที่น่าหวาดกลัวอาจจะเกิดขึ้นในยุคสมัยของเธอก็เป็นได้
“ปีกของฟารอส กับพานิคไร้ปีก..อา.. เด็กรุ่นนี้มีอะไรน่าสนใจเยอะจริงๆสินะ”
“ยิ้มอะไรของเจ้าเรอาตริส” น้ำเสียงทรงอำนาจที่เรอาตริสไม่ต้องหันไปมองก็รู้ว่าอีกฝ่ายเป็นใคร
มือบางรินน้ำชาในกาลงถ้วยแล้วยกขึ้นมาจิบอย่างสบายอารมณ์
ทาทารัสยืนพิงกำแพงมองผู้ทำนายสาวด้วยสายตาคมกริบ เขามาทันได้ยินถึงเรื่องวิหคพอดี
“ข้าโดนสั่งห้ามมิให้ยิ้มด้วยหรือทาทารัส”
“ข้าถามเจ้า ไม่ได้ให้เจ้าย้อนถามข้า”
“อ๋อ.. มีเรื่องน่าสนใจนิดหน่อยเกี่ยวกับวิหครุ่นนี้
แต่..ท่านเองก็ระวังการกระทำของท่านให้ดีทาทารัส
รู้ดีถึงจุดประสงค์การทำพันธะสัญญาไม่ใช่หรือ” จุดประสงค์ของการทำพันธะสัญญา
แม้ภายนอกจะเอื้อประโยชน์กับตระกูลวิหค
แต่จุดประสงค์ที่แท้จริงแล้วกลับเป็นการควบคุมตระกูลเหล่านั้นให้อยู่ใต้อำนาจราชวงศ์
เพราะหากไม่มีพันธะสัญญาแล้ว
ไม่ต้องคิดเลยว่าพลังของตระกูลทั้งสี่จะมีอำนาจมากเพียงใด
อาจะถึงขั้นสามารถโค่นล้มราชวงศ์ได้เสียด้วยซ้ำ
ตอนนี้สิ่งที่เธอกลัวที่สุดคือพานิค ไม่มีใครสามารถควบคุมไอเรสได้
ไม่ต้องพูดถึงพลังเวทย์มหาศาลนั่น
พายุที่เธอเห็นนั้นร้ายแรงกว่าวันทำพันธะสัญญามากนัก
“ข้าถึงได้ทดสอบความภักดีของไอเรส พานิคต่อราชวงศ์หลายครั้ง
สิ่งที่เจ้าคิดคือพานิคจะกลายเป็นผู้ทรยศใช่หรือไม่
หากข้าไม่ระวังการกระทำของตนเอง” ทาทารัสไม่ใช่คนโง่
กษัตริย์หนุ่มจึงได้ทดสอบไอเรสหลายครั้ง ตั้งแต่เข้ามาทำงานในวังหลวงอย่างเต็มตัว
เพราะหากไอเรสไร้ซึ่งความภักดีแล้ว
เขาจะต้องลงมือปลิดชีพว่าที่ผู้นำตระกูลพานิคให้เร็วที่สุด
แต่สิ่งหนึ่งที่ทาทารัสรู้ ไอเรสรักครอบครัว รักตระกูล
โดยเฉพาะน้องชายสองคน ซึ่งทำพันธะสัญญากับเขาไว้
แม้ไอเรสจะเป็นวิหคไร้ปีก แต่กับอีกสองคนไม่ใช่
พวกเขาเป็นวิหคที่สมบูรณ์แบบ วิหคที่อยู่ใต้อำนาจของเขา
“ดวงชะตาของไอเรสไม่ได้อยู่ใต้อำนาจใคร
รวมทั้งท่านด้วยทาทารัส เพราะฉะนั้นหากท่านควบคุมเขาได้อยู่
ควรจะทำให้เขาภักดีต่อท่านมากกว่านี้”
สิ่งที่ผู้ทำนายอย่างเรอาตริสทำได้ก็มีแค่นี้ อนาคตคือเรื่องที่ยังมาไม่ถึง กาลเวลามีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา
แต่สิ่งที่น่ากลัวกว่าการรู้อนาคตคือการพยายามเปลี่ยนแปลงมัน
มนุษย์ถูกแบ่งออกเป็นสองจำพวก
พวกแรกคือมนุษย์ปกติที่ไม่สามารถใช้เวทย์ได้ และพวกผู้ใช้เวทย์มนต์
แต่ในขณะเดียวกัน ในหมู่ผู้ใช้เวทย์ก็มีผู้มีพลังพิเศษแฝงตัวอยู่ พลังที่แทบจะพลิกแผ่นดินได้ง่ายๆ
เพียงแค่ต้องการจะทำ นั่นทำให้เรอาตริสต้องระวังตัวอยู่เสมอ พลังของผู้สร้างสรรค์ไม่ได้สวยงามอย่างที่ทุกคนคิด
เช่นเดียวกับเกรย์เซีย ฟลอเรนซ์ โรซารีน
ที่มีพลังสายรักษา
แต่หากใช้ผิดวิธีก็สามารถทำให้เกิดอาการเจ็บป่วยที่ไม่มีวันหายได้
ส่วนมนุษย์ธรรมดา สำหรับตระกูลฟารอสแล้วเป็นผู้ที่มีกำลังกายเหนือมนุษย์ปกติ
หากพบว่าทายาทคนใดมีเวทย์มนต์..จุดจบของเด็กคนนั้นคือสิ้นชีวิตอย่างเดียว
พลังของพวกเขาน่าหวาดกลัวจนเกินไป หากปล่อยให้รอดชีวิต
สำหรับทาทารัส กษัตริย์หนุ่มเกิดมาอย่างมนุษย์ปกติ ไม่มีพลังเวทย์
ไม่มีพละกำลังเหนือกว่าใคร แต่ด้วยการฝึกฝนและความชาญฉลาดของทาทารัส
สิ่งนี้คืออาวุธชั้นเลิศของกษัตริย์แห่งเบทริกซ์
“ช่างมันเถอะ ข้ามาหาเจ้าด้วยเรื่องแอสเทียร์” ทาทารัสเข้าเรื่องเมื่อเห็นว่าบทสนทนามีท่าทีจะยืดยาวออกไป
ตอนนี้ทาทารัสต้องการมาคุยกับเรอาตริสเรื่องงานวิวาห์ของแอสเทียร์ซึ่งใกล้เข้ามาทุกที
และน้องชายของเขาก็รู้เรื่องแล้ว
หลังจากที่จินามารายงานว่าแอสเทียร์รู้เรื่องและถึงกับตาเปลี่ยนสี
นั่นไม่ได้ช่วยให้งานวิวาห์ง่ายขึ้นเลย
แอสเทียร์เป็นเด็กพิเศษ สภาพร่างกายจึงขึ้นอยู่กับอารมณ์
“แอสเทียร์มีวุฒิภาวะเพียงพอต่อภาระหน้าที่นี้
ข้าไม่เห็นชะตาของเด็กคนนั้นไปในทิศทางที่เลวร้าย”
“เจ้าก็รู้ว่าข้าหมายความว่าอย่างไรเรอาตริส หากเป็นเรื่องภาวะหน้าที่
แอสเทียร์เป็นน้องของข้า เป็นองค์ชายแห่งเบทริกซ์และข้าเป็นผู้สอนทุกอย่างกับแอสเทียร์..เชื้อพระวงศ์ไม่มีวันผิดคำสาบานต่อหน้าที่”
น้ำเสียงแข็งกร้าวขึ้นตามอารมณ์ของผู้กล่าว
“อ๋อ ท่านกังวลเกี่ยวกับสายเลือดภูตน้ำแข็งในตัวแอสเทียร์..
ไม่ต้องกังวลไป ยังไงเด็กคนนี้ก็ไม่มีวันใช้พลังของภูติได้”
หญิงสาวสะบัดข้อมือบรรเทาความเมื่อย
ต่อให้สายเลือดภูตน้ำแข็งจะสูงส่งแค่ไหน
แต่พอมีเลือดของมนุษย์ปะปนอยู่..
เลือดสูงศักดิ์ในกายแอสเทียร์ก็ถูกตระกูลภูตเรียกว่าเด็กโสโครกอยู่แล้ว
อีกฝั่งของเมืองหลวง
“ฮัดชิ้ว” ไอเรสจามเป็นรอบที่สามของวัน มือแกร่งถูจมูกไปมาเบาๆ
อย่างแปลกใจ ปกติแล้วเขาก็ไม่ใช่คนที่ร่างกายอ่อนแอ
แต่วันนี้จามเป็นรอบที่สามของวันแล้ว
หรือเขาควรจะให้หมอประจำตระกูลตรวจร่างกายบ้างดีไหม
“ท่านไอเรสขอรับ” คนในสังกัดตระกูลพานิคหยุดเดินเมื่อเห็นผู้เป็นนายหยุดม้าแล้วจามอีกครั้ง
แต่เมื่อได้รับคำตอบเป็นรอยยิ้มน้อยๆ พร้อมกับส่ายหน้า
“ข้าไม่เป็นไร แค่รู้สึกว่ามีคนพูดถึงข้า..นิดหน่อยน่ะ”
“นายท่านเป็นที่พูดถึงตลอดเวลาอยู่แล้วขอรับ
ไม่ว่าจะในเมืองหลวงหรือเขตปกครองของตระกูลพานิค” ชายต่ำศักดิ์กว่าโค้งให้ไอเรส
ครอบครัวของเขาอยู่ได้ด้วยความช่วยเหลือของตระกูลพานิค นายท่านไอเรสมีจิตใจเมตตา
ส่วนนายน้อยอีกสองคนแม้จะมีนิสัยแปลกประหลาดไปบ้าง
แต่ก็ไม่ได้รังแกผู้ด้อยอย่างพวกเขา
คนที่อยู่ในสังกัดของตระกูลพานิคจะได้รับสิทธิ์ให้ครอบครัวหลายอย่าง
ทำให้พวกเขาสามารถมีชีวิตที่ดีขึ้นจนเขาเคารพ ภักดีต่อตระกูลพานิคด้วยใจจริง
แม้ว่าคนภายนอกจะลือถึงวิหคไร้ปีกอย่างไร
แต่ทุกคนในตระกูลพานิครู้ดี..
ไอเรสไม่ใช่คนอ่อนแอ
แค่ไม่สนใจเรื่องที่ไม่เป็นความจริงเท่านั้น
"นั่นสินะ คงเป็นเรื่องเดิมๆ ข้าอยากกลับคฤหาสน์โดยเร็วที่สุด" ใบหน้าหล่อเหลาปรากฏรอยยิ้มเหยียดก่อนจะจางหายไปจนเหลือแต่รอยยิ้มอ่อนโยนตามเดิม ไอเรสกระตุ้นม้าให้เร่งฝีเท้าไปตามทางกลับคฤหาสน์ เขาอยากจะไปแช่น้ำอุ่นๆ เพื่อผ่อนคลายกล้ามเนื้อจะแย่แล้ว หลังจากลงไป 'เก็บกวาด' ขยะของเบทริกซ์มา
แม้ว่าปกตินั่นจะเป็นหน้าที่ของฟารอสก็เถอะ แต่ในเมื่อเขาว่าง
เขาจะช่วยนิดหน่อยก็แล้วกัน
-----------------------
Talk
ไอเรสเราไม่ได้ใสซื่อนะคะ 55555555 ตัวละครมีมุมร้ายๆทุกตัว
ต่อให้ไม่มี เราก็จะใส่ให้มี.. #โดนตบ
เราจะรู้แล้วว่าแอสเทียร์กับเนคต้าร์ทำพันธะสัญญากัน
ตรงจุดนี้ก็สำคัญกับตัวทั้งสองด้วย เลยกลายเป็นทั้งนายทาสกับเพื่อนไปด้วยเลย
แอสเทียร์เป็นน้องต่างแม่ของทาทารัสค่ะ แต่พิเศษคือแม่เขาไม่ใช่มนุษย์555555
ก็ไม่อะไรอยู่ดีเพราะใช้พลังภูตไม่ได้ แต่ตาของเขาจะเปลี่ยนสีได้ค่ะ
แล้วอารมณ์ก็จะส่งผลต่อร่างกายด้วย
ทุกคอมเม้นต์คือกำลังใจของเรา ขอให้สนุกกับนิยายนะคะ
ความคิดเห็น