ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Tales of Bird พันธสัญญาวิหคสวรรค์ [Yaoi]

    ลำดับตอนที่ #12 : Tale 9 คำทำนายของชิลลี่

    • อัปเดตล่าสุด 20 ต.ค. 59



    Chapter 9 คำทำนายของชิลลี่



    นัยน์ตาสีฟ้าจางเหลือบมองซ้ายขวา เมื่อเห็นทางสะดวกแล้วจึงเร่งฝีเท้าไปยังจุดหมายที่ต้องการ มือบางผลักประตูที่ทำจากไม้ชั้นดีอย่างเงียบที่สุด แต่บุคคลที่ยืนอยู่ตรงบันไดพร้อมกับร่างโปร่งบางของคุณชายตระกูลรองทำให้เนคต้าร์ต้องหันไปก้มหัวให้


     “เนคต้าร์ เจ้าไปไหนมาหรือ” น้ำเสียงอ่อนโยนจากนายหญิงตระกูลพานิคเอ่ยทักบุตรชายบุญธรรม ในขณะที่หวางอี้ยังคงมีสีหน้าเรียบเฉย ไม่สนใจว่าเขาจะอยู่ที่ใด


    ไมร่าค่อยๆเดินลงบันไดโดยมีหวางอี้คอยประคอง ช่วงหลังร่างกายนายหญิงของคฤหาสน์อ่อนแอไปตามกาลเวลา ทำให้บ่อยครั้งต้องรบกวนหวางอี้หรือสาวใช้ในการไปไหนมาไหนในคฤหาสน์ หรือถ้าหากไอเรสอยู่ ลูกชายของเธอก็จะอยู่กับเธอเกือบตลอดทั้งวัน แต่จะไม่ให้ไมร่าขยับตัวไปไหนมากนัก


    “นายหญิง..พึ่งกลับจากวังหลวงครับ” รอยยิ้มทื่อๆ ปรากฏบนใบหน้าของเด็กหนุ่ม จนถึงตอนนี้เด็กชายผู้ถูกรับเลี้ยงยังคงไม่กล้าที่จะเรียกไมร่าว่าท่านแม่เสียที แม้ว่าไมร่าจะบอกให้เนคต้าร์เรียกเธอว่าแม่หลายครั้งแล้วก็ตามที


    “วังหลวง? คงเข้าไปหาองค์ชายน้อยสินะ”


    “ครับ องค์ชายแอสเทียร์โดนกักบริเวณ เลยเรียกให้ผมเข้าไปหา”


    “ท่านแม่ใหญ่ ข้าจะไปนำยามาให้ท่าน ท่านรออยู่ตรงนี้ได้หรือไม่” หวางอี้ยิ้มจางๆ ให้กับหญิงชราก่อนจะเดินไปในส่วนครัวที่ใช้ปรุงยาเพื่อนำยาบำรุงร่างกายมาให้นายหญิงแห่งตระกูลพานิค เหลือเพียงคนต่างวัยสองคนยืนอยู่ด้วยกันเท่านั้น


    “เนคต้าร์..นี่เจ้า! บาดแผลพวกนี้มาได้อย่างไร” นัยน์ตาสีทองเบิกกว้างขึ้นเมื่อได้พิจารณาบุตรชายบุญธรรมอย่างละเอียดอีกครั้ง มือบอบบางของสตรีสูงวัยลูบเบาๆ ที่แผลเป็นตรงข้อมือของเด็กหนุ่ม นอกจากนี้ที่ใบหน้าน่ารักยังมีรอยแผลสดใหม่ที่เกิดขึ้นไม่นานอีก ในขณะที่เนคต้าร์ได้แต่เงียบแล้วก้มหน้าลง


    เขาจะบอกได้อย่างไรว่าตอนอยู่ที่วังหลวง

    เขาโดนรังแกอย่างไรจากนางกำนัลบางกลุ่ม

    สายเลือดนอกคอกของเขาน่ะ ทำไมจะไม่รู้ว่ามีใครพูดอะไรไว้บ้างล่ะ


    การเป็นบุตรบุญธรรมของตระกูลพานิค มันไม่ได้ช่วยอะไรเขาเลย ในเมื่อความจริงคือเขาไม่ใช่สายเลือดบริสุทธิ์อันสูงส่ง.. แม้ว่าต่อหน้าองค์ชาย พี่ชายของเขาหรือตระกูลวิหคคนอื่น เขาจะถูกปฏิบัติอย่างดีก็ตาม แต่เรื่องพวกนี้เนคต้าร์เสียแล้ว เรื่องอะไรเขาจะต้องนำสิ่งเน่าเสียเหล่านั้นไปใส่ใจ


    “วังหลวงไม่งดงามอย่างที่คิดใช่ไหม..” ไมร่าเอื่อมมือไปลูบเรือนผมนุ่มเบาๆ เธอพอจะเดาสถานการณ์ได้บ้าง ยิ่งเนคต้าร์เป็นคนที่ไม่ค่อยแสดงออกอะไรเรื่องของตนเอง นั่นยิ่งทำให้เธอเป็นห่วงเด็กคนนี้


    “แม่ไม่รู้ว่าเนคต้าร์ต้องเจออะไร แต่ถ้าไม่ไหว ยังไงเจ้าก็เป็นลูกของแม่อีกคน เป็นน้องของไอเรสและหวางอี้..มีอะไรหากไม่อยากบอกพี่เจ้า ก็บอกแม่ได้” ความอบอุ่นจากมือบางทำให้เนคต้าร์รู้สึกอบอุ่นในหัวใจมากขึ้น นี่เป็นครั้งแรกตั้งแต่เข้ามาอยู่ในตระกูลพานิคที่เขารู้สึกว่าเขาเองก็เป็นส่วนหนึ่งของตระกูลนี้


    “ขอบคุณครับแม่ใหญ่” รอยยิ้มจริงใจที่ไม่ค่อยเผยออกมา กลับปรากฏบนใบหน้าอย่างง่ายดายเมื่อรับรู้ถึงความรู้สึกผู้เป็นมารดา


    เพล๊ง!


    “ว๊าย!! คุณชายรองคะ” เสียงของหล่นแตกพร้อมกับเสียงกรีดร้องของสาวใช้เรียกความสนใจจากบุคคลที่ยืนกลางโถงได้เป็นอย่างดี ไมร่าสะดุ้งเล็กน้อย ก่อนจะหันไปมองเนคต้าร์ที่เข้าใจในทันทีว่าสตรีสูงวัยต้องการอะไร เด็กหนุ่มประคองไมร่าไปยังห้องครัวส่วนปรุงยา และพบร่างของหวางอี้นอนหมดสติอยู่บนพื้น ข้างกายนั้นมีขวดยาที่เจ้าตัวคงจะตั้งใจนำมาให้ไมร่าแตกอยู่บนพื้น


    “หวางอี้..หวางอี้เป็นอะไร”


    “น..นายหญิง คุณชายสาม.. อยู่ดีๆคุณชายรองก็หมดสติเลยค่ะ” สาวใช้ที่เนคต้าร์ไม่เคยเห็นหน้าลนลานตอบนายอย่างหวาดกลัว เด็กหนุ่มไม่ใช่คนไหวพริบดีนัก แต่เขารู้ว่าสิ่งหนึ่งที่ทำให้หวางอี้หมดสติได้คือ..เกสรดอกไม้.. แม้รอบข้างจะไม่มีดอกไม้วางอยู่ ทุกอย่างถูกเก็บเรียบร้อย แต่มือบางหยิบกลีบดอกไม้ที่ร่วงอยู่บนพื้นแล้วเงยหน้ามองสาวใช้คนใหม่


    เขาจะเชื่อในสิ่งที่เขาเห็น และสิ่งที่เขาเห็นในตอนนี้มันก็เพียงพอที่จะทำให้เชื่อความคิดตนเองแล้ว


    “เธอ พึ่งมาใหม่ใช่ไหม”


    “ค่ะ..ฉันพึ่งทำงานที่คฤหาสน์นี้ได้ 3 วัน”


    “คราวหลังอย่าเอาดอกไม้เข้ามาในบริเวณคฤหาสน์อีก คุณชายรองของที่นี่แพ้เกสรดอกไม้ทุกชนิด” เนคต้าร์ยืดตัวขึ้น นิ้วเรียวคีบดอกไม้ช่อใหญ่จากตระกร้าที่มีผ้าปิดเอาไว้ ทำให้หญิงรับใช้เบิกตากว้างด้วยความตกใจ เธอไม่คิดว่าคุณชายรองจะเข้ามาตอนที่เธอมีดอกไม้อยู่กับตัว และถึงแม้ว่าจะมีอยู่กับตัว แต่ก็ไม่คิดว่าจะแพ้รุนแรงขนาดหมดสติไปแบบนี้


    “พาคุณชายรองกับนายหญิงขึ้นไปพัก ฉันจะต้องบอกพี่เกี่ยวกับเรื่องนี้” เนคต้าร์ส่งไมร่าให้กับสาวใช้อีกคนที่รีบวิ่งมาดูเหตุการณ์ ส่วนหวางอี้เขาให้พ่อบ้านคนสนิทของเจ้าตัวเป็นคนพาไปพัก เด็กหนุ่มหันหลังกลับหลังจากประมวลผลได้แล้วว่าต้องทำอะไร ถึงตอนนี้พี่ชายเขาจะยังอยู่ข้างนอกก็เถอะ แต่ในเมื่อพรุ่งนี้เขาไม่ต้องเข้าวัง เขาก็มีเวลาให้รอพี่ไอเรสอีกนาน ถึงแม้ว่า..


    “เจ้ากลับมาช้านะเนคต้าร์ เกิดเรื่องอะไรขึ้นสินะ” เนี่ยแหละ..สิ่งที่เป็นสาเหตุที่เขาจะโดนทางราชสำนักประกาศจับเอา นัยน์ตาสีฟ้าจางสบกับนัยน์ตาสีม่วงอ่อนของคนที่เป็นเพื่อนสนิทได้อย่างไรก็ไม่รู้ แต่ในเมื่อเขาขัดคำสั่งไม่ได้.. จะโดนลงโทษมันก็เป็นเรื่องปกติ เพราะต่อให้อยากขัดคำสั่งยังไง


    คนที่ทำพันธะสัญญาวิหคกับเขา นอกจากกษัตริย์ทาทารัสแล้ว..

    องค์ชายแอสเทียร์เองก็ขอให้ท่านชิลลี่ทำพันธะสัญญากับเขาโดยตรง

    เพราะฉะนั้นแล้ว เขาจึงขัดคำสั่งแอสเทียร์ไม่ได้


    คำสั่งในครั้งนี้ก็คือ..ให้พาแอสเทียร์มานอนที่คฤหาสน์ตระกูลพานิคหนึ่งคืน

    แต่เนคต้าร์รู้ดี มันจะจบแค่คืนเดียวซะที่ไหนกัน


    “อืม พี่หวางอี้หมดสติเพราะเกสรดอกไม้น่ะ”


    “บุตรชายคนรองตระกูลพานิค คนที่ปากกล้ากับท่านพี่ทาทารัสน่ะหรือ” กิติศักดิ์ของหวางอี้ถูกลือไปไกล บ้างก็ว่าหวางอี้หาญกล้าขนาดใช้พลังโดยไม่เกรงกลัวองค์กษัตริย์ บ้างก็ว่าหวางอี้ใช้คำพูดจาอย่างชาญฉลาดจนทำให้ทาทารัสยอมแพ้ แต่พอแอสเทียร์ไปถามความจริงก็โดนทำหน้าตาดุๆ ใส่กลับมา พร้อมกับคำพูด “ไม่ใช่เรื่องที่เด็กอย่างเจ้าต้องรับรู้” เสียอย่างนั้น ส่วนชิลลี่ที่อยู่ในเหตุการณ์ก็บอกแค่ว่าสนุกสนานที่เห็นทาทารัสอารมณ์เสียได้ขนาดนั้น  


    “ว่าแต่องค์ชายจะทำยังไงต่อกับเรื่องวิวาห์ล่ะ คงไม่คิดจะหนีตลอดไปใช่ไหม” เนคต้าร์หยิบเสื้อให้แอสเทียร์ใช้เปลี่ยน ก่อนจะเปลี่ยนเสื้อของตนเองบ้าง เขาไม่คิดว่าแอสเทียร์จะหนีไปได้ตลอด กษัตริย์ก็คงไม่ปล่อยเรื่องนี้ไปโดยไม่ทำอะไร หากแอสเทียร์คิดจะหนีจริง


    “ข้ารู้ ยังไงข้าก็ต้องเข้าพิธีนั่น แค่ขออิสระก่อนเท่านั้น” คนสูงศักดิ์กว่าคว้าหมอนใบใหญ่มากอดแน่น เขารู้ว่าต่อให้หนีไป ยังไงท่านพี่ทาทารัสก็ต้องลากคอเขากลับมาอยู่ดี เพราะงั้นทางที่ดีที่สุดคือไม่หนีและยอมรับชะตากรรมของตนเองซะ ก็หวังว่ากษัตริย์ไซรัสจะไม่เลวร้ายล่ะนะ


    “นี่เนคต้าร์..”


    “มีอะไรเหรอ”


    “เจ้าไม่คิดจะตามหาต้นตระกูลที่แท้จริงของเจ้าหรอ นกยูงน่ะ..ไม่ใช่คนของเบทริกซ์ เจ้าก็รู้ดี” คำพูดจากเพื่อนทำให้เนคต้าร์ชะงักไปเล็กน้อย


    “ตามหาเพื่ออะไร ล้างแค้นหรอ..ฉันไม่คิดว่าจะทำมันได้ในตอนนี้หรอก” ถ้าเป็นไปได้ เนคต้าร์ก็อยากจะฝังเรื่องนั้นให้ตายลงไปในส่วนลึกของจิตใจ ทุกวันนี้เขามีชีวิตอยู่ในฐานะของคนตระกูลพานิค ซึ่งมันเพียงพอสำหรับชีวิตด้อยค่าของเขาแล้ว


    หรือต่อให้อยากแก้แค้น..ตัวเขาในตอนนี้ก็ยังไม่สามารถทำได้อยู่ดี


    “ข้าแค่แนะนำในฐานะสหายของเจ้า หรือหากเจ้าต้องการความช่วยเหลือ ข้าก็ยินดี” คำเสนอแนะของแอสเทียร์ที่ไม่ได้มีมาบ่อยนักทำให้เนคต้าร์หัวเราะเบาๆ แล้วส่ายหน้าปฏิเสธ


    “ไม่เป็นไร ฉันบอกแล้วว่าตอนนี้ฉันยังไม่คิดเรื่องแก้แค้นอะไรทั้งนั้น แค่ในตระกูลพานิคก็มีเรื่องที่ต้องคิดมากแล้ว”


    “เอาเถอะ จะคิดยังไงก็เรื่องของเจ้าแล้วกัน ข้าจะพักผ่อนแล้ว” ว่าจบก็ล้มตัวนอนบนเตียงนุ่มทันที ทิ้งให้เจ้าของห้องยืนงงอยู่ตรงนั้นกับท่าทีไปไวของแอสเทียร์


    แต่จะว่าไป..นี่มันเตียงของเขาไม่ใช่หรอ

    ทำไมกลายเป็นเขาที่ต้องนอนฟูกล่ะ..


    .


    .


    “ท่านเรอาตริส ปล่อยองค์ชายไปแบบนี้จะดีหรือครับ” จินาเอ่ยถามหญิงสาวที่เป็นคนบอกให้เขาปล่อยแอสเทียร์ไปกับคนตระกูลพานิค เมื่อครู่ที่เขาถูกเรียกไปรายงานความประพฤติขององค์ชายให้องค์กษัตริย์ หัวใจของเขาแทบจะหลุดออกมาข้างนอกยามสบสายตากับนัยน์ตาสีฟ้านั่น ดีแค่ไหนแล้วที่เขายังทำตัวเป็นปกติได้ด้วยรอยยิ้มจนทาทารัสไม่สงสัย


    ส่วนทหารยามคนอื่นเขาก็จัดการปิดปากให้เงียบหมดแล้ว


    “เด็กคนนั้นยังใช้งานได้อีกเยอะจินา เจ้าก็รู้ว่าข้าไม่ทำอะไรโดยไม่หวังผลตอบแทน ไม่ว่ากับแอสเทียร์หรือเด็กตระกูลนกยูงนั่น..” เรอาตริสหยิบคุ๊กกี้เข้าปากอย่างสบายๆ เธอรู้ว่าต่อให้ปล่อยแอสเทียร์ออกไป ยังไงองค์ชายน้อยก็ต้องกลับมาอยู่ดี สายเลือดมิอาจทรยศต่อหน้าที่ได้ และเธอหมายความตามนั้น


    ไม่ว่าจะสายเลือดกษัตริย์ของแอสเทียร์

    หรือหน้าที่ของวิหค


    “อินทรีย์จะถึงคราที่แยกจาก หงส์ขาวจะต้องเลือก เหยี่ยวแดงถึงเวลาลงมือ เค้าแมวจะเผยตัวตน” ริมฝีปากแดงเอ่ยคำทำนายเกี่ยวกับวิหคทั้งสี่ โดยมีองครักษ์ใหญ่อย่างจินาคอยยืนฟัง แต่ไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่ เวลาที่เรอาตริสเอ่ยคำทำนาย มันจะต้องมีสิ่งที่เขาไม่เข้าใจทุกครั้ง


    “หมายความว่ายังไงกันท่านเรอาตริส”


    “ข้าหมายความตามที่ทำนายนั่นล่ะจิ้งจอกของทาทารัส”


    นั่นล่ะที่เขาไม่เข้าใจ จินาไม่ใช่คนโง่ แต่คนอื่นต่างหาก..ที่พูดจาไม่รู้เรื่อง


    “จินา มีคนตามหาอยู่” เสียงเรียบจากแม่ทัพใหญ่อย่างออคต้าร์ที่โดนไหว้วานให้มาตามองครักษ์หนุ่มดังขึ้นจากข้างหลัง  จินาพยักหน้าน้อยๆ ก่อนจะขอตัวไปพบคนที่ตามหาอยู่ เมื่อหมดธุระแล้วออคต้าร์จึงตั้งใจจะกลับไปนั่งอ่านหนังสือยามว่าง


    “ฟารอส ระวังปีกของเจ้าให้ดี” ร่างสูงหยุดฝีเท้าทันทีที่ได้ยินคำพูดจากเรอาตริส ถึงจะไม่เข้าใจ แต่คิดว่ามันก็คงไม่ใช่เรื่องดีอย่างแน่นอน แต่..สำหรับคนอย่างออคต้าร์แล้ว สิ่งที่เขาควรจะระวัง มีแค่อย่างเดียว


    สงคราม..ทำยังไงให้เกิดการสูญเสียน้อยที่สุด


    “ขอบคุณครับ แต่ปีกของฟารอสตอนนี้ยังไม่จำเป็น สติ สมาธิและความเด็ดขาด นั่นคือปีกของพวกเรา” นัยน์ตาสีแดงมองตามชายเสื้อคลุมที่สะบัดไปตามจังหวะย่างก้าวของแม่ทัพหนุ่มแล้วส่ายหน้า นี่ถือว่าเธอเตือนแล้ว คนที่ฟังจะเชื่อแล้วระวังตามคำเตือนหรือเลือกที่จะไม่ใส่ใจกับมันก็ได้ ดูเหมือนอินทรีย์หนุ่มผู้ทรนงจะเป็นอย่างหลัง


    มันก็ไม่แปลกหรอก..ที่ออคต้าร์จะไม่ระวังเกี่ยวกับพลังวิหค

    เพราะจนถึงตอนนี้ ปีกของอินทรีย์ยังไม่เคยกางออกมาเลยแม้แต่ครั้งเดียว


    ไม่มีใครรู้ว่าคนที่ไม่มีพลังเวทย์อย่างตระกูลฟารอส แต่ถูกแทนที่ด้วยพละกำลังมากเกินมนุษย์ธรรมดา หากกางปีกใช้พลังของวิหคแล้ว..จะส่งผลอะไรขึ้นบ้าง หรืออย่างน้อย..คนที่รู้ก็มีเพียงแค่คนเดียว


    เรอาตริสส่งคุ๊กกี้ชิ้นสุดท้ายเข้าปากแล้วเช็ดปากเบาๆ ตามประวัติศาตร์แล้ว คนของตระกูลฟารอสไม่เคยใช้พลังวิหคเลยแม้แต่ครั้งเดียว เพราะเพียงแค่กำลังปกติของพวกเขาก็เพียงพอต่อการต่อกรกับข้าศึกเป็นกองทัพแล้ว เท่าที่เธอเห็นในนิมิตร สิ่งที่น่าหวาดกลัวอาจจะเกิดขึ้นในยุคสมัยของเธอก็เป็นได้


    “ปีกของฟารอส กับพานิคไร้ปีก..อา.. เด็กรุ่นนี้มีอะไรน่าสนใจเยอะจริงๆสินะ”


    “ยิ้มอะไรของเจ้าเรอาตริส” น้ำเสียงทรงอำนาจที่เรอาตริสไม่ต้องหันไปมองก็รู้ว่าอีกฝ่ายเป็นใคร มือบางรินน้ำชาในกาลงถ้วยแล้วยกขึ้นมาจิบอย่างสบายอารมณ์ ทาทารัสยืนพิงกำแพงมองผู้ทำนายสาวด้วยสายตาคมกริบ เขามาทันได้ยินถึงเรื่องวิหคพอดี


    “ข้าโดนสั่งห้ามมิให้ยิ้มด้วยหรือทาทารัส”


    “ข้าถามเจ้า ไม่ได้ให้เจ้าย้อนถามข้า”


    “อ๋อ.. มีเรื่องน่าสนใจนิดหน่อยเกี่ยวกับวิหครุ่นนี้ แต่..ท่านเองก็ระวังการกระทำของท่านให้ดีทาทารัส รู้ดีถึงจุดประสงค์การทำพันธะสัญญาไม่ใช่หรือ” จุดประสงค์ของการทำพันธะสัญญา แม้ภายนอกจะเอื้อประโยชน์กับตระกูลวิหค แต่จุดประสงค์ที่แท้จริงแล้วกลับเป็นการควบคุมตระกูลเหล่านั้นให้อยู่ใต้อำนาจราชวงศ์


    เพราะหากไม่มีพันธะสัญญาแล้ว ไม่ต้องคิดเลยว่าพลังของตระกูลทั้งสี่จะมีอำนาจมากเพียงใด

    อาจะถึงขั้นสามารถโค่นล้มราชวงศ์ได้เสียด้วยซ้ำ

    ตอนนี้สิ่งที่เธอกลัวที่สุดคือพานิค ไม่มีใครสามารถควบคุมไอเรสได้

    ไม่ต้องพูดถึงพลังเวทย์มหาศาลนั่น

    พายุที่เธอเห็นนั้นร้ายแรงกว่าวันทำพันธะสัญญามากนัก


    “ข้าถึงได้ทดสอบความภักดีของไอเรส พานิคต่อราชวงศ์หลายครั้ง สิ่งที่เจ้าคิดคือพานิคจะกลายเป็นผู้ทรยศใช่หรือไม่ หากข้าไม่ระวังการกระทำของตนเอง” ทาทารัสไม่ใช่คนโง่ กษัตริย์หนุ่มจึงได้ทดสอบไอเรสหลายครั้ง ตั้งแต่เข้ามาทำงานในวังหลวงอย่างเต็มตัว เพราะหากไอเรสไร้ซึ่งความภักดีแล้ว เขาจะต้องลงมือปลิดชีพว่าที่ผู้นำตระกูลพานิคให้เร็วที่สุด


    แต่สิ่งหนึ่งที่ทาทารัสรู้ ไอเรสรักครอบครัว รักตระกูล

    โดยเฉพาะน้องชายสองคน ซึ่งทำพันธะสัญญากับเขาไว้

    แม้ไอเรสจะเป็นวิหคไร้ปีก แต่กับอีกสองคนไม่ใช่

    พวกเขาเป็นวิหคที่สมบูรณ์แบบ วิหคที่อยู่ใต้อำนาจของเขา


     “ดวงชะตาของไอเรสไม่ได้อยู่ใต้อำนาจใคร รวมทั้งท่านด้วยทาทารัส เพราะฉะนั้นหากท่านควบคุมเขาได้อยู่ ควรจะทำให้เขาภักดีต่อท่านมากกว่านี้” สิ่งที่ผู้ทำนายอย่างเรอาตริสทำได้ก็มีแค่นี้ อนาคตคือเรื่องที่ยังมาไม่ถึง กาลเวลามีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา แต่สิ่งที่น่ากลัวกว่าการรู้อนาคตคือการพยายามเปลี่ยนแปลงมัน


    มนุษย์ถูกแบ่งออกเป็นสองจำพวก พวกแรกคือมนุษย์ปกติที่ไม่สามารถใช้เวทย์ได้ และพวกผู้ใช้เวทย์มนต์ แต่ในขณะเดียวกัน ในหมู่ผู้ใช้เวทย์ก็มีผู้มีพลังพิเศษแฝงตัวอยู่ พลังที่แทบจะพลิกแผ่นดินได้ง่ายๆ เพียงแค่ต้องการจะทำ นั่นทำให้เรอาตริสต้องระวังตัวอยู่เสมอ พลังของผู้สร้างสรรค์ไม่ได้สวยงามอย่างที่ทุกคนคิด  เช่นเดียวกับเกรย์เซีย ฟลอเรนซ์ โรซารีน ที่มีพลังสายรักษา แต่หากใช้ผิดวิธีก็สามารถทำให้เกิดอาการเจ็บป่วยที่ไม่มีวันหายได้


    ส่วนมนุษย์ธรรมดา สำหรับตระกูลฟารอสแล้วเป็นผู้ที่มีกำลังกายเหนือมนุษย์ปกติ หากพบว่าทายาทคนใดมีเวทย์มนต์..จุดจบของเด็กคนนั้นคือสิ้นชีวิตอย่างเดียว พลังของพวกเขาน่าหวาดกลัวจนเกินไป หากปล่อยให้รอดชีวิต


    สำหรับทาทารัส กษัตริย์หนุ่มเกิดมาอย่างมนุษย์ปกติ ไม่มีพลังเวทย์ ไม่มีพละกำลังเหนือกว่าใคร แต่ด้วยการฝึกฝนและความชาญฉลาดของทาทารัส สิ่งนี้คืออาวุธชั้นเลิศของกษัตริย์แห่งเบทริกซ์


    “ช่างมันเถอะ ข้ามาหาเจ้าด้วยเรื่องแอสเทียร์” ทาทารัสเข้าเรื่องเมื่อเห็นว่าบทสนทนามีท่าทีจะยืดยาวออกไป ตอนนี้ทาทารัสต้องการมาคุยกับเรอาตริสเรื่องงานวิวาห์ของแอสเทียร์ซึ่งใกล้เข้ามาทุกที และน้องชายของเขาก็รู้เรื่องแล้ว หลังจากที่จินามารายงานว่าแอสเทียร์รู้เรื่องและถึงกับตาเปลี่ยนสี


    นั่นไม่ได้ช่วยให้งานวิวาห์ง่ายขึ้นเลย

    แอสเทียร์เป็นเด็กพิเศษ สภาพร่างกายจึงขึ้นอยู่กับอารมณ์


    “แอสเทียร์มีวุฒิภาวะเพียงพอต่อภาระหน้าที่นี้ ข้าไม่เห็นชะตาของเด็กคนนั้นไปในทิศทางที่เลวร้าย”


    “เจ้าก็รู้ว่าข้าหมายความว่าอย่างไรเรอาตริส หากเป็นเรื่องภาวะหน้าที่ แอสเทียร์เป็นน้องของข้า เป็นองค์ชายแห่งเบทริกซ์และข้าเป็นผู้สอนทุกอย่างกับแอสเทียร์..เชื้อพระวงศ์ไม่มีวันผิดคำสาบานต่อหน้าที่” น้ำเสียงแข็งกร้าวขึ้นตามอารมณ์ของผู้กล่าว


    “อ๋อ ท่านกังวลเกี่ยวกับสายเลือดภูตน้ำแข็งในตัวแอสเทียร์.. ไม่ต้องกังวลไป ยังไงเด็กคนนี้ก็ไม่มีวันใช้พลังของภูติได้” หญิงสาวสะบัดข้อมือบรรเทาความเมื่อย


    ต่อให้สายเลือดภูตน้ำแข็งจะสูงส่งแค่ไหน

    แต่พอมีเลือดของมนุษย์ปะปนอยู่..

    เลือดสูงศักดิ์ในกายแอสเทียร์ก็ถูกตระกูลภูตเรียกว่าเด็กโสโครกอยู่แล้ว



    อีกฝั่งของเมืองหลวง


    “ฮัดชิ้ว” ไอเรสจามเป็นรอบที่สามของวัน มือแกร่งถูจมูกไปมาเบาๆ อย่างแปลกใจ ปกติแล้วเขาก็ไม่ใช่คนที่ร่างกายอ่อนแอ แต่วันนี้จามเป็นรอบที่สามของวันแล้ว หรือเขาควรจะให้หมอประจำตระกูลตรวจร่างกายบ้างดีไหม


    “ท่านไอเรสขอรับ” คนในสังกัดตระกูลพานิคหยุดเดินเมื่อเห็นผู้เป็นนายหยุดม้าแล้วจามอีกครั้ง แต่เมื่อได้รับคำตอบเป็นรอยยิ้มน้อยๆ พร้อมกับส่ายหน้า


    “ข้าไม่เป็นไร แค่รู้สึกว่ามีคนพูดถึงข้า..นิดหน่อยน่ะ”


    “นายท่านเป็นที่พูดถึงตลอดเวลาอยู่แล้วขอรับ ไม่ว่าจะในเมืองหลวงหรือเขตปกครองของตระกูลพานิค” ชายต่ำศักดิ์กว่าโค้งให้ไอเรส ครอบครัวของเขาอยู่ได้ด้วยความช่วยเหลือของตระกูลพานิค นายท่านไอเรสมีจิตใจเมตตา ส่วนนายน้อยอีกสองคนแม้จะมีนิสัยแปลกประหลาดไปบ้าง แต่ก็ไม่ได้รังแกผู้ด้อยอย่างพวกเขา คนที่อยู่ในสังกัดของตระกูลพานิคจะได้รับสิทธิ์ให้ครอบครัวหลายอย่าง ทำให้พวกเขาสามารถมีชีวิตที่ดีขึ้นจนเขาเคารพ ภักดีต่อตระกูลพานิคด้วยใจจริง แม้ว่าคนภายนอกจะลือถึงวิหคไร้ปีกอย่างไร


    แต่ทุกคนในตระกูลพานิครู้ดี..

    ไอเรสไม่ใช่คนอ่อนแอ

    แค่ไม่สนใจเรื่องที่ไม่เป็นความจริงเท่านั้น


    "นั่นสินะ คงเป็นเรื่องเดิมๆ ข้าอยากกลับคฤหาสน์โดยเร็วที่สุด" ใบหน้าหล่อเหลาปรากฏรอยยิ้มเหยียดก่อนจะจางหายไปจนเหลือแต่รอยยิ้มอ่อนโยนตามเดิม ไอเรสกระตุ้นม้าให้เร่งฝีเท้าไปตามทางกลับคฤหาสน์ เขาอยากจะไปแช่น้ำอุ่นๆ เพื่อผ่อนคลายกล้ามเนื้อจะแย่แล้ว หลังจากลงไป 'เก็บกวาด' ขยะของเบทริกซ์มา 


    แม้ว่าปกตินั่นจะเป็นหน้าที่ของฟารอสก็เถอะ แต่ในเมื่อเขาว่าง

    เขาจะช่วยนิดหน่อยก็แล้วกัน  


    -----------------------

    Talk


    ไอเรสเราไม่ได้ใสซื่อนะคะ 55555555 ตัวละครมีมุมร้ายๆทุกตัว 

    ต่อให้ไม่มี เราก็จะใส่ให้มี.. #โดนตบ 

    เราจะรู้แล้วว่าแอสเทียร์กับเนคต้าร์ทำพันธะสัญญากัน 

    ตรงจุดนี้ก็สำคัญกับตัวทั้งสองด้วย เลยกลายเป็นทั้งนายทาสกับเพื่อนไปด้วยเลย

    แอสเทียร์เป็นน้องต่างแม่ของทาทารัสค่ะ แต่พิเศษคือแม่เขาไม่ใช่มนุษย์555555

    ก็ไม่อะไรอยู่ดีเพราะใช้พลังภูตไม่ได้ แต่ตาของเขาจะเปลี่ยนสีได้ค่ะ 

    แล้วอารมณ์ก็จะส่งผลต่อร่างกายด้วย


    ทุกคอมเม้นต์คือกำลังใจของเรา ขอให้สนุกกับนิยายนะคะ

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×