คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #10 : Tale 7 บทเพลงของนกน้อยกับวิหคไร้ปีก
บทที่ 7
“...♫นกน้อยเหิรเวหาไปตามลม บินเที่ยวชมท้องฟ้านภาลัย ♪..” นัยน์ตาสีทองสว่างมองไปยังกลุ่มเด็กที่กำลังเล่นอยู่ในเมือง บทกลอน‘นกน้อย’เป็นบทกลอนสั้นๆที่กล่าวถึงอิสระของวิหคตัวหนึ่ง เด็กเกือบทุกคนในอาณาจักรต่างก็รู้จักบทกลอนนี้ดี และมักจะนำมาร้องเป็นเพลงให้ได้ยินอยู่บ่อยครั้ง
“เพลงนั้น..” น้ำเสียงนุ่มนวลจากคนข้างกายเรียกสติของไอเรสให้กลับมา วันนี้ไอเรสมาตรวจตราผังเมืองจึงไม่ต้องเข้าวังหลวง หรือพูดอีกอย่างก็คือมาเดินเล่นโดยมีงานเป็นจุดประสงค์รองนั่นล่ะ
“นกน้อยยังไงล่ะหวางอี้ เจ้ายังจำได้สินะ” ไอเรสเอื้อมมือไปเกลี่ยผมให้น้องชายเล็กน้อย นอกจากมาตรวจผังเมืองแล้ววันนี้เขามีหน้าที่อีกอย่างคือพาหวางอี้มาซื้อยากลับไปให้ชาเรย์ อาการป่วยของผู้นำตระกูลที่แม้จะได้รับการรักษาจากหมอหลวงผู้มีพลังรักษาเพียงคนเดียวก็ยังทำได้แค่ทรงตัวอาการเอาไว้ไม่ให้แย่เท่านั้น
แต่พวกเขารู้ดี อาการของชาเรย์ไม่สามารถดีขึ้นได้อีกแล้ว
“ข้าจำได้ว่าสมัยเด็ก พวกเราร้องเพลงนี้กันบ่อย” นัยน์ตาสีม่วงหม่นหรี่ลงอย่างมีความสุข สมัยพวกเขายังเด็กและมีแค่เขากับท่านพี่ ในตอนนั้นพวกเขาสนิทกันมากกว่านี้ ไม่สิ ต้องบอกว่าความรู้สึกของเขายังบริสุทธิ์มากกว่านี้
ไอเรสและหวางอี้เกิดและเติบโตขึ้นมาท่ามกลางผู้คนมากมาย
ทั้งยินดีจากใจจริงและหวังผลประโยชน์
นอกจากครอบครัวแล้ว พวกเขาไม่สามารถเชื่อใจใครได้แม้แต่ญาติสนิทก็ตามที
สำหรับหวางอี้แล้ว ท่านพี่เป็นทุกสิ่งทุกอย่างของเขา ไอเรสเป็นผู้เข้ามากุมมือแล้วบอกว่าจะปกป้องเขายามที่มารดาเสียไป เด็กผู้ชายวัยหกขวบตอนนั้นทำให้เขามีกำลังใจที่จะยืนอยู่ท่ามกลางความมืด การแก่งแย่งชิงดีของตระกูลชั้นสูง จากชื่นชม เคารพต่อไอเรส นานวันเข้าความรู้สึกบริสุทธิ์แบบเด็กน้อยค่อยๆแปรเปลี่ยน กลายเป็นความหึงหวงโดยไม่รู้ตัวยามที่รู้สึกว่า ‘ของรัก’ กำลังถูกช่วงชิงไป
นั่นเป็นสาเหตุหนึ่งที่เขาไม่ชอบที่มีคนมาแย่งความรักของท่านพี่ไอเรสไป
เขาเป็นบุตรชายคนเล็กของตระกูลชั้นสูง
อีกทั้งสายเลือดของเขาเองก็เป็นการผสมผสาน
ระหว่างสายเลือดสีเงินและสายเลือดมารดาที่เป็นผู้ดี
หวางอี้รู้ว่าหากนับตามสายเลือดแล้ว เขามีศักดิ์ที่สูงกว่าไอเรสเนื่องจากตระกูลของมารดาเขาเป็นหญิงชั้นสูงในแผ่นดินใหญ่ ยิ่งในตอนนี้ที่พี่ชายของเขาเป็นที่รู้จักกันในนาม วิหคไร้ปีก แล้ว..จะมีคนที่ยุแหย่ให้เขาก้าวข้ามไอเรสแล้วกลายเป็นผู้นำตระกูลแทนหลังจากชาเรย์สิ้นลม
แต่คนพวกนั้นไม่รู้จักท่านพี่อย่างที่เขารู้จัก
ไอเรสเป็นคนอ่อนโยน ไม่จำเป็นต้องใช้ความรุนแรงในการตัดสินปัญหา
ฉลาดและแข็งแกร่ง แม้จะไม่มีปีก แต่พลังเวทย์ของไอเรสสูงจนน่ากลัว
นั่นทำให้ไอเรสไม่ค่อยใช้พลังหนักๆเท่าไหร่นัก
เพียงเพราะหวาดกลัวว่าจะเกิดอันตรายกับคนรอบข้าง
ท่านพี่ของเขามิใช่คนอ่อนแอ..
♪ ปีกกางลู่ลมชวนสุขสมฤทัย อิสระเหนือใคร ดั่งใจที่โผบิน
นกน้อยเหิรเวหาไปตามลม บินเที่ยวชมท้องฟ้านภาลัย..
ท้องฟ้าทีทองผ่องอำไพ ไปให้ไกลจากภัยอันตราย
กล้าหาญมิหวาดหวั่น ปีกกางให้มั่น แล้วบินถลา..
มุ่งหน้าสู่ท้องนภา ไปตามทางใจ ที่เสรี♬
เสียงขลุ่ยบรรเลงท่วงทำนองอันคุ้นเคยทำให้ทายาททั้งสองของพานิคถูกดึงดูดโดยเสียงขลุ่ยไพเราะนั่น เด็กๆที่เคยร้องเพลงต่างหยุดเล่นกันเองแล้วมายืนฟังเสียงเครื่องดนตรีอย่างสนใจ จนกระทั่งเสียงขลุ่ยจบลง เสียงปรบมือจึงดังขึ้น
“ท่านไอเรส!” เสียงตะโกนจากข้างหลังเรียกให้เจ้าของนามหันกลับไปมอง นายทหารองครักษ์ชั้นผู้น้อยคนหนึ่งที่เขาจำได้ว่าอยู่ในสังกัดของจินา จิ้งจอกของกษัตริย์ทำให้ไอเรสเลิกคิ้วอย่างแปลกใจ เขาไม่ค่อยมีธุระอะไรกับองครักษ์ผู้นั้นเสียเท่าไหร่
“ท่านไอเรส..องค์กษัตริย์ทรงเรียกท่านกลับวังหลวงให้เร็วที่สุดขอรับ”
“มีเรื่องอะไรกัน ข้าอยู่ในระหว่างปฏิบัติหน้าที่” พอเห็นท่าทางเร่งรีบขององครักษ์แล้วไอเรสไม่แปลกใจเลยว่าทำไมเขาถึงพูดจาไม่รู้เรื่องในทีเดียว นี่คงจะโดนสั่งให้ตามหาเขาทั่วเมืองเป็นแน่
“ท่านต้องกลับไปขอรับ..กษัตริย์ทาทารัสทรงเรียกผู้นำตระกูลวิหคและขุนนางชั้นสูงเข้าร่วมประชุม”
“ข้าเข้าใจแล้ว ข้าจะกลับไปเดี๋ยวนี้” ชายหนุ่มมีสีหน้าจริงจังมากขึ้น ถ้าหากทาทารัสเล่นเรียกรวมพลขุนนางชั้นสูงแสดงว่ามีเรื่องใหญ่ ถึงแม้ว่าบรรยากาศในการประชุมจะเต็มไปด้วยความขัดแย้ง แบ่งพรรคพวก แต่หากองค์กษัตริย์ตรัสอะไรออกมาเพียงคำเดียว นั่นคือบทสรุปของทุกอย่าง ทาทารัสไม่ใช่กษัตริย์ในนามที่ไม่มีอำนาจแบบกษัตริย์ยุคเก่าที่ถูกขุนนางบงการ
“ท่านพี่ไอเรส”
“พี่ขอโทษหวางอี้ ดูเหมือนเจ้าจะต้องเอายากลับไปให้ท่านพ่อคนเดียวเสียแล้ว” นัยน์ตาสีทองมองผู้เป็นน้องชายอย่างรู้สึกผิด ช่วงหลังเขาไม่ค่อยมีเวลาให้กับหวางอี้และเนคต้าร์เท่าที่ควร รวมถึงเรื่องในตระกูลเขายุ่งกับงานในวังหลวงเสียจนต้องให้หวางอี้เป็นคนจัดการในตระกูลแทน
“ข้าจะส่งคนเอายากลับไปปรุงให้ท่านพ่อ ส่วนข้าจะไปกับท่านพี่ด้วย” คำพูดจากหวางอี้เรียกรอยยิ้มจากคนเป็นพี่ได้อย่างดี หวางอี้ไม่ค่อยได้เข้าไปที่วังหลวงนัก น้องชายเขาไม่ชอบการแก่งแย่งชิงดี หากไม่จำเป็นก็จะไม่ย่างกรายเข้าใกล้พื้นที่เหล่านั้นนัก
“ขอบใจเจ้ามาก เจ้าเป็นเด็กดีมาตลอด หากไม่มีเจ้าพี่คงเหนื่อยกว่านี้” ถ้ามีอะไรที่ตอบแทนน้องชายได้ ไอเรสก็ยินดีที่จะทำตามคำขอนั้น เขาเคยถามหวางอี้แล้วว่าอยากได้อะไร คำตอบที่กลับมาคือขอเพียงได้ยืนเคียงข้างเขาเท่านั้น ไอเรสไม่ใช่คนโง่..แต่เขาไม่อยากจะทำลายความสัมพันธ์ระหว่างพี่น้องของพวกเขา นอกเหนือจากนั้นหากหวางอี้อยากได้อะไร เขาก็ยินดีที่จะหามาให้ ต่อให้มันมีมูลค่ามากแค่ไหนก็ตาม
สายตาหลายคู่จับจ้องไปยังร่างของชายหนุ่มทั้งสองคนที่เดินเข้ามาในห้องโถงอย่างสนใจ เสียงซุบซิบดังขึ้นจนคนที่เป็นหัวข้อสนทนาอดที่จะขมวดคิ้วน้อยๆไม่ได้ แต่เพื่อไม่ให้เสียชื่อพี่ชายและตระกูลแล้ว หวางอี้ยังคงวางตัวได้อย่างน่าประทับใจ
“น่าแปลกใจที่เห็นคุณในวังหลวงนะหวางอี้” น้ำเสียงเป็นมิตรทว่าแฝงไปด้วยความรู้สึกไม่น่าไว้วางใจจากจิ้งจอกหนุ่มจินา รอยยิ้มที่ส่งมาให้หวางอี้ชวนให้ร่างโปร่งบางนึกถึงจิ้งจอกเจ้าเล่ห์ในนิทานกล่อมนอนเสียจริงๆ ภายนอกดูไม่มีพิษภัย แต่ข่าวคราวของอีกฝ่ายก็ไม่ได้ทำให้เจ้าของเรือนผมยาวสีขาวไว้ใจเท่าไหร่
“ข้าแค่ตามท่านพี่เข้ามาเท่านั้นท่านจินา หรือข้าไม่มีสิทธิ์ที่จะเข้าร่วมประชุมงั้นหรือ” แต่เมื่ออีกฝ่ายส่งรอยยิ้มมา ก็คงจะเป็นการเสียมารยาทหากไม่ตอบรับไมตรีนั้น หวางอี้ยังคงรักษาท่าทีได้อย่างน่าประทับใจจนไอเรสถึงกับชื่นชมในใจ
“หากพานิคยังไม่มีสิทธิ์เข้าร่วม..ใครจะได้รับสิทธิ์นั้นครับ ผมแค่แปลกใจที่เห็นคุณในวังหลวงแค่นั้น” ไอเรสกวาดสายตามองไปรอบห้องโถง มันก็จริงอย่างที่จินาว่า หวางอี้ดูจะเป็นจุดสนใจของบรรดาขุนนางเนื่องจากไม่ใช่บุคคลที่ปรากฏตัวให้เห็นบ่อยๆ
“คุณน่าจะไปประจำที่ได้แล้วจินา ฝ่าบาทคงไม่พอพระทัยนักถ้าทุกคนยังไม่เป็นระเบียบ” น้ำเสียงนุ่มนวลจากร่างของหมอหลวงหนุ่มที่เดินเข้ามาพร้อมกับแม่ทัพใหญ่อย่างออคต้าร์ ส่งผลให้จินาได้แต่โค้งให้กับเกรย์เซียเล็กน้อยก่อนจะเดินกลับไปประจำข้างบัลลังก์ของกษัตริย์
เกรย์เซียเป็นบุคคลที่เกือบทุกคนเกรงใจ แม้แต่กับตัวจินาเองก็ตาม
“จินาดูเหมือนจะไม่น่าไว้ใจ แต่เขาก็ทำหน้าที่ได้ดี” สายตาของเกรย์เซียมองไปยังองครักษ์ที่ยืนประจำที่แล้ว ในวังหลวงเต็มไปด้วยข่าวคราวมากมาย มีทั้งเรื่องจริงและเรื่องเท็จ ยิ่งสำหรับคนที่ทำงานเสี่ยงอันตรายและลึกลับแล้ว นั่นย่อมเป็นตัวจุดฉนวนของข่าวลือให้แพร่กระจายมากขึ้น
“พวกคุณอาจจะไม่ชอบเขา เพราะข่าวลือของคุณจินา..” ข่าวลือที่ว่าจิ้งจอกหนุ่มทำได้ทุกอย่างเพียงเพื่อดันตนเองสู่อำนาจ แม้กระทั่งฆ่ามารดาเลี้ยงเพื่อขึ้นเป็นผู้นำตระกูล..
“แต่อย่าลืมว่าแม้แต่ตระกูลวิหคเองก็ไม่สามารถหลุดพ้นจากข่าวลือได้เช่นกันนะครับ” ไม่มีใครพูดอะไรต่อ ทุกคนยอมรับคำพูดของเกรย์เซียโดยดี
ตระกูลสี่วิหคไม่ใช่ตระกูลขาวสะอาด
ไม่มีมนุษย์คนไหนที่มีแต่ด้านสว่าง
สิ่งที่พานิคปกปิดไว้..
สิ่งที่ฟารอสต้องก้าวข้าม
สิ่งที่โรซาลีนต้องแลกมา
และสิ่งที่คาเลนต้องลงมือ
ความลับของตระกูลวิหคที่ไม่มีใครรับรู้ ทุกคนล้วนเห็นแต่ภายนอกที่งดงาม และสนใจเพียงแค่ผลของมันเท่านั้น เกรย์เซียเข้าใจในจุดนี้ตั้งแต่ก้าวขึ้นมาทำหน้าที่ผู้นำตระกูล เขาเห็น ได้ยิน สัมผัสสิ่งเหล่านั้นมาแล้ว แต่ความเงียบก็ถูกทำลายเมื่อผู้มาใหม่ทำลายความตึงเครียดนั้นโดยไม่ตั้งใจ
“พานิคคนรอง?” ร่างสูงของผู้นำตระกูลคาเลนปรากฏตัวขึ้นข้างหวางอี้โดยที่ไม่มีคนรับรู้ เบเรียสมองใบหน้างามอย่างพิจารณาก่อนจะหัวเราะเบาๆเมื่อโดนสายตาปรามจากเกรย์เซียที่เคยชินกับนิสัยมาสายเป็นประจำของคนอายุเท่ากัน
“คุณมาสายตามเคยเบเรียส คราวหน้ากรุณามาให้เร็วกว่านี้ด้วยครับ”
“เกิดปัญหาขึ้นกับนกน้อยของผมนิดหน่อย แต่ก็ได้สิ่งที่นายต้องการมาเกรย์เซีย” ถุงผ้าเล็กๆถูกโยนมาให้เกรย์เซีย นัยน์ตาสีน้ำทะเลฉายแววตื่นเต้นชั่วครู่ก่อนจะกลับมาเป็นแววตาของหมอหลวงผู้อ่อนโยนตามเดิม
“ขอบคุณครับคุณเบเรียส แต่ไม่ได้หมายความว่าคุณจะมาสายได้เวลาฝ่าบาทเรียกประชุม” เบเรียสคิดว่าบางทีใบหน้าอ่อนเยาว์ของหมอหนุ่มพร้อมรอยยิ้มนั่นก็น่ากลัวเกินกว่าที่จะรับมือได้ รอยยิ้มซื่อๆที่ใครต่างหลงเชื่อ แต่ไม่ใช่กับเบเรียส! เขาไม่มีทางหลงกลของเกรย์เซียอย่างแน่นอน
สิ่งที่ผู้นำตระกูลโรซาลีนวานให้หาไม่ใช่สิ่งหายากอะไรถ้าเทียบกับงานอื่น
แต่เขาก็ไม่รู้ว่าเกรย์เซียจะใช้มันทำอะไร
“อย่าลืมต้อนรับผมด้วยไวน์อย่างดีตอนไปเยี่ยมนายที่คฤหาสน์ล่ะ..”
“ฝ่าบาทกำลังเสด็จมา” น้ำเสียงนุ่มเรียบจากบุคคลที่ไม่เอ่ยปากตั้งแต่เบเรียสเข้ามาดังขึ้น ออคต้าร์ได้ยินเสียงฝีเท้าหนักๆจากข้างนอกที่กำลังใกล้เข้ามาจึงเตือนคนอื่นให้รู้ตัวไว้แล้วจัดระเบียบตนเองให้เรียบร้อย
ประตูห้องโถงเปิดออกพร้อมร่างสูงใหญ่ของกษัตริย์หนุ่ม ทุกคนต่างก้มหัวให้กับทาทารัสยามที่ร่างกำยำเดินผ่านไป ตามด้วยร่างเล็กของหญิงสาวผู้มีอายุถึงสองร้อยปี เป็นที่น่าแปลกใจของทุกคนในห้องโถง บุคคลที่ไม่น่าปรากฏอยู่ที่นี่กลับปรากฏตัวถึงสองคนในตอนนี้ แทนที่จะเป็นองค์ชายน้อยแอสเทียร์เหมือนทุกที
“ข้าคงไม่ต้องทวนนามผู้ที่ไม่อยู่ที่แห่งนี้อีก” สายตาทรงอำนาจปรายตามองบรรดาขุนนางทั้งหมดที่มารวมตัวกัน
งานวิวาห์ขององค์ชายแอสเทียร์ที่ไม่มีใครล่วงรู้มาก่อนทำให้เกิดเสียงพูดคุยเซ็งแซ่ขึ้น แต่เพียงแค่สายตาจากคนที่นั่งบนบัลลังก์ปรายตามองอีกครั้ง เสียงทั้งหมดกลับหายเงียบไปในทันที
“พระคู่หมั้นขององค์ชายแอสเทียร์คือกษัตริย์จากอบิโทร เพื่อผลประโยชน์ด้านการทูต องค์กษัตริย์ทรงเห็นว่าหากมีการเชื่อมสัมพันธไมตรีด้วยการวิวาห์จะเป็นการขยายอำนาจของเบทริกซ์ให้กว้างขวางยิ่งขึ้น” เรอาตริสเอ่ยด้วยน้ำเสียงเป็นทางการถึงสิ่งที่ทาทารัสคิด
ยิ่งเป็นเชื้อพระวงศ์ ก็ยิ่งต้องรู้จักหน้าที่ของตนเอง
เพื่อบ้านเมืองแล้ว ต้องยอมเสียสละ
นั่นคือหน้าที่ของเชื้อพระวงศ์
“แม่ทัพออคต้าร์ เจ้าเตรียมกำลังพลรักษาความปลอดภัยให้รัดกุม”
“รับพระบัญชา” ออคต้าร์คุกเข่าลงเป็นการตอบรับคำสั่งของนายเหนือหัว ถึงจะแปลกใจอยู่บ้างเรื่องงานวิวาห์ขององค์ชายแอสเทียร์กับกษัตริย์ต่างอาณาจักร แต่สิ่งที่เขาต้องทำคือทำตามคำสั่งของทาทารัส พวกเขาไม่มีสิทธิ์ไปขัดพระบัญชาด้วยทั้งความภักดีของจิตใจ และด้วยอำนาจของพันธสัญญา
“เกรย์เซีย ตรวจร่างกายของแอสเทียร์ไม่ให้มีบาดแผลใดบนร่างกายเด็ดขาด” บาดแผลบนร่างกายของแอสเทียร์ อาจจะทำให้สัญญาวิวาห์นี้เป็นโฆคะได้ เนื่องจากทางฝั่งนั้นต้องการคนที่เพรียบพร้อม ทาทารัสก็ไม่เห็นว่าใครจะมีความพร้อมเท่ากับน้องชายของเขาอีกแล้ว
“เบเรียสเตรียมสถานที่ให้พร้อมสำหรับการต้อนรับแขกของเบทริกซ์” เบเรียสยิ้มน้อยๆกับคำสั่งของทาทารัสแล้วก้มลงทำความเคารพอย่างนอบน้อม ไม่บ่อยที่จะเห็นเหยี่ยวแดงแสดงท่าทีนอบน้อมแบบนี้ แม้อีกฝ่ายจะเป็นถึงกษัตริย์ก็ตามที
“จินา เจ้าอารักขาแอสเทียร์ก่อนวันแต่งงานจนกระทั่งจบพิธี” ทาทารัสรู้นิสัยน้องชายดี แอสเทียร์เป็นเด็กที่ดื้อและคงจะพยายามทุกวิถีทางในการหนีงานวิวาห์ จึงไม่ให้ใครปริปากเรื่องงานวิวาห์อีกเด็ดขาด ทั้งต่อหน้าและลับหลังแอสเทียร์
“ส่วนผู้อื่นให้ช่วยตระกูลวิหคอย่างเต็มความสามารถ ข้าจะประกาศหน้าที่ในภายหลัง” เรอาตริสกล่าวแทนทาทารัส เพราะเธอเป็นคนเสนอให้ใช้แอสเทียร์ในการเชื่อมสัมพันธ์ระหว่างอาณาจักรเอง สิ่งที่เธอมองเห็นจากการกระทำในครั้งนี้ จะทำให้เบทริกซ์ขยายอำนาจได้โดยไม่ต้องนองเลือด แม้ว่าทาทารัสอยากจะเข้าสู่สนามรบมากกว่าก็ตาม แต่การขยายอาณาจักร..การแกว่งดาบนั้นไม่ได้ผลเสมอไป
การเชื่อมสัมพันธ์ก็ดูจะเป็นการขยายอำนาจที่ดี
ขุนนางทุกคนต่างยอมรับในการปฏิบัติหน้าที่ของตระกูลวิหค แต่สิ่งที่พวกเขาสงสัย.. พานิค หน้าที่ของตระกูลพานิคคืออะไร? ในเมื่อองค์กษัตริย์ไม่แม้แต่จะตรัสถึงตระกูลพานิค
เรอาตริสเห็นสายตาเคลือบแคลงใจของขุนนางผู้อื่นแล้วอดที่จะรู้สึกสนุกไม่ได้ เป็นที่รู้กันดีว่าชาเรย์ที่เป็นที่ปรึกษาส่วนพระองค์ไม่สามารถกลับมาปฏิบัติหน้าที่ได้อีก ส่วนไอเรส..วิหคไร้ปีก ในเมื่อไม่มีพันธสัญญาก็ไม่จำเป็นต้องฟังคำสั่งของทาทารัส อีกทั้งตัวแอสเทียร์เองก็มีความสนใจในตัวว่าที่ผู้นำตระกูลพานิคคนนี้ไม่น้อย หากให้ไอเรสรับหน้าที่อะไร แอสเทียร์คงจะดื้อจนไม่ก้าวเข้าสู่ลานจัดพิธีก็เป็นได้ เธอจึงให้ทาทารัสตัดตระกูลพานิคออกจากงานนี้ซะ
‘ตระกูลพานิคจะโดนลดตำแหน่งเป็นแน่’
‘นี่เป็นโอกาสของพวกเรา’
หญิงสาวกระตุกยิ้มมุมปาก อย่างที่เธอคิด..งานนี้พานิคคงโดนไปไม่น้อยทีเดียว แต่ภาพที่เธอเห็นในอนาคตนั้น..
“ขออภัยองค์กษัตริย์และผู้ทำนายแห่งเบทริกซ์..ข้าเกรงว่าพระองค์ทรงลืมหน้าที่ของตระกูลพานิคไปเสีย” ร่างโปร่งบางก้าวออกจากแถวแล้วทำความเคารพอย่างสง่างาม โดยมีสายตาจากทั่วทั้งห้องโถงจับจ้องอยู่ หวางอี้ยิ้มเล็กน้อยไม่ให้ดูโอหังจนเกินไปต่อหน้านายเหนือหัว
“ตระกูลพานิคเองมีความพร้อมไม่ด้อยไปกว่าตระกูลอื่น..” น้ำเสียงนุ่มนวลชวนเคลิบเคลิ้มของทายาทคนรองทำให้หลายคนอดที่จะชื่นชมในการวางตัวของชายหนุ่มผู้งดงามไม่ได้
“วิหคไร้ปีก ไม่คู่ควรกับการทำหน้าในครานี้” อาจจะยกเว้นกษัตริย์หนุ่มไว้ผู้หนึ่ง.. นัยน์ตาสีฟ้าจับจ้องผู้ที่กล้าท้วงติงเขาด้วยสายตาที่แม้แต่เกรย์เซียที่รับใช้ทาทารัสมานานยังมองไม่ออก
เหมือนมีคนตัดเส้นความอดทนบางๆของหวางอี้จนขาด เขายอมให้คนอื่นดูถูกท่านพี่แบบนี้ไม่ได้ แม้ว่าจะเป็นกษัตริย์..ถ้าหากกษัตริย์ขาดแขนขวาอย่างหงส์ขาวไป จะเป็นอย่างไรกัน.. ใบหน้างามของบุรุษผู้กล้ายังคงมีรอยยิ้มเช่นเดิม แต่คนใกล้ชิดอย่างไอเรสรู้ดีว่าหวางอี้กำลังรู้สึกไม่พอใจ..มากเสียด้วย
“หวางอี้” ไอเรสก้าวขึ้นมายืนข้างร่างโปร่งแล้วบีบมือเรียวเบาๆเป็นการเตือนสติ หวางอี้เป็นคนที่เก็บอารมณ์ได้เป็นอย่างดี แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าจะไม่โดนลงโทษ แม้ว่าทาทารัสจะเป็นคนที่มีเหตุผลพอก็เถอะ
“หากกษัตริย์ผู้ปรีชาทรงเห็นว่าหงส์ขาวไม่เหมาะกับหน้าที่นี้..ข้ากับท่านพี่คงต้องขอตัว”
“ใครบอกให้เจ้าออกไป” ร่างสูงกำยำเดินตรงเข้ามาหาร่างโปร่งอย่างรวดเร็ว ไอเรสดันหวางอี้ไปข้างหลังทันที เขาไม่คิดว่าคราวนี้หวางอี้จะกล้าพูดต่อหน้าทาทารัสไปแบบนั้น ทั้งที่ปกติแล้วน้องชายของเขาเป็นคนที่ใจเย็นและรักษาภาพลักษณ์ของตนเองเป็นที่สุด
“ข้าขออภัยแทนหวางอี้ น้องข้าไม่ได้มีเจตนาในการขัดคำสั่งพระองค์” นัยน์ตาสีทองสบกับนัยน์ตาสีฟ้าอย่างจริงจังทว่าไม่ใช่สายตาคุกคามแบบที่คนอื่นคิด ไอเรสยังคงมีความจงรักภักดีแด่องค์กษัตริย์ของตนเองแม้ว่าจะไม่มีพันธสัญญาเป็นตัวผูกมัด
“จินา..ไปเตรียมชาที่เข้ากับคุ้กกี้ของข้ามาที ดูท่าทางจะมีเรื่องสนุกน่ะ” เรอาตริสหันไปสั่งจินาที่ยืนนิ่งอยู่ข้างบัลลังก์ให้ไปเตรียมชามาให้เธอ เธอไม่คิดว่าคนอย่างทาทารัสจะยอมให้คนอื่นลบหลู่แบบนี้หรอก และพวกพานิคก็ใช่ย่อยเช่นกัน
แต่เรื่องนี้ชิลลี่ขอไม่เข้าไปยุ่งล่ะนะ
“ออคต้าร์คุณไปเคลียร์ทุกคนให้ออกจากห้องโถงซะ” เมื่อเห็นความวุ่นวายรางๆกำลังจะเกิด เกรย์เซียไม่อยากให้ตระกูลวิหคกลายเป็นหัวข้อนินทาของขุนนางตระกูลอื่น ถึงแม้ว่าจะไม่สามารถหยุดยั้งความคิดพวกนั้นได้แต่เขาก็จะทำในสิ่งที่เขาทำได้ก่อน ไม่อย่างนั้นเพื่อความปลอดภัย เขาคงต้องกั้นคนทั้งหมดด้วยเวทย์พสุธาของเขาหากเหตุการณ์ร้ายแรงจริงๆ
ออคต้าร์พยักหน้าอย่างเข้าใจ เขารู้สึกลางสังหรณ์ไม่ดีตั้งแต่บุตรคนรองของตระกูลพานิคก้าวออกไปแล้ว ร่างของแม่ทัพใหญ่จึงรีบไปจัดการตามหน้าที่ที่ควรให้เร็วและเกิดความวุ่นวายให้น้อยที่สุด ต่อให้ไม่อยากออกเขาก็ต้องบังคับให้ออกไปก่อนจะเกิดอันตรายขึ้น
บางทีออคต้าร์ก็คิด..เมื่อไหร่ที่ความสงบจะเกิดขึ้นบ้าง
มีเรื่องให้เขาเครียดอยู่แทบทุกวันจนอยากจะโยนหน้าที่ในวังทิ้ง
แล้วหนีเข้าสนามรบไปซะอย่างที่เลคาร์ททำ
“ขวางข้างั้นหรือพานิค..” ถ้าเป็นไปได้ไอเรสก็ไม่อยากจะขวางทาทารัสเสียเท่าไหร่ แค่นี้ก็เท่ากับเขาเอาตระกูลพานิคทั้งตระกูลมาเสี่ยงแล้ว คุณความดีที่ท่านพ่อของเขา บรรพบุรุษที่ผ่านมาทำไว้ก็เสียหายไปมากแล้ว
“ข้าไม่ได้มีเจตนาเช่นนั้น”
“ถ้าอย่างนั้นถอยไป ปล่อยคนปากกล้าให้กับข้า..” มือแกร่งบีบไหล่ไอเรสอย่างแรงจนรู้สึกถึงกระดูกที่ถูกบีบจนได้ยินเสียงดังกร๊อบก่อนที่ร่างของไอเรสจะทรุดลงกับพื้นโดยมีเกรย์เซียไปพยุงไว้ทัน ในตอนนี้ไม่มีใครกล้าหยุดทาทารัส หรือ..ไม่อยากจะหยุด
ก็เรื่องแบบนี้ไม่ได้มีให้ดูทุกวันนี่นา..
หญิงสาวเพียงหนึ่งเดียวในตอนนี้นั่งจิบชาอย่างใจเย็น นัยน์ตาสีแดงสวยมองร่างสูงใหญ่ของกษัตริย์หนุ่มตรงเข้าไปหาร่างโปร่งบางที่ถ้าลงมือบีบแรงๆก็อาจจะแหลกสลายได้ แต่เธอรู้ดีว่าทายาทคนรองของตระกูลพานิค.. ไม่ได้อ่อนแออย่างรูปลักษณ์ภายนอก
อนาคตมันไม่แน่นอน แต่ตอนนี้เธอก็หวังว่ามันจะไม่เปลี่ยน
ทาทารัสไม่มีวันทำร้ายคนๆนี้ได้เด็ดขาด
“ท่านพี่ไอเรส..” ความสนใจของหวางอี้ถูกดึงไปที่คนที่กระดูกไหล่แตกแล้วกำลังได้รับการรักษาอยู่ นัยน์ตาของหวางอี้ไม่ได้มีทาทารัสอยู่ในสายตาเลยแม้แต่น้อย และนั่นทำให้กษัตริย์หนุ่มรู้สึกหงุดหงิดอย่างน่าประหลาด ตลอดเวลาในชีวิตของเขา ไม่เคยมีใครเมินเขาได้ลงแม้แต่คนเดียว
หมับ.
มือแกร่งจับไปที่คางของหวางอี้อย่างแรงแล้วดึงให้เงยหน้าขึ้นมา นัยน์ตาสีม่วงหม่นเต็มไปด้วยความแข็งกร้าวอย่างที่ไม่เคยใช้สายตานี้มองใครมาก่อน แม้แต่กับเนคต้าร์..
“ใบหน้าของเจ้าช่างงดงามนักหวางอี้..แต่น่าเสียดาย..จิตใจของเจ้าไม่ได้บริสุทธิ์ดั่งรูปลักษณ์ของเจ้าเลย”
“..!!” ดวงตาของคนตัวเล็กกว่าเบิกกว้างเมื่อได้ยินคำพูดนั้น แต่ก่อนที่จะได้โต้ตอบอะไรกลับไป
ตุ๊บ.
ร่างของกษัตริย์หนุ่มร่วงลงมากับพื้นพร้อมกับแม่ทัพใหญ่ที่พยุงนายเหนือหัวไว้ เช่นเดียวกับหวางอี้ที่สลบคาอ้อมแขนของเบเรียสที่ยืนอยู่ข้างหลังร่างโปร่งบาง
“ถ้าพระองค์รู้ว่าพวกเราทำแบบนี้ โทษประหารคงอยู่ไม่ไกล” ออคต้าร์ถอนหายใจแรงๆ เขาฟาดไปที่ท้ายทอยของทาทารัสอย่างแรงทีเดียวจนสลบ ส่วนหวางอี้ก็โดนเบเรียสจี้จุดสลบเอาไว้ ส่วนคนคิดน่ะหรอ..
จะมีใครอีกล่ะ นอกจากหมอหลวงผู้อ่อนโยน
“ผมจะทำยาลบความทรงจำสั้นๆให้ฝ่าบาท ส่วนคุณหวางอี้..โดนจี้จุดอย่างนั้นคงซักพักกว่าจะคลาย หวังว่าคุณจะสอนน้องชายให้ดีกว่านี้นะครับคุณไอเรส” มือเรียวผละออกจากไหล่ที่ตอนนี้ได้รับการรักษาแล้ว ใบหน้าหล่อเหลาติดหวานของเกรย์เซียมีรอยยิ้มบางๆให้กับคนเจ็บ อันที่จริงเขาก็ไม่คิดว่าทาทารัสจะลงมือบีบกระดูกไอเรสจนแตกขนาดนี้ ความทรงจำของทาทารัสไม่ใช่ปัญหา..แต่
“ข้าไม่บอกเขาหรอก สบายใจได้โรซาลีน” บุคคลที่เป็นผู้ชมเพียงหนึ่งเดียวเอ่ยขึ้น น้ำชาของเรอาตริสหมดลงเมื่อครู่หลังจากที่คนทั้งสองสลบไป และเธอก็ไม่คิดจะบอกเรื่องนี้กับคนที่ได้รับยาลบความทรงจำเข้าไปด้วย
“ขอบคุณครับท่านเรอาตริส ข้าขออภัยสำหรับความวุ่นวายในวันนี้ด้วย” ไอเรสโค้งให้คนที่นั่งอยู่เล็กน้อย วันนี้คงต้องพาหวางอี้กลับไปคฤหาสน์โดยเร็วที่สุด ก่อนเจ้าตัวจะตื่นขึ้นมา
“ไม่เป็นไร ข้าไม่ได้เห็นทาทารัสควบคุมตนเองไม่ได้แบบนี้นานแล้ว” ผู้อาวุโสแห่งเบทริกซ์โบกมือน้อยๆเป็นเชิงไม่ใส่ใจ เรอาตริสมองตระกูลวิหคทั้งสี่พากันเดินออกจากห้องโถงที่ตอนนี้ว่างเปล่าเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“เดี๋ยวพานิค..” เสียงเรียกทำให้ไอเรสที่อุ้มหวางอี้อยู่หยุดชะงักแล้วหันกลับไป
“วิหคไร้ปีกน่ะหมายความว่าอย่างไรรู้ไหม..” วิหคไร้ปีกของไอเรส แม้จะมีข้อเสียมากมายแต่ภายในข้อเสียนั้น มันก็มีข้อดีอยู่เช่นกัน ไอเรสได้แต่ทำหน้าไม่เข้าใจ อะไรคือความหมายของวิหคไร้ปีกกัน ในสายตาของคนอื่น
“ช่างมันเถอะ เจ้าไปได้แล้ว”
“ข้าขอตัวท่านเรอาตริส”
หญิงสาวได้แต่ส่ายหน้าเมื่อมองแผ่นหลังกว้างนั้นเดินจากไป เธอจะไปเฉลยอนาคตให้กับคนอื่นได้อย่างไร อนาคตมันต้องรู้ด้วยตนเองเมื่อถึงเวลาสิ..ถึงจะน่าสนใจ
“แต่..ตอนนี้ข้าจะแบกทาทารัสไปยังไงล่ะคราวนี้..” ผู้หญิงร่างเล็กๆจะลากผู้ชายตัวโตที่สูงกว่าตัวเองถึงสามช่วงหัวได้อย่างไร แต่ก็นะ ไม่ใช่หน้าที่เธอนี่ ปล่อยให้นอนตรงนี้ไปก่อน
เดี๋ยวก็มีจินามาคอยลากกลับไปเองนั่นล่ะ
------------------
Talk
หวางอี้เขามีเหตุผลที่เกลียดเนคต้าร์ค่ะ สำหรับหวางอี้ ไอเรสคือทุกสิ่งเลยจริงๆ
เป็นคนช่วยให้เขาอยู่จนถึงทุกวันนี้ได้
ส่วนนี้เลยกลายเป็นส่วนดำมืดของหวางอี้ไปด้วย
กษัตริย์ของเราปากร้ายอยู่นะคะ หึหึ
นิยายเรื่องนี้ไม่ดาร์ก แต่ไม่ได้หมายความว่าตัวละครจะไม่ดาร์กนะคะ!
ทุกคอมเม้นต์คือกำลังใจของเรา ขอให้สนุกกับนิยายค่ะ
ความคิดเห็น