ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Tales of Bird พันธสัญญาวิหคสวรรค์ [Yaoi]

    ลำดับตอนที่ #8 : Tale 5 : ระวังเวลาเลือกเหยื่อให้ดี

    • อัปเดตล่าสุด 1 ก.ย. 59



    บทที่5 ระวังเวลาเลือกเหยื่อให้ดี

     

    “จัดการเรื่องนั้นเรียบร้อยหรือยัง” นัยน์ตาสีฟ้าจับจ้องไปยังเป้าหมาย ก่อนที่มือแกร่งจะปล่อยลูกศรให้พุ่งออกจากคันธนูและปักลงยังร่างของหมูป่าตัวใหญ่อย่างแม่นยำ ทาทารัสลดคันศรลงเมื่อเห็นว่าร่างของหมูป่านั้นไร้ชีวิตไปแล้ว พวกเขาออกมาล่าสัตว์เพื่อสงบจิตใจและผ่อนคลายจากการเดินทาง

     

    “เขาไม่ยอมปริปากบอกสิ่งใดทั้งสิ้น แต่บนร่างกายของเขามีร่องรอยของการถูกฝึกฝนอย่างหนัก” ออคต้าร์รายงานในสิ่งที่ได้รับมา ในการสืบสวนครั้งนี้เขาไม่ได้ลงมือเอง แต่ได้มอบหมายให้คนสนิทของเขาจัดการแทน

     

    เรื่องแค่นี้ไม่ต้องถึงมือแม่ทัพ นั่นคือสิ่งที่คนสนิทของเขาบอก

     

    “ออคต้าร์”

     

    “พะยะค่ะ”

     

    ฟึบ

     

    ลูกศรในมือถูกยิงออกไปตามทิศทางที่มีสายลมพัดมา นัยน์ตาสีทองตวัดมองไปรอบข้างอย่างระวัง และถ้าเขามองไม่ผิด เขาเห็นแสงทะท้อนจากสถานที่ไกลๆ

     

    ฉับ!

     

    มือแกร่งยกดาบขึ้นฟันลูกศรที่พุ่งใส่ตัวเขาอย่างรวดเร็ว ตั้งแต่เมื่อครู่ออคต้าร์รู้ทันทีว่าพวกเขาไม่ได้อยู่กันตามลำพัง

     

    “หึ..แขกไม่ได้รับเชิญซินะ” ทาทารัสเผยรอยยิ้มพอใจ ไหล่กว้างขยับเล็กน้อยเพื่อคลายกล้ามเนื้อที่ตึงไปบ้าง ก็ดี..เขาจะได้ยืดเส้นยืดสายเสียหน่อย ไม่ได้ลงดาบกับมนุษย์มานานแล้ว ร่างสูงใหญ่บนอาชาสีดำสนิททำให้ชายหนุ่มดูน่าเกรงขามในขณะที่ออคต้าร์แม้จะมีร่างกายที่เล็กกว่าแต่กลับมีพละกำลังที่มากอย่างน่าเหลือเชื่อทดแทนในส่วนที่ไม่มีเวทย์มนต์ไปจนสิ้น

     

    แขกไม่ได้รับเชิญค่อยๆปรากฏตัวให้เห็น แต่ด้วยผ้าคลุมหน้ามิดชิดทำให้ไม่รู้ว่าเป็นฝ่ายใด แต่สิ่งที่ทาทารัสกับออคต้าร์รู้คือคนพวกนี้ไม่ได้มาต้อนรับพวกเขาด้วยน้ำชาหรืออาหารรสเลิศเป็นแน่ อันที่จริงไม่ใกล้เคียงกับคำว่าต้อนรับเสียเท่าไหร่ แต่..

     

    ฉึก

     

    อ๊าก!

     

    ฉวั๊ะ

     

    อั๊ก!

     

    ดูเหมือนว่าชายชุดดำพวกนี้จะเลือกเหยื่อและวันเวลาผิดเสียแล้ว ในเมื่อบุคคลที่พวกเขาหมายตาไว้เป็นถึงกษัตริย์ที่ได้รับสมญานามว่าปีศาจ และแม่ทัพใหญ่ของอาณาจักร ใบหน้าคมคายของกษัตริย์หนุ่มมีรอยยิ้มเหี้ยมขณะตะลุยฟันร่างของผู้ที่ผ่านเข้ามาอย่างไม่ระแคะระคาย ในขณะที่ออคต้าร์ไม่ได้มีสีหน้าที่เปลี่ยนไปจากเดิมนัก แต่ดวงตาระริกที่แฝงไปด้วยความสนุกสนานก็ไม่ได้ต่างจากมัจจุราชที่คร่าชีวิตผู้อื่นไปเลยแม้แต่น้อย

     

    เลือดสีสดกระเซ็นถูกใบหน้าและร่างกายของทั้งคู่จนถูกย้อมไปด้วยสีแดงฉาน แต่กลับไม่ได้รับบาดเจ็บแม้เพียงเล็กน้อย

     

    ชายในชุดดำแฝงตัวอยู่หลังต้นไม้และเมื่อเห็นว่าเหยื่อคนหนึ่งอยู่ในระยะโจมตีจึงพุ่งเข้าไปด้านหลังอย่างรวดเร็ว แต่อนิจา..เขาไวไม่พอ

     

    ฉวั๊ะ!

     

    เลือดสีสดพุ่งจากศีรษะของชายไร้ชีวิตโดนใบหน้าของออคต้าร์ที่ยังคงสงบอยู่ มือแกร่งปาดเลือดนั้นออกอย่างไม่ใยดีแล้วมองไปรอบๆ คนที่เขาจัดการไปเมื่อครู่คงเป็นคนสุดท้ายแล้ว และฝีมือพวกนี้ก็ไม่ใช่คนที่ถูกฝึกมาอย่างทหาร น่าจะเป็นโจรป่าธรรมดาเท่านั้น

     

    “ไม่ได้ร่วมสู้กับเจ้านานแค่ไหนแล้วออคต้าร์” ทาทารัสเอ่ยอย่างพอใจเมื่อเห็นว่าทุกอย่างถูกจัดการเรียบร้อยก่อนจะเก็บดาบเปื้อนเลือดลงในฝัก

     

    “ครั้งสุดท้ายเมื่อสามเดือนก่อนพะยะค่ะ ที่ภูเขาโอฬาร” ครั้งนั้นทั้งสภาพอากาศที่เลวร้ายและศัตรูที่มีมากกว่าทหารของเบทริกซ์ถึงสามเท่าทำให้ออคต้าร์ต้องขอกำลังเสริมจากวังหลวง ซึ่งน้อยครั้งนักที่เขาจะทำอย่างนั้น เพราะเกือบทุกสนามรบเขาสามารถควบคุมได้

     

    เขาคิดว่าทาทารัสคงจะส่งทหารมาเพิ่ม แต่สิ่งที่ได้กลับมาทำให้เขายิ่งเคารพกษัตริย์องค์นี้มากขึ้นไปอีก เพราะทาทารัสเป็นคนที่นำกำลังเสริมมาด้วยตนเอง และนั่นยิ่งทำให้ทหารมีกำลังใจมากขึ้นจนสุดท้ายพวกเขาได้ชัยชนะกลับมา

     

    ถึงเขาจะเคยบ้าระห่ำบุกไปช่วยเชลยศึกคนเดียวท่ามกลางศัตรูก็เถอะ

    แต่นั่นมันคนละสถานการณ์กัน

     

    “จะเสด็จกลับเลยไหมพะยะค่ะ” ออคต้าร์ถามเมื่อเห็นว่าทาทารัสยังไม่เคลื่อนม้าไปไหน แต่โดยส่วนตัวแล้วเขาอยากจะกลับก่อนที่อาทิตย์ตกดิน ยิ่งมืดก็จะยิ่งอันตราย และเขาไม่อยากใช้พลังวิหกบ่อยนัก ที่ออกรบแทบจะไม่มีครั้งไหนเลยที่เขาจะใช้พลังวิหก เพราะแค่พลังกำลัง การวางแผนและความสามารถของทหารของเขาก็เพียงพอต่อการคว้าชัยชนะมาแล้ว

     

    “ดูเหมือนข้าอยากจะกลับไปหรือยังล่ะ..”


    บางทีออคต้าร์ก็คิดอยู่..เขาควรจะรู้ว่าทาทารัสไม่ใช่กษัตริย์ที่รักความสบาย

    และท้องฟ้าตอนนี้ยังมีแสงสว่างอยู่

    เพราะฉะนั้นโอกาสที่เขาจะได้กลับตอนนี้คือ..

     

    “อย่าชักช้าออคต้าร์ ข้ายังมีธุระที่นี่ต่อ” ออคต้าร์ชักม้าตามทาทารัสไปทันทีที่ถูกเตือน

     

    “ธุระ?” คิ้วเรียวขมวดเล็กน้อยขณะที่เร่งฝีเท้าม้าให้ขนาบข้างทาทารัส ถ้าเป็นอย่างที่เขาคิด..

     

    “ข้ากับเจ้าเข้ามาที่นี่เพื่ออะไร”

     

    “ล่าสัตว์พะยะค่ะ แต่..”

     

    “ถ้าอย่างนั้นนั่นคือธุระของเราออคต้าร์” บางทีพระองค์ควรจะลืมไปบ้างหลังได้สนุกพอสมควรแล้ว.. นั่นคือสิ่งที่ออคต้าร์ได้แต่คิด

     

    ทั้งคู่ขี่ม้าลึกเข้าไปในป่าทิ้งร่างไร้ชีวิตของโจรป่าไว้อยู่ตรงนั้นโดยไม่หันมาเหลียวแล กลิ่นคาวเลือดที่โชยออกมาจากร่างกายไร้ลมหายใจดึงดูดความสนใจจากสัตว์ป่าทั้งหลายได้เป็นอย่างดี และนั่นทำให้เป็นเวลาไม่นานนักก่อนที่ร่างของมนุษย์ทั้งหมดจะถูกจัดการโดยเจ้าของพื้นที่แห่งนี้


    .

    .

    .


    คฤหาสน์ใจกลางเมืองหลวง

     

    ร่างเพรียวบางของชายหนุ่มรูปงามก้าวลงจากรถม้าอย่างสง่างาม นัยน์ตาสีม่วงหม่นเหลือบมองรอบข้างเพียงเล็กน้อยก่อนจะก้าวเดินไปโดยไม่สนใจอีกคนที่ตามมาเลยแม้แต่น้อย เรือนผมสีขาวพิสุทธิ์ถูกรวบขึ้นแล้วปักปิ่นทองไว้อย่างงดงามเผยให้เห็นลำคอระหงส์และเครื่องแต่งกายที่เรียบง่ายทว่าหรูหราและมีราคา

     

    “เชิญคุณชายหวางอี้และคุณชายเนคต้าร์ขอรับ” พ่อบ้านประจำคฤหาสน์โค้งตัวอย่างมีมารยาทให้กับทายาทตระกูลพานิค งานนี้เป็นงานรวมผู้ดีมีตระกูลจากทั่วทั้งอาณาจักรและหากขาดตระกูลสี่วิหกไปก็ย่อมไม่ใช่งานที่เป็นที่จับตามองนัก ทางเจ้าภาพจึงเชิญตระกูลทั้งสี่มาแต่ได้รับการตอบรับจากแค่สามตระกูลเท่านั้น เพราะตระกูลโรซาลีนมีภารกิจที่ไม่อาจส่งผู้นำหรือว่าที่ผู้นำตระกูลมาได้

     

    หวางอี้ปรายตามองเนคต้าร์อย่างไม่ใส่ใจ ถ้าเขาไม่ได้รับกำชับจากท่านพี่ไอเรสว่าให้พาเด็กคนนี้ไปงานด้วย เขาจะไม่มีทางพาเด็กคนนี้มาด้วยอย่างแน่นอน แค่ใช้อากาศร่วมกันในรถม้าก็ถือว่าเขาเมตตาเนคต้าร์มากแล้ว ร่างระหงส์เดินไปตามทางเข้าคฤหาสน์ รอบข้างเต็มไปด้วยผู้ลากมากดี แข่งขันประชันอวดความร่ำรวยและอำนาจจนเขารู้สึกสะอิดสะเอียน

     

    ถ้างานนี้ไม่สำคัญ เขาจะไม่ย่างเท้าเข้ามาที่งานแบบนี้

     

    “คุณชายหวางอี้..” เสียงเรียกที่ได้ยินทำให้หวางอี้หันกลับไปยิ้มอย่างเป็นมิตรทันที ยามออกงานสังคมแล้วเขาจะกลายเป็นคนที่แทบทุกคนจับตามองด้วยรูปลักษณ์และความสามารถทางวาจา ไม่มีใครปฏิเสธว่าคุณชายรองจากตระกูลพานิคผู้นี้เฉลียวฉลาดและรู้จักวางตัว หวางอี้มีรอยยิ้มน้อยๆประดับอยู่บนใบหน้าตลอดเวลาที่คุยกับคนใหญ่คนโตในงานเลี้ยง และกลายเป็นที่สนใจในไม่ช้า

     

    “คุณชายหวางอี้ออกงานเพียงคนเดียวเช่นนี้ไม่เหงาบ้างหรือ ว่าแต่คุณชายใหญ่ไม่มาด้วยกันหรอกหรอ”

     

    “ท่านพี่ไอเรสติดภารกิจ เลยร่วมงานในครั้งนี้ไม่ได้ หากท่านมีธุระกับท่านพี่โปรดแจ้งผ่านข้าได้”


    “ไม่มีธุระสำคัญหรอกคุณชาย เพียงแต่ลูกสาวของข้าชื่นชมคุณชายไอเรสและอยากจะพบเขาเพียงเท่านั้น” รอยยิ้มจากหญิงสังคมชั้นสูงพร้อมกับมองไปทางสาวงามที่ยืนคุยกับเพื่อนอย่างสนุกสนาน นัยน์ตาสีม่วงหม่นมองตามเพียงเล็กน้อยก่อนจะแย้มรอยยิ้มสุภาพให้

     

    “ท่านพี่ของข้ามีภารกิจยุ่งนัก คงจะไม่สะดวกในการพบนาง” น่ารังเกียจ..คิดจะใช้ลูกสาวให้คบหากับท่านพี่ของเขาเพื่อยกระดับฐานะของตนเอง มือเรียววางแก้วไวน์ลงแล้วขอตัวเดินออกจากกลุ่มหญิงชั้นสูงนั้น ร่างเพรียวเดินไปนั่งตรงโซฟาไกลความวุ่นวายของงานเลี้ยง

     

    หวางอี้ไม่ชอบความวุ่นวาย และไม่ชอบการนินทา

    แต่แน่นอนว่างานแบบนี้ย่อมหลีกเลี่ยงสิ่งเหล่านั้นไม่ได้

     

    นัยน์ตาคู่สวยกวาดมองไปรอบงานอย่างพิจารณา คนที่มาในค่ำคืนนี้ต่างเป็นชนชั้นสูงของอาณาจักร ไม่ว่าจะเป็นขุนนางหรือแม้แต่.. เชื้อพระวงศ์

     

    แอสเทียร์ เค.ไนเอลเรส เจ้าชายองค์เล็กที่สืบสายเลือดจากปฐมกษัตริย์ก็ถูกเชิญมางานเลี้ยงในคืนนี้ด้วย

     

    เจ้าภาพงานนี้คงต้องมีอิทธิพลน่าดูถึงทำให้ราชวงศ์ตอบตกลงและส่งองค์ชายแอสเทียร์มาร่วมงานด้วย ไม่ใช่แค่เชื้อพระวงศ์ปลายแถวอย่างที่แล้วมา แต่ถึงส่งใครมาหวางอี้ก็ไม่ได้ใส่ใจนัก เขามีหน้าที่แค่มาร่วมงานตามคำขอของท่านพี่เท่านั้น

     

    “คุณหนูโรซาริอา!ช้าก่อนครับ” เสียงเอะอะวุ่นวายดังขึ้นจนหวางอี้ขมวดคิ้วเล็กน้อย ร่างโปร่งลุกขึ้นแล้วเดินไปยังพื้นที่ที่มีเสียงนั่น ถึงเขาจะไม่ชอบความวุ่นวาย แต่ชื่อที่ได้ยินคือหนึ่งในคนตระกูลวิหก หากปล่อยปะละเลยไปอาจจะเกิดความวุ่นวายในภายหลังได้ และนั่นก็เป็นอย่างที่เขาคิดจริงๆ

     

    ร่างเล็กของเด็กสาวสวมชุดราตรียาวกำลังถือรองเท้าส้นสูงอยู่ในมือและทำท่าจะฟาดไปยังชายหนุ่มที่อยู่ข้างหลังเธอ นัยน์ตาสีไวน์แดงวาวโรจน์ราวกับไม่สบอารมณ์อย่างรุนแรง หวางอี้ยืนมองดูสถานการณ์นิ่งๆว่าชายคนนั้นจะทำอย่างไรกับเด็กสาวเจ้าอารมณ์คนนี้ เท่าที่เขาเห็นผ่านตา ชายคนนี้เป็นลูกชายขุนนางยศไม่เล็กนัก มีนิสัยชอบลวนลามหญิงสาว รวมทั้งพูดจาไม่ดีกับสุภาพสตรีอีกด้วย

     

    น่าเสียดายที่ผู้หญิงที่เขาเล่นด้วยในวันนี้คือน้องสาวของผู้นำตระกูลคาเลน

     

    “เจ้าหมอนั่นลวนลามโรซาริอา เธอเลยอารมณ์ระเบิดอย่างที่เห็น” เสียงเนือยๆจากคนข้างกายที่ไม่รู้ว่ามาตรงนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ เลโอเน่ ยืนกอดอกมองเด็กสาวรุ่นน้องที่ระเบิดลงอย่างไม่ค่อยใส่ใจ ผู้คนรอบข้างเริ่มมุงดูความวุ่นวายมากขึ้น และดูเรื่องราวจะเลยเถิดเมื่อฝ่ามือบางของเด็กสาวเริ่มมีประกายไฟ

     

    โรซาริอากำลังจะใช้เวทย์อัคคี

     

    “เกิดอะไรขึ้น!” แต่ยังไม่ทันที่จะลงมือ สุ้มเสียงมีอำนาจก็ดังขึ้น ร่างของชายวัยกลางคนในชุดทางการเดินเข้ามา ทุกคนก็พร้อมใจแหวกทางให้โดยดี เคานท์แอนโทนี่  เจ้าของคฤหาสน์หลังนี้และเป็นเจ้าภาพงานเลี้ยงในค่ำคืนนี้ปรายตามองคนรอบข้างเพียงเล็กน้อย คนรอบข้างก็พร้อมใจกันสลายตัวจากพื้นที่นี้ทันที

     

    “คุณหนูโรซาริอา..เกิดอะไรขึ้นตรงนี้” เมื่อเห็นว่าเด็กสาวตรงหน้ามีตำแหน่งที่สูงกว่าตนเองดับไฟในมือลงจึงเอ่ยถามถึงสิ่งที่เกิดขึ้น แต่ชายหนุ่มที่เป็นฝ่ายถูกกระทำกลับโพร่งขึ้นมาเสียก่อน

     

    “ท่านลุง!ช่วยข้าด้วย นางจะเผาข้า” คำพูดจากปากของคนที่จ้องจะลวนลามเธอทำให้โรซาริอาพ่นลมระงับอารมณ์ออกแรงๆ นัยน์ตาสีไวน์แดงตวัดมองคู่กรณีอย่างไม่สบอารมณ์ แน่นอนว่าเธอจะเผาเขา แต่เพราะสิ่งที่เขากระทำกับเธอก่อนต่างหากที่ทำให้เธอหมดความอดทน


    “คุณหนูจะเผาหลานชายข้าหรือ?เพราะอะไร”

     

    “เจ้านี่มันลวนลามฉันก่อน แล้วยังตามฉันไม่เลิกด้วย” เธอหมดความอดทนตั้งแต่ที่เจ้าบ้ากามนี่โอบเอวเธอแล้ว จริงอยู่ที่ว่าเธอใจร้อนและความอดทนต่ำ แต่เธอก็รู้กาลเทศะพอที่จะเลี่ยงไปโดยไม่เผาคฤหาสน์หลังนี้ทันที แต่เจ้าโง่นี่กลับตามเธอไม่หยุดจนเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้น

     

    “ไม่..ข้า..ข้าแค่เห็นเธอจะล้มเลยตั้งใจจะช่วย” ชายหนุ่มกรอกตาไปมาอย่างหาที่พึ่ง สายตาที่เว้าวอนให้ผู้เป็นลุงช่วยทำให้หวางอี้อดที่จะสมเพศไม่ได้

     

    “นายบอกว่าฉันจะล้ม?” ความร้อนระอุเริ่มก่อตัวขึ้นมาบนฝ่ามือของโรซาริอาอีกครั้ง

     

    “หยุดก่อนคุณหนู..ข้าขออภัยแทนหลานชายของข้าด้วย เขาคงไม่ได้ตั้งใจที่จะลวนลามคุณหนู” แอนโทนี่ก้าวเข้ามาขวางทันทีที่เห็นว่าสถานการณ์ไม่ดี ในขณะที่ผู้ชมสองคนยังคงยืนมองสถานการณ์อยู่โดยไม่เข้าไปยุ่ง

     

    “ช่วยลงโทษเจ้านี่ด้วยล่ะ..” เปลวเพลิงดับวูบไปอีกครั้ง โรซาริอาหันหลังแล้วเดินตรงไปที่ประตูใหญ่เพื่อขึ้นรถม้ากลับคฤหาสน์คาเลนทันที เธอไม่ชอบงานเลี้ยงหรืองานเต้นรำ แต่ที่มาครั้งนี้เพราะเบเรียสเป็นคนสั่งให้มา รองเท้าส้นสูงกับชุดยาวๆที่ทำให้เธอเดินไม่สะดวกก็เช่นกัน

     

    ถึงตัวจะไม่อยู่ แต่ก็ขัดคำสั่งไม่ได้

    เพราะเบเรียสสั่งทุกคนในคฤหาสน์ให้ดูคุณหนูของพวกเขาไว้

    พี่ชายของเธอโรคจิตจริงๆ 


    “ขออภัยคุณชายทั้งสองสำหรับเรื่องวุ่นวายที่เกิดขึ้น เชิญพวกท่านสนุกกับงานเลี้ยงต่อเถิด” หลังจากที่โรซาริอาออกจากคฤหาสน์ไปแล้วแอนโทนี่จึงหันกลับมาโค้งขอโทษชายหนุ่มทั้งสองที่ยืนมองเหตุการณ์อยู่ ตอนแรกหวางอี้ไม่เข้าใจว่าทำไมท่านพี่ไอเรสถึงต้องส่งให้เขามาที่นี่ แต่จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแล้วเขาบอกได้เลยว่าเคานท์แอนโทนี่คนนี้มีไหวพริบในการจัดการปัญหาเฉพาะหน้าได้ดีพอสมควร

     

    “จบไวแหะ..” เสียงพึมพำจากชายหนุ่มผมสีดำสนิท เลโอเน่หาวเล็กน้อยกับเหตุการณ์ที่คิดว่าจะเรียกเลือดหรือเกิดอะไรมากกว่านี้ แต่มันก็ไม่มีอะไรมากไปกว่าความสงบที่เกิดขึ้น ร่างโปร่งเดินไปที่หน้าต่างที่เปิดอยู่แล้วกระโดดออกไปทางนั้นโดยไม่สนใจสายตาของแขกคนอื่นที่มองตามกันไป

     

    หวางอี้ส่ายหน้าเบาๆเรียกสติให้กลับมา เขาควรจะกลับคฤหาสน์ได้แล้วในตอนนี้ เพราะไม่มีเหตุจำเป็นอะไรที่เขาต้องอยู่ที่นี่อีก ขาเรียวก้าวไปทางประตูใหญ่เพื่อจะออกไปขึ้นรถม้า แต่กลับหยุดชะงักเมื่อนึกขึ้นมาได้ว่าเขาไม่ได้มาเพียงคนเดียว ใบหน้างามหันไปรอบงานก็ไม่พบร่างผอมบางของน้องบุญธรรมที่เกลียดเลยแม้แต่น้อย

     

    นี่เป็นโอกาสที่จะกำจัดหนูสกปรกออกจากตระกูล แม้เพียงไม่กี่ชั่วยามก็ตามที 

     


     

    อีกฝั่งของคฤหาสน์

     

    นัยน์ตาสีฟ้าจางกำลังมองไปรอบตัวอย่างสำรวจ เขารู้สึกมึนหัวไปกับกลิ่นฉุนบางอย่างที่ถูกโป๊ะเข้ากับจมูกและเขาสูดดมมันเข้าไปเต็มๆขณะที่นั่งมองพี่หวางอี้คุยกับสตรีชั้นสูง เนคต้าร์ไม่แน่ใจว่าเขาอยู่ส่วนไหนของคฤหาสน์แต่ยังมั่นใจว่าอยู่ในสถานที่นี้แน่

     

    “ฉันต้องออกจากที่นี่..” มือทั้งสองข้างและขาของเขาไม่ได้ถูกมัดอยู่ แต่พอลองขยับขาเพื่อที่จะยืนกลับทรุดลงมา อาการเจ็บแปล๊บที่ข้อเท้ากับศีรษะด้านหลังทำให้รู้ว่าระหว่างทางเขาถูกลากมาอย่างแน่นอน

     

    ควับ.

     

    “ตื่นแล้วซินะ” เนคต้าร์เงยหน้าขึ้นมองคนที่ยืนอยู่หน้าเขา แต่ก็ไม่สามารถเห็นใบหน้าทั้งหมดได้เมื่อชายคนนั้นสวมหน้ากากปิดบังใบหน้าเอาไว้ สิ่งที่เขาพอจะระบุตัวตนได้มีเพียงเสียงที่ชายสวมหน้ากากพูดออกมาเท่านั้น แต่สิ่งที่เขาสงสัย..

     

    จับตัวเขามาทำไม

    เรียกเงิน?ต้องการอำนาจ?

    ต้องการต่อรองกับตระกูลพานิค?

     

    แต่ทำไมถึงไม่มัดเขาไว้เลย ไม่ว่าจะเป็นขาหรือมือก็ถูกปล่อยอิสระราวกับว่ามั่นใจว่าเขาจะหนีไม่ได้

     

    “ต้องการอะไรจากฉัน” เนคต้าร์เอ่ยถามไปตรงๆ

     

    “ไม่ใช่คุณชายรอง..หรือจะเป็นเด็กที่ถูกเก็บมาเลี้ยง” มือหนาจับคางของร่างผอมบางขึ้นมาสำรวจใกล้ๆ เขาสั่งให้จับคุณชายรองตระกูลพานิคมาแต่ดูเหมือนคนของเขากลับจับเด็กหนุ่มที่ไหนก็ไม่รู้ แต่ยังไงก็เถอะ เด็กนี่น่าจะใช้การได้เหมือนกัน

     

    “ถ้าจับผิดก็ปล่อยฉันซะ”

     

    “หึ ใครจะปล่อยเหยื่อชิ้นโตไปง่ายๆกัน” ชายสวมหน้ากากเอื้อมมือเพียงข้างเดียวไปที่ลำคอของเด็กหนุ่มแล้วค่อยๆเพิ่มแรงบีบลงไป นัยน์ตาสีฟ้าจางเบิกกว้างแล้วพยายามดิ้นให้หลุดจากมือหนานั่น แต่ก็ไม่เป็นผล แม้ว่าขาและมือจะยังเป็นอิสระ


    ขยับไม่ได้ ส่งเสียงไม่ได้เลย

     

    นิ้วเรียววาดกระแสลมคมกริบให้พัดผ่านร่างกายของชายที่บีบคอเขาไว้ แต่ก็ไม่เป็นผลเมื่อสายลมนั้นสลายไปเพียงแค่ชายสวมหน้ากากสะบัดผ้าคลุม ตอนนี้เนคต้าร์ไม่สามารถร่ายเวทย์อะไรได้อีกแล้ว เขาไม่มีสติและพลังเวทย์สูงพอที่จะต่อต้านการกระทำนี้

     

    ถ้าพี่ชายอยู่..

     

    ตุ๊บ.

     

    “หือ มีคนอยู่หรอกหรือ” ร่างของเด็กหนุ่มนัยน์ตาสีส้มอ่อนมองสิ่งที่ตัวเองนั่งทับอยู่ และตรงหน้าเขาก็มีเด็กหนุ่มวัยไล่เลี่ยกันยืนหอบหายใจดูแล้วไม่น่าจะใช่เรื่องดีเสียเท่าไหร่ แอสเทียร์ลุกขึ้นปัดเศษฝุ่นเศษดินที่เกาะเสื้อแล้วปรายตามองเนคต้าร์ที่ยืนอึ้งอยู่

     

    แอสเทียร์จำได้ว่าเด็กคนนี้เป็นคนของตระกูลพานิค

    น้องชายบุญธรรมของไอเรส

     

    “เจ้ามองอะไร?แล้วมาทำอะไรอยู่ที่มืดกับ..ชายสวมหน้ากาก” แอสเทียร์มองคนที่สลบอยู่บนพื้นอย่างไม่ใส่ใจนัก เขาแค่หลบทหารองครักษ์ที่พยายามรักษาความปลอดภัยจนเกินเหตุหลังจากเกิดเหตุวุ่นวายในห้องจัดเลี้ยง เลยปีนระเบียงหลบแต่ดันพลัดตกลงมาก่อน

     

    “ฉันก็อยากจะรู้เหมือนกันว่ามาทำอะไรอยู่ตรงนี้ แต่ตอนนี้รีบออกจากตรงนี้ดีกว่า” เนคต้าร์หันไปมองชายสวมหน้ากาก ใจจริงก็อยากจะรู้ว่าคนๆนี้เป็นใครทำไมถึงต้องการจับตัวพี่หวางอี้ แต่สถานการณ์ในตอนนี้เขาไม่สามารถทำอะไรได้มากไปกว่ารีบหนี


    “ด..เดี๋ยว รอข้าก่อน!” องค์ชายน้อยรีบวิ่งตามคนอายุไล่เลี่ยกันไปทันที โดยไม่ทันเห็นว่าคนที่เขาตกลงมาทับนั้นได้ขยับตัวแล้ว มือหนาถอดหน้ากากออกเผยให้เห็นถึงใบหน้าของชายผู้หนึ่งที่มีใบหน้าเป็นรอยแผลที่แก้ม เขาเป็นอดีตลูกชายขุนนางผู้หนึ่งที่ถูกชาเรย์เปิดโปงความผิดเรื่องพยายามลักลอบเงินในคลัง

     

    ถูกถอดยศ

    ถูกขับไล่ออกจากอาณาจักร

    ถูกยึดทรัพย์สินจนต้องตกที่นั่งลำบาก

    และพ่อของเขาถูกตัดสินประหารชีวิต

     

    ถ้าหากทำให้ตระกูลพานิคเจ็บปวดได้... นั่นคือเป้าหมายสูงสุดในชีวิตของเขา

     


    หมับ.

     

    “เจ้าหายตัวไปไหน..” มือเรียวของชายหนุ่มคว้าคอเสื้อของเนคต้าร์เอาไว้อย่างรวดเร็วเมื่อเห็นอะไรบางอย่างที่วิ่งผ่านมาทางนี้ หวางอี้รีบปล่อยมือเมื่อนึกขึ้นได้ว่าตนเองสัมผัสหนูสกปรกที่ตนเองรังเกียจ ใบหน้างามมีร่องรอยของความไม่พอใจแฝงอยู่แต่เมื่อนัยน์ตาคู่สวยเห็นคนที่ตามมาก็ต้องแปลกใจ

     

    “องค์ชายแอสเทียร์?

     

    “เจ้าวิ่งจนข้าตามไม่ทัน..” หวางอี้มองเนคต้าร์สลับกับองค์ชายเล็กน้อย เขาเข้าใจว่าองค์ชายคงจะไปเจอเนคต้าร์ที่ไหนซักที่ แต่เขาเห็นรอยแดงที่คอเนคต้าร์แล้วคงจะต้องมีเรื่องอะไรเกิดขึ้นอย่างแน่นอน ถ้าหากท่านพี่รู้คงจะไม่พอใจ

     

    “ขออภัยองค์ชาย แต่ยามนี้แล้วกระหม่อมขอพาคนของพานิคกลับคฤหาสน์ก่อน โอกาสหน้าพบกันใหม่” ร่างเพรียวโค้งให้แอสเทียร์ที่ยืนงงอยู่อย่างงดงามแล้วหันหลังเดินกลับออกไปที่ประตูโดยไม่รอเด็กหนุ่มที่พึ่งเจอตัวให้เดินตามทัน เนคต้าร์หันมาโค้งให้กับแอสเทียร์อย่างเร่งรีบแล้วรีบเดินตามร่างของทายาทคนรองไปทันที แต่ริมฝีปากที่ขยับโดยไม่มีเสียงก็ทำให้รู้ว่าอย่างน้อยน้องชายบุญธรรมของไอเรสก็ไม่ได้นิสัยแย่อะไร พวกเขาน่าจะเป็นสหายกันได้

     

    ขอบคุณ

     

    ใบหน้าน่ารักของเจ้าชายน้อยปรากฏรอยยิ้มเล็กๆ เขาไม่มีเพื่อนเพราะฐานะที่ต่างกันเกินไป คนในราชวงศ์ก็ไม่มีคนเป็นเพื่อนเขา ท่านพี่ทาทารัสเองก็เป็นคนจริงจังจนเกินไป ส่วนเลคาร์ทไม่ต้องพูดถึง รายนั้นพบหน้าเขาทีไรก็เป็นต้องทำหน้าโหดใส่ทุกที คนที่พอจะเป็นเพื่อนเขาได้คือชิลลี่เท่านั้นแหละ

     

    “องค์ชายแอสเทียร์!พระองค์หายไปไหนมาพะยะค่ะ” เด็กหนุ่มพ่นลมหายใจออกมาน้อยๆ ในที่สุดเขาก็ถูกทหารองครักษ์ตามเจออยู่ดี

     

    “เจ้าก็เห็นว่าข้าปลอดภัยดี และอยู่ตรงนี้”

     

    “จะเสด็จกลับวังหลวงเลยไหมพะยะค่ะ”

     

    “ข้าขัดพวกเจ้าได้ด้วยหรือไง” แอสเทียร์บ่นเบาๆแล้วเดินตามทหารองครักษ์ออกจากคฤหาสน์ บางทีถ้าเขาขอตัวเนคต้าร์มาคุยเล่นอยู่ในวังได้เป็นบางวัน บางทีเขาอาจจะได้เจอไอเรสก็เป็นได้ เด็กนั่งตวัดตัวขึ้นบนหลังม้าแล้วกระตุ้นให้ออกวิ่งจากหน้าคฤหาสน์ นัยน์ตาคู่สวยพราวระยับรับกับแสงจันทร์ที่ส่องมาและรอยยิ้มน้อยๆที่ทำให้องครักษ์ทั้งสองคนที่คอยอารักขาสงสัย


    ถ้าองค์ชายแอสเทียร์ยิ้มแบบนี้แสดงว่าพวกเขาต้องเหนื่อยอีกแน่



    -----------------

    Talk 

    ออคต้าร์กับทาทารัสคือนิสัยบ้าระห่ำกันทั้งคู่ 

    ผลเลยกลายเป็นว่าไม่มีคนรอดเลยค่ะ.. เลือกเหยื่อผิดมาก 


    *ตำแหน่งขุนนาง 

    ดยุก(Duke)-ดัชเชส(Duchess)

    มาควิส(Marquess-มาร์เควียเนส(Marchioness)

    เอิร์ล(Earl)/เคานท์(Count)-เคานท์เตส(countess)

    ไวส์เคานท์(Viscount)-ไวส์เคานท์เตส(Viscountess)

    บารอน(Baron)-บารอเนส(Baroness)


    ตระกูลสี่วิหกอยู่ในตำแหน่งขุนนางสูงสุดคือDukeค่ะ เรียกได้ว่าสูงที่สุดในอาณาจักรแล้ว

    ในอาณาจักรเบทริกซ์มีตำแหน่งดยุกให้แค่4ตระกูลนี้เท่านั้น นอกนั้นจะเป็นตำแหน่งที่ลดหลั่นกันไป



    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×