คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #8 : Tale 5 : ระวังเวลาเลือกเหยื่อให้ดี
บทที่5 ระวังเวลาเลือกเหยื่อให้ดี
“จัดการเรื่องนั้นเรียบร้อยหรือยัง” นัยน์ตาสีฟ้าจับจ้องไปยังเป้าหมาย
ก่อนที่มือแกร่งจะปล่อยลูกศรให้พุ่งออกจากคันธนูและปักลงยังร่างของหมูป่าตัวใหญ่อย่างแม่นยำ
ทาทารัสลดคันศรลงเมื่อเห็นว่าร่างของหมูป่านั้นไร้ชีวิตไปแล้ว
พวกเขาออกมาล่าสัตว์เพื่อสงบจิตใจและผ่อนคลายจากการเดินทาง
“เขาไม่ยอมปริปากบอกสิ่งใดทั้งสิ้น
แต่บนร่างกายของเขามีร่องรอยของการถูกฝึกฝนอย่างหนัก” ออคต้าร์รายงานในสิ่งที่ได้รับมา
ในการสืบสวนครั้งนี้เขาไม่ได้ลงมือเอง แต่ได้มอบหมายให้คนสนิทของเขาจัดการแทน
เรื่องแค่นี้ไม่ต้องถึงมือแม่ทัพ นั่นคือสิ่งที่คนสนิทของเขาบอก
“ออคต้าร์”
“พะยะค่ะ”
ฟึบ
ลูกศรในมือถูกยิงออกไปตามทิศทางที่มีสายลมพัดมา
นัยน์ตาสีทองตวัดมองไปรอบข้างอย่างระวัง และถ้าเขามองไม่ผิด
เขาเห็นแสงทะท้อนจากสถานที่ไกลๆ
ฉับ!
มือแกร่งยกดาบขึ้นฟันลูกศรที่พุ่งใส่ตัวเขาอย่างรวดเร็ว
ตั้งแต่เมื่อครู่ออคต้าร์รู้ทันทีว่าพวกเขาไม่ได้อยู่กันตามลำพัง
“หึ..แขกไม่ได้รับเชิญซินะ” ทาทารัสเผยรอยยิ้มพอใจ
ไหล่กว้างขยับเล็กน้อยเพื่อคลายกล้ามเนื้อที่ตึงไปบ้าง ก็ดี..เขาจะได้ยืดเส้นยืดสายเสียหน่อย
ไม่ได้ลงดาบกับมนุษย์มานานแล้ว ร่างสูงใหญ่บนอาชาสีดำสนิททำให้ชายหนุ่มดูน่าเกรงขามในขณะที่ออคต้าร์แม้จะมีร่างกายที่เล็กกว่าแต่กลับมีพละกำลังที่มากอย่างน่าเหลือเชื่อทดแทนในส่วนที่ไม่มีเวทย์มนต์ไปจนสิ้น
แขกไม่ได้รับเชิญค่อยๆปรากฏตัวให้เห็น
แต่ด้วยผ้าคลุมหน้ามิดชิดทำให้ไม่รู้ว่าเป็นฝ่ายใด
แต่สิ่งที่ทาทารัสกับออคต้าร์รู้คือคนพวกนี้ไม่ได้มาต้อนรับพวกเขาด้วยน้ำชาหรืออาหารรสเลิศเป็นแน่
อันที่จริงไม่ใกล้เคียงกับคำว่าต้อนรับเสียเท่าไหร่ แต่..
ฉึก
อ๊าก!
ฉวั๊ะ
อั๊ก!
ดูเหมือนว่าชายชุดดำพวกนี้จะเลือกเหยื่อและวันเวลาผิดเสียแล้ว ในเมื่อบุคคลที่พวกเขาหมายตาไว้เป็นถึงกษัตริย์ที่ได้รับสมญานามว่าปีศาจ
และแม่ทัพใหญ่ของอาณาจักร ใบหน้าคมคายของกษัตริย์หนุ่มมีรอยยิ้มเหี้ยมขณะตะลุยฟันร่างของผู้ที่ผ่านเข้ามาอย่างไม่ระแคะระคาย
ในขณะที่ออคต้าร์ไม่ได้มีสีหน้าที่เปลี่ยนไปจากเดิมนัก
แต่ดวงตาระริกที่แฝงไปด้วยความสนุกสนานก็ไม่ได้ต่างจากมัจจุราชที่คร่าชีวิตผู้อื่นไปเลยแม้แต่น้อย
เลือดสีสดกระเซ็นถูกใบหน้าและร่างกายของทั้งคู่จนถูกย้อมไปด้วยสีแดงฉาน
แต่กลับไม่ได้รับบาดเจ็บแม้เพียงเล็กน้อย
ชายในชุดดำแฝงตัวอยู่หลังต้นไม้และเมื่อเห็นว่าเหยื่อคนหนึ่งอยู่ในระยะโจมตีจึงพุ่งเข้าไปด้านหลังอย่างรวดเร็ว
แต่อนิจา..เขาไวไม่พอ
ฉวั๊ะ!
เลือดสีสดพุ่งจากศีรษะของชายไร้ชีวิตโดนใบหน้าของออคต้าร์ที่ยังคงสงบอยู่
มือแกร่งปาดเลือดนั้นออกอย่างไม่ใยดีแล้วมองไปรอบๆ คนที่เขาจัดการไปเมื่อครู่คงเป็นคนสุดท้ายแล้ว
และฝีมือพวกนี้ก็ไม่ใช่คนที่ถูกฝึกมาอย่างทหาร น่าจะเป็นโจรป่าธรรมดาเท่านั้น
“ไม่ได้ร่วมสู้กับเจ้านานแค่ไหนแล้วออคต้าร์”
ทาทารัสเอ่ยอย่างพอใจเมื่อเห็นว่าทุกอย่างถูกจัดการเรียบร้อยก่อนจะเก็บดาบเปื้อนเลือดลงในฝัก
“ครั้งสุดท้ายเมื่อสามเดือนก่อนพะยะค่ะ ที่ภูเขาโอฬาร”
ครั้งนั้นทั้งสภาพอากาศที่เลวร้ายและศัตรูที่มีมากกว่าทหารของเบทริกซ์ถึงสามเท่าทำให้ออคต้าร์ต้องขอกำลังเสริมจากวังหลวง
ซึ่งน้อยครั้งนักที่เขาจะทำอย่างนั้น เพราะเกือบทุกสนามรบเขาสามารถควบคุมได้
เขาคิดว่าทาทารัสคงจะส่งทหารมาเพิ่ม
แต่สิ่งที่ได้กลับมาทำให้เขายิ่งเคารพกษัตริย์องค์นี้มากขึ้นไปอีก
เพราะทาทารัสเป็นคนที่นำกำลังเสริมมาด้วยตนเอง
และนั่นยิ่งทำให้ทหารมีกำลังใจมากขึ้นจนสุดท้ายพวกเขาได้ชัยชนะกลับมา
ถึงเขาจะเคยบ้าระห่ำบุกไปช่วยเชลยศึกคนเดียวท่ามกลางศัตรูก็เถอะ
แต่นั่นมันคนละสถานการณ์กัน
“จะเสด็จกลับเลยไหมพะยะค่ะ”
ออคต้าร์ถามเมื่อเห็นว่าทาทารัสยังไม่เคลื่อนม้าไปไหน
แต่โดยส่วนตัวแล้วเขาอยากจะกลับก่อนที่อาทิตย์ตกดิน ยิ่งมืดก็จะยิ่งอันตราย
และเขาไม่อยากใช้พลังวิหกบ่อยนัก
ที่ออกรบแทบจะไม่มีครั้งไหนเลยที่เขาจะใช้พลังวิหก เพราะแค่พลังกำลัง
การวางแผนและความสามารถของทหารของเขาก็เพียงพอต่อการคว้าชัยชนะมาแล้ว
“ดูเหมือนข้าอยากจะกลับไปหรือยังล่ะ..”
บางทีออคต้าร์ก็คิดอยู่..เขาควรจะรู้ว่าทาทารัสไม่ใช่กษัตริย์ที่รักความสบาย
และท้องฟ้าตอนนี้ยังมีแสงสว่างอยู่
เพราะฉะนั้นโอกาสที่เขาจะได้กลับตอนนี้คือ..
“อย่าชักช้าออคต้าร์ ข้ายังมีธุระที่นี่ต่อ”
ออคต้าร์ชักม้าตามทาทารัสไปทันทีที่ถูกเตือน
“ธุระ?” คิ้วเรียวขมวดเล็กน้อยขณะที่เร่งฝีเท้าม้าให้ขนาบข้างทาทารัส
ถ้าเป็นอย่างที่เขาคิด..
“ข้ากับเจ้าเข้ามาที่นี่เพื่ออะไร”
“ล่าสัตว์พะยะค่ะ แต่..”
“ถ้าอย่างนั้นนั่นคือธุระของเราออคต้าร์”
บางทีพระองค์ควรจะลืมไปบ้างหลังได้สนุกพอสมควรแล้ว..
นั่นคือสิ่งที่ออคต้าร์ได้แต่คิด
ทั้งคู่ขี่ม้าลึกเข้าไปในป่าทิ้งร่างไร้ชีวิตของโจรป่าไว้อยู่ตรงนั้นโดยไม่หันมาเหลียวแล
กลิ่นคาวเลือดที่โชยออกมาจากร่างกายไร้ลมหายใจดึงดูดความสนใจจากสัตว์ป่าทั้งหลายได้เป็นอย่างดี
และนั่นทำให้เป็นเวลาไม่นานนักก่อนที่ร่างของมนุษย์ทั้งหมดจะถูกจัดการโดยเจ้าของพื้นที่แห่งนี้
.
.
.
คฤหาสน์ใจกลางเมืองหลวง
ร่างเพรียวบางของชายหนุ่มรูปงามก้าวลงจากรถม้าอย่างสง่างาม
นัยน์ตาสีม่วงหม่นเหลือบมองรอบข้างเพียงเล็กน้อยก่อนจะก้าวเดินไปโดยไม่สนใจอีกคนที่ตามมาเลยแม้แต่น้อย
เรือนผมสีขาวพิสุทธิ์ถูกรวบขึ้นแล้วปักปิ่นทองไว้อย่างงดงามเผยให้เห็นลำคอระหงส์และเครื่องแต่งกายที่เรียบง่ายทว่าหรูหราและมีราคา
“เชิญคุณชายหวางอี้และคุณชายเนคต้าร์ขอรับ”
พ่อบ้านประจำคฤหาสน์โค้งตัวอย่างมีมารยาทให้กับทายาทตระกูลพานิค
งานนี้เป็นงานรวมผู้ดีมีตระกูลจากทั่วทั้งอาณาจักรและหากขาดตระกูลสี่วิหกไปก็ย่อมไม่ใช่งานที่เป็นที่จับตามองนัก
ทางเจ้าภาพจึงเชิญตระกูลทั้งสี่มาแต่ได้รับการตอบรับจากแค่สามตระกูลเท่านั้น
เพราะตระกูลโรซาลีนมีภารกิจที่ไม่อาจส่งผู้นำหรือว่าที่ผู้นำตระกูลมาได้
หวางอี้ปรายตามองเนคต้าร์อย่างไม่ใส่ใจ
ถ้าเขาไม่ได้รับกำชับจากท่านพี่ไอเรสว่าให้พาเด็กคนนี้ไปงานด้วย
เขาจะไม่มีทางพาเด็กคนนี้มาด้วยอย่างแน่นอน
แค่ใช้อากาศร่วมกันในรถม้าก็ถือว่าเขาเมตตาเนคต้าร์มากแล้ว ร่างระหงส์เดินไปตามทางเข้าคฤหาสน์
รอบข้างเต็มไปด้วยผู้ลากมากดี
แข่งขันประชันอวดความร่ำรวยและอำนาจจนเขารู้สึกสะอิดสะเอียน
ถ้างานนี้ไม่สำคัญ เขาจะไม่ย่างเท้าเข้ามาที่งานแบบนี้
“คุณชายหวางอี้..” เสียงเรียกที่ได้ยินทำให้หวางอี้หันกลับไปยิ้มอย่างเป็นมิตรทันที
ยามออกงานสังคมแล้วเขาจะกลายเป็นคนที่แทบทุกคนจับตามองด้วยรูปลักษณ์และความสามารถทางวาจา
ไม่มีใครปฏิเสธว่าคุณชายรองจากตระกูลพานิคผู้นี้เฉลียวฉลาดและรู้จักวางตัว
หวางอี้มีรอยยิ้มน้อยๆประดับอยู่บนใบหน้าตลอดเวลาที่คุยกับคนใหญ่คนโตในงานเลี้ยง
และกลายเป็นที่สนใจในไม่ช้า
“คุณชายหวางอี้ออกงานเพียงคนเดียวเช่นนี้ไม่เหงาบ้างหรือ
ว่าแต่คุณชายใหญ่ไม่มาด้วยกันหรอกหรอ”
“ท่านพี่ไอเรสติดภารกิจ เลยร่วมงานในครั้งนี้ไม่ได้
หากท่านมีธุระกับท่านพี่โปรดแจ้งผ่านข้าได้”
“ไม่มีธุระสำคัญหรอกคุณชาย เพียงแต่ลูกสาวของข้าชื่นชมคุณชายไอเรสและอยากจะพบเขาเพียงเท่านั้น”
รอยยิ้มจากหญิงสังคมชั้นสูงพร้อมกับมองไปทางสาวงามที่ยืนคุยกับเพื่อนอย่างสนุกสนาน
นัยน์ตาสีม่วงหม่นมองตามเพียงเล็กน้อยก่อนจะแย้มรอยยิ้มสุภาพให้
“ท่านพี่ของข้ามีภารกิจยุ่งนัก คงจะไม่สะดวกในการพบนาง”
น่ารังเกียจ..คิดจะใช้ลูกสาวให้คบหากับท่านพี่ของเขาเพื่อยกระดับฐานะของตนเอง
มือเรียววางแก้วไวน์ลงแล้วขอตัวเดินออกจากกลุ่มหญิงชั้นสูงนั้น
ร่างเพรียวเดินไปนั่งตรงโซฟาไกลความวุ่นวายของงานเลี้ยง
หวางอี้ไม่ชอบความวุ่นวาย และไม่ชอบการนินทา
แต่แน่นอนว่างานแบบนี้ย่อมหลีกเลี่ยงสิ่งเหล่านั้นไม่ได้
นัยน์ตาคู่สวยกวาดมองไปรอบงานอย่างพิจารณา
คนที่มาในค่ำคืนนี้ต่างเป็นชนชั้นสูงของอาณาจักร ไม่ว่าจะเป็นขุนนางหรือแม้แต่..
เชื้อพระวงศ์
แอสเทียร์ เค.ไนเอลเรส
เจ้าชายองค์เล็กที่สืบสายเลือดจากปฐมกษัตริย์ก็ถูกเชิญมางานเลี้ยงในคืนนี้ด้วย
เจ้าภาพงานนี้คงต้องมีอิทธิพลน่าดูถึงทำให้ราชวงศ์ตอบตกลงและส่งองค์ชายแอสเทียร์มาร่วมงานด้วย
ไม่ใช่แค่เชื้อพระวงศ์ปลายแถวอย่างที่แล้วมา แต่ถึงส่งใครมาหวางอี้ก็ไม่ได้ใส่ใจนัก
เขามีหน้าที่แค่มาร่วมงานตามคำขอของท่านพี่เท่านั้น
“คุณหนูโรซาริอา!ช้าก่อนครับ” เสียงเอะอะวุ่นวายดังขึ้นจนหวางอี้ขมวดคิ้วเล็กน้อย
ร่างโปร่งลุกขึ้นแล้วเดินไปยังพื้นที่ที่มีเสียงนั่น ถึงเขาจะไม่ชอบความวุ่นวาย
แต่ชื่อที่ได้ยินคือหนึ่งในคนตระกูลวิหก
หากปล่อยปะละเลยไปอาจจะเกิดความวุ่นวายในภายหลังได้ และนั่นก็เป็นอย่างที่เขาคิดจริงๆ
ร่างเล็กของเด็กสาวสวมชุดราตรียาวกำลังถือรองเท้าส้นสูงอยู่ในมือและทำท่าจะฟาดไปยังชายหนุ่มที่อยู่ข้างหลังเธอ
นัยน์ตาสีไวน์แดงวาวโรจน์ราวกับไม่สบอารมณ์อย่างรุนแรง
หวางอี้ยืนมองดูสถานการณ์นิ่งๆว่าชายคนนั้นจะทำอย่างไรกับเด็กสาวเจ้าอารมณ์คนนี้
เท่าที่เขาเห็นผ่านตา ชายคนนี้เป็นลูกชายขุนนางยศไม่เล็กนัก มีนิสัยชอบลวนลามหญิงสาว
รวมทั้งพูดจาไม่ดีกับสุภาพสตรีอีกด้วย
น่าเสียดายที่ผู้หญิงที่เขาเล่นด้วยในวันนี้คือน้องสาวของผู้นำตระกูลคาเลน
“เจ้าหมอนั่นลวนลามโรซาริอา เธอเลยอารมณ์ระเบิดอย่างที่เห็น”
เสียงเนือยๆจากคนข้างกายที่ไม่รู้ว่ามาตรงนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ เลโอเน่
ยืนกอดอกมองเด็กสาวรุ่นน้องที่ระเบิดลงอย่างไม่ค่อยใส่ใจ
ผู้คนรอบข้างเริ่มมุงดูความวุ่นวายมากขึ้น
และดูเรื่องราวจะเลยเถิดเมื่อฝ่ามือบางของเด็กสาวเริ่มมีประกายไฟ
โรซาริอากำลังจะใช้เวทย์อัคคี
“เกิดอะไรขึ้น!” แต่ยังไม่ทันที่จะลงมือ สุ้มเสียงมีอำนาจก็ดังขึ้น ร่างของชายวัยกลางคนในชุดทางการเดินเข้ามา ทุกคนก็พร้อมใจแหวกทางให้โดยดี เคานท์แอนโทนี่ เจ้าของคฤหาสน์หลังนี้และเป็นเจ้าภาพงานเลี้ยงในค่ำคืนนี้ปรายตามองคนรอบข้างเพียงเล็กน้อย คนรอบข้างก็พร้อมใจกันสลายตัวจากพื้นที่นี้ทันที
“คุณหนูโรซาริอา..เกิดอะไรขึ้นตรงนี้” เมื่อเห็นว่าเด็กสาวตรงหน้ามีตำแหน่งที่สูงกว่าตนเองดับไฟในมือลงจึงเอ่ยถามถึงสิ่งที่เกิดขึ้น
แต่ชายหนุ่มที่เป็นฝ่ายถูกกระทำกลับโพร่งขึ้นมาเสียก่อน
“ท่านลุง!ช่วยข้าด้วย นางจะเผาข้า”
คำพูดจากปากของคนที่จ้องจะลวนลามเธอทำให้โรซาริอาพ่นลมระงับอารมณ์ออกแรงๆ
นัยน์ตาสีไวน์แดงตวัดมองคู่กรณีอย่างไม่สบอารมณ์ แน่นอนว่าเธอจะเผาเขา
แต่เพราะสิ่งที่เขากระทำกับเธอก่อนต่างหากที่ทำให้เธอหมดความอดทน
“คุณหนูจะเผาหลานชายข้าหรือ?เพราะอะไร”
“เจ้านี่มันลวนลามฉันก่อน แล้วยังตามฉันไม่เลิกด้วย”
เธอหมดความอดทนตั้งแต่ที่เจ้าบ้ากามนี่โอบเอวเธอแล้ว
จริงอยู่ที่ว่าเธอใจร้อนและความอดทนต่ำ
แต่เธอก็รู้กาลเทศะพอที่จะเลี่ยงไปโดยไม่เผาคฤหาสน์หลังนี้ทันที แต่เจ้าโง่นี่กลับตามเธอไม่หยุดจนเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้น
“ไม่..ข้า..ข้าแค่เห็นเธอจะล้มเลยตั้งใจจะช่วย”
ชายหนุ่มกรอกตาไปมาอย่างหาที่พึ่ง
สายตาที่เว้าวอนให้ผู้เป็นลุงช่วยทำให้หวางอี้อดที่จะสมเพศไม่ได้
“นายบอกว่าฉันจะล้ม?” ความร้อนระอุเริ่มก่อตัวขึ้นมาบนฝ่ามือของโรซาริอาอีกครั้ง
“หยุดก่อนคุณหนู..ข้าขออภัยแทนหลานชายของข้าด้วย เขาคงไม่ได้ตั้งใจที่จะลวนลามคุณหนู”
แอนโทนี่ก้าวเข้ามาขวางทันทีที่เห็นว่าสถานการณ์ไม่ดี
ในขณะที่ผู้ชมสองคนยังคงยืนมองสถานการณ์อยู่โดยไม่เข้าไปยุ่ง
“ช่วยลงโทษเจ้านี่ด้วยล่ะ..” เปลวเพลิงดับวูบไปอีกครั้ง
โรซาริอาหันหลังแล้วเดินตรงไปที่ประตูใหญ่เพื่อขึ้นรถม้ากลับคฤหาสน์คาเลนทันที
เธอไม่ชอบงานเลี้ยงหรืองานเต้นรำ แต่ที่มาครั้งนี้เพราะเบเรียสเป็นคนสั่งให้มา รองเท้าส้นสูงกับชุดยาวๆที่ทำให้เธอเดินไม่สะดวกก็เช่นกัน
ถึงตัวจะไม่อยู่ แต่ก็ขัดคำสั่งไม่ได้
เพราะเบเรียสสั่งทุกคนในคฤหาสน์ให้ดูคุณหนูของพวกเขาไว้
พี่ชายของเธอโรคจิตจริงๆ
“ขออภัยคุณชายทั้งสองสำหรับเรื่องวุ่นวายที่เกิดขึ้น
เชิญพวกท่านสนุกกับงานเลี้ยงต่อเถิด”
หลังจากที่โรซาริอาออกจากคฤหาสน์ไปแล้วแอนโทนี่จึงหันกลับมาโค้งขอโทษชายหนุ่มทั้งสองที่ยืนมองเหตุการณ์อยู่
ตอนแรกหวางอี้ไม่เข้าใจว่าทำไมท่านพี่ไอเรสถึงต้องส่งให้เขามาที่นี่
แต่จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแล้วเขาบอกได้เลยว่าเคานท์แอนโทนี่คนนี้มีไหวพริบในการจัดการปัญหาเฉพาะหน้าได้ดีพอสมควร
“จบไวแหะ..” เสียงพึมพำจากชายหนุ่มผมสีดำสนิท
เลโอเน่หาวเล็กน้อยกับเหตุการณ์ที่คิดว่าจะเรียกเลือดหรือเกิดอะไรมากกว่านี้
แต่มันก็ไม่มีอะไรมากไปกว่าความสงบที่เกิดขึ้น
ร่างโปร่งเดินไปที่หน้าต่างที่เปิดอยู่แล้วกระโดดออกไปทางนั้นโดยไม่สนใจสายตาของแขกคนอื่นที่มองตามกันไป
หวางอี้ส่ายหน้าเบาๆเรียกสติให้กลับมา
เขาควรจะกลับคฤหาสน์ได้แล้วในตอนนี้ เพราะไม่มีเหตุจำเป็นอะไรที่เขาต้องอยู่ที่นี่อีก
ขาเรียวก้าวไปทางประตูใหญ่เพื่อจะออกไปขึ้นรถม้า
แต่กลับหยุดชะงักเมื่อนึกขึ้นมาได้ว่าเขาไม่ได้มาเพียงคนเดียว
ใบหน้างามหันไปรอบงานก็ไม่พบร่างผอมบางของน้องบุญธรรมที่เกลียดเลยแม้แต่น้อย
นี่เป็นโอกาสที่จะกำจัดหนูสกปรกออกจากตระกูล แม้เพียงไม่กี่ชั่วยามก็ตามที
อีกฝั่งของคฤหาสน์
นัยน์ตาสีฟ้าจางกำลังมองไปรอบตัวอย่างสำรวจ
เขารู้สึกมึนหัวไปกับกลิ่นฉุนบางอย่างที่ถูกโป๊ะเข้ากับจมูกและเขาสูดดมมันเข้าไปเต็มๆขณะที่นั่งมองพี่หวางอี้คุยกับสตรีชั้นสูง
เนคต้าร์ไม่แน่ใจว่าเขาอยู่ส่วนไหนของคฤหาสน์แต่ยังมั่นใจว่าอยู่ในสถานที่นี้แน่
“ฉันต้องออกจากที่นี่..” มือทั้งสองข้างและขาของเขาไม่ได้ถูกมัดอยู่
แต่พอลองขยับขาเพื่อที่จะยืนกลับทรุดลงมา
อาการเจ็บแปล๊บที่ข้อเท้ากับศีรษะด้านหลังทำให้รู้ว่าระหว่างทางเขาถูกลากมาอย่างแน่นอน
ควับ.
“ตื่นแล้วซินะ” เนคต้าร์เงยหน้าขึ้นมองคนที่ยืนอยู่หน้าเขา
แต่ก็ไม่สามารถเห็นใบหน้าทั้งหมดได้เมื่อชายคนนั้นสวมหน้ากากปิดบังใบหน้าเอาไว้
สิ่งที่เขาพอจะระบุตัวตนได้มีเพียงเสียงที่ชายสวมหน้ากากพูดออกมาเท่านั้น
แต่สิ่งที่เขาสงสัย..
จับตัวเขามาทำไม
เรียกเงิน?ต้องการอำนาจ?
ต้องการต่อรองกับตระกูลพานิค?
แต่ทำไมถึงไม่มัดเขาไว้เลย ไม่ว่าจะเป็นขาหรือมือก็ถูกปล่อยอิสระราวกับว่ามั่นใจว่าเขาจะหนีไม่ได้
“ต้องการอะไรจากฉัน” เนคต้าร์เอ่ยถามไปตรงๆ
“ไม่ใช่คุณชายรอง..หรือจะเป็นเด็กที่ถูกเก็บมาเลี้ยง”
มือหนาจับคางของร่างผอมบางขึ้นมาสำรวจใกล้ๆ เขาสั่งให้จับคุณชายรองตระกูลพานิคมาแต่ดูเหมือนคนของเขากลับจับเด็กหนุ่มที่ไหนก็ไม่รู้
แต่ยังไงก็เถอะ เด็กนี่น่าจะใช้การได้เหมือนกัน
“ถ้าจับผิดก็ปล่อยฉันซะ”
“หึ ใครจะปล่อยเหยื่อชิ้นโตไปง่ายๆกัน”
ชายสวมหน้ากากเอื้อมมือเพียงข้างเดียวไปที่ลำคอของเด็กหนุ่มแล้วค่อยๆเพิ่มแรงบีบลงไป
นัยน์ตาสีฟ้าจางเบิกกว้างแล้วพยายามดิ้นให้หลุดจากมือหนานั่น แต่ก็ไม่เป็นผล
แม้ว่าขาและมือจะยังเป็นอิสระ
ขยับไม่ได้ ส่งเสียงไม่ได้เลย
นิ้วเรียววาดกระแสลมคมกริบให้พัดผ่านร่างกายของชายที่บีบคอเขาไว้ แต่ก็ไม่เป็นผลเมื่อสายลมนั้นสลายไปเพียงแค่ชายสวมหน้ากากสะบัดผ้าคลุม
ตอนนี้เนคต้าร์ไม่สามารถร่ายเวทย์อะไรได้อีกแล้ว
เขาไม่มีสติและพลังเวทย์สูงพอที่จะต่อต้านการกระทำนี้
ถ้าพี่ชายอยู่..
ตุ๊บ.
“หือ มีคนอยู่หรอกหรือ” ร่างของเด็กหนุ่มนัยน์ตาสีส้มอ่อนมองสิ่งที่ตัวเองนั่งทับอยู่
และตรงหน้าเขาก็มีเด็กหนุ่มวัยไล่เลี่ยกันยืนหอบหายใจดูแล้วไม่น่าจะใช่เรื่องดีเสียเท่าไหร่
แอสเทียร์ลุกขึ้นปัดเศษฝุ่นเศษดินที่เกาะเสื้อแล้วปรายตามองเนคต้าร์ที่ยืนอึ้งอยู่
แอสเทียร์จำได้ว่าเด็กคนนี้เป็นคนของตระกูลพานิค
น้องชายบุญธรรมของไอเรส
“เจ้ามองอะไร?แล้วมาทำอะไรอยู่ที่มืดกับ..ชายสวมหน้ากาก”
แอสเทียร์มองคนที่สลบอยู่บนพื้นอย่างไม่ใส่ใจนัก
เขาแค่หลบทหารองครักษ์ที่พยายามรักษาความปลอดภัยจนเกินเหตุหลังจากเกิดเหตุวุ่นวายในห้องจัดเลี้ยง
เลยปีนระเบียงหลบแต่ดันพลัดตกลงมาก่อน
“ฉันก็อยากจะรู้เหมือนกันว่ามาทำอะไรอยู่ตรงนี้
แต่ตอนนี้รีบออกจากตรงนี้ดีกว่า” เนคต้าร์หันไปมองชายสวมหน้ากาก
ใจจริงก็อยากจะรู้ว่าคนๆนี้เป็นใครทำไมถึงต้องการจับตัวพี่หวางอี้ แต่สถานการณ์ในตอนนี้เขาไม่สามารถทำอะไรได้มากไปกว่ารีบหนี
“ด..เดี๋ยว รอข้าก่อน!”
องค์ชายน้อยรีบวิ่งตามคนอายุไล่เลี่ยกันไปทันที
โดยไม่ทันเห็นว่าคนที่เขาตกลงมาทับนั้นได้ขยับตัวแล้ว
มือหนาถอดหน้ากากออกเผยให้เห็นถึงใบหน้าของชายผู้หนึ่งที่มีใบหน้าเป็นรอยแผลที่แก้ม
เขาเป็นอดีตลูกชายขุนนางผู้หนึ่งที่ถูกชาเรย์เปิดโปงความผิดเรื่องพยายามลักลอบเงินในคลัง
ถูกถอดยศ
ถูกขับไล่ออกจากอาณาจักร
ถูกยึดทรัพย์สินจนต้องตกที่นั่งลำบาก
และพ่อของเขาถูกตัดสินประหารชีวิต
ถ้าหากทำให้ตระกูลพานิคเจ็บปวดได้... นั่นคือเป้าหมายสูงสุดในชีวิตของเขา
หมับ.
“เจ้าหายตัวไปไหน..”
มือเรียวของชายหนุ่มคว้าคอเสื้อของเนคต้าร์เอาไว้อย่างรวดเร็วเมื่อเห็นอะไรบางอย่างที่วิ่งผ่านมาทางนี้
หวางอี้รีบปล่อยมือเมื่อนึกขึ้นได้ว่าตนเองสัมผัสหนูสกปรกที่ตนเองรังเกียจ
ใบหน้างามมีร่องรอยของความไม่พอใจแฝงอยู่แต่เมื่อนัยน์ตาคู่สวยเห็นคนที่ตามมาก็ต้องแปลกใจ
“องค์ชายแอสเทียร์?”
“เจ้าวิ่งจนข้าตามไม่ทัน..” หวางอี้มองเนคต้าร์สลับกับองค์ชายเล็กน้อย
เขาเข้าใจว่าองค์ชายคงจะไปเจอเนคต้าร์ที่ไหนซักที่
แต่เขาเห็นรอยแดงที่คอเนคต้าร์แล้วคงจะต้องมีเรื่องอะไรเกิดขึ้นอย่างแน่นอน
ถ้าหากท่านพี่รู้คงจะไม่พอใจ
“ขออภัยองค์ชาย แต่ยามนี้แล้วกระหม่อมขอพาคนของพานิคกลับคฤหาสน์ก่อน
โอกาสหน้าพบกันใหม่” ร่างเพรียวโค้งให้แอสเทียร์ที่ยืนงงอยู่อย่างงดงามแล้วหันหลังเดินกลับออกไปที่ประตูโดยไม่รอเด็กหนุ่มที่พึ่งเจอตัวให้เดินตามทัน
เนคต้าร์หันมาโค้งให้กับแอสเทียร์อย่างเร่งรีบแล้วรีบเดินตามร่างของทายาทคนรองไปทันที
แต่ริมฝีปากที่ขยับโดยไม่มีเสียงก็ทำให้รู้ว่าอย่างน้อยน้องชายบุญธรรมของไอเรสก็ไม่ได้นิสัยแย่อะไร
พวกเขาน่าจะเป็นสหายกันได้
ขอบคุณ
ใบหน้าน่ารักของเจ้าชายน้อยปรากฏรอยยิ้มเล็กๆ เขาไม่มีเพื่อนเพราะฐานะที่ต่างกันเกินไป
คนในราชวงศ์ก็ไม่มีคนเป็นเพื่อนเขา ท่านพี่ทาทารัสเองก็เป็นคนจริงจังจนเกินไป
ส่วนเลคาร์ทไม่ต้องพูดถึง รายนั้นพบหน้าเขาทีไรก็เป็นต้องทำหน้าโหดใส่ทุกที
คนที่พอจะเป็นเพื่อนเขาได้คือชิลลี่เท่านั้นแหละ
“องค์ชายแอสเทียร์!พระองค์หายไปไหนมาพะยะค่ะ”
เด็กหนุ่มพ่นลมหายใจออกมาน้อยๆ ในที่สุดเขาก็ถูกทหารองครักษ์ตามเจออยู่ดี
“เจ้าก็เห็นว่าข้าปลอดภัยดี และอยู่ตรงนี้”
“จะเสด็จกลับวังหลวงเลยไหมพะยะค่ะ”
“ข้าขัดพวกเจ้าได้ด้วยหรือไง”
แอสเทียร์บ่นเบาๆแล้วเดินตามทหารองครักษ์ออกจากคฤหาสน์ บางทีถ้าเขาขอตัวเนคต้าร์มาคุยเล่นอยู่ในวังได้เป็นบางวัน
บางทีเขาอาจจะได้เจอไอเรสก็เป็นได้
เด็กนั่งตวัดตัวขึ้นบนหลังม้าแล้วกระตุ้นให้ออกวิ่งจากหน้าคฤหาสน์
นัยน์ตาคู่สวยพราวระยับรับกับแสงจันทร์ที่ส่องมาและรอยยิ้มน้อยๆที่ทำให้องครักษ์ทั้งสองคนที่คอยอารักขาสงสัย
ถ้าองค์ชายแอสเทียร์ยิ้มแบบนี้แสดงว่าพวกเขาต้องเหนื่อยอีกแน่
-----------------
Talk
ออคต้าร์กับทาทารัสคือนิสัยบ้าระห่ำกันทั้งคู่
ผลเลยกลายเป็นว่าไม่มีคนรอดเลยค่ะ.. เลือกเหยื่อผิดมาก
*ตำแหน่งขุนนาง
ดยุก(Duke)-ดัชเชส(Duchess)
มาควิส(Marquess-มาร์เควียเนส(Marchioness)
เอิร์ล(Earl)/เคานท์(Count)-เคานท์เตส(countess)
ไวส์เคานท์(Viscount)-ไวส์เคานท์เตส(Viscountess)
บารอน(Baron)-บารอเนส(Baroness)
ตระกูลสี่วิหกอยู่ในตำแหน่งขุนนางสูงสุดคือDukeค่ะ เรียกได้ว่าสูงที่สุดในอาณาจักรแล้ว
ในอาณาจักรเบทริกซ์มีตำแหน่งดยุกให้แค่4ตระกูลนี้เท่านั้น นอกนั้นจะเป็นตำแหน่งที่ลดหลั่นกันไป
ความคิดเห็น