คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : Tale 2 : พิธีผูกพันธะสัญญา
บทที่2 พิธีผูกพันธะสัญญา
“อึก..ฝ..ฝ่าบาท”
ร่างชายสองคนที่กำลังทำกิจกรรมเร่าร้อนอยู่บนเตียงกว้าง โดยที่ร่างกายกำยำของชายหนุ่มทาบทับอยู่บนร่างกายเปลือยเปล่าของเด็กหนุ่มรูปร่างบอบบาง
ริมฝีปากร้อนไล่จูบไปตามร่างกายอย่างรุนแรงเร่าร้อน
ปัง!
“ข้าให้เวลาเจ้าไสหัวออกจากห้องนี้เดี๋ยวนี้!” ร่างเล็กของเด็กชายเรือนผมสีน้ำตาลแดงพูดขึ้นเมื่อเห็นว่าเกิดอะไรขึ้นในห้องนอนของ‘พี่ชาย’ตนเอง นัยน์ตาสีส้มอ่อนดุจอัญมณีเม็ดงามตวัดมองร่างของคู่นอนคนใหม่ของกษัตริย์แห่งเบทริกซ์อย่างสมเพชแล้วเดินเข้าไปหาคนเป็นพี่ที่ลูบหน้าตัวเองอย่างไม่สบอารมณ์นักที่ถูกขัดจังหวะ
“ท่านพี่ทาทารัส
ชิลลี่บอกให้ท่านพี่สั่งการทหารรักษาความปลอดภัยให้รัดกุมกว่าปกติ” แอสเทียร์ยืนห่างจากเตียงของทาทารัสพอสมควรเมื่อเห็นว่าคนที่เขาบอกให้ออกไปเมื่อครู่ยังคงอยู่บนเตียง
ซึ่งแอสเทียร์ไม่ชอบเลยแม้แต่น้อย กล้าดีอย่างไรถึงยังไม่ทำตามที่เขาสั่ง
“มิทิลเจ้าออกไปซะ”
มือแกร่งเสยผมสีแดงเพลิงขึ้นอย่างหงุดหงิด เขาไม่ชอบให้ใครมาขัดเวลาส่วนตัวของเขา แต่ในเมื่อเรอาตริสผู้นั้นฝากแอสเทียร์มาบอกแบบนี้แสดงว่ามันต้องเกิดอะไรขึ้นในพิธีผูกพันธะสัญญานั่น
ซึ่งเขาจะละเลยต่อคำพูดของเรอาตริสไม่ได้ ร่างสูงกำยำลุกขึ้นโดยมีผ้าห่มผืนบางคลุมร่างกายส่วนล่างไม่ให้เปลือยกายต่อหน้าผู้เป็นน้องเท่านั้น
“ข้าจะล่วงหน้าไปที่พิธีก่อน”
เด็กชายหันหลังกลับออกไปทางเดิม เขาชินเสียแล้วกับคู่นอนเพียงคืนเดียวของท่านพี่ของเขา
ทาทารัสเป็นกษัตริย์ที่พึ่งขึ้นครองราชย์ได้ 2 ปี
แต่กลับได้รับความเคารพจากประชาชนและตระกูลวิหกอย่างแท้จริง
ทุกอย่างที่ท่านพี่ทำคือเพื่ออาณาจักรเบทริกซ์ของพวกเขา
พี่ชายของเขาเป็นกษัตริย์นักรบอย่างแท้จริง ในขณะเดียวกันก็เป็นนักรักด้วยเช่นกัน
ตัวอย่างน่ะหรอ..
ก็อย่างเช้านี้ไงเล่า
ท่านพี่มักจะมีผู้เสนอตัวมาอย่างนี้ทุกคืน
หากแต่ไม่เคยปราถนาผู้ใดเกินค่ำคืนเดียว
แอสเทียร์เป็นเจ้าชายแห่งเบทริกซ์
เป็นน้องต่างมารดาของกษัตริย์องค์ปัจจุบัน
แต่ตำแหน่งของเขากลับไม่ได้ช่วยให้คนอื่นเคารพเขาเท่าที่ควรจะเป็น
ทุกคนจะเห็นเขาเป็นเพียงน้องชายของทาทารัสเท่านั้น
ไม่มีคนฟังคำสั่งของเขาอย่างแท้จริง
เขายังเป็นเพียงแค่เด็กชาย
ในสายตาของคนอื่น
ไม่มีคนมองว่าเขาก็เป็นราชนิกูลเหมือนพี่ทาทารัส
“เอาม้ามาให้ข้า
ข้าจะไปที่ลานพิธี” ร่างเล็กตวัดตัวขึ้นไปบนหลังอาชาสีขาวพันธุ์ดีอย่างคล่องแคล่ว
ก่อนที่จะกระตุ้นให้ออกกระโจนไปยังทิศทางเป้าหมายโดยไม่มีผู้ติดตาม
หรือต่อให้มีก็ไม่มีใครตามเขาทันอยู่ดีนั่นล่ะ
นี่เป็นสิ่งเดียวที่ท่านพี่ทาทารัสสอนเขาและเขาทำได้อย่างดีเยี่ยม
สายลมพัดผ่านตามความเร็วของฝีเท้าอาชาชั้นดี
พัดพาเอาความรู้สึกกดดันของแอสเทียร์ให้หายไปได้บ้าง แม้เพียงเล็กน้อย
จนกระทั่งถึงเขตเมืองจึงผ่อนฝีเท้าลง
นัยน์ตาสีส้มอ่อนมองไปยังลานพิธีและรอบๆอย่างสนใจ
เขารู้ว่าพิธีในวันนี้เป็นของบุตรชายคนโตตระกูลพานิค แอสเทียร์เคยเห็นเขาห่างๆไม่กี่ครั้งตามงานสำคัญ
แต่ก็ไม่เคยสนทนาด้วย
“ระวัง!!”
เพล๊ง!
วูบหนึ่งที่เขารู้สึกว่ามีสายลมพัดผ่านตัวเขาอย่างรุนแรงและได้ยินเสียงของแตกดังอยู่ข้างหลัง
เมื่อหันไปก็พบกับกระถางต้นไม้ขนาดกลางตกแตกอยู่
แอสเทียร์ลงจากหลังม้าแล้วมองหาตัวคนที่อาจจะลอบทำร้ายเขาได้ เพราะแบบนี้ท่านพี่ทาทารัสถึงสั่งให้เขามีผู้ติดตามทุกครั้ง
การเป็นเชื้อพระวงศ์มีโอกาสที่จะโดนลอบทำร้ายทุกเมื่อ ยกเว้นกับตัวทาทารัสเอง
“เจ้าเป็นอะไรไหม?” เด็กหนุ่มร่างสูงสองคนเดินเข้ามาหาจนเด็กชายต้องถอยหลังไปโดยไม่รู้ตัว
“ไม่ต้องกลัวพวกข้าหรอก
พวกข้าเป็นคนดี” เด็กหนุ่มนัยน์ตาสีทองสว่างเอ่ยพร้อมรอยยิ้มอ่อนโยน
แต่แอสเทียร์ก็ยังไม่ไวใจ
และดูท่าทางเขาจะแสดงออกชัดเจนจนผู้เข้ามาต้องถอยออกรักษาระยะห่างเล็กน้อย
“คุณเข้ามาแบบนี้เป็นใครก็ต้องกลัวคุณครับไอเรส”
คราวนี้เด็กหนุ่มนัยน์ตาสีเขียวน้ำทะเลพูดขึ้นบ้าง ใบหน้าหล่อเหลามีรอยยิ้มเช่นเดียวกับเพื่อนสนิท
เอเปอร์มองเด็กชายที่พวกเขาพึ่งช่วยไว้อย่างพิจจารณาอีกครั้งแล้วขมวดคิ้วน้อยๆก่อนที่จะหายกลับไปเป็นปกติ
รูปร่างหน้าตาแบบนี้..
สีผมสีน้ำตาลแดงกับนัยน์ตาสีส้มอ่อน
ดูเหมือนไอเรสจะไม่รู้ตัวเลยซินะว่ากำลังพูดอยู่กับใคร
“ไม่เป็นไรก็ดีแล้ว
พวกข้าขอตัวก่อน”
มืออุ่นลูบศรีษะของเด็กชายเบาๆอย่างเอ็นดูก่อนที่จะหันหลังเดินกลับไปทางเดิม
ในขณะที่เอเปอร์หันกลับมาโค้งน้อยๆให้
โดยที่แอสเทียร์ยังไม่ทันได้เอ่ยปากอะไรซักคำตั้งแต่ลงจากหลังม้ามา
“ไอเรส
เมื่อครู่คุณรู้ไหมว่าเด็กคนนั้นคือใคร”
เจ้าของเรือนผมยาวสีเขียวน้ำทะเลเอ่ยกับเพื่อนสนิทที่เดินข้างๆ เรียกความสนใจจากไอเรสให้หันมามองได้เป็นอย่างดี
“ก็เด็กคนหนึ่งไม่ใช่หรือไง
แต่ดูจากอาชาชั้นดีแล้วน่าจะมาจากตระกูลชั้นสูง”
ไอเรสส่ายหน้าเล็กน้อยกับคำถามของเพื่อน ในตอนแรกเอเปอร์เป็นคนเห็นกระถางต้นไม้นั่นกำลังร่วงลงมาเลยรีบบอกเขาให้ใช้พลังช่วย
ซึ่งทันเวลาพอดี เอเปอร์มีความสามารถในการมองเห็นอย่างดีเยี่ยม
นั่นทำให้เพื่อนสนิทของเขามักจะเข้าไปอยู่ในเรื่องยุ่งๆอยู่เสมอ
“เด็กคนนั้นคือแอสเทียร์
เค. ไนเอลเรส น้องชายของกษัตริย์ทาทารัส..” เอเปอร์หัวเราะเบาๆตาของเขาหยีลงอย่างที่ไอเรสอดที่จะหวั่นๆไม่ได้ว่าเพื่อนของเขาคิดอะไรอยู่
จริงๆแล้วเอเปอร์แค่มองเห็นและบอกเขาเฉยๆเรื่องกระถางต้นไม้
แต่คนที่ตัดสินใจใช้พลังช่วยน่ะเขาเองต่างหาก..
“เด็กคนนั้นอายุน่าจะพอๆกับเนคต้าร์
ข้าเลยรู้สึกว่าต้องช่วยแค่นั้น”
“ครับ คุณแค่แพ้เด็กหน้าตาน่ารัก มันก็คล้ายๆกับกรณีของเนคต้าร์นั่นล่ะ” เด็กหนุ่มจากตระกูลโรซาลีนโคลงหัวเล็กน้อย สำหรับคนอื่นไอเรสจะเป็นคนที่ดูเป็นเด็กหนุ่มรูปงามสมบูรณ์แบบ กริยามารยาทสง่างามสมกับสายเลือด แต่ใครจะไปรู้ว่าไอเรสมีจุดอ่อนที่ไม่ว่าใครรู้ก็จะต้องหัวเราะอย่างแน่นอน
ไอเรสเป็นพวกรักน้องชายเข้าสายเลือด
อันที่จริง
ต้องบอกว่าชอบเด็กน่ารักต่างหาก
“พูดเหมือนไปเก็บลูกหมามาเลี้ยงอย่างไรอย่างนั้น..”
ไอเรสหัวเราะตาม มันก็จริงอย่างที่เอเปอร์พูดมา เขาค่อนข้างชอบเด็กหน้าตาน่ารัก
เพราะทำให้นึกถึงน้องๆที่คฤหาสน์เสียอย่างนั้น วันนี้พวกเขาออกมาดูสถานที่จัดพิธีก่อนพิธีเริ่มเพื่อตรวจดูความเรียบร้อย
“พี่ชาย”
“เนคต้าร์?เจ้ามาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร
แล้วคนอื่นล่ะ” เสียงเรียกคุ้นหูจากข้างร้านหนังสือทำให้เด็กหนุ่มทั้งคู่หันไปมอง
ไอเรสเบิกตากว้างเมื่อเห็นน้องชายบุญธรรมยืนอยู่ข้างบุคคลที่เขาไม่คิดว่าจะมาปรากฏตัวที่นี่ในเวลานี้
เกรย์เซีย ฟรอเรนซ์ โรซาลีนส่งยิ้มเล็กน้อยให้กับคนอายุน้อยกว่า
“น้องของคุณหรือพานิค”
นัยน์ตาสีฟ้าดั่งน้ำทะเลมองร่างสูงของเด็กหนุ่มทั้งสองคนที่เขารู้จักสลับกับเด็กชายที่เขาพึ่งทำแผลที่มือให้
เท่าที่เขาจำได้ ตระกูลพานิคมีทายาทเพียงสองคนและอายุไล่เลี่ยกัน
แต่เด็กชายคนนี้กลับอายุน้อยกว่าที่เขาคิด
“เนคต้าร์เป็นน้องบุญธรรมของข้าท่านเกรย์เซีย”
ไอเรสค้อมตัวน้อยๆเป็นการทักทายผู้มีศักดิ์สูงกว่า ในขณะที่เอเปอร์ก้มหัวให้ผู้นำตระกูลยามที่เกรย์เซียเดินผ่าน
เกรย์เซียเป็นลูกชายของผู้นำตระกูลคนก่อนที่เป็นพี่ชายของบิดาของเขา
แม้ว่าเกรย์เซียจะไม่ถือตัวและบอกให้เขาเรียกพี่ได้
แต่ความรู้สึกของเอเปอร์กลับบอกว่า หากเขาเรียกเกรย์เซียว่าพี่เมื่อไหร่
ฝ่ายนั้นจะต้องหาทางแกล้งเขาอย่างแน่นอน
“เนคต้าร์ซินะ..เด็กคนนี้ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย
ผมรักษาบาดแผลให้แล้วไม่ต้องกังวล”
นัยน์ตาสีฟ้าน้ำทะเลฉายประกายสนใจเล็กน้อยก่อนที่จะกลับมาอ่อนโยนดังเดิม
ซึ่งแน่นอนว่าไม่ได้รอดพ้นจากสายตาของเอเปอร์ไปได้
คนตระกูลโรซาลีนมักจะซ่อนอะไรภายใต้ใบหน้ายิ้มแย้มเสมอ
นั่นทำให้หลายคนไม่รู้ว่าพวกเขาคิดอะไร แม้จะเป็นมิตรที่สุดในสี่ตระกูลก็เถอะ
“ไอเรส
ผมว่าคุณให้เนคต้าร์ระวังตัวหน่อยก็ดี..อีกอย่างไปเตรียมตัวได้แล้วครับ
ใกล้เวลาแล้ว”
“เจอกันที่ลานพิธีเอเปอร์
เนคต้าร์เจ้ามากับพี่”
ร่างสูงจูงมือเด็กชายให้เดินไปนั่งรออยู่ที่นั่งฝั่งตระกูลพานิค
ไม่นานนักชาเรย์กับไมร่าก็ตามมา โดยที่หวางอี้ตามมาทีหลัง รอบลานพิธีเริ่มมีผู้คนรวมตัวกันปะปราย
นัยน์ตาสีทองสว่างมองไปรอบๆเห็นเอเปอร์อยู่ในที่นั่งของตระกูลโรซาลีนจึงโบกมือให้
ข้างตระกูลโรซาลีนคือตระกูลคาเรน ผู้นำตระกูลคนปัจจุบันมีอายุมากกว่าชาเรย์มาก
หากแต่ชายหนุ่มผมสีน้ำตาลอ่อนที่อยู่ข้างๆผู้นำตระกูลคือผู้ที่คนรอบข้างให้ความสนใจ
เบเรียส ไอม์ คาเลน ว่าที่ผู้นำตระกูลคนต่อไป
และเด็กหญิงวัยไล่เลี่ยกับเนคต้าร์ โรซาริอา แอนนาลิเซ่ ดิ เมดิซีน น้องสาวต่างมารดาของเบเรียสที่เกิดจากลูกสาวชาวบ้านธรรมดาและพึ่งถูกตระกูลคาเลนรับกลับมาเลี้ยงช่วงเวลาเดียวกับที่เขารับเนคต้าร์มา
“เหลือแค่ฟารอส”
ไอเรสหันไปมองยังพื้นที่ข้างๆที่ว่างเปล่า
เขารู้ว่าท่านพ่อกับผู้นำตระกูลฟารอสมีอุดมการณ์ที่ขัดกันอย่างรุนแรงมาตั้งแต่สมัยรุ่นปู่ของเขา
แต่สำหรับพิธีการสำคัญแบบนี้การไม่ให้เกียรติกันโดยไม่มางานพิธีหรือมาสายเป็นสิ่งที่ไร้มารยาทเป็นอย่างยิ่ง
“ท่านเรอาตริสมาหรือยัง
หรือจะมาพร้อมกษัตริย์” ชาเรย์มองลานรอบพิธีผูกพันธะสัญญาแล้วตบบ่าให้กำลังใจลูกชายเล็กน้อย
วันนี้เป็นวันที่ไอเรสจะก้าวเข้าสู่วัยผู้ใหญ่อย่างเต็มตัวเพื่อที่จะสามารถรับผิดชอบภาระหน้าที่ของตระกูลได้
“ท่านพี่ไอเรส
ท่านไปทำอะไรมาเสื้อถึงได้ยับเช่นนี้”
ร่างโปร่งบางของหวางอี้เดินมาหยุดหน้าแล้วจัดการจับปกเสื้อสีขาวให้เข้าที่
นัยน์ตาสีม่วงสำรวจร่างกายของพี่ชายอย่างพึงพอใจ
ในสายตาของเขาแล้วไอเรสเป็นคนที่สง่างามและอ่อนโยนที่สุดและยิ่งในวันที่ไอเรสกำลังจะทำพันธะสัญญาเพื่อก้าวเข้าสู่ภาระหน้าที่
ร่างสูงที่แต่งตัวเต็มยศในชุดสีขาวบริสุทธิ์เช่นเดียวกับเรือนผมสีขาวกับนัยน์ตาสีทองทำให้ไอเรสเหมือนเทพเดินดินเลยด้วยซ้ำ
“ฟารอสมาแล้ว
แต่ดูเหมือนท่านแม่ทัพจะไม่ได้มานะ” เสียงเซ็งแซ่ดังขึ้นจากประชาชนรอบข้าง
เรียกความสนใจจากทั้งสามตระกูลได้เป็นอย่างดี
ร่างของชายสองคนเดินเข้ามาอย่างเงียบๆ
คนที่สูงกว่าหันมาก้มหัวให้ชาเรย์เล็กน้อยตามมารยาท
ในขณะที่เด็กหนุ่มอีกหนึ่งคนไม่มีปฏิกริยาใดๆทั้งสิ้น
“ให้ลูกชายมาทำหน้าที่แทนอย่างนั้นซินะ”
ชาเรย์เหลือบมองเล็กน้อยแล้วส่ายหน้า ออคต้าร์ เวย์น จินซิส ฟารอส
ว่าที่ผู้นำคนต่อไปของฟารอส กับแอมเนส เดย์ไนท์ เลโอเน่ ลูกชายคนเล็กที่ห่างจากพี่ชายเพียงสองปี
การที่ส่งตัวแทนมาเช่นนี้เป็นการประกาศว่าออคต้าร์คือผู้นำคนต่อไปอย่างไม่เป็นทางการ
“กษัตริย์ทาทารัสเสด็จ!”
“ถวายพระพรองค์กษัตริย์”
ตระกูลสี่วิหกเอ่ยขึ้นอย่างพร้อมเพรียง
ในขณะที่ทาทารัสเพียงแค่โบกมือให้ทุกคนลุกขึ้น
เขาไม่ชอบพิธีอะไรที่ต้องยืดเยื้อเสียเท่าไหร่ นัยน์ตาสีฟ้ากวาดมองมาที่ตระกูลทั้งสี่ผ่านๆแล้วนั่งลงเพื่อรอเริ่มพิธี
“เรอาตริส
นางอยู่ที่ใด” ทาทารัสเอ่ยถามแอสเทียร์ที่มานั่งข้างๆเสียงเรียบ
เขาไม่ชอบพิธียืดเยื้อ และไม่ชอบการรอคอย
“นาง..”
“ข้าอยู่นี่แล้วทาทารัส”
ยังไม่ทันที่แอสเทียร์จะตอบอะไร ร่างเล็กของหญิงสาวปรากฏกายขึ้นที่ข้างกายเขา ไม่มีใครรู้ว่าเรอาตริสมาเมื่อไหร่
แต่ทาทารัสก็ไม่สนใจนัก
ในเมื่อตอนนี้ผู้ผูกพันธะสัญญามาอยู่ที่นี่แล้วก็ควรจะเริ่มพิธีได้เสียที
ไอเรสขึ้นไปยืนบนตำแหน่งที่ถูกกำหนดไว้
ใบหน้าหล่อเหลาไม่มีรอยยิ้มประดับเช่นเคย
เหลือเพียงความจริงจังและความกดดันเท่านั้น เขาหวังว่าวันนี้จะไม่ใช่วันสุดท้ายของตระกูลพานิค
นัยน์ตาสีทองก้มมองแขนของตนเองแล้วใช้มีดกรีดเพื่อให้เลือดหยดลงไปที่ถ้วยที่ผู้ทำนายแห่งเบทริกซ์ถือไว้
เลือดสีสดไหลลงไปในถ้วยสีทองอย่างช้าๆจนเรอาตริสบอกให้ยกมือออก
“สายเลือดขององค์ปฐมกษัตริย์โปรดรับพันธะสัญญา”
ทาทารัสกรีดเลือดใส่ลงไปในถ้วยเดียวกัน นัยน์ตาสีแดงของผู้ทำนายแห่งเบทริกซ์ฉายประกายสนุกสนานก่อนที่จะวางถ้วยใส่เลือดนั้นบนแท่นพิธี
ริมฝีปากแดงท่องอะไรบางอย่างที่คนทั้งลานไม่มีทางเข้าใจ
ก็สิ่งที่เธอพูดน่ะ
มันเป็นภาษาโบราณน่ะซิ
“พานิค
กล่าวคำสาบานซะ” เมื่อเห็นว่าเลือดในถ้วยเริ่มเหือดแห้งจากสิ่งที่เธอพูดเมื่อครู่
เรอาตริสจึงหันกลับไปบอกไอเรสให้กล่าวคำสาบานต่อหน้ากษัตริย์และประชาชนที่มุงดูอยู่โดยรอบ
ในช่วงเวลานี้เป็นช่วงเวลาที่อันตรายที่สุด เพราะปีกของคนในตระกูลจะสยายออกมา
หากแต่ความเจ็บปวดนั้นมากมายนัก
“ข้าไอเรส
วีคาร์ส พานิค ขอสาบานด้วยเกียรติและสายเลือดของดิลอส พานิค
ข้าขอรับใช้สายเลือดขององค์ปฐมกษัตริย์ตราบลมหายใจสุดท้ายของข้า” สายลมที่พัดผ่านมาเริ่มกระโชกรุนแรงมากขึ้น
และเปลี่ยนทิศทางไปหมุนวนรอบตัวไอเรสแทน
กระแสลมทั้งหมดหมุนวนจนแทบจะเห็นเป็นรูปร่างชัดเจนรอบร่างของว่าที่ผู้นำตระกูลพานิค
“เกิดอะไรขึ้น?!”
“ไม่เคยเกิดอย่างนี้นี่!”
เสียงประชาชนรอบลานพิธีเริ่มแตกตื่นเมื่อเห็นว่าเกิดพายุหมุนรอบกายของไอเรส
ชาเรย์และไมร่าผุดลุกขึ้นและทำท่าจะเข้าไปในลานพิธี
เพียงแต่โดนสกัดกั้นไว้จากทหารที่มารักษาความสงบ เอเปอร์ก็ลุกขึ้นแล้วพยายามจะใช้เวทย์สายพิรุณของตนเองหยุดพายุนั่นแต่ก็โดนเกรย์เซียสั่งห้ามไว้เสียก่อน
พวกเขาทำอะไรไม่ได้ นี่ไม่ใช่สถานการณ์ปกติ
และต่อให้ทำได้..เกรย์เซียก็ไม่คิดว่าจะให้เอเปอร์ยื่นมือไปช่วยหรอก
นี่เป็นบททดสอบของว่าที่ผู้นำตระกูลพานิค
หากจะให้คนอื่นยอมรับก็ต้องควบคุมสถานกาณ์ให้ได้
แม้ว่านี่จะไม่ใช่สถานการณ์ปกติก็ตาม
“ท่านพี่ทาทารัส!ได้โปรดสั่งหยุดพิธีเถอะ”
นัยน์ตาสีส้มอ่อนของแอสเทียร์มองเข้าไปในสายลมนั่นแล้วเกือบจะกรีดร้องออกมา เท่าที่เขาเห็น
เนื้อตัวของเด็กหนุ่มคนนั้นเต็มไปด้วยเลือดจากการที่สายลมบาดผิว
แม้ร่างนั้นจะยังคุกเข่าอยู่ อย่างไรก็ตาม ไอเรสเป็นคนช่วยเขาไว้
หากเขาปล่อยให้ผู้มีพระคุณต้องบาดเจ็บจนเสียชีวิต เขาคงจะมองหน้าใครไม่ได้แน่
“เรอาตริส
ที่เจ้าบอกให้เตรียมกำลังทหารเพราะเหตุนี้ใช่หรือไม่”
ร่างกำยำไม่สนใจสิ่งที่น้องชายร้องขอ กลับไปเอ่ยถามหญิงสาวที่ไม่ได้มีสีหน้ากังวลแม้แต่น้อยราวกับว่าเป็นเรื่องปกติ
“ท่านจะมีเรื่องให้แปลกใจมากกว่านี้อีกทาทารัส”
สายลมยังคงหมุนกระหน่ำในขณะที่ประชาชนแตกตื่นและหาที่วิ่งหลบจนกลายเป็นชุลมุน
เมื่อเป็นเช่นนี้แล้วชาเรย์จึงต้องไปควบคุมผู้คนให้อยู่ในความสงบ ทั้งที่ใจยังคงห่วงลูกชายที่ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น
แต่สำหรับเขาแล้ว ‘หน้าที่’ ต่อประชาชนคือสิ่งที่เขาต้องทำ
แม้อีกด้านคือครอบครัวก็ตามที
“ท่านพี่..”
หวางอี้คอยพยุงไมร่าที่ตอนนี้แทบจะหมดสติเมื่อเห็นสิ่งผิดปกติเกิดขึ้นกับลูกชายของตนเอง
หัวใจดวงน้อยเต้นแรงด้วยความกลัวในสิ่งที่เกิดขึ้น
ถึงจะพยายามทำตัวให้เป็นผู้ใหญ่แค่ไหน
แต่ยามนี้หวางอี้กลับรู้สึกว่าตนเองเป็นเพียงเด็กตัวเล็กๆที่ไม่สามารถช่วยอะไรท่านพี่ได้แม้แต่น้อย
เขาพยายามใช้สายลมของเขาเข้าไปหยุดพายุนั่น แต่ก็ไม่สามารถทำอะไรได้
เวลาผ่านไปราวครึ่งชั่วโมง
สายลมนั้นจึงเริ่มอ่อนแรงจนจางหายไป
เหลือเพียงเด็กหนุ่มที่คุกเข่าในท่าเดิมตั้งแต่ก่อนเกิดพายุ
ใบหน้าหล่อเหลามีรอยบาดจากกระแสลมเรียกเลือดสีสดให้ไหลลงมาตามโครงหน้า
เสื้อผ้าสีขาวสะอาดกลับกลายเป็นขาดเป็นริ้วและเปื้อนไปด้วยฝุ่นกับรอยเลือด
ไอเรสเงยหน้าขึ้นมามองหญิงสาวที่มีสีหน้าพอใจ
เมื่อเบนสายตาไปยังเชื้อพระวงศ์ทั้งสอง ทาทารัสมีสีหน้านิ่งจนเขาอ่านไม่ออก
ในขณะที่เด็กชายที่เขาเจอมีสีหน้าราวกับจะร้องไห้ ก่อนที่โลกทั้งใบจะหมุนและมืดลง
ตึง
“เจ้า!”
“ท่านพี่!”
เขาได้ยินเสียงหวางอี้กับเนคต้าร์ตะโกนเรียกชื่อของเขา
หากแต่ภาพที่เขาเห็นก่อนที่โลกจะมืดคือร่างเล็กของเจ้าชายน้อยแอสเทียร์ที่กระโดดลงจากลานของกษัตริย์ลงมาหาเขา
อา..ไอเรส
มาได้แค่นี้ซินะ..
ไอ...
ไอเรส..
ไอเรส..
เสียงเรียกชื่อเขาดังมาจากความมืด
เขามองไม่เห็นอะไรทั้งสิ้นแม้แต่ร่างกายของตนเอง ทั้งๆที่ร่างกายสามารถขยับได้แต่ไม่สามารถรู้ได้เลยว่าข้างหน้ามีอะไรรออยู่
มาหาข้าไอเรส..
เด็กน้อยของข้า..
“นั่นใคร?”
จงเดินตามข้า
“ข้าถามว่านั่นใคร!
ข้าจะเดินตามเจ้าได้เช่นไรหากข้ามองไม่เห็น” ไอเรสวิ่งตามเสียงไปในความมืด
มีเพียงเสียงลมหายใจของเขาเท่านั้นที่บ่งบอกถึงสิ่งมีชีวิต เขาจะต้องทำอย่างไรกัน
ตามหาตัวข้าจากตัวตนเจ้า..
เท้าของเขาเหยียบย่ำไปบนความว่างเปล่า
ร่างทั้งร่างตกวูบลงไปสู่หุบเหวบางอย่างที่เขามองไม่เห็น เสียงหัวใจเต้นดังจนแทบจะหลุดออกมาจากหน้าอก
เฮือก!
“ท่านพี่ไอเรส!”
เขาสะดุ้งลุกขึ้นนั่งโดยมีหวางอี้คอยประคองอยู่
อีกข้างมีเนคต้าร์กับท่านพ่อท่านแม่คอยมองมาด้วยความเป็นห่วง
และไม่ไกลนักมีเอเปอร์ที่ถอนหายใจอย่างโล่งอกแล้วหันมายิ้มตามแบบฉบับตนเองให้กับเขา
“ไอเรสลูกปลอดภัย..”
ไมร่าทรุดตัวลงมากอดเขาแน่นจนเขาต้องกอดเธอกลับ แม้ว่าร่างกายจะยังรู้สึกชาๆบ้าง
แต่ดูเหมือนว่าหมอหลวงอย่างเกรย์เซียจะรักษาให้เขาแล้ว
ดูจากบาดแผลที่สมานตัวอย่างรวดเร็วด้วยเวทย์สายรักษาที่ตอนนี้มีเพียงแค่เกรย์เซียคนเดียวที่มีเวทย์นั้น
“เจ้าไม่เป็นไรใช่ไหม..”
น้ำเสียงหวานนุ่มแต่ไม่คุ้นหูดังขึ้นขัดจังหวะ
แอสเทียร์เอ่ยอย่างไม่แน่ใจแต่เมื่อเห็นว่าไอเรสมีอาการที่ดีขึ้นแล้วจึงส่งยิ้มเล็กน้อยให้กับคนเจ็บ
“ข้าไม่เป็นไรแล้วเจ้าชายน้อย
ขอบคุณที่ช่วยดูข้า” รอยยิ้มอ่อนโยนเช่นเดียวกับตอนที่ช่วยเด็กชายไว้ปรากฏขึ้น
ส่งผลให้แอสเทียร์สะดุ้งเล็กน้อย
ใบหน้าน่ารักขึ้นสีระรื่อเขินอายอย่างที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อน แม้จะเคยเห็นร่างเปลือยเปล่าของคนหลายคนมาแล้ว
แต่ไม่เคยมีใครทำให้หัวใจดวงน้อยเต้นระรัวได้เช่นนี้
หากแต่ทันทีที่เหลือบไปเห็นสายตาเย็นชาของร่างโปร่งบางที่มองมาก็ต้องถอยหลังเล็กน้อย
ขอบพระทัยองค์ชายแอสเทียร์
หากแต่ต่อจากนี้เรื่องของพี่ชายกระหม่อม ตระกูลพานิคดูแลเองได้พะยะค่ะ”
น้ำเสียงนุ่มนวลสุภาพแต่แฝงไปด้วยกำแพงที่ขวางกั้นด้วยระบบฐานะเอาไว้
หวางอี้ส่งรอยยิ้มการค้าให้กับเด็กชายผู้สูงศักดิ์
แต่สำหรับคนที่รู้จักหวางอี้ดีอย่างไอเรสแล้ว
นั่นคือการบอกเป็นนัยว่าอย่าเข้ามายุ่งเรื่องภายในตระกูลเขาเด็ดขาด
“หากเป็นเช่นนั้นข้าขอตัว”
ใบหน้าน่ารักเชิดขึ้นอย่างไว้ตัวเมื่อเห็นท่าทางของบุตรคนที่สองตระกูลพานิค
เขารู้ว่าตระกูลพานิคเป็นพวกเชื่อมั่นในสายเลือดตนเองและจะไม่ยอมฟังคำสั่งใครทั้งสิ้นนอกจากกษัตริย์
นั่นหมายถึงเขายังไม่มีอำนาจพอที่จะแสดงให้เห็นได้ ร่างเล็กหันหลังกลับไปขึ้นอาชาที่ถูกผูกอยู่หลังลานพิธี
เนื่องจากเขาให้พี่ทาทารัสกลับไปก่อน
ส่วนเขาจะขออยู่ดูอาการของคนที่เขารู้สึกถูกชะตาด้วย
แต่สิ่งที่ข้องใจเขามาตลอดหลังเกิดเหตุการณ์นี้
ปีก..
แม้จะเพียงรางๆยามที่พายุพัดกระหน่ำ
และไม่มีใครมองเห็น
เขาว่าเขาเห็นปีกสีขาวเพียงข้างเดียว
ก่อนจะจางหายไป
ไอเรส
วีคาร์ส พานิค คือบุคคลที่ไม่สามารถทำพันธะสัญญาได้
“น่าสนใจดีใช่ไหม
เด็กคนนั้นน่ะ” หญิงสาวเดินตามหลังร่างสูงกำยำของกษัตริย์แห่งเบทริกซ์ไปด้วยฝีก้าวช้าๆ
เธอรู้ดีว่าการทำพันธะสัญญาครั้งนี้ไม่สำเร็จ และไอเรส วีคาร์ส
พานิคไม่สามารถใช้พลังจากพันธะสัญญาได้
รวมถึงไม่จำเป็นต้องฟังคำสั่งสายเลือดขององค์ปฐมกษัตริย์อีกด้วย
แต่เท่าที่ดูจากพายุในวันนี้แล้ว
ต่อให้ไม่มีพลังจากพันธะสัญญา..
ไอเรสก็ถือว่ามีเวทย์ที่แข็งแกร่งจนหาตัวจับได้ยากเลยทีเดียว
แม้ว่าจะควบคุมไม่ได้ก็เถอะ
“เจ้าคิดเรอาตริส
เอ่ยออกมาอย่ายืดเยื้อ ข้าคร้านจะฟัง”
น้ำเสียงที่ออกมาบ่งบอกให้รู้ว่าหากเธอไม่พูดในสิ่งที่ต้องการจะเอ่ย
คงได้มีคนอารมณ์เสียและไประบายกับสนามรักล่ะมั้ง
“เด็กหนุ่มรูปงามชาติตระกูลสูงกับพลังเวทย์ที่สูงจนหาตัวจับได้ยาก..และดูท่าทางแอสเทียร์จะพึงพอใจเขาไม่น้อย”
ริมฝีปากแดงยังคงเอ่ยด้วยน้ำเสียงเย้าหยอกจนมือแกร่งทุบกำแพงเสียงดังเป็นการบอกให้หยุดล้อเล่น
แต่หญิงสาวก็ไม่ได้รู้สึกหวั่นเกรงอะไร
“ฐานะของตระกูลพานิคกำลังสั่นคลอนจากเหตุการณ์ในวันนี้
แต่ข้าบอกได้ว่าแทนที่ตระกูลจะล่มจม กลับผงาดขึ้นมาได้เพราะเด็กคนนั้น.. มันเป็นเงื่อนไข”
ทาทารัสหยุดเดินชั่วครู่
“ต้องทำอะไรก็ทำ..แต่อย่าให้แอสเทียร์ได้รับอันตราย..” มือแกร่งผลักประตูเข้าไปยังห้องทำงานโดยไม่สนใจหญิงสาวที่มีรอยยิ้มมุมปากปรากฏอยู่
ขาเรียวก้าวเดินต่อไปยังห้องส่วนตัวของตนเอง ในวันนี้เธอหมดหน้าที่แล้ว
“วิหกที่ไม่มีปีกน่ะ
ต่อให้พยายามอย่างไรก็บินไปไหนไม่ได้หรอกนะ”
---------------------
Talk
ตัวละครออกเกือบครบในตอนนี้ คาแรคเตอร์ใครไม่ตรงความคิดท้วงได้เลยนะคะ!
ยังเป็นอดีตอยู่ แต่ตอนหน้าก็จะพาสไปปัจจุบันแล้วนะ
พี่น้องฟารอสนี่เขียนค่อนข้างยาก เพราะนิ่งทั้งคู่ แต่จะพยายามเขียนให้ตรงที่สุดนะคะ
ทุกคอมเม้นต์คือกำลังใจของเรา ขอให้สนุกกับนิยายค่ะ
ปล. เรนนี่หนีไปต่างประเทศ 5วัน เพราะฉะนั้นจะอัพนิยายช้า เนื่องจากกลับมาต้องมาเคลียร์งานทั้งหมด
เลยมาอัพให้ก่อน เป็นของขวัญวันหยุดยาวค่ะ
ปล.2 ทุกคนโอเคไหมกับฉากเรท หากมี แต่ไม่ได้เรทมากนะคะ เพราะดูตัวละครแล้วคงต้องมีฉากนี้บ้างแหละ
ความคิดเห็น