คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : Tale 1 : ตระกูลพานิค
ตอนที่1
400ปีผ่านไป
คฤหาสน์ตระกูลพานิค
อาณาจักรเบทริกซ์ ทิศใต้
ร่างสูงสง่าของชายที่นั่งอยู่
แม้จะมีท่าทางที่สงบนิ่ง หากแต่บนใบหน้านั้นกลับมีร่องรอยของความวิตก
ความเครียดปรากฏอยู่อย่างเห็นได้ชัด
มือหนากำแน่นเมื่อนึกถึงสิ่งที่จะเกิดขึ้นในไม่กี่นาทีนี้
หลังจากที่เขาเฝ้ารอมาหลายชั่วโมง
ทั่วคฤหาสน์ของตระกูลพานิคในตอนนี้วุ่นวายถึงขีดสุด
เมื่อนายหญิงของตระกูลกำลังจะให้กำเนิดบุตรคนคนแรกของตระกูล
สาวใช้ต่างวิ่งกันวุ่นวายจนถึงหมอประจำตระกูลที่เข้าไปเมื่อหลายชั่วโมงที่แล้วยังคงไม่ออกมาจากห้องนั้น
อาณาจักรเบทริกซ์ถูกปกครองด้วยระบบกษัตริย์มายาวนาน400ปี
แน่นอนว่าไม่มีใครในอาณาจักรนี้ไม่รู้จักตระกูลสี่ขุนพลวิหคที่ทำหน้าที่ปกครองทิศต่างๆของอาณาจักร
และคอยช่วยเหลือองค์กษัตริย์ในการปกครอง
อินทรีย์เหนือฟารอส
หงส์ขาวแดนใต้พานิค
เหยี่ยวแดงตะวันตกคาเลน
และเค้าแมวตะวันออกโรซาลีน
ปัง!
“นายท่าน!นายหญิงคลอดแล้วเจ้าค่ะ!” สาวใช้ที่เข้าไปช่วยภายในห้องเปิดประตูมาแจ้งข่าวกับนายเหนือหัวของตนเอง
ชายผู้เป็นเจ้าของคฤหาสน์ตระกูลพานิคคนปัจจุบันผุดลุกขึ้นทันทีด้วยสีหน้าปลื้มปิติอย่างมาก
ขายาวก้าวผ่านประตูบานใหญ่ไปอย่างรวดเร็ว
“ท่านชาเรย์
เด็กคนนี้เป็นเด็กผู้ชาย ยินดีกับท่านด้วย”
หมอประจำตระกูลส่งร่างเด็กตัวเล็กที่พึ่งออกมาดูโลกให้กับคนเป็นพ่อ
ซึ่งเด็กน้อยเองก็ดูเหมือนจะรู้ความ เมื่อถูกส่งให้ชาเรย์แล้วกลับหยุดร้องไห้ทันที
เสียงหัวเราะเอิ๊กอ๊ากดังขึ้นมาจากปากจิ้มลิ้มทำเอาคนเป็นพ่ออดที่จะแตะเบาๆที่ผิวนุ่มไม่ได้
“ท่านพี่..”
เสียงหวานอ่อนแรงเอ่ยเรียกคนเป็นสามีเบาๆ
ร่างสูงจึงเดินเข้าไปหาหญิงงามที่พึ่งให้สิ่งที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิตของเขาอีกอย่าง
มือหยาบจับมือบางของคนเป็นภรรยาขึ้นมาจูบเบาๆ
“ขอบใจเจ้ามากไมร่า
เจ้าได้ให้สิ่งล้ำค่าที่สุดในชีวิตของข้าเป็นของขวัญให้กับเรา”
“แล้วท่านพี่จะเรียกเขาว่าอะไรหรอคะ”
นัยน์ตาสีเขียวทอประกายก่อนโยนยามมองยังเด็กน้อยที่อยู่ในอ้อมแขนแกร่ง
“ไอเรส..
ไอเรส วีคาร์ส พานิค”
“ไอเรส
เป็นชื่อที่ดีนะคะ..ข้าหวังว่าเขาจะเติบโตเป็นเด็กที่ดี
และเป็นผู้นำของตระกูลพานิคที่ดี” ไมร่ายิ้มจางๆกับชื่อลูกชายของเธอ
หญิงสาวนึกย้อนกลับไปในวันที่เธอตกลงรับคำขอแต่งงานของผู้นำตระกูลพานิค
ตระกูลหนึ่งในสี่ขุนพลที่กุมอำนาจของเบทริกซ์เอาไว้
ในขณะที่เธอเป็นเพียงลูกสาวเจ้าของร้านอาหารธรรมดา ทั้งๆที่มีสาวงามที่เหมาะสมกับชาเรย์อีกมาก
แต่เขากลับมอบความรัก ความภักดีให้กับเธอเท่านั้น
ชีวิตของเธอเหมือนนิทานแสนหวานเสียจริง
และในวันนี้ที่เธอให้กำเนิดไอเรส
คนที่สำคัญที่สุดในชีวิตของเธออีกคนหนึ่ง ในตอนนี้คงจะไม่มีใครมีความสุขไปกว่าชาเรย์และไมร่า
พานิคอีกแล้ว
นัยน์ตาสีทองของหญิงสาวมองไปยังลูกชายของเธอที่อยู่ในอ้อมแขนแกร่งของคนเป็นพ่อหมาดๆแล้วอดที่จะหัวเราะเบาๆไม่ได้
เพราะดูแล้วชาเรย์จะเห่อไอเรสมากกว่าเธอเสียอีก
ชายหนุ่มที่เคยสุขุมสง่างามตามฉบับสายเลือดผู้ดีตอนนี้ไม่สามารถหุบยิ้มกับท่าทางน่าเอ็นดูของทารกน้อยได้เลย
ชาเรย์จูบหน้าผากไอเรสเบาๆเป็นครั้งสุดท้ายก่อนจะส่งคืนให้ไมร่าเพราะดูแล้วเจ้าตัวน้อยคงอยากจะดื่มนมและพักผ่อนเต็มทน
ร่างสูงยอมเดินออกจากห้องตามคำขอของสาวใช้แต่ก็ยังหันกลับมามองสองแม่ลูกอย่างยินดีอีกครั้ง
“ท่านชาเรย์
มีเอกสารด่วนที่ท่านต้องดูครับ..และพรุ่งนี้มีประชุมกับตระกูลวิหค..”
“เข้าใจแล้ว
ส่วนเอกสารเอาไปไว้ที่ห้องทำงานซะ” ผู้นำตระกูลพานิคถอนหายใจเล็กน้อย
ทั้งๆที่เป็นวันดีของเขา แต่ก็ต้องกลับไปทำงานอยู่ดี ร่างสูงนั่งลงที่โต๊ะแล้วหยิบเอกสารขึ้นมาอ่านอย่างละเอียด
ชาเรย์ส่ายหน้าน้อยๆเมื่อนึกถึงสิ่งที่ต้องทำ
แถมวันพรุ่งนี้ยังเป็นวันที่ต้องเข้าประชุมกับตระกูลวิหคอีก
ไม่รู้ว่าเขาจะโดนชายแก่พวกนั้นขัดอะไรอีก
ชาเรย์เป็นผู้นำตระกูลวิหคที่อายุน้อยที่สุดในตอนนี้
ถึงจะมีความสามารถอย่างไรก็ยังไม่ได้รับการยอมรับอย่างเต็มที่จากบรรดาผู้อาวุโสอยู่ดี
แต่สิ่งที่เขาต้องสนใจน่ะไม่ใช่คำพูดของคนแก่พวกนั้นซะหน่อย
เขาแค่ทำตามหน้าที่ของเขาให้ดีที่สุดเท่านั้นและหวังว่าทายาทของเขาจะทำได้ดีกว่า มือหนาลงชื่อที่เอกสารหลังตรวจสอบอย่างละเอียดอีกครั้ง
อย่างน้อยวันนี้ก็เป็นวันดีของพวกเขา
เพราะงั้นคำพูดของคนอื่นน่ะ
เขาไม่สนใจหรอก
18ปีต่อมา
“ไอเรส! คุณชายไอเรสคะ!!” สาวใช้วิ่งตามหาคุณชายใหญ่ของบ้านที่ไม่รู้ตอนนี้หายตัวไปไหน
ยิ่งในเวลาที่ทั้งคฤหาสน์วุ่นวายกับการเตรียมตัวเรื่องผูกพันธะสัญญาในวันพรุ่งนี้ของคุณชายใหญ่
บุตรของตระกูลวิหคทุกคนเมื่อเข้าสู่วัย
18ปี..จะต้องผูกพันธะสัญญาให้พลังตื่นขึ้นเต็มที่และรับใช้ราชวงศ์ตามพันธะสัญญา
และในปีนี้เป็นปีที่ไอเรส วีคาร์ส พานิคจะต้องทำพันธะสัญญาต่อหน้าราชวงศ์
ตระกูลสี่วิหคและประชาชนอาณาจักรเบทริกซ์
“เอะอะอะไรกันพวกเจ้า”
ร่างโปร่งบางเจ้าขมวดคิ้วเล็กน้อยเมื่อได้ยินเสียงวุ่นวายจากบรรดาสาวใช้
น้ำเสียงนุ่มนวลชวนเคลิ้มแต่ด้วยนิสัยที่รักความสงบทำให้คนในคฤหาสน์ออกจะหวั่นๆเวลาทำเสียงดังหรือมีเรื่องวุ่นวาย
“ค..คุณชายหวางอี้
ขออภัยค่ะ..แต่พอจะเห็นคุณชายใหญ่ไหมคะ พวกเราตามหากันตั้งแต่เช้าแล้ว” หวางอี้เก็บหนังสือที่กำลังอ่านอยู่ทันที
เขาพอจะรู้ว่าท่านพี่ของเขาอยู่ที่ไหนเวลาที่คนทั้งคฤหาสน์หาไม่เจอ
ขาเรียวก้าวผ่านสาวใช้ไปอย่างไม่ใส่ใจนัก
เพราะคนที่จะหาท่านพี่เจอได้มีแค่เขาเพียงคนเดียวเท่านั้น
หวางอี้เป็นบุตรคนรองของตระกูลพานิค
มารดาของเขาเป็นนายหญิงคนที่สองซึ่งได้เสียชีวิตไปตั้งแต่เขายังเล็ก
ยังดีที่ได้นายหญิงไมร่าเอ็นดูรวมทั้งท่านพี่ที่คอยดูแลสั่งสอนเป็นอย่างดี ปีนี้เป็นปีที่ท่านพี่ของเขาจะได้ทำพันธะสัญญาวิหคและปีหน้าก็จะเป็นของเขา
ร่างโปร่งบางเดินมาจนถึงกำแพงที่ปกคลุมไปด้วยไม้เลื้อยสีเขียว
เพียงแค่ผลักเบาๆกำแพงนั้นก็เปิดออก รอยยิ้มเล็กๆจุดขึ้นบนริมฝีปากอย่างพอใจ
เพราะอย่างนี้ไงเขาถึงบอกว่ามีเพียงแค่เขาเท่านั้นที่จะหาท่านพี่ไอเรสเจอ
เพราะมันเป็นที่ลับของพวกเขาสองคนน่ะซิ
พรึบ.
ร่างโปร่งบางของเด็กหนุ่มถูกโอบแล้วดึงให้พ้นจากหลุมขนาดใหญ่ที่ไม่รู้ว่าอยู่ดีๆมาโผล่ตรงนี้ได้อย่างไร
หวางอี้มองแขนที่โอบเขาไว้แล้วส่ายหน้าน้อยๆ
เขารู้ทันทีว่านี่เป็นฝีมือคนที่กำลังส่งยิ้มอารมณ์ดีให้เขานั่นล่ะ
“ท่านพี่เล่นอะไรเป็นเด็กอยู่เรื่อย..”
“เอาน่า
พี่แค่กำลังฝึกให้เนคต้าร์ลองใช้พลังเจาะดินดูก็แค่นั้น” เจ้าของนัยน์ตาสีทองมีประกายสนุกสนานต่างจากหวางอี้ที่พอได้ยินชื่อคนอีกคนก็เปลี่ยนสีหน้าทันที
เขาไม่คิดว่าท่านพี่จะพา คนอื่น มาในสถานที่ลับของพวกเขา
ไอเรสยอมปล่อยมือออกจากเอวของน้องชายแล้วเปลี่ยนเป็นลูบผมนุ่มแทน
เขารู้ว่าหวางอี้ไม่ชอบ ไม่ซิ ต้องบอกว่าเกลียดเนคต้าร์น้องชายบุญธรรมมาก ทั้งๆที่ในสายตาของเขาเนคต้าร์ก็เป็นเด็กดี
ร่าเริงตามประสาเด็กทั่วไป
ไอเรสเจอเนคต้าร์เมื่อสองปีก่อนตอนเดินเล่นในเมือง
เขารู้สึกสะดุดตาแปลกๆกับเด็กชายตัวผอมบางนั่น
จนเผลอเดินตามไปที่บ้านเด็กกำพร้าและทำเรื่องรับเลี้ยงให้กับเด็กชายนัยน์ตาสีฟ้าที่เขารู้สึกถูกชะตา
แต่หวางอี้ที่เห็นด้วยกับทุกสิ่งที่เขาทำมาตลอดกลับทำท่ารังเกียจเนคต้าร์ทันทีที่เขาแนะนำว่าจะมาเป็นน้องชายบุญธรรม
“ข้าไม่ทันเห็นว่ามีคนอื่นอยู่ด้วย”
จงใจเน้นคำว่าคนอื่นให้อีกฝ่ายได้ยิน นัยน์ตาสีม่วงปรายตามองเด็กชายวัย14ปีอย่างเย็นชาแล้วโบกมือเบาๆ
สายลมก็พัดเอาดินทั้งหมดมากลบหลุมดังเดิม
จนร่างสูงที่ยืนอยู่ข้างๆอดที่จะปรบมือให้ไม่ได้
“ฝีมือพัฒนาขึ้นหรือเปล่าหวางอี้”
ไอเรสเอ่ยชมเมื่อเห็นว่าสายลมของหวางอี้สามารถหอบเอาดินทั้งหมดมากลบหลุมได้
ซึ่งสำหรับคนที่อายุยังไม่ถึง18ปีและยังไม่ได้ทำพันธะสัญญาแล้ว
การใช้พลังหนักจะทำให้ร่างกายรับไม่ไหวได้
“ข้าแค่ทำตามที่ท่านพี่สอน”
“พี่รู้ว่าเจ้าจะต้องเก่งได้มากว่านี้
อ้อ..พี่มีของจะให้เจ้าน่ะ” เด็กหนุ่มหยิบปิ่นปักผมสีทองประดับอัญมณีอันเล็กออกมาจากกระเป๋าแล้วเดินไปข้างหลังคนที่อายุน้อยกว่า
มือแกร่งรวบเรือนผมสีขาวพิสุทธิ์เช่นเดียวกับเขาขึ้นแล้วจัดการปักปิ่นผมสีทองไว้
ก่อนที่จะสำรวจความเรียบร้อยของผลงานตัวเองอีกที ซึ่งไอเรสคิดแล้วล่ะว่าปิ่นนี้ต้องเหมาะกับหวางอี้แน่นอน
และมันก็ออกมาดูดีมากเสียด้วย
ไม่เสียแรงที่นำเงินเก็บไปซื้อจริงๆ
ตระกูลพานิคของเขามีทายาทสองคน
คนโตคือเขา ไอเรส วีคาร์ส พานิค และคนรองคือ หวางอี้ ตรองตีร์นูส ลาโวล์
ท่านพ่อของพวกเขา ชาเรย์ คือที่ปรึกษาของกษัตริย์ราชวงศ์บลูแมร์แห่งอาณาจักรเบทริกซ์
ตระกูลวิหครับใช้ราชวงศ์และอาณาจักรมานาน400กว่าปีแล้ว
และพรุ่งนี้ถึงคราวที่เขาต้องทำพันธะสัญญาอย่างเป็นทางการเสียที
อันที่จริง..เขามีความลับที่บอกใครไม่ได้
แม้แต่ท่านพ่อท่านแม่
เด็กวิหคทุกคนจะเกิดมาพร้อมปีก
เพียงแต่..เขาไม่มีปีก
ในวันพรุ่งนี้ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรหากปีกของเขาไม่สามารถกางออกได้
หรือในกรณีที่เลวร้ายที่สุดคือมันจะส่งผลกับตระกูลอย่างแน่นอน เขาจะทำอย่างไร..ในเมื่อทุกอย่างในชีวิตของเขาถูกปูมาให้เดินในเส้นทางของตระกูลวิหคมาตลอด
“ท่านพี่ไอเรส”
เสียงนุ่มหวานจากน้องชายเรียกสติไอเรสกลับมาอีกครั้ง
หวางอี้มองมาอย่างเป็นห่วงจนเขาต้องยิ้มบางๆให้
เขากับหวางอี้เป็นพี่น้องต่างมารดากัน เพียงแต่หวางอี้ยิ่งโตก็ยิ่งงดงามต่างจากเด็กหนุ่มทั่วไป
ส่วนเขาเจริญรอยตามผู้เป็นบิดา ทั้งร่างกายที่สูงอย่างรวดเร็ว และรูปร่างหน้าตาที่เป็นที่กล่าวถึงในโรงเรียน
จริงๆก็ทั้งเขาและเพื่อนของเขานั่นล่ะ
โรงเรียนเพอร์ริเซีย
โรงเรียนที่ดีที่สุดในอาณาจักรเบทริกซ์
ทั้งเชื้อพระวงศ์
ลูกขุนนาง หรือแม้แต่ตระกูลวิหคเองก็อยากจะเข้าเรียนที่โรงเรียนนี้หมด
และไม่ใช่แค่ชนชั้นสูงเท่านั้น แม้แต่สามัญชนก็สามารถส่งบุตรหลานมาเรียนได้เช่นกันหากมีความสามารถพอ
ในปีนี้เขาจะจบการศึกษาจากโรงเรียนนี้พร้อมกับเพื่อนสนิทของเขา เอเปอร์
เอสโทรฟรัส โรซาลีน ส่วนหวางอี้อยู่ในระดับชั้นสุดท้ายและเนคตาร์พึ่งเข้าเรียนเมื่อปีที่แล้วตามคำขอของเขา
“ว่าแต่มีเรื่องอะไรหรือเปล่า
เจ้าถึงได้มาตามพี่ถึงที่นี่” ไอเรสเอ่ยถามถึงจุดประสงค์ที่น้องชายมาตามตัวถึงที่
ทั้งๆที่ปกติแล้วเป็นเวลาอ่านหนังสือของหวางอี้ที่แทบจะไม่ออกไปไหนในเวลาอ่านหนังสือเลย
ร่างสูงจูงมือคนอายุน้อยกว่ามานั่งบนพื้นข้างเด็กชายที่ยืนเงียบอยู่ โดยที่หวางอี้มีสีหน้าที่ไม่พอใจอย่างเห็นได้ชัดที่ต้องมาอยู่ใกล้ๆกับคนที่ตนเองแทบไม่อยากจะใช้อากาศหายใจร่วมกัน
“เนคต้าร์นั่งลงก่อน
เอาล่ะหวางอี้ เจ้ามีเรื่องอะไรพูดมาเถอะ”
“ท่านพี่ของข้า..ทำไมต้องให้คนอื่นที่ไม่เกี่ยวข้องฟังด้วย”
“เนคต้าร์ไม่ใช่คนอื่น
เป็นน้องของข้าและของเจ้าด้วยหวางอี้”
น้ำเสียงจริงจังที่นานๆครั้งไอเรสจะใช้กับน้องชายทำให้ร่างโปร่งต้องหยุดพูด
แต่ก็ยังมีสีหน้าไม่พอใจอยู่ ท่านพี่ของเขาตามใจเขามาตลอดตั้งแต่เด็ก
แต่พอเด็กคนนั้นเข้ามา ความรักความเอาใจใส่ของไอเรสก็ถูกแบ่งให้เด็กผอมบางนั่นจนรู้สึกได้
“หึ
ข้าไม่เคยยอมรับหนูสกปรกมาเป็นน้อง”
“หวางอี้!..”
“ผมออกไปก่อนก็ได้พี่ชาย”
เด็กชายที่เงียบมาตลอดเอ่ยขึ้นพร้อมรอยยิ้ม
นัยน์ตาสีฟ้าอ่อนยังราบเรียบเช่นเดิมแม้ริมฝีปากจะยกยิ้มก็ตาม
เนคต้าร์โค้งตัวลงเล็กน้อยเป็นการขอตัวกับพี่ชายทั้งสอง
ที่มีเพียงคนเดียวที่สนใจเขา
พี่ไอเรสเป็นคนดึงเขาขึ้นจากหุบเหวนรกนั่นก่อนที่เขาจะกลายเป็นตุ๊กตาไร้จิตใจจริงๆ
แต่กับพี่หวางอี้คนนั้น เขาก็ยังไม่เข้าใจว่าทำไมถึงเกลียดเขาได้ขนาดนี้
แต่มันก็ไม่เกี่ยวกับเขาเท่าไหร่นัก
ตราบใดที่พี่ไอเรสยังอยู่
“เจ้ามีเรื่องอะไรสำคัญขนาดที่ให้เนคต้าร์ฟังไม่ได้เลยหรือหวางอี้”
เมื่อเด็กชายเดินจากไปแล้วไอเรสจึงหันมาหาหวางอี้อีกครั้งเพื่อย้ำถามในสิ่งที่เขาต้องรู้
“คนตามหาท่านพี่ทั่วคฤหาสน์
ท่านพ่อคงมีเรื่องที่จะคุยด้วย”
“ทำไมไม่รีบบอกพี่
ท่านพ่อคงรอนานแล้ว”
ร่างสูงรีบลุกขึ้นทันทีก่อนที่จะส่งมือให้กับคนที่นั่งอยู่แล้วฉุดขึ้นมาด้วย
หวางอี้เซไปตามแรงเล็กน้อยโดยมีมือแกร่งคอยประคองไว้ไม่ได้เซไปทางอื่นจนล้ม
ถึงจะเหนื่อยใจกับน้องชายคนนี้เรื่องเนคต้าร์บ้าง แต่เขาก็ต้องดูแลน้องๆให้ดีตามที่ตั้งใจไว้
เพราะเขาเป็นพี่ใหญ่ของตระกูลนี่นา..
“พี่จะไปหาท่านพ่อ
เจ้าไปอยู่เป็นเพื่อนทานของว่างกับท่านแม่ได้ไหม”
“ข้าเข้าใจแล้ว..”
สัมผัสจุมพิตเบาๆที่หน้าผากก่อนที่ร่างของพี่ชายจะเดินออกไปผ่านทางเดิม นัยน์ตาสีม่วงหม่นหลุบลงเล็กน้อย
ท่านพี่ของเขามักจะทำแบบนี้เป็นการให้รางวัลกับเขาตั้งแต่เด็กจนกลายเป็นเขาติดสัมผัสจากไอเรสไปเสียแล้ว
เขานี่ช่างโง่เขลาเสียจริง
“ท่านพ่อ
ไอเรสครับ” เสียงเคาะประตูเรียกความสนใจจากชาเรย์ที่อ่านเอกสารอยู่เพียงเล็กน้อย
และเมื่อเห็นว่าเป็นลูกชายคนโตจึงให้นั่งลงที่โซฟาก่อนที่ชาเรย์จะเดินมาหาบุตรชาย
มือแกร่งลูบผมสีเงินเบาๆ
เขารู้ว่าไอเรสเป็นเด็กที่พร้อมจะทำเพื่อตระกูลพานิคทุกอย่าง
ลูกชายคนโตของเขาเป็นคนเข้มแข็ง
วางตัวสมฐานะแม้จะรักสนุกและชอบหาช่องว่างของกฎไปบ้าง
แต่ก็ถือว่าเป็นว่าอยู่ในระดับรับได้
เพียงแต่จุดอ่อนของไอเรสที่เป็นคนใจอ่อนง่ายนั่นเป็นปัญหาที่ต้องแก้ไข
ผู้นำต้องเด็ดขาด
หลายๆทีจะต้องตัดสินใจฉับพลันโดยไม่ใช้ความรู้สึกมาเกี่ยวข้อง
นั่นเป็นเรื่องที่ชาเรย์หนักใจมากที่สุด
ถึงจะบอกว่าเป็นตระกูลวิหคจะเป็นผู้ปกป้องคุ้มครองประชาชน
แต่เอาเข้าจริงแล้ว
พวกเขาก็ไม่ใช่คนที่มือสะอาดนัก
“ลูกพร้อมหรือยังไอเรส..”
“ครับ
ข้าพร้อมที่จะทำพันธะสัญญานั่นแล้ว ชีวิตของข้าคือพานิค”
รอยยิ้มของไอเรสที่ส่งมาทำให้คนเป็นบิดาเบาใจลงได้ระดับหนึ่ง พรุ่งนี้นอกจากเป็นวันผูกพันธะสัญญาวิหคและเป็นวันที่จะได้ประกาศว่าที่ผู้นำตระกูลคนใหม่อีกด้วย
สิ่งที่พวกเขาต้องทำคือกล่าวคำสาบานต่อหน้าราชวงศ์และประชาชน
“ถ้าเช่นนั้น
พ่อจะให้กล่องใบนี้แก่เจ้า..เปิดมันในเวลาที่สมควรเปิด”
กล่องไม้ใบเล็กถูกส่งให้กับไอเรสที่กำลังงุนงงอยู่ แต่ก็ยอมรับมันมาโดยดี
“แล้วท่านพ่อจะให้ข้าเปิดมันเมื่อไหร่ครับ”
นัยน์ตาสีทองมองกล่องไม้เรียบๆอย่างสนใจ
เขาเห็นกล่องใบนี้ตั้งอยู่บนชั้นวางในห้องทำงานของท่านพ่อตลอด
และห้ามใครแตะต้องมันเด็ดขาด แต่ในตอนนี้กลับมอบให้เขาเสียอย่างนั้น
“กล่องใบนี้เป็นของท่านดีลอส
ตระกูลของเราเคยช่วยองค์ปฐมกษัตริย์ก่อตั้งอาณาจักรนี้ ส่วนเวลาที่เจ้าควรเปิด..
ลูกจะรู้ได้เอง”
กล่องใบนั้นเป็นของตระกูลพานิคตั้งแต่ตอนที่ก่อตั้งอาณาจักรเบทริกซ์และถูกส่งต่อมาเรื่อยๆโดยบรรพบุรุษ
ชาเรย์ไม่เคยเปิดกล่องใบนี้ บิดาของเขาก็เช่นกัน
เพราะฉะนั้นแล้วเขาไม่สามารถบอกได้ว่าข้างในกล่องคืออะไร
“ข้าจะเก็บเอาไว้และเปิดมันเมื่อสมควรท่านพ่อ”
ร่างสูงลุกขึ้นแล้วโค้งให้บิดาอย่างสง่างามเป็นการขอบคุณอย่างสูงสุดตามแบบฉบับคนตระกูลพานิคที่วางตัวได้อย่างสง่างามสมกับสายเลือดกษัตริย์
ทุกคนในตระกูลพานิครู้ดีว่าพวกเขาสืบสายเลือดชั้นสูงจึงภาคภูมิใจในสายเลือดที่สูงส่งของตนเองมาก
เพล้ง!
“คุณชายสามคะ
ปล่อยให้พวกฉันทำดีกว่าค่ะ!” เสียงจากสาวใช้ร้องเสียงดังเมื่อเห็นว่าคุณชายของพวกเธอลงมือเก็บเศษแจกันที่แตกเอง
มือเล็กหยิบเศษแก้วขึ้นมาโดยไม่ระวังจนเลือดสีสดไหลลงจากมือขาว ไอเรสเดินเข้าไปดูว่าเกิดอะไรขึ้นถึงได้ส่งเสียงดังขนาดนั้น
ยิ่งหวางอี้ไม่ชอบความวุ่นวายอยู่เสียด้วย
“ฉันต้องรับผิดชอบ”
นัยน์ตาสีทองกวาดมองพื้นที่มีแจกันใบโปรดของท่านแม่แตกอยู่
ดอกไม้ช่อใหญ่กระจัดกระจายอยู่บนพื้นพร้อมกับน้ำที่เจิ่งนอง
ตรงกลางมีร่างเล็กของเด็กชายกำลังก้มเก็บเศษแจกันด้วยมือเปล่าจนบาดมือเข้า
รอบข้างมีบรรดาสาวใช้กำลังทำหน้าไม่ถูกอยู่เมื่อเห็นเขาเดินเข้ามาใกล้ๆโดยที่เด็กชายยังไม่รู้ตัว
“ใครทำแจกันใบนี้แตก”
พอเห็นน้องชายตั้งใจเก็บแจกันแล้วก็อดแกล้งไม่ได้
เขาไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นแต่อย่างน้อยเนคต้าร์ก็ไม่ควรจะปล่อยให้แจกันบาดมือตัวเองโดยไม่สนใจแบบนี้
ไอเรสยกตัวเด็กชายให้พ้นจากเศษแจกันแล้วสั่งให้ไปหาอุปกรณ์ทำแผลมา
“ขอโทษครับพี่ชาย”
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาบาดเจ็บจากอุบัติเหตุคล้ายๆแบบนี้
เนคต้าร์รู้ดีว่าเขาเป็นแค่น้องชายบุญธรรมที่ไอเรสรับมาเลี้ยง
ถึงแม้ว่าคนรับใช้ส่วนใหญ่จะยอมรับเขาให้มีสถานะเท่าเทียมกับสมาชิกคนอื่นในคฤหาสน์
แต่ก็ยังมีอีกส่วนหนึ่งที่ยังไม่ยอมรับ เขากำลังเดินอยู่ดีๆแจกันใบโปรดของนายหญิงก็ร่วงลงมาใส่
ดีที่เขาหลบทันไม่อย่างนั้นคงบาดเจ็บมากกว่านี้
“ใครบอกให้เจ้าขอโทษเนคต้าร์
พี่ไม่ได้โทษเจ้าเสียหน่อย” ไอเรสค่อยๆทำแผลให้กับน้องชายอย่างเบามือ
และดูจากร่องรอยบาดแผลเก่าๆแล้ว นี่คงจะไม่ใช่อุบัติเหตุครั้งแรกอย่างแน่นอน หลังจากที่ทำแผลแล้วจึงกำชับให้ระวังตัวดีๆก่อนที่เจ้าของนัยน์ตาสีทองสว่างจะใช้สายตากวาดมองคนใช้ทั้งหมดหลังจากน้องชายไปแล้ว
“ทีนี้ใครบอกข้าได้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น”
หญิงวัยกลางคนกำลังนั่งรับลมยามเย็นโดยมีเด็กหนุ่มนั่งอยู่ข้างๆ
นัยน์ตาสีทองคู่สวยเหลือบมองร่างโปร่งบางของทายาทพานิคอีกคนอย่างเอ็นดู
ในตอนแรกที่รู้ว่าสามีพาผู้หญิงอีกคนเข้ามาก็ตกใจไม่น้อย
ความฝันดุจเทพนิยายของเธอแตกสลายทันที แต่ยังดีที่อวี้เฟยคนนั้นเป็นคนที่ดี
และไม่เคยทำอะไรที่เกินหน้าเกินตาเธอเลยแม้แต่น้อย
อีกทั้งหวางอี้ก็เป็นเด็กน่ารักทำให้เธออดที่จะเอ็นดูไม่ได้
จนกระทั่งอวี้เฟยเสียชีวิต เธอจึงยื่นมือมาดูแลเด็กคนนี้อย่างเต็มที่
“ท่านแม่ใหญ่
อากาศเย็นขึ้นแล้ว..ข้าพาท่านเข้าไปข้างในจะดีกว่า”
หวางอี้รู้สึกได้ว่าอากาศเริ่มเย็นลงและคงไม่ดีกับร่างกายของนายหญิงแห่งพานิคแน่ๆจึงลุกขึ้นเพื่อที่จะพาเข้าไปในคฤหาสน์
แต่กลับได้ยินเสียงหัวเราะเบาๆตามด้วยรอยยิ้มอ่อนโยนกลับมา
“ไม่ต้องหรอกหวางอี้
แม่อยากจะนั่งรับลมอีกซักพัก
เจ้านั่นล่ะหากเจ็บไข้ไปพี่ใหญ่ของเจ้าคงจะวิ่งวุ่นน่าดู” ไมร่ายิ้มบางๆพลางนึกถึงลูกชายของเธอเอง
เด็กคนนั้นตามใจน้องๆไปเสียเกือบทุกอย่าง ใจอ่อนง่ายแบบนั้นเธอเองก็ยังคิดไม่ออกว่าหากทำพันธะสัญญาแล้วจะเป็นเช่นไร
แล้วยังมีหน้าที่ของตระกูลอีก
“ถ้าอย่างนั้นข้าจะนั่งเป็นเพื่อนท่าน..”
“ท่านแม่!”
เสียงแทรกจากด้านหลังพร้อมกับร่างสูงใหญ่ทั้งร่างที่โถมเข้ามากอดไมร่าจากข้างหลังเต็มแรงจนเธอร้องออกมาเบาๆ
มือบางตีที่แขนเด็กหนุ่มแรงๆเมื่อได้ยินเสียงหัวเราะที่คุ้นเคย
“เจ้าจะทำให้แม่หัวใจหยุดเต้นเข้าสักวันใช่ไหมไอเรส”
รอยยิ้มที่ถอนแบบมาจากเธอยังคงประดับอยู่บนใบหน้าหล่อเหลาของลูกชายบ่งบอกว่าที่เธอพูดไปดูจะไม่ได้เข้าหูของไอเรสเลยแม้แต่น้อย
ริมฝีปากได้รูปประทับเบาๆที่แก้มเนียนของคนเป็นมารดาเบาๆถือเป็นการง้อในแบบของไอเรส
“ข้ารู้ว่าท่านแม่จะอยู่ได้อีกนานเพราะฉะนั้นอย่าพูดอย่างนั้นอีกนะครับ”
นัยน์ตาสีทองสว่างสบกับดวงตาของไมร่าตรงๆ เขาไม่ชอบได้ยินใครพูดถึงความตายนัก
โดยเฉพาะครอบครัวของเขา ถ้ามีอะไรที่เขาพอจะทำได้
เขาก็ยินดีที่จะทำเพื่อเปลี่ยนแปลงโชคชะตานั้น
“เอาเถิด
พวกเราเข้าไปข้างในดีกว่า ก่อนที่หวางอี้จะตัวสั่นไปเพราะความหนาวมากกว่านี้”
ไมร่าเตือนไอเรสเล็กน้อยเพราะดูเหมือนเด็กหนุ่มข้างกายเธอจะมีอาการสั่นตามลมที่พัดผ่านมา
เนื่องจากร่างกายสวมเสื้อชั้นเดียวเท่านั้น
“หวางอี้ทำไมไม่สวมเสื้อคลุม..”
คิ้วเรียวขมวดเล็กน้อยแล้วถอดเสื้อคลุมให้กับร่างที่กำลังสั่นอยู่อย่างไม่ค่อยพอใจ
ไอเรสพยุงมารดาให้ลุกขึ้นแล้วหันกลับไปมองน้องชายเป็นเชิงให้ตามมาก่อนที่จะไม่สบาย
ตัวเขาทนกับความหนาวได้ระดับหนึ่ง
แต่กับคนอายุน้อยกว่ากลับไม่ถูกกับอากาศหนาวเสียเท่าไหร่
“พี่จะตามท่านพ่อกับเนคต้าร์มาที่ห้องอาหาร
หวางอี้พาท่านแม่ไปนั่งซะ” ไอเรสสั่งให้อีกฝ่ายพาไมร่าไปนั่งที่โต๊ะอาหาร
ส่วนเขาจะไปตามเนคต้าร์กับท่านพ่อมาเอง
เพราหวางอี้คงไม่ยอมไปตามเนคต้าร์อย่างแน่นอน
พวกเขาทานอาหารเย็นด้วยกันบ่อยที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพราะหลายทีงานของชาเรย์ก็ยุ่งเกินกว่าจะออกมานั่งกินข้าวได้
หรือไม่ว่าจะเป็นตัวไอเรสที่ต้องออกไปตรวจความเรียบร้อยในเมืองจนกลับมาค่ำ
ส่วนหวางอี้จะคอยดูแลนายหญิงกับการจัดการเล็กๆน้อยๆในตระกูล
ไอเรสมีความสุขกับชีวิตของเขา
แม้จะเหนื่อยไปบ้างแต่ก็ไม่อยากให้มันเปลี่ยนไป
แต่..ความสุขนั้นจะอยู่ได้อีกแค่ไหนไม่มีใครรู้
ร่างของหญิงสาวในอ่างน้ำค่อยๆลุกขึ้นให้สาวใช้แต่งตัวให้
นัยน์ตาสีแดงมีประกายของความสนุกสนานเจืออยู่
เรือนผมสีดำสนิทยาวถึงบั้นท้ายบวกกับรูปร่างหน้าตาที่เยาว์วัยราวกับสาวแรกรุ่น
เพียงแต่นั่นคือสิ่งที่เธอสร้างขึ้นมาเท่านั้น
เรอาตริส
ทูเวล เรียลอง
มองชากลิ่นกุหลาบในถ้วยเซรามิกอย่างดีแล้วแย้มยิ้มอย่างพอใจ
ในวันพรุ่งนี้เธอต้องทำหน้าที่เหมือนกับทุกๆครั้งเช่นเดียวกับที่ผ่านมา
เพียงแต่เธอเห็นความผิดปกติบางอย่างที่จะเกิดขึ้น
เรอาตริสคือผู้ทำนายแห่งเบียทริกซ์
และยังไม่เคยทำนายพลาดเลยแม้แต่ครั้งเดียว
ก็จะพลาดได้อย่างไร
ในเมื่อเธอพูดไปตามสิ่งที่เธอเห็นในอนาคต..
แค่ดัดแปลงคำพูดให้ดูลึกลับหน่อย
และไม่ได้บอกทั้งหมด
“น่าสนุกจังเลยนะ..วันพรุ่งนี้น่ะ”
ริมฝีปากแดงค่อยๆละเลียดดื่มชากุหลาบอย่างใจเย็น ขาเรียวไคว่ห้างอย่างไม่กลัวว่าจะเป็นการเสียมารยาทเพราะในเมื่อเธออยู่ในห้องคนเดียว
มารยาททั้งหมดก็ไม่จำเป็น อีกทั้งเธอก็ไม่ใช่เด็กสาวแรกรุ่นที่ต้องเขินอาย
ระมัดระวังกับมารยาทอย่างเมื่อสองร้อยกว่าปีที่แล้วเสียหน่อย
ใช่..
สองร้อยกว่าปี
เรอาตริสผู้นี้มีอายุกว่าสองร้อยปีแล้ว
และทำหน้าที่ผู้ทำนายมายาวนานจนเธอเริ่มเบื่อหน่าย
เพราะในทุกครั้งมันก็เหมือนเดิม
ทุกคนสาบานและตายไปเพื่ออาณาจักร แต่จะให้หนีจากหน้าที่ก็ใช่ว่าเป็นเรื่องที่ควรทำและยังไม่มีใครที่สามารถมาทำหน้าที่นี้แทนเธอได้
ถึงแม้ว่าเธอจะอยู่ไม่ทันองค์ปฐมกษัตริย์แต่ความรู้ทั้งหมดที่สะสมมาก็ไม่ได้ไร้ประโยชน์เสียทีเดียว
เรอาตริสคือผู้ทำนายแห่งเบทริกซ์และเป็นผู้ที่รอบรู้เรื่องต่างๆมากกว่าองค์กษัตริย์เสียอีก
“พรุ่งนี้คงมีเรื่องให้ดูอีกเยอะเลยล่ะ...”
---------------
Talk
เนคต้าร์ขอเปลี่ยนคำแทนตัวเองกับครอบครัวนิดนึงนะคะ
เพราะพี่ๆสองคนมาแบบนี้แล้ว..
คาร์แรคเตอร์ใครแปลกท้วงได้นะคะ เราพยายามเข้าให้ถึงคาร์แรคเตอร์อยู่
ตอนนี้ก็ยังเป็นเรื่องของอดีตอยู่ ในช่วงก่อนทำพันธะสัญญาของไอเรส
ทุกคอมเม้นต์คือกำลังใจของเรา ขอให้สนุกกับนิยายค่ะ!
ความคิดเห็น