ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Tales of Bird พันธสัญญาวิหคสวรรค์ [Yaoi]

    ลำดับตอนที่ #4 : Tale 1 : ตระกูลพานิค

    • อัปเดตล่าสุด 7 ก.ย. 59



    ตอนที่1

     

    400ปีผ่านไป

     

    คฤหาสน์ตระกูลพานิค อาณาจักรเบทริกซ์ ทิศใต้

     

    ร่างสูงสง่าของชายที่นั่งอยู่ แม้จะมีท่าทางที่สงบนิ่ง หากแต่บนใบหน้านั้นกลับมีร่องรอยของความวิตก ความเครียดปรากฏอยู่อย่างเห็นได้ชัด มือหนากำแน่นเมื่อนึกถึงสิ่งที่จะเกิดขึ้นในไม่กี่นาทีนี้ หลังจากที่เขาเฝ้ารอมาหลายชั่วโมง

     

    ทั่วคฤหาสน์ของตระกูลพานิคในตอนนี้วุ่นวายถึงขีดสุด เมื่อนายหญิงของตระกูลกำลังจะให้กำเนิดบุตรคนคนแรกของตระกูล สาวใช้ต่างวิ่งกันวุ่นวายจนถึงหมอประจำตระกูลที่เข้าไปเมื่อหลายชั่วโมงที่แล้วยังคงไม่ออกมาจากห้องนั้น

     

    อาณาจักรเบทริกซ์ถูกปกครองด้วยระบบกษัตริย์มายาวนาน400ปี แน่นอนว่าไม่มีใครในอาณาจักรนี้ไม่รู้จักตระกูลสี่ขุนพลวิหคที่ทำหน้าที่ปกครองทิศต่างๆของอาณาจักร และคอยช่วยเหลือองค์กษัตริย์ในการปกครอง

     

    อินทรีย์เหนือฟารอส

    หงส์ขาวแดนใต้พานิค

    เหยี่ยวแดงตะวันตกคาเลน

    และเค้าแมวตะวันออกโรซาลีน

     

    ปัง!

     

    “นายท่าน!นายหญิงคลอดแล้วเจ้าค่ะ!” สาวใช้ที่เข้าไปช่วยภายในห้องเปิดประตูมาแจ้งข่าวกับนายเหนือหัวของตนเอง ชายผู้เป็นเจ้าของคฤหาสน์ตระกูลพานิคคนปัจจุบันผุดลุกขึ้นทันทีด้วยสีหน้าปลื้มปิติอย่างมาก ขายาวก้าวผ่านประตูบานใหญ่ไปอย่างรวดเร็ว

     

    “ท่านชาเรย์ เด็กคนนี้เป็นเด็กผู้ชาย ยินดีกับท่านด้วย” หมอประจำตระกูลส่งร่างเด็กตัวเล็กที่พึ่งออกมาดูโลกให้กับคนเป็นพ่อ ซึ่งเด็กน้อยเองก็ดูเหมือนจะรู้ความ เมื่อถูกส่งให้ชาเรย์แล้วกลับหยุดร้องไห้ทันที เสียงหัวเราะเอิ๊กอ๊ากดังขึ้นมาจากปากจิ้มลิ้มทำเอาคนเป็นพ่ออดที่จะแตะเบาๆที่ผิวนุ่มไม่ได้

     

    “ท่านพี่..” เสียงหวานอ่อนแรงเอ่ยเรียกคนเป็นสามีเบาๆ ร่างสูงจึงเดินเข้าไปหาหญิงงามที่พึ่งให้สิ่งที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิตของเขาอีกอย่าง มือหยาบจับมือบางของคนเป็นภรรยาขึ้นมาจูบเบาๆ

     

    “ขอบใจเจ้ามากไมร่า เจ้าได้ให้สิ่งล้ำค่าที่สุดในชีวิตของข้าเป็นของขวัญให้กับเรา”

     

    “แล้วท่านพี่จะเรียกเขาว่าอะไรหรอคะ” นัยน์ตาสีเขียวทอประกายก่อนโยนยามมองยังเด็กน้อยที่อยู่ในอ้อมแขนแกร่ง

     

    “ไอเรส.. ไอเรส วีคาร์ส พานิค”

     

    “ไอเรส  เป็นชื่อที่ดีนะคะ..ข้าหวังว่าเขาจะเติบโตเป็นเด็กที่ดี และเป็นผู้นำของตระกูลพานิคที่ดี” ไมร่ายิ้มจางๆกับชื่อลูกชายของเธอ หญิงสาวนึกย้อนกลับไปในวันที่เธอตกลงรับคำขอแต่งงานของผู้นำตระกูลพานิค ตระกูลหนึ่งในสี่ขุนพลที่กุมอำนาจของเบทริกซ์เอาไว้ ในขณะที่เธอเป็นเพียงลูกสาวเจ้าของร้านอาหารธรรมดา ทั้งๆที่มีสาวงามที่เหมาะสมกับชาเรย์อีกมาก แต่เขากลับมอบความรัก ความภักดีให้กับเธอเท่านั้น

     

    ชีวิตของเธอเหมือนนิทานแสนหวานเสียจริง

     

    และในวันนี้ที่เธอให้กำเนิดไอเรส คนที่สำคัญที่สุดในชีวิตของเธออีกคนหนึ่ง ในตอนนี้คงจะไม่มีใครมีความสุขไปกว่าชาเรย์และไมร่า พานิคอีกแล้ว

     

    นัยน์ตาสีทองของหญิงสาวมองไปยังลูกชายของเธอที่อยู่ในอ้อมแขนแกร่งของคนเป็นพ่อหมาดๆแล้วอดที่จะหัวเราะเบาๆไม่ได้ เพราะดูแล้วชาเรย์จะเห่อไอเรสมากกว่าเธอเสียอีก ชายหนุ่มที่เคยสุขุมสง่างามตามฉบับสายเลือดผู้ดีตอนนี้ไม่สามารถหุบยิ้มกับท่าทางน่าเอ็นดูของทารกน้อยได้เลย

     

    ชาเรย์จูบหน้าผากไอเรสเบาๆเป็นครั้งสุดท้ายก่อนจะส่งคืนให้ไมร่าเพราะดูแล้วเจ้าตัวน้อยคงอยากจะดื่มนมและพักผ่อนเต็มทน ร่างสูงยอมเดินออกจากห้องตามคำขอของสาวใช้แต่ก็ยังหันกลับมามองสองแม่ลูกอย่างยินดีอีกครั้ง

     

    “ท่านชาเรย์ มีเอกสารด่วนที่ท่านต้องดูครับ..และพรุ่งนี้มีประชุมกับตระกูลวิหค..”

     

    “เข้าใจแล้ว ส่วนเอกสารเอาไปไว้ที่ห้องทำงานซะ” ผู้นำตระกูลพานิคถอนหายใจเล็กน้อย ทั้งๆที่เป็นวันดีของเขา แต่ก็ต้องกลับไปทำงานอยู่ดี ร่างสูงนั่งลงที่โต๊ะแล้วหยิบเอกสารขึ้นมาอ่านอย่างละเอียด ชาเรย์ส่ายหน้าน้อยๆเมื่อนึกถึงสิ่งที่ต้องทำ แถมวันพรุ่งนี้ยังเป็นวันที่ต้องเข้าประชุมกับตระกูลวิหคอีก ไม่รู้ว่าเขาจะโดนชายแก่พวกนั้นขัดอะไรอีก

     

    ชาเรย์เป็นผู้นำตระกูลวิหคที่อายุน้อยที่สุดในตอนนี้ ถึงจะมีความสามารถอย่างไรก็ยังไม่ได้รับการยอมรับอย่างเต็มที่จากบรรดาผู้อาวุโสอยู่ดี

     

    แต่สิ่งที่เขาต้องสนใจน่ะไม่ใช่คำพูดของคนแก่พวกนั้นซะหน่อย เขาแค่ทำตามหน้าที่ของเขาให้ดีที่สุดเท่านั้นและหวังว่าทายาทของเขาจะทำได้ดีกว่า มือหนาลงชื่อที่เอกสารหลังตรวจสอบอย่างละเอียดอีกครั้ง

     

    อย่างน้อยวันนี้ก็เป็นวันดีของพวกเขา

    เพราะงั้นคำพูดของคนอื่นน่ะ เขาไม่สนใจหรอก




     

    18ปีต่อมา

     

    “ไอเรส! คุณชายไอเรสคะ!!” สาวใช้วิ่งตามหาคุณชายใหญ่ของบ้านที่ไม่รู้ตอนนี้หายตัวไปไหน ยิ่งในเวลาที่ทั้งคฤหาสน์วุ่นวายกับการเตรียมตัวเรื่องผูกพันธะสัญญาในวันพรุ่งนี้ของคุณชายใหญ่

     

    บุตรของตระกูลวิหคทุกคนเมื่อเข้าสู่วัย 18ปี..จะต้องผูกพันธะสัญญาให้พลังตื่นขึ้นเต็มที่และรับใช้ราชวงศ์ตามพันธะสัญญา และในปีนี้เป็นปีที่ไอเรส วีคาร์ส พานิคจะต้องทำพันธะสัญญาต่อหน้าราชวงศ์ ตระกูลสี่วิหคและประชาชนอาณาจักรเบทริกซ์

     

    “เอะอะอะไรกันพวกเจ้า” ร่างโปร่งบางเจ้าขมวดคิ้วเล็กน้อยเมื่อได้ยินเสียงวุ่นวายจากบรรดาสาวใช้ น้ำเสียงนุ่มนวลชวนเคลิ้มแต่ด้วยนิสัยที่รักความสงบทำให้คนในคฤหาสน์ออกจะหวั่นๆเวลาทำเสียงดังหรือมีเรื่องวุ่นวาย

     

    “ค..คุณชายหวางอี้ ขออภัยค่ะ..แต่พอจะเห็นคุณชายใหญ่ไหมคะ พวกเราตามหากันตั้งแต่เช้าแล้ว” หวางอี้เก็บหนังสือที่กำลังอ่านอยู่ทันที เขาพอจะรู้ว่าท่านพี่ของเขาอยู่ที่ไหนเวลาที่คนทั้งคฤหาสน์หาไม่เจอ ขาเรียวก้าวผ่านสาวใช้ไปอย่างไม่ใส่ใจนัก เพราะคนที่จะหาท่านพี่เจอได้มีแค่เขาเพียงคนเดียวเท่านั้น

     

    หวางอี้เป็นบุตรคนรองของตระกูลพานิค มารดาของเขาเป็นนายหญิงคนที่สองซึ่งได้เสียชีวิตไปตั้งแต่เขายังเล็ก ยังดีที่ได้นายหญิงไมร่าเอ็นดูรวมทั้งท่านพี่ที่คอยดูแลสั่งสอนเป็นอย่างดี ปีนี้เป็นปีที่ท่านพี่ของเขาจะได้ทำพันธะสัญญาวิหคและปีหน้าก็จะเป็นของเขา

     

    ร่างโปร่งบางเดินมาจนถึงกำแพงที่ปกคลุมไปด้วยไม้เลื้อยสีเขียว เพียงแค่ผลักเบาๆกำแพงนั้นก็เปิดออก รอยยิ้มเล็กๆจุดขึ้นบนริมฝีปากอย่างพอใจ เพราะอย่างนี้ไงเขาถึงบอกว่ามีเพียงแค่เขาเท่านั้นที่จะหาท่านพี่ไอเรสเจอ

    เพราะมันเป็นที่ลับของพวกเขาสองคนน่ะซิ

     

    พรึบ.

     

    ร่างโปร่งบางของเด็กหนุ่มถูกโอบแล้วดึงให้พ้นจากหลุมขนาดใหญ่ที่ไม่รู้ว่าอยู่ดีๆมาโผล่ตรงนี้ได้อย่างไร หวางอี้มองแขนที่โอบเขาไว้แล้วส่ายหน้าน้อยๆ เขารู้ทันทีว่านี่เป็นฝีมือคนที่กำลังส่งยิ้มอารมณ์ดีให้เขานั่นล่ะ

     

    “ท่านพี่เล่นอะไรเป็นเด็กอยู่เรื่อย..”

     

    “เอาน่า พี่แค่กำลังฝึกให้เนคต้าร์ลองใช้พลังเจาะดินดูก็แค่นั้น” เจ้าของนัยน์ตาสีทองมีประกายสนุกสนานต่างจากหวางอี้ที่พอได้ยินชื่อคนอีกคนก็เปลี่ยนสีหน้าทันที เขาไม่คิดว่าท่านพี่จะพา คนอื่น มาในสถานที่ลับของพวกเขา

     

    ไอเรสยอมปล่อยมือออกจากเอวของน้องชายแล้วเปลี่ยนเป็นลูบผมนุ่มแทน เขารู้ว่าหวางอี้ไม่ชอบ ไม่ซิ ต้องบอกว่าเกลียดเนคต้าร์น้องชายบุญธรรมมาก ทั้งๆที่ในสายตาของเขาเนคต้าร์ก็เป็นเด็กดี ร่าเริงตามประสาเด็กทั่วไป

     

    ไอเรสเจอเนคต้าร์เมื่อสองปีก่อนตอนเดินเล่นในเมือง เขารู้สึกสะดุดตาแปลกๆกับเด็กชายตัวผอมบางนั่น จนเผลอเดินตามไปที่บ้านเด็กกำพร้าและทำเรื่องรับเลี้ยงให้กับเด็กชายนัยน์ตาสีฟ้าที่เขารู้สึกถูกชะตา แต่หวางอี้ที่เห็นด้วยกับทุกสิ่งที่เขาทำมาตลอดกลับทำท่ารังเกียจเนคต้าร์ทันทีที่เขาแนะนำว่าจะมาเป็นน้องชายบุญธรรม

     

    “ข้าไม่ทันเห็นว่ามีคนอื่นอยู่ด้วย” จงใจเน้นคำว่าคนอื่นให้อีกฝ่ายได้ยิน นัยน์ตาสีม่วงปรายตามองเด็กชายวัย14ปีอย่างเย็นชาแล้วโบกมือเบาๆ สายลมก็พัดเอาดินทั้งหมดมากลบหลุมดังเดิม จนร่างสูงที่ยืนอยู่ข้างๆอดที่จะปรบมือให้ไม่ได้

     

    “ฝีมือพัฒนาขึ้นหรือเปล่าหวางอี้” ไอเรสเอ่ยชมเมื่อเห็นว่าสายลมของหวางอี้สามารถหอบเอาดินทั้งหมดมากลบหลุมได้ ซึ่งสำหรับคนที่อายุยังไม่ถึง18ปีและยังไม่ได้ทำพันธะสัญญาแล้ว การใช้พลังหนักจะทำให้ร่างกายรับไม่ไหวได้

     

    “ข้าแค่ทำตามที่ท่านพี่สอน”

     

    “พี่รู้ว่าเจ้าจะต้องเก่งได้มากว่านี้ อ้อ..พี่มีของจะให้เจ้าน่ะ” เด็กหนุ่มหยิบปิ่นปักผมสีทองประดับอัญมณีอันเล็กออกมาจากกระเป๋าแล้วเดินไปข้างหลังคนที่อายุน้อยกว่า มือแกร่งรวบเรือนผมสีขาวพิสุทธิ์เช่นเดียวกับเขาขึ้นแล้วจัดการปักปิ่นผมสีทองไว้ ก่อนที่จะสำรวจความเรียบร้อยของผลงานตัวเองอีกที ซึ่งไอเรสคิดแล้วล่ะว่าปิ่นนี้ต้องเหมาะกับหวางอี้แน่นอน

     

    และมันก็ออกมาดูดีมากเสียด้วย ไม่เสียแรงที่นำเงินเก็บไปซื้อจริงๆ

     

    ตระกูลพานิคของเขามีทายาทสองคน คนโตคือเขา ไอเรส วีคาร์ส พานิค และคนรองคือ หวางอี้ ตรองตีร์นูส ลาโวล์ ท่านพ่อของพวกเขา ชาเรย์ คือที่ปรึกษาของกษัตริย์ราชวงศ์บลูแมร์แห่งอาณาจักรเบทริกซ์ ตระกูลวิหครับใช้ราชวงศ์และอาณาจักรมานาน400กว่าปีแล้ว และพรุ่งนี้ถึงคราวที่เขาต้องทำพันธะสัญญาอย่างเป็นทางการเสียที

     

    อันที่จริง..เขามีความลับที่บอกใครไม่ได้ แม้แต่ท่านพ่อท่านแม่

     

    เด็กวิหคทุกคนจะเกิดมาพร้อมปีก

    เพียงแต่..เขาไม่มีปีก

     

    ในวันพรุ่งนี้ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรหากปีกของเขาไม่สามารถกางออกได้ หรือในกรณีที่เลวร้ายที่สุดคือมันจะส่งผลกับตระกูลอย่างแน่นอน เขาจะทำอย่างไร..ในเมื่อทุกอย่างในชีวิตของเขาถูกปูมาให้เดินในเส้นทางของตระกูลวิหคมาตลอด

     

    “ท่านพี่ไอเรส” เสียงนุ่มหวานจากน้องชายเรียกสติไอเรสกลับมาอีกครั้ง หวางอี้มองมาอย่างเป็นห่วงจนเขาต้องยิ้มบางๆให้ เขากับหวางอี้เป็นพี่น้องต่างมารดากัน เพียงแต่หวางอี้ยิ่งโตก็ยิ่งงดงามต่างจากเด็กหนุ่มทั่วไป ส่วนเขาเจริญรอยตามผู้เป็นบิดา ทั้งร่างกายที่สูงอย่างรวดเร็ว และรูปร่างหน้าตาที่เป็นที่กล่าวถึงในโรงเรียน

     

    จริงๆก็ทั้งเขาและเพื่อนของเขานั่นล่ะ

     

    โรงเรียนเพอร์ริเซีย โรงเรียนที่ดีที่สุดในอาณาจักรเบทริกซ์

     

    ทั้งเชื้อพระวงศ์ ลูกขุนนาง หรือแม้แต่ตระกูลวิหคเองก็อยากจะเข้าเรียนที่โรงเรียนนี้หมด และไม่ใช่แค่ชนชั้นสูงเท่านั้น แม้แต่สามัญชนก็สามารถส่งบุตรหลานมาเรียนได้เช่นกันหากมีความสามารถพอ ในปีนี้เขาจะจบการศึกษาจากโรงเรียนนี้พร้อมกับเพื่อนสนิทของเขา เอเปอร์ เอสโทรฟรัส โรซาลีน ส่วนหวางอี้อยู่ในระดับชั้นสุดท้ายและเนคตาร์พึ่งเข้าเรียนเมื่อปีที่แล้วตามคำขอของเขา

     

    “ว่าแต่มีเรื่องอะไรหรือเปล่า เจ้าถึงได้มาตามพี่ถึงที่นี่” ไอเรสเอ่ยถามถึงจุดประสงค์ที่น้องชายมาตามตัวถึงที่ ทั้งๆที่ปกติแล้วเป็นเวลาอ่านหนังสือของหวางอี้ที่แทบจะไม่ออกไปไหนในเวลาอ่านหนังสือเลย ร่างสูงจูงมือคนอายุน้อยกว่ามานั่งบนพื้นข้างเด็กชายที่ยืนเงียบอยู่ โดยที่หวางอี้มีสีหน้าที่ไม่พอใจอย่างเห็นได้ชัดที่ต้องมาอยู่ใกล้ๆกับคนที่ตนเองแทบไม่อยากจะใช้อากาศหายใจร่วมกัน

     

    “เนคต้าร์นั่งลงก่อน เอาล่ะหวางอี้ เจ้ามีเรื่องอะไรพูดมาเถอะ”

     

    “ท่านพี่ของข้า..ทำไมต้องให้คนอื่นที่ไม่เกี่ยวข้องฟังด้วย”

     

    “เนคต้าร์ไม่ใช่คนอื่น เป็นน้องของข้าและของเจ้าด้วยหวางอี้” น้ำเสียงจริงจังที่นานๆครั้งไอเรสจะใช้กับน้องชายทำให้ร่างโปร่งต้องหยุดพูด แต่ก็ยังมีสีหน้าไม่พอใจอยู่ ท่านพี่ของเขาตามใจเขามาตลอดตั้งแต่เด็ก แต่พอเด็กคนนั้นเข้ามา ความรักความเอาใจใส่ของไอเรสก็ถูกแบ่งให้เด็กผอมบางนั่นจนรู้สึกได้

     

    “หึ ข้าไม่เคยยอมรับหนูสกปรกมาเป็นน้อง”

     

    “หวางอี้!..”

     

    “ผมออกไปก่อนก็ได้พี่ชาย” เด็กชายที่เงียบมาตลอดเอ่ยขึ้นพร้อมรอยยิ้ม นัยน์ตาสีฟ้าอ่อนยังราบเรียบเช่นเดิมแม้ริมฝีปากจะยกยิ้มก็ตาม เนคต้าร์โค้งตัวลงเล็กน้อยเป็นการขอตัวกับพี่ชายทั้งสอง ที่มีเพียงคนเดียวที่สนใจเขา พี่ไอเรสเป็นคนดึงเขาขึ้นจากหุบเหวนรกนั่นก่อนที่เขาจะกลายเป็นตุ๊กตาไร้จิตใจจริงๆ แต่กับพี่หวางอี้คนนั้น เขาก็ยังไม่เข้าใจว่าทำไมถึงเกลียดเขาได้ขนาดนี้

     

    แต่มันก็ไม่เกี่ยวกับเขาเท่าไหร่นัก ตราบใดที่พี่ไอเรสยังอยู่

     

    “เจ้ามีเรื่องอะไรสำคัญขนาดที่ให้เนคต้าร์ฟังไม่ได้เลยหรือหวางอี้” เมื่อเด็กชายเดินจากไปแล้วไอเรสจึงหันมาหาหวางอี้อีกครั้งเพื่อย้ำถามในสิ่งที่เขาต้องรู้

     

    “คนตามหาท่านพี่ทั่วคฤหาสน์ ท่านพ่อคงมีเรื่องที่จะคุยด้วย”

     

    “ทำไมไม่รีบบอกพี่ ท่านพ่อคงรอนานแล้ว” ร่างสูงรีบลุกขึ้นทันทีก่อนที่จะส่งมือให้กับคนที่นั่งอยู่แล้วฉุดขึ้นมาด้วย หวางอี้เซไปตามแรงเล็กน้อยโดยมีมือแกร่งคอยประคองไว้ไม่ได้เซไปทางอื่นจนล้ม ถึงจะเหนื่อยใจกับน้องชายคนนี้เรื่องเนคต้าร์บ้าง แต่เขาก็ต้องดูแลน้องๆให้ดีตามที่ตั้งใจไว้ เพราะเขาเป็นพี่ใหญ่ของตระกูลนี่นา..

     

    “พี่จะไปหาท่านพ่อ เจ้าไปอยู่เป็นเพื่อนทานของว่างกับท่านแม่ได้ไหม”

     

    “ข้าเข้าใจแล้ว..” สัมผัสจุมพิตเบาๆที่หน้าผากก่อนที่ร่างของพี่ชายจะเดินออกไปผ่านทางเดิม นัยน์ตาสีม่วงหม่นหลุบลงเล็กน้อย ท่านพี่ของเขามักจะทำแบบนี้เป็นการให้รางวัลกับเขาตั้งแต่เด็กจนกลายเป็นเขาติดสัมผัสจากไอเรสไปเสียแล้ว

     

    เขานี่ช่างโง่เขลาเสียจริง

     


    “ท่านพ่อ ไอเรสครับ” เสียงเคาะประตูเรียกความสนใจจากชาเรย์ที่อ่านเอกสารอยู่เพียงเล็กน้อย และเมื่อเห็นว่าเป็นลูกชายคนโตจึงให้นั่งลงที่โซฟาก่อนที่ชาเรย์จะเดินมาหาบุตรชาย มือแกร่งลูบผมสีเงินเบาๆ เขารู้ว่าไอเรสเป็นเด็กที่พร้อมจะทำเพื่อตระกูลพานิคทุกอย่าง ลูกชายคนโตของเขาเป็นคนเข้มแข็ง วางตัวสมฐานะแม้จะรักสนุกและชอบหาช่องว่างของกฎไปบ้าง แต่ก็ถือว่าเป็นว่าอยู่ในระดับรับได้

     

    เพียงแต่จุดอ่อนของไอเรสที่เป็นคนใจอ่อนง่ายนั่นเป็นปัญหาที่ต้องแก้ไข

    ผู้นำต้องเด็ดขาด หลายๆทีจะต้องตัดสินใจฉับพลันโดยไม่ใช้ความรู้สึกมาเกี่ยวข้อง

     

    นั่นเป็นเรื่องที่ชาเรย์หนักใจมากที่สุด

    ถึงจะบอกว่าเป็นตระกูลวิหคจะเป็นผู้ปกป้องคุ้มครองประชาชน

    แต่เอาเข้าจริงแล้ว พวกเขาก็ไม่ใช่คนที่มือสะอาดนัก

     

    “ลูกพร้อมหรือยังไอเรส..”

     

    “ครับ ข้าพร้อมที่จะทำพันธะสัญญานั่นแล้ว ชีวิตของข้าคือพานิค” รอยยิ้มของไอเรสที่ส่งมาทำให้คนเป็นบิดาเบาใจลงได้ระดับหนึ่ง พรุ่งนี้นอกจากเป็นวันผูกพันธะสัญญาวิหคและเป็นวันที่จะได้ประกาศว่าที่ผู้นำตระกูลคนใหม่อีกด้วย

     

    สิ่งที่พวกเขาต้องทำคือกล่าวคำสาบานต่อหน้าราชวงศ์และประชาชน

     

    “ถ้าเช่นนั้น พ่อจะให้กล่องใบนี้แก่เจ้า..เปิดมันในเวลาที่สมควรเปิด” กล่องไม้ใบเล็กถูกส่งให้กับไอเรสที่กำลังงุนงงอยู่ แต่ก็ยอมรับมันมาโดยดี

     

    “แล้วท่านพ่อจะให้ข้าเปิดมันเมื่อไหร่ครับ” นัยน์ตาสีทองมองกล่องไม้เรียบๆอย่างสนใจ เขาเห็นกล่องใบนี้ตั้งอยู่บนชั้นวางในห้องทำงานของท่านพ่อตลอด และห้ามใครแตะต้องมันเด็ดขาด แต่ในตอนนี้กลับมอบให้เขาเสียอย่างนั้น

     

    “กล่องใบนี้เป็นของท่านดีลอส ตระกูลของเราเคยช่วยองค์ปฐมกษัตริย์ก่อตั้งอาณาจักรนี้ ส่วนเวลาที่เจ้าควรเปิด.. ลูกจะรู้ได้เอง” กล่องใบนั้นเป็นของตระกูลพานิคตั้งแต่ตอนที่ก่อตั้งอาณาจักรเบทริกซ์และถูกส่งต่อมาเรื่อยๆโดยบรรพบุรุษ ชาเรย์ไม่เคยเปิดกล่องใบนี้ บิดาของเขาก็เช่นกัน เพราะฉะนั้นแล้วเขาไม่สามารถบอกได้ว่าข้างในกล่องคืออะไร

     

    “ข้าจะเก็บเอาไว้และเปิดมันเมื่อสมควรท่านพ่อ” ร่างสูงลุกขึ้นแล้วโค้งให้บิดาอย่างสง่างามเป็นการขอบคุณอย่างสูงสุดตามแบบฉบับคนตระกูลพานิคที่วางตัวได้อย่างสง่างามสมกับสายเลือดกษัตริย์ ทุกคนในตระกูลพานิครู้ดีว่าพวกเขาสืบสายเลือดชั้นสูงจึงภาคภูมิใจในสายเลือดที่สูงส่งของตนเองมาก

     


    เพล้ง!


    “คุณชายสามคะ ปล่อยให้พวกฉันทำดีกว่าค่ะ!” เสียงจากสาวใช้ร้องเสียงดังเมื่อเห็นว่าคุณชายของพวกเธอลงมือเก็บเศษแจกันที่แตกเอง มือเล็กหยิบเศษแก้วขึ้นมาโดยไม่ระวังจนเลือดสีสดไหลลงจากมือขาว ไอเรสเดินเข้าไปดูว่าเกิดอะไรขึ้นถึงได้ส่งเสียงดังขนาดนั้น ยิ่งหวางอี้ไม่ชอบความวุ่นวายอยู่เสียด้วย

     

    “ฉันต้องรับผิดชอบ”

     

    นัยน์ตาสีทองกวาดมองพื้นที่มีแจกันใบโปรดของท่านแม่แตกอยู่ ดอกไม้ช่อใหญ่กระจัดกระจายอยู่บนพื้นพร้อมกับน้ำที่เจิ่งนอง ตรงกลางมีร่างเล็กของเด็กชายกำลังก้มเก็บเศษแจกันด้วยมือเปล่าจนบาดมือเข้า รอบข้างมีบรรดาสาวใช้กำลังทำหน้าไม่ถูกอยู่เมื่อเห็นเขาเดินเข้ามาใกล้ๆโดยที่เด็กชายยังไม่รู้ตัว

     

    “ใครทำแจกันใบนี้แตก” พอเห็นน้องชายตั้งใจเก็บแจกันแล้วก็อดแกล้งไม่ได้ เขาไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นแต่อย่างน้อยเนคต้าร์ก็ไม่ควรจะปล่อยให้แจกันบาดมือตัวเองโดยไม่สนใจแบบนี้ ไอเรสยกตัวเด็กชายให้พ้นจากเศษแจกันแล้วสั่งให้ไปหาอุปกรณ์ทำแผลมา

     

    “ขอโทษครับพี่ชาย” นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาบาดเจ็บจากอุบัติเหตุคล้ายๆแบบนี้ เนคต้าร์รู้ดีว่าเขาเป็นแค่น้องชายบุญธรรมที่ไอเรสรับมาเลี้ยง ถึงแม้ว่าคนรับใช้ส่วนใหญ่จะยอมรับเขาให้มีสถานะเท่าเทียมกับสมาชิกคนอื่นในคฤหาสน์ แต่ก็ยังมีอีกส่วนหนึ่งที่ยังไม่ยอมรับ เขากำลังเดินอยู่ดีๆแจกันใบโปรดของนายหญิงก็ร่วงลงมาใส่ ดีที่เขาหลบทันไม่อย่างนั้นคงบาดเจ็บมากกว่านี้

     

    “ใครบอกให้เจ้าขอโทษเนคต้าร์ พี่ไม่ได้โทษเจ้าเสียหน่อย” ไอเรสค่อยๆทำแผลให้กับน้องชายอย่างเบามือ และดูจากร่องรอยบาดแผลเก่าๆแล้ว นี่คงจะไม่ใช่อุบัติเหตุครั้งแรกอย่างแน่นอน หลังจากที่ทำแผลแล้วจึงกำชับให้ระวังตัวดีๆก่อนที่เจ้าของนัยน์ตาสีทองสว่างจะใช้สายตากวาดมองคนใช้ทั้งหมดหลังจากน้องชายไปแล้ว

     

    “ทีนี้ใครบอกข้าได้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น”

     



    หญิงวัยกลางคนกำลังนั่งรับลมยามเย็นโดยมีเด็กหนุ่มนั่งอยู่ข้างๆ นัยน์ตาสีทองคู่สวยเหลือบมองร่างโปร่งบางของทายาทพานิคอีกคนอย่างเอ็นดู ในตอนแรกที่รู้ว่าสามีพาผู้หญิงอีกคนเข้ามาก็ตกใจไม่น้อย ความฝันดุจเทพนิยายของเธอแตกสลายทันที แต่ยังดีที่อวี้เฟยคนนั้นเป็นคนที่ดี และไม่เคยทำอะไรที่เกินหน้าเกินตาเธอเลยแม้แต่น้อย อีกทั้งหวางอี้ก็เป็นเด็กน่ารักทำให้เธออดที่จะเอ็นดูไม่ได้ จนกระทั่งอวี้เฟยเสียชีวิต เธอจึงยื่นมือมาดูแลเด็กคนนี้อย่างเต็มที่

     

    “ท่านแม่ใหญ่ อากาศเย็นขึ้นแล้ว..ข้าพาท่านเข้าไปข้างในจะดีกว่า” หวางอี้รู้สึกได้ว่าอากาศเริ่มเย็นลงและคงไม่ดีกับร่างกายของนายหญิงแห่งพานิคแน่ๆจึงลุกขึ้นเพื่อที่จะพาเข้าไปในคฤหาสน์ แต่กลับได้ยินเสียงหัวเราะเบาๆตามด้วยรอยยิ้มอ่อนโยนกลับมา

     

    “ไม่ต้องหรอกหวางอี้ แม่อยากจะนั่งรับลมอีกซักพัก เจ้านั่นล่ะหากเจ็บไข้ไปพี่ใหญ่ของเจ้าคงจะวิ่งวุ่นน่าดู” ไมร่ายิ้มบางๆพลางนึกถึงลูกชายของเธอเอง เด็กคนนั้นตามใจน้องๆไปเสียเกือบทุกอย่าง ใจอ่อนง่ายแบบนั้นเธอเองก็ยังคิดไม่ออกว่าหากทำพันธะสัญญาแล้วจะเป็นเช่นไร แล้วยังมีหน้าที่ของตระกูลอีก

     

    “ถ้าอย่างนั้นข้าจะนั่งเป็นเพื่อนท่าน..”

     

    “ท่านแม่!” เสียงแทรกจากด้านหลังพร้อมกับร่างสูงใหญ่ทั้งร่างที่โถมเข้ามากอดไมร่าจากข้างหลังเต็มแรงจนเธอร้องออกมาเบาๆ มือบางตีที่แขนเด็กหนุ่มแรงๆเมื่อได้ยินเสียงหัวเราะที่คุ้นเคย

     

    “เจ้าจะทำให้แม่หัวใจหยุดเต้นเข้าสักวันใช่ไหมไอเรส” รอยยิ้มที่ถอนแบบมาจากเธอยังคงประดับอยู่บนใบหน้าหล่อเหลาของลูกชายบ่งบอกว่าที่เธอพูดไปดูจะไม่ได้เข้าหูของไอเรสเลยแม้แต่น้อย ริมฝีปากได้รูปประทับเบาๆที่แก้มเนียนของคนเป็นมารดาเบาๆถือเป็นการง้อในแบบของไอเรส

    “ข้ารู้ว่าท่านแม่จะอยู่ได้อีกนานเพราะฉะนั้นอย่าพูดอย่างนั้นอีกนะครับ” นัยน์ตาสีทองสว่างสบกับดวงตาของไมร่าตรงๆ เขาไม่ชอบได้ยินใครพูดถึงความตายนัก โดยเฉพาะครอบครัวของเขา ถ้ามีอะไรที่เขาพอจะทำได้ เขาก็ยินดีที่จะทำเพื่อเปลี่ยนแปลงโชคชะตานั้น

     

    “เอาเถิด พวกเราเข้าไปข้างในดีกว่า ก่อนที่หวางอี้จะตัวสั่นไปเพราะความหนาวมากกว่านี้” ไมร่าเตือนไอเรสเล็กน้อยเพราะดูเหมือนเด็กหนุ่มข้างกายเธอจะมีอาการสั่นตามลมที่พัดผ่านมา เนื่องจากร่างกายสวมเสื้อชั้นเดียวเท่านั้น

     

    “หวางอี้ทำไมไม่สวมเสื้อคลุม..” คิ้วเรียวขมวดเล็กน้อยแล้วถอดเสื้อคลุมให้กับร่างที่กำลังสั่นอยู่อย่างไม่ค่อยพอใจ ไอเรสพยุงมารดาให้ลุกขึ้นแล้วหันกลับไปมองน้องชายเป็นเชิงให้ตามมาก่อนที่จะไม่สบาย

     

    ตัวเขาทนกับความหนาวได้ระดับหนึ่ง

    แต่กับคนอายุน้อยกว่ากลับไม่ถูกกับอากาศหนาวเสียเท่าไหร่

     

    “พี่จะตามท่านพ่อกับเนคต้าร์มาที่ห้องอาหาร หวางอี้พาท่านแม่ไปนั่งซะ” ไอเรสสั่งให้อีกฝ่ายพาไมร่าไปนั่งที่โต๊ะอาหาร ส่วนเขาจะไปตามเนคต้าร์กับท่านพ่อมาเอง เพราหวางอี้คงไม่ยอมไปตามเนคต้าร์อย่างแน่นอน พวกเขาทานอาหารเย็นด้วยกันบ่อยที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพราะหลายทีงานของชาเรย์ก็ยุ่งเกินกว่าจะออกมานั่งกินข้าวได้ หรือไม่ว่าจะเป็นตัวไอเรสที่ต้องออกไปตรวจความเรียบร้อยในเมืองจนกลับมาค่ำ ส่วนหวางอี้จะคอยดูแลนายหญิงกับการจัดการเล็กๆน้อยๆในตระกูล

     

    ไอเรสมีความสุขกับชีวิตของเขา แม้จะเหนื่อยไปบ้างแต่ก็ไม่อยากให้มันเปลี่ยนไป

    แต่..ความสุขนั้นจะอยู่ได้อีกแค่ไหนไม่มีใครรู้

     





    ร่างของหญิงสาวในอ่างน้ำค่อยๆลุกขึ้นให้สาวใช้แต่งตัวให้ นัยน์ตาสีแดงมีประกายของความสนุกสนานเจืออยู่ เรือนผมสีดำสนิทยาวถึงบั้นท้ายบวกกับรูปร่างหน้าตาที่เยาว์วัยราวกับสาวแรกรุ่น เพียงแต่นั่นคือสิ่งที่เธอสร้างขึ้นมาเท่านั้น

     

    เรอาตริส ทูเวล เรียลอง มองชากลิ่นกุหลาบในถ้วยเซรามิกอย่างดีแล้วแย้มยิ้มอย่างพอใจ ในวันพรุ่งนี้เธอต้องทำหน้าที่เหมือนกับทุกๆครั้งเช่นเดียวกับที่ผ่านมา เพียงแต่เธอเห็นความผิดปกติบางอย่างที่จะเกิดขึ้น

     

    เรอาตริสคือผู้ทำนายแห่งเบียทริกซ์

    และยังไม่เคยทำนายพลาดเลยแม้แต่ครั้งเดียว

    ก็จะพลาดได้อย่างไร

    ในเมื่อเธอพูดไปตามสิ่งที่เธอเห็นในอนาคต..

    แค่ดัดแปลงคำพูดให้ดูลึกลับหน่อย และไม่ได้บอกทั้งหมด

     

    “น่าสนุกจังเลยนะ..วันพรุ่งนี้น่ะ” ริมฝีปากแดงค่อยๆละเลียดดื่มชากุหลาบอย่างใจเย็น ขาเรียวไคว่ห้างอย่างไม่กลัวว่าจะเป็นการเสียมารยาทเพราะในเมื่อเธออยู่ในห้องคนเดียว มารยาททั้งหมดก็ไม่จำเป็น อีกทั้งเธอก็ไม่ใช่เด็กสาวแรกรุ่นที่ต้องเขินอาย ระมัดระวังกับมารยาทอย่างเมื่อสองร้อยกว่าปีที่แล้วเสียหน่อย

     

    ใช่.. สองร้อยกว่าปี

    เรอาตริสผู้นี้มีอายุกว่าสองร้อยปีแล้ว

    และทำหน้าที่ผู้ทำนายมายาวนานจนเธอเริ่มเบื่อหน่าย

     

    เพราะในทุกครั้งมันก็เหมือนเดิม ทุกคนสาบานและตายไปเพื่ออาณาจักร แต่จะให้หนีจากหน้าที่ก็ใช่ว่าเป็นเรื่องที่ควรทำและยังไม่มีใครที่สามารถมาทำหน้าที่นี้แทนเธอได้ ถึงแม้ว่าเธอจะอยู่ไม่ทันองค์ปฐมกษัตริย์แต่ความรู้ทั้งหมดที่สะสมมาก็ไม่ได้ไร้ประโยชน์เสียทีเดียว

     

    เรอาตริสคือผู้ทำนายแห่งเบทริกซ์และเป็นผู้ที่รอบรู้เรื่องต่างๆมากกว่าองค์กษัตริย์เสียอีก

     

    “พรุ่งนี้คงมีเรื่องให้ดูอีกเยอะเลยล่ะ...” 




    ---------------

    Talk

    เนคต้าร์ขอเปลี่ยนคำแทนตัวเองกับครอบครัวนิดนึงนะคะ

    เพราะพี่ๆสองคนมาแบบนี้แล้ว.. 

    คาร์แรคเตอร์ใครแปลกท้วงได้นะคะ เราพยายามเข้าให้ถึงคาร์แรคเตอร์อยู่

    ตอนนี้ก็ยังเป็นเรื่องของอดีตอยู่ ในช่วงก่อนทำพันธะสัญญาของไอเรส 


    ทุกคอมเม้นต์คือกำลังใจของเรา ขอให้สนุกกับนิยายค่ะ!

    T
    B
     
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×