ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    เก็บรัก..จนล้นใจ

    ลำดับตอนที่ #1 : คืนแห่งการเริ่มต้น

    • อัปเดตล่าสุด 5 ธ.ค. 48


      คืนนี้ถือได้ว่าเป็นคืนที่แย่ที่สุดของฟ้าใสก็ว่าได้ เพราะหากดูเวลาตอนนี้ก็จวนจะเลยวันใหม่เข้าไปแล้วแต่แทนที่เธอจะได้หลับอย่างสบายใจหลังจากที่ต้องคร่ำเคร่งกับการสอบกลับต้องมาถ่างตาอยู่ในเธคชื่อดังกลางเมืองอยู่แบบนี้ นี่ถ้าไม่ติดกับว่าวันนี้เป็นวันสุดท้ายของการสอบ บวกกับเพื่อนๆ ทุกคน(ยกเว้นเธอ)ตกลงใจจะเลี้ยงอำลากันล่ะก็  ฮึ..ไม่มีทางซะหรอกที่จะยอมมาที่แบบนี้



      นายมาร์คหัวโจกคงรู้ล่ะมั้ง เลยบังคับเธอทางอ้อม  ทำเอาเธอเองไม่กล้าที่จะปฏิเสธ ก็แหม..ตั้งแต่เรียนมาจน 4 ปี่นี้แล้ว กิจกรรมเดียวที่เธอเข้าร่วมก็คือ “รับน้อง”  แล้วถ้าวันนี้เธอไม่ไป  “งานเลี้ยงอำลา”กะเค้าซะหน่อย คงไม่ดีเป็นแน่



      ยิ่งดึก ทุกคนก็ยิ่งสนุก  แต่หญิงสาวชักไม่สนุกด้วยเพราะยายพิงค์กับยายเจนเพื่อสนิทที่นั่งอยู่ด้วยกันเมื่อครู่ตอนนี้อดใจไม่ไหวต้องออกไปวาดลวดลายอยู่กลางฟลอร์ที้งเธอให้นั่งหง่าวอยู่คนเดียวค่าที่ไม่ยอมออกไปร่วมสนุกกับทุกคน



    “ไม่ออกไปเต้นเหรอฟ้าใส”มาร์คโน้มหน้าลงมาถามพลางทิ้งตัวลงข้างๆเธอหน้าบึ้งมองเขาอย่างไม่พอใจ



    - ไม่ชอบเธคก็เพราะอย่างนี้แหละพูดทีก็แทบจะจูบกันอยู่แล้ว – เธอส่ายหน้าแทนคำตอบแล้วหันหน้าหนีอย่างเซ็งๆนึกเสียดายที่ไม่ได้ออกไปพร้อมเพื่อนๆ ตั้งแต่แรก



    “เธอจะเย็นชาใส่ฉันจนถึงวันนี้เลยเหรอฟ้าใส..ฉันไม่รู้หรอกว่าเธอโกรธฉันเรื่องอะไรแต่ตั้งแต่พรุ่งนี้เราก็จะไม่ได้เจอกันอีกแล้ว ฉันอยากจะคุยกับเธอนะ”มาร์คพูดคราวนี้เขาไม่ได้ยื่นหน้าเข้าไปอีกกลัวว่าจะทำเธอไม่พอใจ



    “ทำไมจะไม่เจอ  ยังไงก็ต้องไปรับปริญญาอยู่ดี”เธอพูดด้วยอย่างเสียไม่ได้



    “แต่ฉันคงไม่ได้ไปหรอก  ฉันต้องไปเรียนต่อที่อังกฤษคงต้องรีบไปเรียนภาษาก่อน  คืนนี้ก็คงเป็นคืนสุดท้ายที่ฉันจะได้อยู่กับทุกคน”คนพูดกะว่าเธอคงแสดงความยินดีกับเขาเหมือนกับทุกๆคนแต่สิ่งที่เขาได้รับคืออาการรับรู้โดยการพยักหน้าและคำพูดสั้นๆ



    “ก็ดีแล้ว”แต่ถ้าไฟในเธคสว่างกว่านี้อีกสักหน่อยเขาคงมองเห็นสายตาดูแคลนที่เธอมองมา



    -  ตอนเรียนไม่เคยจะสนใจ  แม้แต่งานที่ทำส่งอาจารย์ก็เอาแต่จ้างคนอื่นทำ แล้วคนแบบนี้กลับจะไปเรียนต่อ  เฮ้อ!..เสียดายเงินแทนพ่อแม่จริงๆ –



    “แต่ก่อนไป...ไม่ว่าอะไรที่ฉันทำให้เธอโกรธฉันอยากให้เธอยกโทษให้ฉัน..ได้ไหม?”น้ำเสียงอ้อนวอนบวกกับแววตาเศร้าๆที่มองมาทำให้เธออดจะใจอ่อนไม่ได้



    “ฉันก็ไม่ได้โกรธอะไรนี่”เธออยากจะพูดต่อนักว่าแค่รังเกียจนิสัยแย่ๆของเขาแต่ก็พูดไม่ออกเมื่อเห็นมาร์คยิ้มกว้างอย่างดีใจก่อนเรียกคนอื่นๆมาเป็นพยานอย่างกลัวว่าหล่อนจะเปลี่ยนใจและหลังจากนั้นเธอก็ถูกมาร์คกับเพื่อนรั้งตัวไว้ไม่เปิดโอกาศให้เลี่ยงออกไปไหนได้



    “ เมาแล้วเหรอฟ้าใส”เสียงนุ่มๆของมาร์คกระซิบที่ข้างหูเธอรีบเบี่ยงตัวออกเมื่อรู้สึกถึงลมหายใจของเขาที่รดต้นคออยู่  อยากลุกหนีเสียแต่ก็ทำไม่ได้เพราะแขนของมาร์คที่วางอยู่บนไหล่รั้งเอาไว้ แถมพั้นช์รสชาดแปลกๆของเขาแก้วสุดท้ายนั้นทำเอาเธอแทบจะทรงตัวไม่อยู่



    “นั่งเฉยๆเถอะน่า”เขาบอกพลางหัวเราะด้วยน้ำเสียงที่ฟังแล้วออกจะแปร่งหูไปสักหน่อย และก่อนที่เธอจะพับลงไปเพราะความมึนเมาสิ่งที่เธอมองเห็นด้วยสายตาที่เริ่มจะพร่ามัวคือภาพที่เพื่อนหนุ่มเซถลาไปชนโต๊ะล้มคว่ำไม่เป็นท่าและก่อนที่เธอจะตั้งสติได้ก็รู้สึกว่าโดนกระชากจนต้องวิ่งไปตามแรงดึงนั้นก่อนที่จะคะมำลงกับพื้นแม้จะพยายามขืนตัวแต่ก็สู้แรงจากมือใหญ่นั้นไม่ได้



    “อย่าดิ้นสิ\"เจ้าของมือใหญ่หันมาตวาดฟ้าใสชะงักเมื่อเห็นหน้าเจ้าของมือชัดๆ แต่แล้วเธอก็ต้องตกใจอีกครั้งเมื่อถูกเขาโยนขึ้นรถความมึนเมาที่ทำเธอแทบทรุดเมื่อครู่ตอนนี้หายไปหมดมีแต่ความโกรธเข้ามาแทนที่เมื่อรู้ว่าคนคนนั้นคือ “นายสุดเขตต์”ลูกชายของ “คุณพ่อคนใหม่”ของเธอ  ซึ่งปกติแล้วก็ไม่ค่อยจะญาติดีกันสักเท่าไหร่



    “นายทำบ้าอะไรน่ะ”เด็กสาวว่าเข้าให้อย่างโมโหทั้งๆที่ออกจะกลัวเขาอยู่ไม่น้อยพลางลูบแขนที่ถูกเขาบีบจนเจ็บ



    “นั่นเป็นคำพูดที่เธอใช้กับผู้มีพระคุณเหรอ”เขาถามพลางรีบออกรถอย่ารวดเร็วเพราะไม่แน่ใจว่าจะมีใครตามมาหรือไม่



    “ผู้มีพระคุณ”เธอทวนคำอย่างข้องใจ “นายชกเพื่อนฉัน ลากฉันออกมา ก่อเรื่องวุ่นวายขนาดนี้แล้วยังมีหน้ามาบอกว่าเป็นผู้มีพระคุณอีกเหรอ นายต้องบ้าไปแล้วแน่ๆ”ฟ้าใสตะโกนใส่เขาอย่างโกรธจัด  ชายหนุ่มเบรกรถอย่างแรงทำเอาเธอหัวคะมำ ก่อนหันมาขึ้นเสียงใส่บ้าง



    “นี่ เธอรู้หรือเปล่าถ้าฉันไม่ช่วยเธอออกมาป่านนี้เธอจะเป็นยังไง”



    “ช่วย..แหมฟังดูดีจัง แต่ถ้านายไม่มาคงจะดีกว่าเพราะจะทำให้ฉันได้กลับบ้านแบบปกติอย่างคนอื่นเขา” สุดเขตต์มองใบหน้าเชิดแสดงความอวดดีอย่างนึกหมั่นไส้



    “แต่ฉันว่าเธอคงจะกลายเป็นนางเอกหนังโป๊เสียก่อน”ฟ้าใสชะงักอย่างนึกไม่ถึงก่อนหันมองเขาอย่างเดือดดาล



    “ขอโทษเถอะคุณสุดเขตต์ ถึงแม้ฉันจะเที่ยวกลางคืน แต่ฉันก็ไม่เคยคิดที่จะประพฤติตัวแบบนั้น กรุณามองคนอื่นในแง่ดีหน่อย”



    “เดี๋ยวๆ ฟังก่อน  ฉันไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น”คราวนี้เขาเป็นฝ่ายตกใจบ้าง



    “ฉันไม่ได้หมายความอย่าที่เธอเข้าใจ  คือ..ฉันบังเอิญได้ยินไอ้มาร์คอะไรนั่นคุยโวกับเพื่อนๆ มันในห้องน้ำว่า  คืนนี้มันจะทำให้..เธอเป็นของมันให้ได้..ซึ่งบางทีอาจต้องใช้วิธีที่รุนแรงไปบ้าง  พูดแค่นี้คงเข้าใจนะ..”เขาเลี่ยงไม่พูดสิ่งที่ได้ยินออกไปเพราะกลัวเด็กสาวจะรับไม่ได้ขนาดเขาเองฟังแล้วยังแทบจะตั๊นหน้าพวกมันเสียเดี๋ยวนั้นเลย



    “..ตอนแรกก็ยังไม่ปักใจเชื่อซะทีเดียวมาแน่ใจก็ตอนที่จู่ๆเธอก็ทำท่าเหมือนเมาทั้งๆที่ไม่ได้ดื่มเหล้าเลย ฉันเองก็ไม่ได้อยากทำอะไรให้มันวุ่นวายแบบนี้หรอกแต่มันโมโห อดไม่ไหวจริงๆ”



    “นายพูดอะไรน่ะ..ไม่จริง ถึงมาร์คจะนิสัยไม่ดีแต่เค้าก็เป็นเพื่อนฉัน เค้าไม่มีทางคิดทำอะไรไม่ดีกับฉันแน่..”แต่คนพูดเองก็เริ่มไม่มั่นใจเมื่อนึกถึงขาวลือเกี่ยวกับเรื่องแบบนี้ของมาร์คที่ยายพิงค์กับยายเจนเมาท์ให้ฟังบ่อยๆ รวมถึงพฤติกรรมสายตาและเสียงหัวเราะแปลกๆของมาร์คกับเพื่อนๆ ในคืนนี้แล้วก็ใจหายวาบ  และที่สำคัญเธอมั่นใจว่าไม่ได้ดื่มเหล้าเลยสักนิด  แล้วทำไมถึงเมาได้..เมื่อนึกถึงตรงนี้แล้วก็ฉุกคิดขึ้นมา



    \"หมายความว่า ฉันถูกวางยาเหรอ”ถามแล้วก็ได้แต่ภาวนามาไม่ให้เขาบอกว่า..



    “ใช่ !  เธอถูกวางยา”



    “แต่..ทำไมฉันถึงไม่เป็นอะไรเลยล่ะ”



    “คงเพราะตกใจมั้ง  สติสตังก็เลยกลับมา”



    “..เหรอ”เธอพยักหน้าคล้อยตาม



    “เปล่าหรอก..ก็เพราะเชื่อคนง่ายแบบนี้น่ะสิถึงได้ถูกหลอก”เขาว่า



    ฟ้าใสหน้ามุ่ยที่อยู่ๆ ก็ถูกคนที่เธอแสนจะเกลียดกล่าวหา



    “เธอคงกินเข้าไปน้อยเกินกว่าที่จะทำให้หลับได้ทันที  แต่รับรองคืนนี้ได้หลับสนิทจนเช้าแน่”



    “จริงเหรอ?”เธอชักไม่อยากจะเชื่อเขาแล้ว



    “จะไปรู้ได้ยังไงล่ะ  ฉันไม่ใช่หมอนี่นา”



    คราวนี้เธอแทบอยากจะทุบเขาสักตุ๊บ - คนอะไรกวนชะมัด -



    แต่ถ้าจริงก็ถือว่าโชคดีที่เธอไม่ยอมดื่มพันช์รสขมๆนั้นจนหมดแก้ว แต่..ถึงตอนนี้เธอก็ยังไม่ค่อยอยากจะเชื่อว่าเพื่อนจะทำกับเธอได้ลงคอ  นึกเสียใจที่อุตส่าห์ดีด้วยแต่กลับโดนต้มเสียจนเกือบสุกแบบนี้..ฮึ่ม! มันน่าแค้นใจจริงๆ



    “ถ้าคิดแล้วจะทำให้โกรธ ก็อย่าคิดเลย  เพราะนอกจากไม่มีประโยชน์แล้วเราจะไม่สบายใจเสียเปล่าๆ” ชายหนุ่มพูด นึกเห็นใจเธออยู่ไม่น้อยที่ต้องมาเจอเหตุการณ์แบบนี้ยิ่งได้เห็นหน้าเครียดๆ กับแววตาหวาดวิตกด้วยแล้วก็ยิ่งทำให้สงสารเข้าไปใหญ่



    ฟ้าใสมองผู้มีศักดิ์เป็นพี่ชายอย่างตรึกตรองอยู่ครู่ใหญ่ก่อนพูด



    “ขอบคุณนะที่ช่วยฉันไว้..แล้วก็ขอโทษด้วยที่พูดจาไม่ดี” เธอมองเขาอย่างหวั่นๆ  เพราะไม่แน่ใจว่าแค่คำขอโทษจะเพียงพอหรือเปล่า? แล้วก็ใจชื้นขึ้นเมื่อเห็นรอยยิ้มที่มุมปากของชายหนุ่ม  เธอขยับจะพูดต่อแต่ก็ต้องสะดุดกึกเมื่อได้ยินคำพูดของเขา



    “เธอควรจะขอบคุณพ่อฉันมากกว่า  เพราะถ้าพ่อไม่บังคับให้ฉันมารับเธอล่ะก็  ป่านนี้เธอคงไม่ได้มานั่งอยู่ตรงนี้หรอก”แม้จะสงสารแค่ใหนก็ต้องทำเสียงแข็งเข้าไว้



    - ต้องข่มเอาไว้ก่อน  ขืนพูดดีด้วยเดี๋ยวก็ได้เหลิงกันไปใหญ่ -



    “ไม่ยักรู้ว่านายจะกลัวพ่อ”เธอได้ทีว่าเข้าให้บ้างแต่ก็ไม่วายถูกย้อนกลับมา



    “ เปล่า  ฉันแค่ไม่อยากขัดใจให้พ่อโมโหเพราะทุกวันนี้ก็มีเรื่องให้ไม่สบายใจมากพออยู่แล้ว”คราวนี้ฟ้าใสหน้าหงิกเพราะแน่ใจว่าเขากำลังว่าเธออยู่  เธอถอนใจอย่างเคืองๆก่อนพูดโดยใช้น้ำเสียงแบบเดียวกันกับเขา



    “ไม่ว่าจะเต็มใจหรือไม่นายก็ช่วยฉันแล้ว  นายก็รับคำขอบคุณไปแล้วกัน..และฉันก็อยากจะขอร้องไม่ให้พูดเรื่องกับใคร...ฉันไม่อยากให้แม่ไม่สบายใจ”



    “ไม่มีปัญหา  เพราะฉันเองก็ไม่ชอบพูดเรื่องของ \"คนอื่น\" นักหรอก แต่ฉันว่าถึงแม่เธอจะไม่รู้เรื่องนี้ก็คงมีเรื่องอื่นทำให้คิดมากอยู่ดี”



      นอกจาคำว่า“คนอื่น”ที่เขาเน้นแล้ว  สายตาที่เหลือบมองมาเหมือนจะกล่าวหานั้นยังทำให้เธอหน้าตึงนึกอยากจะว่าเขาด้วยถ้อยคำแรงๆบ้างแต่ก็เปลี่ยนใจกลัวถูกย้อนจนอึ้งไปอีก  เลยได้แต่สะบัดหน้าเชิดใส่อย่างถือดี  หากแววตาที่ครุ่นคิดนั้นทำให้ชายหนุ่มมั่นใจว่าในวันพรุ่งนี้จะได้เห็นการเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีของฟ้าใสแน่นอน...





            -----------------------------------------------------------







    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×