ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [NCT X You] Love Phobia

    ลำดับตอนที่ #8 : Chapter 7

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 331
      33
      18 ต.ค. 64


    7

     

     

     

    พี่ช่วยผมหน่อยนะ”

     

     

    “….”

     

     

    ผมไม่กล้าบอกแม่ว่าลาออกแล้ว”

     

     

    “….”

     

     

    จะเอาผมไปขัดห้องน้ำ ไปทำอะไรก็ได้อ่ะ”

     

     

    “….”

     

     

    จนกว่าผมจะหางานใหม่ได้นะ ๆ ๆ”

     

     

    “….”

     

     

    “..พี่”

     

     

    “….”

     

     

    พี่มินรี”

     

     

    “….”

     

     

    พี่! ฟังผมอยู่มั้ยเนี่ย”

     

     

    ห..หะ…ฟัง..ฟังอยู่”

     

     

     

    เสียงและท่าทางยื่นหน้าถลึงตาใส่ของอดีตเด็กไอที ทำฉันที่จิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวได้สติกลับมา

     

     

    ตั้งแต่เข้ามานั่งในร้านไอติม ฉันก็เอาแต่ลอบมองคนทั่วร้าน จนมาร์คต้องหมุนคอมองตามด้วยความสงสัย

     

     

     

    พี่มองหาใครอยู่”

     

     

    “..เปล่า” ฉันตอบหน้าตาย แต่ดึงฮู้ดลงมาปิดหน้าอีกเล็กน้อย มาร์คมองท่าทางของฉันอย่างไม่เข้าใจ

     

     

     

    ตั้งแต่ว่างงานไม่ค่อยได้ออกมาใช้ชีวิตข้างนอกหรอ”

     

     

    พูดแบบนี้เดี๋ยวจะไม่ได้งาน”

     

     

    พี่ค้าบบบ T^T”

     

     

     

    ฉันจ้องเด็กที่มาขอสมัครเป็นลูกจ้างกิจการด้วยสายตาเข่นเขี้ยว ที่ฉันเป็นอย่างนี้ไม่ใช่เพราะทักษะการเข้าสังคมลดต่ำลงโว้ย

     

     

     

    แต่กลัวจะเจอคนที่หลบหน้าอยู่ต่างหาก!

     

     

     

     

     

    "ผมก็ไม่อยากจะพูดหรอกนะ แต่แผนกพี่ คนที่คอมมีปัญหาบ่อยสุดก็คือพี่”

     

     

    นี่กำลังทวงบุญคุณอยู่รึไง”

     

     

    มิตรภาพของเด็กซ่อมคอมสองปีอ่ะพี่”

     

     

    ทุกอย่างจะง่ายขึ้น แค่แกบอกที่บ้านว่าลาออกแล้ว”

     

     

    ก็บอกแล้วไงว่าไม่กล้าบอก”

     

     

    “….”

     

     

    ไว้หางานได้ ค่อยบอกว่าเปลี่ยนงานแล้วยังฟังดูดีกว่า”

     

     

    จะบอกอะไรให้นะ”

     

     

    “….”

     

     

    ฉันก็ยังไม่ได้บอกที่บ้านเหมือนกัน”

     

     

    อ้าว!”

     

     

     

    ก็คือ..ที่ทำเป็นอิดออด ไม่ใช่ไม่อยากช่วย แต่ตัวเองก็ยังเอาไม่รอดเลย สถานการณ์ทางบ้านฉันไม่ได้ต่างจากของมาร์ค ลาออกแบบไม่มีแผนสำรอง เท่ากับ โดนด่า

     

     

     

     

     

    ทุกอย่างจะง่ายขึ้น ถ้าบอกที่บ้านว่าลาออกแล้ว”

     

     

    แกจะก้อปคำพูดฉันทำไม”

     

     

    ก็พี่บอกผมเองอ่ะ”

     

     

     

    คนตกงานสองคนถอนหายใจใส่กัน ร้านกาแฟนั่นน่ะ เป็นชื่อฉันก็จริง แต่คนคุมร้านคือแม่ ถ้าจะบอกแม่ว่าให้เอามาร์คไปช่วยงานที่ร้าน ก็เท่ากับว่าฉันต้องพูดเรื่องที่ตัวเองลาออกด้วย และฉันก็ยังไม่ได้ตัดสินใจเลยว่าจะบอกเรื่องโฟเบียของตัวเองดีไหม

     

     

     

     

    “…สัปดาห์หน้าผมต้องจ่ายค่าหอแล้ว”

     

     

    เงินเก็บไม่มีเลยหรอ”

     

     

    ถ้าโดนจ้างออกอย่างที่คนแผนกพี่พูดกันก็ดีดิ”

     

     

    “….”

     

     

    แต่ผมไม่เข้าใจ ทำไมเขาโยงไปเรื่องนั้นได้”

     

     

    “….”

     

     

    ที่ว่าคุณโรอุนเป็นคนเสนอชื่อผมในโครงการ”

     

     

    “….”

     

     

    ผมออกเพราะอีเจ๊ต่างหาก”

     

     

     

    พอพูดถึงหัวหน้ารุ่นป้าของตัวเอง อารมณ์ของอดีตเด็กไอทีก็เดือดปุดอีกครั้ง ฉันเงียบฟัง ไม่กล้าหืออืออะไร เพราะคำถามที่มาร์คสงสัย

     

     

     

     

    เรื่องระหว่างฉันกับโรอุน ให้มันเป็นความลับต่อไปนั่นแหละ

     

     

     

     

    "เอาเป็นว่า..ฉันพร้อมบอกแม่เมื่อไหร่ ก็เมื่อนั้นนะ" ฉันพูด พร้อมกับลุกขึ้นยืน

     

     

    "นี่พี่ไม่ได้ตัดบทผมใช่ป่ะ"

     

     

    "ก็เดี๋ยวคุยให้นั่นแหละ วันนี้กลับไปได้แล้ว"

     

     

    ฉันเดินออกมาจากโต๊ะ ได้ยินเสียงมาร์คพูดไล่หลังด้วยว่าจะรีบไปไหน เพราะฉันเพิ่งมาเจอเด็กนี่ได้ไม่ถึงสิบห้านาที

     

     

     

    ก็ถ้ามาร์คไม่มาหา อย่าหวังว่าฉันจะก้าวเท้าออกจากประตูห้องเลย

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    เอายาแก้แพ้ค่ะ”

     

     

    เภสัชในร้านขายยาตอบรับ ก่อนจะหันไปหายาที่ฉันขอในตู้กระจกด้านหลัง ไหน ๆ ก็ลงมาข้างล่างแล้ว แวะซื้อยาติดห้องเลยแล้วกัน

     

     

     

     

    แต่เขาหานานมาก….นานจนฉันเริ่มระแวงอีกครั้ง..…

     

     

     

     

    เร็ว ๆ ได้มั้ย จะรีบขึ้นห้อง

     

     

     

     

     

    กลัวเจอไอหมอ

     

     

     

    เฉลยแล้วนะว่าไม่อยากเจอใคร ก็ถ้าเจอขึ้นมาฉันคงปั้นหน้าไม่ถูก ขนาดผ่านมาหลายวันแล้ว แต่ยังทำใจลืมไม่ลง

     

     

     

     

    ทำคนเมาเรื้อนอย่างฉัน สร่างจนวิ่งป่าราบกลับห้องได้ คิดดูแล้วกันว่าวันนั้นต้องเสียขวัญระดับไหน

     

     

     

     

     

    ฮือ…ฮึก....พี่ครับ..ขอยาลดไข้ให้อาผมหน่อยครับ”

     

     

     

    เสียงสะอึกสะอื้นของเด็กที่เพิ่งเดินเข้ามาในร้าน เรียกให้ฉันต้องหันไปมองด้วยความสนใจ แม้แต่เภสัชเองก็ยังหันกลับมามองเด็กที่ยืนก้มหน้าปาดน้ำตาอยู่

     

     

     

    "ฮ..ฮือ...อาผมตัวร้อนมาก....ปลุกเท่าไหร่ก็ไม่ตื่นเลยครับ"

     

     

    "แล้วคุณอามีอาการอะไรอีกมั้ยจ๊ะ" เภสัชถามเสียงอ่อน

     

     

    "..ผมไม่รู้ฮะ...อาเอาแต่นอนอย่างเดียว"

     

     

    "ไม่ต้องร้อง ๆ เดี๋ยวพี่เขาจัดยาให้ เราอยู่ห้องไหน"

     

     

     

    ภาพที่เห็นทำเอาใจวูบจนต้องช่วยปลอบ เด็กตัวเล็กแค่เอวลงมาซื้อยาให้อาเพียงลำพัง ทำไมน่าสงสารเช่นนี้

     

     

     

    "..ชั้นสิบสี่ครับ"

     

     

    "ชั้นสิบสี่หรอ"

     

     

    "ห้องหนึ่งสี่หนึ่งห้า"

     

     

    "หนึ่งสี่หนึ่งห้า.."

     

     

     

    ทำไมเลขห้องมันคุ้น ๆ

     

     

     

     

    "...."

     

     

    "...."

     

     

     

    จังหวะที่กำลังครุ่นคิด เด็กน้อยก็เงยหน้าขึ้นมาสบตา ฉันถลึงตามองเด็กผมทรงกะลาครอบ ก่อนจะหันหน้าหนีไปอีกทาง

     

     

     

     

    ชิบหาย หลานนายดงยอง

     

     

     

    หนีเสือปะจระเข้!

     

     

     

     

    พี่..ฮืออ…พี่ครับ”

     

     

     

    ม่ายยยยย TˆT

     

     

    เด็กที่น่าจะจำกันได้เข้ามาเกาะแขนแน่น ม..ไม่น่าคุยด้วยเลย ผู้หญิงคนนี้กำลังจะซวย!

     

     

     

     

    ถ้าแกล้งทำเป็นไม่รู้จัก จะเลวไปมั้ย

     

     

     

     

    พี่มินรีครับ..”

     

     

     

    ..เด็กมันรู้ชื่อกูด้วย

     

     

     

     

    "ช่วยอาผมด้วย.."

     

     

    "...."

     

     

    “..ไปดูอาผมที่ห้องหน่อยได้มั้ยครับ”

     

     

     

     

    นั่นไง…

     

     

     

     

    สุดท้ายก็ต้องจูงมือไอเด็ก (ที่เพิ่งรู้ว่าชื่อกงกง) ขึ้นมาที่ห้องหนึ่งสี่หนึ่งห้าพร้อมกับถุงยาและอาหารเวฟจากร้านสะดวกซื้อ

     

     

    ถึงจะไม่อยากมา แต่ถ้าปฏิเสธ ฉันก็คงเป็นคนที่ใจร้ายมาก คนนึงก็เด็ก อีกคนที่ป่วยซมอยู่ก็เพื่อน

     

     

     

    เพื่อนที่ปากชนปาก..

     

     

     

     

    ไม่เอา!! อย่าไปนึกถึงสิ!!!!

     

     

     

     

     

    อาอยู่ข้างในห้องนอนครับ”

     

     

     

    กงกงทำตาแป๋วใส่อย่างเชื้อเชิญให้ฉันเปิดบานประตูตรงหน้าเข้าไป ห้องนี้ในวันนั้นน่ะหรอ โอ๊ย! บอกแล้วไงว่าอย่าไปนึกถึง!! แต่มันหยุดความคิดในหัวไม่ได้เลยแง

     

     

     

    ก็นี่มันจุดเกิดเหตุ…

     

     

     

     

    ก๊อก ๆ

     

     

     

    ฉันแข็งใจยกมือขึ้นเคาะประตู ก่อนจะอนุญาตตัวเองเข้าไปในห้อง เพราะคงไม่มีสัญญาณตอบกลับจากคนที่หลับอยู่

     

     

     

    ข้างในห้องมืดสนิทจนต้องกดเปิดไฟ แล้วสิ่งที่เห็นก็คือเจ้าของห้องนอนจมกองผ้าห่มอยู่บนเตียง และยังไม่มีทีท่าตอบสนองต่อการมาเยือนของฉันกับหลานชาย

     

     

     

    อายังไม่ตื่นเลย…พี่ครับ”

     

     

    อะไร”

     

     

    “…หรือว่าอาจะตายแล้วครับ”

     

     

     

    กงกงเปิดซีนดราม่าน้ำตาแตกอีกรอบ ฉันถึงกับต้องยกมือขึ้นกุมขมับ นี่ไอเด็กมันกำลังแช่งอาตัวเองอยู่รึเปล่า

     

     

     

    ไม่ต้องร้อง อาไม่ตายหรอก”

     

     

     

    ฉันพูดปลอบอย่างเอือม ๆ ก่อนจะเดินเข้าไปยืนข้างเตียง แล้วกวาดสายตาประเมินสภาพของคนป่วยที่ห่มผ้าจนมิดอก ใบหน้าที่ปกติขาวไปทางซีด ตอนนี้ขึ้นสีเพราะพิษไข้จนแก้มแดง

     

     

     

     

    ..ปากก็แดงด้วย

     

     

     

     

    ไม่!!

     

     

     

    อย่าไปมอง!!!!!!!

     

     

     

    หน้าหันขวับไปมองกำแพงห้องทันทีที่ดึงสติได้ จะไปมองปากหมอนั่นทำไมเล่า!!!! บอกแล้วไงว่าไม่คิด ๆ ๆ อย่าไปคิดถึงเรื่องวันนั้นอีก!!

     

     

     

     

    นี่”

     

     

    หมอ”

     

     

    ตื่นได้แล้ว”

     

     

     

    ฉันทำเสียงเข้มปลุกคนหลับ เพื่อกลบเกลื่อนความรู้สึกประหลาดของตัวเองในตอนนี้ แต่เสียงของฉันดูเหมือนจะไม่ได้ระคายหูของคนป่วยเลยแม้แต่น้อย นายดงยองยังคงนอนนิ่งไม่ไหวติง จนต้องก้มลงไปใช้นิ้วจิ้มไหล่ช่วย

     

     

     

     

    หมอ”

     

     

    ไอหมอ”

     

     

    คิมดงยอง ตื่น”

     

     

     

    นิ่ง..สงบ

     

     

     

     

     

    หรือว่าไข้สูงจนช็อคไปแล้ว?

     

     

     

    พอคิดได้แบบนั้นความกังวลก็เริ่มเกิด นิ้วที่เคยสะกิดไหล่เปลี่ยนเป็นจ่อจมูกของคนหลับแทน แล้วก็โล่งอกไปได้เปราะหนึ่งเพราะลมหายใจที่ยังมีอยู่

     

     

     

     

    โอเค ยังไม่ตาย

     

     

     

     

    ตัดสินใจใช้มือทาบหน้าผากวัดไข้ต่อ ก่อนที่คิ้วจะต้องขมวดเป็นปม เพราะไอหมอตัวร้อนมาก ร้อนอย่างกับไฟ ไปทำยังไงให้ตัวเองไข้สูงได้ขนาดนี้

     

     

     

    กงกง อาเป็นไข้มานานรึยัง”

     

     

    “..ก็ตั้งแต่เช้านะครับ”

     

     

    ไปทำอะไรมาอ่ะ”

     

     

    น่าจะโดนแดดครับ…เมื่อวานอาเล่นบาสกับพ่อ..”

     

     

    ไอหมอมันเล่นบาสเป็นด้วยหรอ”

     

     

    วิ่งตามลูกครับ”

     

     

    กงกงตอบออกมาหน้าซื่อจนฉันเกือบจะหลุดหัวเราะ แต่รอยยิ้มขำก็กลายเป็นยิ้มเก้อ เพราะคนหลับที่อยู่ ๆ ก็ลืมตาตื่นขึ้นมาอย่างไม่มีสัญญาณ และระดับสายตาก็สบเข้ากับฉันที่ทิ้งสายตามองหน้าเจ้าตัวอย่างพอดิบพอดี

     

     

     

    “….”

     

     

    “….”

     

     

    “….”

     

     

    “….”

     

     

     

    “!!!!!!!!!!!”

     

     

     

    จ้องตากันอยู่พักหนึ่ง ก่อนจะได้สติพากันแตกกระเจิงไปทั้งคู่ มือที่แปะอยู่บนหน้าผากถูกชักออก พร้อมกับฉันที่ถอยออกไปยืนห่าง ส่วนไอหมอก็ถดตัวขึ้นไปนั่งกอดผ้าห่มชิดหัวเตียง สายตาหวาดระแวง (?) ส่งตรงมาที่ฉัน ไม่สนแม้กระทั่งหลานชายที่กระโดดขึ้นไปนั่งกอดแขนร้องเรียกอยู่ด้านข้าง

     

     

     

    มาได้ไง” ฉันที่ทำเป็นเบือนสายตามองไปทางอื่น เหล่มองหน้าคนถามเล็กน้อย ก่อนจะตอบ

     

     

    “..ก็เจอหลานนายที่ร้านขายยา”

     

     

    “….”

     

     

    กงกงขอให้ฉันมาดูสภาพนาย”

     

     

    “….”

     

     

    นี่อุตส่าห์มานะ เลิกทำหน้าเหมือนกลัวสักที”

     

     

     

    เห็นสีหน้าแตกตื่นของไอหมอแล้ว จากที่กระอักกระอ่วนก็กลายเป็นเริ่มจะหมั่นไส้แทน ไอท่าทางกอดผ้าห่มกับสายตาคาดโทษนั่นมันคืออะไร! วันนั้นแกล้มมาทับเองนะโว้ย ถ้าพูดกันตามจริง คนที่เสียหายมันฉันต่างหาก!!!

     

     

     

    “..เปล่า ใครกลัว ไม่ได้กลัว”

     

     

    เอ้า จะลนเพื่อ???

     

     

     

     

    "นี่"

     

     

    "...."

     

     

    แล้วเป็นยังไงบ้าง” ฉันตัดบทถาม

     

     

    “….”

     

     

    เป็นไข้แล้วเป็นอะไรอีกเปล่า”

     

     

    “….”

     

     

    “….”

     

     

    “..เจ็บคอ”

     

     

    ตกลงเป็นไข้หวัดหรอ นึกว่าไข้แดด”

     

     

    “….”

     

     

    ซื้อมาแต่ยาแก้ไข้”

     

     

    “….”

     

     

    กินไปก่อนแล้วกัน รอแป๊บ”

     

     

     

     

    ฉันเดินออกมาเอากล่องข้าวผัดกับถุงยาที่อยู่บนโต๊ะ ก่อนจะกลับเข้าไปในห้อง ภาพที่เห็นคือกงกงกำลังใช้สองมือเล็ก ๆ ประคองใบหน้าของนายดงยองให้หันมาทางตัวเอง ก่อนที่มือข้างหนึ่งจะยกขึ้นไปทาบหน้าผากวัดไข้

     

     

    ดูท่าทางหลานคนนี้จะติดคุณอามากเลยทีเดียว

     

     

     

     

    กินข้าวเองได้มั้ย” ฉันถามขัดจังหวะ

     

     

    “….” ดงยองหันมามอง

     

     

    หรือต้องป้อน”

     

     

    กินเองได้” สวนตอบทันควัน หน้าตาก็เลิกลั่กใส่อีกละ โอ๊ย มันเป็นยังไง คิดว่าฉันจะป้อนแกหรอ ฝันนะ ที่ถามนี่คือจะให้กงกงป้อนนู่น!

     

     

     

    อาหารถูกส่งให้คนป่วย ส่วนถุงยาวางลงข้างขวดน้ำบนโต๊ะหัวเตียง นายดงยองแกะฝากล่องข้าว ก่อนจะมองหาอะไรสักอย่าง

     

     

     

    ช้อน”

     

     

    อ้าว ลืม” เออว่ะ แล้วมันไม่ได้มากับกล่องเรอะ “ช้อนอยู่ในครัวใช่มะ เดี๋ยวออกไปเอาให้”

     

     

    ไม่ต้อง กงกงไปเอาให้อาหน่อย”

     

     

    กงกง ๆ ข้าวอีกกล่องของเรานะ เอาเข้ามากินกับอาเลยก็ได้” ฉันบอกเด็กที่กำลังจะวิ่งออกไป

     

     

    ค้าบ”

     

     

    กงกงวิ่งออกไปแล้ว ในห้องเหลือแค่ฉันกับไอหมอสองคน ความรู้สึกอึดอัดแปลก ๆ กระจายตัวครอบคลุมพื้นที่ ฉันมองคนป่วยที่กำลังยกขวดน้ำขึ้นดื่มก่อนจะหาเรื่องคุย

     

     

     

    ไปโรงบาลมั้ย”

     

     

    ไปทำไม” ถามกลับพลางหมุนฝาปิดขวด

     

     

    ก็ตัวร้อนอย่างกับไฟ”

     

     

    ซื้อยาข้างล่างเอาก็ได้”

     

     

    ถ้าไม่ใช่หวัดธรรมดาจะหายหรอ”

     

     

    ไปก็รักษาตามอาการอยู่ดี”

     

     

    “….”

     

     

    ฉันรู้ว่าต้องกินยาตัวไหนบ้าง”

     

     

    จะให้ลงไปซื้อให้มั้ยล่ะ”

     

     

    ไม่ต้อง เดี๋ยวให้พี่ซื้อ มันจะมารับกงกง”

     

     

    แล้วรอเขาไหวเหรอ”

     

     

    ก็ไม่ได้แย่ขนาดนั้น”

     

     

    ไม่ได้แย่ขนาดนั้น แต่หลับจนหลานคิดว่าตายแล้ว

     

     

     

    กงกงกลับเข้ามาในห้อง พร้อมกับช้อนและกล่องข้าวของตัวเอง ฉันมองอาหลานที่นั่งกินข้าวกันอยู่บนเตียง แล้วก็สังเกตเห็นสีหน้าแปลก ๆ ของนายหมอตอนกลืนข้าว

     

     

     

    เหมือนจะเจ็บคอ

     

     

     

    ตอนแรกก็ว่าจะซื้อโจ๊กมาให้ แต่ของในมาร์ทดันหมด

     

     

     

     

    ที่ห้องมียูจาชา*กับน้ำผึ้งรึเปล่า” ฉันถาม

     

     

    ทำไม”

     

     

    มีไม่มี?”

     

     

    น่าจะมี”

     

     

     

    ฉันพยักหน้ารับ ก่อนจะเดินออกมาโซนครัว เพื่อหาสิ่งที่เพิ่งถามไป แต่ก่อนเวลาเจ็บคอ แม่จะชงใส่น้ำให้กินตลอด แล้วมันก็ค่อนข้างได้ผลดีเลยด้วย

     

     

     

    ใช้เวลาไม่นานก็กลับเข้ามาในห้อง พร้อมกับแก้วน้ำชาในมือ ฉันเดินเอาแก้วมาวางที่โต๊ะหัวเตียง โดยที่รู้สึกได้ว่ามีสายตาของนายหมอคอยมองอยู่เงียบ ๆ

     

     

     

     

    กินข้าวกินยาเสร็จ สักพักก็ค่อยกินชา”

     

     

    “….”

     

     

    อยู่กับกงกงได้ใช่มั้ย”

     

     

    อืม”

     

     

    งั้นฉันไปนะ มีอะไรก็โทรเรียก”

     

     

    เดี๋ยว”

     

     

    “….”

     

     

    แล้วเธอ..เป็นยังไงบ้าง”

     

     

    “….” ฉันมองหน้านายหมออย่างงง ๆ เป็นยังไงคือยังไง

     

     

     

    หมายถึงอะไร”

     

     

    ชีวิต”

     

     

    อ้อ” ตอบลากเสียงยาว เป็นคำถามที่กว้างมากจนไม่รู้จะตอบว่าอะไรดี

     

     

    ดีขึ้นบ้างไหม”

     

     

    ไม่รู้สิ…มันก็ดีกว่าตอนที่ยังต้องทำงานอยู่”

     

     

    ตกลงลาออกแล้ว?”

     

     

    อืม ฉันยังไม่ได้บอกหรอ”

     

     

    ยัง”

     

     

    “..เมาจนจำไม่ได้”

     

     

    นัดตรวจครั้งก่อน โกหกถูกมั้ย”

     

     

    อ่า…ฉันโกหกอะไรนะ” แกล้งทำลืม ขี้เกียจโดนบ่น คนอะไรป่วยแล้วยังดุได้อีก

     

     

     

    ที่ว่าไม่ได้เจอผู้ชายคนนั้น”

     

     

    โหย..รู้ได้ยังไงเนี่ย”

     

     

    "ก็เมาเป็นหมา"

     

     

    "........" อุ๊ย

     

     

    ไม่อยากหายรึไง”

     

     

    อยากสิ แต่ถ้าพูดนายก็บอกให้ฉันลาออกอีก”

     

     

    แล้วตอนนี้ได้ออกสมใจรึยัง”

     

     

    “…อย่ามาซ้ำเติมได้ป่ะ แล้วนี่เจ็บคออยู่ไม่ใช่รึไง ทำไมพูดมากจังอ่ะ”

     

     

    เราต้องนัดคุยกันใหม่ ที่ประเมินไปครั้งก่อนใช้ไม่ได้”

     

     

    โอเค ๆ แต่ก่อนจะมารักษาฉันน่ะ รักษาตัวเองให้หายก่อนเถอะคุณหมอ”

     

     

    “….”

     

     

    ถ้าไม่มีอะไรฉันไปแล้วนะ พี่ไปก่อนนะกงกง” ฉันพูดลาเร็ว ๆ ก่อนจะโบกมือให้กงกงที่วางช้อนลงแล้วโบกมือตอบ

     

     

    เดี๋ยว”

     

     

    “….” เป็นอีกครั้งที่ฉันต้องชะงักร่างกายของตัวเอง เพราะคำว่าเดี๋ยวของไอหมอ

     

     

     

    "อะไรอีก” จะบ่นอะไรอีกดงยอง

     

     

     

    ขอบคุณ”

     

     

    “….”

     

     

    แค่นี้แหละ"

     

     

    "...."

     

     

    "ไปได้แล้ว”

     

     

     

    เอ้า อะไรงง

     

     

     

    --------------------------------------

    *ยูจาชา คือ ชาส้มซีทรัส เป็นชาชนิดหนึ่งของเกาหลี สามารถชงกับน้ำร้อนหรือเย็น ถ้าผสมกับน้ำผึ้ง ก็จะอารมณ์คล้ายกับน้ำผึ้งมะนาวของบ้านเราค่ะ

     

    TBC


    ที่จริงหมอเริ่มแปลกๆแล้วนะคะ แต่เก๊กอยู่ จูบครั้งก่อนอาจทำมินรีแค่อาย แต่ในส่วนของหมอนั้นแพนิคแล้วแน่นอน555

     

    มาที่คนแต่งกันบ้าง ต้องกราบขอโทษรีดที่หายไปนานจัด(คำนี้อีกแล้ว) มันเกิดจากอาการท้อแท้ หมดความมั่นใจที่จะแต่ง Chapterนี้เราก็แต่งค้างไว้หลายสัปดาห์แล้ว แต่ไม่กล้าอัพ... พอมีคนทักมาว่ายังรอ ก็เลยลองกลับมาลงต่อดู เผื่อจะมีแพชชั่น

     

    ถ้าเกิดว่ายังอ่านกันอยู่ ก็ช่วยกันจุดไฟให้เราหน่อยนะคะ TˆT

     


    T
    B
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×