คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : Chapter 2
2
[ยุ่งอยู่รึเปล่ามีโซ]
“ขับรถอยู่ค่ะ...แต่คุยได้ พี่แทยงมีอะไรรึเปล่าคะ”
[เย็นนี้กินข้าวบ้านมั้ย พี่จะได้บอกป้านายอง]
“แล้วพี่ล่ะคะ”
[พี่เลิกดึกเหมือนเดิม คงไม่ได้กินด้วย]
“ออ…งั้นไม่เป็นไรค่ะ เดี๋ยวฉันหากินข้างนอกเข้าไปเลย”
[โอเค..มีโซ]
“คะ?”
[เมื่อวานพี่เจอเขา]
“..ใครหรอคะ”
[แฝดโดยอง]
เอี๊ยดดดดด!!
โครม!!
คุณเหยียบเบรก พร้อม ๆ กับที่ยานพาหนะสองล้ออีกคันซึ่งขับปาดมาจากอีกแยก ล้มกระแทกลงไปกับถนน แรงเบรกกะทันหันทำเอาหัวของคุณเกือบจะโหม่งเข้าใส่พวงมาลัย ใจของคุณเต้นไม่เป็นส่ำ สองมือยังคงกำพวงมาลัยแน่น ทั้งตกใจทั้งกลัว คุณไม่แน่ใจว่าคุณได้ชนมอเตอร์ไซค์คันดังกล่าวไปหรือไม่
[มีโซ! เกิดอะไรขึ้น!?]
เสียงตื่นตกใจของปลายสายช่วยเรียกสติของคุณกลับคืนมา คุณกะพริบตามองกระจกหน้า แต่ก็มองไม่เห็นอะไรนอกจากสี่แยกที่ไร้รถสัญจร คงเป็นเพราะคู่กรณีล้มลงชิดกับหน้ารถ ทำให้มุมมองของคุณนั้นไม่สามารถมองเห็นสภาพของอีกฝ่าย คุณตั้งสติพูดตอบคนในสายอย่างใจเย็น
“เกิดอุบัติเหตุนิดหน่อย...เดี๋ยวโทรกลับนะคะ”
ก๊อก ก๊อก
คุณสะดุ้งมองกระจกรถฝั่งข้างคนขับ แล้วก็เห็นว่าเป็นชายสวมหมวกกันน็อคที่เคาะเรียกคุณ คุณรีบกดวางสายโทรศัพท์ ก่อนจะถอดหูฟังบลูทูธโยนทิ้งไปที่เบาะข้างอย่างลวก ๆ แล้วเปิดประตูลงจากรถไปหาเจ้าของมอเตอร์ไซค์ แต่ทว่ายังไม่ทันได้พูดอะไร คุณกลับถูกชายร่างท้วมคู่กรณี กระชากแขนลากเข้าไปที่ซอกตึกข้างทาง
“ปล่อย! ปล่อยนะ! คุณจะทำอะไรฉัน!? ช่วยด้วย!!”
ตลอดทางคุณเอาแต่ร้องและพยายามขัดขืน แต่ก็สู้แรงของอีกฝ่ายไม่ได้ โชคร้ายที่ในตอนนี้ไม่มีใครอยู่บริเวณที่คุณถูกพามาสักคน เมื่อถูกปล่อยให้เป็นอิสระ คนตรงหน้าก็เปิดกระจกหมวกกันน็อคเผยใบหน้าให้คุณเห็น
“..!!”
และเมื่อเห็นหน้าเขา คุณก็นิ่งไปสนิท…
“ไง..ไม่เจอกันนานเลยนะหลานรัก”
“มาหาฉันทำไม!!”
คุณตะคอกถามอย่างหัวเสีย ความกลัวถูกจุดประกายขึ้นเมื่อรู้ว่าอีกฝ่ายคือคนที่เคยสร้างรอยแผลในใจให้กับคุณ แต่ในความกลัวก็มีความโกรธและเกลียดร่วมอยู่ด้วย ตัวของคุณเหมือนจะสั่น แต่คุณก็ต้องควบคุมตัวเองเอาไว้
“แล้วทำไมฉันจะมาหาแกไม่ได้”
“….”
“มีชีวิตดีแล้วลืมลุงตัวเองเลยรึไง”
“มึงไม่ใช่ลุงของกู!!!”
คุณกร่นคำหยาบออกมาด้วยความโมโห เรื่องต่ำช้าที่เคยทำไว้กับคุณและน้องชาย ไม่มีทางที่จะหายไปจากความทรงจำ คนที่ใช้กำลังกับหลานของตัวเองจนต้องเสียเลือด คนที่ขายหลานสาวของตัวเองเพื่อขัดดอก คนประเภทนี้ไม่สมควรที่คุณจะนับญาติและเคารพเส้นหงอกบนหัว
“หึ ปากเก่งเหมือนเดิม”
“….”
“ดูมึงตอนนี้สิ…ดูดีกว่าเมื่อก่อนอย่างกับคนละคน”
“….” คุณจ้องสายตาที่ไล่มองคุณตั้งแต่หัวจรดเท้าเขม็ง
“ผัวมึงเลี้ยงดีน่าดูเลยสิท่า”
“ใช่ เขาดูแลฉันอย่างกับเจ้าหญิง”
“….”
“แล้วถ้ายังไม่คิดที่จะเลิกยุ่ง ฉันจะบอกเขา!”
คุณงัดอาวุธของคุณออกมาสู้ แต่แทนที่คนประสงค์ร้ายจะกลัวอย่างที่เคย มาคราวนี้กลับแสยะยิ้ม จนทำเอาคุณเริ่มใจคอไม่ดี
“มึงอย่าคิดว่ากูไม่รู้”
“….”
“มึงก็แค่ใช้มันเป็นไม้กันหมาอย่างกู”
“….” คุณอึ้งมอง ไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะรู้ทัน
“แล้วหมาจนตรอกอย่างกู ก็ไม่มีอะไรจะเสียอีกแล้ว!”
หมับ!
ไหล่ทั้งสองของคุณถูกบีบเข้าอย่างแรงจนต้องนิ่วหน้า ก่อนที่เจ้าของการกระทำอุกอาจจะเริ่มเขย่าตัวคุณอย่างต้องการคาดคั้น
“ไอเจโน่มันอยู่ไหน”
“….” คุณเงียบไม่ยอมตอบ สายตาก็จ้องมองอีกฝ่ายอย่างพยายามซ่อนความกลัว
“ไอเด็กเหี้ยนั่นมันอยู่ที่ไหน!!”
“….”
“ถ้ามึงไม่อยากเจ็บตัวก็พูดมา!!”
“เจโน่ก็อยู่ในที่ ๆ ไม่มีไอชาติชั่วอย่างมึงไง”
“มึงอยากลองดีกับกูใช่มั้ย!!”
ตุ้บ!!
คุณถูกเหวี่ยงเข้าหากำแพงอิฐ ทั้งไหล่และแก้มกระแทกเต็มแรงจนเกิดแผล มือนิ่มยกขึ้นกุมข้างแก้มที่มีรอยถลอกเลือดซิบ สายตาก็เลื่อนมองเจ้าของการกระทำรุนแรงที่ยังคงจ้องมองมาด้วยความอาฆาต
“ถ้ามึงยังเงียบ
กูจะเล่นงานมึงแทนมัน” คนร่างท้วมชี้หน้าคุณอย่างคาดโทษ สายตาเคียดแค้นกำลังสร้างความหวาดหวั่นให้กับคุณ
แต่ถึงอย่างนั้น คุณก็ไม่คิดที่จะบอกในสิ่งที่อีกฝ่ายต้องการ
“….”
“ติดคุกกูก็ผ่านมาแล้ว ความตายเท่านั้นที่จะมาพรากกูไปจากพวกมึง!”
คำประกาศกร้าวถูกทิ้งไว้ก่อนที่ตัวคนพูดจะเดินเร็วหนีไป คุณยืนนิ่งจมกับความกลัวและความกังวลที่ถาโถมเข้ามา ในเมื่อคนที่ถูกส่งตัวเข้าเรือนจำได้รับอิสรภาพแล้ว มันก็ถึงเวลาของการแก้แค้น ความบ้าดีเดือดที่เห็นได้จากสายตา คำพูดที่บอกว่าไม่มีอะไรให้ต้องกลัวอีกต่อไป มันหมายความว่าไม่มีใครช่วยคุณกับน้องชายได้อีก แม้แต่แทยง
ทุกวินาทีต่อจากนี้ ชีวิตของคุณและเจโน่กำลังอยู่บนความเสี่ยง
“ฉันมาพบคุณเดโอค่ะ”
คุณเกาะขอบเคาน์เตอร์พูดกับพนักงานประชาสัมพันธ์ด้วยท่าทางเหนื่อยหอบ คุณยังคงปรับอารมณ์ของตัวเองกับเรื่องที่เพิ่งเจอมาไม่ได้ แต่เพราะว่าตอนนี้คุณเลทนัดบรีฟงานกับลูกค้ามาสิบนาทีแล้ว คุณเลยต้องรีบพาสติที่ไม่เต็มร้อยมายังสถานที่นัดหมาย ซึ่งก็คือสำนักงานแห่งหนึ่งที่เพิ่งก่อตั้งได้ไม่นาน
“คุณอีมีโซจาก DSY รึเปล่าคะ”
“ใช่ค่ะ”
“เดี๋ยวให้พนักงานของเราพาไปพบท่านนะคะ”
คุณถูกพาขึ้นมาที่ชั้นแปดของออฟฟิศ ก่อนที่พนักงานที่เป็นฝ่ายนำทางจะเคาะประตูห้อง ๆ หนึ่งสามที แล้วเปิดออกให้กับคุณ คุณยิ้มขอบคุณ ก่อนจะสูดลมหายใจเดินเข้าไปในห้อง คุณมาสาย ดังนั้นคุณต้องทำตัวให้ดี และคิดหาคำอธิบายมาชี้แจงให้กับลูกค้าของคุณ ห้องที่คุณก้าวเข้ามาเป็นเพียงห้องประชุมขนาดเล็กที่มีโต๊ะยาวตั้งอยู่กลางห้อง สายตาของคุณที่กำลังกวาดมองถึงกับต้องชะงักไป เมื่อสบกับสายตาของคนที่นั่งรออยู่
“....”
คนตรงหน้าเลิกคิ้วมอง เมื่อเห็นว่าคุณเอาแต่ยืนอึ้งจ้องหน้าของเขา คุณที่ลืมตัวก็รีบโค้งทักทาย ถึงจะตกใจที่ได้เจอกับคนที่คุณเพิ่งมีปากเสียงที่สุสานเมื่อวาน แต่ตอนนี้อีกฝ่ายมีฐานะเป็นลูกค้าของคุณ คุณก็ต้องปฏิบัติกับเขาให้ดีที่สุด
“สวัสดีค่ะ”
“คุณมาสายสิบห้านาที” คนเป็นลูกค้าปรายตามองนาฬิกาข้อมือของตัวเอง ก่อนจะช้อนตาขึ้นมองหน้าคุณ
“ขอโทษค่ะ” คุณควรที่จะแก้ต่างให้กับตัวเอง แต่เพราะความตะขิดตะขวงใจที่คนจ้างงานคือเขา จึงทำให้คุณนึกคำพูดไม่ออก
“ถ้าคุณมาช้ากว่านี้ผมคงโทรไปแคนเซิลงานแล้ว”
“....”
อีกฝ่ายกำลังตำหนิคุณ แต่คุณกลับทำเพียงเงียบมอง
จนถึงตอนนี้คุณก็ยังไม่ชินกับใบหน้าที่ถอดมาจากคนรัก
ถึงแม้จะได้รับคำยืนยันจากแทยงมาแล้วว่าคนตรงข้ามเป็นแฝดอย่างที่คุณเดาเอาไว้
แต่มันก็อดไม่ได้ที่จะใช้สายตาทอดมองหน้าตาที่คุณไม่ได้เห็นมานานกว่าหกปี
ก็เพิ่งเจอกันเมื่อวาน แต่มันรู้สึกแปลกทุกครั้งที่เจอหน้ากัน
“จะยืนอีกนานมั้ย”
“อ..อ่อ” น้ำเสียงทุ้มดึงสติของคุณให้กลับมา คุณสะดุ้งขานรับ
ก่อนจะเลื่อนเก้าอี้ล้อลากลงนั่งตรงข้ามกับอีกฝ่าย
“ผมอยากให้คุณช่วยรีโนเวทบ้านของญาติผม”
“ค่ะ”
“บ้านของโดยอง”
“....” คุณชะงักไปทันที เมื่อได้ยินว่าเป็นบ้านของใคร
“ทำยังไงก็ได้ให้มันดูดีกว่าเดิม ผมจะได้ตั้งราคาขายสูง ๆ”
“คุณขายทำไมหรอคะ”
“นี่เป็นเรื่องที่อินทีเรียต้องทราบด้วยหรอ” อีกฝ่ายจ้องตาถามกลับ พลางเอนหลังพิงพนักเก้าอี้ยกแขนขึ้นกอดอก
“….” คุณหลบสายตาอีกฝ่ายอย่างนึกขึ้นได้ว่ามันไม่ใช่เรื่องที่คนนอกอย่างคุณต้องรู้
“แต่ผมบอกคุณก็ได้”
“….”
“ผมขายเพราะว่าไม่มีใครอยู่แล้ว ก็แค่นั้น”
“….”
“แล้วคุณถามทำไม”
“….”
คุณกะพริบตาไล่ความคิดไร้สาระของตัวเองออกจากหัว คุณก็แค่เผลอไปคิดแทนคนตายว่าจะรู้สึกยังไงหากว่าบ้านที่เคยอาศัยอยู่กับพ่อและน้องสาวกำลังจะถูกขายทิ้ง
และคุณยังเคยไปเยือนบ้านหลังนั้นมาสองสามหน มันก็เลยมีความผูกพันอยู่บ้าง
แต่มันก็เป็นเรื่องของเดโอ ไม่ใช่ธุระกงการที่คุณจะต้องไปยุ่งเกี่ยว
“..เปล่าค่ะ”
“….”
“ไม่มีอะไร”
“….”
“คุณต้องการอะไรเป็นพิเศษรึเปล่าคะ”
คุณวกเข้าเรื่องงาน แต่ก็เพื่อไม่ให้คุณกับเขาต้องเสียเวลาทนมองหน้ากันด้วยความรู้สึกกระอักกระอ่วน
คุณรูดซิปหยิบไอแพดออกจากกระเป๋ามาจดรายละเอียดงานที่คนเป็นลูกค้าเปรยไว้ก่อนหน้า
ก่อนจะเลื่อนสายตาขึ้นมอง เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายไม่ยอมพูดอะไรต่อสักที
“ผมว่าฮวงจุ้ยบ้านไม่ค่อยดีเท่าไหร่”
“….”
“ที่ผ่านมามีแต่เรื่องให้สูญเสีย”
“….”
“ทั้งงาน ครอบครัว เพื่อน และความรัก”
“….”
“สูญเสีย...มีทั้งที่จากไปและทรยศหักหลัง”
“….”
“ผมไม่ค่อยเชื่อในศาสตร์ด้านนั้น แต่บางทีก็คิดว่าทำไมครอบครัวของผมถึงได้เจอแต่เรื่องพวกนี้”
“….”
“ช่วยดูให้ผมหน่อยแล้วกัน
ผมไม่อยากให้คนที่ซื้อบ้านต่อ ต้องซวยเหมือนครอบครัวผม”
ถึงจะไม่ได้แสดงสีหน้าออกมามากมาย แต่คุณกลับสัมผัสได้ถึงความเจ็บปวดที่แฝงอยู่ในแววตาของเขา คุณพอจะเข้าใจในสิ่งที่อีกฝ่ายกำลังรู้สึก การที่ต้องสูญเสียบุคคลในครอบครัวไปถึงสามคนในช่วงเวลาไล่เลี่ยกัน แล้วยังมีเรื่องงาน เพื่อน และความรักที่คุณไม่ได้ไปล่วงรู้กับเขาด้วยอีก นั่นมันแทบจะเป็นทุกประเด็นของชีวิตแล้วไม่ใช่หรือไง ดูเหมือนว่าเขาและครอบครัวจะผ่านเรื่องราวมามากมาย แล้วคนที่เหลืออยู่ตัวคนเดียวในตอนนี้ก็คงไม่ต่างจากแบกโลกเอาไว้ทั้งใบ
คนบางคนก็มีชะตาเหมือนกับโดนพระเจ้าเกลียด
“คุณเก่งนะคะ” คุณพูดชม แล้วก็ทำให้คนตรงข้ามเลื่อนสายตามามอง
“....”
“ถ้าคุณไม่พูดฉันก็คงดูไม่ออกว่าคุณเจอกับอะไรมาบ้าง”
“….”
“ต้องมีสักวัน…ที่เป็นวันของคุณค่ะ”
คุณให้กำลังใจอีกฝ่ายด้วยความจริงใจ คุณเข้าใจความรู้สึกที่ทุกอย่างมันพังอยู่ข้างในเป็นอย่างดี เพราะคุณเคยจมอยู่กับความรู้สึกย่ำแย่พวกนั้นจนเกือบจะก้าวข้ามไปไม่ได้ แต่คุณก็ผ่านมันมาได้จนเป็นคุณในทุกวันนี้
ความเชื่อหนึ่งที่เกิดขึ้น หลังจากที่คุณหลุดพ้นมาจากพายุในใจ
พระเจ้าคงไม่เกลียดเราไปตลอดหรอก
“….”
คนที่นั่งอยู่ตรงข้ามนิ่งมองคุณ ใจที่แข็งกระด้างมันอ่อนยวบเพราะคำพูดของคุณ แต่เรื่องในใจบางอย่างมันกลับทำให้เขาต่อต้านความรู้สึกของตัวเอง ดวงตาคมเสมองไปทางอื่นชั่วครู่ ก่อนจะเลื่อนกลับมามองหน้าคุณคล้ายกับพยายามข่มอารมณ์ที่ปะทุอยู่ในอก
“นี่คุณกำลังปลอบผม?”
“….”
“คุณยังไม่รู้ตัวอีกหรอว่าที่ผมพูดถึงมันมีคุณอยู่ด้วย”
“….”
“คนทรยศน่ะ”
“คุณเดโอ”
“ผมว่าจะไม่พูดแล้ว แต่ผมทนไม่ได้ที่คุณทำเป็นไม่รู้อะไรเลย”
“ถ้าคุณยังเคืองและมองว่าฉันเป็นผู้หญิงหน้าไม่อายที่หมั้นกับเพื่อนสนิทของเขา ฉันก็บอกคุณแล้วว่ามันมีเหตุผล”
“มันไม่ใช่เรื่องแย่หรอกครับ ถ้าจะคบหรือแต่งงานกับเพื่อนของแฟนเก่า”
“….”
“ยินดีด้วยซ้ำ ถ้ามีชีวิตที่ดีขึ้น”
“….”
“แต่มันไม่ได้มีแค่นั้นน่ะสิ”
“….” แต่สำหรับคุณมันมีแค่นั้น
คุณจ้องมองรอยยิ้มขมขื่นของเดโออย่างไม่เข้าใจ
ท่าทางของอีกฝ่ายทำให้คุณรู้สึกว่าต้องมีเรื่องอะไรสักอย่างที่คอยกดบาดแผลของเขาเอาไว้
หรือมันมีอะไรที่คุณยังไม่รู้
“คุณกำลังหมายถึงอะไร” คุณถาม
“….”
“พูดมาสิคะ ที่ว่ามันไม่ได้มีแค่นั้น คือมันมีอะไรอีก”
“….”
คุณจ้องตาอีกฝ่ายนิ่ง คนอารมณ์เย็นอย่างคุณก็เริ่มจะร้อนขึ้นบ้างแล้ว คุณกำลังไม่สบอารมณ์เพราะเรื่องที่ไม่เข้าใจและท่าทางเกลียดชังของคนตรงข้าม แต่จนแล้วจนรอด คนที่รอคอยให้พูดก็ยังไม่ยอมปริปาก คุณตัดสินใจเก็บไอแพดเข้ากระเป๋า แล้วลุกขึ้นยืนจากเก้าอี้
“คุณไม่พูดอะไร เราก็คงหมดธุระกันแล้ว สะดวกให้เข้าไปดูบ้านเมื่อไหร่ก็นัดมานะคะ”
คุณกล่าวลา ก่อนจะเดินไปทางประตูห้องโดยไม่รอฟังคำตอบกลับจากคนเป็นลูกค้า แต่คุณก็ช้ากว่าลูกค้าของตัวเองที่ลุกพรวดตามมาฉุดแขนเอาไว้
หมับ!
“นี่ ปล่อยนะ!”
คุณถูกดันเข้าหากำแพง มือหนาบีบต้นแขนสองข้างของคุณเอาไว้แน่น สายตาโกรธเคืองจ้องมองหน้าคุณอย่างไม่ลดละ คุณพยายามจะสะบัดตัวออก แต่กลับถูกกดตัวไว้กับกำแพงแน่นกว่าเดิม คุณเลิกดิ้น แล้วช้อนสายตาไม่พอใจขึ้นมองใบหน้าที่อยู่ห่างกันเพียงเล็กน้อย
“เธอไม่รู้อะไรเลยหรอ”
“แล้วมันมีอะไรที่ฉันต้องรู้”
“เธอคิดว่ามันเป็นแค่อุบัติเหตุรึไง!”
“….” คุณอึ้งมองอีกฝ่ายอย่างตกใจกับเรื่องที่ได้ยิน คุณรู้ว่าเดโอกำลังหมายถึงอุบัติเหตุที่พรากชีวิตของโดยองกับโดยอนไป
แต่สิ่งที่คนตรงหน้าพูดออกมา
คุณไม่เคยรู้เลยจริง ๆ
“คนที่เธอกำลังจะแต่งงานด้วย”
“….”
“รู้จักมันกับครอบครัวดีรึยัง!” ตะคอกถาม พลางเขย่าตัวของคุณด้วยอารมณ์ที่คุกรุ่นอยู่ข้างใน
คุณเงียบจ้องสายตาที่เหมือนกับจะตายให้ได้ของคนตรงหน้า ถึงอีกฝ่ายจะออกแรงจนคุณพาลเจ็บไหล่ที่ช้ำตั้งแต่ก่อนเดินทางมาถึงที่นี่ แต่ความเจ็บของคุณยังเทียบไม่ได้กับแววตาของเขา เดโอตกอยู่ในอารมณ์โกรธและเสียใจ เขาดูเหมือนจะควบคุมความรู้สึกของตัวเองไม่ได้ เรื่องที่รู้อยู่เต็มอกมันกำลังทำให้เขารู้สึกเจ็บจนเจียนตาย
แต่คุณไม่อาจปักใจเชื่อได้ในสิ่งที่เขาพูดได้เต็มร้อย
เดโอกำลังบอกคุณเป็นนัยว่าแทยงและครอบครัวมีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนั้น
แต่คุณค่อนข้างเชื่อมั่นในตัวของคนที่ยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือคุณ
ช่วยโดยที่ไม่เคยขออะไรเป็นสิ่งตอบแทน
“คุณแทยงไม่มีทางที่จะทำอะไรอย่างที่คุณคิด”
“นี่เธอ..”
“คนอื่นฉันไม่รู้ว่าเป็นยังไง แต่คุณแทยงไม่มีทาง..”
ปัง!
คุณสะดุ้ง เมื่อคนตัวสูงยกมือตบผนังไม้เสียงดัง
คุณไม่กล้าพูดอะไรต่อ เพราะคนตรงหน้าดูจะเดือดยิ่งกว่าเดิม เดโอปล่อยแขนคุณออก แล้วเปลี่ยนมาเท้ากับกำแพงเอาไว้แทน
“พูดขนาดนี้แล้วยังออกตัวแทนมันอีกหรอ” ร่างสูงเอียงหน้าถาม สายตาก็จ้องมองคุณอย่างหาเรื่อง
“….”
“รู้เรื่องที่มันทำ แต่ก็ยังปกป้องมัน”
เขาแค่นหัวเราะ ราวกับไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่คุณแสดงออก
“….”
“เขาคงผิดหวังในตัวเธอ”
“….” ใจของคุณชาวาบ เมื่ออีกฝ่ายพาดพิงถึงคนที่จากไป
“แต่เธอคงไม่สนใจอยู่แล้ว”
“….”
“ก็ตอนนี้มีชีวิตที่ดีแล้วนี่”
“คุณจะปล่อยฉันไปได้รึยัง” คุณถามเสียงนิ่ง คุณกำลังไม่สบอารมณ์ที่ถูกคนตรงหน้าพูดจาถากถางใส่ คุณพยายามดันตัวออก แต่ก็ถูกอีกฝ่ายดันไหล่กลับมาชิดกำแพงเหมือนเดิม และคราวนี้เขากดโดนรอยช้ำที่ไหล่ของคุณ จนทำให้คุณต้องนิ่วหน้า
“ทำไมรับไม่ได้ขึ้นมาล่ะ”
“อะ...”
“พอฉันพูดความจริงแล้วอายรึไง”
“ปล่อย ฉันเจ็บ!”
เสียงร้องของคุณ ทำให้คนที่ตกอยู่ในด้านมืดถูกดึงตัวกลับมา เดโอปล่อยมือออกจากไหล่ของคุณ แล้วก็เพิ่งสังเกตเห็นท่าทีที่ดูเจ็บเกินกว่าปกติของคุณ คุณยกมือกุมไหล่ตัวเองพลางจ้องหน้าอีกฝ่ายเขม็ง แต่ใบหน้าของคุณที่เอียงอยู่เล็กน้อย ก็ทำให้สายตาที่กำลังกวาดมองอย่างประเมินมองเห็นรอยแผลเล็ก ๆ ที่โผล่พ้นผมของคุณที่ปิดแก้มอยู่ นิ้วเรียวเกลี่ยผมของคุณออกทันที คุณตกใจกับสิ่งที่คนตรงหน้าทำ และในตอนนี้เดโอได้เห็นรอยแผลข้างโหนกแก้มที่คุณพยายามใช้ผมปกปิดเอาไว้อย่างเต็มตา
“ไปโดนอะไรมา”
สายตานิ่งอึ้งจ้องมองแผลบนหน้าของคุณ ถึงจะไม่ได้ใหญ่โต แต่มันก็ทำให้เขารู้สึกไม่ดี
“ไม่มีอะไรหรอกค่ะ” คุณบ่ายเบี่ยงที่จะตอบ พร้อมกับหันหน้าหนี เพื่อไม่ให้เขาเห็นแผลของคุณ แต่เดโอกลับกดนิ้วลงข้างแผลของคุณเบา ๆ
“โอ๊ย! นี่คุณ..!”
“ใครทำ”
“….”
คุณมองสายตาที่กำลังไล่มองใบหน้าของคุณอย่างไม่เข้าใจ ในแววตาที่ดูสับสนคู่นั้นมันมีความร้อนใจแฝงอยู่ด้วย
“ฮือ ๆ พี่โดยอง…ฮึก”
“มีโซ!”
คุณที่นั่งร้องไห้อยู่หน้าร้านมินิมาร์ทวิ่งน้ำตานองหน้าเข้ามาหาคนที่เพิ่งลงจากรถ อีกฝ่ายดึงคุณเข้าไปกอดแน่น ก่อนจะดึงตัวของคุณออกมาดู สายตาตกใจและเป็นห่วงทอดมองใบหน้าเนียนละเอียดที่มีรอยช้ำประดับอยู่ มือหนาประคองใบหน้าของคุณเอาไว้อย่างอ่อนโยน นิ้วก็ยกขึ้นเกลี่ยเช็ดน้ำตาให้คุณเบา ๆ อย่างกลัวว่าคุณจะรู้สึกเจ็บ
“แจ้งตำรวจเถอะ”
“ม..ไม่เป็นไรค่ะ”
“ไม่เป็นไรได้ยังไง งั้นพี่จะไปจัดการมันเอง”
“อย่านะพี่โดยอง!...มีโซกับเจโน่ยังต้องพึ่งลุงเขา”
“แต่..”
“พี่อยู่เป็นเพื่อนมีโซสักพักก็พอนะ”
สายตาที่จ้องมองแผลบนหน้าของคุณเบือนมองไปทางอื่น อาการที่ดูเหมือนกับกำลังสับสนและไม่รู้จะจัดการกับความรู้สึกของตัวเองยังไง คือสิ่งที่คุณได้แต่มองอย่างไม่เข้าใจ เดโอเงียบไป ก่อนที่สุดท้ายจะผละตัวออกห่างจากคุณ
“ไปนั่ง” พูดเชิงสั่งโดยที่ไม่ได้หันมามองหน้าคุณ
“..ห๊ะ” คุณทวนถามอย่างงง ๆ
“ผมจะให้คนมาทำแผลให้คุณ”
“....”
“เสร็จแล้ว จะไปไหนก็ไป”
คนหลากอารมณ์กล่าวทิ้งท้ายไว้แค่นั้น
ก่อนจะก้าวเท้าออกไปจากห้อง คุณเดินไปนั่งรอที่เก้าอี้อย่างงุนงง
คุณไม่เข้าใจความคิดของคนเจ้าอารมณ์คนนั้นเลยสักนิด ตอนแรกก็โมโหเป็นฟืนเป็นไฟ
แต่พอเห็นแผลบนหน้าของคุณกลับเหมือนถูกสับสวิตช์เป็นอีกคน
แผลของคุณมีอิทธิพลกับเขาหรือยังไงกัน
- - - - - - - - - - - - - - - - - - -
- -
TBC
อืมม หมั้นอยู่กับคนที่อาจจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับอุบัติเหตุที่เคยเกิดขึ้น ก็น่าโกรธอยู่นาา ถึงเราจะไม่รู้เรื่อง แต่จะให้คุณเขามองเราในแง่ขาวสะอาดก็คงยากค่ะ คนในครอบครัวตายเลยนี่เนอะ แต่เรื่องมันเป็นยังไงกันแน่อ่า
อยากอ่านต่อก็เม้นค่ะ แต่งเรื่องนี้มันใช้พลังเยอะมั่ก ๆ ต้องการกำลังใจค่ะ55555 จะเม้นในนี้หรือแท็กทวิตก็ได้ เม้นมาไว ตอนต่อไปก็จะมาเร็ว บอกแค่เน้
#เหมือนเคยรักกัน
ความคิดเห็น