ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [NCT X You] Love Phobia

    ลำดับตอนที่ #12 : Chapter 11

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 204
      26
      17 เม.ย. 65

     

    11

     

     

     

     

     

     

    ตื่นรึยัง”

     

     

    ตื่นแล้ว ๆ”

     

     

     

     

    ตอบไม่ทันขาดคำก็ยกมือปิดปากหาวอีกรอบ ตาคมกวาดมองสภาพฉันด้วยสีหน้าเอือมระอา ก่อนจะกลับไปโฟกัสกับการยืดเส้นยืดสาย ปล่อยผู้หญิงตาปรือคนนี้เป็นอากาศ

     

     

     

     

    ง่วง ง่วงมาก ทำไมคนเราถึงต้องตื่นมาทรมานสังขารแต่ไก่โห่ด้วย ไอหมอทำงานไม่เหนื่อยบ้างรึไง ฉันนอนอยู่ห้องเฉย ๆ ยังไม่อยากจะลุกออกจากเตียงเลย

     

     

     

     

     

    ไม่ไหวก็กลับไปนอน”

     

     

    ไหวน่า”

     

     

    เคยวิ่งมาก่อนรึเปล่า”

     

     

    เคย”

     

     

     

     

    นายหมอเริ่มเดินเร็วไปข้างหน้า ฉันที่ยืนบิดขี้เกียจอยู่ก็รีบก้าวเท้าตาม ที่อุตส่าห์ออกมาวิ่งแต่เช้า ไม่ใช่เพราะรักสุขภาพ แต่ตั้งใจจะมาสืบอาการโฟเบียของไอหมอต่างหาก! ตั้งใจขนาดนี้แล้วจะปล่อยให้เป้าหมายหลุดพ้นไปจากสายตาได้ยังไง

     

     

     

     

    ฉันเร่งฝีเท้าเดินเร็วตีคู่กับเจ้าของร่างสูง อีกฝ่ายทำอะไรก็ทำตามจนโดนเหล่มองหน้า แต่ก็ดูเหมือนจะไม่ได้ใส่ใจกับพฤติกรรมประหลาดของฉันนัก ไอหมอมองผ่านไป แล้วเริ่มวิ่งเหยาะแซงหน้าอย่างไม่สนใจ เห็นอย่างนั้นฉันก็วิ่งตาม พยายามจะเอาตัวเองเข้าไปใกล้เพื่อหาความผิดปกติของคนซึน แต่ไอหมอก็วิ่งเร็วขึ้นเรื่อย ๆ นำห่างฉันออกไปเรื่อย ๆ

     

     

     

     

    คนอะไรวาดขาทีเหมือนกระโดดไปสามเมตร ใครจะไปตามทันวะ

     

     

     

     

    สองขากะทัดรัดยังคงสับต่อไปอย่างไม่ยอมแพ้ ไม่ใช่แค่อยากจะไล่ตามเป้าหมายที่ต้องเฝ้าจับตามองให้ทัน แต่รู้สึกว่าถ้าหยุดพักตอนนี้จะเสียฟอร์มเอาด้วย

     

     

     

     

    อะไรกัน วิ่งเหงื่อไม่ทันไหล ใครที่ไหนมันจะขิต!?

     

     

     

     

     

     

    โอ๊ย!!”

     

     

     

     

    อ่อ กูนี่เอง

     

     

     

     

    ช่วยด้วย ตะคริวกินขา T^T

     

     

     

     

    ฉันหลับตาปี๋ก้มลงจับน่องแข็ง ๆ ของตัวเอง ฮืออ อยากจะร้องไห้ มาเป็นอะไรตอนนี้ แล้วเป็นในที่สาธารณะอีก น่าอนาถใช้ได้

     

     

     

     

     

     

    เป็นอะไร”

     

     

     

     

    คนที่หายลับไปจากกรอบสายตา วิ่งกลับมาดูราวกับมีญาณทิพย์ ฉันหยีตาตอบอย่างทรมาน มือก็บรรจงบีบน่องที่บวมปูดไปด้วย

     

     

     

     

    ตะคริว”

     

     

    มานี่”

     

     

    เดี๋ยว ๆ โอ๊ย! ปวด”

     

     

     

     

    ดงยองลากแขนฉันให้เดินกระเผกมานั่งบนเก้าอี้ข้างทาง ถึงจะเดินแค่ไม่กี่ก้าว แต่คนปวดตะคริวก็แหกปากร้องสิ หมออะไรรุนแรงจังวะ

     

     

     

     

     

    นี่ จะทำอะไร…!?”

     

     

     

     

    คนที่นั่งลงข้างกัน อยู่ ๆ ก็ยกขาขวาของฉันให้ขึ้นไปวางทับตักของตัวเอง เล่นเอาฉันเสียหลักเกือบจะคว้าแขนเก้าอี้ไม่ทัน ใบหน้าเหวอหันกลับไปพร้อมสตาร์ทเครื่องด่า หากแต่ภาพที่เห็นก็ทำเอาอึ้งจนพูดไม่ออก

     

     

     

     

     

    นายหมอถอดรองเท้าผ้าใบกับถุงเท้าออกให้ และกำลังใช้มือกดนวดตั้งแต่น่องลากยาวไปจนถึงปลายเท้า

     

     

     

     

    มือที่ขาวสะอาดห่างไกลจากแบคทีเรียของไอหมอกำลังแตะต้องเท้าที่ชุ่มเหงื่อของฉัน…

     

     

     

     

     

    ไม่ต้อง ฉันทำเองได้”

     

     

    เธอทำเองกับฉันทำให้ อันไหนมันง่ายกว่ากัน”

     

     

     

     

    มือที่จับขาเอาไว้และดวงตาคมดุที่จ้องมองมา ทำให้ฉันต้องยอมอยู่เฉย ปล่อยให้อีกฝ่ายนวดต่อไปด้วยความเกรงใจ

     

     

     

     

     

    โอ๊ย..”

     

     

    อย่าเกร็ง”

     

     

     

     

    กล้ามเนื้อที่เกร็งตัวพอโดนบีบก็อดไม่ได้ที่จะต้องร้องโอดโอย นายดงยองหันมามองสีหน้าของฉัน ก่อนจะหันกลับไปมองขาเหมือนเดิม ความใส่ใจที่แสดงผ่านการกระทำ เป็นอีกครั้งที่ทำให้ฉันรู้สึกแปลกใจ

     

     

     

     

    อ่อนโยนเป็นกับเขาด้วย…

     

     

     

     

     

    หายยัง”

     

     

    อือ..อืม..”

     

     

    “….”

     

     

    ขอบคุณนะ”

     

     

    รีบขยับทำไม เดี๋ยวก็เป็นอีก”

     

     

     

     

    ฉันจะเอาขาลง แต่มือเรียวก็ดึงกลับไปบนตักอย่างเดิม แถมยังจับเอาไว้เป็นการบังคับกลาย ๆ ฉันมองขาตัวเองสลับกับช้อนตามองหน้าไอหมอเลิกลั่ก ให้เอาขามาพาดตักคนอื่นอยู่แบบนี้มันก็ต้องรู้สึกแปลก ๆ มั้ย

     

     

     

     

    ถ้าเป็นพ่อก็ว่าไปอย่าง

     

     

     

     

     

     

    เคยวิ่งจริงรึเปล่า”

     

     

    เคยดิ”

     

     

    วิ่งล่าสุดเมื่อไหร่”

     

     

    มัธยม

     

     

    “………………”

     

     

     

     

    สิ้นคำตอบ ไอหมอถึงกับหันขวับมามองหน้า เอ้า ทำไมอ่ะ ก็พูดจริงนะเนี่ยว่าเคยวิ่ง สมัยก่อนวิ่งเล่นกับเพื่อนบ่อยจะตาย ตอนเช้าก็รีบวิ่งหนีแถวสายอีก ฉันโกหกตรงไหน

     

     

     

     

     

     

    นั่นมันสิบปีแล้ว”

     

     

    ใช่ สิบปีแล้วไง”

     

     

    นี่เธอกวนตีนอยู่หรอ”

     

     

    อะไร ฉันไปกวนนายตอนไหนไม่ทราบ”

     

     

    ก็ที่ถามว่าเคยวิ่งมั้ย ฉันหมายถึงวิ่งออกกำลังกาย”

     

     

    ถามไม่เคลียร์เองอ่ะ”

     

     

    เหอะ ว่าแล้ว”

     

     

    “….” ว่าแล้วอะไร

     

     

    สภาพเธอไม่เหมือนคนออกกำลังกาย”

     

     

    “….” เดี๋ยว นี่ด่าป่ะ

     

     

    กล้ามเนื้อขาดการยืดหยุ่นถึงได้เป็นตะคริว”

     

     

    “….”

     

     

    หรือไม่ก็วิ่งผิดท่า เกร็งขามากเกินไป”

     

     

    “….”

     

     

    เธอมาวิ่งทำไม”

     

     

    เอ้า….วิ่งไม่เป็นแล้วอยากจะวิ่งบ้างไม่ได้รึไง”

     

     

     

     

    ไอหมอก็ถามแปลกนะ

     

     

     

     

    นัดตรวจคราวก่อน ตัวเองก็เป็นคนไล่ให้ฉันไปออกกำลังกายเอง

     

     

     

     

     

    ไม่รู้ตัวบ้างหรอว่ากำลังทำตัวแปลก ๆ”

     

     

    “….”

     

     

    เธอเอาแต่มองฉันตั้งแต่ที่เจอกันแล้ว”

     

     

    “….” อุ๊ย

     

     

    มีปัญหาอะไรรึเปล่า”

     

     

    ไม่มี…บ้าหรอ! ฉันจะไปมีปัญหาอะไรกับนาย!!”

     

     

    นั่นสินะ”

     

     

    เฮ้ย จับไว้ทำไมเนี่ย!? ปล่อยขาฉัน!!”

     

     

     

     

    ฉันกำลังจะเอาขาลงจากตักไอหมอ แต่ก็ถูกมือของเจ้าของตักดึงกลับไปยกค้างกลางอากาศ มิหนำซ้ำยังจับล็อคไว้ประหนึ่งเป็นตัวประกัน!!

     

     

     

     

    ไอหมอน่ากลัวมาก ตาก็จ้องหน้านิ่ง ไม่หือไม่อือ ทำเหมือนว่าถ้าฉันยังไม่เลิกทำตัวมีพิรุธจะไม่ยอมปล่อยไป นี่มันเป็นการขู่ที่โคตรเหี้ยม แกลืมไปแล้วหรอว่าฉันเพิ่งหายเป็นตะคริว!

     

     

     

    ไอหมอ”

     

     

    ตอบก่อน”

     

     

    ตอบอะไร!”

     

     

    เธอมีอะไรกันแน่”

     

     

    อะไรอ่ะ! คนแค่อยากมาวิ่ง นายจะเอาไรวะ”

     

     

    ลนลาน”

     

     

    ไอหมอบ้า! เดี๋ยวฉันก็เป็นตะคริวอีกรอบหรอก!!”

     

     

     

     

    รอบนี้ฉันดึงขาออก และไอหมอก็ยอมปล่อยมือแต่โดยดี ฉันรีบก้มหยิบรองเท้ามาใส่ รับรู้ได้ว่ามีสายตาจับผิดคอยจ้องมองอยู่ทุกการกระทำ

     

     

     

     

    ฉันไปก่อนนะ”

     

     

    จะรีบไปไหน”

     

     

    ธุระ”

     

     

    ธุระตอนแปดโมง เช้าจัง”

     

     

    ยุ่ง!”

     

     

    เธอลืมถุงเท้า”

     

     

     

     

    ฉันที่ลุกพรวดสาวเท้าออกห่างจากเก้าอี้มาเกือบห้าก้าว ก็ต้องหมุนตัวกลับไปคว้าสิ่งที่ไอหมอใช้นิ้วหนีบโชว์อยู่อย่างเสียไม่ได้ ก่อนจะรีบจ้ำเท้าหนีใบหน้านิ่งกวนของคนที่ยังคงนั่งอยู่ที่เดิม

     

     

     

     

     

    ตกลงวันนี้ฉันได้อะไรจากไอหมอบ้าง นอกจากได้เรื่อง!!

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    พี่ ผมขอเบิกค่าจ้างล่วงหน้าหนึ่งเดือนได้มั้ยอ่ะ”

     

     

    อะไรของแกมาร์ค ถูพื้นยังไม่ทันแห้ง ขอเบิกเงินล่วงหน้าแล้ว”

     

     

     

     

    อดีตเด็กไอทีที่เพิ่งถูกเรียกตัวเข้ามาทำงานที่ร้านกาแฟวันแรก ทำทีเป็นลากม็อบเข้ามาถูพื้นใกล้ ๆ เพื่อกระซิบข้อต่อรองให้ได้ยินกันแค่สองคน

     

     

     

     

    ก็ทำข้อตกลงกันก่อนไง”

     

     

    รีบมากเลยหรอ”

     

     

    ผมร้อนเงินอ่ะพี่”

     

     

    ขอคุยกับแม่ก่อน”

     

     

    ตกลงพี่เป็นเจ้าของร้านจริงป่ะเนี่ย”

     

     

    ยังอยากมีงานทำมั้ย”

     

     

    พี่ T^T”

     

     

     

     

    ฉันเช็ดโต๊ะต่อ ไม่สนใจปากเบะของเด็กร้อนเงิน เดี๋ยวไว้ไปคุยกับแม่อีกทีว่ายินยอมมั้ย ก็อย่างที่เคยบอกว่าฉันเป็นเจ้าของแค่ในนาม อำนาจการตัดสินใจทุกอย่างมันอยู่ที่คุณนายนู่น

     

     

     

     

    พี่มาร์ค ถูพื้นเสร็จแล้วมาช่วยผมหน่อยนะครับ”

     

     

    ครับ ๆ”

     

     

     

     

    น้องจีซอง พนักงานกิตติมศักดิ์ของร้าน ส่งเสียงเรียกมาจากหลังครัว ทำให้พนักงานหน้าใหม่รีบกลับไปโฟกัสกับการถูพื้นต่อ

     

     

     

     

    เจ้าจีซองน่ะ เข้ามาทำงานที่นี่ตั้งแต่สมัยยังเป็นนักศึกษา จนตอนนี้น่าจะเรียนจบมาได้ปีสองปีได้แล้วมั้ง น้องอยู่มานานจนรู้งานในร้านทุกอย่าง รู้มากกว่าคนที่มีชื่อเป็นเจ้าของอย่างฉันซะอีก

     

     

     

     

     

    พี่ ๆ ๆ”

     

     

    ห้ะ”

     

     

     

     

    มาร์คเรียกฉันเสียงหลง นิ้วก็จิ้มไหล่ยิก ๆ ๆ แต่ฉันก็ไม่สนใจ ก้มหน้าเช็ดโต๊ะต่อไป

     

     

     

     

     

    พี่ดูนั่นดิ!”

     

     

    อะไร”

     

     

    นั่น..บอร์ดบริหารไม่ใช่หรอ”

     

     

    “….” ฉันรีบเงยหน้าขึ้นมองตามนิ้วชี้ของมาร์คทันที

     

     

     

     

    จ..จริงด้วย…

     

     

     

     

    โรอุนกำลังเดินมาเหมือนกับจะเข้ามาในร้าน

     

     

     

     

     

    บอร์ดมาทำอะไรที่นี่!? เขารู้จักร้านพี่ด้วยหร…พี่! พี่ไปไหนแล้ว!?”

     

     

     

     

     

    ไอเด็กมาร์คมัวแต่อึ้งทึ่งสมองช็อตอยู่คนเดียว กว่าจะรู้สึกตัวฉันก็หนีมาหลบหลังเคาน์เตอร์แล้ว T^T ทำไมนะ ทำไมหมอนั่นถึงยังกล้ามาที่นี่อีก แล้วเขารู้ได้ไงว่าฉันอยู่ร้าน

     

     

     

     

     

    อย่าบอกนะว่าแม่ไปบอกอีกแล้ว!?

     

     

     

     

     

    ที่ฉันพูดไปวันนั้น ไม่รู้สึกอะไรกันบ้างเลยรึไง

     

     

     

     

    จีซองเปิดประตูหลังร้านเดินออกมา แล้วก็เจอกับฉันที่นั่งหลบอยู่ตรงเคาน์เตอร์พอดี ฉันยกนิ้วขึ้นแตะปาก จีซองพยักหน้าอย่างรู้งาน ก่อนจะทำเป็นเดินเข้ามายืนหน้าเคาน์เตอร์ประจำตำแหน่งเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

     

     

     

     

    สวัสดีครับ” เสียงมาร์คพูดทัก

     

     

    “..หืม…คุณมาร์คแผนกไอที?”

     

     

    “….”

     

     

    คุณทำงานที่นี่หรอ”

     

     

    “..ครับ….คุณโรอุนจำผมได้ด้วยหรอ”

     

     

    จำได้สิ คุณสนิทกับมินรี”

     

     

    “….”

     

     

    มินรีอยู่รึเปล่า”

     

     

    อยู่ครับ / ไม่อยู่ครับ”

     

     

     

     

    โอ๊ย

     

     

     

    ตอบเหมือนไม่ได้นัดกันมา ก็ใช่สิ จะไปนัดกันตอนไหน มีแต่จีซองที่รู้ว่าฉันไม่อยากเจออีตานั่น!

     

     

     

     

     

    ตกลงมินรีอยู่รึเปล่า”

     

     

    ไม่อยู่ครับ”

     

     

    อยู่ครับ”

     

     

     

    ไอมาร์ค!!!!!!!!!!!!!!!!!

     

     

     

    ครั้งแรกยังให้อภัย แต่ครั้งที่สองแกควรคิดได้แล้วมั้ยว่าต้องช่วยน้องจีซองโกหก!!!

     

     

     

     

     

     

    สรุปว่าอยู่หรือไม่อยู่”

     

     

    พี่มินรีไม่อยู่ครับ”

     

     

    เอ้า”

     

     

     

    ยังจะเอ้าอีก…

     

     

     

     

    พี่เขาเพิ่งออกไปข้างนอกครับ”

     

     

     

    น้องจีซองโกหกซ้ำ และขอบคุณมาร์คที่เริ่มจะเกิดไหวพริบไม่พูดขัด

     

     

     

     

    อ่อ”

     

     

    “….” เชื่อแล้วใช่มั้ย

     

     

    ผมสั่งอเมริกาโน่เพิ่มช็อตแก้วนึงแล้วกัน”

     

     

    “..ครับ”

     

     

    ผมจะนั่งรอ..จนกว่าเขาจะออกมาหาผม”

     

     

    “….” ห๊ะ

     

     

     

     

    ผมรู้ว่าเขาอยู่ที่นี่

     

     

     

     

    !!!!

     

     

     

    แม่งอะไรนักหนาวะ!!

     

     

     

    เหนือกว่าอาการสั่นกลัวจากโฟเบีย คงเป็นอารมณ์ฉุนเฉียวเพราะความตื๊อไม่เลิกของฝ่ายนั้น มันคงถึงเวลาที่ฉันจะต้องจัดการขั้นเด็ดขาดสักที!!

     

     

     

     

     

    ฝากไปบอกเขาหน่อยว่าถ้าอยากคุยกับพี่ ให้ออกไปรอข้างเสานอกร้าน”

     

     

    “..ครับพี่”

     

     

     

     

    ฉันที่นั่งกอดเข่าอยู่กับพื้นเงยหน้าสั่งจีซองเสียงเบา ก่อนจะแอบย่องเปิดประตูเข้าไปหลังร้าน ถังน้ำถูพื้นเป็นตัวเลือกที่ถูกยกขึ้นมา สองเท้ารีบก้าวขึ้นบันไดไปชั้นสอง ซึ่งเป็นห้องพักสำหรับรับรองแขก

     

     

     

     

    ประตูระเบียงถูกเปิดออก ฉันเดินหิ้วถังไปด้วยใจที่กล้า ๆ กลัว ๆ โกรธแค่ไหนก็ยังข่มโฟเบียไม่ได้อยู่ดี แต่ฉันตัดสินใจแล้วว่าจะทำ! ฉันต้องก้าวผ่านความกลัวและเป็นตัวของตัวเองให้ได้

     

     

     

     

    มาถึงริมระเบียงก็ชะโงกหัวมองลงไปข้างล่างแค่แวบเดียว ก่อนจะหลับตาเทน้ำสีดำขุ่นลงไปใส่คนที่ยืนอยู่ พร้อมกับตะโกนไล่ด้วยใจที่แกร่งกล้า

     

     

     

     

    พรวด!!

     

     

     

     

    ไปให้พ้น!!!”

     

     

     

    เฮ้ย!!”

     

     

     

     

    ฉันรีบทรุดตัวนั่งหลบหลังกำแพงเตี้ย หัวใจเต้นรัวด้วยความตื่นเต้นและตื่นกลัวจนต้องยกกำปั้นขึ้นทุบอก เสียงโหวกเหวกของคนชั้นล่างเป็นเครื่องยืนยันว่าภารกิจสำเร็จ

     

     

     

     

    ทำดีแล้ว ก็แค่ไอคนน่ารำคาญคนนึง ไม่ต้องไปกลัว

     

     

     

     

    นั่งพ่นลมหายใจเรียกสติให้ตัวเองอยู่เพียงชั่วครู่ ก็ลุกขึ้นเดินกลับเข้ามาในห้อง แล้วลงมาชั้นล่างด้วยท่าทางสงบนิ่ง ทั้งที่ใจสั่นจนแทบจะระเบิดออกมา

     

     

     

     

     

    พี่!”

     

     

     

    มาร์ควิ่งหน้าตื่นเข้ามาหา ฉันรวบรวมสติถามกลับอย่างวางมาด

     

     

     

     

     

    โดนมันใช่มั้ย”

     

     

    ห้ะ…พี่หมายถึง..บอร์ดบริหารหรอ”

     

     

    เออ ฉันราดน้ำโดนมันใช่มั้ย”

     

     

    “…เต็มหัวเลยพี่”

     

     

    ก็ดี จะได้เลิกตามสักที”

     

     

    เต็มหัวใครก็ไม่รู้ ไม่ใช่คุณโรอุน!!”

     

     

    ห๊ะ!!!”

     

     

     

    อะไรนะ!?

     

     

     

     

     

    พี่คนนั้นเขาเป็นลูกค้าประจำครับ”

     

     

    “….”

     

     

    เขาชอบมานั่งที่ร้านเรารอหลานเลิกเรียน”

     

     

     

    จีซองที่ยืนมองอยู่ตรงหน้าต่าง ค่อย ๆ หันมาพูดกับฉันด้วยใบหน้าแหย ฉันรีบเดินไปที่ประตูร้าน ไม่สนแล้วว่าจะมีโรอุนยืนอยู่ข้างนอก เพราะความช็อคเข้าครอบงำจนลืมทุกสรรพสิ่ง

     

     

     

     

    นี่ฉันไปเทน้ำสกปรกใส่หัวใครก็ไม่รู้น่ะหรอ….แถมยังเป็นลูกค้าประจำอีก….

     

     

     

     

     

    ไม่สิ ไม่ใช่ใครก็ไม่รู้ด้วย เพราะนั่นมัน…

     

     

     

     

     

    ไอหมอ!!!?

     

     


    - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -

     TBC


    มินรีอุตส่าห์มีพัฒนาการ แต่ดันจัดการผิดคน น่าสงสารหมอเขานะคะ5555

    //ฮือออ เรามาแล้วนะคะทุกคน ไรท์เต้ออยู่ในโหมดหมดไฟ เรื่องงาน หัวหน้า มันกลืนกินชีวิตคนแต่งจนเซ็งไปหมด ใครยังอ่านอยู่เม้นหน่อยนะคะ T^T


    T
    B
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×