ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [NCT X You] Love Phobia

    ลำดับตอนที่ #11 : Chapter 10

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 285
      40
      7 ก.พ. 65

     

    10

     

     

     

     


    แม่

    แกไปฟ้องอะไรพ่อแก

     

     

    แม่

    ฉันหวังดีกับแกทั้งนั้นนะมินรี

     

     

    แม่

    ถ้าแกจะลาขาดกับผู้ชายที่มีเงินทองเลี้ยงแกได้ตลอดชีวิตก็ตามใจ

     

     

    แม่

    แล้วเรื่องร้านที่แกไปพูดกับพ่อแก จะเข้ามาทำเมื่อไหร่ก็บอกฉันด้วย

     

     

     

     

     

    แม่ใครนะ ประชดเก่งจัง

     

     

     

     

    ก็ไม่ได้อยากจะฟ้องพ่อหรอก เพราะแค่งานที่ต่างจังหวัด พ่อก็ยุ่งจนไม่มีเวลาส่วนตัวแล้ว แต่ก็แค่ทนไม่ไหว ไม่รู้จะไประบายกับใคร อีกอย่างก็เคืองแม่ด้วย ต้องให้พ่อจัดสักทีจะได้เบาหน่อย

     

     

     

    ถึงจะต้องโดนแม่ส่งข้อความมาบ่นอีกที แต่ก็ดี ทุกอย่างง่ายขึ้นเยอะ

     

     

     

     

     

    มินรี!”

     

     

     

     

    ท่ามกลางบรรยากาศหน้าห้องตรวจ ที่มีคนไข้นับสิบกำลังนั่งรอเรียกคิวพบหมอ ก็มีนายแพทย์นอกเครื่องแบบนายหนึ่งเดินเข้ามาทัก ฉันที่สติเพิ่งจะหลุดออกจากเรื่องแม่ในหัว รู้ตัวอีกทีเฉียนคุนก็นั่งลงด้านข้างแล้ว และกำลังหันซ้ายหันขวาทำตัวลับ ๆ ล่อ ๆ จนน่าสงสัย

     

     

     

     

    "ว่าไงคุน?"

     

     

    โชคดีจริง ๆ ที่เจอเธอ ถ้ากลับบ้านเร็วกว่านี้คงคลาดกันแล้ว"

     

     

    “..ทำไมหรอ”

     

     

    ก็มีเรื่องอยากจะถามน่ะสิ”

     

     

    เรื่องอะไร”

     

     

     

     

    เฉียนคุนขยิบตาส่งซิก ก่อนจะยกมือข้างหนึ่งขึ้นป้องปาก ทำให้ฉันต้องยื่นหูของตัวเองไปรอรับสารอันน่าสนใจ

     

     

     

     

     

    เรื่องโดยอง

     

     

     

    หืม…

     

     

     

    เรื่องไอหมอเนี่ยนะ

     

     

     

     

    มันมีท่าทางแปลก ๆ กับเธอบ้างรึเปล่า”

     

     

    ท่าทางแปลก ๆ คือยังไงอ่ะ”

     

     

    ก็แบบ….”

     

     

    “….”

     

     

    จำวันนั้นได้มั้ย วันแรกที่เราเจอกันที่นี่ ตรงแผนกรับยา”

     

     

    “....”

     

     

    ที่มีรุ่นน้องผู้หญิง เข้ามาเกาะแกะมัน”

     

     

    อ๋อ”

     

     

    ยังจำท่าทางของมันได้ใช่มั้ย นั่นแหละ”

     

     

    “….”

     

     

    กับเธอ…มันแสดงท่าทางพวกนั้นบ้างรึเปล่า”

     

     

     

    ห้ะ

     

     

     

    แล้วทำไมไอหมอจะต้องแสดงท่าทางพวกนั้นกับฉันด้วย

     

     

     

     

    ไม่หนิ”

     

     

    จริงอ่ะ”

     

     

    "...." แล้วทำไมจะต้องไม่จริง

     

     

    ลองนึกดูดี ๆ นะมินรี"

     

     

    "...."

     

     

    "พวกพฤติกรรม เลิกลั่ก ไม่สบตา ถอยห่าง พยายามไม่เข้าใกล้ ไม่มีบ้างเลยหรอ...สักนิดนึง”

     

     

    “…คือนายต้องการอะไรคุน”

     

     

    ก็วันนั้นอ่ะ”

     

     

    “...." วันไหนอีก

     

     

     

    แล้วไอท่าทางกระมิดกระเมี้ยนไม่กล้าพูดนี่คืออะไร???

     

     

     

     

     

    พูดได้มั้ย”

     

     

    "พูดมาสิ"

     

     

    "...ให้เราพูดได้ใช่มั้ย"

     

     

    สักทีเถอะคุน”

     

     

    “..ก็วันนั้นอ่ะ"

     

     

    "...." จะวันนั้นอีกนานมั้ย

     

     

    "วันที่เธอเมา…แล้ว...."

     

     

    "...."

     

     

    "...แล้ว..เธอกับโดยอง....…”

     

     

    “….”

     

     

    …..จ..จ...จู....จู.….

     

     

    หยุด!! ห้ามพูด!!!”

     

     

     

    ฉันแหวเสียงดัง นิ้วก็ชี้หน้าสั่งด้วยสายตาสาปส่ง เฉียนคุนถึงกับรีบเบรกเสียง พร้อมกับยกมือขึ้นปิดปากจู๋ของตัวเอง

     

     

     

     

    เกลียดทั้งเรื่องที่พูด เกลียดทั้งปากจู๋มันเลยโว้ย!!!

     

     

     

     

     

    "แหะ ๆ คือ..."

     

     

    "...." พูดให้มันดี ๆ นะ

     

     

    "..ที่เราเคยบอกว่า...โดยองไม่ชอบเวลามีคนเข้ามาจีบน่ะ"

     

     

    "ทำไม"

     

     

    "จริง ๆ แล้ว ไม่ได้ไม่ชอบแค่ตอนจีบนะ"

     

     

    "...." หืม

     

     

    "…แต่การสัมผัสตัวที่เกินความจำเป็นก็ด้วย"

     

     

    "...."

     

     

    "ไม่สิ กับบางคนแค่เข้ามายืนใกล้ ๆ มันก็ไม่ชอบแล้ว"

     

     

    "ไม่ชอบหรือว่ากลัว"

     

     

    "...ถ้าพูดให้ถูกก็...ต่อต้านจนกลัว"

     

     

    "ต่อต้านอะไร"

     

     

    "...."

     

     

    "ความรัก?"

     

     

    "................"

     

     

    "มีอะไรก็พูดมาตรง ๆ ฉันรู้หมดแล้ว"

     

     

    คุนเบิกตาโพลงใส่ ถึงจะยังไม่แน่ใจว่าฉันรู้อะไร แต่ความกังวลว่าความลับของเพื่อนจะหลุดสู่สังคมโลก ออกมาทางสีหน้าอย่างโคตรจะชัดเจน

     

     

     

     

    "วันนั้นบนรถฉันได้ยินทุกอย่าง"

     

     

    "...."

     

     

    "เพื่อนนายเป็นโรคกลัวความรัก ส่วนนายเป็นหมอที่รักษาตานั่นอีกที ใช่ไม่ใช่"

     

     

    "...เธอไม่ได้เมาหรอ"

     

     

    "เมา แต่หูยังได้ยิน"

     

     

     

    คุนกะพริบตาปริบ ๆ ก่อนจะหันไปตั้งสติกับตัวเองอยู่สักพัก แล้วหันหน้ากลับมาพูดอย่างปลงโลกในที่สุด

     

     

     

     

    ก็ยังดีที่เป็นเธอ”

     

     

    "...."

     

     

    "พวกเรารู้จักกันมานาน เธอคงไม่เอาไปบอกใครอยู่แล้ว"

     

     

    เรื่องส่วนตัวคนอื่น เราไม่ยุ่งหรอกคุน”

     

     

    ไม่ เธอต้องยุ่ง”

     

     

     

    ห้ะ อะไรวะ

     

     

     

     

    ช่วยเราหน่อยได้มั้ยมินรี”

     

     

    “…ช่วยอะไร” ลางเริ่มไม่ดีละ

     

     

     

     

    ช่วยสังเกตอาการของโดยอง

     

     

    “….” สังเกตอาการ?

     

     

    "คือเราคิดว่ามันกำลังโกหกเราอยู่"

     

     

    "โกหก?"

     

     

    "เรื่องอาการของมัน"

     

     

    "...."

     

     

    "มันชอบทำตัวเหมือนว่าปกติดี ไม่มีอาการ แล้วก็โกหกว่าตัวเองหายดีแล้ว"

     

     

    "...."

     

     

    "เป็นแบบนี้แล้วเราจะรักษามันถูกได้ไง โคตรดื้อ ดื้อแล้วก็ซึนด้วย"

     

     

     

    เหมือนเห็นภาพซ้อน

     

     

     

    ตอนนั้นฉันก็เคยโกหก แล้วโดนไอหมอดุ

     

     

     

    แต่ไอหมอพออยู่ในฐานะคนไข้ก็ทำตัวเหมือนกันเนี่ยนะ?? โคตรน่าเชื่อถือเลย

     

     

     

     

    "แล้วทำไมถึงคิดว่าเพื่อนนายโกหกล่ะ"

     

     

    "ก็คืนนั้นที่เธอเมา"

     

     

    "...." มันกลับมาเรื่องนี้อีกแล้วหรอ

     

     

    "...ตอนที่เกิดเรื่อง...บนเตียง"

     

     

    "................."

     

     

     

    ขอโทษนะ

     

     

     

    แต่กลับไปพูดว่าจูบเหมือนเดิมเถอะ

     

     

     

     

    "เธอรีบผลักมันออก แล้วหนีออกไปจากห้อง คงจะไม่ทันเห็น"

     

     

    "..เห็นอะไร"

     

     

     

     

     

    "โดยองเป็นลม"

     

     

    "ห๊ะ!!"

     

     

    "ใช่ คาเตียง"

     

     

     

     

    คาเตียง!?!?

     

     

     

     

    เฮ้ย

     

     

     

    ปากฉันมันแย่ขนาดนั้นเลยหรอ

     

     

     

     

    "เราไม่เห็นมันอาการหนักจนเป็นลมมานานแล้วนะ"

     

     

    "...."

     

     

    "แปลว่าเหตุการณ์นั้นต้องค่อนข้างทริกเกอร์ แล้วก็ไม่น่าจะส่งผลกับจิตใจของมันแค่ครั้งเดียวจบ"

     

     

    "หมายความว่าไง"

     

     

    "เราคิดว่าหลังจากเกิดเรื่องคืนนั้น โดยองควรจะต้องมีอาการกับเธอ อย่างน้อยก็แพนิคเล็ก ๆ อย่างที่เป็นกับผู้หญิงคนอื่น"

     

     

    "...."

     

     

    "แต่มันบอกเราว่า กับเธอมันไม่มีอาการ เพราะมันแยกแยะในหัวได้ว่ายังไงเธอก็เป็นเพื่อน ไม่มีทางที่จะกลายเป็นความรักหรือสิ่งที่มันกลัว"

     

     

     

    นี่เองหรอเหตุผล

     

     

     

    ที่ผ่านมา ที่ฉันอยู่ใกล้ แตะเนื้อต้องตัวไอหมอได้ เพราะถูกจัดอยู่ในเฟรนด์โซน??

     

     

     

    ไม่ค่อยเข้าใจ แต่จะพยายามเข้าใจ

     

     

     

     

    "แต่เราไม่เชื่ออ่ะ"

     

     

    "...." หืม

     

     

    "อย่างที่บอก เรื่องคืนนั้นน่ะ โคตรจะพีคสำหรับคนกลัวความรักอย่างมันเลยนะ"

     

     

    "...."

     

     

    "ถ้าเป็นก่อนหน้านั้น เราเชื่อว่ามันไม่มีอาการกับเธอจริง"

     

     

    "...."

     

     

    "แต่พอเจอฉากล้มทับไป เราคิดว่าสถานการณ์ได้เปลี่ยนไปแล้ว"

     

     

    "...." ยังไงนะ

     

     

    "บางทีที่เธอเห็นว่ามันเก๊ก ทำตัวนิ่ง ๆ ข้างในมันอาจไม่ใช่อย่างนั้นก็ได้"

     

     

     

     

    ไม่จริงหรอกน่า

     

     

     

    ไอหมอจะมีอาการแค่กับคนที่เข้ามารุก หรือทำให้คิดว่าอาจจะเกิดเป็นความรักไม่ใช่หรอ

     

     

     

    ก็เจ้าตัวพูดเองว่าแยกแยะได้ ฉันเป็นแค่เพื่อนไง หรือว่าโดนถีบออกจากเฟรนด์โซนแล้วอ่ะ

     

     

     

     

    555555 ไม่มีทาง ไอหมอไม่มีทางมองฉันเป็นอย่างอื่นได้หรอก แทบจะเอาปากกามาเขียนกลางหน้าผากฉันอยู่แล้วมั้ง ว่า 'เพื่อน' น่ะ แค่คิดก็ขนลุกแล้ว

     

     

     

     

     

     

     

     

    "จะมองหน้าฉันอีกนานไหม"

     

     

    "ห..ห้ะ"

     

     

     

    ราวกับโดนตบหัวเรียกสติ ฉันสะดุ้งเบา ๆ พร้อมกับตาที่กะพริบปริบ ไม่รู้ว่าเผลอเอาสายตาไปอยู่บนหน้าคนที่นึกนินทาในใจตั้งแต่เมื่อไหร่ แต่ก็คงจะนานพอให้ไอหมอต้องถามออกมา

     

     

     

    ตั้งแต่พยาบาลเรียกเข้าห้องตรวจ จนมานั่งอยู่ตรงข้ามดงยอง ในหัวฉันก็ยังมีแต่คำพูดของเฉียนคุน สงสัยจะโดนล้างสมองไปแล้ว

     

     

     

     

     

    "ได้คำตอบรึยัง"

     

     

    "..คำตอบอะไร"

     

     

    "ที่ถามเมื่อกี้"

     

     

    "ถามว่าอะไรนะ"

     

     

     

    นายหมอถอนหายใจ ทำหน้าเอือมใส่

     

     

     

     

    "ตกลงจะกลับไปไหม"

     

     

    "ไปไหน"

     

     

    "กลับไปหาความกลัวของเธอไง"

     

     

    "......." ห้ะ

     

     

    คำถามนี้อีกแล้วหรอ

     

     

     

    "เธอต้องตอบ เพราะฉันจะได้รักษาให้ถูกทาง"

     

     

     

     

    นี่ฉันยังชัดเจนไม่พออีกรึไง

     

     

     

     

    "ไม่กลับ"

     

     

    "...."

     

     

    "ยังไงฉันก็ไม่กลับไปหาเขาแล้ว ช่วยรักษาฉันด้วยวิธีแรกของนาย แล้วอย่าถามเรื่องนี้อีก"

     

     

    "หนักแน่นดี"

     

     

     

    ที่พูดนี่จริงใจมั้ย?

     

     

     

    นายหมอก้มหน้าจดบันทึกลงบนกระดาษ เกิดความเงียบขึ้นชั่วครู่ และฉันก็ไม่เคยรู้สึกว่าความเงียบระหว่างเรามันแปลกเท่าวันนี้มาก่อน

     

     

     

    สงสัยฉันจะฟังเฉียนคุนมามากเกินไป

     

     

     

     

    ...แต่วันนั้นเป็นลมเลยจริงดิ

     

     

     

     

    เป็นลม...เพราะว่าฉันเนี่ยนะ

     

     

     

     

    แล้วทำไมถึงทำตัวเป็นปกติได้ขนาดนี้ ทำเหมือนไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้น

     

     

     

     

     

    "รอบนี้มีการบ้านให้ทำ"

     

     

     

    ดงยองพูดขึ้นมาโดยที่ยังคงก้มหน้าเขียนอะไรไม่รู้ยุกยิกในกระดาษ ฉันสลัดเรื่องฟุ้งซ่านออกจากหัว นั่งยืดไหล่หลังตรง พยายามจูนตัวเองกลับมาสนใจความเป็นจริงตรงหน้า

     

     

     

     

    "การบ้านอะไรหรอ"

     

     

    "เขียนด่าผู้ชายคนนั้นใส่กระดาษ"

     

     

    "ห้ะ"

     

     

    "เริ่มจากวันละประโยค"

     

     

    "ยังไงนะ" ให้เขียนด่าเนี่ยนะ??

     

     

    "ในประโยคต้องมีชื่อหมอนั่นอยู่ด้วย เขียนเสร็จแล้วก็อ่านออกมา"

     

     

    "..เพื่ออะไร"

     

     

    "ตาเธอจะได้เห็นชื่อของเขา ปากเธอจะได้ฝึกออกเสียง แล้วเวลาพูด..หูเธอก็จะได้ยินชื่อที่เธอกลัวนักหนา"

     

     

    "...."

     

     

    "ทำแบบนี้ทุกวัน ร่างกายจะได้คุ้นชิน ต่อไปใครเรียกชื่อเขา เธอก็จะไม่รู้สึกอะไรอีก"

     

     

    "...."

     

     

    "และเธอเอง ก็จะกล้าเรียกชื่อต้องห้ามนั่น โดยที่ไม่ต้องใช้สรรพนามเลี่ยงอย่างทุกที"

     

     

     

    อ๋อ...อย่างนี้นี่เอง

     

     

     

    แต่สงสัยอยู่อย่างนึง

     

     

     

     

    "ทำไมต้องเป็นคำด่าล่ะ"

     

     

    "สร้างความสบายใจ ถ้าเขียนแค่ชื่อโดด ๆ เธออาจจะยิ่งเครียด แล้วทำไม่ได้"

     

     

    "ขอตัวอย่างหน่อยได้มั้ย"

     

     

     

    นายหมอเหล่มองหน้าฉัน ก่อนจะดึงโพสอิทแผ่นนึงมาวางแหมะตรงหน้า ใช้เวลาคิดไม่กี่วิ ปลายปากกาก็ตวัดลงบนกระดาษแผ่นเล็ก ก่อนที่มือเรียวจะชูมันขึ้นระดับสายตา พร้อมกับออกเสียงตามสิ่งที่ตัวเองเขียนด้วยใบหน้าตาย

     

     

     

     

     

    "ยัยหมามินรี"

     

     

    "นี่!!!"

     

     

     

    ฉันถลึงตามองอักษรตัวเบ้อเร่อบนโพสอิท สลับกับหน้ากวนประสาทของไอหมอ นี่มันหลอกด่ากันชัด ๆ !!

     

     

     

     

    "นายว่าฉันเป็นหมาหรอ!?"

     

     

    "แค่ตัวอย่าง"

     

     

    "แล้วทำไมต้องหมา"

     

     

    "ร้อนตัว"

     

     

     

    จังหวะขยับปากพูดคำว่า 'ร้อนตัว' ด้วยหน้านิ่ง ๆ แล้ววางโพสอิทแปะลงบนโต๊ะ โคตรน่าถีบขาเก้าอี้ให้ล้มเลย!

     

     

     

    ฉันว่าเฉียนคุนคิดผิดแล้ว ผิดไปมากด้วย กวนตีนขนาดนี้จะเอาอะไรมามีอาการกับฉัน!?

     

     

     

     

    "งดแอลกอฮอล์ ลดคาเฟอีน พักผ่อนให้เพียงพอ ออกกำลังกาย"

     

     

    "...."

     

     

    "สี่อย่างนี้ที่เคยบอกไปทุกครั้ง เคยทำอะไรบ้าง"

     

     

    "ก็..." ทำไมรู้สึกว่ากำลังจะโดนหาเรื่อง

     

     

    "ตัดแอลกอฮอล์ออกไปเลยอย่างแรก"

     

     

    "ฉันไม่ดื่มมาสักพักแล้วเหอะ!"

     

     

    "ไปออกกำลังกายซะ"

     

     

    "ห้ะ"

     

     

     

    เอาตรง ๆ นะ เรื่องออกกำลังกายไม่เคยอยู่ในหัวของฉันเลย

     

     

     

     

    "แค่ครึ่งชั่วโมงก็ยังดี สามวันในหนึ่งสัปดาห์ ทำได้มั้ย"

     

     

    "สามวันเลยหรอ"

     

     

    "จะได้ช่วยฝึกเรื่องลมหายใจ"

     

     

    "..คอนโดเรามันมีที่ให้ออกกำลังกายตรงไหน"

     

     

    "ออกตามยูทูปในห้องไปสิ"

     

     

    "...."

     

     

    "หรือถ้าอยากกลางแจ้ง ก็ที่สวน"

     

     

    "สวน?"

     

     

    "สวนสาธารณะที่เธอตกน้ำวันก่อนไง"

     

     

     

    จะตอกย้ำกันไปเพื่ออะไร

     

     

     

     

    "ช่วงนี้ฉันก็ไปวิ่งอยู่"

     

     

    "นายเนี่ยนะ"

     

     

    "ทุกเช้า แต่ถ้าเช้าไม่ว่าง ก็ตอนเย็น"

     

     

     

    เหลือเชื่อ

     

     

     

     

    "เอาฉันไปด้วยสิ"

     

     

    "อะไรนะ"

     

     

     

    นายหมอถามซ้ำเหมือนไม่เชื่อหู ฉันเลื่อนสายตาไปสบคนที่จ้องอยู่ก่อน ก่อนจะย้ำความประสงค์ของตัวเอง

     

     

     

     

    "จะไปวิ่งด้วยไง ไม่อยากวิ่งคนเดียว"



    "...."




     

    ฉันล่ะอยากรู้นัก

     

     


     

    ว่าที่เฉียนคุนเดาเรื่องอาการ มันจะถูกรึเปล่า

     

     



     

     

    "ก็แล้วแต่"

     

     



     

    นายเป็นอะไรกันแน่ดงยอง ฉันอยากรู้จักโฟเบียของนายให้มากกว่านี้






    ฉันจะจับตาดูนายอย่างไม่คลาดสายตาเลย ไอหมอ!

     

     


     

     


    - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -

     TBC


    คนแต่งเรื่องนี้กำลังทำให้คนอ่านเป็นโรคไต เพราะดองเค็มเก่งมาก555555 T^T ฮือออ ไม่มีคำจะแก้ตัวเลยค่ะ ขอโทษจากใจ จะไม่พูดอีกแล้วว่าจะมาเร็ว เพราะไม่เคยรักษาสัญญาได้เลย 

    แต่ตอนต่อไปจะมาช้ามาเร็วขึ้นอยู่กับกำลังใจล้วนๆ ก่อนกดออกอย่าลืมเม้นกันสักนิดนะคะ


    T
    B
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×