ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [NCT X You] Love Phobia

    ลำดับตอนที่ #10 : Chapter 9

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 293
      47
      25 ธ.ค. 64

    9

     

     

     

     

     

    จะขึ้นมาได้รึยัง”

     

     


    เผลอมองหน้าขาว ๆ นั่นนานจนโดนเลิกคิ้วถาม ฉันเลิกลั่กมองมือที่ยื่นรออยู่ ก่อนจะต้องส่งมือเปียกไปจับเอาไว้อย่างไม่มีทางเลือก

     

     


    ดงยองกระชับมือแน่น พร้อมกับค่อย ๆ ลุกขึ้นยืนเป็นเสาหลักให้ฉันก้าวขาขึ้นฝั่ง พลันเมื่อร่างกายขึ้นมาอยู่บนบกครบสามสิบสองแล้ว มือของเราสองคนก็ผละออกจากกันราวกับโดนของร้อน

     

     


     

    “…ขอบคุณ”

     

     


    พูดขอบคุณ หน้าก็เอาแต่ก้มมองพื้น สภาพตัวเองตอนนี้ไม่ต่างจากลูกหมาตกน้ำ แถมยังเพิ่งร้องไห้มาอีก ถึงน้ำตาจะกลืนไปกับหยดน้ำบนหน้าแล้วก็เถอะ แต่ตากับจมูกแดง ๆ ก็คงถูกทิ้งไว้เป็นหลักฐานอยู่ดี

     

     

     


     

    ใส่”

     

     

     

    มัวแต่ก้มหน้า รู้ตัวอีกทีเสื้อวอร์มสีดำที่เคยอยู่บนตัวของอีกคนก็ยื่นมาอยู่ตรงหน้าแล้ว ฉันชะงักมอง ก่อนจะเงยหน้ามองเจ้าของของมันที่เหลือเพียงเสื้อยืดสีเทา

     

     


     

    ไม่เป็นไร ไม่ต้องหรอก”

     

     

    จะให้คนเห็นว่าตัวเปียก?”

     

     

    ก็เห็นอยู่ดีมั้ย…ไม่ได้เปียกแค่ท่อนบนซะหน่อย”

     

     

    ใส่ เสื้อเธอบาง”

     

     


    เสียงทุ้มย้ำหนักแน่น จนฉันต้องรีบก้มมองเสื้อตัวเอง ลืมไปเลยว่าใส่เสื้อขาวมา แถมยังบางอีกต่างหาก

     

     


    เสื้อวอร์มถูกคว้ามาสวมทับทันทีโดยไม่ต้องพูดซ้ำ ดงยองยืนหันไปอีกทาง ปล่อยให้ฉันจัดการตัวเองให้เรียบร้อย

     

     



     

    แต่เสื้อของนายหมอมันยาวจัง

     

     

     


    รูดซิปยากอ่ะ

     

     

     


     

     

    เสร็จยัง”

     

     

    เสร็จแล้วก็ได้”

     

     



    ดงยองปรายตามองฉันที่จับชายเสื้อวอร์มทบกันแทนการรูดซิป ก่อนจะขมวดคิ้วอย่างไม่เข้าใจท่าทางยุ่งยากของฉัน

     

     



     

    ทำไมไม่รูดซิปดี ๆ”

     

     

    รูดยาก ปิดไว้แบบนี้ก็ได้”

     

     

    มานี่”

     

     


     

    ปากบอกมานี่ แต่เป็นขายาวที่ก้าวเข้ามาหาเอง ฉันอึ้งมองคนที่เข้ามายืนประชิดตัว มือก็ยังคงกำเสื้อวอร์มเอาไว้แน่น หากแต่มือเรียวที่ยื่นมากระตุกปลายเสื้อเป็นการขออนุญาต ก็ทำให้ฉันต้องยอมปล่อยมือออก

     

     

     


    ยิ่งใกล้กัน ความแตกต่างของส่วนสูงก็ยิ่งชัดเจน ระดับสายตาที่อยู่ตรงไหล่ช้อนขึ้นมองใบหน้าของคนที่กำลังให้ความช่วยเหลืออย่างแปลกใจ

     

     

     



     

    ไอหมอมันมีมุมนี้ด้วยหรอ

     

     

     

     

    แล้วฉันเนี่ยเป็นอะไร ก็แค่รูดซิปให้เอง

     

     

     


     

    ในอกมันวูบไหวเฉยเลย

     

     

     

     


     

    ฟืด!

     

     

     

     

    ฮ..เฮ้ย!”

     

     

     


    หมดแล้ว ความชื่นชม

     

     

     

    ชักหน้าหลบเกือบจะไม่ทัน ไอหมอดึงซิปขึ้นรวดเดียวจนเกือบจะเสยคางฉันไปด้วย! ฉันเหวอมองใบหน้านิ่งของคนกระทำ แล้วก็ได้รับสายตากวนมือกวนเท้าตอบกลับมา ก่อนที่ร่างสูงลีนจะหมุนตัวเดินนำไปอีกทาง

     

     


     

    ..อะไรเนี่ย

     

     


    แกล้งหรอ???

     

     

     


     

     

    นี่”

     

     


    ฉันเรียกและสับเท้าเดินเร็วตามหลัง แต่อีกฝ่ายก็ไม่ยอมชะลอฝีเท้า จนต้องยื่นมือไปดึงชายเสื้อให้หันมาสนใจกัน

     

     

     


    “….” ดงยองหยุดยืนและหันกลับมามองฉันด้วยสีหน้าไร้อารมณ์

     

     

    กำลังจะไปไหนหรอ”

     

     

    กลับคอนโดสิ”

     

     

    “….”

     

     

    สภาพเธอจะไปไหนได้อีก”

     

     

     

    เดี๋ยวก่อน ฉันถามว่านายจะไปไหน ไม่ได้ถามว่าตัวเองต้องไปที่ไหนสักหน่อย ทำไมคำตอบมันวนมาที่ฉันได้ล่ะ

     

     


    หรือความหมายคือไอหมอตั้งใจจะเดินไปส่งอยู่แล้ว อะไรเนี่ย งง

     

     



     

    “..คือฉันยังไม่อยากกลับ”

     

     

    “….”

     

     

    ถ้าไม่ได้มีธุระอะไร..”

     

     

    “….”

     

     

    อยู่เป็นเพื่อนก่อนได้ไหม”

     

     

     

    ฉันพูดหน้าหงอย ยังไม่อยากกลับไปฟุ้งซ่านคนเดียวที่ห้อง เวลานี้ก็แค่ต้องการใครสักคนให้คุยด้วย

     

     


     

    ในสภาพนี้?”

     

     

    ไม่มีใครมายืนจ้องหรอกน่า มืดแล้วคนก็ไม่ค่อยมี”

     

     

    เดี๋ยวก็ไม่สบาย”

     

     

    ฉันไม่ตายเพราะหวัดหรอก”

     

     

    ตามใจ”

     

     

     


     

     

     



     

     

    สุดท้ายก็พากันมานั่งหน้าร้านสะดวกซื้อ

     

     

     

    ต๊อกโบกีร้อน ๆ ถูกจิ้มกินอย่างเอาเป็นเอาตาย จนถึงตอนนี้ก็ยังสลัดเรื่องของแม่กับผู้ชายคนนั้นออกจากหัวไม่ได้ เลยต้องหาอะไรยัดปากเพื่อกลบอารมณ์คุกุร่นในใจ ฉันเอาแต่ก้มหน้าก้มตากิน สลับกับหยิบกระป๋องโค้กกระดกแก้เฝื่อนคอ

     

     


    แต่ดื่มแค่น้ำอัดลมมันไม่สะใจเลย ร่างกายต้องการสุราโว้ย!!

     


     

    คิดแล้วก็ยิ่งหงุดหงิด ตอนเลือกซื้อของอยู่ในมาร์ท อุตส่าห์หยิบเบียร์มาจากตู้ แต่กลับถูกดึงออกจากมือแล้วเปลี่ยนเป็นโค้กแทน คงไม่ต้องบอกนะว่าฝีมือใคร

     

     


     

    ตาที่มองแต่ต๊อกในกล่อง เลื่อนขึ้นมองตัวการที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม ถ้าไม่นึกถึงเรื่องเมื่อกี้ก็ลืมไปแล้วว่ายังมีตัวตนอยู่ แต่ก็พบว่ามีสายตาของนายหมอจ้องมองอยู่ก่อนแล้ว ครั้นกำลังจะขยับปากถามว่ามองอะไร เจ้าตัวกลับหลบสายตาไปซะอย่างงั้น

     

     



     

    ห๊ะ ทำไม???

     

     



    น่าสงสัยกว่าเดิมอีก

     

     

     


                ฉันถลึงตามอง แต่ไอหมอก็ทำเป็นยกแท่งไอติมขึ้นกิน ตาก็เลี่ยงมองไปทางอื่น งงแล้ว ทำไมมันมีอะไร ฉันไม่มีกระจกด้วย แล้วเมื่อกี้สายตามองอยู่ตรงไหนนะ

     

     

     


    เหมือนจะมองต่ำ ไม่จมูกก็ปาก

     

     

     


     

    “ทำไม หน้าฉันมีอะไร”

     

     

    ….

     

     

    “ปากหรอ”

     


     

                พอถามจี้ สีหน้าเลิกลั่กของดงยองก็ยิ่งชัด เฮ้ย มันยังไงเนี่ย เกิดอะไรขึ้นกับปากฉัน!?

     

     


    เมื่อไม่ได้คำตอบ ก็ต้องลองเอานิ้วปาดหาความผิดปกติด้วยตัวเอง แล้วก็เจอคราบซอสที่มุมปาก โถ่! ก็แค่นี้เองมั้ย ทำไมต้องทำเหมือนมันมีประเด็นด้วย!?

     

     

     


    หูก็แดงอีก เป็นอะไรของเขา

     

     



     

     

    “ผู้หญิงอะไรกินเลอะเทอะ”

     



     

    เอ้า มาว่ากันเฉย

     

     

     



    “ฉันจะกินเลอะมันก็เรื่องของฉันมั้ย”

     

     

    ….

     

     

    “ถ้าทนดูไม่ได้แล้วจะมองทำไมเล่า”

     

     

     


    ไม่เข้าใจ ตัวเองมาจ้องเองอ่ะ ใครบังคับ

     

     

     


    ไม่ชอบก็อย่ามองสิ

     

     

     



     

     

    “จะกินอย่างเดียว..ไม่พูดอะไรเลยหรือไง”

     

     

     


    ฉันชะงักมองคนถาม ที่เอาแต่จ้องไอติมในมือตัวเอง

     

     



     

    “แล้วจะให้พูดไรอ่ะ” วันนี้แปลก ๆ นะ

     

     

    “ก็เช่น..

     

     

    ….

     

     

    “เรื่องที่ทำให้เธอร้องไห้”

     

     


     

    ดวงตาคมเลื่อนมาสบ แต่คราวนี้เป็นฉันซะเองที่หลบสายตา

     

     



     

    จนได้สินะ

     

     


     

    นึกว่าจะไม่ใส่ใจแล้ว เห็นเลี่ยงถามมาตั้งนาน

     

     

     

     



     

    ..ก็วันนี้น่ะ”

     

     

    ….

     

     

    “เจออีกแล้วน่ะสิ” ตอบเสียงอ่อย

     

     

    อีกแล้ว?” นายหมอเลิกคิ้วสูง ไม่ต้องบอกว่าเจอใครก็รู้ได้ในทันที

     

     

    อืม..”

     

     

    ทำไมอีก”

     

     

    ขอคืนดี”

     

     

    “….”

     

     

    แม่ฉันก็เป็นไปด้วยอีกคน”

     

     

    ….

     

     

    “เห็นดีเห็นงาม อยากให้ฉันคืนดีกับเขา”

     

     

    “มีคู่หมั้นแล้วไม่ใช่รึไง”

     

     

    เห็นว่าจะฝืนคำสั่งที่บ้าน คงไม่หมั้นแล้วมั้ง”

     

     

    แล้วอยากกลับไปไหม”

     

     

    “หะ”

     

     

    “เธออยากกลับไปหาผู้ชายคนนั้นรึเปล่า”

     

     


     

    ...ทำไมถึงถามล่ะ

     

     


                ก็แน่วแน่กับความคิดตัวเองมาตลอดนะว่ายังไงก็ไม่มีทาง แต่พอไอคนที่เคยบอกว่าจะตัดต้องตัดให้ขาด มาถามย้ำเหมือนกับเปิดโอกาสให้คิดอีกที ความมั่นใจมันกลับสั่นคลอนแปลก ๆ

     

     

     

     

     

    “จะกลับไปได้ไง เขากลายเป็นความกลัวของฉันไปแล้ว”

     

     

    ….

     

     

    “ลืมรึไง”

     

     


     

    จะอยากกลับหรือไม่อยาก..แล้วจะยังไง ในเมื่อฉันก็กลัวเขาไปแล้วอยู่ดี

     

     

     



     

    “แปลว่าถ้าไม่มีโฟเบียก็จะกลับไป?”

     

     

    “ไม่ใช่สิ”

     

     

    “โฟเบียของเธอ ที่จริงไม่ได้บำบัดได้ด้วยการพยายามปล่อยผ่าน และลืมเรื่องของเขาทางเดียว”

     

     

    ….

     

     

    “แต่มีอีกทางที่ฉันไม่ได้บอก เพราะคิดว่ามันเป็นไปไม่ได้”

     

     

    ..ทางไหน”

     

     

    “กลับไปหาผู้ชายคนนั้น”

     

     

    “เดี๋ยวนะ”

     

     



    ย้อนแย้งมาก กลัวแล้วจะกลับไปได้ยังไง

     

     


    แล้วใครบอกว่าจะกลับไปก่อน ทำไมชี้โพรงจัง

     


     

     

     

    “ความกลัวของเธอมันเกิดจากความผิดหวัง”

     

     

    ….

     

     

    “เพราะว่าตอนที่คบกับเขา ทุกอย่างมันเคยดีมาตลอด เธอเลยตั้งความหวังเอาไว้สูง”

     

     

    ….

     

     

    พอไม่เป็นอย่างที่คิด เธอเลยขยาด ไม่อยากรับรู้ทุกอย่างเกี่ยวกับคนที่เป็นเหมือนฝันสลายนั่นอีก ฉันพูดถูกไหม”

     

     



     

    โหใช่เลย

     

     


     

    ทั้งหมดมันเป็นเพราะฉันยอมรับความผิดหวังที่เกิดขึ้นไม่ได้

     

               

     

     



    “แต่ตอนนี้ฝันสลายของเธอ กำลังจะถูกสร้างขึ้นมาใหม่”

     

     

    ….

     

     

    “เขากลับมาหาเธอ เขารับปากว่าจะจัดการเรื่องคู่หมั้น”

     

     

    ….

     

     

    “ความหวังของเธอกำลังจะถูกซ่อมแซม”

     

     

    ….

     

     

    “ลองโยนความรู้สึกทุกข์ใจออกไป ลองคิดว่าเป็นการเริ่มต้นใหม่”

     

     

    ….

     

     

    “ถ้ากลับไปหาเขา คนที่เป็นปมเหตุในใจ จะเหมือนความรู้สึกข้างในของเธอได้รับการปลดล็อค”

     

     

     


     

    นั่นสินะ

     

     

     

    ในเมื่อที่ฉันฝังใจ ก็เพราะเคยรักมากแต่ความรักพังไม่เป็นท่า แล้วตอนนี้รักกำลังจะกลับมา ทำไมถึงจะต้องฝังใจต่อไปล่ะ

     

     

     

     

    แต่ว่านะ คำแนะนำนี้ฟังดูไม่ใช่ไอหมอเลย

     

     

     



     

    “นี่นายกำลังเชียร์ให้ฉันกลับไปหาเขาหรอ”

     

     

    ….

     

     

    “ทำไมอยู่ ๆ ถึงพูดขึ้นมาล่ะ”

     

     

    “ก็เห็นว่าผู้ชายคนนั้นกำลังเคลียร์ตัวเองอยู่”

     

     

    ….

     

     

    “แปลว่าเรื่องระหว่างเธอกับเขา มันมีความเป็นไปได้”

     

     

    ….

     

     

    “ก็บอกไว้ให้รู้ว่ามันมีอีกวิธี เผื่อเธอจะเลือก”

     

     

    “ไหนบอกว่าไม่อยากเป็นหมาไง”

     

     

    “ก็ดูจากที่เธอตอบคำถามแล้ว..

     

     

    ….

     

     

    “อ้อมแอ้ม ลังเล ไม่เด็ดขาด”

     

     

    “......” น..นี่?

     

     

    “เธอยังมีความคิดถึงรักเก่าของตัวเองอยู่”

     

     

    “ไม่ใช่สักหน่อย”

     

     

    “ถ้าไม่ใช่ เธอหายจากโฟเบียไปนานแล้วมินรี”

     

     

    ……………….

     

     


     

    คำพูดแต่ละคำน่ะ เหมือนกระสุนที่ยิงร่างฉันพรุนไปหมดแล้ว

     

     

     

                หน้าหงอย ๆ ก้มมองโต๊ะ ความรู้สึกข้างในโคตรจะย้อนแย้งเลย ที่ไอหมอพูดมาก็ฟังดูเข้าที แต่ก็เป็นแค่หมอป่ะวะ จะมาอ่านใจฉันออกหมดได้ยังไง

     

     

     


     

    “แล้วถ้าเป็นนายจะกลับไปรึไง”

     

     

    ….

     

     

    “ถึงจะยังคิดถึง ยังรักอยู่ แต่จะกลับไปหรอ..คนที่ทำให้ตัวเองเจ็บน่ะ”

     

     

    ….

     

     

    “ลองถอดร่างหมอออก เลิกใช้จิตวิทยา แล้วตอบกันหน่อยสิ”

     

     

    ….

     

     

    “ถ้าเป็นตัวนายจะเลือกอะไรดงยอง”

     

     


     

                อยู่ ๆ ก็เริ่มมีน้ำโห คงเพราะฉันมีคำตอบในใจอยู่แล้ว แต่ไอคนที่ควรจะช่วยดันหลังให้มูฟออน กลับมาพูดไซโคให้เสียอุดมการณ์ล่ะมั้ง

     

     



    ไอหมอเงียบ ตาก็จ้องมองหน้าฉันอย่างใช้ความคิด

     

     

     



     

    ..ถ้าเป็นฉัน”

     

     

    ….

     

     

    “เรื่องอะไรจะกลับไป”

     

     

    ….” น่ะ

     

     

    “เจ็บแล้วจำคือคน เจ็บแล้วทนคือควาย”

     

     

    “เห็นมั้ยล่ะ!

     

     


     

    ฉันตบเข่าฉาด มันต้องอย่างนี้สิ! คนโดนทิ้งใครมันจะอยากกลับไป เสียฟอร์มแย่!!

     

     

     


     

    “แต่เพราะคิดแบบนั้นไง ฉันถึงไม่หลุดพ้นจากความกลัวสักที”

     

     

    ….” ห..หา?

     

     

    “บางทีถ้ามองข้ามไปบ้าง ไม่จมปลักอยู่กับอดีต”

     

     

    “….”

     

     

    “มันก็ไม่ได้แย่ซะทีเดียว”

     

     

    “….”

     

     

    “ฉันไม่อยากให้เธอเป็นแบบฉัน”

     

     

    “แล้วแบบนายมันคือยังไงหรอ”

     

     

    “….”

     

     

    “..นายกลัวอะไรดงยอง”

     

     


     

    รู้อยู่แล้วว่ากลัวความรัก แต่ก็อยากจะฟังจากปาก

     


     

    ไหน ๆ ก็เปิดมาขนาดนี้แล้วนี่ ก็เล่ามาให้หมดเลยสิ ให้ฉันรู้เรื่องแกบ้าง

     

     



    ดวงตาคมที่เคยมีแต่ความนิ่งกวน ตอนนี้มันว่างเปล่าจนมองไม่เห็นความรู้สึก ฉันจ้องหน้าไอหมออย่างลุ้นระทึก ริมฝีปากบางเฉียบทำท่าจะตอบออกมาแล้ว แต่ทว่า

     

     

     




     

    ดงยอง

     



     

                เสียงของบุคคลที่สาม ทำให้สายตาของเราสองคนมองไปที่ต้นเสียงพร้อมเพรียงกัน แล้วก็ต้องอึ้งตาแตก เพราะคนที่เข้ามาทักหน้าโต๊ะ คือ เจ้าของใบหน้าสวยดุที่ไม่คิดว่าจะได้พบเจอกันอีก

     



     

     

    “มินรี?”

     

     

    ..คุณไอรีน

     

     



    รู้จักดงยองด้วยหรอ

     

     



    และคงจะรู้จักมานานแล้วด้วย ถึงได้เรียกชื่อเก่านายหมอเหมือนกับฉัน

     

     

     



                ฉันลากสายตาจากหน้าสวยมามองคนหน้าตี๋ที่นั่งเงียบเป็นเป่าสาก ดวงตาคมเสมองไปทางอื่นอย่างไม่สบอารมณ์นัก ทำเอาสงสัยกว่าเดิมอีก สองคนนี้มีประเด็นอะไรกัน

     

     


     

    ...มีความสัมพันธ์แบบไหนกันด้วย

     

     

     



     

    “มีอะไร”

     

     

     

    มีอะไร..??

     

     

     

    อ..เอ่อ นี่มันไดเรคเตอร์เบเลยนะ ปกติฉันเกรงเขาจะแย่ แต่ตอนนี้เขาต้องกลัวไอหมอแทนแล้วแหละ หน้ากับเสียงจะเย็นชาไปไหน

     

     

     

     

     

    “แค่เข้ามาทัก..

     

     

    ….

     

     

    “รู้จักกันด้วยหรอ”

     

     

    ใช่ค่ะ” ฉันเลิกลั่กตอบแทน เพราะไอหมอไม่ยอมพูด

     

     

    “สบายดีใช่มั้ยคุณพัค”

     

     

    “ค่ะ..” เหมือนตอบเป็นอยู่แค่คำเดียว แต่คือสัมผัสได้ว่าบรรยากาศตอนนี้โคตรจะกระอักกระอ่วน

     

     


     

    แค่เจอหัวหน้าเก่าก็น่าอึดอัดพอแล้ว ยังจะเป็นคอมบิเนชั่นระหว่างคุณเขากับไอหมออีก ความรู้สึกเหมือนไม่มีออกซิเจนให้หายใจอ่ะ

     

     



     

    “นายล่ะดงยอง เป็นยังไงบ้าง”

     

     

    “เคยบอกไม่ใช่หรอว่าไม่ชอบให้เรียกชื่อนั้น”

     

     

     



    หื๊อนี่มีประเด็นเรื่องชื่ออีกหรอเนี่ย จดแป๊บ!

     

     

     

    ไอหมอไม่ชอบให้เรียกชื่อดงยอง แต่ทำไมฉันเรียกแล้วไม่เห็นจะว่าอะไรเลย

     

     

     


     

    “นี่เราจะพูดกันดี ๆ ไม่ได้เลยใช่ไหม”

     

     

    “ก็ไม่มีอะไรให้ต้องพูดนี่ครับ”

     

     

    ….

     

     

    “ถ้าไม่มีอะไรแล้ว ผมกับมินรีคงต้องขอตัว”

     

     

     


                คุณไอรีนใจเย็นมาก แต่ไอหมอโคตรเจ้าชายน้ำแข็ง ตัดบทแล้วก็ลุกขึ้นเดินเข้ามาดึงแขนเสื้อเรียกฉันที่ยังนั่งอึ้งอยู่

     

     

     


    “ลุก”

     

     


                ฉันลุกตามอย่างงง ๆ ไม่ลืมที่จะโค้งให้หัวหน้าเก่าของตัวเอง ก่อนจะรีบสาวเท้าตามร่างสูงที่เดินตัวปลิวไปแล้ว

     

     

     

    “ดงโดยอง นายจะรีบเดินไปไหนน่ะ!

     

     

     



     

                ตั้งแต่ร้านสะดวกซื้อจนกลับมาถึงคอนโด ไอหมอไม่ยอมพูดด้วยเลยสักคำ ไม่สิ ต้องบอกว่าฉันไม่กล้าชวนคุยด้วย เพราะหน้าตาที่พร้อมจะเหวี่ยงทุกคนออกไปนอกจักรวาลนั่นน่ะ

     

     

     


     

    กระทั่งเข้ามาในลิฟท์

     

     


     

    มีกันอยู่แค่สองคน นี่แหละโอกาส

     

     



     

    สงสัยอะไร ถามไปเลยมินรี

     

     

     



     

    “นี่”

     

     

    “เธอรู้จักไอรีนด้วยหรอ”

     

     


     

    ยังไม่ทันถาม ไอหมอก็ยิงคำถามกลับมาก่อนแล้ว

     

     



                ฉันเหล่มองใบหน้านิ่งตึง พลางลอบกลืนน้ำลายลงคอ ไม่ใช่แค่เสียงทุ้มที่เปลี่ยนเป็นราบเรียบ แต่ไอหมอเรียกคุณไอรีนห้วนมากด้วย อายุห่างกันตั้งห้าหกปี เรียกซะเป็นเพื่อนเลย

     

     



     

    “เขาเป็นหัวหน้าเก่าฉันเอง ไดเรคเตอร์แผนก”

     

     

    ….

     

     

    “แล้วก็เป็นคู่หมั้น..หมอนั่นด้วย”

     

     

    ….” พอพูดเรื่องนี้ สายตาคมกริบก็เลื่อนขวับมามองหน้าฉันทันที

     

     

     

    นี่ฉันพูดอะไรผิดไปรึเปล่านะ

     

     



     

    “ซวยชะมัดเลยนะว่ามั้ย”

     

     

    ….

     

     

    “หัวหน้าเป็นคู่หมั้นแฟนเก่าเนี่ย”

     

     

     


    พูดไปก็ขำแห้งไป ทำไมสายตาไอหมอน่ากลัวขึ้นทุกทีเลยวะ

     

     

     


     

    แต่ว่านะ พอลองมาคิดดู

     

     


    ผู้ชายคนนั้นก็อายุมากกว่าฉันสองปี แต่ตั้งแต่คบกันจนถึงตอนนี้ ฉันก็ไม่เคยเรียกเขาว่าพี่เลยเหมือนกัน

     

     



     

    ห..เห…!!?

     

     



    อย่าบอกนะ

     

     

     



     

    “หึ”

     

     

    ….

     

     

    “ยังซวยได้มากกว่าที่เธอคิดอีก”

     


    …..ยังไงหรอ”

     

     

    “คู่หมั้นแฟนเก่าเธอ”

     

     

    ….

     

     

    “คือแฟนเก่าฉัน

     

     

    “ห๊ะ!!

     



    --------------------------------------

     

    TBC

     

    มินรีไม่ได้เป็นคนซวยคนเดียวแล้ว แต่มีหมอเป็นเพื่อนด้วยอีกคน น่าดีใจมั้ยนะ55555 // คราวนี้มาอัพเร็ว และคิดว่าจะมาบ่อยๆ แน่นอน แต่อ่านแล้วช่วยกันเม้นกันสักนิดนะคะ เค้าจะได้มีแรง



    T
    B
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×