ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [NCT X You] Love Phobia

    ลำดับตอนที่ #1 : Intro

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.08K
      86
      8 เม.ย. 64

    Intro

     

     

     

    “อีกแล้วหรอมินรี”

     

     

    ….

     

     

    “ไปหาหมอมั้ย ฉันแนะนำให้ได้นะ”

     

     

     

                ฉันที่นั่งฟุบหน้าลงกับโต๊ะ ถึงกับเงยหน้าขึ้นมามองยัยฮเยรินอย่างไม่เชื่อหู ไปหาหมอ? ต้องหาหมอเลยหรอ???

     

     

     

     

     

    “แกจะบ้าหรอ!

     

     

    “แกนั่นแหละบ้าไปแล้ว คนอะไรเห็นแฟนเก่าทีไรคลุ้มคลั่งตลอด”

     

     

    ..ก็….ฮืออ...ทำไงได้อ่ะ”

     

     

    “อาการแกมันไม่ปกตินะฉันว่า ร้องไห้ไม่เท่าไหร่ แต่ตัวสั่น แล้วจะอ้วกทุกครั้งน่ะ..

     

     

    “แค่เครียดแหละ”

     

     

    “แค่เครียดก็หาหมอได้ ไปหาจิตแพทย์ไม่ได้แปลว่าต้องเป็นบ้านะมินรี มันคือเรื่องปกติ”

     

     

    ….

     

     

    “แกควรปรึกษาหมอ ยิ่งต้องเจอโรอุนที่บริษัทแทบทุกวั..

     

     

    “หยุด! อย่าพูดชื่อหมอนั่น! ฉันคลื่นไส้แล้ว”

     

     

    “ตาย ๆ แย่แล้วแกน่ะ แค่พูดชื่อเหงื่อก็ไหลเป็นน้ำ”

     

     

     

                ฉันยกแก้วน้ำส้มขึ้นจิบ ที่บอกว่าคลื่นไส้ไม่ใช่เรื่องโกหก และที่ฮเยรินบอกว่าฉันเหงื่อตกก็เป็นเรื่องจริง แค่ได้ยินชื่อของหมอนั่นร่างกายมันก็รวนไปหมด

     

     

     

     

    “ฉันรู้จักผู้ปกครองเด็กที่โรงเรียนอยู่คนนึง เขาเป็นจิตแพทย์อยู่โรงบาลเอกชน”

     

     

    “หรอ โรงบาลไหน”

     

     

    “โรงบาลโซล หมอคนนี้ก็โอเคนะ คนรู้จักฉันเคยไปหาก็ว่าเก่ง”

     

     

    ….

     

     

    “แต่ต้องทำใจนิดนึง หมอเป็นคนดุ”

     

     

    “ดุแล้วมาเป็นจิตแพทย์ได้ไง”

     

     

    “เอาน่า เก่งก็แล้วกัน เดี๋ยวฉันส่งเบอร์โรงบาลให้แก แกก็นัดไปนะ หมอชื่อ คิม โด ยอง

     

     

     

     

     

                หลังจากโยนหัวโยนก้อยมาสามวัน สุดท้ายก็ตัดสินใจมาหาหมอที่ฮเยรินเป็นคนแนะนำ จะไม่หาก็ไม่ได้หรอก ถ้าไม่ทำให้ไออาการบ้า ๆ นี่หายขาด ฉันทำงานไม่ได้แน่ แค่เห็นอดีตแฟนเก่าที่เพิ่งย้ายมาเป็นบอร์ดบริหารเดินอยู่ไกล ๆ ฉันก็อยู่ไม่สุขแล้ว!

     

     

     

     

     

     

    “สวัสดีค่..

     

     

     

                ฉันที่เพิ่งเดินเข้ามาในห้องตรวจ กำลังจะสวัสดีหมอตามมารยาท แต่พอเห็นใบหน้าของอีกคนที่เงยขึ้นมอง คำทักทายก็ถูกกลืนลงท้องไปในทันที

     

     

     

     

     

    …..นี่มันนายดงยองที่เคยอยู่.ปลายห้องเดียวกันไม่ใช่หรอ!?!?

     

     

     

     

     

    หล่อขึ้นจนเกือบจำไม่ได้ หน้าก็ใสกว่าเมื่อก่อนด้วย

     

     

     

     

     

    เปลี่ยนชื่อเป็นโดยองรึไง

     

     

     

     

     

     

    “นั่งสิครับ”

     

     

     

     

     

    แต่….เราสองคนไม่ค่อยลงรอยกันเท่าไหร่

     

     

     

     

     

    แล้วฉันจะต้องเอาปัญหาชีวิตมาปรึกษาหมอนี่เนี่ยนะ น่าอายชะมัด!

     

     

     

     

     

     

    “จะยืนหรอครับ”

     

     

    “อ..อ้อ นั่งค่ะ”

     

     

     

                ฉันสะดุ้ง ก่อนจะรีบนั่งลงบนเก้าอี้ ตาก็มองแต่นายดงยองที่กำลังก้มอ่านใบประวัติของฉัน ดูทรงแล้วน่าจะจำกันไม่ได้ แต่ไม่เจอเลยเป็นสิบปี จะลืมก็คงไม่แปลก

     

     

     

     

     

    “เวียนหัว คลื่นไส้ อาเจียน ตัวสั่น เหงื่อออก ทุกครั้งที่เห็นหน้าหรือได้ยินชื่อของแฟนเก่า?”

     

     

     

    คนตรงหน้าขมวดคิ้วทวนถามอาการของฉันที่พยาบาลเขียนเอาไว้ในกระดาษนั่น พอเห็นหน้าตางง ๆ ของหมอนี่แล้ว ก็ยิ่งไม่อยากเล่า

     

     

     

     

     

    ก็เพื่อนที่เคยเตะขาเก้าอี้ขอลอกข้อสอบอ่ะ

     

     

     

     

    แม่งเอ๊ย

     

     

     

     

     

    “ตอบผมสิครับ”

     

     

    ..ใช่ค่ะ” โตขึ้นแล้วดุจังวะ

     

     

    “มันเป็นเพราะอะไร”

     

     

    “เพราะแฟนเก่าไง”

     

     

    “ผมหมายถึงสาเหตุที่ทำให้คุณมีอาการกับเขา”

     

     

    ….

     

     

    “รักมากหรือว่าจุดจบมันแย่จนฝังใจ”

     

     

    ….

     

     

     

    ทั้งสองอย่างมั้ง

     

     

     

     

    พูดแบบนี้เอามีดมาแทงกันเลยเถอะ

     

     

     

     

     

    “ระหว่างคุณกับเขามันเป็นยังไง เล่าให้ผมฟังหน่อย”

     

     

     

     

                ฉันกะพริบตามองหน้านายหมออย่างลังเล รู้สึกแปลก ๆ ที่จะต้องพูดเรื่องส่วนตัวให้คนไม่สนิทฟัง แต่สายตากดดันที่จ้องมองมา ก็ทำให้ฉันต้องตั้งสติ ไล่เรียงความคิด แล้วเริ่มเปิดปากเล่าอย่างใจเย็น

     

     

     

     

    “ฉันกับเขา..เราคบกันมาสิบปี”

     

     

    ….

     

     

    “ตั้งแต่เรียนมหาลัยจนทำงานเขาอยู่กับฉันแทบจะทุกช่วงเวลาที่สำคัญ”

     

     

    ….

     

     

    มันก็ค่อนข้างผูกพัน..” เล่าแค่นี้ปากก็เริ่มสั่นแล้ว เพราะภาพในหัวกำลังรีรันความทรงจำอันหอมหวานในอดีต

     

     

    ….

     

     

    “เราเลิกกันเมื่อประมาณต้นปีที่ผ่านมา เพราะเขามีคู่หมั้นอยู่แล้ว”

     

     

    “คบซ้อนหรอ”

     

     

    “ไม่เชิงเป็นคนที่ทางบ้านเขาวางตัวไว้”

     

     

    ….

     

     

    “แล้วเขาก็เพิ่งตัดสินใจบอกเรา เพราะกลัวว่าเราจะเสียใจ”

     

     

    ….” นายหมอเอนหลังพิงพนักเก้าอี้ สายตาก็มองมาอย่างเห็นอกเห็นใจ(?)

     

     

    ....

     

     

    “แล้วทุกวันนี้ทำไมยังเจอเขาอยู่”

     

     

    “ทำงานที่เดียวกัน”

     

     

    “ตั้งแต่แรกเลย?”

     

     

    “เปล่าเขาเพิ่งย้ายเข้ามาเป็นบอร์ดบริหารที่บริษัทของฉันเมื่อสองเดือนก่อน”

     

     

    “แล้วอาการที่คุณบอกมา เป็นตั้งแต่เลิกกับเขาเลยหรือยังไง”

     

     

    ..ก็เริ่มตั้งแต่ตอนนั้น แต่อาการจะชัดสุดก็ต่อเมื่อเจอตัวเป็น ๆ”

     

     

    “แปลว่าสองเดือนนี้อาการคุณหนักขึ้น?”

     

     

    ..อ่า..ค่ะ”

     

     

    “แฟนเก่าคุณชื่ออะไร”

     

     

    “โรอุน”

     

     

    “อ่อ โรอุน

     

     

    ….” แสลงหูมาก ให้ตาย

     

     

    “แฟนเก่าคุณชื่อโรอุนใช่มั้ย”

     

     

    ..ใช่”

     

     

    “โอเค โรอุน

     

     

    ….

     

     

    โรอุนนามสกุลอะไรหรอ”

     

     

     

     

     

    ..กวนตีน!!!!

     

     

     

     

    จากที่เฉย ๆ กลายเป็นเริ่มเวียนหัวแล้ว จะย้ำชื่อทำไมนักหนา!!!

     

     

     

     

     

    “เหงื่อออก” ดวงตาตี๋ที่ดูกวนประสาทนั่นลอบมองใบหน้าและคอของฉัน ก่อนจะพูดทักขึ้นมา ยังไง เมื่อกี้คือลองใจ จะดูอาการงี้หรอ เกือบลุกขึ้นต่อยปากแล้วนะ

     

     

     

    ….

     

     

    “รู้สึกยังไงที่ผมเรียกชื่อเขา”

     

     

     

     

    รู้สึกอยากต่อยหมอ

     

     

     

     

    “เวียนหัวค่ะ”

     

     

    “มีอะไรอีกไหม”

     

     

    “ไม่ค่ะ”

     

     

    “ผมยังไม่แน่ใจอาการของคุณ แต่ที่แน่ ๆ คุณมีความเครียดสะสม”

     

     

    แต่ฉันว่ามันแปลก”

     

     

     

    ถึงจะค้านยัยฮเยรินที่ชอบว่าฉันไม่ปกติมาตลอด แต่ก็แอบคิดอยู่เหมือนกัน ถ้าแค่เครียดมันจำเป็นจะต้องวิ่งไปอ้วกทุกครั้งที่เห็นหน้าไหม แล้วไออาการเหงื่อท่วม ตัวสั่นอีก มันจะแค่เครียดจริงดิ

     

     

     

     

    “อาการหนักสุดเป็นยังไง”

     

     

    ..ก็คงเป็นตอนที่เดินสวนกับเขา แล้วเขาทัก”

     

     

    ….

     

     

    “มันหูอื้อตาลายเหมือนจะเป็นลม คลื่นไส้จนต้องวิ่งไปอ้วกในห้องน้ำ หลังจากนั้นตัวก็สั่นอยู่พักใหญ่”

     

     

    “แล้วไม่บอก”

     

     

    ….” อ้าว

     

     

    “ของคุณผมแทงไว้สองแบบนะ”

     

     

    ….

     

     

    “แบบแรกคือคุณมีภาวะเครียดสะสม”

     

     

    ….

     

     

    “แบบที่สองคือคุณกลัวแฟนเก่าตัวเอง

     

     

    “ห๊ะ”

     

     

    “มันก็คือความกลัวอย่างนึง เหมือนที่บางคนกลัวแมลง ดารากลัวผลไม้ กลัวมากจนเป็นลมหรือมีอาการอื่น ๆ ที่เกินกว่าปกติ”

     

     

    ….

     

     

    คนเป็นโรคกลัวความรักก็ยังมี

     

     

    “มีด้วยหรอ มันเป็นยังไงอ่ะ”

     

     

    “ก็กลัวที่จะต้องเริ่มความสัมพันธ์กับใคร”

     

     

    ….” แปลกจัง

     

     

    “อาการก็คล้าย ๆ คุณนั่นแหละ”

     

     

    ….” จริงดิ

     

     

    “แต่คุณสนใจปัญหาของคุณก่อนเถอะ”

     

     

    ……….” แล้วจะพูดให้อยากรู้ทำไม!

     

     

     

    “ดูแล้วน่าจะกระทบงานคุณนะ”

     

     

    ..ใช่ค่ะแล้วฉันควรทำยังไง”

     

     

     

     

     

    “ลาออก”

     

     

    “ห๊ะ!!

     

     

     

     

     

    ไอหมอ !!!

     

     

     

     

     

     

    “แล้วก็ลองหาคนใหม่ดูจะได้ลืมคนเก่า”

     

     

    ….” นั่นคือคำแนะนำของคนเป็นหมอเหรอ!!

     

     

     

     

     

    คิมดงยอง อะไรดลใจให้คนอย่างแกมาเป็นจิตแพทย์วะ ไม่น่ารอดนะ

     

     

     

     

     

     

    “มาให้ผมดูอาการคุณอีกทีสัปดาห์หน้านะ”

     

     

    “นี่ฉันต้องมาหาหมออีกหรอ”

     

     

    “มีปัญหาหรอครับ”

     

     

    ..เปล่าค่ะ”

     

     

    “งั้นเจอกันเสาร์หน้าครับ ขอบคุณ”

     

     

     

     

     

     

    เปลี่ยนหมอ ฉัน จะ เปลี่ยน หมอ!!





    - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -

    TBC

    อืม ยุ่งนะ แต่ก็เปิดฟิคอีก55555

    อยากแต่งใสใสคลายเครียดค่ะ แค่นั้นเลย

    ถ้าผ่านมา เม้นด้วยนะคะ T-T


    EDIT: แก้คำบรรยาย (08/04/21)


    T
    B
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×