คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : Chapter 3
3
[พรุ่งนี้เช้าพี่กลับโซลแล้วนะ]
“โหย มีโซต้องอยู่ค่ายอีกสามวันแหน่ะ”
[เดี๋ยวก็ได้เจอกันแล้ว]
“อยากเจอจะแย่ อยู่ที่นี่สัญญาณก็ไม่ดี”
[….]
“มีโซต้องเดินวนรอบหมู่บ้านเลยนะกว่าจะโทรหาพี่ได้อ่ะ”
[หะ ๆ น่ารัก]
“พี่โดยอง”
[ครับ]
“เดินทางปลอดภัยนะคะพรุ่งนี้”
[อืม..]
“….”
[เราก็เหมือนกัน อยู่ที่นู่น ไม่มีพี่กับเจโน่ต้องดูแลตัวเองดี ๆ นะ]
“รู้แล้ว พูดเหมือนมีโซเป็นเด็กเลย”
[ก็ยังเด็กจริง ๆ หนิ]
“….”
[พี่เป็นห่วง]
“รู้แล้วน่า มีโซก็ห่วงพี่เหมือนกัน”
[….]
“….”
[ไปนอนมั้ย]
“แต่มีโซยังอยากคุยกับพี่อ่า”
[พรุ่งนี้ต้องตื่นเช้าไม่ใช่หรือไง]
“นั่นสินะ พี่ก็ต้องเดินทางแต่เช้าด้วย”
[….]
“พี่โดยอง”
[หืม]
“มีโซรู้สึกใจหวิว ๆ แปลก ๆ อ่ะ”
[เป็นอะไร ใครทำอะไรเรารึเปล่า]
“ไม่ใช่แบบนั้น มันเป็นความรู้สึก..”
[แล้วทำไมถึงเป็น]
“ไม่รู้เหมือนกัน”
[….]
“มีโซคิดถึงพี่นะ”
[เห้อ..เด็กดื้อ]
“มีโซไม่ได้แกล้งนะ แค่รู้สึกว่าต้องพูดตอนนี้อ่ะ”
[….]
ทำไมนะ ทำไมเหมือนจะไม่ได้พูดอีก
“แล้วพี่อ่ะ คิดถึงมีโซมั้ย”
[คิดมาก]
“ก็มันรู้สึกไม่ดีจริง ๆ นี่ เร็ว…พูดให้หนูฟังหน่อย”
[หนูเลยหรอ อ้อนใหญ่เลยนะ]
“พี่โดยอง”
[หึหึ]
[คิดถึงนะ]
[รักมากด้วย]
[ได้ยินมั้ยครับ]
พรึ่บ!
คุณสะดุ้งตื่นขึ้นจากฝันที่ทิ้งร่องรอยน้ำตาเอาไว้ มือของคุณยกขึ้นเช็ดหน้าตัวเองลวก ๆ ก่อนจะเอื้อมไปเปิดโคมไฟหัวเตียง แล้วความสว่างก็ทำให้คุณมองเห็นนาฬิกาบนผนังว่าตอนนี้เป็นเวลาตีห้าครึ่ง ทั้ง ๆ ที่วันนี้เป็นวันหยุด แต่คุณกลับหลับตานอนต่อไม่ลง
ฝันที่เหมือนจะดี…แต่เป็นฝันร้ายสำหรับคุณ
วันสุดท้ายที่ได้คุยกัน
ทั้งมีความสุข ทั้งเจ็บปวด
“ว่าไงตัวเล็ก”
“พี่จอห์น…ขอโทษนะคะที่รบกวนวันหยุด”
“โอย ไม่เป็นไรเลย พี่ไม่มีไรทำอยู่แล้ว แต่เรามีอะไรหรอ..มาหาพี่ถึงที่นี่”
คนที่ถูกเรียกมาเบิกตาถาม
พลางเลื่อนเก้าอี้ลงนั่งฝั่งตรงข้ามกับคุณ
หลายเรื่องที่ติดอยู่ในใจทำให้คุณตัดสินใจโทรนัดจอห์นให้มาเจอกันที่ร้านกาแฟข้างคอนโดของเจ้าตัว
คนที่ปกติจะแต่งตัวเนี้ยบทุกครั้งที่เจอกัน
ในตอนนี้สวมเพียงเสื้อยืดกางเกงวอร์ม หนีบรองเท้าแตะ
ผมเผ้ายุ่งเล็กน้อยราวกับเพิ่งงัดตัวขึ้นมาจากเตียง
แต่อัยการที่มีมาดอย่างเขาในสายตาของคุณก็เป็นคนใจดี เข้าถึงง่าย เช่นเดียวกับลุคที่เห็นอยู่
คุณรู้จักจอห์นในฐานะเพื่อนสนิทของโดยองและแทยง
และคุณก็รู้จักเขาในฐานะของอัยการที่เคยช่วยเอาตัวปิศาจร้ายเข้าคุกไปได้ถึงสามปี
จอห์นถือเป็นพี่ชายอีกคนที่ดีกับคุณและเจโน่มาก ๆ เขาเป็นคนที่พร้อมจะช่วยเหลือคุณ หากว่าคุณเอ่ยปาก และเป็นคนที่คุณสบายใจที่จะคุยด้วยเสมอ
และที่คุณดั้งด้นมาหาเขาในเช้าวันเสาร์เวลาสิบเอ็ดโมงกว่า…ก็เพราะมีเรื่องที่เขาอาจจะช่วยคุณได้
“..ลุงมีโซ…”
“มันมาหาเราหรอ” อีกฝ่ายถามแทรกขึ้นมาด้วยสายตาตกใจ
“ค่ะ”
“แล้วมันทำอะไรเรารึเปล่า”
คำถามของจอห์น ทำให้คุณต้องเกลี่ยผมทัดหู แล้วหันใบหน้าให้อีกฝ่ายเห็นพลาสเตอร์ที่แปะอยู่ข้างโหนกแก้ม สายตาร้อนใจของคนตรงข้ามกวาดมองใบหน้าของคุณ ยิ่งเห็นว่าคุณถูกทำร้าย เขาก็ยิ่งกังวล
“บอกแทยงรึยัง”
“ไม่ได้บอกค่ะ”
“ทำไมไม่บอกล่ะ”
“ไม่มีประโยชน์หรอกค่ะ รอบนี้ลุงบอกว่า…เขาไม่สนใจอะไรทั้งนั้น”
“….”
“เขาสนใจแค่ว่าต้องเอาคืนเจโน่ให้ได้”
“….”
“..ไม่ใครก็ใครต้องตายกันไปข้าง”
“….”
“พี่จอห์น มันพอจะมีทางมั้ย..ที่จะเอาลุงกลับเข้าคุกอีกครั้ง”
คำถามอย่างคนคิดไม่ตกที่ถูกส่งมาพร้อมกับสายตาอ้อนวอน ทำให้คนถูกร้องขอได้แต่มองอย่างหนักใจ กฎหมายในประเทศยังมีช่องโหว่อยู่มากมาย และโทษก็ไม่รุนแรงพอที่จะทำให้คนกระทำผิดนั้นหลาบจำ ในตอนนี้นักโทษได้ถูกปล่อยตัวออกมา เพราะได้ชดใช้ความผิดในห้องแคบจนครบกำหนด แต่ไม่มีใครสามารถรับผิดชอบได้เลย หากว่าคนที่ถูกปล่อยตัวออกมานั้นไม่สำนึกและต้องการที่จะแก้แค้นต้นเหตุที่ทำให้ตัวเองต้องเข้าไปอยู่ในเรือนจำ
“เราแจ้งตำรวจรึยัง”
“..มีโซไม่กล้า แผลที่ได้มาลุงก็ไม่ได้ทำมีโซตรง ๆ แต่ผลักไปชนกำแพง มีโซกลัวว่าถ้าตำรวจเรียกตัวลุงมา มันจะมีช่องว่างให้ลุงแถ แล้วถ้าตำรวจปล่อยตัวลุง มีโซกับน้องจะยิ่งไม่ปลอดภัยกว่าเดิม”
“ใจเย็น ๆ นะ” จอห์นเอื้อมมือมาบีบไหล่คุณ เมื่อเห็นว่าคุณพูดเร็วคล้ายกับตกอยู่ในอาการหวาดระแวง
“ถ่ายรูปแผลไว้รึยัง”
“ค่ะ” คุณพยักหน้าตอบ “ถ่ายหลังจากที่โดนเลย”
“เก็บรูปไว้ เผื่อจะได้ใช้เป็นหลักฐาน”
“….”
“แล้วเจโน่ล่ะ ยังอยู่ที่อังกฤษใช่มั้ย”
“ค่ะ”
“น้องรู้รึเปล่า”
“บอกไม่ได้หรอกค่ะ ถ้ารู้คงเป็นห่วง แล้วรีบกลับมาหาแน่ ๆ”
“อืม อย่าเพิ่งให้น้องกลับมา” จอห์นพูดพลางผงกหัวเห็นด้วย
“….”
“แต่บอกแทยงเถอะ จะได้มีคนช่วยดูเรา”
“ช่วงนี้พี่แทยงดูเครียด ๆ มีโซเลยไม่อยากรบกวน”
“มันอันตรายนะ”
“….”
“กลับมาคราวนี้มันเอาจริงแน่”
“….”
“และตอนนี้คงยังเอาตัวมันเข้าคุกไม่ได้ จนกว่ามันจะทำความผิดอีก”
คุณถอนหายใจออกมา ที่มาหาจอห์นก็เพราะคิดว่าอาจจะพอมีหนทางอยู่บ้าง แต่พอได้รับการยืนยันจากคนที่รู้ข้อกฎหมาย ก็ทำให้คุณรู้สึกท้อใจ
“พี่จะพยายามหาทางช่วยเรา ระหว่างนี้ก็ระวังตัว ไปไหนต้องบอกให้แทยงรู้ บอกพี่ก็ได้ เข้าใจมั้ย”
“ค่ะ”
คนตรงข้ามเงียบไป สายตาก็เหม่อมองโต๊ะราวกับกำลังใช้ความคิด คุณลอบมองสีหน้าของอีกฝ่าย ก่อนจะพูดอีกเรื่องหนึ่งที่คาใจขึ้นมา
“พี่จอห์นคะ”
“หืม”
“อุบัติเหตุที่เกิดขึ้นเมื่อหกปีก่อน”
“….”
“พี่เคยได้ยินมาบ้างรึเปล่าคะ…ว่ามันไม่ใช่อุบัติเหตุ”
คนตรงข้ามชะงักไปกับสิ่งที่คุณถาม แต่ก็ดึงสีหน้าเอาไว้เป็นปกติ
“หมายถึงเรื่องโดยอง?”
“..ค่ะ”
“เราไปเอามาจากไหน”
คุณสบตากับอีกฝ่าย ทดทอนในใจว่าควรจะบอกไปตามความจริงดีหรือไม่ ถึงคุณจะไว้ใจจอห์น แต่จอห์นก็เป็นเพื่อนสนิทกับแทยง หากคุณบอกว่าเดโอเป็นคนพูดเรื่องนี้และพาดพิงถึงแทยงว่ามีส่วนเกี่ยวข้อง คุณกลัวว่าจอห์นจะเอาไปบอกแทยง แล้วเรื่องที่ไม่รู้ว่าจริงหรือเท็จจะบานปลาย
“แค่คิดเรื่อยเปื่อยน่ะค่ะ”
“….”
“ตอนนั้นมีโซยังเด็ก”
“….”
“เลยคิดว่ามีเรื่องอะไรที่มีโซยังไม่รู้รึเปล่า”
“เจอแฝดโดยองแล้วใช่มั้ย” คนตรงข้ามถามอย่างรู้ทัน คุณชะงักมองอีกฝ่าย ก่อนจะถามกลับ
“พี่ก็เจอเขา..หรอคะ”
“อืม”
“..แล้ว..แล้วเขาก็เล่าเรื่องนั้นให้พี่ฟังเหมือนกันใช่มั้ย”
“ไม่เชิง”
“….”
คุณมองท่าทีครุ่นคิดของจอห์นอย่างสงสัย แล้วคำว่า ไม่เชิง
มันหมายความว่ายังไง
“อย่าบอกใครเรื่องนี้นะ แทยงด้วย”
“..ค่ะ”
“….”
“พี่คิดว่า..มันเป็นอย่างที่เขาพูดมั้ยคะ”
“พี่ก็ไม่แน่ใจ ทุกอย่างมันยังไม่ชัดเจน”
“แล้วพี่คิดว่า...”
“….”
“..พี่แทยงมีส่วนเกี่ยวข้องรึเปล่าคะ”
“พี่เชื่อว่าไม่”
จอห์นส่ายหน้าประกอบ ยืนยันในคำตอบของตัวเอง
“แทยงกับโดยองสนิทกันยิ่งกว่าอะไร”
“….”
“ถึงจะแตกหักก็ไม่มีทางที่ใครจะทำร้ายใคร”
“….”
“และเราก็น่าจะรู้จักแทยงดีเหมือนพี่”
คุณเดินออกมาจากซอยเล็กของคอนโด เพื่อไปยังป้ายรถประจำทางที่อยู่อีกฟากหนึ่งของถนนใหญ่ด้านนอก คุณไม่ได้ขับรถมา เพราะจากอุบัติเหตุเมื่อวันก่อนที่ลุงของคุณแกล้งขับรถปาดหน้า ทำให้คุณต้องส่งรถเข้าศูนย์เพื่อซ่อมรอยชนเล็ก ๆ ที่เกิดขึ้น
คุณก้าวเดินไปตามทางอย่างเลื่อนลอย คุณตกอยู่ในอาการสับสนจากเรื่องที่เพิ่งรับรู้ ถึงจอห์นจะยังให้คำตอบกับคุณไม่ได้ แต่สิ่งที่เขาพูดออกมาทั้งหมดมันก็คือคำตอบสำหรับคุณแล้ว
มันคงไม่ใช่อุบัติเหตุ
โดยองต้องตายก็เพราะฝีมือของใครบางคน
มันเจ็บยิ่งกว่าที่รู้ว่าเขาจากไปโดยความไม่ได้ตั้งใจ
คุณหยุดยืนอยู่ริมทางเท้าหน้าถนนใหญ่ คุณไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าเดินมาถึงตรงนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ คุณเหม่อมองท้องฟ้าเบื้องหน้าที่มีเมฆลอยปกคลุมคล้ายกับฝนกำลังจะตก ฟ้าสีมืดครึ้มนั้นไม่ต่างจากอารมณ์และความรู้สึกของคุณที่เป็นอยู่เลยแม้แต่น้อย
“ว่างแล้วหรอถึงโทรกลับมา”
[….]
“มีโซถึงโซลแล้วนะ กำลังจะขึ้นแท็กซี่”
[คุณมีโซ]
“..เอ๋?...นั่น..คุณแทอิลหรอคะ”
[ใช่ครับผมเอง]
“อ่อ พี่โดยองทำอะไรอยู่หรอคะ”
[คุณมีโซฟังผมนะ]
“….”
[คุณชายเสียแล้วนะครับ]
“..ค..คะ?”
[ผมพยายามติดต่อคุณมาสามวันแล้ว แต่ที่คุณอยู่คงไม่มีสัญญาณ]
“ฮะ ๆ คุณแทอิล..ล้อเล่นแบบนี้…ไม่ตลกเลยนะคะ”
[…คุณชายขับรถตกเขาตอนกำลังจะกลับโซล คุณหนูโดยอนก็อยู่บนรถด้วยครับ]
“….”
[คุณมีโซอยู่ที่ท่ารถใช่มั้ยครับ เดี๋ยวผมไปรับ…จะได้มาหาคุณชายนะครับ]
วันนั้นคุณแทบไม่เชื่อในสิ่งที่มุนแทอิลหรือคนติดตามของโดยองได้บอกกับคุณ
จนเมื่อเขาพาคุณไปยังงานศพที่ถูกจัดขึ้นในห้องเล็ก ๆ ของโรงพยาบาล
แขกมากหน้าหลายตาอยู่ที่นั่น คุณร้องไห้อย่างเสียสติและแทบจะไม่มีแรงเดินต่อถ้าไม่ได้แทอิลเข้ามาช่วยพยุงตัวคุณไปที่หน้าโลงศพ
วันที่สดใสของคุณกลายเป็นวันที่ฟ้าแตกสลาย
นอกจากเจโน่
คุณก็มีแค่เขา
ทั้งชีวิตของคุณเคยมีเพียงแม่กับน้องมาตลอด แต่พอแม่เสียไป คุณต้องกลายเป็นเสาหลัก ต้องพยายามที่จะเติบโตเป็นผู้ใหญ่เพื่อน้องชายที่เหลืออยู่คนเดียว แต่พอเจอเขาคนนั้น คนที่อายุมากกว่าคุณเจ็ดปี คนที่ผ่านเรื่องราวมามากกว่าคุณ คนที่ให้คำปรึกษาคุณได้ทุกเรื่อง และเป็นคนที่เข้ามาในช่วงจังหวะชีวิตที่คุณกำลังเจอแต่เรื่องเลวร้าย
ถึงจะได้ใช้เวลาอยู่ด้วยกันไม่นาน แต่คุณให้เขาไปหมดแล้วทั้งใจ
ในตอนนี้ฝนได้ตกลงมา เช่นเดียวกับน้ำตาของคุณที่ไหลรินจนกลืนไปกับหยาดน้ำจากฟ้า สัญญาณไฟข้ามถนนยังคงปรากฏสีแดง แต่คุณกลับก้าวลงจากจุดที่ยืนอยู่ ในหัวของคุณมีแต่ความเสียใจ คุณจมอยู่กับภาพอดีตจนลืมเลือนปัจจุบัน สายตาเหม่อมองทางข้างหน้าอย่างไร้จุดหมาย เสียงบีบแตรของรถที่ดังมาแต่ไกลแทรกเข้ามาในภวังค์ของคุณอยู่เนือง ๆ แต่ก็ยังไม่สามารถดึงสติของคุณให้กลับมาได้
เอี๊ยดดด!
รถที่เบรกจอดได้ทันในระยะประชิด เรียกสายตาของคุณให้หันไปมอง แต่แทนที่คุณจะได้สติกลับมาสู่ความเป็นจริง มันกลับกลายเป็นว่ากำแพงความรู้สึกของคุณถูกทลายลง จากที่มีเพียงหยดน้ำตาที่เอ่อล้นจากสองข้างตา ในตอนนี้คุณกลับทรุดตัวลงนั่งร้องไห้บนพื้นถนนจนตัวสั่น โดยไม่ได้สนใจเสียงบีบแตรไล่จากคนบนรถ
เสียงฝนคือเสียงเดียวที่คุณได้ยิน ราวกับว่าในใจของคุณก็กำลังมีสายฝนโหมกระหน่ำอยู่เช่นเดียวกัน คุณเอาแต่ร้องไห้เป็นคนบ้า ไม่ได้สนใจเลยว่ากำลังสร้างความรำคาญให้กับเจ้าของรถที่คุณมานั่งขวางทางอยู่ จนเมื่อคนขับเปิดประตูลงจากรถเดินตากฝนเข้ามาหาคุณ
“นี่!”
“ฮึก..”
“อยากตายรึไง!”
อีกฝ่ายตะโกนแข่งกับเสียงฝน และเสียงของเขาก็เรียกให้คุณต้องเงยหน้าขึ้นมอง คนที่สวมชุดสูททำงาน เจ้าของใบหน้าคมคายที่กำลังก้มมองคุณอย่างไม่พอใจ ทั้งตัวของเขาเริ่มเปียกไม่ต่างจากคุณ แต่สิ่งเดียวที่คุณสนใจก็คือเขา
คนที่มีใบหน้าเหมือนกับคนในความคิดถึง
“ฮึก..ฮือ”
“ออกไปจากหน้ารถสักที”
คุณไม่สนใจคำไล่ตะเพิดของเขา
แต่กลับลุกขึ้นโผเข้ากอดคนตัวสูงเต็มร่าง คนถูกกอดชะงักไป เพราะสัมผัสอุกอาจและตัวคนกอดที่กำลังสะอื้นร้องไห้
คุณรู้ว่าคนที่คุณกอดอยู่ไม่ใช่เขา
แต่อย่างน้อยก็ได้รู้สึกเหมือนกอดเขาอยู่
- - - - - - - - - - - - - - - - - - -
- -
TBC
ตอนหน้าพี่เดโอบอก ปล่อยฉันนะยะหล่อน555555 หยอกๆ // มันเป็นเส้า แต่งเรื่องนี้ทีต้องขนเพลงเศร้ามาฟังทั้งplaylist ใครอ่านอยู่ก็เม้นเถอะค้าบบบบ
#เหมือนเคยรักกัน
ความคิดเห็น