ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [NCT x YOU] Become Stranger #เหมือนเคยรักกัน [END]​

    ลำดับตอนที่ #4 : Chapter 3

    • อัปเดตล่าสุด 30 เม.ย. 64


    3

     

               

     

     

    [พรุ่งนี้เช้าพี่กลับโซลแล้วนะ]


     

    “โหย มีโซต้องอยู่ค่ายอีกสามวันแหน่ะ”


     

    [เดี๋ยวก็ได้เจอกันแล้ว]


     

    “อยากเจอจะแย่ อยู่ที่นี่สัญญาณก็ไม่ดี”


     

    [….]


     

    “มีโซต้องเดินวนรอบหมู่บ้านเลยนะกว่าจะโทรหาพี่ได้อ่ะ”


     

    [หะ ๆ น่ารัก]


     

    “พี่โดยอง”


     

    [ครับ]


     

    “เดินทางปลอดภัยนะคะพรุ่งนี้”


     

    [อืม..]


     

    ….


     

    [เราก็เหมือนกัน อยู่ที่นู่น ไม่มีพี่กับเจโน่ต้องดูแลตัวเองดี ๆ นะ]


     

    “รู้แล้ว พูดเหมือนมีโซเป็นเด็กเลย”


     

    [ก็ยังเด็กจริง ๆ หนิ]


     

    ….


     

    [พี่เป็นห่วง]


     

    “รู้แล้วน่า มีโซก็ห่วงพี่เหมือนกัน”


     

    [….]


     

    ….


     

    [ไปนอนมั้ย]


     

    “แต่มีโซยังอยากคุยกับพี่อ่า”


     

    [พรุ่งนี้ต้องตื่นเช้าไม่ใช่หรือไง]


     

    “นั่นสินะ พี่ก็ต้องเดินทางแต่เช้าด้วย”    


     

    [….]


     

    “พี่โดยอง”


     

    [หืม]


     

    “มีโซรู้สึกใจหวิว ๆ แปลก ๆ อ่ะ”


     

    [เป็นอะไร ใครทำอะไรเรารึเปล่า]


     

    “ไม่ใช่แบบนั้น มันเป็นความรู้สึก..


     

    [แล้วทำไมถึงเป็น]


     

    “ไม่รู้เหมือนกัน”


     

    [….]


     

    “มีโซคิดถึงพี่นะ”


     

    [เห้อ..เด็กดื้อ]


     

    “มีโซไม่ได้แกล้งนะ แค่รู้สึกว่าต้องพูดตอนนี้อ่ะ”


     

    [….]


     

     

    ทำไมนะ ทำไมเหมือนจะไม่ได้พูดอีก                   

     

     

     

    “แล้วพี่อ่ะ คิดถึงมีโซมั้ย”


     

    [คิดมาก]


     

    “ก็มันรู้สึกไม่ดีจริง ๆ นี่ เร็วพูดให้หนูฟังหน่อย”


     

    [หนูเลยหรอ อ้อนใหญ่เลยนะ]


     

    “พี่โดยอง”


     

    [หึหึ]

     

     

     

    [คิดถึงนะ]

     

     

    [รักมากด้วย]

     

     

    [ได้ยินมั้ยครับ]


     

     


     

    พรึ่บ!


     

     

                คุณสะดุ้งตื่นขึ้นจากฝันที่ทิ้งร่องรอยน้ำตาเอาไว้ มือของคุณยกขึ้นเช็ดหน้าตัวเองลวก ๆ ก่อนจะเอื้อมไปเปิดโคมไฟหัวเตียง แล้วความสว่างก็ทำให้คุณมองเห็นนาฬิกาบนผนังว่าตอนนี้เป็นเวลาตีห้าครึ่ง ทั้ง ๆ ที่วันนี้เป็นวันหยุด แต่คุณกลับหลับตานอนต่อไม่ลง

     

     

    ฝันที่เหมือนจะดีแต่เป็นฝันร้ายสำหรับคุณ


     

     

    วันสุดท้ายที่ได้คุยกัน


     

     

    ทั้งมีความสุข ทั้งเจ็บปวด




     

     

     

     

    “ว่าไงตัวเล็ก”


     

    “พี่จอห์นขอโทษนะคะที่รบกวนวันหยุด”


     

    “โอย ไม่เป็นไรเลย พี่ไม่มีไรทำอยู่แล้ว แต่เรามีอะไรหรอ..มาหาพี่ถึงที่นี่”



                คนที่ถูกเรียกมาเบิกตาถาม พลางเลื่อนเก้าอี้ลงนั่งฝั่งตรงข้ามกับคุณ หลายเรื่องที่ติดอยู่ในใจทำให้คุณตัดสินใจโทรนัดจอห์นให้มาเจอกันที่ร้านกาแฟข้างคอนโดของเจ้าตัว


     

                คนที่ปกติจะแต่งตัวเนี้ยบทุกครั้งที่เจอกัน ในตอนนี้สวมเพียงเสื้อยืดกางเกงวอร์ม หนีบรองเท้าแตะ ผมเผ้ายุ่งเล็กน้อยราวกับเพิ่งงัดตัวขึ้นมาจากเตียง แต่อัยการที่มีมาดอย่างเขาในสายตาของคุณก็เป็นคนใจดี เข้าถึงง่าย เช่นเดียวกับลุคที่เห็นอยู่


     

     

    คุณรู้จักจอห์นในฐานะเพื่อนสนิทของโดยองและแทยง


     

    และคุณก็รู้จักเขาในฐานะของอัยการที่เคยช่วยเอาตัวปิศาจร้ายเข้าคุกไปได้ถึงสามปี



     

    จอห์นถือเป็นพี่ชายอีกคนที่ดีกับคุณและเจโน่มาก ๆ เขาเป็นคนที่พร้อมจะช่วยเหลือคุณ หากว่าคุณเอ่ยปาก และเป็นคนที่คุณสบายใจที่จะคุยด้วยเสมอ

     



    และที่คุณดั้งด้นมาหาเขาในเช้าวันเสาร์เวลาสิบเอ็ดโมงกว่าก็เพราะมีเรื่องที่เขาอาจจะช่วยคุณได้



     

     

    ..ลุงมีโซ


     

    “มันมาหาเราหรอ” อีกฝ่ายถามแทรกขึ้นมาด้วยสายตาตกใจ


     

    “ค่ะ”


     

    “แล้วมันทำอะไรเรารึเปล่า”


     

                คำถามของจอห์น ทำให้คุณต้องเกลี่ยผมทัดหู แล้วหันใบหน้าให้อีกฝ่ายเห็นพลาสเตอร์ที่แปะอยู่ข้างโหนกแก้ม สายตาร้อนใจของคนตรงข้ามกวาดมองใบหน้าของคุณ ยิ่งเห็นว่าคุณถูกทำร้าย เขาก็ยิ่งกังวล

     


     

    “บอกแทยงรึยัง”


     

    “ไม่ได้บอกค่ะ”


     

    “ทำไมไม่บอกล่ะ”


     

    “ไม่มีประโยชน์หรอกค่ะ รอบนี้ลุงบอกว่าเขาไม่สนใจอะไรทั้งนั้น”


     

    ….


     

    “เขาสนใจแค่ว่าต้องเอาคืนเจโน่ให้ได้”


     

    ….


     

    ..ไม่ใครก็ใครต้องตายกันไปข้าง”


     

    ….


     

    “พี่จอห์น มันพอจะมีทางมั้ย..ที่จะเอาลุงกลับเข้าคุกอีกครั้ง”



     

                คำถามอย่างคนคิดไม่ตกที่ถูกส่งมาพร้อมกับสายตาอ้อนวอน ทำให้คนถูกร้องขอได้แต่มองอย่างหนักใจ กฎหมายในประเทศยังมีช่องโหว่อยู่มากมาย และโทษก็ไม่รุนแรงพอที่จะทำให้คนกระทำผิดนั้นหลาบจำ ในตอนนี้นักโทษได้ถูกปล่อยตัวออกมา เพราะได้ชดใช้ความผิดในห้องแคบจนครบกำหนด แต่ไม่มีใครสามารถรับผิดชอบได้เลย หากว่าคนที่ถูกปล่อยตัวออกมานั้นไม่สำนึกและต้องการที่จะแก้แค้นต้นเหตุที่ทำให้ตัวเองต้องเข้าไปอยู่ในเรือนจำ



     

     

    “เราแจ้งตำรวจรึยัง”


     

    ..มีโซไม่กล้า แผลที่ได้มาลุงก็ไม่ได้ทำมีโซตรง ๆ แต่ผลักไปชนกำแพง มีโซกลัวว่าถ้าตำรวจเรียกตัวลุงมา มันจะมีช่องว่างให้ลุงแถ แล้วถ้าตำรวจปล่อยตัวลุง มีโซกับน้องจะยิ่งไม่ปลอดภัยกว่าเดิม”


     

    “ใจเย็น ๆ นะ” จอห์นเอื้อมมือมาบีบไหล่คุณ เมื่อเห็นว่าคุณพูดเร็วคล้ายกับตกอยู่ในอาการหวาดระแวง


     

    “ถ่ายรูปแผลไว้รึยัง”


     

    “ค่ะ” คุณพยักหน้าตอบ “ถ่ายหลังจากที่โดนเลย”


     

    “เก็บรูปไว้ เผื่อจะได้ใช้เป็นหลักฐาน”


     

    ….


     

    “แล้วเจโน่ล่ะ ยังอยู่ที่อังกฤษใช่มั้ย”


     

    “ค่ะ”


     

    “น้องรู้รึเปล่า”


     

    “บอกไม่ได้หรอกค่ะ ถ้ารู้คงเป็นห่วง แล้วรีบกลับมาหาแน่ ๆ”


     

    “อืม อย่าเพิ่งให้น้องกลับมา” จอห์นพูดพลางผงกหัวเห็นด้วย


     

    ….


     

    “แต่บอกแทยงเถอะ จะได้มีคนช่วยดูเรา”


     

    “ช่วงนี้พี่แทยงดูเครียด ๆ มีโซเลยไม่อยากรบกวน”


     

    “มันอันตรายนะ”


     

    ….


     

    “กลับมาคราวนี้มันเอาจริงแน่”


     

    ….


     

    “และตอนนี้คงยังเอาตัวมันเข้าคุกไม่ได้ จนกว่ามันจะทำความผิดอีก”


     

                คุณถอนหายใจออกมา ที่มาหาจอห์นก็เพราะคิดว่าอาจจะพอมีหนทางอยู่บ้าง แต่พอได้รับการยืนยันจากคนที่รู้ข้อกฎหมาย ก็ทำให้คุณรู้สึกท้อใจ



     

    “พี่จะพยายามหาทางช่วยเรา ระหว่างนี้ก็ระวังตัว ไปไหนต้องบอกให้แทยงรู้ บอกพี่ก็ได้ เข้าใจมั้ย”

     

    “ค่ะ”


     

                คนตรงข้ามเงียบไป สายตาก็เหม่อมองโต๊ะราวกับกำลังใช้ความคิด คุณลอบมองสีหน้าของอีกฝ่าย ก่อนจะพูดอีกเรื่องหนึ่งที่คาใจขึ้นมา


     

     

    “พี่จอห์นคะ”


     

    “หืม”


     

    “อุบัติเหตุที่เกิดขึ้นเมื่อหกปีก่อน”


     

    ….


     

    “พี่เคยได้ยินมาบ้างรึเปล่าคะว่ามันไม่ใช่อุบัติเหตุ”


     

     

    คนตรงข้ามชะงักไปกับสิ่งที่คุณถาม แต่ก็ดึงสีหน้าเอาไว้เป็นปกติ


     

     

    “หมายถึงเรื่องโดยอง?”


     

    ..ค่ะ”


     

    “เราไปเอามาจากไหน”

     

     

                คุณสบตากับอีกฝ่าย ทดทอนในใจว่าควรจะบอกไปตามความจริงดีหรือไม่ ถึงคุณจะไว้ใจจอห์น แต่จอห์นก็เป็นเพื่อนสนิทกับแทยง หากคุณบอกว่าเดโอเป็นคนพูดเรื่องนี้และพาดพิงถึงแทยงว่ามีส่วนเกี่ยวข้อง คุณกลัวว่าจอห์นจะเอาไปบอกแทยง แล้วเรื่องที่ไม่รู้ว่าจริงหรือเท็จจะบานปลาย


     

     

    “แค่คิดเรื่อยเปื่อยน่ะค่ะ”


     

    ….


     

    “ตอนนั้นมีโซยังเด็ก”


     

    ….


     

    “เลยคิดว่ามีเรื่องอะไรที่มีโซยังไม่รู้รึเปล่า”


     

    “เจอแฝดโดยองแล้วใช่มั้ย” คนตรงข้ามถามอย่างรู้ทัน คุณชะงักมองอีกฝ่าย ก่อนจะถามกลับ


     

    “พี่ก็เจอเขา..หรอคะ”


     

    “อืม”


     

    ..แล้ว..แล้วเขาก็เล่าเรื่องนั้นให้พี่ฟังเหมือนกันใช่มั้ย”


     

    “ไม่เชิง”


     

    ….” คุณมองท่าทีครุ่นคิดของจอห์นอย่างสงสัย แล้วคำว่า ไม่เชิง มันหมายความว่ายังไง


     

    “อย่าบอกใครเรื่องนี้นะ แทยงด้วย”


     

    ..ค่ะ”


     

    ….


     

    “พี่คิดว่า..มันเป็นอย่างที่เขาพูดมั้ยคะ”


     

    “พี่ก็ไม่แน่ใจ ทุกอย่างมันยังไม่ชัดเจน”


     

    “แล้วพี่คิดว่า...


     

    ….


     

    ..พี่แทยงมีส่วนเกี่ยวข้องรึเปล่าคะ”


     

    “พี่เชื่อว่าไม่” จอห์นส่ายหน้าประกอบ ยืนยันในคำตอบของตัวเอง




     

    “แทยงกับโดยองสนิทกันยิ่งกว่าอะไร”


     

    ….


     

    “ถึงจะแตกหักก็ไม่มีทางที่ใครจะทำร้ายใคร”


     

    ….


     

    “และเราก็น่าจะรู้จักแทยงดีเหมือนพี่”


     

     



     

                    คุณเดินออกมาจากซอยเล็กของคอนโด เพื่อไปยังป้ายรถประจำทางที่อยู่อีกฟากหนึ่งของถนนใหญ่ด้านนอก คุณไม่ได้ขับรถมา เพราะจากอุบัติเหตุเมื่อวันก่อนที่ลุงของคุณแกล้งขับรถปาดหน้า ทำให้คุณต้องส่งรถเข้าศูนย์เพื่อซ่อมรอยชนเล็ก ๆ ที่เกิดขึ้น


     

     

    คุณก้าวเดินไปตามทางอย่างเลื่อนลอย คุณตกอยู่ในอาการสับสนจากเรื่องที่เพิ่งรับรู้ ถึงจอห์นจะยังให้คำตอบกับคุณไม่ได้ แต่สิ่งที่เขาพูดออกมาทั้งหมดมันก็คือคำตอบสำหรับคุณแล้ว



     

     

    มันคงไม่ใช่อุบัติเหตุ

     

     

    โดยองต้องตายก็เพราะฝีมือของใครบางคน

     

     

    มันเจ็บยิ่งกว่าที่รู้ว่าเขาจากไปโดยความไม่ได้ตั้งใจ


     

     

                คุณหยุดยืนอยู่ริมทางเท้าหน้าถนนใหญ่ คุณไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าเดินมาถึงตรงนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ คุณเหม่อมองท้องฟ้าเบื้องหน้าที่มีเมฆลอยปกคลุมคล้ายกับฝนกำลังจะตก ฟ้าสีมืดครึ้มนั้นไม่ต่างจากอารมณ์และความรู้สึกของคุณที่เป็นอยู่เลยแม้แต่น้อย




     

     

    “ว่างแล้วหรอถึงโทรกลับมา”

     

    [….]

     

    “มีโซถึงโซลแล้วนะ กำลังจะขึ้นแท็กซี่”

     

    [คุณมีโซ]

     

    ..เอ๋?...นั่น..คุณแทอิลหรอคะ”

     

    [ใช่ครับผมเอง]

     

    “อ่อ พี่โดยองทำอะไรอยู่หรอคะ”

     

    [คุณมีโซฟังผมนะ]

     

    ….

     

    [คุณชายเสียแล้วนะครับ]

     

    ....คะ?”

     

    [ผมพยายามติดต่อคุณมาสามวันแล้ว แต่ที่คุณอยู่คงไม่มีสัญญาณ]

     

    “ฮะ ๆ คุณแทอิล..ล้อเล่นแบบนี้ไม่ตลกเลยนะคะ”

     

    […คุณชายขับรถตกเขาตอนกำลังจะกลับโซล คุณหนูโดยอนก็อยู่บนรถด้วยครับ]

     

    ….

     

    [คุณมีโซอยู่ที่ท่ารถใช่มั้ยครับ เดี๋ยวผมไปรับจะได้มาหาคุณชายนะครับ]



     

     

                วันนั้นคุณแทบไม่เชื่อในสิ่งที่มุนแทอิลหรือคนติดตามของโดยองได้บอกกับคุณ จนเมื่อเขาพาคุณไปยังงานศพที่ถูกจัดขึ้นในห้องเล็ก ๆ ของโรงพยาบาล แขกมากหน้าหลายตาอยู่ที่นั่น คุณร้องไห้อย่างเสียสติและแทบจะไม่มีแรงเดินต่อถ้าไม่ได้แทอิลเข้ามาช่วยพยุงตัวคุณไปที่หน้าโลงศพ วันที่สดใสของคุณกลายเป็นวันที่ฟ้าแตกสลาย


     

     

    นอกจากเจโน่ คุณก็มีแค่เขา


     

     

    ทั้งชีวิตของคุณเคยมีเพียงแม่กับน้องมาตลอด แต่พอแม่เสียไป คุณต้องกลายเป็นเสาหลัก ต้องพยายามที่จะเติบโตเป็นผู้ใหญ่เพื่อน้องชายที่เหลืออยู่คนเดียว แต่พอเจอเขาคนนั้น คนที่อายุมากกว่าคุณเจ็ดปี คนที่ผ่านเรื่องราวมามากกว่าคุณ คนที่ให้คำปรึกษาคุณได้ทุกเรื่อง และเป็นคนที่เข้ามาในช่วงจังหวะชีวิตที่คุณกำลังเจอแต่เรื่องเลวร้าย


     

     

    ถึงจะได้ใช้เวลาอยู่ด้วยกันไม่นาน แต่คุณให้เขาไปหมดแล้วทั้งใจ


     

     



                ในตอนนี้ฝนได้ตกลงมา เช่นเดียวกับน้ำตาของคุณที่ไหลรินจนกลืนไปกับหยาดน้ำจากฟ้า สัญญาณไฟข้ามถนนยังคงปรากฏสีแดง แต่คุณกลับก้าวลงจากจุดที่ยืนอยู่ ในหัวของคุณมีแต่ความเสียใจ คุณจมอยู่กับภาพอดีตจนลืมเลือนปัจจุบัน สายตาเหม่อมองทางข้างหน้าอย่างไร้จุดหมาย เสียงบีบแตรของรถที่ดังมาแต่ไกลแทรกเข้ามาในภวังค์ของคุณอยู่เนือง ๆ แต่ก็ยังไม่สามารถดึงสติของคุณให้กลับมาได้



     

     

    เอี๊ยดดด!

     


     

                รถที่เบรกจอดได้ทันในระยะประชิด เรียกสายตาของคุณให้หันไปมอง แต่แทนที่คุณจะได้สติกลับมาสู่ความเป็นจริง มันกลับกลายเป็นว่ากำแพงความรู้สึกของคุณถูกทลายลง จากที่มีเพียงหยดน้ำตาที่เอ่อล้นจากสองข้างตา ในตอนนี้คุณกลับทรุดตัวลงนั่งร้องไห้บนพื้นถนนจนตัวสั่น โดยไม่ได้สนใจเสียงบีบแตรไล่จากคนบนรถ



                เสียงฝนคือเสียงเดียวที่คุณได้ยิน ราวกับว่าในใจของคุณก็กำลังมีสายฝนโหมกระหน่ำอยู่เช่นเดียวกัน คุณเอาแต่ร้องไห้เป็นคนบ้า ไม่ได้สนใจเลยว่ากำลังสร้างความรำคาญให้กับเจ้าของรถที่คุณมานั่งขวางทางอยู่ จนเมื่อคนขับเปิดประตูลงจากรถเดินตากฝนเข้ามาหาคุณ



     

     

    “นี่!


     

    “ฮึก..


     

    “อยากตายรึไง!


     

     

                อีกฝ่ายตะโกนแข่งกับเสียงฝน และเสียงของเขาก็เรียกให้คุณต้องเงยหน้าขึ้นมอง คนที่สวมชุดสูททำงาน เจ้าของใบหน้าคมคายที่กำลังก้มมองคุณอย่างไม่พอใจ ทั้งตัวของเขาเริ่มเปียกไม่ต่างจากคุณ แต่สิ่งเดียวที่คุณสนใจก็คือเขา


     

     

    คนที่มีใบหน้าเหมือนกับคนในความคิดถึง



     

     

    “ฮึก..ฮือ”


     

    “ออกไปจากหน้ารถสักที”


     

     

                คุณไม่สนใจคำไล่ตะเพิดของเขา แต่กลับลุกขึ้นโผเข้ากอดคนตัวสูงเต็มร่าง คนถูกกอดชะงักไป เพราะสัมผัสอุกอาจและตัวคนกอดที่กำลังสะอื้นร้องไห้



     

     

    คุณรู้ว่าคนที่คุณกอดอยู่ไม่ใช่เขา


     


     

      แต่อย่างน้อยก็ได้รู้สึกเหมือนกอดเขาอยู่

     



    - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -

    TBC

     

    ตอนหน้าพี่เดโอบอก ปล่อยฉันนะยะหล่อน555555 หยอกๆ // มันเป็นเส้า แต่งเรื่องนี้ทีต้องขนเพลงเศร้ามาฟังทั้งplaylist ใครอ่านอยู่ก็เม้นเถอะค้าบบบบ


    #เหมือนเคยรักกัน



    TB
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×