ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [NCT x YOU] Become Stranger #เหมือนเคยรักกัน [END]​

    ลำดับตอนที่ #2 : Chapter 1

    • อัปเดตล่าสุด 29 เม.ย. 64


    1

     

               

     


                ร่างสมส่วนเงยหน้าจากกองเอกสารบนโต๊ะ ก่อนจะเอนหลังพิงพนักเก้าอี้ แล้วทิ้งสายตามองออกไปนอกบานกระจกใสของหน้าต่าง ความเหนื่อยล้าจากการนั่งทบทวนสัญญาของบริษัทคู่ค้า ทำให้เปลือกตาค่อย ๆ ปิดลง ทั้งง่วง ทั้งเบื่อ อยากจะหลุดพ้นจากชีวิตที่เหมือนกับหุ่นยนต์ แต่ก็คงได้แค่คิด เพราะชีวิตจริงมันไม่ง่ายเช่นนั้น

     

     

    อย่างน้อยก็พ่อคนนึงแล้วที่คอยชี้เส้นทางและสร้างกำแพงกักกันเขาเอาไว้

     

     

     

                คนที่จมอยู่ในภวังค์ ลืมตาขึ้นมองโทรศัพท์ตั้งโต๊ะที่แผดเสียงดังน่ารำคาญ ถึงสายที่โทรเข้ามามักจะมีเรื่องด่วนและเหตุจำเป็น แต่เขากลับทำเพียงปรายตามองวัตถุต้นเสียงด้วยสายตาเหนื่อยอ่อน ก่อนจะยอมปล่อยปากกาในมือลงกับโต๊ะ แล้วเอื้อมไปยกหูโทรศัพท์ด้วยท่าทางนวยนาด

     

     

     

    “ฮัลโหล”

     

    [..ท่านรองคะ]

     

    ….

     

    [คุณเดโอจาก BHT มาแล้วนะคะ]

     

    “อ่อ” เสียงเข้มตอบรับ แต่คิ้วขมวดเข้าหากันเล็กน้อย เพราะน้ำเสียงที่ฟังดูแปลกไปของเลขาหน้าห้อง “ให้เขาเข้ามาเลย”

     

    [แต่ท่านรองคะ]

     

    ….” เสียงของเลขาสาวเบาลงคล้ายกับเรื่องที่กำลังจะพูดต่อเป็นสิ่งที่ไม่อยากให้คนที่อยู่กับเธอตรงนั้นได้ยิน

     

    [คุณเดโอหน้าเหมือนคุณโดยองเลยค่ะ]

     

    ……….” ดวงตาที่มองเหม่อชะงักไปกับสิ่งที่ได้ยิน ก่อนที่จะดึงสติกลับมาถามปลายสาย “หมายความว่าไงเลขาคัง”

     

    [ฉันไม่ได้ล้อเล่นนะคะ พนักงานของเราเห็นเขาก็ซุบซิบกันไปทั่วเลย]

     

    “ให้เขาเข้ามา” กล่าวคำสั่งออกไปด้วยน้ำเสียงเด็ดขาด ก่อนที่จะวางหูโทรศัพท์

     

     

    เขาอยากจะเห็นคนที่เลขาพูดถึงอยู่เต็มทน ก่อนหน้านี้ คุณหรือคู่หมั้นของเขา ก็เคยมาบอกว่าเจอคนที่หน้าเหมือนกับคิมโดยองที่งานประกาศรางวัลเมื่อสัปดาห์ก่อน แต่ตอนนั้นปากที่พูดให้คุณใจเย็น ในใจกลับคิดว่าคุณฟุ้งซ่านจนมองผิด และมันคงไม่ต่างจากครั้งที่ผ่าน ๆ มาของคุณ

     

     

     

    แต่ดูเหมือนว่าครั้งนี้สิ่งที่คุณเห็นมันจะเป็นความจริง

     

     

     

     

                บานประตูห้องถูกเปิดออกโดยเลขาที่เพิ่งต่อสายคุยด้วย ใบหน้าสวยหันมาทางคนหน้าโต๊ะ พร้อมกับทำหน้าประหลาดใส่ ราวกับว่าถ้าเขาเห็นแขกที่ถูกเชิญมาจะต้องได้อึ้งไปตาม ๆ กัน

     

     

                ร่างสูงโปร่งที่เดินตามหลังเข้ามาในห้อง เรียกสายตาของเจ้าของโต๊ะประจำตำแหน่งให้มองไป ใบหน้านิ่งติดเย็นชาของคนมาใหม่ ทำเอาคนที่นั่งอยู่มองตาค้าง ที่เลขาของเขาพูดนั้นไม่เกินจริงแม้แต่น้อย คนที่มาปรากฏตัว คนที่เป็นตัวแทนจากบริษัทหน้าใหม่ที่เพิ่งเข้ามาตีตลาดในเกาหลี คนที่หยุดยืนมองเขาอยู่กลางห้อง คน ๆ นั้นหน้าตาเหมือนเพื่อนของเขาที่เสียชีวิตไปแล้วหกปีราวกับแกะ

     

     

     

    ตั้งแต่หัวจรดเท้า ต่างกันก็แค่ทรงผมที่ถูกจัดให้เข้าทรง

     

     

     

    ดูเป็นคิมโดยองในเวอร์ชั่นที่โตขึ้น

     

     

     

     

    “สวัสดีครับ”

     

     

    ….

     

     

    “คุณอีแทยง

     

     

     

    และไม่ใช่แค่ภายนอก แต่เสียงก็เหมือน

     

     

     

                แทยงที่อึ้งมอง ได้สติกลับมาเพราะถ้อยคำทักทายจากคนกลางห้อง ร่างสมส่วนหยัดยืนขึ้นจากเก้าอี้ที่นั่งมากว่าครึ่งวัน ก่อนจะผายมือและพูดเชิญคนที่หน้าเหมือนคนรู้จักให้ไปนั่งคุยกันที่โซฟารับรองแขกอีกมุมหนึ่งของห้อง

     

     

     

     

    “รับกาแฟมั้ยครับ ผมจะได้บอกเลขา” คนเป็นเจ้าถิ่นที่นั่งจับจองบนโซฟาคนละตัวกับคนที่นั่งอยู่เยื้องกัน เอ่ยถามด้วยสายตากึ่งสับสน มาถึงตอนนี้เขาก็ยังคงรู้สึกแปลก ๆ ที่ได้เจอกับคนที่หน้าเหมือนเพื่อนของตัวเองขนาดนี้

     

     

    “ไม่เป็นไรครับ ผมคงอยู่ไม่นาน”

     

     

    ….

     

     

    “จริง ๆ ผมไม่ได้ตั้งใจจะมาคุยเรื่องสัญญากับคุณหรอกครับ และผมก็ขอพูดตามตรงว่าผมคงไม่สนใจ”

     

     

    ….” คนฟังทำหน้าไม่ถูก เขายังคงตั้งรับกับการปรากฏตัวของคนตรงหน้าไม่ได้ แต่กลับถูกปฏิเสธเรื่องสำคัญอีกเรื่องที่พ่อของเขาหรือผู้ที่มีตำแหน่งสูงสุดในบริษัทฝากฝังเอาไว้

     

     

     

     

    “ผมก็แค่อยากมาหาเพื่อนเก่า

     

     

    ….

     

     

    “ของโดยอง”

     

     

     

                ริมฝีปากที่ยกยิ้ม หากแต่ตาไม่ได้ยิ้มไปด้วย กำลังจ้องมองสีหน้าสงสัยของคนที่ได้ชื่อว่าเป็นเพื่อนเก่า ในตอนนี้แทยงไม่ได้ติดใจกับสรรพนามที่อีกฝ่ายใช้ และเรื่องที่ไม่สนใจข้อตกลงระหว่างบริษัท เขาสงสัยมากกว่าว่าคนที่นั่งคุยอยู่ด้วยเป็นใครกันแน่

     

     

     

    รู้จักกับโดยองมาตั้งแต่มัธยมปลาย ไม่เคยรู้เลยว่ามีแฝด

     

     

     

     

    “คุณคือใคร”

     

     

    “เดโอคิมแฝดของคิมโดยอง”

     

     

    ….” แทยงจ้องตาอีกฝ่าย ไม่อยากจะเชื่อก็ต้องเชื่อ ในแววตาของคู่สนทนาไม่ได้แสดงออกว่ากำลังโกหก คนที่นั่งอยู่ตรงหน้าไม่ใช่เพื่อนของเขา

     

     

     

    เหมือนกันเกินไป

     

     

     

     

    “ตกใจมั้ยที่เจอผม”

     

     

    ….

     

     

    “คุณเป็นเพื่อนโดยองนี่”

     

     

    ….

     

     

    “แต่เป็นเพื่อนจริงรึเปล่า”

     

     

    ….” เจ้าของห้องจ้องสีหน้าถากถางของคนพูดอย่างเคลือบแคลงใจ

     

     

    “มีความสุขมั้ยครับที่ได้ไปหมดทุกอย่าง”

     

     

    “พูดอะไรของคุณ”

     

     

    “แม้แต่คนรักของเขาคุณก็ยังเอาไปด้วย”

     

     

    ….” เป็นอีกครั้งที่ต้องจ้องมองสายตาเย้ยหยันของคู่สนทนาอย่างไม่เข้าใจ จะว่าไม่เข้าใจเรื่องทั้งหมดก็ไม่เชิง เขารู้ว่าคนตรงหน้ากำลังประชดเรื่องบริษัทที่เคยเป็นของตระกูลคิม กับเรื่อง..อีมีโซ เด็กที่น่าสงสารคนนั้น

     

     

    แต่ทุกอย่างที่เกิดขึ้นล้วนมีเหตุผลของมัน

     

     


    แล้วทำไมคนที่เป็นแฝด..ถึงดูเหมือนกำลังผูกใจเจ็บกับอะไรบางอย่าง

     

     

     


     

    “ไม่ละอายใจบ้างหรอครับ”

     

     

    “ทำไมผมจะต้องละอายใจ”

     

     

    “ตอนที่มองหน้าเขา คุณไม่รู้สึกอะไรบ้างเลยหรือไง”

     

     

    ….

     

     

    “ก็รู้ทุกอย่างอยู่แก่ใจ”

     

     

    “พูดบ้าอะไรของคุณ”

     


     

                ในเมื่ออีกฝ่ายกำลังทำตัวไม่มีมารยาท ก็ไม่มีเหตุผลที่เขาจะต้องพูดจาดีด้วยอีกต่อไป แทยงจ้องใบหน้าที่เหมือนกับโดยองเขม็ง เหนือกว่าความไม่เข้าใจและสับสน คือไม่ชอบท่าทางของเดโอ

     

     

     

    “เหอะ”

     


     

                คนที่ถูกมองว่าเสียมารยาทแค่นลมหายใจออกมา ก่อนจะลุกขึ้นยืนจากโซฟา แล้วจัดสูทของตัวเองให้เข้าที่ ดวงตาคมที่มีแต่ความเย็นชาเคลือบแฝงปรายตามองใบหน้าได้รูปของคนที่เมินหน้ามองไปทางอื่น

     

     

     

    นิ่งให้ได้แบบนี้ตลอดนะ อีแทยง

     

     


     

    “ผมหวังว่าคุณกับพ่อของคุณจะมีความสุขกับสิ่งที่มีในตอนนี้นะครับ”

     

     

    ….

     

     

    “ก่อนที่สักวันจะไม่เหลืออะไรให้ชื่นชม”

     

     

     

    สายตาเรียบนิ่งมองตามร่างสูงที่เดินเปิดประตูออกไปจากห้อง สิ่งที่คนไม่เป็นมิตรคนนั้นพูดและแสดงออก จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่เข้าใจ แต่นิสัยนิ่งเฉยที่มีติดตัว ก็ทำให้เขาทำตัวเป็นน้ำแข็งไปอย่างนั้น

     

     

    ก่อนที่จะเกิดอุบัติเหตุเมื่อหกปีที่แล้ว เขากับโดยองผิดใจกันบางเรื่องจนกลายเป็นเริ่มเหินห่าง ความรู้สึกผิดและเสียดายยังคงฝังอยู่ในใจมาจนถึงทุกวันนี้ พอยิ่งมาเห็นท่าทางที่แฝดเพื่อนแสดงออกด้วยแล้ว

     

     


     

    มันก็รู้สึกไม่สบายใจ

     

     

     

     



     

    “แทยง”

     

     


                นั่งจมอยู่กับความคิดของตัวเองครู่หนึ่ง บานประตูที่เพิ่งปิดไปก็ถูกเปิดเข้ามาอีกครั้ง แต่คราวนี้เป็นร่างสูงใหญ่ของเพื่อนสนิทอีกคนที่เดินหน้าตื่นเข้ามา ใบหน้าที่ดูอินเตอร์หันมองออกไปนอกประตู ก่อนจะแง้มประตูปิด แล้วเดินเข้ามาใกล้

     

     

     

    “หมอนั่นหน้าเหมือนไอคิมมาก”

     

     

                พูดจาเกือบฟังไม่ได้ศัพท์ มือก็ชี้ ๆ ไปทางประตูห้อง เขายังคงตกใจกับคนที่เพิ่งเดินสวนกันไม่หาย ดวงตาที่เต็มไปด้วยความคิดช้อนมองเพื่อนร่างใหญ่ ก่อนจะตอบออกมาหน้าตาย

     

     


     

    “เออดิ”

     

     

    “ใครอ่ะ”

     

     

    “เดโอคิม ประธาน BHT ในเกาหลี”

     

     

    “ไม่ หมอนั่นเป็นอะไรกับโดยอง”

     

     

    “แฝด”

     

     

    “ห๊ะ มันมีแฝดด้วยหรอ”

     

     

    “กูก็เพิ่งรู้”



    “ใช่หรอวะ” คนที่ยืนอยู่พูดออกมาอย่างไม่อยากจะเชื่อ มันแปลกเกินไปที่เพื่อนสนิทเป็นสิบปีอย่างพวกเขาไม่เคยรู้เรื่องนี้





    “หรือมึงคิดว่าเป็นมันตัวจริง?”



    “ก็เหี้ยละ”



    “....”

     

     

    “ดีนะเจอตอนฟ้าสว่าง ถ้าเจอตอนมืดกูคงวิ่ง”

     

     

    “อย่าเวอร์จอห์น

     

     

     

     

     

     

     


     



     

    “พรุ่งนี้บ่ายสอง อย่าลืมนะมีโซ ลูกค้ารายนี้เป็นหุ้นส่วนกับเราด้วย ดูแลเขาดี ๆ ล่ะ”

     

     

    “ค่ะบอส”

     

     

     

                คุณตอบรับคำทิ้งท้ายของเจ้านายอย่างแข็งขัน น้อยครั้งนักที่จะมีลูกค้ารีเควสอินทีเรียอย่างคุณให้เป็นคนรับงาน มิหนำซ้ำลูกค้ารายนี้ยังเป็นรายใหญ่ในแวดวงธุรกิจ ถือเป็นเรื่องราวดี ๆ ในชีวิตการทำงานสองปีของคุณเลยก็ว่าได้

     

     

     

                ในตอนนี้เป็นเวลาเลิกงานแล้ว แต่คุณก็ขับรถออกมาแวะซื้อดอกไม้สองช่อที่ร้านแถวออฟฟิศ ก่อนจะมุ่งหน้าไปยังสถานที่ที่เงียบสงบ และคุณมักจะมาที่นี่ทุกครั้ง ไม่ว่าจะมีความสุขหรือมีเรื่องไม่สบายใจก็ตาม

     

     

                ใช้เวลาเกือบชั่วโมง คุณก็ฟันฝ่ารถติดมาถึงสุสานแถบนอกเมือง คุณหอบช่อดอกไม้สองช่อลงจากรถ แล้วเดินไปตามทางอย่างคุ้นชิน แม้แต่คนกวาดใบไม้และคนดูแลสุสานก็ยังจดจำคุณได้ คุณโค้งทักทายพวกเขา ก่อนที่จะเดินผ่านไปยังจุดหมายอย่างอารมณ์ดี

     

     

                ช่อดอกไม้สองช่อถูกวางลงหน้าป้ายสุสานสองป้ายที่อยู่เคียงข้างกัน ป้ายหนึ่งสลักชื่อเอาไว้ว่า คิมโดยอนคุณคลี่ยิ้มบางราวกับว่าคนที่จมอยู่ในห้วงนิทราอันยาวนานจะเห็นรอยยิ้มและรับรู้ถึงความปรารถนาดีของคุณ ถึงจะไม่ได้สนิทกับน้องสาวของคนรัก แต่ทุกครั้งที่ตั้งใจมาเยี่ยมโดยอง คุณก็จะต้องหิ้วดอกไม้มาฝากน้องสาวของเขาด้วยเสมอ

     

     

                อีกป้ายหนึ่งที่คุณนั่งยองลงตรงหน้า หลังจากที่วางดอกไม้ประดับเอาไว้เพิ่มความสดใส คุณยกมือขึ้นลูบชื่อที่ถูกสลักเอาไว้บนแผ่นหิน คิมโดยองไม่ว่าจะผ่านไปกี่ปี ความคิดถึงก็ยังคงไม่จางหาย ถึงแม้ว่าคุณจะกลับมาใช้ชีวิตปกติได้โดยไม่มีเขา แต่เขาก็ยังคงเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตคุณอยู่ดี

     

     

     

    ไม่ว่าจะสุขหรือจะทุกข์ คุณก็จะมาหาและเล่าให้เขาฟังทุกครั้ง

     

     

     


    “พี่โดยอง”

     

     

     

    “วันนี้มีลูกค้าจ้างงานมีโซด้วยนะ”

     

     

     

    “เขาเลือกมีโซเอง โดยที่บอสไม่ได้เป็นคนเสนอ ไม่น่าเชื่อใช่มั้ยล่ะ”

     

     


    “อยากรู้จังว่าทำไม....แต่ก็เป็นเรื่องดีใช่มั้ยคะ”

     

     

     

    “แล้วพี่อยู่ที่นั่นสบายดีรึเปล่า”

     

     

     

    “มีโซอยากฟังเรื่องของพี่บ้าง”

     

     

     

    “คิดถึงมากเลย”

     

     

     

                ดวงตายิ้มที่หม่นลงจ้องมองป้ายสุสานตรงหน้า มือนิ่มยังคงลูบแผ่นหินราวกับว่าคนที่ล่วงลับไปจะได้รับสัมผัสของคุณ คุณรู้สึกอุ่นใจทุกครั้งที่ได้มานั่งพูดคุยกับคนที่คุณคิดถึง แต่มันก็เศร้าทุกครั้งที่ตระหนักได้ว่าเขาได้จากคุณไปในที่แสนไกล

     

     


     



     

    หมับ!

     

     



     

    “ทำอะไร”

     




                จู่ ๆ คุณก็ถูกใครบางคนฉุดแขนให้ลุกขึ้นยืน ตัวของคุณลอยหวือ ก่อนที่ร่างทั้งร่างจะเซเข้าหาเจ้าของแรง คุณหันใบหน้าที่เต็มไปด้วยปอยผมยุ่งมองคนเสียมารยาท แล้วก็พบกับดวงตาคมที่กำลังจดจ้องคุณอย่างไม่พอใจ สายตาของคุณชะงักไป เมื่อเห็นว่าเป็นคนที่คุณเคยเจอ

     

     


     

    คนที่คุณเข้าใจว่าเป็นแฝดของคนรักคุณ

     

     

     


     

    “ถามว่าทำอะไรอยู่!

     



     

                คนที่อยู่ใกล้กันเริ่มตะคอกใส่ เพราะคุณที่เอาแต่เงียบมองหน้าเขา สายตาที่ยากจะอ่านออกจ้องมองคุณราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ คุณไม่เข้าใจว่าทำไมเขาถึงจะต้องโกรธที่เห็นว่าคุณนั่งอยู่หน้าหลุมศพของแฝดตัวเอง แต่เพราะหน้าตาที่เหมือนกับคนรัก จึงทำให้คุณตอบกลับไปด้วยความโอนอ่อน

     

     

     


    “ฉันมาหาพี่โดยอง”

     

     

    “จะมาทำไม”

     

     

    “แล้วทำไมจะมาไม่ได้”

     

     


                คุณถามกลับอย่างสงสัย คุณไม่รู้ว่าทำไมคนที่จับแขนของคุณอยู่ถึงต้องเป็นเดือดเป็นร้อน แล้วคุณจะมาหาคนรักของตัวเองมันผิดตรงไหน

     

     

     


    “จะแต่งงานกับเพื่อนของเขาแล้วจะมาหาเขาทำไม”

     

     

    ….” คุณนิ่งไปเพราะคำพูดของอีกฝ่าย ดูเหมือนว่าคนตรงหน้าจะรู้เรื่องของคุณมากกว่าที่คิด “คุณรู้ด้วยหรอ”

     

     



    “รู้สิ”

     

     

    ….

     

     

    “รู้เยอะด้วย”

     

     

    ….

     

     

    “ทำไมต้องเป็นมัน”

     

     

    ….” คุณทำเพียงนิ่งมองสายตาสงสัยระคนเจ็บปวดของคนตัวสูง

     

     

    “รู้รึเปล่าว่ามันทำอะไรไว้ หรือว่าตั้งใจตั้งแต่แรก”

     

     

    “เขาทำอะไรไว้กับคุณฉันไม่รู้หรอกนะคะ แต่ว่าเขาช่วยฉัน”

     

     

    ….

     

     

    “และพี่โดยองคงเข้าใจ”

     

     

    “หึ..

     

     


                อีกฝ่ายแค่นหัวเราะ ก่อนจะปล่อยแขนของคุณให้เป็นอิสระ สายตาหลากอารมณ์เสมองไปทางอื่น ก่อนจะเลื่อนกลับมามองหน้าคุณที่ถอยห่างจากตัวของเขา

     

     


     

    “จะให้เขาเข้าใจอะไร พอตายก็มาคบกับเพื่อนของเขา แล้วเพื่อนเลว ๆ แบบนั้นน่ะ”

     

     


    “ถ้าคุณไม่รู้อะไรก็อย่าพูดเลยค่ะ”

     

     


    “เธอต่างหากที่ไม่รู้อะไร!”

     

     

     

                สายตาที่เหมือนกับน้ำเย็นของคุณจ้องมองสายตาที่คล้ายกับมีไฟลุกโชนของคนตรงหน้า คุณกับเข้าจ้องตากันอย่างไม่มีใครคิดที่จะหลบสายตาไปก่อน แต่ว่าคุณไม่ได้ต้องการที่จะเล่นเกมหรือเอาชนะเขา คุณจึงเลือกที่จะเป็นฝ่ายเบือนหน้าหนี แล้วเดินสวนออกไปจากสุสาน

     

     


    ร่างสูงโปร่งที่ยังคงยืนนิ่งอยู่ที่เดิมปรายตามองช่อดอกไม้สองช่อที่วางอยู่หน้าป้ายสุสานสองพี่น้อง ในขณะที่มือของเขาก็มีอยู่อีกช่อหนึ่ง

     

     

     

     

    ดอกลิลลี่สีเหลือง ของเธอเองหรอมีโซ





    - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -

    TBC

     

    ใช่ค่ะ ปมเยอะ ปมทางฝั่งมีโซเป็นปมย่อย ส่วนปมหลักต้องยกให้พระเอกเขา แต่ว่ามันก็เกี่ยวกันด้วย 


    อ่านกันดีๆนะคะ บางอย่างที่ไรท์ใส่มาก็มีทั้งปม มีทั้งให้เอ๊ะอ่า... 


    แต่ก่อนจะบอกให้อ่านกันดีๆ ต้องถามว่ามีใครอ่านอยู่ก่อน555555555 แง้งงงงง ใครอ่านอยู่เม้นเถอะนะคะ ขอร้อง



    #เหมือนเคยรักกัน



    TB
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×