คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : Intro
Intro
“พี่คะ ฉันมาถึงแล้ว พี่อยู่ตรงไหน”
[พี่นั่งอยู่ที่โต๊ะกับเลขาคัง เข้ามาในฮอลล์อยู่ฝั่งขวานะ]
“อ่า..อย่าเพิ่งวางสายนะคะ”
คุณในชุดจั๊มสูทแขนปีกค้างคาวสีกรม ดูโดดเด่นท่ามกลางกลุ่มผู้คนภายในฮอลล์จัดงานขนาดใหญ่ คนนอกอย่างคุณรู้เพียงแต่ว่างานนี้ถูกจัดขึ้นโดยรัฐบาล เพื่อมอบรางวัลแก่องค์กรที่สร้างชื่อเสียงให้กับประเทศในด้านต่าง ๆ ตัวคุณเองไม่ได้เป็นนักธุรกิจหรือสังกัดอยู่ในองค์กรที่มีรายชื่อเข้ารับรางวัล แต่คุณก็แค่มาในฐานะคู่หมั้นของคนที่ถูกเชิญมาร่วมงาน
และคู่หมั้นของคุณก็คือคนในสายที่ยังคงถือโทรศัพท์รอคุณตามคำขอ
สองขาก้าวอย่างเร่งรีบ สายตาก็มองสอดส่องไปยังทิศทางตามที่ปลายสายว่า แต่คุณก็เห็นเพียงแต่ฝูงชนที่ยืนเกาะกลุ่มพูดคุยกัน คุณยังมองไม่เห็นโซนของโต๊ะอาหารเลยด้วยซ้ำ
[เจอมั้ยมีโซ]
“รอเดี๋ยวนะคะ คนเยอะมาก”
คุณตอบปลายสาย ทั้งที่สายตายังคงกวาดมองไปรอบทางอย่างมึนงง คุณเริ่มเหนื่อยกับการมองหาคนที่รออยู่ ผู้คนพลุกพล่านเป็นสิ่งที่คุณไม่ชอบ ถ้าไม่จำเป็นคุณก็คงไม่พาตัวเองมาออกงานสังคม เพราะว่าคุณเป็นคนโลกส่วนตัวสูง เริ่มต้นคุณก็ไม่ได้เกิดมาในฐานะที่จะต้องทำตัวโก้หรู แต่งตัวสวยไปไหนต่อไหนด้วยซ้ำ แต่ในระยะเวลาไม่กี่ปีที่ผ่านมานี้ มีเรื่องบางเรื่องเกิดขึ้น และเรื่องที่ว่านั่นก็บังคับให้คุณต้องเปลี่ยนตัวเอง
ตอนนี้คุณก็เริ่มชินกับชีวิตใหม่ แต่ตัวตนของคุณก็ยังคงเป็นคนที่ซ่อนตัวอยู่ในมุมมืดอยู่ดี
[ให้พี่ไปหาไหม เราอยู่ไหน]
“ไม่เป็นไรค่ะ ฉันไปเองดะ…”
คุณที่กำลังกรอกเสียงใส่หูโทรศัพท์เป็นอันต้องชะงักไป เมื่อปลายสายตามองเห็นใครคนหนึ่งกำลังเดินฝ่าผู้คนอยู่ไม่ห่างจากคุณ เสี้ยวใบหน้าและท่าทางที่ดูคล้ายกับใครบางคน ทำให้คุณต้องหันขวับไปมองให้เต็มตา
มือที่ถือโทรศัพท์ลดลงข้างลำตัวราวกับหมดแรง หัวใจที่เต้นระรัวเร่งให้สายตาสั่นไหวต้องมองหาคนที่คลาดไปจากสายตา เท้าของคุณเปลี่ยนทิศไปตามทางที่คิดว่าอีกฝ่ายเดินหายไป แต่ยิ่งตามหาก็ยิ่งรู้สึกเคว้ง คุณเร่งฝีเท้าและแทรกตัวผ่านใครหลายคนจนดูเสียมารยาท คุณเอาแต่คิดถึงคนในความคิดจนไม่มีสติ
“..โอ๊ย”
ความฟุ้งซ่านก่อตัวกลายเป็นความเครียด คุณเริ่มรู้สึกเวียนหัวกับภาพของผู้คนมากมายรอบตัว อาการปวดหัวที่คุณเคยเป็นบ่อย ๆ กลับมาอีกครั้ง คุณยกมือขึ้นกุมหัวของตัวเอง และเหมือนว่าคุณจะถูกดึงกลับมาสู่โลกของความเป็นจริง
หลายครั้งที่ความคิดถึงและความโหยหาคนที่จากไป มันสร้างจินตนาการขึ้นมาหลอกลวงคุณ นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่คุณเห็นคนที่ดูคล้ายกับเขา แล้วก็เอาแต่วิ่งไล่ตามเหมือนคนบ้า ทั้งที่รู้อยู่แก่ใจว่าอีกฝ่ายจากโลกนี้ไปแล้วถึงหกปี แต่คุณกลับเอาแต่พร่ำเพ้อ และคิดว่าคนที่คุณเห็นคือเขา…
คุณลากร่างกายที่ไร้เรี่ยวแรงของตัวเองออกมาสูดอากาศภายนอกงาน ในตอนนี้มีเพียงคุณคนเดียวที่ยืนอยู่ริมโถงทางเดินยาว คุณเท้าแขนกับเสาประดับข้างทาง พักหายใจ ปลดปล่อยความคิด คุณพยายามที่จะหยุดอาการปวดหัวของตัวเองโดยที่ไม่ต้องพึ่งยาอย่างที่เคยเป็น
คุณก้มหน้าหลับตา พยายามเอาน้ำเย็นเข้าลูบจิตใจของตัวเองที่เหมือนจะแย่ลงอีกครั้ง คุณเคยทุกข์ทรมานกับโรคบางโรค และคุณไม่อยากจะกลับไปจมกับมันอีกแล้ว คุณต้องเดินหน้าต่อไปให้ได้
แต่ก็เหมือนโชคชะตาจะเล่นตลก..
กึก กึก กึก..
เสียงส้นรองเท้าที่กระทบกับพื้นกระเบื้องเคลือบเงาดังขึ้นท่ามกลางบรรยากาศที่เงียบสงัด คุณไม่ได้ใส่ใจเมื่อรู้ว่ามีใครกำลังเดินมา แต่คุณเพียงหันไปมองตามสัญชาตญาณ และใบหน้าของคนที่กำลังเดินมา ก็ทำให้คุณรู้สึกเหมือนกับว่าเวลาหยุดเดิน
เป็นชายสองคนที่กำลังเดินมาทางคุณ แต่คนที่ดึงดูดสายตาของคุณคือคนที่เดินนำอยู่ คุณอึ้งมองคนที่อยู่ในท่าทางสง่า ทั้งรูปหน้า เรือนร่าง เพียงแค่มองจากไกล ๆ คุณก็ยังมองออกว่าเป็นเขา
หัวใจที่เหมือนกับหยุดเต้นไปเริ่มบีบรัดจนคุณรู้สึกอึดอัด คนที่คิดถึงจนจะขาดใจตาย ตอนนี้กลับมาปรากฏตัวอยู่ตรงหน้า คุณจดจ้องใบหน้าของอีกฝ่าย แล้วพร่ำถามตัวเองในใจซ้ำ ๆ ว่าสิ่งที่คุณเห็นอยู่มันไม่ใช่ความฝัน
มันจะเป็นไปได้ยังไง ก็ในเมื่อ….
แต่ดวงตาคมคู่นั้น จมูกโด่งได้รูป และริมฝีปากบางเฉียบ มันชัดเจนว่าเป็นเขา
มือทั้งสองข้างของคุณชื้นไปด้วยเหงื่อ ยิ่งอีกฝ่ายเดินเข้ามาใกล้ ความคิดที่เตลิดของคุณมันก็ยิ่งหลุดลอยออกไปไกล ดวงตาที่คลอไปด้วยน้ำตาสั่นระริกมองใบหน้านิ่งเย็นของคนตรงหน้า ใจของคุณกำลังเรียกหาเขา โดยที่ไม่ได้สนใจสายตาของเขาที่มองมาและเลื่อนผ่านไปราวกับคนไม่รู้จักกัน
“ฮึก..”
“พี่โดยอง…พี่จริง ๆ ใช่มั้ย…ฮือ”
คุณโผเข้ากอดร่างสูงเต็มเหนี่ยว พลางสะอึกสะอื้นเรียกชื่อราวกับคนขาดสติ คนในอ้อมกอดชะงักมอง สายตาที่เคยนิ่งสงบแปรเปลี่ยนเป็นไม่สบอารมณ์ เมื่อจู่ ๆ ก็มีคนแปลกหน้าถือวิสาสะพุ่งเข้ากอด และกำลังทำให้สูทราคาแพงยับไม่เป็นทรง ร้อนถึงคนอายุน้อยกว่าอีกคนที่อยู่ในฐานะของคนติดตามต้องเข้ามาช่วยดึงตัวของคุณออก
“เอ่อ..คุณครับ…ปล่อยก่อนนะครับ”
คนที่มีอายุและส่วนสูงน้อยกว่าคนเป็นนายกล่าวด้วยท่าทางยำเกรง ความรู้สึกสงสารบังเกิดขึ้นทุกครั้งที่เห็นน้ำตาของผู้หญิง แต่เพราะภาระหน้าที่ส่วนตัวจึงทำให้เขาต้องดึงไหล่ของคุณออกเบา ๆ แต่คุณก็ยังคงไม่ยอมปล่อย และสวมกอดเอวสอบแน่นกว่าเดิม
“ไม่..พี่พูดมาสิ! พี่โดยอง…ฮึก…คือพี่จริง ๆ
ใช่มั้ย”
“….” คนถูกกอดทำเพียงจ้องมองหัวกลมที่ซุกอยู่บนอกแกร่ง โดยที่ไม่ออกแรงผลักไส แต่ในขณะเดียวกันก็ไม่คิดที่จะส่งภาษากายเพื่อปลอบประโลมร่างที่กำลังสั่นเทา คนตัวสูงเอาแต่ยืนนิ่งปล่อยให้คุณล่วงเกินอย่างเย็นชา
“ฉันคิดถึงพี่…ทำไมพี่ถึงเอาแต่เงียบล่ะ..ฮือ”
คุณปล่อยเสียงร้องไห้และน้ำตาออกมาอย่างไม่อาย คนที่พยายามแงะตัวคุณหยุดมองคุณสลับกับคนเป็นนายของตัวเองด้วยสายตาลังเล ก่อนที่จะตัดสินใจถอยออกห่าง ปล่อยให้นายของเขาเป็นคนจัดการเอง
“ผมไม่ใช่โดยอง”
“….”
“ปล่อย”
น้ำเสียงราบเรียบราวกับระฆังที่เคาะเรียกสติของคุณ คุณผละออกจากร่างตรงหน้า สายตาสับสนของคุณเลื่อนขึ้นมองอีกฝ่ายที่ทำเพียงปรายตามองคุณอย่างไม่พอใจ ยิ่งมองหน้าของเขา คุณก็ยิ่งไม่เชื่อ แต่คุณก็ต้องมาสับสนอีกครั้งว่าคุณไม่เชื่ออะไรกันแน่
คนที่ยืนอยู่จะไม่ใช่คนที่คุณคิดถึงได้ยังไง ในเมื่อทั้งหน้าตา รูปร่างและน้ำเสียง ก็คือคนที่คุณเคยใช้เวลาอยู่ด้วยถึงปีกว่า
แต่คน ๆ นี้จะเป็นเขาได้ยังไง ก็พี่โดยอง..ตายไปแล้ว
“ไม่จริง” คุณพึมพำ สายตาก็เอาแต่จ้องใบหน้าของอีกฝ่ายราวกับกลัวจะคลาดสายตา
“ผมไม่ใช่เขา”
“….”
“และผมไม่รู้จักคุณ”
ทุกถ้อยคำถูกส่งตรงมา พร้อมกับสายตาว่างเปล่าที่สบกับดวงตาของคุณ ความหนักแน่นของคำพูดและสายตา มันทำให้ความหวังของคุณแตกสลาย คนตรงหน้าถึงจะมีรูปลักษณ์เหมือนกับคนที่คุณคิด แต่ท่าทางที่แสดงออกและคำพูดคำจานั้นแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง คนที่ยืนอยู่ดูเป็นคนนิ่งขรึมและเย็นชา ต่างจาก คิมโดยอง คนที่ทำให้คุณรู้จักความรักและความอบอุ่น
“แล้วคุณเป็นใคร”
“….”
“ทำไมคุณถึงหน้าเหมือนเขา”
คุณโพล่งถามออกไป ไม่มีทางที่คุณจะเก็บความสงสัยเอาไว้ในใจเป็นแน่
“แล้วคุณล่ะเป็นใคร”
“….”
“เป็นอะไรกับเขา”
“….”
“ผมจะได้พิจารณา…ว่าผมควรจะบอกคุณดีไหม”
“….” คุณชะงักมองสายตาของคนตรงหน้า คุณรู้สึกได้ว่าอีกฝ่ายดูมีอคติกับคุณ ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไร แต่ภายใต้ท่าทางนิ่งสุขุม แววตาของเขากลับดูเหมือนกำลังเย้ยหยันคุณ
และคุณก็นิ่งคิดไปกับคำถามของเขา คุณไม่แน่ใจว่าควรจะบอกว่าเป็นอะไรกับคนที่จากไป จะบอกว่าเป็นแฟนก็พูดได้ไม่เต็มปาก เพราะตอนนี้คุณติดอยู่ในฐานะคู่หมั้นของคนที่ช่วยเหลือคุณอยู่ แต่ถ้าจะบอกว่าแฟนเก่า คุณก็รู้สึกละอาย หากว่าดวงวิญญาณของเขามาได้ยิน และสำหรับคุณ คนที่คุณรักมาตลอดจนถึงตอนนี้ก็มีเพียงแค่เขาคนเดียวเท่านั้น
คิมโดยองไม่มีทางที่จะถูกลดสถานะไปเป็นเพียงคนรักเก่า
“ว่าไง”
“….”
“เป็นอะไรกับเขา”
“….”
“ถ้าตอบไม่ได้ ผมก็ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องบอกคุณ”
“..ฉันเป็น...คนที่รักเขา”
คุณโพล่งตอบออกไป ฟังดูประหลาด แต่คงไม่มีคำตอบอื่นที่ดีไปกว่านี้แล้ว และสิ่งที่ได้รับกลับมาก็เป็นริมฝีปากที่แค่นยิ้มของอีกคน
“พูดอะไรเกรงใจแหวนบนนิ้วคุณหน่อยสิครับ”
“….” เป็นอีกครั้งที่คุณชะงักไป คุณก้มมองแหวนเงินบนนิ้วนางซ้ายของตัวเอง ก็แค่แหวนที่สวมไว้ เพื่อเป็นอาวุธป้องกันกาย
“ผู้หญิงที่เข้ามาในชีวิตของโดยองมีอยู่ไม่กี่คน”
“….”
“ผมรู้จักทุกคน แต่ไม่รู้จักคุณ”
“….”
“หรือไม่ก็เป็นเพราะว่า..” ร่างสูงเว้นจังหวะพูด สายตาดูแคลนไล่มองคุณตั้งแต่หัวจรดเท้า
“….”
“คุณเปลี่ยนไปมาก จนผมจำไม่ได้”
“….”
คุณจ้องตาคนตรงหน้าด้วยความสับสน แน่นอนว่าคุณกับเขาไม่เคยเจอกันมาก่อน แล้วจะไปรู้จักกันได้ยังไง แต่คำพูดของเขามันฟังดูชวนเคลือบแคลงใจคล้ายกับมีนัยบางอย่างที่ซ่อนอยู่ คุณกับเขาสบตากันอย่างไม่มีใครยอมใคร จนกระทั่งโทรศัพท์ในมือของคุณสั่น
ครืด…ครืด……
คุณละสายตาจากดวงตาคมหลุบมองโทรศัพท์ที่ขึ้นชื่อของคนที่คุณตั้งใจจะเดินไปหาในทีแรกอย่างชั่งใจ ในขณะที่ร่างสูงมองท่าทางของคุณ แล้วพูดตัดบทขึ้นมา
“ไปหาคนของคุณเถอะ ผมขอตัว”
“เดี๋ยว”
คุณเรียกคนที่ตั้งท่าจะเดินจากไปพร้อมกับคนติดตาม ส่งผลให้คนที่ถูกเรียกหยุดฝีเท้าของตัวเอง เพื่อรอฟังว่าคุณจะพูดอะไรต่อ
“ฉันจะได้เจอคุณอีกมั้ย”
มันคงเป็นคำถามที่ตลกสำหรับคนแปลกหน้า แต่คุณที่เห็นว่าคนตรงหน้าเหมือนกับคนที่คุณคิดถึงมาตลอดหกปี ความรู้สึกบางอย่างที่ก่อตัวขึ้น มันทำให้คุณอยากจะเจอกับเขาอีก
ถึงแม้ว่าคน ๆ นี้ จะไม่ใช่คนรักของคุณก็ตาม
“อยากเจอหรอ” อีกฝ่ายส่งคำถามกลับมาโดยที่ไม่ได้หันมามองหน้ากัน คุณมองเสี้ยวหน้าของคนที่ตั้งใจจะยียวนคุณ แต่คุณกลับไม่รู้สึกหงุดหงิดหรือโกรธเลยสักนิด คุณแค่อยากฟังคำตอบของเขา
“….”
“คุณมีคนของคุณแล้ว แต่กลับมาพูดว่าอยากเจอผู้ชายคนอื่น”
“….”
“ไม่น่าเชื่อว่าคุณจะเป็นคนแบบนี้”
คุณมองตามแผ่นหลังของคนที่ทิ้งถ้อยคำประชดประชันเอาไว้อย่างไม่เข้าใจ ทำไมคนที่กำลังเดินห่างออกไปถึงได้พูดเหมือนรู้ดี ทั้งที่ปากก็บอกว่าไม่รู้จักกัน ความสงสัยทำให้คุณเอาแต่มองตามอีกฝ่ายจนลับไปจากสายตา คุณยังคงปล่อยให้โทรศัพท์ในมือสั่นอยู่อย่างนั้น กระทั่งสายถูกตัดไปในที่สุด
คนที่เหมือนกันราวกับร่างโคลน
ต่างแค่ท่าทางและนิสัย จะเป็นอะไรไปได้อีกนอกจากแฝด
แต่น่าแปลกที่คุณรู้ว่าคิมโดยองมีน้องสาว แต่ไม่เคยรู้เลยว่ามีแฝด
- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -
TBC
เขาไม่ชอบเราต้องมีเหตุแน่ๆค่ะ พระเอกเราไม่ร้ายพร่ำเพรื่อแน่นอน แต่ว่าอยากอ่านกันมั้ยอ่ะคะ ดองไว้หลายเรื่อง55555 ถ้าอยากอ่านต้องเม้นให้ไรท์รู้เด้อ เพราะไม่รู้ว่าอัพไปแล้วใครจะอ่าน55555
#เหมือนเคยรักกัน
ความคิดเห็น