คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #8 : DON'T MESS WITH ME part 2
คืนวันถัดมา นลินถูกเรียกตัวออกไปกลางดึก คามิลเดินฝ่าความมืดโดยไม่ชนสิ่งกีดขวางใดๆ ต่างจากหญิงสาวที่ต้องคอยระมัดระวังทุกสิ่ง
“บางทีเปิดไฟเสียหน่อยอาจจะดี”
“คืนนี้เปิดไม่ได้” คามิลไหวไหล่ “คืนจันทร์เต็มดวงเช่นนี้ยิ่งอันตราย”
“อันตรายจากสิ่งใด” นลินที่เผลอพูดภาษาโบราณโคลงศีรษะไปมาอย่างขำขัน นี่นางมาอาศัยที่ปราสาทหลังนี้กี่วันแล้ว ขืนยังอยู่ต่อที่นี่มีหวังลืมสิ้นภาษาในยุคของตัวเองเป็นแน่
“ปีศาจ”
“เฮ้! นั่นคุณพูดเรื่องตลกอะไร” ฉันส่ายหน้าและพยายามมองข้ามการล้อเลียนของอีกฝ่าย
“พวกข้าคือปีศาจหมาป่า”
“ก็ใช่ แล้วมันอันตรายตรงไหน” นลินยังคงพร่ำถาม
“เดี๋ยวคืนนี้เจ้าก็ได้รู้” คามิลหยุดเดินตรงประตูบานเดิมที่นางเคยมาเยือนครั้งก่อน จู่ๆ ภาพความเย็นชาของเจ้าของห้องก็ผุดเข้ามาในสมอง นลินกัดริมฝีปากและหันไปมองชายหนุ่มเบื้องหน้าที่ยังคงมีสีหน้าเรียบเฉย
“คุณคงไม่ได้กำลังวางแผนฆ่าฉันหรอกใช่ไหม” คำถามของนลินทำชายหนุ่มขำพรืด เขาหัวเราะและหยอกเย้าจนนางรู้สึกเหมือนตัวเองโง่งม
“ข้าจะทำเช่นนั้นทำไมกันเล่า หยุดความคิดเพ้อเจ้อของเจ้าเสียที”
“แต่คุณเพิ่งขู่ฉันไปเมื่อครู่”
“ฮ่าๆ ไม่ใช่ว่ามนุษย์ชอบเรื่องสยองขวัญหรอกรึ” นลินกลอกตาไปมาด้วยความเอือมระอา
ให้ตายสิ เธอขอเก็บความรู้สึกปลาบปลื้มที่มีต่อชายหนุ่มผู้นี้กลับคืนได้หรือไม่
“เอาเถอะน่า อย่าเพิ่งใจร้อน”
“คุณยั่วโมโหฉัน” คามิลฉีกยิ้มและยื่นมือมาวางบนศีรษะของนาง ฉับพลันที่ม่านพลังบางอย่างปรากฏขึ้น ร่างกายของนลินก็คล้ายจะเบาหวิวและมีพละกำลังเพิ่มขึ้นอย่างน่าอัศจรรย์
“ข้าช่วยเจ้าได้เพียงเท่านี้”
“มันคืออะไร”
“ม่านพลังป้องกัน อย่างน้อยเจ้าก็ไม่ตาย”
“ซีเรียส?”
“ฮ่าๆ หากมีอันใดให้ตะโกนเรียกข้าดังๆ แล้วข้าจะรีบเร่งไปช่วย” คามิล กล่าวทิ้งท้ายและไม่ยอมให้นางโต้เถียงกลับ เขาหมุนลูกบิดประตูห้องของพี่สาวจนเปิดออกแล้วจึงดันแผ่นหลังนางเข้าไปข้างใน “ข้าอวยพรให้เจ้าปลอดภัย”
“เดี๋ยวสิ!”
ประตูปิดใส่หน้าหญิงสาวจนนางได้แต่ก่นด่าอีกฝ่ายในใจ นลินปล่อยมือออกจากลูกบิดที่ไร้ประโยชน์โดยสิ้นเชิงเมื่อมันถูกล็อกจากด้านนอก เจ้าหมาป่าเจ้าเล่ห์นั่นเล่นงานนางอีกแล้ว
“ฝากไว้ก่อนเถอะ” นลินฝากฝังความแค้นก่อนหันหน้ากลับไปเผชิญกับความมืดมิด ภายในห้องนอนกว้างใหญ่นางไม่สามารถมองเห็นสิ่งใดได้เลย ทุกสิ่งอย่างล้วนถูกกลืนหายไปกับความมืด นลินยังคงยืนอยู่ตรงนั้นกระทั่งสายตาปรับชินกับความมืดได้ นางลองกวาดสายตาอีกครั้งจนปะทะเข้ากับนัยน์ตาสีแดงเปล่งประกายท่ามกลางความมืด
...นัยน์ตาคู่นั้นจดจ้องมองนางเขม็งเป็นเวลาเนิ่นนานจนรู้สึกอึดอัด
“ขอโทษที่ไม่ได้เคาะประตู น้องชายคุณเป็นคนผลักฉันเข้ามา” นางกล่าวเสียงเบาแต่มั่นใจว่าอีกฝ่ายได้ยินชัดเจน
แฮก...แฮก
เสียงหอบหายใจของอีกฝ่ายดังถี่ขึ้นและรุนแรงขึ้น ฉับพลันนั้นดวงตาสีแดงก็ปิดลงจนนางถอยกายชิดบานประตู
แผ่นหลังที่แนบชิดกับประตูเริ่มชื้นเหงื่อเมื่อนางต้องตกอยู่ภายใต้ภาวะกดดันบางอย่าง ที่ยิ่งเวลาผ่านไปนานมากเท่าไร ความอึดอัดที่มีก็ยิ่งจะเพิ่มพูนจนนางพลอยกลั้นหายใจอย่างลืมตัว
“ออกไป...” เสียงเข้มกระซิบลอดไรฟัน
“ฉันก็ไม่อยากรบกวนหรอกแต่ประตูมันล็อก”
“...” เสียงบางอย่างเคลื่อนไหว หูของนางได้ยินเสียงวิ่ง...ที่คล้ายกับเป็นเสียงจากฝีเท้าสัตว์ป่า
“คุณ...อ๊ะ!” นลินหลุดเสียงร้องด้วยความตกใจเมื่อจู่ๆ สุนัข...ไม่สิ หมาป่าตัวใหญ่ยักษ์ก็กระโจนคร่อมทับร่างของนาง เรี่ยวแรงอันมหาศาลกดทับจนร่างกายแทบแบนบี้ ในยามนั้นเองที่หัวใจของนางถูกสั่นคลอนด้วยความกลัว
ที่แท้เธอก็อยู่ในร่างหมาป่า...
“แฮกๆ...ออกไป” เสียงหวานที่เจือด้วยความทรมานคำรามลั่น “ข้าสั่ง!”
นลินไม่ได้ตอบโต้กลับไป ตอนนี้นางหวาดกลัวมนุษย์หมาป่าตรงหน้าจนลืมวิธีการพูดไปเสียสนิท ร่างใหญ่โตที่คร่อมทับขู่คำรามใส่ สัญชาตญาณดิบเถื่อนของสัตว์ร้ายกำลังกลืนกินสติของเจ้าตัว ‘วิเวียน่า เฮลก้า’ ขบฟันแน่นด้วยความทรมาน นัยน์ตาของนางพร่ามัว สติเริ่มเลื่อนลอยและขาดห้วงเป็นพักๆ
ยิ่งได้กลิ่นหอมกรุ่นจากเรือนร่างใต้อาณัติ สติที่ยากจะควบคุมก็ทวีเท่าจนนางแทบสะกดกลั้นสัญชาตญาณไว้ไม่ไหว
“ออกไป”
“ค-คุณทับร่างฉันอยู่!” นลินหลับตาและตะโกนตอบโต้กลับ
ใจนางหล่นวูบทุกครั้งที่ใบหน้าของหมาป่าสาวก้มลงมาแนบชิด ทั้งที่เจ้าตัวเอ่ยปากไล่เสียอย่างนั้น แต่ร่างอันใหญ่โตมหึมากลับไม่ยอมถอยร่นออก แล้วอย่างนี้นางจะขยับไปไหนได้
“ข้าสั่งเจ้า...เตือนเจ้าแล้ว” นัยน์ตาสีแดงซึ่งคืนนี้ดูเหมือนจะแดงกว่าทุกวันหลุบมอง จู่ๆ ร่างกายของนางก็แข็งค้างจนขยับไม่ได้ ความหวาดกลัวบางอย่างคล้ายผุดออกมาจากจิตใต้สำนึก นางเบิกตากว้างและจดจ้องทุกการเปลี่ยนแปลงเบื้องหน้า ใบหน้าของหมาป่าดุร้ายค่อยๆ คืนกลับเป็นใบหน้าของมนุษย์ ทว่าในความมืดมิดเช่นนี้ นางแยกไม่ออกด้วยซ้ำว่ามันเป็นใบหน้าของชายหรือหญิงกันแน่
แควก!
นลินเบิกตากว้างอีกครั้งเมื่ออาภรณ์บนร่างกายถูกกระชากออกอย่างรุนแรง นางกรีดร้องด้วยความตกใจและหวาดกลัวสุดขีด
“หยุดเดี๋ยวนี้นะ!” เสียงหวานตะโกนลั่น เพียงแต่คนด้านบนไม่ได้ใส่ใจ มือทั้งสองข้างยังคงฉีกกระชากเสื้อผ้าของนางออกอย่างรุนแรง นลินหวาดกลัวจนแทบสิ้นสติ ทันใดนั้นคำพูดของชายหนุ่มก็ผุดเข้ามาในสมอง นางจึงสูดลมหายใจเข้าเต็มปอดก่อนตะโกนออกไปสุดเสียงว่า “คามิล! ช่วยฉันด้วย!”
เสียงตะโกนของนางทำให้หญิงสาวชะงักเสียจังหวะ วิเวียน่าแยกเขี้ยวคำรามก่อนกางกรงเล็บออก นางตบลงไปอย่างรวดเร็วเพื่อหวังจะยุติเสียงแหลมบาดแก้วหู ทว่าม่านพลังสีฟ้าใสกลับสะท้อนพลังของนางจนร่างกระเด็นไปชนผนังอีกด้าน
“คามิล เฮลก้า!” เสียงหวานคำรามเรียกชื่อน้องชายด้วยโทสะ ร่างสูงดีดตัวลุกขึ้นราวกับแรงอัดกระแทกเมื่อครู่ไม่ระคายต่อผิว วิเวียน่าย่างสามขุมกลับไปหาร่างบอบบางที่ยังคงนอนหอบหายใจอยู่บนพื้น กลิ่นกายหอมหวานที่หาได้ยากกำลังมอมเมาให้ขาดสติ
นางเปิดประสาทสัมผัสของตัวเองและสูดรับเอากลิ่นหอมนั้นเข้าจนเต็มจมูก ทันใดนั้นมุมปากหยักก็ยกขึ้นเป็นรอยยิ้ม วิเวียน่าเดินเข้าไปและฉุดร่างบางขึ้นจากพื้น ด้วยสรีระที่เหนือกว่าทำให้นางสามารถยกหญิงสาวชาวมนุษย์ไปได้อย่างสบาย ร่างเล็กพยายามดิ้นรนเอาตัวรอด หากแต่กรงเล็บอันแข็งแกร่งไม่ยอมปล่อยง่ายๆ นางจึงห้อยโตงเตงคล้ายลูกแมวยามถูกอุ้ม
วิเวียน่าโยนร่างบอบบางลงบนเตียงกว้างก่อนกระโจนตามขึ้นไป สายตาของหมาป่าผู้หิวกระหายกวาดจ้องเหยื่อตรงหน้าพร้อมกลืนน้ำลายลงคอ กลิ่นเย้ายวนชวนให้ลิ้มลอง ไม่ต่างจากกวางน้อยที่นางเคยล่าเมื่อหลายร้อยปีก่อน สายตาที่เต็มไปด้วยความหวาดระแวงและตื่นตระหนก พิศมองยามใดก็ล้วนน่าหลงใหล
“หยุดเดี๋ยวนี้นะ!” สายตาอันดีเลิศของหมาป่าจ้องเหยื่อที่พยายามดิ้นรนเอาชีวิตรอด ความมืดมิดไม่ได้เป็นอุปสรรคต่อนางแต่กับอีกฝ่ายนั้นไม่ใช่ นลินเป็นเพียงมนุษย์คนหนึ่ง นางไม่มีความสามารถมองเห็นในที่มืดได้ดีเท่าวิเวียน่า การดิ้นรนหนีของนางจึงกลายเป็นการกระทำโง่เง่าที่หมาป่าสาวพบเห็น
“ข้าเตือนเจ้าแล้ว” วิเวียน่าก้าวขึ้นไปบนเตียงอีกครั้ง มือบางอันทรงพลังผลักไหล่ของเหยื่อจนล้มลงไปนอนอีกครั้ง นางขยับขึ้นคร่อมทับและตรึงข้อมือทั้งสองจนจมไปกับที่นอนกว้าง “หากเจ้ายุ่งเกี่ยวกับข้าอีกแม้แต่เสี้ยววินาทีเดียว ข้าจะฉีกทึ้งร่างของเจ้าเสีย”
“อย่านะ!” นลินตาเบิกกว้าง ดวงตาทั้งสองข้างเปียกชื้นด้วยหยาดน้ำตา นางหวาดกลัวคนตรงหน้าจนสติไม่อยู่กับเนื้อกับตัว สมองที่เคยชาญฉลาดคล้ายจะว่างเปล่าคิดอะไรไม่ออก ความกลัวทำให้นางแทบลืมวิธีหายใจไปด้วยซ้ำ
“ฮึก...อย่า” เขี้ยวแหลมโผล่พ้นออกมา วิเวียน่าแยกเขี้ยวข่มขวัญเหยื่อตัวน้อยให้ยิ่งหวาดกลัว
ทันทีที่ร่างบางใต้อาณัติเกร็งแน่นไม่ขยับเขยื้อน หมาป่าสาวก็กระตุกยิ้มพอใจ นางใช้มือนุ่มจับปลายคางมนและพลิกไปมาคล้ายกับสุนัขยามเล่นกับเหยื่อ ทว่าทุกครั้งที่นางทำท่าเหมือนจะขย้ำกัด ม่านพลังสีฟ้าโปร่งก็ปรากฏขึ้นเพื่อปกป้องหญิงสาว เป็นแบบนี้ซ้ำหลายครั้งจนเสียงหวานสบถลั่นเพราะความหงุดหงิด
“คาม! ข้าจะฆ่าเจ้าเป็นรายต่อไป” วิเวียน่าคำรามจบก็ขย้ำกัดม่านพลังนั้นเต็มแรง
ด้วยพละกำลังที่มากกว่า ทำให้ม่านพลังนั้นแตกร้าวและสลายไปในอากาศในเวลาต่อมา
“หึ! คราวนี้ถึงคราวของเจ้าแล้ว”
+++++++++++++++++
ความคิดเห็น