ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Yuri] Dark Daisy แรกรักเพียงนิรันดร์

    ลำดับตอนที่ #7 : DON'T MESS WITH ME part 1

    • อัปเดตล่าสุด 3 พ.ย. 66


     

     

     

                    “พี่สาวของคุณน่ากลัว” เสียงหวานกระซิบเบาๆ กับชายหนุ่ม วันนี้เขาเข้ามาในห้องนอนของนางอย่างถือวิสาสะและนั่งจุ้มปุกพูดคุยเป็นเพื่อนนานร่วมสิบนาทีแล้ว “เธอเหมือนไม่ต้องการพบหน้าฉัน”

                    นลินบอก ยามหวนนึกถึงสีหน้าและท่าทางคุกคามของประมุขคนนั้นก็อดตัวสั่นอย่างห้ามไม่อยู่

                    “นางถูกใจเจ้าจึงหาทางกลั่นแกล้ง”

                    “บ้าน่า-...” หญิงสาวอับจนด้วยคำพูด นางไม่เชื่อมั่นในคำพูดของชายคนนี้อีกแล้ว

                    “ช่างเรื่องนั้นเถอะ” คามิลโยกศีรษะและเปลี่ยนเรื่องอย่างรวดเร็ว “คืนพรุ่งนี้ข้าจะพาเจ้าไปพบนางอีกครั้ง”

                    “ฉันคงถูกไล่ตะเพิดกลับมา” เสียงหวานแย้งและเอนกายพิงเก้าอี้ด้วยท่าทีผ่อนคลาย 

                    “ไม่หรอก นางจะไม่ทำเช่นนั้น” ถ้อยคำยืนยันของชายหนุ่มทำเอาคิ้วเรียวขมวดยุ่งเพราะไม่เข้าใจ ทว่านางก็ไม่ได้หลุดปากถามสิ่งใดออกไปเพราะรู้ดีว่าจะไม่ได้รับคำตอบใดๆ กลับมา

                    “คุณควรบอกได้แล้วว่าแท้จริงคุณคือใคร” นลินเอ่ยด้วยน้ำเสียงจริงจังเพราะเหตุการณ์เมื่อวานทำให้สิ่งที่นางสงสัยเริ่มส่อแววว่าจะเป็นความจริงหลายส่วน

                    “หากข้าบอก เจ้าจะไม่หวาดกลัวใช่หรือไม่”

                    “แล้วตอนนี้ฉันแสดงออกเช่นนั้นหรือเปล่าล่ะ” นางถามกลับ พลันเมื่อไม่ได้รับคำตอบกลับมา หญิงสาวจึงพ่นลมหายใจและยอมพยักหน้ารับคำไปแบบแกนๆ “ฉันมั่นใจว่าพวกคุณไม่ใช่มนุษย์ทั่วไป”

                    “เจ้าพูดถูก” คามิลยืนยันคำพูดนาง

                    “แต่ฉันไม่รู้ว่าพวกคุณถูกจัดอยู่ในหมวดไหน- หมายถึง ฉันไม่รู้ว่าคุณคือสิ่งมีชีวิตประเภทใด”

                    “ตระกูลของเจ้าไม่เคยเล่าขานสิ่งใดเลยหรือ”

                    “ไม่นี่” นลินส่ายหน้าทว่าทันใดนั้นภาพวันวานสมัยนางอายุเพียงห้าขวบก็ย้อนกลับเข้ามา ตอนนั้นปู่ทวดเคยเล่านิทานเรื่องหนึ่งให้ฟังแต่เพราะนางยังเด็กมากและเรื่องมันก็ผ่านมานานแล้ว การที่นางลืมเลือนมันไปก็คงไม่ใช่เรื่องแปลก “...ฉันจำไม่ได้หรอก เรื่องมันผ่านมานานแล้ว”

                    “ตำนานหมาป่าล่ะ”

                    “ไม่รู้สิ” คามิลจ้องสบตาก่อนพ่นลมหายใจออกมายาวเหยียด เขาเอนกายและกระดิกเท้าไปมา ใบหน้าคมฉายแววจริงจังก่อนเอ่ยเล่านิทานให้นางฟัง

                    “เมื่อหลายร้อยปีก่อน เคยมีตำนานเล่าขานกันมาว่ามีหมาป่าสายพันธุ์หนึ่งที่มีวิชาอาคมจนสามารถแปลงกายคล้ายดั่งมนุษย์ พวกนั้นแปลงกายและแอบแฝงตัวอาศัยอยู่ร่วมกับมนุษย์มานานจนกระทั่งเกิดสงครามภายในเผ่าพันธุ์ขึ้น ตระกูลใหญ่ที่ปกครองหมาป่าเกิดแตกคอกัน พวกนั้นแบ่งออกเป็นสองฝ่าย ฝ่ายหนึ่งต่อต้านการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์มนุษย์ส่วนอีกฝ่ายนั้นต้องการทำลายมนุษย์ให้สูญสิ้น”

                    “แล้วฝ่ายไหนชนะ” นลินเอ่ยถามแทรกเพราะกลั้นความอยากรู้เอาไว้ไม่ไหว

                    “มนุษย์”

                    “เอ๋?” เสียงหวานหลุดร้องอย่างแปลกใจพร้อมทั้งเอียงคอสงสัย

                    “เผ่าพันธุ์หมาป่าแม้จะมีวิชาแกร่งกล้าแต่ก็พ่ายแพ้ให้กับมนุษย์”

                    “แต่มีฝ่ายหนึ่งเข้าข้างมนุษย์นี่นา” นางเถียงทันควัน

                    “สำหรับมนุษย์ ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายไหนนับว่าเป็นศัตรูทั้งนั้น” ดวงตาสีฟ้าหม่นแสงลงจนน่าใจหาย นลินไม่รู้ว่าเบื้องลึกเบื้องหลังนั้นเกิดอะไรขึ้นบ้าง

                    “พวกคุณเป็นมนุษย์หมาป่าสินะ” นางจ้องลึกเข้าไปในดวงตาของเขาและถามออกมาด้วยสีหน้าจริงจัง

                    “เจ้าหวาดกลัวหรือไม่”

                    “ไม่นี่” นลินส่ายหน้าปฏิเสธ นางไม่ได้หลบสายตาของเขากลับกันที่ยังคงจ้องสบตาเพื่อยืนยันคำตอบของตัวเอง “พวกคุณไม่ได้แตกต่างจากฉันสักเท่าไหร่”

                    “ฮ่าๆ เจ้าช่างแปลกประหลาดยิ่ง” เขาหัวเราะออกมาจนคิ้วเรียวเผลอขมวดแน่น นลินรอให้เขาสงบอาการลงเพื่อที่จะถามในสิ่งที่ตนยังสงสัย

                    “แล้วตกลงพวกคุณอยู่ฝ่ายไหน” คามิลกลั้นเสียงหัวเราะก่อนตีหน้าเคร่งขรึม ดวงตาสีฟ้ามีแววโกรธเคืองฉายชัดอยู่ครู่หนึ่ง

                    “ตระกูลข้าต่อต้านการสังหารมนุษย์”

                    “หมายความว่าเราสามารถร่วมมือกันได้อย่างนั้นหรือ” นลินยังคงเอ่ยถามเพื่อที่นางจะสามารถวางแผนรับมือได้ถูกต้อง

                    “นั่นขึ้นอยู่กับความต้องการของเจ้า- ข้าไม่อาจบอกเรื่องราวได้มากกว่านี้ เพราะมันผิดกฎตระกูล”

                    “เช่นนั้นฉันตกลงก็ได้” นางยอมรับข้อเสนอ “แต่คุณพอบอกได้หรือเปล่าว่าทำไมถึงรู้จักตระกูลฉัน”

                    “ตระกูลคาร์ไรน์ของเจ้าน่ะรึ” คามิลขมวดคิ้วและทอดสายตามองหญิงสาวอย่างแปลกประหลาด เขาไตร่ตรองซ้ำแล้วซ้ำเล่าก็ไม่พบความผิดปกติใดจึงลองเอ่ยถามให้มั่นใจอีกครั้ง “เจ้าไม่รู้เกี่ยวกับต้นตระกูลเลยหรืออย่างไร”

                    “ฉันเกิดในตระกูลนั้นก็จริง- แต่ก็นะ...” นางละเว้นคำพูดไว้จนชายหนุ่มพ่นลมหายใจเฮือกใหญ่ เขาขี้เกียจอธิบายอะไรมากจึงใช้มนตร์คาถาสร้างสถานกาณ์จำลองให้นางชม

                    “หลับตาแล้วตั้งสมาธิให้มั่น” มือหนาวางทาบบนศีรษะจนปรากฏแสงเรืองรองขึ้น ฉับพลันนั้นภาพของสงครามระหว่างเผ่าพันธุ์หมาป่าและมนุษย์ก็ค่อยไหลเวียนเข้ามาในห้วงความคิด นลินตั้งใจมองภาพนั้นจนกระทั่งสายตาสบประสานกับดวงตาสีทับทิม

                    นั่นมัน...

                    ภาพทุกอย่างเกิดขึ้นรวดเร็ว ครอบครัวของหมาป่าฝูงหนึ่งถูกสังหารโดยหมาป่าอีกฝูงที่เหี้ยมโหด ความสับสนเกิดขึ้นเมื่อระหว่างสงครามนั้นมีเหล่ามนุษย์พุ่งเข้ามาร่วมรบ พวกเขามีกระบอกปืนติดมือมา ทว่ายามกระสุนถูกยิงออกไป ลูกกระสุนที่คาดเดาได้ว่าเป็นโลหะเงินบริสุทธิ์ก็แตกออกกลายเป็นกลีบคล้ายดอกบัว ยามที่มันพุ่งปะทะร่างของหมาป่า กลีบดอกแต่ละกลีบจะกดลึกและฝังค้างไว้แบบนั้นจนกระทั่งหมาป่าต้านทานฤทธิ์ของโลหะเงินไม่ไหวจนตายลง ภาพการสังหารอย่างเหี้ยมโหดและทรมานทำให้นางรู้สึกสะอิดสะเอียน

                    สงครามไม่ใช่สิ่งที่น่าภิรมย์ มันเต็มไปด้วยความโสมมและน่าสิ้นหวัง

                    หมับ! มือบางของนลินคว้าข้อมือหนาไว้และค่อยๆ ลดมันลงจนภาพนิมิตพลันหายไป ดวงตาสีน้ำตาลเข้มตวัดมองสบกับตาสีฟ้าเปล่งประกาย ฉับพลันนั้นจึงเอ่ยถามออกไปตรงๆ ว่า

                    “มนุษย์กลุ่มนั้น...มาจากตระกูลคาไรน์ใช่ไหม”

                    “อืม” เสียงทุ้มครางรับแผ่วเบา “พวกเขาแข็งแกร่งและเลือดเย็น”

                    “ฉันไม่รู้ว่ามันเกิดโศกนาฏกรรมแบบนี้ขึ้น แต่ถึงอย่างไรในฐานะลูกหลานของตระกูลนั้น ฉันเห็นสมควรว่าควรกล่าวขอโทษ”

                    “เรื่องมันผ่านมานานแล้ว ข้าหาได้สนใจไม่” คามิลถอนหายใจและขยับออกห่าง “ข้าไม่ใช่ท่านพี่ นางมีสิ่งที่ไม่ว่าอย่างไรก็ปล่อยมือจากมันไม่ได้”

                    “ฉันเห็นเธอในห้วงนิมิตด้วย”

                    “ข้าและนางอยู่ในสงคราม...และนาง...” คำพูดของเขาหยุดชะงักคล้ายเพิ่งคิดได้ว่าไม่ควรเล่าให้นางฟัง “ช่างเรื่องนั้นเถิด เอาเป็นว่าวันนี้ข้าจะพาเจ้าออกไปเดินเล่นให้ผ่อนคลาย หลังจากนั้นเจ้าจะได้ทำภารกิจให้ข้า”

                    “ก็ได้ ฉันอยู่แต่ในห้องอึดอัดจะแย่”

                    ภาพของหนึ่งบุรุษหนึ่งสตรีเดินเคียงคู่ชมสวนดอกไม้ปรากฏอยู่ในสายตาเรียบเฉยของท่านประมุข นางเหยียดริมฝีปากออกเล็กน้อยแล้วจึงหมุนกายกลับไปยังห้องนอนของตน

     

     

    ….

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×