ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Yuri] Dark Daisy แรกรักเพียงนิรันดร์

    ลำดับตอนที่ #10 : CROSSING THE LINE part 2

    • อัปเดตล่าสุด 3 พ.ย. 66



     



     

                    คำกล่าวของมิสเตอร์เฮลก้าไม่ได้กล่าวเกินจริงแม้แต่น้อยเพราะนอกห้องนั่นกำลังเกิดการปะทะอย่างรุนแรงของปีศาจร้ายสองตัว นลินรีบขดตัวใต้ผ้าห่ม ประสาทหูเปิดออกกว้างเพื่อรับคลื่นเสียงที่ดังลอดเข้ามาข้างใน

                    เสียงขู่กรรโชกของสัตว์ร้ายดังบ้างเบาบ้างสลับกันไป นลินไม่รู้ว่าด้านนอกนั่นกำลังเกิดอะไรขึ้น มีบางครั้งที่ผนังปราสาทจะสั่นสะเทือนรุนแรงเพราะการกระแทกของบางสิ่งบางอย่างที่มีขนาดใหญ่ เสียงโวยวายและเห่าหอนดังอยู่นานหลายชั่วโมงจนนางผล็อยหลับไปด้วยความอ่อนเพลีย

                    จวนจะรุ่งสาง ประตูห้องก็ถูกเปิดออกพร้อมหมาป่าสีขาวขนาดใหญ่เยื้องย่างเข้ามา นัยน์ตาสีแดงทับทิมเปล่งประกายในความมืดมิด ขนหนานุ่มที่เคยงดงามบัดนี้หลุดร่วงและมีร่องรอยบาดแผลประปราย ไม่เพียงเท่านั้น ยังมีคราบเลือดสีแดงฉานที่อาบชุ่มขนสีขาวอยู่เป็นย่อมๆ

                    วิเวียน่าในร่างหมาป่าทิ้งกายลงนั่ง นางทอดสายตามองตรงไปยังเตียงกว้างที่มีร่างของมนุษย์นอนหลับใหล หากนางไม่ผละออกไป คาดว่าอีกฝ่ายคงกลายสภาพเป็นเพียงก้อนเนื้อเละๆ จากการขย้ำกัดของนางเป็นแน่

                    วิเวียน่าครุ่นคิดและทอดถอนใจ นางทุกข์ทรมานจากคำสาปนี้มานานหลายร้อยปี หนทางเดียวที่จะลบล้างคำสาปนี้ได้มีเพียงแค่สังหารคนผู้นั้นเท่านั้น และเพราะมันรู้ว่านางต้องการฆ่า มันจึงเอาแต่หดหัวอยู่ภายใต้การคุ้มครองจากจ่าฝูงของมัน

                    “เกรกอรี่ ฮาเดียน สักวันข้าจะสังหารเจ้า” วิเวียน่าเค้นเสียงคำรามลอดต่ำในลำคอ นางขยับลุกยืนก่อนเดินหายเข้าไปในห้องลับขนาดเล็กหลังภาพวาดของนาง วิเวียน่าค่อยๆ คืนร่างกลับเป็นหญิงสาวผู้งดงามเช่นเดิม บนร่างกายมีบาดแผลบ้างประปรายแต่ไม่ได้สาหัส ให้นางนอนพักแค่ไม่กี่คืน บาดแผลเหล่านี้ก็จะสมานกลับคืนสภาพเดิมอย่างรวดเร็ว

                    ขณะเดียวกัน คามิลก็กำลังร้องครางหงิงๆ ให้เจเรดช่วยรักษาบาดแผลให้

                    “นางใจร้ายกับข้าเกินไปแล้ว” คามิลบ่นก่อนร้องโอดครวญยามเพื่อนใส่สมุนไพรรักษาบาดแผลให้ “มิรู้ว่าเป็นเพราะคำสาปหรือนางตั้งใจมาฆ่าข้ากันแน่”

                    “เจ้าก่อเรื่องร้ายแรงนัก” เจเรดบอกเสียงเบื่อหน่าย หลายครั้งที่เขาต้องพลอยเดือดร้อนไปกับการทะเลาะของสองฝาแฝดคู่นี้

                    “ข้าเพียงหวังให้นางได้ลิ้มรสของคำว่ารัก”

                    “เป็นเจ้าเสียกระมังที่ได้ลิ้มรสความเจ็บปวด” เจเรดวางถ้วยกระเบื้องลงก่อนหยัดกายลุกขึ้นจนถูกอีกฝ่ายโวยวายใส่

                    “เจ้าเข้าข้างนางอีกแล้วรึ!”

                    “หนนี้เจ้าเป็นฝ่ายผิด” เจเรดส่ายหน้าแล้วเดินไปทิ้งกายลงนั่งบนเก้าอี้ไม้มะฮอกกานี ใบหน้าคมคายทอดมองสหายรักอย่างเหนื่อยหน่ายใจ “รู้ทั้งรู้ว่าท่านประมุขไม่อาจควบคุมตนเองได้ แต่เจ้าก็ยังส่งหญิงคนนั้นไปอยู่ในอุ้งมือของท่าน”

                    “เจ้าไม่รู้อะไร” คามิลเบ้ปากและหยัดกายลุกขึ้น เขาสะบัดเสื้อผ้าของตนใส่ลวกๆ จนได้รับสายตาเอือมระอามองอีกครั้ง “พี่ข้าเป็นคนสร้างพันธะให้นางด้วยตนเองเลยเชียว”

                    “แต่นางเป็นเพียงมนุษย์”

                    “มนุษย์ตระกูลคาไรน์” คามิลกล่าวและไหวไหล่ราวไม่ใช่เรื่องราวใหญ่โต “เจ้าก็รู้ว่าคนพวกนั้นไม่ใช่ธรรมดา”

                    “แต่อายุขัยของนางสั้นเพียงหนึ่งลมหายใจของพวกเรา” เจเรดพูดด้วยใบหน้าวิตกกังวล

                    เขาชักสังหรณ์ใจไม่ดีขึ้นมา

                    “เจ้ากังวลเกินไปแล้วน่า” คามิลผู้ไม่เคยคิดอะไรมากมายรีบตัดบท “ว่าแต่สหายเจ้าอยู่หรือไม่”

                    “ให้ตายเถอะคาม เจ้าก็รู้ว่านางไม่ชอบหน้าเจ้า” เจเรดถอนหายใจหนัก คราวนี้ชายหนุ่มรีบสะบัดตัวลุกหนี

                    “นางอยู่ที่ใด”

                    “...” เจเรดเงียบเพราะตนไม่อยากถูกบ่นอีกแล้ว

                    “ถึงเจ้าไม่บอกข้าก็รู้” รอยยิ้มร้ายกาจแต่งแต้มบนใบหน้าหล่อเหลา              คามิลรีบพุ่งกระโจนออกจากกระท่อมหลังเล็กก่อนกลายร่างเป็นหมาป่าตัวใหญ่ยักษ์ขนสีน้ำตาลทองแดง คามิลสูดจมูกฟุดฟิดก่อนหัวเราะขำขัน

                    แม่กวางน้อยของเขาพรางกายหนีเขาอีกแล้ว

                    “เจ้าหนีข้าพ้นเสียที่ไหน เรเน่” คามิลเอ่ยด้วยน้ำเสียงนึกสนุกก่อนพุ่งตรงไปยังสวนต้นแอปเปิลป่าที่เจ้าตัวมักหลบซ่อนอยู่


     


     


     

    ++++++++++++++++++++


     


     


     


     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×