คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #12 : Part 10 "ทางเลือก"
“เฮ้อ เสร็จซะที”
เสียงหวานเอ่ยหลังจากที่ใช้เวลาหมดไปเกี่ยวกับการเลือกชุด ถ่ายภาพและเรื่องเบ็ดเตล็ดอีกหลาย
อย่าง อย่างเช่นพวกการ์ดเชิญ พวกของชำร่วยอะไรประมาณนั้น ว่าแล้วก็ยกแขนทั้งสองข้างขึ้น
แล้วบิดไปมา
“จะไปไหนต่อรึเปล่า”
ร่าสูงข้างกายถามหลังจากที่โดนโทรไปเรียก
“หิวข้าวแล้วอ่ะ”
หญิงสาวเอ่ยด้วยน้ำเสียงออดอ้อน
“งั้นไปหาอะไรกินกัน”
ว่าแล้วก็เดินไปตามถนนเรื่อยๆ
“นายเลี้ยงนะ”
มาเรียเอ่ยดักคอไว้แล้วก็หัวเราะออกมา
“อืม”
ฮิบาริมองอย่างเอ็นดูพลางใช้มือจับศีรษะที่ปกคลุมด้วยเส้นผมสีน้ำตาลอ่อนแล้วขยี้อย่างมันส์มือ
“อ๊า~อีกแล้ว อย่าทำให้ผมชั้นเสียทรงซี่~”
และแล้วทั้งสองก็เลือกร้านอาหารแห่งนึ่ง ภายในร้านจัดแต่งให้มีกลิ่นอายแบบญี่ปุ่นสมัยโบราณ
เครื่องใช้สิ่งของต่างๆที่เป็นของเก่าถูกวางไว้เป็นระเบียบสวยงาม บรรยากาศรอบๆเงียบสงบ
ทิวทัศน์ข้างนอกเป็นสวนหินที่ถูกจัดไว้อย่างสวยงาม
“เหนื่อยไหม?”
มาเรียถามคนตรงหน้า
“หืม ก็ไม่นี่”
เสียงทุ้มเอ่ยตอบเบาๆ นั่นทำให้ใบหน้าน่ารักบูดบึ้ง
“โกหก ถ้าไม่เหนื่อยก็อย่าทำหน้าเหมือนจะขาดใจแบบนั้นสิ เห็นแล้วมันเซ็ง”
“หือ หน้าของชั้นก็เป็นแบบนี้อยู่แล้ว”
ฮิบาริพูออย่าง งงๆในขณะที่ศีรษะเล็กๆของคนผมสีน้ำตาลส่ายไปมา
“จริงอยู่ที่เคียวยะทำหน้าตายอยู่ตลอด แต่แววตาของนายตอนนี้มันบอกนายเหนื่อย...มาก”
“ปิดไม่ได้จริงๆสินะ”
ร่าสูงเอ่ยเบาๆในขณะที่หญิงสาวทำตาโต
“แหงสิ คิดว่าชั้นเป็นใครกัน ทำไมดูแค่นี้จะไม่รู้”
“ก็เป็นเด็กที่ชอบจุ้นจ้านเรื่องคนอื่นไปหมดนะสิ”
ฮิบาริเอ่ยยิ้มๆทำให้ใบหน้าหวานแดงก่ำ
“ว้าย ตาบ้านี่ อย่าเอาเรื่องสมัยเด็กมาล้อนะ”
มือเล็กๆทุบตีร่าสูงทำให้คนถูกตียิ้มน้อยๆ
“ว่าแต่จะบอกได้รึยังว่าเครียดเรื่องอะไร”
“อือ ก็เรื่องทั่วไป เรื่องงานเยอะแยะไปหมด”
“รวมถึงเรื่องคุณมุคุโร่ด้วยใช่ไหมล่ะ”
“พูดอะไรน่ะ”
“เอ้า ก็ได้ยินแล้วไม่ใช่รึไง ทำเป็นคนแก่หูไม่ดีไปได้”
“เธอรู้?”
“เฮ้อ...ชั้นเป็นเพื่อนกับเคียวยะมาตั้งกี่ปี แค่นี้ทำไมชั้นจะไม่รู้ล่ะ”
“ขอโทษนะ”
“อื้อ ตาคนนี้นี่ไม่ไหวเล้ยย”
มาเรียยิ้มขำๆ
“สรุปแล้ว...ก็รักใช่ไหมล่ะ”
“อืม”
ฮิบาริเอ่ยเสียงแผ่ว
“กะแล้วแล้วเชียว”
หญิงสาวยิ้มแล้วถามด้วยน้ำเสียงจริงจังขึ้น
“ยกเลิกงานแต่งดีไหม?”
“ฮะ?”
นัยน์ตาสีรัตติกาลเบิกกว้าง คนตรงหน้าจึงถามอีกครั้ง
“ยกเลิกงานแต่งดีไหม?”
“ไม่ได้!!!”
เมื่อได้สติ เสียงทุ้มก็ตอบเสียงดัง ทำเอาคนถามหน้านิ่ว
“ง่า ทำไมอ่ะ”
“คิดถึงผลที่จะตามมาให้ตัวเองสิ”
“ฮ่ะๆฮ่าๆ โอ...เคียวยะ พ่อคนดี”
มาเรียเอ่ยหลังจากที่ขำแล้วก็ก้มหน้าก้มตาจัดการอาหารตรงหน้าอย่างรวดเร็ว
.
.
.
“เคียวยะ แวะร้านนี้หน่อยได้ไหม?”
หญิงสาวเอ่ยขณะที่ตอนนี้ทั้งสองกำลังยืนอยู่หน้าร้านกิ๊ปช็อปเล็กๆ ฮิบาริพยักหน้าเบาๆ
กริ๊ง เสียงกระดิ่งหน้าร้านดังขึ้นเมื่อมือบางผลักเข้าไป
“เชิญจ่ะ”
หญิงร่างท้วมวัยกลางคนโผล่ออกมาจากเคาน์เตอร์แล้วต้อนรับทั้งสองอย่างเป็นมิตร
“รบกวนหน่อยนะค้า~”
มาเรียเอ่ยพลางเดินดูไปเรื่อยๆ ภายในร้านที่ถูกประดับตกแต่งให้เหมือนโลกในเทพนิยาย
“อ๊ะ น่ารักจัง”
หญิงสาวว่าพลางเอื้อมมือไปหยิบที่ห้อยโทรศัพท์ขึ้นมา
“น่ารักไหม เคียวยะ”
มือเล็กยื่นที่ห้อยโทรศัพท์สีชมพูอ่อนที่ประดับด้วยดอกไม้เล็กๆหลากสี มีโบว์สีขาวติดตรงปลาย
ที่ร้อยด้วยลูกปัดสีชมพูอ่อนให้ดู
“อืม”
ฮิบาริพยักหน้ารับ พลันนัยน์ตาสีรัตติกาลก็เหลือบไปเห็นสิ่งหนึ่งแล้วหยิบขึ้นมา สิ่งที่หยิบขึ้นมา
นั้นเป็นหวีเสียบผมขนาดกำลังพอดี ตัวหวีที่ทำจากไม้เป็นสีดำสนิท ลวดลายสีทองถูกวาดลงบน
ตัวหวีด้วยความประณีต กลางตัวหวีมีดอกซากุระสีชมพูอ่อนและมีเชือกทักสีแดงขดเป็นรูปโบว์
ติดอยู่ใต้ดอกไม้ ปลายเชือกทั้งสองช้างมีลูกปัดสีทองขนาดเล็กร้อยอยู่ข้างละเม็ด
“ชั้นได้แล้วล่ะ ไปกันเถอะ”
มาเรียว่าพลางเดินไปที่เคาน์เตอร์
“ชั้นจัดการเอง”
เสียงทุ้มเอ่ยพลางแย่งของจากมือหญิงสาวแล้วตรงไปที่เคาน์เตอร์เพื่อจ่ายเงิน
“ขอบใจจ้า”
มาเรียเอ่ยไล่หลัง
“ขอบใจที่มาส่งนะจ๊ะ”
มาเรียเอ่ยขอบคุณเมื่อมาถึงบ้านพัก
“แน่ใจนะว่าอยู่คนเดียวได้”
เสียงทุ้มเอ่ยด้วยความเป็นห่วง
“ได้สิ ชั้นไม่ใช่เด็กแล้วนะ รีบไปเถอะเดี๋ยวคุณมุคุโร่รอนานนะ~”
“อือ”
ฮิบาริครางรับเบาๆแล้วหมุนตัวเตรียมเดินออกไป
“เคียวยะ”
ใบหน้าคมหันไปตามเสียงเรียก มาเรียยิ้มหวานแล้วเอ่ยอีกครั้ง
“เรื่องที่พูดวันนี้ เก็บไปคิดดีๆล่ะ”
.
.
.
“ขอโทษที่ต้องรับกวนอยู่เรื่อยนะโคลม”
เสียงทุ้มบอกเด็กสาวเมื่อมาถึงโรงพยาบาลแล้วยังพบว่าโคลมยังนั่งคุยอยู่กับคนบนเตียง
“ไม่หรอกค่ะ งั้นชั้นขอตัวกลับก่อนนะคะ”
“เหนื่อยไหมครับ?”
หลังจากที่เด็กสาวออกไปแล้ว ร่างเพรียวก็เอ่ยถามคนที่นั่งลงข้างเตียง
“หน้าของชั้นมันเหมือนเหนื่อยมากรึไงนะ”
คิ้วเรียวขมวดเข้าหากันอย่างไม่เข้าใจ
“ก็คงจะเป็นแบบนั้นล่ะครับ”
มุคุโร่เอ่ยพร้อมกับหัวเราะน้อยๆ แต่ก็ต้องสะดุ้งเมื่อร่างทั้งร่างถูกดึงเข้าไปในอ้อมแขนใหญ่
ก่อนที่ริมฝีปากจะถูกประทับจูบเบาๆ
“ทำอะไรน่ะครับ”
“ก็แค่อยากจูบนาย”
“บ้า”
“บ้าแล้วรักไหมล่ะ?”
“บ้า!!!”
ใบหน้าสวยขึ้นสี มือเล็กทุบลงบนแขนแกร่งอย่างแรง
“กล้าตีชั้นเหรอ คิดว่าเจ็บแล้วชั้นจะทำอะไรไม่ได้งั้นสิ”
มือใหญ่สอดเข้าไปใต้เสื้อคนไข้สีฟ้าอ่อนอย่างรวดเร็ว คนถูกกระทำตกใจ มือเล็กยึดข้อมือใหญ่
ไม่ให้ไปซุกซนอย่างหนาแน่น แต่มีหรือแรงน้อยจะสู้แรงเยอะได้ มุคุโร่จึงหันมาใช้วิธีอ้อนแทน
“ฮิบาริครับ อย่าครับ ผมเหนื่อยแล้ว”
เสียงหวานเอ่ยอย่างออดอ้อน นั่นทำให้มือใหญ่ละออกจากกายขาว มากอดอกแล้วหันหน้าหนี
หนีไปทางอื่น มุคุโร่มองการกระทำของร่างสูงอย่างขำๆ นับวันชักทำตัวเป็นเด็กไปแล้วนายคนนี้
“’โกรธผมเหรอครับ”
“…”
“ฮิบาริครับ”
“…”
“อย่าโกรธสิครับ”
“…”
เมื่อคนตรงหน้าไม่มีท่าทีจะยอมพูดด้วย นั่นทำให้มุคุโร่ถอนหายใจเบาๆ
“นี่~”
มือบางประคองใบหน้าคมให้หันมาหาตน
“ทำยังไงคุณถึงจะหายโกรธล่ะ”
คำถามนั้นทำให้มุมปากของร่างสูงกระตุกเล็กๆ
“นายคิดว่าไงล่ะ”
“ก็ยังไงอ่า~”
ร่างตรงหน้าถามอย่างไม่เดียงสา ใบหน้าสวยเอียงน้อยๆ
“คิดเอาเอง”
ฮิบาริกัดฟันพูดอย่างยากเย็นเมื่อเห็นการกระทำของคนตรงหน้า คิ้วเรียวของมุคุโร่ขมวดมุ่น แล้ว
ไม่กี่นาทีต่อมาร่างบอบบางก็ขยับเข้ามาชิดร่างสูง มือเรียวประคองใบหน้าหล่อแล้วทาบริมฝีบาง
ลงบนริมฝีปากของอีกฝ่าย ฮิบาริอึ้งกับการกระทำนี้เล็กน้อยแต่ก็ยังนิ่งรอดูว่าคนตรงหน้าเขาจะ
ทำอย่างไรต่อไป ลิ้นเรียวเล็กสอดเข้าไปในโพรงปากกวัดเกี่ยวลิ้นของร่างสูงอย่างกล้าๆกลัวๆ
มือที่เคยประคองใบหน้าไว้ตอนนี้เลื่อนลงไปเกาะบ่าใหญ่แน่น กายขาวสั่นระริกหลับตาแน่น
ฮิบาริมองอย่างพอใจ มือใหญ่โอบเอวบางให้กระชับเข้ามาอีกบดเบียดริมฝีปากลงไปอย่างหนัก
หน่วง ทั้งคู่แลกรสจูบกันอย่างเนิ่นนานแล้วจึงค่อยผละออก ฮิบาริยิ้มกริ่มต่างจากมุคุโร่ที่หอบ
หายใจเบาๆ มือใหญ่ยกขึ้นลูบเส้นผมสีไพลินที่ยาวจรดพื้นเตียงเบาซึ่งร่างเล็กก็ไม่ได้ว่าอะไร ทั้ง
สองสบตากันอยู่ซักพัก แล้วมือใหญ่ก็ล้วงเข้าไปในกระเป๋ากางเกงเอาสิ่งขึ้นมาแล้วยื่นให้คนที่อยู่
ตรงหน้า
“ให้ผมเหรอครับ”
มือเรียวรับสิ่งนั้นมา หวีสีดำสนิทตัดกับผิวขาวทำให้ดูงดงามอย่างน่าประหลาด ดวงตาต่างสีเป็น
ประกายด้วยความดีใจ
“อือ”
“ขอบคุณนะครับ”
ริมฝีปากบางคลี่ยิ้มให้ แต่ฮิบาริกลับโน้มหน้าเข้ามาหาแล้วจิ้มที่แก้ม มุคุโร่ยิ้มน้อยๆพร้อมกับฝัง
จมูกที่โด่งเป็นสันลงบนแก้มของอีกฝ่ายอย่างรู้ความหมาย
“นายควรจะนอนได้แล้ว”
ฮิบาริเอ่ยเมื่อนาฬิกาบอกเวลาว่าล่วงเลยมาถึง 5 ทุ่มแล้ว
“ครับ คุณอย่าไปไหนนะ”
“ไม่ไปไหนหรอก”
ฮิบาริยิ้มน้อยๆแล้วดึงผ้าห่มคลุมร่างตรงหน้าอย่างเบามือ
“ราตรีสวัสดิ์ครับ”
มุคุโร่เอ่ยเสียงแผ่วแล้วปิดเปลือกตาลง
“ราตรีสวัสดิ์”
เสียงทุ้มเอ่ยอย่างอ่อนโยน นิ้วเรียวเกลี่ยปอยผมที่ปรกใบหน้าหวานเบาๆ ภาพของคนตรงหน้า
ตอนนี้ทำให้รู้สึกกังวลอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
“ชั้นควรจะทำยังไงดี”
To be continue.
ความคิดเห็น