คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : ปฐมนิเทศน์
"กรี๊ด ๆ ๆ ๆ นั่นกวินเด็กที่สอบเข้ามาได้ที่หนึ่งใช่มั๊ย หล่อมากมายอ่ะแก"
"ไม่ใช่แค่หล่อนะ ยังนิ่งเงียบ แถมรวยอีกต่างหาก ไม่ไหวแล้วผู้ชายอะไรเนี่ยเพอร์เฟ็ก"
"..."
เสียงซุบซิบจากทั่วสารทิศดังแว่วมาเข้าหูกวินที่ตอนนี้กำลังเซ็งและงงเต็มทีว่าทำไมคนพวกนี้ถึงรู้จักเขาได้ทั้ง ๆ ที่ ยังไม่มีการแนะนำตัวเลยสักนิด และแม้ว่าการกระซิบกระซาบเหล่านั้นจะเบาก็ตามแต่ลองคิดดูว่าเบาหลาย ๆ เบามันจะดังแค่ไหนกัน!
ไม่เพียงแต่เด็กชายผู้ได้อันดับหนึ่งคนนี้เท่านั้นที่เซ็ง เด็กสาวผู้ได้อันดับสองที่เดินตามหลังมาแทบจะติด ๆ ก็หงุดหงิดและไม่พอใจเช่นกันแต่ไม่ใช่ไม่พอใจคนที่กำลังซุบซิบ เพราะเธอไม่พอใจคนที่ถูกซุบซิบต่างหาก
"นายกวิน เพราะนายคนเดียว คนอื่นเลยมองข้ามหัวชั้นไปแบบนี้ นายต้องรับผิดชอบ!" ขัตติยาเลือดขึ้นหน้าแล้ว จึงไม่รีรอที่จะเดินไปหากวินเพื่อสนองความโกรธที่มีอยู่เต็มอกในตอนนี้
"นี่ นายน่ะ คือ กวิน แจ้งสกุลเกียรติใช่มั๊ย" เด็กสาวเรียกพลางเอามือไปจับไหล่ของเด็กชายผู้เป็นเป้าหมายให้หยุดเดินและหันมาสนใจเธอ แต่เพราะไม่ได้ตั้งตัวอะไรไว้ก่อน ทำให้เด็กชายเสียหลักล้มลงไป
ในส่วนของผิงนั้นก็ตกใจไม่น้อยกับการกระทำของเธอเพราะไม่คิดว่าจะเป็นแบบนี้ รวมถึงหมั่นไส้ชายที่นั่งจมอยู่ตรงพื้นมากขึ้นเพราะคิดว่าเขาแกล้งสำออยมากกว่า
กวินที่ไม่ได้คิดอะไรเลย แม้ว่าจะถูกทำให้ล้มก็ไม่ได้รู้สึกโกรธอะไร แค่งงว่าเกิดอะไรขึ้น พร้อมกับยันตัวเองขึ้น
'นี่ครั้งที่สองแล้วนะ ที่ล้มเนี่ย'
และในขณะที่กวินลุกขึ้นมาเผชิญหน้ากับขัตติยาพอดีทำให้ทั้งเขาและเธอร้องออกมาแทบจะเป็นเสียงเดียวกัน
"อ๊ะ นี่ นาย/คุณ..." ทั้งสองนิ่งอยู่สักพักและก็เป็นกวินที่เรียกสติกลับคืนมาได้ก่อน
"มีอะไรหรือเปล่าครับ"
"นี่ นายไม่ใช่คนต่างชาติ...เอ้ย นายกวิน จำไว้ว่าชั้นไม่มีทางยอมแพ้นาย" พูดจบขัตติยาก็รีบวิ่งไปทันทีทั้งอายกลับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นและทำตัวไม่ถูกเมื่อพบกับกวินจริง ๆ
'อะไรของเค้านะ?' เด็กชายผู้ไม่รู้อีโหน่อีเหน่ก็งงไปตามระเบียบ
"ประกาศ ขอให้นักเรียนทั้งสามระดับชั้นไปรวมกันที่หอประชุมเพื่อรับฟังสุนทรพจน์ของนักเรียนผู้สอบเข้าได้ที่หนึ่งในปีนี้ หลังจบประกาศ ขอบคุณค่ะ" เสียงลำโพงกระจายเสียงดังขึ้น
"อีกแล้ว กวินอีกแล้วสินะ แน่ล่ะ ใครจะมาเห็นหัวที่สองล่ะ ใครกันที่จะมาสนใจคนแพ้แบบเรา" ขัตติยาบ่นอย่างขัดใจและอยากจะร้องไห้อีกรอบนึง หลังจากที่พ่อของเธอทราบก็ว่าเธอยกใหญ่ว่าทำไมเรื่องแค่นี้ก็ทำไม่ได้ และอื่นๆอีกมากมายพอที่จะทำให้เธอเสียความรู้สึกได้อย่างเต็มที่แต่ก็พยายามฝืนเอาไว้ เธอจึงปฏิญาณไว้แล้วว่ากวินคนนี้จะเป็นศัตรูของเธอตลอดไปและเธอจะต้องเอาชนะเขาให้จงได้
ขณะเดียวกันเด็กชายผู้ถูกเรียกชื่อมาสองครั้งแล้วจากเครื่องกระจายตัวเดิม ทำให้เขาไม่ค่อยจะใส่ใจเท่าไหร่นัก ยังคงเดินด้วยอัตราเร็วเท่าเดิม และนึกถึงสิ่งที่เด็กหญิงที่ชื่อขัตติยาคนนั้นทำ ว่าเพราะอะไรเธอถึงแสดงท่าทีเป็นศัตรูกับเขาถึงขนาดนั้น และอยู่ดี ๆ เด็กชายก็ได้ยินคำสนทนาจากคนที่กำลังเดินตามหลังเขามา
"นี่เธอ ไม่รู้ว่าผิงจะเป็นอะไรรึเปล่านะ เมื่อกี้ท่าทางไม่ดีเลย เหมือนกำลังจะร้องไห้อย่างนั้นแหละ" เพื่อนคนหนึ่งของผิงกล่าวขึ้นมา
"นั่นสิ ขึ้นชื่อว่า ขัตติยา วัฒนสมสกุล เคยไม่ได้ที่หนึ่งด้วยหรือไงล่ะ เฮ้อ แต่ก่อนก็อิจฉาน่ะนะ แต่เดี๋ยวนี้ชั้นสงสารยังไงบอกไม่ถูก เฮ้ย ตายแล้ว สายแบบนี้เดี๋ยวขึ้นหอประชุมไม่ทันแน่ๆแก รีบวิ่งเถอะ เร็วเข้า" เพื่อนอีกคนหนึ่งเสริมขึ้นมา พร้อมออกตัววิ่งและตามมาติด ๆ ด้วยเพื่อน ๆ ในกลุ่ม
'อืม เพราะอย่างนี้นี่เอง เขาไม่ได้โกรธหรือเกลียดเราโดยส่วนตัว เพียงแค่ไม่พอใจที่เราได้ที่หนึ่งนี่เอง' กวินไม่ต้องเสียเวลามากนักในการสรุปใจความทั้งหมดที่ได้มาจากการสนทนาเมื่อครู่ และแล้วเขาก็เดินมาถึงยังหอประชุมเป็นคนสุดท้าย สถานที่ที่เขาจะแสดงตัวให้นักเรียนทุกคนได้รู้จักอยู่เบื้องหน้าของเขาแล้ว
บรรยากาศภายในหอประชุมอื้ออึงด้วยเสียงของนักเรียนเกือบจะทั้งระดับ ทั้งนักเรียนที่เข้าใหม่อยากจะผูกไมตรีต่อกัน ทั้งนักเรียนเก่าที่ไม่ได้เจอหน้ากันมาหลายเดือน ซึ่งแน่นอนว่าหัวข้อการสนทนาของพวกเขานั้นก็คงหนีไม่พ้นการอวดว่าซัมเมอร์ที่ผ่านมาไปประเทศใดมาบ้าง หรือได้ซื้อของแบรนด์เนมอะไรมาบ้างรึเปล่า และอื่นๆในทำนองนี้ นับว่าเป็นหัวข้อซ้ำๆที่ไม่เคยพาความเบื่อหน่ายมาให้แก่ผู้พูดเลย กลับพามาแต่ความภาคภูมิใจอย่างหาที่เปรียบไม่ได้ แต่ในทันทีที่กวินก้าวเข้ามา ทุกอย่างกลับหยุดชะงักเหมือนถูกหยุดเวลาเอาไว้ ท่าทีที่นิ่งเฉยของกวินสร้างได้ทั้งความประทับใจและความน่าหมั่นไส้ในจิตใจของหลายๆคน แต่กระนั้นเด็กชายก็ไม่มีทีท่าว่าจะสนใจแม้แต่น้อย เขาเดินตรงมาเรื่อย ๆ จนมาหยุดอยู่ที่โพรเดียมเบื้องหน้าหอประชุม
"สวัสดีเพื่อน ๆ และพี่ ๆ โรงเรียนร่มฤทัยทุกคน ผมเด็กชายกวิน แจ้งสกุลเกียรติ อย่างที่ทุกคนคงจะทราบกันแล้วนั้นว่าผมคือผู้ที่สอบเข้าได้อันดับหนึ่งในปีการศึกษานี้..." เด็กชายเว้นช่วงสักพักเพื่อหยุดฟังเสียงอื้ออึงของเหล่าผู้ฟังที่ไม่รู้จะฮือฮากันทำไมในเมื่อรู้ ๆ กันอยู่ว่าคนที่ขึ้นมาพูดคือคนที่สอบเข้าได้ที่หนึ่ง ก่อนจะกระแอมเล็กน้อย และส่งสายตาเย็นชาไปเพื่อให้ทุกคนหันกลับมาฟังดังเดิม
"และในฐานะที่ตอนนี้ ไม่มีคุณครูท่านใดเข้ามาร่วมรับฟังด้วย ผมจึงขอพูดอย่างเปิดใจเลยว่า ที่ผมได้ที่หนึ่งนั้นไม่ใช่เพราะผมเก่งอะไร แต่เพราะข้อสอบที่ทางโรงเรียนทำขึ้นมานั้น ค่อนข้างจะต่ำกว่ามาตรฐานเกินไปเสียหน่อย และผมก็ไม่อยากที่จะข้องแวะหรือสุงสิงกับใครดังนั้นจึงอยากจะขอให้ทุก ๆ คน โดยเฉพาะเพื่อนๆที่อยู่ชั้นเดียวกับผมได้ทราบโดยทั่วกันว่า ถ้าไม่มีความจำเป็นก็อย่ามายุ่งกับผมนะครับ ขอบคุณครับ " กวินพูดจบก็เดินลงมาจากโพรเดียมอย่างนิ่งเฉยราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่ในส่วนของคนอื่นๆนั้นไม่เลย ณ ตอนนี้มีคนที่หมั่นไส้เขามากกว่าครึ่งโรงเรียนแล้ว
'คงพอใจมากขึ้นแล้วนะ คุณขัตติยา ทั้งคุณทั้งผมก็ได้ประโยชน์ร่วมกัน' เด็กชายคิดพลางก็เดินตรงไปยังสวนหย่อมของโรงเรียนทันที เพราะในช่วงเช้าของวันนี้ทางโรงเรียนได้ให้เวลาเขาใช้ในการพูดแนะนำตัว แต่เขาใช้ไปแค่ไม่ถึงห้านาที จึงเหลือเวลาอีกกว่าสองชั่วโมงให้กวินได้ใช้เวลาอยู่ท่ามกลางธรรมชาติที่เขาชื่นชอบ
ในส่วนของนักเรียนคนอื่น ๆ ต่างก็ได้ใช้เวลาที่เหลือไปกับการพูดถึงการกระทำของกวินในพิธีปฐมนิเทศน์ ซึ่งผลลัพธ์นั้นไม่ได้เป็นไปตามที่เด็กชายคาดไว้ทั้งหมดเพราะแม้ว่าจะมีคนหมั่นไส้เขามากขึ้นก็ตาม แต่อีกส่วนหนึ่งแน่นอนว่าเป็นกลุ่มเด็กผู้หญิงทั้งนั้นกับยิ่งรู้สึกชื่นชอบกวินมากขึ้นเรื่อย ๆ จนตั้งชมรมคนรักกวินขึ้นมาทันที
"นี่แก เห็นมั๊ยเมื่อกี้น่ะ เท่มาก ๆ เลย คนอะไรก็ไม่รู้ หล่อ ขรึม แถมเย็นชาอีกต่างหาก มาดเจ้าชายชัด ๆ เลย" เด็กหญิงจากชมรมคนรักกวินอย่างไม่เป็นทางการพูดขึ้นมา ท่ามกลางความเห็นด้วยจากเหล่าเพื่อน ๆ ที่อยู่รายล้อม
'แหวะ อย่างอีตานั่นอ่ะนะ' ขัตติยานึกในใจ แต่ตอนนี้ถือได้ว่าเด็กสาวดูมีชีวิตชีวามากขึ้นเลยทีเดียว หลังจากที่เพื่อน ๆ ได้มาเล่าให้ฟังถึงการกระทำของกวินเมื่อครู่ ซึ่งแม้เธอจะนึกหมั่นไส้แต่ก็พอใจอย่างบอกไม่ถูกเพราะการกระทำโง่ ๆ นั่นทำให้มีแต่คนจะเกลียดเพิ่มขึ้น และสุดท้ายก็จะไม่มีใครสนใจกวินอีกต่อไป
'นี่แหละ ผลของการหลงตัวเอง คิดว่าตัวเองแน่นักล่ะสิ สมน้ำหน้า'
"ฮัดเช่ยย อะไรอีกเนี่ย เราไม่ได้ไม่สบายนี่นา แปลกทำไมมาที่นี่ทีไร ต้องจามทุกทีเลยนะ" เด็กชายที่ถูกนินทาเริ่มสงสัย ขณะนี้ตัวเขากำลังนั่งอยู่บนเก้าอี้ที่ถูกเพิ่มเข้ามาในสวนหย่อมแห่งนี้ ซึ่งครั้งที่แล้วเขาต้องนั่งที่พื้นหญ้า อาจเป็นเพราะในระหว่างนั้นเป็นช่วงปิดเทอมอยู่ก็เป็นได้ อะไร ๆ จึงยังไม่พร้อมเหมือนอย่างตอนนี้ ระหว่างที่เด็กชายกำลังนั่งหลับตารับกลิ่นไอจากธรรมชาติรอบๆตัวนั้น เสียง ๆ หนึ่งก็ดังขึ้นมา
"เอ่อ ขอฉันนั่งด้วยคนได้มั๊ยคะ?" เสียงใสจากเด็กสาวคนหนึ่งดังขึ้นมาจนทำให้กวินรีบลืมตาและหันไปมองตามที่มาของเสียงทันที เมื่อเขาเห็นแล้วก็ยังต้องใช้เวลาอีกสักนิดในการประมวณว่าเธอได้พูดกับเขาหรือเปล่า
เบื้องหน้าของเขา ณ ตอนนี้ปรากฏร่างบางของเด็กสาวคนหนึ่งอยู่ ซึ่งจัดว่าดูดีไม่น้อยเลยทีเดียว ตากลมโตเหมาะสมกับรูปร่างใบหน้าที่ไม่เรียวหรือกลมจนเกินไป ปากบางๆที่เป็นสีชมพูอ่อนแบบธรรมชาติไม่ต้องพึ่งการเติมแต่งแต่อย่างใด ผมสีดำสลวยยาวประบ่าซึ่งรับกับผิวขาวผ่องเป็นอย่างดี และสิ่งที่สำคัญที่ทำให้กวินแปลกใจที่สุดนั่นก็คือ เขาอุตส่าห์บอกปัดอย่างเป็นทางการขนาดนั้นแล้วว่าไม่อยากยุ่งกับใคร แล้วทำไมคนสวยระดับนี้ถึงยังได้มาคุยกับเขาอีกล่ะเนี่ย...
ความคิดเห็น