ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ตำรับรักฉบับวิชาการ

    ลำดับตอนที่ #1 : วันประกาศผลสอบเข้า

    • อัปเดตล่าสุด 24 ก.พ. 54


    แสงอาทิตย์ยามเช้าสาดส่องมากระทบคฤหาสน์หลังหนึ่งใจกลางเมือง แสงนั้นลอดผ่านบานกระจกสีมาทำให้แสงสีขาวใส กลายเป็นสีต่าง ๆ มากมาย เด็กสาวซึ่งกำลังลงมาจากส่วนบนของคฤหาสน์นี้ก็เดินยิ้มคล้ายจะยิ้มทักแสงสีต่าง ๆ ที่ได้ส่องมาทักทายเธอ เด็กสาวไม่รอช้าหลังจากทักทายแสงสีจนครบแล้วก็เดินตรงมายังโต๊ะกินข้าวที่แม่ของเธอได้นั่งรออยู่ก่อนแล้ว

    "แหม วันนี้ลูกแม่หน้าบานแต่เช้าเลยนะจ๊ะ มีอะไรหรือเปล่าจ๊ะลูก" ผู้เป็นแม่ถามลูกสาวขณะที่ทั้งคู่กำลังรับประทานอาหารเช้ากันอยู่ เพราะโดยปกติแล้วลูกสาวของเธอจะตีหน้าตายตลอดเวลาซึ่งถ้าไม่ใช่เรื่องที่ดีมาก ๆ จริง ๆ เธอคงไม่มีโอกาสได้เห็นสีหน้าแบบนี้เป็นแน่

    "วันนี้เป็นวันประกาศผลสอบเข้าไงคะคุณแม่ ทำไมลืมได้ล่ะคะ" คู่สนทนาตอบกลับด้วยน้ำเสียงแอบงอน แต่หน้าของเธอก็ยังคงยิ้มบานอยู่

    "ตายจริง แม่ลืมซะสนิทเลย ลูกแม่คนเก่งคงเอาที่หนึ่งมาฝากแม่อีกตามเคยสินะจ๊ะ อย่างนี้ต้องโทรบอกพ่อเขาหน่อยแล้ว"

    "ยังไม่ต้องบอกก็ได้ค่ะ คุณพ่อท่านก็ยุ่งอยู่กับงานที่ญี่ปุ่นพออยู่แล้ว เอาไว้กลับมาค่อยบอกท่านก็ได้ค่ะ หนูอิ่มแล้วนะคะ" ฉับพลันเด็กสาวก็ลุกพรวดออกไปตามเคยซึ่งแน่นอนว่าเธอต้องไปนั่งรอแม่ของเธออยู่ในรถแล้วแน่ๆตอนนี้

    บรรยากาศภายในรถวันนี้สบายใจอย่างบอกไม่ถูก เพราะส่วนใหญ่จะเต็มไปด้วยความเครียดระหว่างพ่อและลูกที่มีให้กัน เพราะฝ่ายพ่อก็หวังที่จะให้ลูกเก่ง ได้อันดับหนึ่งทุกอย่างไม่ว่าจะแข่งขันอะไร คอยกดดันอยู่เสมอโดยปราศจากคำชื่นชมหรือให้กำลังใจใดๆ ส่วนลูกก็รับแรงกดดันมาเต็มที่ทำให้การคุยเล่นกันของทั้งคู่แทบจะไม่มีให้เห็น  แต่วันนี้ลูกสาวของเธอยิ้มแย้มแจ่มใสตลอดทาง คุยหยอกล้อกับเธอ กับคนขับรถ และกับพี่เลี้ยงที่ตามมาให้กำลังใจด้วย ถ้าเป็นอย่างนี้ได้ทุก ๆ วันก็คงจะดีไม่น้อยเลย

    "งั้นหนูขอตัวก่อนนะคะคุณแม่ คุณแม่เดินทางดี ๆ นะคะ สวัสดีค่ะ" หลังจากกล่าวลาแล้ว เด็กสาวก็เดินเร็วไปยังที่ที่ประกาศผลสอบเข้าซึ่งสังเกตได้ไม่ยากเพราะมีคนมุงดูอยู่พอสมควรแล้ว 

    "ฝากลูกผิงด้วยนะจ๊ะ สมศรี อย่าปล่อยให้ไปก่อเรื่องอะไรอีกล่ะแล้วก็คอยระวังอย่าให้ใครมาทำอะไรเค้าด้วย ชั้นไปก่อนล่ะ" เมื่อฝากฝังลูกสาวอันเป็นที่รักยิ่งเสร็จแล้ว เธอก็บอกให้คนขับรถออกรถไป สมศรีซึ่งพบที่ที่คุณหนูของเธอเดินไปแล้วก็รีบตามไปทันที

    ผิงยิ้มอย่างภาคภูมิก่อนค่อยๆเดินไปยังกลุ่มเพื่อนของเธอที่เธอพึ่งเห็นเมื่อสักครู่นี้ แต่เพื่อนของเธอกับมองหน้าเธอด้วยสีหน้าที่ไม่ค่อยจะดีนัก ซึ่งทำให้ผิงประหลาดใจอยู่พอสมควร

    "พวกเธอเป็นอะไรกัน ทำไมทำหน้ากันแบบนั้นล่ะ" ผิงถามอย่างเป็นห่วงกลัวว่าจะมีใครในกลุ่มเพื่อนสนิทของเธอสอบไม่ติด

    "ผิง เอ่อ แกทำใจดี ๆ ก่อนนะ... แก ได้ที่ 2 อ่ะ" เพื่อนคนหนึ่งในกลุ่มเอ่ยขึ้นมาซึ่งทำให้คู่สนทนาถึงกับหน้าถอดสี และรีบวิ่งไปดูยังบอร์ดประกาศทันที

    ประกาศรายชื่อผู้ผ่านการสอบเข้าโรงเรียนนานาชาติร่มฤทัย

    1. เด็กชาย   กวิน             แจ้งสกุลเกียรติ
    2. เด็กหญิง  ขัตติยา        วัฒนสมสกุล
    3. เด็กหญิง  วรุณวรรณ    ก้องธรนิณ
    4. ...
    .
    .
    .
    300. เด็กชาย สหคุณ    อุดมแสวงโชค

    มอบตัววันที่ 4 มิถุนายน พ.ศ. 2553 ณ ห้องประชุมใหญ่

    กรุณาใส่เครื่องแบบของโรงเรียนให้ถูกต้อง มิฉะนั้นจะถูกตัด 10 คะแนน


    "ไม่จริงใช่มั๊ย ไม่จริง เราเนี่ยนะ ได้ที่ 2 ไม่จริง ไม่จริงใช่มั๊ย" ผิงถึงกับยืนอึ้งไปพักนึงจนสมศรีต้องรีบเข้ามาดูรวมถึงเพื่อน ๆ ของเธอด้วย

    "คุณหนูเป็นอะไรไปคะ คุณหนู" พี่เลี้ยงถามคุณหนูของตนอย่างร้อนรน ไม่นานหลังจบคำถามน้ำตาที่ไม่ค่อยจะไหลออกมาให้เห็นบ่อยนักก็ไหลออกมา เป็นน้ำตาที่มาจากความเจ็บปวดจากใจ

    "ป้าสมศรีคะ หนูขอตัวสักครู่นะคะ พวกเธอด้วยไม่ต้องตามชั้นมานะ" พูดจบเด็กสาวที่พึ่งพบกับความพ่ายแพ้มาสด ๆ ร้อน ๆ ก็วิ่งจากกลุ่มคนไปทันทีท่ามกลางความกังวลของคนรอบข้างเธอ เด็กสาวก้มหน้าก้มาวิ่งเพื่อกันไม่ให้ใครเห็นสภาพอาบน้ำตาของเธอ และ...

    ตุบ! ร่างของเด็กสาวกับร่างของเด็กชายคนหนึ่งล้มลงไปกับพื้นด้วยแรงจากการชน ขณะที่หญิงสาวกำลังจะเอ่ยปากขอโทษเขาก็พูดแทรกออกมาซะก่อน

    "Sorry, I do not see the way" เด็กชายรีบลุกขึ้นโค้งขอโทษให้ผิง พร้อมยื่นมือมาช่วยพยุงเด็กสาวให้ลุกขึ้น ท่าทีของเขาล้วนดูเป็นสุภาพบุรุษและสง่างามอย่างบอกไม่ถูก ซึ่งเด็กสาวไม่ได้คิดจะยื่นมือไปแต่ร่างกายกลับทำโดยไม่รู้ตัว มือของทั้งคู่ประสานกันทำให้ผิงรู้สึกได้ถึงไออุ่นจากฝ่ามือของอีกฝ่าย แต่เมื่อเธอลุกขึ้นก็รีบสลัดภวังค์นั้นออกไปทันที

    "Are you English? Thanks for your help, by the way I am in hurry, thanks again"หญิงสาวรีบตัดบทอย่างสุภาพและรีบวิ่งออกไปทันที

    "แปลกคนจริง ถามแล้วไม่เอาคำตอบ...แล้วเมื่อกี้ ร้องไห้ทำไมนะ?" เด็กชายยืนนิ่งคิดอยู่สักครู่ 

    "เด็กชาย กวิน แจ้งสกุลเกียรติ กรุณามาที่ฝ่ายประชาสัมพันธ์ตอนนี้เลยนะคะ ขอบคุณค่ะ" เสียงลำโพงกระจายเสียงดังขึ้นทำให้เด็กชายนึกได้ว่าเขาต้องไปฝ่ายประชาสัมพันธ์จึงรีบเดินไปที่หมายทันที และทิ้งความคิดเมื่อครู่นั้นไป

    ไม่นานนักเขาก็เดินมาถึงที่หมายซึ่งก็ต้องพบความประหลาดใจเพราะมีเด็กและผู้ปกครองจำนวนมากยืนรอเขาอยู่ เสียงซุบซิบที่แผ่วเบาแต่ดังมาจากหลายๆคนทำให้กวินพอจะจับใจความได้ว่า ทั้งหมดนั้นกำลังพูดถึงเขาอยู่เกี่ยวกับลักษณะท่าทางบ้าง หน้าตาบ้าง และที่สำคัญเกี่ยวกับลำดับที่ที่เขาสอบเข้ามา 

    'เฮ้อ น่ารำคาญจริง ใครจะคิดว่าจะได้ที่หนึ่งล่ะ เราก็แค่ทำไปเรื่อย ๆ ข้อสอบดันง่ายเอง มันผิดที่ตัวข้อสอบนะไม่ใช่ว่าเราเก่งเลย!' เด็กหนุ่มคิดในใจ เพราะเขาชอบใช้ชีวิตที่เรียบง่าย ไม่ยุ่งเกี่ยวกับใครมากกว่าที่จะต้องตกเป็นเป้าสายตาแบบนี้ และขณะที่เขาคิดอยู่นั้น คุณครูคนหนึ่งก็เดินตรงเข้ามาหาเขา

    "กวินใช่มั๊ย เดินตามครูมาทางนี้เลยนะ" คุณครูสาวเดินมาเรียกกวินและพาเขาฝ่ากลุ่มผู้ปกครองและนักเรียน เข้าไปในห้องประชาสัมพันธ์
     ภายในห้องนั้นเย็นเฉียบคงด้วยเครื่องปรับอากาศและบรรยากาศที่เหล่าคุณครูผู้มาก่อนแล้วได้สร้างขึ้นมา คุณครูทุกคนต่างนั่งรอเขาอยู่ที่โต๊ะกลางของห้องและเหลือที่นั่งสองซึ่งน่าจะเป็นของเขาและคุณครูผู้หญิงคนนี้ เด็กชายคิดพลางก็หันไปมองคุณครูที่เรียกให้เขามานั่งข้าง ๆ เมื่อเขานั่งแล้วก็เหมือนครบองค์ประชุม คุณครูอีกท่านหนึ่งก็ได้เริ่มพูดขึ้นมาทันที

     "กวิน เธอเป็นเด็กที่สอบเข้าโรงเรียนของเราได้เป็นอันดับหนึ่ง ซึ่งคนภายนอกที่อยู่ในแวดวงการศึกษาของโรงเรียนนานาชาติต่างก็รู้ดีว่าการสอบเข้าได้อันดับหนึ่งของโรงเรียนเรามันยิ่งใหญ่ขนาดไหน สิทธิ์ที่เธอจะได้รับครูจะไม่ขอกล่าวในที่นี้ เธอลองไปอ่านดูเองแล้วกัน แต่ที่ครูเรียกเธอมาในครั้งนี้เพราะต้องการจะบอกให้เธอรู้ว่าวันแรกของการเปิดเทอมเธอจะต้องพูดในหอประชุมต่อหน้านักเรียนทั้ง 899 คนไม่ขาดไม่เกินนั้น ไม่ว่าเธอจะพูดอย่างไรนั่นคือสิ่งที่เธอเลือกเอง เพราะคนจะชื่นชอบหรือไม่ชอบนั้นขึ้นอยู่กับสิ่งที่เธอจะพูด ครูก็ขอแนะนำไว้แค่นี้ ส่วนนี่คือเอกสารสิทธิ์ของเธอ ข้อมูลรายชื่อเบอร์โทรของเพื่อนร่วมชั้น และขอแนะนำว่าคนที่นั่งข้าง ๆ เธอคือคุณครูประจำชั้นของเธอนะ ชื่อ คุณครูไอริณ เอาล่ะ วันนี้ก็มีแค่นี้ โชคดี" เด็กชายทำความเคารพว่าที่คุณครูประจำชั้นของเขาพร้อมรับเอกสารทั้งสองฉบับ และลุกขึ้นทำความเคารพคุณครูทุกคนก่อนที่จะเดินออกไปทันที

    "ทำไมชั้นต้องแพ้ด้วย ทำไม เนื้อหาทุกคำทุกตัวอักษรก็จำได้ ร่างกายวันสอบก็พร้อมเต็มที่ แต่ก็ยัง... ฮือ ๆ"ขัตติยาร้องไห้อย่างเจ็บปวด แต่เธอก็ไม่ใช่ผู้หญิงทั่วไปที่จะร้องไห้ไร้สาระเฉย ๆ สมองเธอกำลังหาวิธีการล้างอายครั้งนี้อยู่ และเธอก็คิดขึ้นได้จึงตรงไปยังห้องทะเบียนทันที

    "คุณครูคะ หนูขอดูคะแนนสอบเข้าหน่อยได้มั๊ยคะ หนูขัตติยา วัฒนสมสกุลค่ะ" เด็กสาวเข้าไปในห้องทะเบียนอย่างห้าวหาญ ท่ามกลางความตกตะลึงของคุณครูที่ไม่คิดว่าจะมีเด็กที่กล้าหาญได้ขนาดนี้ 

    "ได้จ้ะ นี่คือข้อมูลสอบเข้าของหนูจ้ะ" คุณครูยื่นข้อมูลที่พิมพ์ออกมาจากคอมพิวเตอร์ให้เด็กสาว

    คณิตศาสตร์            48  คะแนน       
    วิทยาศาสตร์            49  คะแนน
    ภาษาอังกฤษ 1       50 คะแนน
    ภาษาอังกฤษ 2       50  คะแนน
    ภาษาจีน                   50  คะแนน

    "คะแนนหนูขนาดนี้ อย่าบอกนะคะว่าที่หนึ่งเนี่ย..."

    "เต็มทุกวิชาจ้ะ ที่หนึ่งปีนี้เก่งมากๆเลยล่ะ แต่หนูก็เก่งนะจ๊ะได้ตั้งที่สองแน่ะ" คำพูดของคุณครูเหมือนเป็นคำชมที่ดี แต่คำว่าที่สองนั้นมันกับฝังลึกลงไปในจิตใจของเธอจนน้ำตาจะไหลออกมาอีกครั้งแต่เธอก็พยายามหักห้ามใจเอาไว้ และโค้งให้คุณครูก่อนจะเดินออกไป 

    "เด็กคนนี้ช่างเหมือนกับที่หนึ่งคนนั้นจริงๆ เหมือนอย่างบอกไม่ถูก" คุณครูคนที่อยู่ร่วมเหตุการณ์ในห้องประชาสัมพันธ์และในห้องนี้ได้กล่าวขึ้นเมื่อเห็นลักษณะท่าทางของขัตติยา

    "ป้าสมศรีคะ ช่วยมารับหนูหน่อยนะคะตอนนี้หนูอยู่ห้องทะเบียนค่ะ...ค่ะ แล้วหนูจะรอนะคะ สวัสดีค่ะ" เมื่อจบการสนทนาความเงียบก็เข้าครอบคลุมอีกครั้ง สายตาอันเป็นประกายของเด็กสาวเปร่งขึ้นมา

    "เราจะได้เห็นดีกัน นายกวิน เปิดเทอมเมื่อไหร่นายเจอดีกับชั้นแน่ คอยดู! " สุรเสียงที่เต็มเปี่ยมด้วยความแค้นฝังลึกถูกกล่าวออกมาซึ่งคนที่เป็นต้นเหตุนั้นก็ได้รับผลนี้ทันที

    "ฮะ..ฮัดเช้ย! เราเป็นอะไรเนี่ย อยู่ดีๆก็จาม สงสัยยังไม่คุ้นกับอากาศที่นี่ล่ะมั้ง" เด็กหนุ่มนามกวินยังคงยึดหลักตรรกะมากกว่าจะคิดไปถึงเรื่องที่ว่ามีคนพูดถึงเขาอยู่ ในตอนนี้เด็กชายกำลังนั่งอยู่ในสวนหย่อมของโรงเรียนซึ่งเขาก็พึ่งพบขณะเดินออกมาจากห้องประชาสัมพันธ์ เขาสามารถใช้ชีวิตอยู่แบบนี้ได้ตราบนานเท่านานจนกว่าจะมีคนมาไล่ซึ่งก็คงอีกไม่นานเพราะนี่ก็บ่ายมาก ๆ แล้ว ไม่คนงานก็ต้องคนขับรถที่พ่อของเขาส่งมาที่จะมาทำลายความสุขของเขาท่ามกลางธรรมชาติเหล่านี้ 

    ขณะที่กวินกำลังเพลิดเพลินกับธรรมชาติที่สวยงามในสวนหย่อม เด็กหนุ่มก็ไม่ทันสังเกตเลยว่ามีคนกำลังแอบมองเขาอยู่ เขาอยู่อย่างนั้นจนกระทั่งคนรถโทรเข้ามาตามตัวเขาไป รวมถึงคนๆนั้นก็ไปด้วยเช่นกัน

    เมื่อเด็กชายกลับมาถึงบ้านซึ่งมีขนาดใหญ่พอที่จะจุคนทั้งห้องเรียนได้อย่างสบาย เขาก็เดินตรงขึ้นไปยังห้องนอนของเขาทันทีพร้อมหยิบหนังสือข้อมูลของเพื่อนในห้องขึ้นมาอ่าน เขาหยุดที่หน้า ๆ หนึ่งคล้ายกับว่าจะสนใจเป็นพิเศษ จ้องมองอย่างสงสัยว่าเขาเคยเห็นรูป ๆ นี้ที่ไหนกันแน่ แต่มันก็ไม่ได้เรียกความสนสัยใคร่รู้จากเขาได้มากนักเพราะในที่สุด ความง่วงก็มาพาเขาเข้าสู่ห้วงนิทรา ชื่อของคนในภาพที่อยู่ในหน้าที่เขาเปิดค้างอยู่นั้นคือ ขัตติยา วัฒนสมสกุล

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×