ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [EXO] JUST NIGHT 'คืนนี้อยากได้กี่ครั้ง' || CHANBAEK

    ลำดับตอนที่ #2 : ปัญหาส้นตีนที่ 1 :: เด็กใหม่..เพื่อนเก่า..ชานยอล.. 100%

    • อัปเดตล่าสุด 3 พ.ย. 58


     

     

     Chapter 01
     

     

     


     

     

                นับว่าเป็นเหตุการณ์ที่ตกตะลึงสำหรับเด็กนักเรียนม.ปลายปีสามห้อง  ที่จู่ๆวันนี้แบคฮยอนก็โผล่หัวมาโรงเรียนจนได้   ร่างเตี้ยที่สูง 175 เซนติเมตร เดินเฉิดฉายตั้งแต่หน้าประตูจนถึงหน้าห้องเรียนอย่างหล่อเหลาแล้วมาหาโต๊ะตัวเองที่นั่งเป็นประจำเมื่ออาทิตย์ก่อนแต่เขาก็ต้องงุนงงเล็กน้อย

     

    โต๊ะที่กูเคยนั่งมันหายไปไหนแล้วว่ะ....

     

                จำได้ว่าเมื่อครั้งสุดท้ายที่นั่งมันยังอยู่สามตัวติดกันกับโต๊ะของคยองซูและจงแดอยู่เลยนี่  แต่ทำไมมาวันนี้มันถึงมีแค่โต๊ะสองตัวเล่า!!  ขมวดคิ้วให้คยองซูอย่างมีคำถามอยู่ในใจว่าที่ของกูไปไหนจงแดที่เห็นเหตุการณ์ทั้งหมดเลยเป็นคนบอกก่อน

     

                “สมน้ำหน้า  โทร.ไปแม่งไม่รับเอง”

     

                “อ้าว..กูจะไปรู้มั้ยล่ะ แม่งที่กูอยู่ไหนบอกมา พวกมึงย้ายโต๊ะกูหนีใช่มั้ย”

     

                “พวกกูจะทำเพื่ออะไรว่ะ  นู้นที่มึงติดหน้าต่างนู้น”  แบคฮยอนหันไปทางที่จงแดชี้ไปทางหลังห้อง  ที่นั่งโต๊ะสองที่แต่ไม่มีคนนั่งอยู่ ทำให้แบคฮยอนพยักหน้าเบาๆ

     

     

     อ้อ...ให้กูนั่งคนเดียวสินะ..

     ก็ดีที่อยู่หลังห้องไม่เห็นแคร์

     

     

    ขาสั้นๆเดินไปที่โต๊ะตัวเองก่อนที่ตีตั๋วที่ริมหน้าต่าง หยิบ mp3 คู่ใจออกมาทันทีก่อนจะเสียบหูฟัง พิงหน้าต่างเอาขาทั้งสองข้างวางลงเก้าอี้ทั้งสองตัวแล้วหลับตาลง

     

     

    แหม่...นี่มาเรียนหรือมาเที่ยวบ้านพักริมหน้าต่างครับพี่น้อง

     

    แต่แม่งคนอย่างแบคฮยอนอุปสรรคย่อมมีตลอดเว  ทั้งๆที่กำลังเคลิ้มอยู่เชียวแต่จู่ๆก็มีมือของใครสักคนที่มาสะกิดที่ไหล่ของเขา  แบคฮยอนลืมตาขึ้นอย่างเซ็งๆแล้วมองไปหาเจ้าของมือคนนั้น  เจ้าของมือนั่นร่างสูงประดุจเสาชิงช้าแต่เหมือนเบ้งอนนิดนึง  มองตาแป๋วๆมาหาแบคฮยอนก่อนจะเอ่ยขึ้นเบาๆ

     

    “เอาขาออกหน่อยสิ  เราจะนั่-

     

    “กูไม่ให้นั่ง  นี่ที่ของกู

     

    “ไม่ใช่  นี่ที่ของพวกเรา แบคฮยอนควรนั่งตรงนี้...” มือหนาชี้ไปที่เก้าอี้ตัวนอกที่ไม่ได้ชิดหน้าต่าง “เพราะเรานั่งตรงนั้นไปแล้ว..” แล้วที่ไปที่นั่งตรงที่แบคฮยอนนั่งอยู่ทันที  เมื่อถูกไล่นิดๆแต่แบคฮยอนไม่เคยแคร์นั่งแช่อยู่อย่างนั้นพร้อมจิกตามองไอ้บ้านั่น  ไอ้หน้ากวนบาทามองแบคฮยอนตาปริบๆพร้อมกับจับสายกระเป๋าเป้เบาๆอย่างไม่รู้ว่าหายนะกำลังจะมา...

     

    มึงไม่รู้จักแบคฮยอนแห่งเดอะเบสท์ใช่มั้ย!!

     

    “กู-จะ-นั่ง-ตรง-นี้!!”  สัญชาตญาณแห่งความเดือด  ความโมโหที่ทะลุปรอทของแบคฮยอนตะโกนออกมาเสียงดังลั่นห้องทันทีทำให้ทุกคนในห้องหันมาทางแบคฮยอนและไอ้นั่นพร้อมกันเป็นตาเดียว  ไอ้หน้าเอ๋อหันไปมองทุกคนรอบๆอย่างงงๆก่อนจะหยุดที่แบคฮยอนนั่งพิงหน้าต่างตรงหน้า

     

    “แบคฮยอนตะโกนทำไมอ่ะ  เจ็บคอแย่เลย..”

     

    “.....”

     

    “เรามีสเตร็ปซิลนะ  เอามั้ย..”   พูดพร้อมเอากระเป๋าที่พายอยู่ด้านหลังมาห้อยไว้ข้างหน้าพร้อมหยิบซองยาอมแก้เจ็บคอที่ว่า ยื่นไปให้แบคฮยอนท่ามกลางสายตาคนทั้งห้องที่กำลังกลั้นขำ

     

     

    แต่โทษที  แบคฮยอนแม่งขำไม่ออกว่ะ!!

     

    “เก็บเอาไปไว้ให้แม่มึงอมเหอะ ไอ้เชี่ย!”  ปัดซองยาออกจากมือไอ้นั่นอย่างไม่ใยดีลงพื้น  พร้อมกับเสียงโอ้วของคนทั้งห้องทำให้ไอ้นั่นมองซองยาที่หวังดีให้ด้วยตาละห้อยแล้วเงยหน้ามองคนตรงหน้า  แบคฮยอนลุกขึ้นจากเก้าอี้เหมือนพร้อมจะต่อยไอ้เชี่ยนี่ตลอดเวลาก่อนจะแสยะยิ้มออกด้วยความสะใจ  เล่นกับใครไม่เล่น  แม่งเล่นกับแบคฮยอน!!

     

    “ขอบคุณนะที่หวังดี  แต่แม่เราชอบยาอมมะแว้งมากกว่าน่ะท่านบอกว่าสเตร็ปซิลมันหวานเกินไป..”  ไม่น่าเชื่อว่าไอ้นี่จะกวนตีนแบคฮยอนจนหยดสุดท้าย แบคฮยอนยีฟันด้วยความโกรธท่ามกลางเสียงหัวเราะที่กลั้นไม่อยู่จากคนรอบข้าง จางอี้ชิงที่เห็นว่าสถานการณ์เริ่มไม่ค่อยดีคิดว่าถ้าอยู่ต่อไปมีหวังไอ้คนตรงหน้ามันต้องถูกแบคฮยอนล้มแน่ๆ  ด้วยความที่เป็นหัวหน้าห้องทำให้เขาต้องรีบเดินเข้ามากั่นกลางทันที  แล้วหันไปตบไหล่แบคฮยอนเบาๆ

     

    “เฮ้ย..ใจเย็นเว้ย นี่มันพื่อนใหม่ของเราอย่ามีเรื่องกันเลยน่า  มันจะมองหน้ากันไม่ติดซะเปล่าๆ”  คำว่าเพื่อนใหม่จากปากทำให้แบคฮยอนต้องหันไปหาพร้อมขมวดคิ้วให้อี้ชิงด้วยความสงสัยถูกถามทางสายตาทำให้อี้ชิงร้องอ๋อขึ้นมาทันที

     

    “อ้อ..คือช่วงที่นายไม่อยู่ชานยอลย้ายมาจากห้อง J น่ะ  แล้วเผอิญว่าวันถัดมาครูอี้ฟานก็ให้จัดโต๊ะนั่งเป็นคู่ใหม่เพราะห้องมันรก แล้วทีนี่มันก็เศษนายไงเพราะนายไม่มา  ชานยอลเขาก็เลยอาสานั่งคู่กับนาย เข้าใจหรือยัง”  คิ้วของแบคฮยอนคลายนิดนึงก่อนจะมองคนตัวสูงกว่าตั้งแต่หัวจรดปลายตีน...

     

    “หึ..เด็กเส้นอาจารย์อี้ฟานสินะ”

     

    “เราไม่ได้นิสัยแบบแบคฮยอนซักหน่อย”

     

    “อ้าวไอ้เหี้ยนี่!!” ยกกำปั้นขึ้นมาพร้อมจะชกหน้าของชานยอลที่ไม่รู้ประสีประสาแต่โชคดีที่อี้ชิงกับจงแดและคยองซูที่รีบวิ่งเข้ามาฝ่าวงล้อมเพื่อห้ามมือแบคฮยอนทันทีทั้งยังตบบ่าเพื่อนรักเบาๆเพื่อให้ใจเย็นลง

     

                “เอาน่ามึง ไอ้เหี้ยนี่มันเป็นเพื่อนใหม่เรานะเว้ย...แม่งฉลาดมากคิดเผื่ออนาคตไว้  มึงอาจได้ลอกการบ้านมัน” คยองซูกระซิบข้างหูแบคฮยอนเบาๆพร้อมยกยิ้มนิดนึงที่พอเป็นมารยาทให้ชานยอล โดยที่ไม่รู้สัดนิดว่าสิ่งที่เขาพูดไปสองคนเมื่อกี้ชานยอลเองก็ได้ยินเหมือนกัน..

     

    “เราชื่อชานยอลไม่ใช่ไอ้เหี้ย..พวกแบคฮยอนนิสัยไม่น่าคบเลยอ่ะ  คิดจะลอกการบ้านเราอย่างเดียว”

     

    “ไอ้ห่านี่..ตีนคู่สักคำมั้ยฮะ!!”  ทันทีที่คำนั้นออกจากปากชานยอลยิ่งทำให้แบคฮยอนโกรธมากขึ้น   สองเท้าหน้าพยายามตะเกียกตะกายที่จะเตะชานยอลให้ได้แต่ไม่รู้ว่าทำไมชานยอลจะโชคดีอะไรกันนักกันหนาที่มีพวกอี้ชิงมาช่วยตลอดทั้งจื่อเทา จงอิน  และเซฮุน  แม่งอย่าให้ถึงทีกูนะฟัคคคคค!!

     

     

    “เฮ้ยๆ  บอกให้พอก็พอดิว่ะ  ถ้าอาจารย์อี้ฟานเข้ามาเจอว่าทะเลาะกันโดนทั้งห้องเลยนะเว้ย  พวกมึงแม่งไปนั่งกันให้หมดมายืนมุงดูตรงนี้อะไรไม่ทราบ..! มึงก็นั่งลงดีๆซะนะแบคฮยอนอย่าเรื่องมาก  ส่วนนายชานยอล ทนๆไปหน่อยล่ะกัน ถ้าไม่ไหวจริงๆเดี๋ยวฉันมานั่งนี่แทนก็ได้  เอาล่ะเรื่องจบใช่มั้ยทุกคน...ถ้าจบแล้วเข้าใจแล้ว ก็แยกย้ายกันเถอะนะ  หัวหน้าอี้ขอ..” เหมือนโหมดจริงจังจะไม่ค่อยได้ผลทำให้อี้ชิงเลยใช้ไม้นี้ขึ้นมา  ทำให้แบคฮยอนยีหัวอย่างอารมณ์เสียก่อนจะผลักไหล่ชานยอลให้ถอยออกห่างจากโต๊ะด้านนอกที่เป็นจุดไว้วางขาของเขาเมื่อหน้านี้แต่ตอนนี้มันจะกลายเป็นที่นั่งประจำไปแล้ว

     

    เมื่ออี้ชิงเห็นทุกอย่างเริ่มปกติเลยตบบ่าชานยอลเบาๆแล้วให้ไปนั่งที่ริมหน้าต่างก่อนที่ตัวเองจะไล่ให้เพื่อนๆแต่ละคนเข้านั่งที่ของตัวเอง ชานยอลเก็บซองยาที่แบคฮยอนเป็นคนปัดทิ้งลงพื้น โชคดีที่เป็นซองใหม่ที่พึ่งซื้อมา เขาจัดการเก็บมันเข้าที่เดิมในกระเป๋าก่อนจะเลื่อนเก้าอี้แล้วหย่อนก้มลงนั่งอย่างใจเย็น ราวกับว่าเหตุการณ์เมื่อกี้มันไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนเลย ซึ่งมันแตกต่างกับความรู้สึกของแบคฮยอนที่ตอนนี้เกลียดไอ้นี่เข้าไส้ คนเหี้ยอะไรแม่ง กวนตีนชิบหาย!!

     

    “เราชื่อปาร์ค ชานยอลนะ  เรามาจากห้อง เราไม่ได้ใช้เงินยัดเข้ามาอย่างที่ใครเข้าใจด้วย เราแค่ตั้งใจเรียน  ครูอี้ฟานก็เลยขอผอ.ให้เราย้ายมาอยู่ห้องนี่  ฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะแบคฮยอน...” เหมือนพรีเซนต์ตัวเองว่าเรียนเก่งแต่กลับถ่อมตัวจนน่าหมั่นไส้ใช้คำว่าแค่ตั้งใจเรียน  แบคฮยอนยักปากนิดๆก่อนจะพูดขึ้นมา

     

    “กู-รู้-แล้ว...” พูดกระแทกใส่หน้าเบาๆพร้อมจิกตาใส่  แต่ชานยอลกลับยิ้มร่าออกมาให้แบคฮยอนทำเอาคนที่ถูกยิ้มให้ต้องหันไปทางอื่นพร้อมถอนหายใจเฮือกนึงแรงๆ 

     

    ชานยอลแม่งโง่จริงหรือแกล้งโง่ว่ะ ดูไม่ออกเหรอไงว่ากูรำคาญชิบหาย’  เอามือค้ำคางคิดในใจอย่างหงุดหงิดแต่ก็ต้องสะดุ้งเมื่อจู่ๆก็มีนิ้วมาสะกิดเขาพร้อมยกสมุดเล่มเล็กๆเหนือหัวแบคฮยอน

     

    “เฮ้ย...!!” ด้วยสัญชาตญาณทำให้แบคฮยอนเอามือมาป้องหัวตัวเองและย่นคอเข้ากับไหล่คิดว่าชานยอลจะเอาสมุดเล่มนั้นฟาดเข้าที่หัว แต่ทุกอย่างมันกลับตาลปัตร...

     

    “บะ..แบคฮยอน” สะกิดที่ไหล่ของคนที่ทำท่าประหลาดอีกครั้ง  ทำให้แบคฮยอนต้องค่อยๆหรี่ตาขึ้นมามองชานยอลที่กระพริบตาถี่ๆเหมือนสงสัยแต่ก็เริ่มฉีกยิ้มกว้างออกมาก่อนจะยื่นสมุดเลชเชอร์สีน้ำตาล-เหลืองให้แบคฮยอน “เราเห็นว่าแบคฮยอนไม่มาโรงเรียนบ่อยน่ะ เราก็เลยจดงาน จดการบ้านให้  ลายมืออาจดูไม่เรียบร้อยเท่าไรนะเพราะงานมันค่อนข้างเยอะ เราเลยรีบจดให้ กลัวแบคฮยอนอ่านและทบทวนบทเรียนไม่ทัน”  แบคฮยอนมองหน้าชานยอลที่ยิ้มร่าด้วยสายตาแปลกๆก่อนที่เขาจะหยิบสมุดเล่มนั้นออกมาจากมือของคนตัวสูง

     

    “ขอบใจเว้ย..แต่ทีหลังไม่ต้อง  กูไม่ค่อยชอบทำการบ้าน”

     

    “อันนั้นคยองซูบอกเราแล้วล่ะเราก็เลยต้องจดให้ไง วันนั้นจงแดเอาเกรดของแบคฮยอนมาให้เราดู แบคฮยอนเกรดต่ำมากเลยอ่ะ  บางปีไม่ถึงเกรด 1 ด้วยซ้ำ...ถ้าแบคฮยอนเข้ามหาลัยมันจะยากนะ แต่เราว่าเราก็พอจะช่วยแบ-

     

    “เลิกพูดได้แล้วมึง กูจะนอน”  แบคฮยอนบอกหน่ายๆก่อนจะเก็บสมุดเลชเชอร์อย่างจำใจเข้าลิ้นชักใต้โต๊ะก่อนจะฟุบหัวลงนอนทันที  ชานยอลเห็นสภาพแบคฮยอนตรงหน้าแล้วอึ้งนิดหน่อย ก่อนจะก้มหน้าลงพูดข้างหูแบคฮยอนเบาๆ

     

    “แบค..แบคฮยอนจำเราไม่ได้จริงๆเหรอ”

     

    “อือ....!!” กระแทกเสียงหนักๆเพราะชักจะรำคาญไอ้นี่เข้าไปทุกที  แต่ชานยอลก็ยังดูไม่มีท่าทีที่จะเดือดร้อนอะไรสักนิด  ก็แค่ชวนคุยแค่นั้นเอง..ไม่ได้ทำอะไรผิดสักหน่อยเนอะ

     

    “เราปาร์ค ชานยอลไง”

     

    “มึงบอกกูแล้ว”

     

    “ก็ใช่...แต่เราเคยรู้จักกันมาก่อนไง แต่มันเหมือนแบคฮยอนจำเราไม่ได้เลยอ่ะ”

     

    “ก็กูไม่เคยรู้จักมึง  นี่เลิกพูดได้มั้ย กูจะนอน”  บอกเสียงแข็งเซ็งๆอืออึงในลำคออีกครั้งนึงให้  ชานยอลเบ้ปากก่อนจะค่อยๆเลือนหน้าออกจากข้างหูแบคฮยอนแล้วเอามือค้ำคางถอนหายใจเบาๆ  แบคฮยอนที่นอนคว่ำหน้าลงแต่เหมือนจะนึกอะไรขึ้นออก ชานยอลรีบกระซิบลงข้างหูของคนที่ครึ่งหลับครึ่งตื่นทันที

     

    “ชานยอลที่ตอนเด็กๆชอบอุ้มตัวเฟอร์เรตไง  อ้วนๆใส่แว่นตาน่ะ  แบคฮยอนต้องจำเราได้แน่ๆ”

     

    “แม่งเอ๊ยกูจะนอนก็ไม่ได้นอน! มาพร่ำพรรณนาเป็นนางเอกละครหลังข่าวอะไรข้างหูกูว่ะ!!  มึงไปเล่นเอ็มวีไกลๆตีนกูเลยนะชานยอล อย่าให้เหลืออด …..  แล้วพวกมึงมองเหี้ยอะไรกันว้ะ! โธ่เว้ย! หงุดหงิดชิบหาย!! วันเชี่ยอะไรของกูว่ะ!!”  ลุกขึ้นชี้หน้าด่ากราดทุกคนก่อนจะเตะฟัดเตะเหวี่ยงพาร่างตัวเองหนีมาจากห้องเรียนบ้าๆนั่น โชคดีที่ตอนนี้นี้ยังไม่ถึงเวลาเข้าคาบแรก ทำให้แบคฮยอนเลือกที่มาอยู่ในห้องน้ำชาย  ทันทีที่ก้าวขาเข้ามาสงบจิตสงบใจได้ไม่นาน คยองซูกับจงแดก็เดินเข้ามาหาแล้วคยองซูก็ตบบ่าแบคฮยอนเบาๆพร้อมเอ่ยขึ้น

     

    “มึงเป็นอะไรว่ะ  ปกติไม่ใช่คนขี้โวยวายแบบนี้นี่หว่า?

     

    “ยกเว้นกับไอ้ชานยอล  มึงรู้มั้ยมันแม่งกวนตีนกูตั้งแต่ก้าวขาเข้ามาในห้องล่ะ  ไอ้เชี่ยนี่.. สักวันกูกลัวจะได้ฆ่ามันก่อนวันปัจฉิมแน่ๆ”

     

    “เดี๋ยวมึงก็ชินเองน่า  ตอนแรกกูกับคยองซูก็โดนมันเสี้ยมแบบนี้แหละ ชานยอลมันซื่อจะตาย อาจจะพูดแทงใจดำนิดๆแต่มันก็นิสัยดีนะโว้ย...”

     

                “ได้ลอกการบ้านมันแล้วล่ะสิ มึงถึงพูดแบบนี้ไอ้จงแด..” จงแดยักคิ้วสองทีให้แบคฮยอนก่อนจะเดินไปส่องกระจกพร้อมจัดทรงผมหน้าม้าไปด้วย 

     

                “ไม่ใช่กูคนเดียวก็แล้วกัน... มึงไม่รู้อะไร ชานยอลแม่งไอน์สไตน์มาเกิดใหม่ชัดๆ  ช่วยชีวิตห้องเราไปตั้งหลายคน  แถมตอนนี้ก็ยังจะจับกลุ่มกับพวกหัวหน้าอี้ชิงอีกด้วย...” แบคฮยอนเลิกคิ้วขึ้นสูงกับคำพูดชวนงงของจงแดที่หน้ากระจก คยองซูเดินไปหาจงแดพร้อมกับเอานิ้วชี้ปัดผมหน้าม้าที่แตกให้เข้าที่เล็กน้อยก่อนจะวางศอกที่ไหล่ของจงแดแล้วหันหน้าไปหาแบคฮยอน

     

                “พวกกูคิดไว้ว่าจะดึงชานยอลเข้าแก๊งค์เรา..” << คยองซู

     

                “มันจะดีมากขนาดไหนว่ะถ้าหนึ่งในแก๊งค์เรามีสมองกะทิไว้สักคน” << จงแด

     

                “อย่างที่มึงรู้ แก๊งค์เราดังจะตายในโรงเรียนใครๆก็รู้จัก  อย่างกูที่เบสท์เรื่องกีฬา  จงแดเบสท์เรื่องกิจกรรม  ส่วนมึงก็เบสท์เรื่องชั่ว..” << คยองซู

     

                “ส่วนชานยอลมันก็เบสท์เรื่องเรียน..ถ้ามีไว้ในแก๊งค์เราก็ไม่เสียหาย  มันคิดดูดิเกรดพวกเราอัพแน่ๆ  เก่งๆแบบนี้กูไม่มีทางให้พวกอี้ชิงเอาเข้ากลุ่มหัวหน้าด้วยหรอก”  << จงแด

     

                “เพราะฉะนั้นไม่ว่าทางไหนวิธีอะไรก็ตาม  พวกกูจะเอาชานยอลเข้าแก๊งค์เราให้ได้!!<< สองเพื่อนรัก

     

                “ไม่!  No! No! มันจะไม่มีใครหน้าไหนเข้าแก๊งค์เราทั้งนั้น!!  ไหนตอนเกรด 10 ที่พวกเราตั้งแก๊งค์ใหม่ๆ พวกมึงไม่ใช่เหรอว่ะที่บอกว่า  ‘3 members always and forever’ … ”  แบคฮยอนโบกมือไม่เอาด้วยกับสองสหาย  ก่อนจะเดินไปพิงกำแพงห้องน้ำข้างๆพร้อมบรรยายต่อ “ถ้าพวกมึงไม่อยากให้มีคดีฆาตกรรมเกิดขึ้นในโรงเรียนเราล่ะก็ เลิกคิดที่จะเอาไอ้ขี้เปียกนั่นเข้าแก๊งค์เดอะเบสท์ของพวกเราซะ..”

     

     

     

                ถ้าพูดถึงแก๊งค์เดอะเบสท์ (The Best )  แน่นอนว่าใครๆในโรงเรียนก็ต้องรู้จักแก๊งค์นี่กันทั้งนั้น เรื่องความแหกกฎ  โดดคาบ  หลับในห้องเรียน  เถียงอาจารย์  ลาดตระเวนในห้องผู้ปกครอง  พวกนี้ก็ล้วนทำมาหมดแล้ว  แต่ถึงยังไงสามคนนี่เขาก็มีข้อดีอย่างที่คยองซูได้บอกไว้..

     

    โด คยองซู  ชายหนุ่มผู้ที่มีส่วนสูงอยู่ 174 เซนติเมตร แต่น้ำหนักเราจะไม่ขอกล่าวถึง..   คยองซูเป็นคนที่เด่นในด้านกีฬาหลายอย่างมากๆ  ทั้งเทควันโด  ฟุตบอล  บาสเกตบอล  แบคมินตัน  เพราะเหตุนี้แลที่ทำให้มีสาวแท้ สาวเทียม  ตามกริ๊ดคยองซูอยู่ตลอดเวลา...

     

    คิม จงแด   หนุ่มกิจกรรมของโรงเรียน  จงแดเป็นผู้ชายที่เด่นนันทนาการมาก ชนิดที่ว่าถ้ามีการแข่งขันไหนที่คนแข่งไม่พร้อม  จงแดคนนี้ก็พร้อมที่จะช่วยเหลือทุกคนอยู่ตลอดเวลา  เรียกได้ว่าเอาใจบรรดาครูที่เป็นแม่ยกได้กันเลยทีเดียวเชียว...

     

    บยอน  แบคฮยอน  เด็กหนุ่มที่ห้าว  ห่าม  เถื่อน  และถ่อย... การเรียนตกต่ำมากขึ้นทุกปี  กีฬาไม่ใช่งานถนัด  กิจกรรมนันทนาการยิ่งไม่ต้องพูดถึง  ถือคติมาตลอดว่าแค่หน้าตาดีไปวันๆแค่นี้เขาก็เหนื่อยมากพอแล้ว  แต่นั่นก็เป็นแค่คำแก้ตัวของคนที่ไม่ได้เรื่องอะไรสักอย่าง

     

     

    จริงอย่างที่บอกคยองซูบอก แบคฮยอนเบสท์แค่เรื่องชั่วจริงๆ

     อืม...นั่นแหละ...

     

                “ไม่เคยมีสัจจะอยู่ในหมู่โจรครับคุณบยอน...ยังไงซะ พวกกูก็จะเอาชานยอลเข้ามาในกลุ่มให้ได้... ” จงแดพูดพร้อมแท็กมือกับคยองซูอย่างเหนือไพ่เพราะรู้ว่ายังไง สองรุมหนึ่งมันก็ต้องชนะอยู่เสมอ  แบคฮยอนกำลังจะอ้าปากเถียงแต่เสียงออดของคาบแรกที่ดังก่อนทำให้เขาทำได้แค่ถอนหายใจเฮือกใหญ่ใส่คยองซูกับจงแดอย่างหัวเสียแล้วเดินนำหน้าออกจากห้องน้ำมุ่งสู่ห้องเรียนเพื่อเรียนคาบแรกทันที แต่ก็ไม่วายชี้หน้าด่าคาดคั้นเพื่อนรักทั้งสองคนตลอดทางเดิน...

       

                ในเวลาพักเที่ยงของวัน  เด็กทั้งโรงเรียนผู้หิวโหยต่างอยู่ที่โรงอาหารโดยไม่ได้นัดหมาย  เว้นแต่แบคฮยอนคนนี้นี่แหละ    ร่างเตี้ยในห้องเรียนอย่างโดดเดี่ยวนั่งเสียบหูฟังเพลงอย่างสบายอารมณ์  ใช้สองเพื่อนรักให้มีประโยชน์ลงไปซื้ออาหารมาให้กินเพราะขี้เกียจลงไปซื้อเอง   

    แบคฮยอนเอานิ้วเคาะโต๊ะมานานเกือบ 20 นาที  แต่ก็ยังไม่มีวี่แววเงาของคยองซูหรือจงแดที่เดินเข้ามาในห้องสักนิด  บรรยากาศที่เริ่มน่าเบื่อคลุ้งฟุ้งเต็มจิตใจไปหมด  ก่อนจะนึกถึงสมุดเลชเชอร์เล่มเล็กที่ชานยอลให้เมื่อเช้า  แบคฮยอนหยิบของสิ่งนั่นที่ยัดไว้ในใต้โต๊ะแล้วเปิดขึ้นหน้าแรกทันที..

     

    ลายมือที่เรียบร้อย  อ่านง่าย  ขีดเส้นใต้ของข้อความที่สำคัญ  ปากกาหลากหลายสีชวนเวียนหัวถูกฉายเข้ามาในสายตาของแบคฮยอน  เปิดผ่านๆทีละหน้าอย่างใจเย็น  จนไม่อยากจะคิดว่านี่มันคือสมุดเลชเชอร์ของผู้ชาย... สะอาดสะอ้าน ลอยลิควิคก็แทบไม่มี เรียกได้ว่าสมุดเล่มนี้ถ้าแบคฮยอนทำหายละก็ชิบหายจริงๆ เพราะสมุดเล่มนี้มันน่าเก็บมากๆ..  น่าเก็บขึ้นไปไว้บนหิ้งแล้วแต่งตั้งเป็นสมุดแห่งคุณงามความดีกันได้เลยทีเดียวล่ะ..

     

    จริงอย่างที่คยองซูกับจงแดบอกจริงๆ  ชานยอลน่าจะเรียนเก่งมากๆ เพราะภาษาที่เขียนอยู่ในสมุดเลชเชอร์เล่มนี้ ล้วนแต่เป็นภาษาทางการของวิชานั้นๆ สูตรอะไรก็มิอะไรไม่รู้มากมายเต็มไปหมด แต่ชานยอลก็อุตส่าห์ใจดีที่ขีดเส้นแบ่ง เขียนหัวข้อตัวเด่นๆให้ว่าสูตรนี้เป็นของวิชาอะไร  แต่ทำแบบนี้สมองของแบคฮยอนมันก็ไม่ได้มีรอยหยักเพิ่มขึ้นเท่าไรนักหรอก  แต่ถ้าพูดจริงๆแบคฮยอนก็ไม่ได้โง่ขนาดนั้นหรอก  แค่แบคฮยอนไม่ชอบการจำเจอยู่ในห้องสี่เหลี่ยมแบบนี้ก็เท่านั้น  แถมยังเป็นพวกฟลุ๊คในการสอบแค่นั้นเองที่ทำให้แบคฮยอนมาอยู่ห้อง นี่ได้   

     

    เปิดลวกๆจนมาถึงหน้าสุดท้ายแบคฮยอนถึงกับอยากจะเป็นลมจับ  แค่อาทิตย์เดียวชานยอลจดได้ถึง 28 หน้าเศษๆ  ถอนหายใจหน่ายๆแล้วนึกไปถึงตอนเย็น  ช่วงเวลาที่รอคอยมาทั้งวันหลังจากเรียนเสร็จเขาควรต้องพักผ่อนหย่อนใจสิ  ไม่ใช่ต้องกลับมานั่งปั่นการบ้านที่มีไม่รู้ต่อกี่งาน แค่คิดแบคฮยอนก็ต๊อแต๊แล้ว...

     

    “เห้อ..นี่การบ้านหรืออะไรว่ะแม่งเยอะชิบหาย  ไปสูบบุหรี่รอข้าวดีกว่า..” เก็บสมุดเลชเชอร์ไว้ในใต้โต๊ะก่อนจะเอื้อมหยิบซองบุหรี่ราคากลางๆที่อยู่ในกระเป๋านักเรียนมาใส่ในกระเป๋ากางเกงนักเรียนทันที   เดินออกจากห้องเรียนอย่างใจเย็นไม่มีพิรุธโดยที่จุดมุ่งหมายอยู่ที่ห้องน้ำชาย  ขาสั้นๆเดินผิวปากอย่างอารมณ์ดีจนมาถึงคนสองคนที่ยืนตันทางเดินของเขา ทำให้แบคฮยอนต้องหยุดเท้าทันทีอย่างจำใจ  ปากที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มหุบลงอย่างเห็นได้ชัด  สองคนที่ยืนขวางทางเขาไม่ใช่คยองซูและจงแด    แต่กลับเป็นมินอากับจียงที่ยืนตรงหน้าเขานี่เอง... 

     

     

    แบคฮยอนอยากตะโกนว่าเหี้ยใส่ไมค์ที่ห้องพีอาร์ของโรงเรียนจังเลยครับ...

     

                     
                       --60%--



     

    “เฮ้ย! ชานยอลมึงจะขึ้นห้องใช่ป่ะ??”  เสียงเรียกจากจงแดทำให้ชานยอลที่กำลังเดินไปกับกลุ่มของอี้ชิงหันหน้ามาทันที

     

    “ใช่  จงแดมีอะไรรึเปล่า”

     

    “มานี่หน่อยดิ แปปนึง” จงแดกวักมือเรียกชานยอลให้เดินเข้าไปหา  ชานยอลหันไปบอกให้พวกอี้ชิงไปก่อนแล้วจึงรีบวิ่งไปทางคยองซูและจงแดนั่งอยู่

     

    “กูฝากข้าวไปให้ไอ้แบคหน่อยดิ  พอดีครูอี้ฟานเรียกน่ะพวกกูต้องรีบไป  ลำบากป่ะ??” คยองซูเอาถุงอาหารที่แบคฮยอนสั่งเสียไว้ดิบดีกับน้ำและขนมสองสามห่อ  ชานยอลรับมาด้วยความเต็มใจพร้อมยิ้มกว้าง

     

    “ไม่ลำบากหรอก  เราเต็มใจช่วยเพื่อนอยู่แล้ว   ว่าแต่ทำไมแบคฮยอนไม่ลงมากินข้าวล่ะ??  เจ็บขาเหรอ”

     

    “มันขี้เกียจน่ะ  แบบนี่ประจำของมันนั่นแหละ..งั้นพวกกูไปก่อนนะชานยอล”

     

    “อ่าๆ ได้ๆ  ไว้เจอกันนะ”  โบกมือให้ก่อนจะเดินขึ้นไปที่ห้องเรียนของตัวเอง  ชานยอลยกถุงขึ้นมาดู  ของที่ถูกห่อด้วยแผ่นกระดาษอาหารที่คงจะร้อนๆน่าทานแต่ตอนนี้มันเย็นหมดแล้ว เดาได้ว่าคยองซูกับจงแดคงซื้อไว้ตั้งนานแต่กลับมานั่งอ้อยอิ่งที่โต๊ะนั่นจนกับข้าวเย็น  เดินแกว่งถุงในมือมาเรื่อยๆจนเห็นแบคฮยอนยืนคุยกับใครไม่รู้อีกสองคน  ชานยอลรีบก้าวขาฉับๆเพื่อให้ถึงจุดหมายเร็วๆ  ก่อนที่จะเดินแทรกกลาง  สองคนนั่นไป  ไม่ใช่ไม่มีมารยาทนะ แต่เพราะทางมันแคบต่างหากล่ะ   ไม่ลืมที่ขอโทษสองคนนั่นด้วยความรู้สึกผิดนิดๆก่อนจะหันมาหาแบคฮยอนพร้อมยกถุงอาหารให้

     

    “คยองซูกับจงแดฝากเราเอามาให้แบคฮยอนน่ะ  รีบไปกินเถอะมันเย็นหมดแล้วอ่ะ ” แบคฮยอนพยักหน้าให้ทีนึงพร้อมรับของจากชานยอลมาถือไว้  และกำลังเดินกลับไปที่ห้องเหมือนเดิมแต่มินอาก็พูดทักขึ้นมา ทำให้แบคฮยอนต้องหยุดอยู่ที่เดิม

     

    “คิดจะเดินหนีฉันอย่างเดียวเหรอแบคฮยอน  ไม่ใจเสาะไปหน่อยเหรอ”

     

    “ฉันแค่ไม่อยากเจอเธอ ไม่ได้หมายความว่าใจเสาะนะ..”

     

    “อ้อเหรอ...” เสียงสูงๆพร้อมยกคิ้วขึ้น  มินอากอดอกตัวเองพร้อมเดินเข้าไปหาแบคฮยอนใกล้ๆ “ทำไมฉันจะไม่รู้ว่าที่นายไม่มาโรงเรียนเป็นอาทิตย์เพราะฉัน...นี่น่ะเหรอแบคฮยอนเดอะเบสท์  เหอะ! ฉันอยากจะขำ” ใบหน้าเหยียดหยามส่งมาหาแบคฮยอนทางสายตา แต่เขาก็ทำได้แค่กัดฟันเพราะรู้ว่ายังไง ชกแฟนเก่าไปมันก็ไม่คุ้ม...

     

    “อ้อแล้วอีกอย่าง...เลิกโทร.มาหาฉันได้แล้วนะแบคฮยอน” มินอาถอยหลังกลับไปที่เก่าพร้อมกับกอดแขนจียงที่ยืนยิ้มกว้างอย่างเหนือชัยก่อนจะซบไหล่เบาๆ

     

                “มันชอบรบกวนเวลาของฉันน่ะ เข้าใจมั้ย..” เป็นจียงที่พูดให้แบคฮยอนก่อนที่เขาจะโอบไหล่มินอาเบาๆแล้วเอนหัวเข้าหามินอา  เป็นการกระทำที่โครตหยามหน้ามาก เพราะตั้งแต่คบกันมา แบคฮยอนยังไม่เคยมีโมเม้นให้มินอาซบไหล่อะไรแบบนี้มาก่อน  กัดฟันในใจให้ทั้งสองคนด้วยความหมั่นไส้ก่อนที่จะรู้สึกได้ว่าชานยอลกำลังสะกิดแขนเสื้อของเขา

     

                “ไปกันเถอะแบคฮยอน..อย่าไปสนใจเลย” กระซิบข้างหูแบคฮยอนพร้อมดึงเสื้อเบาๆ  แบคฮยอนเอาลิ้นดันกระพุ้งแก้มนิดนึงอย่างหน่ายๆก่อนจะเดินไปหาจียงอย่างช้าๆพร้อมเอามือวางที่ไหล่ของร่างสูงแล้วตบบ่าเบาๆ

     

                “สักวันมึงจะต้องเสียใจที่รู้จักผู้หญิงที่ไม่เคยพอแบบมินอา..จียง”

     

                “.....”

     

                “สักวันมึงจะต้องกลับไปเขียนในไดอารี่ว่าครั้งนึงในชีวิตเคยรักผู้หญิงที่เอาแต่มั่วแบบนี้  มึงจำไว้..” ตบบ่าปุๆอีกครั้งแล้วแล้วรีบลากชายเสื้อชานยอลให้เดินตามมา ปล่อยให้เสียงกริ๊ดของมินอาดังลั่นทั่วอาคารอย่างไม่สนใจ โดยที่ตลอดทางชานยอลสัมผัสได้ว่าแรงกระชากเสื้อของแบคฮยอนเริ่มแรงขึ้นเรื่อยๆจนเหมือนจะฉีกเสื้อของเขายังไงยังงั้นแต่ชานยอลก็ทำได้แค่เดินตามแบคฮยอนไปตามแรงดึง  เมื่อเดินมาถึงในห้องแบคฮยอนถึงได้ปล่อยให้เขาหลุดออกจากพันธนาการ  ก่อนจะเดินไปที่นั่งตัวเองด้วยความกระฟึดกระฟัดแล้วเหวี่ยงถุงอาหารและขนมลงโต๊ะอย่างรุนแรงจนชานยอลสะดุ้งเบาๆก่อนที่จะทิ้งตัวลงนั่ง

     

                “สมเพชกูล่ะสิ...” พูดขึ้นเบาๆทั้งที่สายตาไม่ได้จ้องมาหาชานยอลแม้แต่น้อย หันไปมองรอบกายเพราะคิดว่าแบคฮยอนน่าจะหมายถึงคนอื่นแต่ทั้งห้องก็มีกันแค่สองคน  ทำให้ชานยอลเดินมานั่งข้างๆแล้วเอามือค้ำคางหันหน้าไปคุยกับแบคฮยอนที่นั่งหน้าเครียดอยู่ตอนนี้

     

                “ทำไมเราต้องสมเพชแบคฮยอนด้วยหล่ะ?

     

                “ก็กูมันห่วย กูมันไม่หล่อ  กูมันเตี้ย  โง่แล้วเสือกปากหมาแถมยังโดนทิ้งอีกต่างหาก มึงไม่เห็นรึไง”

     

                “เห็น...แต่มันก็ไม่ได้หมายความว่าเราต้องว่าแบคฮยอนแบบนั้นนี่...เวลาแบคฮยอนท้อ เราควรที่จะให้กำลังใจสิ” ยิ้มกว้างจนมีลักยิ้มออกมาให้แบคฮยอนเห็น แต่คนที่นั่งหน้าบึ้งก็ทำได้แค่ถอนหายใจแรงๆ

     

                “ถ้าสองตัวนั้นพูดแบบมึง น้ำตากูคงไหลแน่ๆ...” ดีดนิ้วทีนึงใส่หน้าผากคนเอ๋ออย่างหมั่นไส้ก่อนจะกัดฟันยิ้มออกมา “ดราม่าไว้ทีหลัง ตอนนี้กูขอแดกก่อน หิวเหี้ยๆ...แดกป่ะ?” ยื่นซองขนมให้ชานยอลแต่คนเอ๋อกลับส่ายหน้าปฏิเสธ แบคฮยอนยักไหล่เบาๆก่อนจะจัดการกินของที่อยู่บนโต๊ะอย่างมูมมามโดยที่ไม่แคร์ว่าชานยอลกำลังมองและขำกับท่าทางการกินเหล่านั้นข้างๆเขา

     

                “แดกก๊าซหัวเราะเหรอ   ขำเหี้ยอะไรของมึง”

     

                “ก็แบคฮยอนกินเหมือนเราจะแย่งอ่ะ ฮ่าฮ่า”

     

    โป้ก!

     

    หลังมือถูกฟาดเข้าที่หน้าผากชานยอลอีกครั้งและแรงกว่าเดิมจนเจ้าตัวต้องยกมือขึ้นมาลูบปอยๆแต่รอยยิ้มก็ยังคงไม่หายไปจากใบหน้า

     

    “ก็-กู-หิว” แค่นเสียงออกมาให้ชานยอลรู้ว่ากำลังอารมณ์เสียและหวังว่ามันคงจะเลิกกวนสักนิดแต่ก็กลับไร้ผล “กูก็แดกของกูแบบนี้มาตลอดทั้งชีวิตนี่แหละ  มึงมีปัญหา??” พูดทั้งที่ข้าวยังเต็มปากพร้อมหาเรื่องชานยอล คนเอ๋อยิ้มพร้อมยกมือส่ายหน้าไปมาก่อนจะนั่งค้ำคางมองดูแบคฮยอนกินข้าวเหมือนเดิม   คนที่กินข้าวอยู่ก็กินบ้างเหลือบมองชานยอลบ้างเป็นระยะ  ใช่ว่าแบคฮยอนจะไม่ได้ยินว่าประโยคเต็มๆเมื่อกี้ชานยอลพูดอะไรบ้าง..แต่ถ้าห้องมันจะเงียบเหงาขนาดนี้ ขอคนที่แดกข้าวอยู่เต็มปากเป็นคนชวนพูดล่ะกัน

     

    “ขอบคุณเรื่องสมุดเลชเชอร์นะ  มึงจดละเอียดมาก ส่วนลายมือ..ก็พออ่านได้”  ชานยอลยิ้มพยักหน้าให้แล้วปล่อยให้แบคฮยอนพูดประโยคต่อไป “ถ้าอยากให้กูช่วยอะไรก็บอก..” ชานยอลที่นั่งเอามือค้ำคางยิ้มอยู่ รีบดีดตัวขึ้นนั่งดีๆพร้อมตาโตๆที่เป็นประกายแล้วถามแบคฮยอนเพื่อความแน่ใจ

     

    “จริงเหรอแบคฮยอน?!

     

    “เออ!” ถึงข้าวจะเต็มปากแต่แบคฮยอนก็เสียสละที่จะพูดให้ชานยอลฟัง  คนเอ๋อยิ้มกว้างอีกครั้งก่อนจะบอกในสิ่งที่เขาต้องการ...

     

    “งั้นแบคฮยอนก็ช่วยคิดหน่อยสิ ว่าเราเป็นใคร..”  คนถูกอ้อนวอนหยุดเคี้ยวข้าวในปากอยู่ครู่นึงก่อนจะมองไปที่ชานยอลอย่างงงๆแล้วพูดขึ้นช้าๆ

     

    “ก็ชานยอลไง...มึงไม่สบายรึเปล่าว่ะ ไปตกท่อที่ไหนมาถึงลืมได้ว่าตัวเองชื่ออะไร!?” วางช้อนพลาสติกลงแล้วรีบตบหน้าชานยอลรัวๆเบาๆทันที  คนถูกตบจับมือของแบคฮยอนออกแล้วส่ายหน้า

     

    “ไม่ใช่สักหน่อย..เราหมายถึงให้แบคฮยอนคิด.. นึกอ่ะว่าเราเป็นใคร

     

    “นี่มึงยังไม่เลิกพร่ำอีกเหรอว่าเรารู้จักกัน  กูบอกแล้วว่ากูไม่รู้จักมึง..”

     

    “รู้จักสิ...เราจำได้ แต่แบคฮยอนจำเราไม่ได้อ่ะ

     

    “งั้นมึงก็บอกกูมาสิ ว่าเรารู้จักกันตอนไหนไม่ทราบ”

     

    “ไม่อ่ะ...เราอยากให้แบคฮยอนนึกได้เองมากกว่า..” เสียงเบาลงพร้อมก้มหน้าสร้างความดราม่าให้แก่แบคฮยอนอย่างเห็นได้ชัด  “เราอยากรู้ว่าเราอยู่ในความทรงจำของแบคฮยอนรึเปล่า...” ดราม่าอีกดอกที่ทิ่มลงมากลางหัวแบคฮยอนจนเจ้าตัวต้องถอนหายใจเบาๆ  จิกตาไปหาชานยอลอย่างหน่ายๆก่อนที่อะไรบางอย่างมันจะปรากฏภาพบนหัวออกมา

     

    “ชานยอล...ปาร์ค    ..ปาร์ค ชานยอล...” เสียงเอ่ยชื่อของตัวเองก็ทำให้ชานยอลลุ้นไปด้วยเหมือนกันว่าแบคฮยอนจะสมองปลาทองจำเขาไม่ได้รึเปล่า  ภาพเหมือนจะคุ้นแต่มันก็ยังคิดไม่ถึงอยู่ดี  ไม่ว่าสมองซีกไหนของแบคฮยอนก็นึกไม่ออก ซีกหน้าก็แล้วซีกหลังก็แล้ว  แต่จู่ๆไอ้คำเมื่อเช้าที่ชานยอลใบ้ให้มันก็แล่นเข้ามาในโสตประสาททันที

     

     

    “ชานยอลที่ตอนเด็กๆ ชอบอุ้มตัวเฟอร์เรตไง  อ้วนๆใส่แว่นตาน่ะ.....”

     

    “ชานยอลที่ตอนเด็กๆ ชอบอุ้มตัวเฟอร์เรตไง  อ้วนๆใส่แว่นตาน่ะ.....”

     

    “ชานยอลที่ตอนเด็กๆ ชอบอุ้มตัวเฟอร์เรตไง  อ้วนๆใส่แว่นตาน่ะ.....”

     

     

               



     

                เหมือนสมองซีกน้อยๆจะเริ่มทำงานโดยอัตโนมัติเมื่อประโยคนั่นค่อยๆแล่นเข้าหัว  แบคฮยอนเม้มปากค่อยๆนึกทีละช่วงอายุว่าเคยพบเจอคนประเภทนี้มั้ย  จนในที่สุดสมองที่ไม่ค่อยได้ทำงานมันก็นึกถึงหน้าไอ้เด็กนั่นทันที...!!

     

                ใช่แล้ว!! ปาร์ค ชานยอล!! เพื่อนร่วมห้องของเขาในวัยเด็ก! ไอ้เด็กผู้ชายอ้วนๆ ดำๆ ใส่แว่นหนาเตอะ  ไอ้เชี่ยนี่ที่ชอบเอาตัวเฟอร์เรตแอบเข้าไปในโรงเรียนด้วยทุกวัน ไอ้ที่ตอนอนุบาลมึงยังสูงไล่เลี่ยกูอยู่เลย!!

     

                “มึง! ไอ้เซาโล!!! ” ชี้นิ้วไปที่หน้าของชานยอลพร้อมตาโตเพราะตกตะลึงในความเปลี่ยนไปของไอ้คนเอ๋อ “มึงคือชานยอล!!??

     

                “แบคฮยอนเยี่ยมสุดๆไปเลย ฮ่ะฮ่ะ”  ร่างสูงตบมือแปะๆเป็นการชื่นชมในมันสมองของแบคฮยอน  บอกตรงๆว่าชานยอลโครตเปลี่ยน  ทั้งรูปร่าง หน้าตา  ถ้าไม่บอกมาก่อนว่าเคยเป็นเพื่อนกันในสมัยเด็ก บอกเลยว่าคนที่สมองขนาดพกพาง่ายแบบแบคฮยอนจำไม่ได้แน่ๆ

     

                “เหยดเข้...” เสียงสบถออกมาเบาๆจากปากบางก่อนจะกุมหัวแล้วยีผมตัวเองแรงๆ  “ผ่านมาตั้ง15-16 ปี  มึงจำกูได้ไงว่ะชานยอล” หันไปถามคนเอ๋อด้วยความแปลกใจ ชานยอลหรี่ตาลงนิดนึงเหมือนคิดอะไรบางอย่างก่อนที่นิ้วหนาจะชี้ที่มุมแก้มด้านขวาของแบคฮยอน...

     

                “เราจำได้ว่าแบคฮยอนมีขี้แมลงวันอยู่ตรงนี้...” นิ้วชี้ของเขาจิ้มมาที่มุมคางของแบคฮยอน“แถมมันคุ้นชื่อแบคฮยอนมากเลยอ่ะ เราก็เลยจำได้” ไม่รู้ว่าชานยอลเป็นโรคหุบยิ้มไม่ได้รึเปล่า ทำไมวันนี้แบคฮยอนถึงได้เห็นรอยยิ้มไอ้นี่บ่อยเหลือเกิน  ยื่นมือขึ้นมาจับหน้าชานยอลทั้งสองข้างแล้วเอียงไปมาเพื่อสำรวจอะไรต่างๆ ดันหน้าชานยอลจนยู่ๆแล้วถึงพูดออกมา

     

                “มึงแม่งโครตเปลี่ยนไปเลยว่ะ...หล่อขึ้นนี่”  ฮาวทูเพอร์เฟคเลยมั้ยหล่ะเพื่อนรัก... ชานยอลที่ถูกแบคฮยอนใช้มือบีบหน้าจนปากจู๋  พยายามแค่นคำพูดออกมาแต่ก็มีแค่เสียงอืออึ้งอยู่ในลำคอทำให้เลือกที่ยิ้มปากจู๋ออกมาดีกว่า พลอยทำให้แบคฮยอนที่เห็นภาพตรงหน้ายิ้มตามบางๆออกมา

     

                “ไม่ขนาดนั้นหรอก  แบคฮยอนหล่อกว่าเราอีก แหะแหะ”

     

                “เรื่องนั่นมันแน่อยู่แล้วมึง...” เอามือออกจากหน้าชานยอลแล้วจัดการเก็บกล่องข้าวที่เหลืออยู่ขอบกล่องเอาไปทิ้งก่อนจะหันหน้าไปหาชานยอลด้วยความมาดแมน “คำว่าหล่อ กูได้ยินตั้งแต่อยู่ในท้องแม่แหละ” ชานยอลกัดปากกลั้นขำออกมากับท่าทางของแบคฮยอน  ก่อนที่จะคุยกันไปมากันสักพักตามประสาเพื่อนในวัยเด็กที่ไม่เจอกันมานาน ตามจริงแล้วในตอนนั้นเขาทั้งสองก็สนิทกันพอสมควร โรงเรียนอนุบาลบูชอนนับว่าเป็นสถานที่แรกที่ทำให้แบคฮยอนกับชานยอลรู้จักกัน 

                ถ้าพูดถึงชานยอลในวัยเด็กแล้วใครๆก็คงนึกถึงภาพเด็กผู้ชายที่พูดน้อย ไม่กล้าแสดงออก ตัวอ้วนๆ ดำๆ ใส่แว่นหนาเตอะเพราะสายตาสั้น  ที่สำคัญยังเคยแอบเอาตัวเฟอร์เรตเข้ามาในห้องเรียนนับแทบไม่ถ้วน  เพราะนิสัยที่แหกกฎนิดๆและรวมกับรูปร่างหน้าตาที่ไม่ดูน่ารักสมวัยเด็ก ทำให้ชานยอลต้องอยู่คนเดียวอยู่ทุกครั้งในคลาสเรียน แล้วเผอิญว่าแบคฮยอนก็ดันเป็นเด็กเกรียนในห้องน่ะสิ...นิสัยห้าวห่ามมาตั้งแต่เล็ก แต่ยังไงซะ เขาก็ยังคงความน่ารักน่าชังในตอนนั้นทำให้แบคฮยอนมีเพื่อนเยอะอยู่พอสมควร  บอกเลยว่าถ้าแบคฮยอนไม่บังคับ ขู่เข็ญ  ลากชานยอลเข้ามากินข้าวเที่ยงด้วยกันเพราะสายตาเจ้ากรรมดันไปเห็นตอนที่เขากำลังป้อนข้าวเฟอร์เรตอยู่คนเดียวไร้เพื่อนๆรอบกายในวันนั้น  ชานยอลก็คงไม่รู้คำว่า มิตรภาพ  ของเพื่อนจากบยอน แบคฮยอนคนนี้หรอก...

     

     

     ใครที่ด่าแบคฮยอนตอนต้นๆว่าชั่วนี่  คงต้องเปลี่ยนความคิดใหม่หน่อยนะ..

     

     

    คนเริ่มเข้ามาในห้องเรียนมากขึ้นเรื่อยๆเพราะเวลาพักเที่ยงเริ่มเหลือน้อยลง  ชานยอลกับแบคฮยอนที่คนในห้องคิดว่าพึ่งรู้จักกันไม่ถึงวัน แต่ทำไมถึงคุยกันด้วยท่าทางสนิทสนมขนาดนั้นเริ่มคุยกันเสียงดังมากขึ้น  แต่ก็ไม่ค่อยมีใครสนใจเท่าไรมากนัก จนคยองซูกับจงแดเดินเข้ามาในห้องเรียนแล้วเดินไปหาวงสนทนา นั่นแหละถึงทำให้สองคนนั้นหยุดคุยกัน

     

                “พวกเราโดนผอ.เล่นแล้วหว่ะมึง..” เดินดุ่มๆมาหาพร้อมทำหน้าเครียดใส่ แบคฮยอนขมวดคิ้วกับสิ่งที่จงแดพูดก่อนที่คยองซูจะขยายความต่อ “เรื่องที่พวกเรารุมกระทืบไอ้สั้นหลังห้องน้ำหญิงวันนั้น..มีคนเห็นแล้วไปฟ้องผอ.ว่ะ”

     

                “แล้วไงหว่ะ! พวกเราไม่ได้หาเรื่องไอ้สั้นก่อนนี่” น้ำเสียงดูจริงจังขึ้นทันทีที่ได้ยินถึงชื่อบุคคลที่สาม  หวัง แจ็คสัน  นักเรียนห้อง F ที่มีเรื่องกับแก๊งค์เดอะเบสท์มาตลอดใครๆก็รู้ข้อนี้ดี แบคฮยอนยังจำได้ว่าต้นเหตุของการทะเลาะวิวาทในอาทิตย์ก่อนๆนั่นคืออะไร  มันกล้ายังไงที่เดินมาหาเดี่ยวๆพร้อมกับการพูดจาหาเรื่องไม่เข้าหู ทั้งยังเป็นฝ่ายที่เริ่มใช้ความรุนแรงก่อนคือการผลักคยองซูจนก้นล้มจังกับพื้น..

     

     แบบนี้ใครจะทน??

     สองตีนมี ก็ถีบมันดิว่ะ!!

     

     

                กลายเป็นว่าการตะลุมบอลครั้งนั้นคือสามรุมหนึ่ง... ภายในเวลาไม่ถึงยี่สิบนาที ใบหน้าของแจ๊คสันก็เปื้อนไปด้วยฝุ่นของรองเท้าสามคู่และเลือดเล็กน้อย   แต่แน่นอนเดอะเบสท์ก็พอมีสำนึกอยู่บ้างที่ไม่เอาจนตาย  ปล่อยให้แจ๊คสันนอนขดเพราะความจุกและเจ็บอยู่หลังห้องน้ำนักเรียนหญิงอยู่นั่นแหละ..

               

    “ก็ไม่แล้วไง  แต่งานนี้พวกเราดูผิดเต็มๆ รอดูความพินาศในวันพรุ่งนี้เถอะมึง ลุงๆหลานๆผอ.ยังไงพวกเราก็ผิดอยู่ดี..” คยองซูยักไหล่ใส่ทีนึงให้แบคฮยอนด้วยใบหน้าเบ้ๆเล็กน้อย แบคฮยอนถอนหายใจเฮือกใหญ่กับสิ่งที่จะเกิดขึ้นในวันพรุ่งนี้ก่อนจะเหลือบตาไปมองชานยอลที่นั่งก้มหน้าก้มตาอยู่อย่างเงียบๆ นั่งกั้นกลางให้สามเพื่อนรักคุยกันข้ามหัวสบายใจเฉิบไร้เสียงแทรกเข้ามาในวงสนทนา    มองชานยอลด้วยแววตาเหมือนมีความคิดอะไรบางอย่างสักพักก่อนที่ใบหน้านั่นจะเผยรอยยิ้มมุมปากออกมา

     

     

      มึงนี่มัน...มีประโยชน์จริงๆเลยนะ  ไอ้เซาโล!!

     

                                

     

     


     

    -TBC-



     

    เซาโลมีประโยชน์เสมอค่ะ เพราะฉะนั้น รอแปปปป 555 

    สกรีมแท็ก #ฟิคคืนนี้อยากได้กี่ครั้ง  ด้วยรักนะงิ 

    © themy  butter
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×