คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : ปัญหาส้นตีนที่ 1 :: เด็กใหม่..เพื่อนเก่า..ชานยอล.. 100%
Chapter 01
นับว่าเป็นเหตุการณ์ที่ตกตะลึงสำหรับเด็กนักเรียนม.ปลายปีสามห้อง B ที่จู่ๆวันนี้แบคฮยอนก็โผล่หัวมาโรงเรียนจนได้ ร่างเตี้ยที่สูง 175 เซนติเมตร เดินเฉิดฉายตั้งแต่หน้าประตูจนถึงหน้าห้องเรียนอย่างหล่อเหลาแล้วมาหาโต๊ะตัวเองที่นั่งเป็นประจำเมื่ออาทิตย์ก่อนแต่เขาก็ต้องงุนงงเล็กน้อย
โต๊ะที่กูเคยนั่งมันหายไปไหนแล้วว่ะ....
จำได้ว่าเมื่อครั้งสุดท้ายที่นั่งมันยังอยู่สามตัวติดกันกับโต๊ะของคยองซูและจงแดอยู่เลยนี่ แต่ทำไมมาวันนี้มันถึงมีแค่โต๊ะสองตัวเล่า!! ขมวดคิ้วให้คยองซูอย่างมีคำถามอยู่ในใจว่าที่ของกูไปไหนจงแดที่เห็นเหตุการณ์ทั้งหมดเลยเป็นคนบอกก่อน
“สมน้ำหน้า โทร.ไปแม่งไม่รับเอง”
“อ้าว..กูจะไปรู้มั้ยล่ะ แม่งที่กูอยู่ไหนบอกมา พวกมึงย้ายโต๊ะกูหนีใช่มั้ย”
“พวกกูจะทำเพื่ออะไรว่ะ นู้นที่มึงติดหน้าต่างนู้น” แบคฮยอนหันไปทางที่จงแดชี้ไปทางหลังห้อง ที่นั่งโต๊ะสองที่แต่ไม่มีคนนั่งอยู่ ทำให้แบคฮยอนพยักหน้าเบาๆ
อ้อ...ให้กูนั่งคนเดียวสินะ..
ก็ดีที่อยู่หลังห้องไม่เห็นแคร์
ขาสั้นๆเดินไปที่โต๊ะตัวเองก่อนที่ตีตั๋วที่ริมหน้าต่าง หยิบ mp3 คู่ใจออกมาทันทีก่อนจะเสียบหูฟัง พิงหน้าต่างเอาขาทั้งสองข้างวางลงเก้าอี้ทั้งสองตัวแล้วหลับตาลง
แหม่...นี่มาเรียนหรือมาเที่ยวบ้านพักริมหน้าต่างครับพี่น้อง
แต่แม่งคนอย่างแบคฮยอนอุปสรรคย่อมมีตลอดเว ทั้งๆที่กำลังเคลิ้มอยู่เชียวแต่จู่ๆก็มีมือของใครสักคนที่มาสะกิดที่ไหล่ของเขา แบคฮยอนลืมตาขึ้นอย่างเซ็งๆแล้วมองไปหาเจ้าของมือคนนั้น เจ้าของมือนั่นร่างสูงประดุจเสาชิงช้าแต่เหมือนเบ้งอนนิดนึง มองตาแป๋วๆมาหาแบคฮยอนก่อนจะเอ่ยขึ้นเบาๆ
“เอาขาออกหน่อยสิ เราจะนั่-”
“กูไม่ให้นั่ง นี่ที่ของกู …”
“ไม่ใช่ นี่ที่ของพวกเรา แบคฮยอนควรนั่งตรงนี้...” มือหนาชี้ไปที่เก้าอี้ตัวนอกที่ไม่ได้ชิดหน้าต่าง “เพราะเรานั่งตรงนั้นไปแล้ว..” แล้วที่ไปที่นั่งตรงที่แบคฮยอนนั่งอยู่ทันที เมื่อถูกไล่นิดๆแต่แบคฮยอนไม่เคยแคร์นั่งแช่อยู่อย่างนั้นพร้อมจิกตามองไอ้บ้านั่น ไอ้หน้ากวนบาทามองแบคฮยอนตาปริบๆพร้อมกับจับสายกระเป๋าเป้เบาๆอย่างไม่รู้ว่าหายนะกำลังจะมา...
มึงไม่รู้จักแบคฮยอนแห่งเดอะเบสท์ใช่มั้ย!!
“กู-จะ-นั่ง-ตรง-นี้!!” สัญชาตญาณแห่งความเดือด ความโมโหที่ทะลุปรอทของแบคฮยอนตะโกนออกมาเสียงดังลั่นห้องทันทีทำให้ทุกคนในห้องหันมาทางแบคฮยอนและไอ้นั่นพร้อมกันเป็นตาเดียว ไอ้หน้าเอ๋อหันไปมองทุกคนรอบๆอย่างงงๆก่อนจะหยุดที่แบคฮยอนนั่งพิงหน้าต่างตรงหน้า
“แบคฮยอนตะโกนทำไมอ่ะ เจ็บคอแย่เลย..”
“.....”
“เรามีสเตร็ปซิลนะ เอามั้ย..” พูดพร้อมเอากระเป๋าที่พายอยู่ด้านหลังมาห้อยไว้ข้างหน้าพร้อมหยิบซองยาอมแก้เจ็บคอที่ว่า ยื่นไปให้แบคฮยอนท่ามกลางสายตาคนทั้งห้องที่กำลังกลั้นขำ
แต่โทษที แบคฮยอนแม่งขำไม่ออกว่ะ!!
“เก็บเอาไปไว้ให้แม่มึงอมเหอะ ไอ้เชี่ย!” ปัดซองยาออกจากมือไอ้นั่นอย่างไม่ใยดีลงพื้น พร้อมกับเสียงโอ้วของคนทั้งห้องทำให้ไอ้นั่นมองซองยาที่หวังดีให้ด้วยตาละห้อยแล้วเงยหน้ามองคนตรงหน้า แบคฮยอนลุกขึ้นจากเก้าอี้เหมือนพร้อมจะต่อยไอ้เชี่ยนี่ตลอดเวลาก่อนจะแสยะยิ้มออกด้วยความสะใจ เล่นกับใครไม่เล่น แม่งเล่นกับแบคฮยอน!!
“ขอบคุณนะที่หวังดี แต่แม่เราชอบยาอมมะแว้งมากกว่าน่ะท่านบอกว่าสเตร็ปซิลมันหวานเกินไป..” ไม่น่าเชื่อว่าไอ้นี่จะกวนตีนแบคฮยอนจนหยดสุดท้าย แบคฮยอนยีฟันด้วยความโกรธท่ามกลางเสียงหัวเราะที่กลั้นไม่อยู่จากคนรอบข้าง จางอี้ชิงที่เห็นว่าสถานการณ์เริ่มไม่ค่อยดีคิดว่าถ้าอยู่ต่อไปมีหวังไอ้คนตรงหน้ามันต้องถูกแบคฮยอนล้มแน่ๆ ด้วยความที่เป็นหัวหน้าห้องทำให้เขาต้องรีบเดินเข้ามากั่นกลางทันที แล้วหันไปตบไหล่แบคฮยอนเบาๆ
“เฮ้ย..ใจเย็นเว้ย นี่มันพื่อนใหม่ของเราอย่ามีเรื่องกันเลยน่า มันจะมองหน้ากันไม่ติดซะเปล่าๆ” คำว่า ‘เพื่อนใหม่’ จากปากทำให้แบคฮยอนต้องหันไปหาพร้อมขมวดคิ้วให้อี้ชิงด้วยความสงสัยถูกถามทางสายตาทำให้อี้ชิงร้องอ๋อขึ้นมาทันที
“อ้อ..คือช่วงที่นายไม่อยู่ชานยอลย้ายมาจากห้อง J น่ะ แล้วเผอิญว่าวันถัดมาครูอี้ฟานก็ให้จัดโต๊ะนั่งเป็นคู่ใหม่เพราะห้องมันรก แล้วทีนี่มันก็เศษนายไงเพราะนายไม่มา ชานยอลเขาก็เลยอาสานั่งคู่กับนาย เข้าใจหรือยัง” คิ้วของแบคฮยอนคลายนิดนึงก่อนจะมองคนตัวสูงกว่าตั้งแต่หัวจรดปลายตีน...
“หึ..เด็กเส้นอาจารย์อี้ฟานสินะ”
“เราไม่ได้นิสัยแบบแบคฮยอนซักหน่อย”
“อ้าวไอ้เหี้ยนี่!!” ยกกำปั้นขึ้นมาพร้อมจะชกหน้าของชานยอลที่ไม่รู้ประสีประสาแต่โชคดีที่อี้ชิงกับจงแดและคยองซูที่รีบวิ่งเข้ามาฝ่าวงล้อมเพื่อห้ามมือแบคฮยอนทันทีทั้งยังตบบ่าเพื่อนรักเบาๆเพื่อให้ใจเย็นลง
“เอาน่ามึง ไอ้เหี้ยนี่มันเป็นเพื่อนใหม่เรานะเว้ย...แม่งฉลาดมากคิดเผื่ออนาคตไว้ มึงอาจได้ลอกการบ้านมัน” คยองซูกระซิบข้างหูแบคฮยอนเบาๆพร้อมยกยิ้มนิดนึงที่พอเป็นมารยาทให้ชานยอล โดยที่ไม่รู้สัดนิดว่าสิ่งที่เขาพูดไปสองคนเมื่อกี้ชานยอลเองก็ได้ยินเหมือนกัน..
“เราชื่อชานยอลไม่ใช่ไอ้เหี้ย..พวกแบคฮยอนนิสัยไม่น่าคบเลยอ่ะ คิดจะลอกการบ้านเราอย่างเดียว”
“ไอ้ห่านี่..ตีนคู่สักคำมั้ยฮะ!!” ทันทีที่คำนั้นออกจากปากชานยอลยิ่งทำให้แบคฮยอนโกรธมากขึ้น สองเท้าหน้าพยายามตะเกียกตะกายที่จะเตะชานยอลให้ได้แต่ไม่รู้ว่าทำไมชานยอลจะโชคดีอะไรกันนักกันหนาที่มีพวกอี้ชิงมาช่วยตลอดทั้งจื่อเทา จงอิน และเซฮุน แม่งอย่าให้ถึงทีกูนะฟัคคคคค!!
“เฮ้ยๆ บอกให้พอก็พอดิว่ะ ถ้าอาจารย์อี้ฟานเข้ามาเจอว่าทะเลาะกันโดนทั้งห้องเลยนะเว้ย พวกมึงแม่งไปนั่งกันให้หมดมายืนมุงดูตรงนี้อะไรไม่ทราบ..! มึงก็นั่งลงดีๆซะนะแบคฮยอนอย่าเรื่องมาก ส่วนนายชานยอล ทนๆไปหน่อยล่ะกัน ถ้าไม่ไหวจริงๆเดี๋ยวฉันมานั่งนี่แทนก็ได้ เอาล่ะเรื่องจบใช่มั้ยทุกคน...ถ้าจบแล้วเข้าใจแล้ว ก็แยกย้ายกันเถอะนะ หัวหน้าอี้ขอ..” เหมือนโหมดจริงจังจะไม่ค่อยได้ผลทำให้อี้ชิงเลยใช้ไม้นี้ขึ้นมา ทำให้แบคฮยอนยีหัวอย่างอารมณ์เสียก่อนจะผลักไหล่ชานยอลให้ถอยออกห่างจากโต๊ะด้านนอกที่เป็นจุดไว้วางขาของเขาเมื่อหน้านี้แต่ตอนนี้มันจะกลายเป็นที่นั่งประจำไปแล้ว
เมื่ออี้ชิงเห็นทุกอย่างเริ่มปกติเลยตบบ่าชานยอลเบาๆแล้วให้ไปนั่งที่ริมหน้าต่างก่อนที่ตัวเองจะไล่ให้เพื่อนๆแต่ละคนเข้านั่งที่ของตัวเอง ชานยอลเก็บซองยาที่แบคฮยอนเป็นคนปัดทิ้งลงพื้น โชคดีที่เป็นซองใหม่ที่พึ่งซื้อมา เขาจัดการเก็บมันเข้าที่เดิมในกระเป๋าก่อนจะเลื่อนเก้าอี้แล้วหย่อนก้มลงนั่งอย่างใจเย็น ราวกับว่าเหตุการณ์เมื่อกี้มันไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนเลย ซึ่งมันแตกต่างกับความรู้สึกของแบคฮยอนที่ตอนนี้เกลียดไอ้นี่เข้าไส้ คนเหี้ยอะไรแม่ง กวนตีนชิบหาย!!
“เราชื่อปาร์ค ชานยอลนะ เรามาจากห้อง J เราไม่ได้ใช้เงินยัดเข้ามาอย่างที่ใครเข้าใจด้วย เราแค่ตั้งใจเรียน ครูอี้ฟานก็เลยขอผอ.ให้เราย้ายมาอยู่ห้องนี่ ฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะแบคฮยอน...” เหมือนพรีเซนต์ตัวเองว่าเรียนเก่งแต่กลับถ่อมตัวจนน่าหมั่นไส้ใช้คำว่าแค่ตั้งใจเรียน แบคฮยอนยักปากนิดๆก่อนจะพูดขึ้นมา
“กู-รู้-แล้ว...” พูดกระแทกใส่หน้าเบาๆพร้อมจิกตาใส่ แต่ชานยอลกลับยิ้มร่าออกมาให้แบคฮยอนทำเอาคนที่ถูกยิ้มให้ต้องหันไปทางอื่นพร้อมถอนหายใจเฮือกนึงแรงๆ
‘ชานยอลแม่งโง่จริงหรือแกล้งโง่ว่ะ ดูไม่ออกเหรอไงว่ากูรำคาญชิบหาย’ เอามือค้ำคางคิดในใจอย่างหงุดหงิดแต่ก็ต้องสะดุ้งเมื่อจู่ๆก็มีนิ้วมาสะกิดเขาพร้อมยกสมุดเล่มเล็กๆเหนือหัวแบคฮยอน
“เฮ้ย...!!” ด้วยสัญชาตญาณทำให้แบคฮยอนเอามือมาป้องหัวตัวเองและย่นคอเข้ากับไหล่คิดว่าชานยอลจะเอาสมุดเล่มนั้นฟาดเข้าที่หัว แต่ทุกอย่างมันกลับตาลปัตร...
“บะ..แบคฮยอน” สะกิดที่ไหล่ของคนที่ทำท่าประหลาดอีกครั้ง ทำให้แบคฮยอนต้องค่อยๆหรี่ตาขึ้นมามองชานยอลที่กระพริบตาถี่ๆเหมือนสงสัยแต่ก็เริ่มฉีกยิ้มกว้างออกมาก่อนจะยื่นสมุดเลชเชอร์สีน้ำตาล-เหลืองให้แบคฮยอน “เราเห็นว่าแบคฮยอนไม่มาโรงเรียนบ่อยน่ะ เราก็เลยจดงาน จดการบ้านให้ ลายมืออาจดูไม่เรียบร้อยเท่าไรนะเพราะงานมันค่อนข้างเยอะ เราเลยรีบจดให้ กลัวแบคฮยอนอ่านและทบทวนบทเรียนไม่ทัน” แบคฮยอนมองหน้าชานยอลที่ยิ้มร่าด้วยสายตาแปลกๆก่อนที่เขาจะหยิบสมุดเล่มนั้นออกมาจากมือของคนตัวสูง
“ขอบใจเว้ย..แต่ทีหลังไม่ต้อง กูไม่ค่อยชอบทำการบ้าน”
“อันนั้นคยองซูบอกเราแล้วล่ะเราก็เลยต้องจดให้ไง วันนั้นจงแดเอาเกรดของแบคฮยอนมาให้เราดู แบคฮยอนเกรดต่ำมากเลยอ่ะ บางปีไม่ถึงเกรด 1 ด้วยซ้ำ...ถ้าแบคฮยอนเข้ามหาลัยมันจะยากนะ แต่เราว่าเราก็พอจะช่วยแบ-”
“เลิกพูดได้แล้วมึง กูจะนอน” แบคฮยอนบอกหน่ายๆก่อนจะเก็บสมุดเลชเชอร์อย่างจำใจเข้าลิ้นชักใต้โต๊ะก่อนจะฟุบหัวลงนอนทันที ชานยอลเห็นสภาพแบคฮยอนตรงหน้าแล้วอึ้งนิดหน่อย ก่อนจะก้มหน้าลงพูดข้างหูแบคฮยอนเบาๆ
“แบค..แบคฮยอนจำเราไม่ได้จริงๆเหรอ”
“อือ....!!” กระแทกเสียงหนักๆเพราะชักจะรำคาญไอ้นี่เข้าไปทุกที แต่ชานยอลก็ยังดูไม่มีท่าทีที่จะเดือดร้อนอะไรสักนิด ก็แค่ชวนคุยแค่นั้นเอง..ไม่ได้ทำอะไรผิดสักหน่อยเนอะ
“เราปาร์ค ชานยอลไง”
“มึงบอกกูแล้ว”
“ก็ใช่...แต่เราเคยรู้จักกันมาก่อนไง แต่มันเหมือนแบคฮยอนจำเราไม่ได้เลยอ่ะ”
“ก็กูไม่เคยรู้จักมึง นี่เลิกพูดได้มั้ย กูจะนอน” บอกเสียงแข็งเซ็งๆอืออึงในลำคออีกครั้งนึงให้ ชานยอลเบ้ปากก่อนจะค่อยๆเลือนหน้าออกจากข้างหูแบคฮยอนแล้วเอามือค้ำคางถอนหายใจเบาๆ แบคฮยอนที่นอนคว่ำหน้าลงแต่เหมือนจะนึกอะไรขึ้นออก ชานยอลรีบกระซิบลงข้างหูของคนที่ครึ่งหลับครึ่งตื่นทันที
“ชานยอลที่ตอนเด็กๆชอบอุ้มตัวเฟอร์เรตไง อ้วนๆใส่แว่นตาน่ะ แบคฮยอนต้องจำเราได้แน่ๆ”
“แม่งเอ๊ยกูจะนอนก็ไม่ได้นอน! มาพร่ำพรรณนาเป็นนางเอกละครหลังข่าวอะไรข้างหูกูว่ะ!! มึงไปเล่นเอ็มวีไกลๆตีนกูเลยนะชานยอล อย่าให้เหลืออด ….. แล้วพวกมึงมองเหี้ยอะไรกันว้ะ! โธ่เว้ย! หงุดหงิดชิบหาย!! วันเชี่ยอะไรของกูว่ะ!!” ลุกขึ้นชี้หน้าด่ากราดทุกคนก่อนจะเตะฟัดเตะเหวี่ยงพาร่างตัวเองหนีมาจากห้องเรียนบ้าๆนั่น โชคดีที่ตอนนี้นี้ยังไม่ถึงเวลาเข้าคาบแรก ทำให้แบคฮยอนเลือกที่มาอยู่ในห้องน้ำชาย ทันทีที่ก้าวขาเข้ามาสงบจิตสงบใจได้ไม่นาน คยองซูกับจงแดก็เดินเข้ามาหาแล้วคยองซูก็ตบบ่าแบคฮยอนเบาๆพร้อมเอ่ยขึ้น
“มึงเป็นอะไรว่ะ ปกติไม่ใช่คนขี้โวยวายแบบนี้นี่หว่า?”
“ยกเว้นกับไอ้ชานยอล มึงรู้มั้ยมันแม่งกวนตีนกูตั้งแต่ก้าวขาเข้ามาในห้องล่ะ ไอ้เชี่ยนี่.. สักวันกูกลัวจะได้ฆ่ามันก่อนวันปัจฉิมแน่ๆ”
“เดี๋ยวมึงก็ชินเองน่า ตอนแรกกูกับคยองซูก็โดนมันเสี้ยมแบบนี้แหละ ชานยอลมันซื่อจะตาย อาจจะพูดแทงใจดำนิดๆแต่มันก็นิสัยดีนะโว้ย...”
“ได้ลอกการบ้านมันแล้วล่ะสิ มึงถึงพูดแบบนี้ไอ้จงแด..” จงแดยักคิ้วสองทีให้แบคฮยอนก่อนจะเดินไปส่องกระจกพร้อมจัดทรงผมหน้าม้าไปด้วย
“ไม่ใช่กูคนเดียวก็แล้วกัน... มึงไม่รู้อะไร ชานยอลแม่งไอน์สไตน์มาเกิดใหม่ชัดๆ ช่วยชีวิตห้องเราไปตั้งหลายคน แถมตอนนี้ก็ยังจะจับกลุ่มกับพวกหัวหน้าอี้ชิงอีกด้วย...” แบคฮยอนเลิกคิ้วขึ้นสูงกับคำพูดชวนงงของจงแดที่หน้ากระจก คยองซูเดินไปหาจงแดพร้อมกับเอานิ้วชี้ปัดผมหน้าม้าที่แตกให้เข้าที่เล็กน้อยก่อนจะวางศอกที่ไหล่ของจงแดแล้วหันหน้าไปหาแบคฮยอน
“พวกกูคิดไว้ว่าจะดึงชานยอลเข้าแก๊งค์เรา..” << คยองซู
“มันจะดีมากขนาดไหนว่ะถ้าหนึ่งในแก๊งค์เรามีสมองกะทิไว้สักคน” << จงแด
“อย่างที่มึงรู้ แก๊งค์เราดังจะตายในโรงเรียนใครๆก็รู้จัก อย่างกูที่เบสท์เรื่องกีฬา จงแดเบสท์เรื่องกิจกรรม ส่วนมึงก็เบสท์เรื่องชั่ว..” << คยองซู
“ส่วนชานยอลมันก็เบสท์เรื่องเรียน..ถ้ามีไว้ในแก๊งค์เราก็ไม่เสียหาย มันคิดดูดิเกรดพวกเราอัพแน่ๆ เก่งๆแบบนี้กูไม่มีทางให้พวกอี้ชิงเอาเข้ากลุ่มหัวหน้าด้วยหรอก” << จงแด
“เพราะฉะนั้นไม่ว่าทางไหนวิธีอะไรก็ตาม พวกกูจะเอาชานยอลเข้าแก๊งค์เราให้ได้!!” << สองเพื่อนรัก
“ไม่! No! No! มันจะไม่มีใครหน้าไหนเข้าแก๊งค์เราทั้งนั้น!! ไหนตอนเกรด 10 ที่พวกเราตั้งแก๊งค์ใหม่ๆ พวกมึงไม่ใช่เหรอว่ะที่บอกว่า ‘3 members always and forever’ … ” แบคฮยอนโบกมือไม่เอาด้วยกับสองสหาย ก่อนจะเดินไปพิงกำแพงห้องน้ำข้างๆพร้อมบรรยายต่อ “ถ้าพวกมึงไม่อยากให้มีคดีฆาตกรรมเกิดขึ้นในโรงเรียนเราล่ะก็ เลิกคิดที่จะเอาไอ้ขี้เปียกนั่นเข้าแก๊งค์เดอะเบสท์ของพวกเราซะ..”
ถ้าพูดถึงแก๊งค์เดอะเบสท์ (The Best ) แน่นอนว่าใครๆในโรงเรียนก็ต้องรู้จักแก๊งค์นี่กันทั้งนั้น เรื่องความแหกกฎ โดดคาบ หลับในห้องเรียน เถียงอาจารย์ ลาดตระเวนในห้องผู้ปกครอง พวกนี้ก็ล้วนทำมาหมดแล้ว แต่ถึงยังไงสามคนนี่เขาก็มีข้อดีอย่างที่คยองซูได้บอกไว้..
โด คยองซู ชายหนุ่มผู้ที่มีส่วนสูงอยู่ 174 เซนติเมตร แต่น้ำหนักเราจะไม่ขอกล่าวถึง.. คยองซูเป็นคนที่เด่นในด้านกีฬาหลายอย่างมากๆ ทั้งเทควันโด ฟุตบอล บาสเกตบอล แบคมินตัน เพราะเหตุนี้แลที่ทำให้มีสาวแท้ สาวเทียม ตามกริ๊ดคยองซูอยู่ตลอดเวลา...
คิม จงแด หนุ่มกิจกรรมของโรงเรียน จงแดเป็นผู้ชายที่เด่นนันทนาการมาก ชนิดที่ว่าถ้ามีการแข่งขันไหนที่คนแข่งไม่พร้อม จงแดคนนี้ก็พร้อมที่จะช่วยเหลือทุกคนอยู่ตลอดเวลา เรียกได้ว่าเอาใจบรรดาครูที่เป็นแม่ยกได้กันเลยทีเดียวเชียว...
บยอน แบคฮยอน เด็กหนุ่มที่ห้าว ห่าม เถื่อน และถ่อย... การเรียนตกต่ำมากขึ้นทุกปี กีฬาไม่ใช่งานถนัด กิจกรรมนันทนาการยิ่งไม่ต้องพูดถึง ถือคติมาตลอดว่าแค่หน้าตาดีไปวันๆแค่นี้เขาก็เหนื่อยมากพอแล้ว แต่นั่นก็เป็นแค่คำแก้ตัวของคนที่ไม่ได้เรื่องอะไรสักอย่าง…
จริงอย่างที่บอกคยองซูบอก แบคฮยอนเบสท์แค่เรื่องชั่วจริงๆ
อืม...นั่นแหละ...
“ไม่เคยมีสัจจะอยู่ในหมู่โจรครับคุณบยอน...ยังไงซะ พวกกูก็จะเอาชานยอลเข้ามาในกลุ่มให้ได้... ” จงแดพูดพร้อมแท็กมือกับคยองซูอย่างเหนือไพ่เพราะรู้ว่ายังไง สองรุมหนึ่งมันก็ต้องชนะอยู่เสมอ แบคฮยอนกำลังจะอ้าปากเถียงแต่เสียงออดของคาบแรกที่ดังก่อนทำให้เขาทำได้แค่ถอนหายใจเฮือกใหญ่ใส่คยองซูกับจงแดอย่างหัวเสียแล้วเดินนำหน้าออกจากห้องน้ำมุ่งสู่ห้องเรียนเพื่อเรียนคาบแรกทันที แต่ก็ไม่วายชี้หน้าด่าคาดคั้นเพื่อนรักทั้งสองคนตลอดทางเดิน...
ในเวลาพักเที่ยงของวัน เด็กทั้งโรงเรียนผู้หิวโหยต่างอยู่ที่โรงอาหารโดยไม่ได้นัดหมาย เว้นแต่แบคฮยอนคนนี้นี่แหละ ร่างเตี้ยในห้องเรียนอย่างโดดเดี่ยวนั่งเสียบหูฟังเพลงอย่างสบายอารมณ์ ใช้สองเพื่อนรักให้มีประโยชน์ลงไปซื้ออาหารมาให้กินเพราะขี้เกียจลงไปซื้อเอง
แบคฮยอนเอานิ้วเคาะโต๊ะมานานเกือบ 20 นาที แต่ก็ยังไม่มีวี่แววเงาของคยองซูหรือจงแดที่เดินเข้ามาในห้องสักนิด บรรยากาศที่เริ่มน่าเบื่อคลุ้งฟุ้งเต็มจิตใจไปหมด ก่อนจะนึกถึงสมุดเลชเชอร์เล่มเล็กที่ชานยอลให้เมื่อเช้า แบคฮยอนหยิบของสิ่งนั่นที่ยัดไว้ในใต้โต๊ะแล้วเปิดขึ้นหน้าแรกทันที..
ลายมือที่เรียบร้อย อ่านง่าย ขีดเส้นใต้ของข้อความที่สำคัญ ปากกาหลากหลายสีชวนเวียนหัวถูกฉายเข้ามาในสายตาของแบคฮยอน เปิดผ่านๆทีละหน้าอย่างใจเย็น จนไม่อยากจะคิดว่านี่มันคือสมุดเลชเชอร์ของผู้ชาย... สะอาดสะอ้าน ลอยลิควิคก็แทบไม่มี เรียกได้ว่าสมุดเล่มนี้ถ้าแบคฮยอนทำหายละก็ชิบหายจริงๆ เพราะสมุดเล่มนี้มันน่าเก็บมากๆ.. น่าเก็บขึ้นไปไว้บนหิ้งแล้วแต่งตั้งเป็นสมุดแห่งคุณงามความดีกันได้เลยทีเดียวล่ะ..
จริงอย่างที่คยองซูกับจงแดบอกจริงๆ ชานยอลน่าจะเรียนเก่งมากๆ เพราะภาษาที่เขียนอยู่ในสมุดเลชเชอร์เล่มนี้ ล้วนแต่เป็นภาษาทางการของวิชานั้นๆ สูตรอะไรก็มิอะไรไม่รู้มากมายเต็มไปหมด แต่ชานยอลก็อุตส่าห์ใจดีที่ขีดเส้นแบ่ง เขียนหัวข้อตัวเด่นๆให้ว่าสูตรนี้เป็นของวิชาอะไร แต่ทำแบบนี้สมองของแบคฮยอนมันก็ไม่ได้มีรอยหยักเพิ่มขึ้นเท่าไรนักหรอก แต่ถ้าพูดจริงๆแบคฮยอนก็ไม่ได้โง่ขนาดนั้นหรอก แค่แบคฮยอนไม่ชอบการจำเจอยู่ในห้องสี่เหลี่ยมแบบนี้ก็เท่านั้น แถมยังเป็นพวกฟลุ๊คในการสอบแค่นั้นเองที่ทำให้แบคฮยอนมาอยู่ห้อง B นี่ได้
เปิดลวกๆจนมาถึงหน้าสุดท้ายแบคฮยอนถึงกับอยากจะเป็นลมจับ แค่อาทิตย์เดียวชานยอลจดได้ถึง 28 หน้าเศษๆ ถอนหายใจหน่ายๆแล้วนึกไปถึงตอนเย็น ช่วงเวลาที่รอคอยมาทั้งวันหลังจากเรียนเสร็จเขาควรต้องพักผ่อนหย่อนใจสิ ไม่ใช่ต้องกลับมานั่งปั่นการบ้านที่มีไม่รู้ต่อกี่งาน แค่คิดแบคฮยอนก็ต๊อแต๊แล้ว...
“เห้อ..นี่การบ้านหรืออะไรว่ะแม่งเยอะชิบหาย ไปสูบบุหรี่รอข้าวดีกว่า..” เก็บสมุดเลชเชอร์ไว้ในใต้โต๊ะก่อนจะเอื้อมหยิบซองบุหรี่ราคากลางๆที่อยู่ในกระเป๋านักเรียนมาใส่ในกระเป๋ากางเกงนักเรียนทันที เดินออกจากห้องเรียนอย่างใจเย็นไม่มีพิรุธโดยที่จุดมุ่งหมายอยู่ที่ห้องน้ำชาย ขาสั้นๆเดินผิวปากอย่างอารมณ์ดีจนมาถึงคนสองคนที่ยืนตันทางเดินของเขา ทำให้แบคฮยอนต้องหยุดเท้าทันทีอย่างจำใจ ปากที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มหุบลงอย่างเห็นได้ชัด สองคนที่ยืนขวางทางเขาไม่ใช่คยองซูและจงแด แต่กลับเป็นมินอากับจียงที่ยืนตรงหน้าเขานี่เอง...
แบคฮยอนอยากตะโกนว่าเหี้ยใส่ไมค์ที่ห้องพีอาร์ของโรงเรียนจังเลยครับ...
--60%--
“เฮ้ย! ชานยอล! มึงจะขึ้นห้องใช่ป่ะ??” เสียงเรียกจากจงแดทำให้ชานยอลที่กำลังเดินไปกับกลุ่มของอี้ชิงหันหน้ามาทันที
“ใช่ จงแดมีอะไรรึเปล่า”
“มานี่หน่อยดิ แปปนึง” จงแดกวักมือเรียกชานยอลให้เดินเข้าไปหา ชานยอลหันไปบอกให้พวกอี้ชิงไปก่อนแล้วจึงรีบวิ่งไปทางคยองซูและจงแดนั่งอยู่
“กูฝากข้าวไปให้ไอ้แบคหน่อยดิ พอดีครูอี้ฟานเรียกน่ะพวกกูต้องรีบไป ลำบากป่ะ??” คยองซูเอาถุงอาหารที่แบคฮยอนสั่งเสียไว้ดิบดีกับน้ำและขนมสองสามห่อ ชานยอลรับมาด้วยความเต็มใจพร้อมยิ้มกว้าง
“ไม่ลำบากหรอก เราเต็มใจช่วยเพื่อนอยู่แล้ว ว่าแต่ทำไมแบคฮยอนไม่ลงมากินข้าวล่ะ?? เจ็บขาเหรอ”
“มันขี้เกียจน่ะ แบบนี่ประจำของมันนั่นแหละ..งั้นพวกกูไปก่อนนะชานยอล”
“อ่าๆ ได้ๆ ไว้เจอกันนะ” โบกมือให้ก่อนจะเดินขึ้นไปที่ห้องเรียนของตัวเอง ชานยอลยกถุงขึ้นมาดู ของที่ถูกห่อด้วยแผ่นกระดาษอาหารที่คงจะร้อนๆน่าทานแต่ตอนนี้มันเย็นหมดแล้ว เดาได้ว่าคยองซูกับจงแดคงซื้อไว้ตั้งนานแต่กลับมานั่งอ้อยอิ่งที่โต๊ะนั่นจนกับข้าวเย็น เดินแกว่งถุงในมือมาเรื่อยๆจนเห็นแบคฮยอนยืนคุยกับใครไม่รู้อีกสองคน ชานยอลรีบก้าวขาฉับๆเพื่อให้ถึงจุดหมายเร็วๆ ก่อนที่จะเดิน ‘แทรกกลาง’ สองคนนั่นไป ไม่ใช่ไม่มีมารยาทนะ แต่เพราะทางมันแคบต่างหากล่ะ ไม่ลืมที่ขอโทษสองคนนั่นด้วยความรู้สึกผิดนิดๆก่อนจะหันมาหาแบคฮยอนพร้อมยกถุงอาหารให้
“คยองซูกับจงแดฝากเราเอามาให้แบคฮยอนน่ะ รีบไปกินเถอะมันเย็นหมดแล้วอ่ะ ” แบคฮยอนพยักหน้าให้ทีนึงพร้อมรับของจากชานยอลมาถือไว้ และกำลังเดินกลับไปที่ห้องเหมือนเดิมแต่มินอาก็พูดทักขึ้นมา ทำให้แบคฮยอนต้องหยุดอยู่ที่เดิม
“คิดจะเดินหนีฉันอย่างเดียวเหรอแบคฮยอน ไม่ใจเสาะไปหน่อยเหรอ”
“ฉันแค่ไม่อยากเจอเธอ ไม่ได้หมายความว่าใจเสาะนะ..”
“อ้อเหรอ...” เสียงสูงๆพร้อมยกคิ้วขึ้น มินอากอดอกตัวเองพร้อมเดินเข้าไปหาแบคฮยอนใกล้ๆ “ทำไมฉันจะไม่รู้ว่าที่นายไม่มาโรงเรียนเป็นอาทิตย์เพราะฉัน...นี่น่ะเหรอแบคฮยอนเดอะเบสท์ เหอะ! ฉันอยากจะขำ” ใบหน้าเหยียดหยามส่งมาหาแบคฮยอนทางสายตา แต่เขาก็ทำได้แค่กัดฟันเพราะรู้ว่ายังไง ชกแฟนเก่าไปมันก็ไม่คุ้ม...
“อ้อแล้วอีกอย่าง...เลิกโทร.มาหาฉันได้แล้วนะแบคฮยอน” มินอาถอยหลังกลับไปที่เก่าพร้อมกับกอดแขนจียงที่ยืนยิ้มกว้างอย่างเหนือชัยก่อนจะซบไหล่เบาๆ
“มันชอบรบกวนเวลาของฉันน่ะ เข้าใจมั้ย..” เป็นจียงที่พูดให้แบคฮยอนก่อนที่เขาจะโอบไหล่มินอาเบาๆแล้วเอนหัวเข้าหามินอา เป็นการกระทำที่โครตหยามหน้ามาก เพราะตั้งแต่คบกันมา แบคฮยอนยังไม่เคยมีโมเม้นให้มินอาซบไหล่อะไรแบบนี้มาก่อน กัดฟันในใจให้ทั้งสองคนด้วยความหมั่นไส้ก่อนที่จะรู้สึกได้ว่าชานยอลกำลังสะกิดแขนเสื้อของเขา
“ไปกันเถอะแบคฮยอน..อย่าไปสนใจเลย” กระซิบข้างหูแบคฮยอนพร้อมดึงเสื้อเบาๆ แบคฮยอนเอาลิ้นดันกระพุ้งแก้มนิดนึงอย่างหน่ายๆก่อนจะเดินไปหาจียงอย่างช้าๆพร้อมเอามือวางที่ไหล่ของร่างสูงแล้วตบบ่าเบาๆ
“สักวันมึงจะต้องเสียใจที่รู้จักผู้หญิงที่ไม่เคยพอแบบมินอา..จียง”
“.....”
“สักวันมึงจะต้องกลับไปเขียนในไดอารี่ว่าครั้งนึงในชีวิตเคยรักผู้หญิงที่เอาแต่มั่วแบบนี้ มึงจำไว้..” ตบบ่าปุๆอีกครั้งแล้วแล้วรีบลากชายเสื้อชานยอลให้เดินตามมา ปล่อยให้เสียงกริ๊ดของมินอาดังลั่นทั่วอาคารอย่างไม่สนใจ โดยที่ตลอดทางชานยอลสัมผัสได้ว่าแรงกระชากเสื้อของแบคฮยอนเริ่มแรงขึ้นเรื่อยๆจนเหมือนจะฉีกเสื้อของเขายังไงยังงั้นแต่ชานยอลก็ทำได้แค่เดินตามแบคฮยอนไปตามแรงดึง เมื่อเดินมาถึงในห้องแบคฮยอนถึงได้ปล่อยให้เขาหลุดออกจากพันธนาการ ก่อนจะเดินไปที่นั่งตัวเองด้วยความกระฟึดกระฟัดแล้วเหวี่ยงถุงอาหารและขนมลงโต๊ะอย่างรุนแรงจนชานยอลสะดุ้งเบาๆก่อนที่จะทิ้งตัวลงนั่ง
“สมเพชกูล่ะสิ...” พูดขึ้นเบาๆทั้งที่สายตาไม่ได้จ้องมาหาชานยอลแม้แต่น้อย หันไปมองรอบกายเพราะคิดว่าแบคฮยอนน่าจะหมายถึงคนอื่นแต่ทั้งห้องก็มีกันแค่สองคน ทำให้ชานยอลเดินมานั่งข้างๆแล้วเอามือค้ำคางหันหน้าไปคุยกับแบคฮยอนที่นั่งหน้าเครียดอยู่ตอนนี้
“ทำไมเราต้องสมเพชแบคฮยอนด้วยหล่ะ?”
“ก็กูมันห่วย กูมันไม่หล่อ กูมันเตี้ย โง่แล้วเสือกปากหมาแถมยังโดนทิ้งอีกต่างหาก มึงไม่เห็นรึไง”
“เห็น...แต่มันก็ไม่ได้หมายความว่าเราต้องว่าแบคฮยอนแบบนั้นนี่...เวลาแบคฮยอนท้อ เราควรที่จะให้กำลังใจสิ” ยิ้มกว้างจนมีลักยิ้มออกมาให้แบคฮยอนเห็น แต่คนที่นั่งหน้าบึ้งก็ทำได้แค่ถอนหายใจแรงๆ
“ถ้าสองตัวนั้นพูดแบบมึง น้ำตากูคงไหลแน่ๆ...” ดีดนิ้วทีนึงใส่หน้าผากคนเอ๋ออย่างหมั่นไส้ก่อนจะกัดฟันยิ้มออกมา “ดราม่าไว้ทีหลัง ตอนนี้กูขอแดกก่อน หิวเหี้ยๆ...แดกป่ะ?” ยื่นซองขนมให้ชานยอลแต่คนเอ๋อกลับส่ายหน้าปฏิเสธ แบคฮยอนยักไหล่เบาๆก่อนจะจัดการกินของที่อยู่บนโต๊ะอย่างมูมมามโดยที่ไม่แคร์ว่าชานยอลกำลังมองและขำกับท่าทางการกินเหล่านั้นข้างๆเขา
“แดกก๊าซหัวเราะเหรอ ขำเหี้ยอะไรของมึง”
“ก็แบคฮยอนกินเหมือนเราจะแย่งอ่ะ ฮ่าฮ่า”
โป้ก!
หลังมือถูกฟาดเข้าที่หน้าผากชานยอลอีกครั้งและแรงกว่าเดิมจนเจ้าตัวต้องยกมือขึ้นมาลูบปอยๆแต่รอยยิ้มก็ยังคงไม่หายไปจากใบหน้า
“ก็-กู-หิว” แค่นเสียงออกมาให้ชานยอลรู้ว่ากำลังอารมณ์เสียและหวังว่ามันคงจะเลิกกวนสักนิดแต่ก็กลับไร้ผล “กูก็แดกของกูแบบนี้มาตลอดทั้งชีวิตนี่แหละ มึงมีปัญหา??” พูดทั้งที่ข้าวยังเต็มปากพร้อมหาเรื่องชานยอล คนเอ๋อยิ้มพร้อมยกมือส่ายหน้าไปมาก่อนจะนั่งค้ำคางมองดูแบคฮยอนกินข้าวเหมือนเดิม คนที่กินข้าวอยู่ก็กินบ้างเหลือบมองชานยอลบ้างเป็นระยะ ใช่ว่าแบคฮยอนจะไม่ได้ยินว่าประโยคเต็มๆเมื่อกี้ชานยอลพูดอะไรบ้าง..แต่ถ้าห้องมันจะเงียบเหงาขนาดนี้ ขอคนที่แดกข้าวอยู่เต็มปากเป็นคนชวนพูดล่ะกัน
“ขอบคุณเรื่องสมุดเลชเชอร์นะ มึงจดละเอียดมาก ส่วนลายมือ..ก็พออ่านได้” ชานยอลยิ้มพยักหน้าให้แล้วปล่อยให้แบคฮยอนพูดประโยคต่อไป “ถ้าอยากให้กูช่วยอะไรก็บอก..” ชานยอลที่นั่งเอามือค้ำคางยิ้มอยู่ รีบดีดตัวขึ้นนั่งดีๆพร้อมตาโตๆที่เป็นประกายแล้วถามแบคฮยอนเพื่อความแน่ใจ
“จริงเหรอแบคฮยอน?!”
“เออ!” ถึงข้าวจะเต็มปากแต่แบคฮยอนก็เสียสละที่จะพูดให้ชานยอลฟัง คนเอ๋อยิ้มกว้างอีกครั้งก่อนจะบอกในสิ่งที่เขาต้องการ...
“งั้นแบคฮยอนก็ช่วยคิดหน่อยสิ ว่าเราเป็นใคร..” คนถูกอ้อนวอนหยุดเคี้ยวข้าวในปากอยู่ครู่นึงก่อนจะมองไปที่ชานยอลอย่างงงๆแล้วพูดขึ้นช้าๆ
“ก็ชานยอลไง...มึงไม่สบายรึเปล่าว่ะ ไปตกท่อที่ไหนมาถึงลืมได้ว่าตัวเองชื่ออะไร!?” วางช้อนพลาสติกลงแล้วรีบตบหน้าชานยอลรัวๆเบาๆทันที คนถูกตบจับมือของแบคฮยอนออกแล้วส่ายหน้า
“ไม่ใช่สักหน่อย..เราหมายถึงให้แบคฮยอนคิด.. นึกอ่ะว่าเราเป็นใคร…”
“นี่มึงยังไม่เลิกพร่ำอีกเหรอว่าเรารู้จักกัน กูบอกแล้วว่ากูไม่รู้จักมึง..”
“รู้จักสิ...เราจำได้ แต่แบคฮยอนจำเราไม่ได้อ่ะ ”
“งั้นมึงก็บอกกูมาสิ ว่าเรารู้จักกันตอนไหนไม่ทราบ”
“ไม่อ่ะ...เราอยากให้แบคฮยอนนึกได้เองมากกว่า..” เสียงเบาลงพร้อมก้มหน้าสร้างความดราม่าให้แก่แบคฮยอนอย่างเห็นได้ชัด “เราอยากรู้ว่าเราอยู่ในความทรงจำของแบคฮยอนรึเปล่า...” ดราม่าอีกดอกที่ทิ่มลงมากลางหัวแบคฮยอนจนเจ้าตัวต้องถอนหายใจเบาๆ จิกตาไปหาชานยอลอย่างหน่ายๆก่อนที่อะไรบางอย่างมันจะปรากฏภาพบนหัวออกมา
“ชานยอล...ปาร์ค ..ปาร์ค ชานยอล...” เสียงเอ่ยชื่อของตัวเองก็ทำให้ชานยอลลุ้นไปด้วยเหมือนกันว่าแบคฮยอนจะสมองปลาทองจำเขาไม่ได้รึเปล่า ภาพเหมือนจะคุ้นแต่มันก็ยังคิดไม่ถึงอยู่ดี ไม่ว่าสมองซีกไหนของแบคฮยอนก็นึกไม่ออก ซีกหน้าก็แล้วซีกหลังก็แล้ว แต่จู่ๆไอ้คำเมื่อเช้าที่ชานยอลใบ้ให้มันก็แล่นเข้ามาในโสตประสาททันที
“ชานยอลที่ตอนเด็กๆ ชอบอุ้มตัวเฟอร์เรตไง อ้วนๆใส่แว่นตาน่ะ.....”
“ชานยอลที่ตอนเด็กๆ ชอบอุ้มตัวเฟอร์เรตไง อ้วนๆใส่แว่นตาน่ะ.....”
“ชานยอลที่ตอนเด็กๆ ชอบอุ้มตัวเฟอร์เรตไง อ้วนๆใส่แว่นตาน่ะ.....”
เหมือนสมองซีกน้อยๆจะเริ่มทำงานโดยอัตโนมัติเมื่อประโยคนั่นค่อยๆแล่นเข้าหัว แบคฮยอนเม้มปากค่อยๆนึกทีละช่วงอายุว่าเคยพบเจอคนประเภทนี้มั้ย จนในที่สุดสมองที่ไม่ค่อยได้ทำงานมันก็นึกถึงหน้าไอ้เด็กนั่นทันที...!!
ใช่แล้ว!! ปาร์ค ชานยอล!! เพื่อนร่วมห้องของเขาในวัยเด็ก! ไอ้เด็กผู้ชายอ้วนๆ ดำๆ ใส่แว่นหนาเตอะ ไอ้เชี่ยนี่ที่ชอบเอาตัวเฟอร์เรตแอบเข้าไปในโรงเรียนด้วยทุกวัน ไอ้ที่ตอนอนุบาลมึงยังสูงไล่เลี่ยกูอยู่เลย!!
“มึง! ไอ้เซาโล!!! ” ชี้นิ้วไปที่หน้าของชานยอลพร้อมตาโตเพราะตกตะลึงในความเปลี่ยนไปของไอ้คนเอ๋อ “มึงคือชานยอล!!??”
“แบคฮยอนเยี่ยมสุดๆไปเลย ฮ่ะฮ่ะ” ร่างสูงตบมือแปะๆเป็นการชื่นชมในมันสมองของแบคฮยอน บอกตรงๆว่าชานยอลโครตเปลี่ยน ทั้งรูปร่าง หน้าตา ถ้าไม่บอกมาก่อนว่าเคยเป็นเพื่อนกันในสมัยเด็ก บอกเลยว่าคนที่สมองขนาดพกพาง่ายแบบแบคฮยอนจำไม่ได้แน่ๆ
“เหยดเข้...” เสียงสบถออกมาเบาๆจากปากบางก่อนจะกุมหัวแล้วยีผมตัวเองแรงๆ “ผ่านมาตั้ง15-16 ปี มึงจำกูได้ไงว่ะชานยอล” หันไปถามคนเอ๋อด้วยความแปลกใจ ชานยอลหรี่ตาลงนิดนึงเหมือนคิดอะไรบางอย่างก่อนที่นิ้วหนาจะชี้ที่มุมแก้มด้านขวาของแบคฮยอน...
“เราจำได้ว่าแบคฮยอนมีขี้แมลงวันอยู่ตรงนี้...” นิ้วชี้ของเขาจิ้มมาที่มุมคางของแบคฮยอน“แถมมันคุ้นชื่อแบคฮยอนมากเลยอ่ะ เราก็เลยจำได้” ไม่รู้ว่าชานยอลเป็นโรคหุบยิ้มไม่ได้รึเปล่า ทำไมวันนี้แบคฮยอนถึงได้เห็นรอยยิ้มไอ้นี่บ่อยเหลือเกิน ยื่นมือขึ้นมาจับหน้าชานยอลทั้งสองข้างแล้วเอียงไปมาเพื่อสำรวจอะไรต่างๆ ดันหน้าชานยอลจนยู่ๆแล้วถึงพูดออกมา
“มึงแม่งโครตเปลี่ยนไปเลยว่ะ...หล่อขึ้นนี่” ฮาวทูเพอร์เฟคเลยมั้ยหล่ะเพื่อนรัก... ชานยอลที่ถูกแบคฮยอนใช้มือบีบหน้าจนปากจู๋ พยายามแค่นคำพูดออกมาแต่ก็มีแค่เสียงอืออึ้งอยู่ในลำคอทำให้เลือกที่ยิ้มปากจู๋ออกมาดีกว่า พลอยทำให้แบคฮยอนที่เห็นภาพตรงหน้ายิ้มตามบางๆออกมา
“ไม่ขนาดนั้นหรอก แบคฮยอนหล่อกว่าเราอีก แหะแหะ”
“เรื่องนั่นมันแน่อยู่แล้วมึง...” เอามือออกจากหน้าชานยอลแล้วจัดการเก็บกล่องข้าวที่เหลืออยู่ขอบกล่องเอาไปทิ้งก่อนจะหันหน้าไปหาชานยอลด้วยความมาดแมน “คำว่าหล่อ กูได้ยินตั้งแต่อยู่ในท้องแม่แหละ” ชานยอลกัดปากกลั้นขำออกมากับท่าทางของแบคฮยอน ก่อนที่จะคุยกันไปมากันสักพักตามประสาเพื่อนในวัยเด็กที่ไม่เจอกันมานาน ตามจริงแล้วในตอนนั้นเขาทั้งสองก็สนิทกันพอสมควร โรงเรียนอนุบาลบูชอนนับว่าเป็นสถานที่แรกที่ทำให้แบคฮยอนกับชานยอลรู้จักกัน
ถ้าพูดถึงชานยอลในวัยเด็กแล้วใครๆก็คงนึกถึงภาพเด็กผู้ชายที่พูดน้อย ไม่กล้าแสดงออก ตัวอ้วนๆ ดำๆ ใส่แว่นหนาเตอะเพราะสายตาสั้น ที่สำคัญยังเคยแอบเอาตัวเฟอร์เรตเข้ามาในห้องเรียนนับแทบไม่ถ้วน เพราะนิสัยที่แหกกฎนิดๆและรวมกับรูปร่างหน้าตาที่ไม่ดูน่ารักสมวัยเด็ก ทำให้ชานยอลต้องอยู่คนเดียวอยู่ทุกครั้งในคลาสเรียน แล้วเผอิญว่าแบคฮยอนก็ดันเป็นเด็กเกรียนในห้องน่ะสิ...นิสัยห้าวห่ามมาตั้งแต่เล็ก แต่ยังไงซะ เขาก็ยังคงความน่ารักน่าชังในตอนนั้นทำให้แบคฮยอนมีเพื่อนเยอะอยู่พอสมควร บอกเลยว่าถ้าแบคฮยอนไม่บังคับ ขู่เข็ญ ลากชานยอลเข้ามากินข้าวเที่ยงด้วยกันเพราะสายตาเจ้ากรรมดันไปเห็นตอนที่เขากำลังป้อนข้าวเฟอร์เรตอยู่คนเดียวไร้เพื่อนๆรอบกายในวันนั้น ชานยอลก็คงไม่รู้คำว่า ‘มิตรภาพ’ ของเพื่อนจากบยอน แบคฮยอนคนนี้หรอก...
ใครที่ด่าแบคฮยอนตอนต้นๆว่าชั่วนี่ คงต้องเปลี่ยนความคิดใหม่หน่อยนะ..
คนเริ่มเข้ามาในห้องเรียนมากขึ้นเรื่อยๆเพราะเวลาพักเที่ยงเริ่มเหลือน้อยลง ชานยอลกับแบคฮยอนที่คนในห้องคิดว่าพึ่งรู้จักกันไม่ถึงวัน แต่ทำไมถึงคุยกันด้วยท่าทางสนิทสนมขนาดนั้นเริ่มคุยกันเสียงดังมากขึ้น แต่ก็ไม่ค่อยมีใครสนใจเท่าไรมากนัก จนคยองซูกับจงแดเดินเข้ามาในห้องเรียนแล้วเดินไปหาวงสนทนา นั่นแหละถึงทำให้สองคนนั้นหยุดคุยกัน
“พวกเราโดนผอ.เล่นแล้วหว่ะมึง..” เดินดุ่มๆมาหาพร้อมทำหน้าเครียดใส่ แบคฮยอนขมวดคิ้วกับสิ่งที่จงแดพูดก่อนที่คยองซูจะขยายความต่อ “เรื่องที่พวกเรารุมกระทืบไอ้สั้นหลังห้องน้ำหญิงวันนั้น..มีคนเห็นแล้วไปฟ้องผอ.ว่ะ”
“แล้วไงหว่ะ! พวกเราไม่ได้หาเรื่องไอ้สั้นก่อนนี่” น้ำเสียงดูจริงจังขึ้นทันทีที่ได้ยินถึงชื่อบุคคลที่สาม หวัง แจ็คสัน นักเรียนห้อง F ที่มีเรื่องกับแก๊งค์เดอะเบสท์มาตลอดใครๆก็รู้ข้อนี้ดี แบคฮยอนยังจำได้ว่าต้นเหตุของการทะเลาะวิวาทในอาทิตย์ก่อนๆนั่นคืออะไร มันกล้ายังไงที่เดินมาหาเดี่ยวๆพร้อมกับการพูดจาหาเรื่องไม่เข้าหู ทั้งยังเป็นฝ่ายที่เริ่มใช้ความรุนแรงก่อนคือการผลักคยองซูจนก้นล้มจังกับพื้น..
แบบนี้ใครจะทน??
สองตีนมี ก็ถีบมันดิว่ะ!!
กลายเป็นว่าการตะลุมบอลครั้งนั้นคือสามรุมหนึ่ง... ภายในเวลาไม่ถึงยี่สิบนาที ใบหน้าของแจ๊คสันก็เปื้อนไปด้วยฝุ่นของรองเท้าสามคู่และเลือดเล็กน้อย แต่แน่นอนเดอะเบสท์ก็พอมีสำนึกอยู่บ้างที่ไม่เอาจนตาย ปล่อยให้แจ๊คสันนอนขดเพราะความจุกและเจ็บอยู่หลังห้องน้ำนักเรียนหญิงอยู่นั่นแหละ..
“ก็ไม่แล้วไง แต่งานนี้พวกเราดูผิดเต็มๆ รอดูความพินาศในวันพรุ่งนี้เถอะมึง ลุงๆหลานๆผอ.ยังไงพวกเราก็ผิดอยู่ดี..” คยองซูยักไหล่ใส่ทีนึงให้แบคฮยอนด้วยใบหน้าเบ้ๆเล็กน้อย แบคฮยอนถอนหายใจเฮือกใหญ่กับสิ่งที่จะเกิดขึ้นในวันพรุ่งนี้ก่อนจะเหลือบตาไปมองชานยอลที่นั่งก้มหน้าก้มตาอยู่อย่างเงียบๆ นั่งกั้นกลางให้สามเพื่อนรักคุยกันข้ามหัวสบายใจเฉิบไร้เสียงแทรกเข้ามาในวงสนทนา มองชานยอลด้วยแววตาเหมือนมีความคิดอะไรบางอย่างสักพักก่อนที่ใบหน้านั่นจะเผยรอยยิ้มมุมปากออกมา
มึงนี่มัน...มีประโยชน์จริงๆเลยนะ ไอ้เซาโล!!
-TBC-
เซาโลมีประโยชน์เสมอค่ะ เพราะฉะนั้น รอแปปปป 555
สกรีมแท็ก #ฟิคคืนนี้อยากได้กี่ครั้ง ด้วยรักนะงิ
ความคิดเห็น