คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : PSYCHOSIS :: CHAPTER 01
CHAPTER 01
“คะ..คุณชานยอล! ผมสัญญาว่าผมจะไม่ทำเรื่องแบบนี้อีก ได้โปรดไว้ชีวิตผมเถอะครับ” ชายแก่ร่างท้วมกราบกรานแทบเท้าคนที่อายุน้อยกว่าตัวเองโดยไม่นึกถึงอะไรทั้งสิ้นนอกจากการเอาตัวรอด ร่างสูงมองคนของตัวเองด้วยความสมเพช ก่อนที่เขาจะแสยะยิ้มออกมาให้
“คุณคิดว่าคนอย่างผมจะไว้ชีวิตนกสองหัวแบบคุณเหรอครับ..”
“มันจะไม่มีครั้งต่อไปจริงๆนะครับคุณชานยอล! ได้โปรดเถอะ ผมยังไม่อยากตาย..” ประโยคเสียงแผ่วสุดท้ายนั้น ทำให้ชานยอลหัวเราะขำออกมาทันที
มนุษย์ก็อย่างนี้ หวงชีวิตกันทั้งนั้น...
ไม่เว้นแม้แต่กระทั่งชานยอลที่เขาเองก็รักชีวิตตัวเองเหมือนกัน หากแต่ถ้าเขาเป็นแบบไอ้แก่นี่เขาจะไม่ทรยศเจ้านายตัวเองตั้งแต่แรกยังไงล่ะ..
“อยู่ด้วยกันมาก็ตั้งนาน คุณไม่น่าจบชีวิตด้วยเรื่องแบบนี้เลยนะ” ร่างสูงค่อยๆนั่งยองๆแล้วจับไหล่คนตรงหน้า “มีปัญหาเรื่องเงินก็น่าจะบอกผมตั้งแต่ทีแรก..” น้ำเสียงเย็นชาของชานยอลบวกกับรอยยิ้มมุมปาก มันทำให้ชายวัยใหญ่ร้องไห้ตัวสั่นเทาขึ้นมา ความหวาดกลัวภายในจิตใจแล่นผ่านเต็มไปหมดจนตั้งสติไม่ถูก.. ถ้าให้รอด ต่อให้ต้องกราบอ้อนวอนต่อคนตรงหน้าอีกเป็นพันครั้งเขาก็ยอม..
“คราวหน้าก็อย่าเอาข้อมูลของตระกูลปาร์คไปเปิดเผยอีกก็แล้วกันนะครับ..” คำพูดของชานยอลทำให้ชายแก่เงยหน้ามองด้วยความงุนงง เขากำลังจะรอดใช่มั้ย..เขากำลังจะรอดจริงๆใช่มั้ย!
“ผมขอบคุณคุณชานยอลจริงๆนะครับที่ให้โอกาสผมอีกครั้ง ขอบพระคุณจริงๆ” ยกมือขึ้นไหว้คนอายุน้อยกว่าด้วยความดีใจ ชานยอลค่อยๆเหยียดตัวลุกขึ้นก้มมองคนตรงหน้าด้วยความสมเพชอีกครั้ง เขาบอกแล้วไงว่าใครๆก็รักชีวิตตัวเองกันทุกคน รักขนาดที่ยอมไหว้คนรุ่นลูกตัวเองเลยก็มี..
“แต่เสียดายที่มันจะไม่มีครั้งต่อไปน่ะสิ”
“คะ..คุณชานยอล หมายความว่ายังไงครับ?” ชายแก่ร่างท้วมเงยหน้ามองด้วยความรู้สึกประหลาดเหมือนหายใจไม่ทั่วท้องที่จู่ๆเจ้านายของเขาก็ชักปืนออกมาแล้วจ่อเข้าที่ข้างขมับจนรับรู้ได้ถึงความเย็นปลายกระบอกปืน..
“แล้วเจอกันที่นรกนะครับคุณคิม..”
“ไม่!!!!!!!”
.
.
.
นี่แหละ วิถีชีวิตของมาเฟีย...
ทุกๆวันเขาก็ต้องเจอสภาพนี้ตลอด ทั้งการฆ่าศัตรู ฆ่าตำรวจ ฆ่าทุกคนที่ขวางหน้า แต่คนที่เขากลัวที่สุดนั่นก็คือการฆ่าคนของตัวเองที่ทรยศนั่นเอง..
แต่ชานยอลก็ต้องเจอแบบนั้นมาตลอด ซึ่งตอนนี้มันก็กลับกลายเป็นเรื่องปกติไปเสียแล้ว..
“วันนี้ที่คาสิโนทางเหนือเป็นไงบ้าง?” ร่างสูงในรถคันหรูที่ติดฟิล์มทึบทุกด้านเอ่ยถามลูกน้องขึ้นด้วยเสียงนิ่ง
“เรียบร้อยดีครับคุณชานยอล ไม่มีปัญหา”
“ก็ดี..” ถอนหายใจโล่งให้กับอีกหนึ่งธุรกิจของตัวเองด้วยสบายใจ คาสิโนของเขาแต่ละที่มีปัญหาไม่เหมือนกันถึงแม้ว่ามันจะถูกกฏหมายแล้วก็ตาม พวกตำรวจที่คอยตอแยตลอดจนน่ารำคาญมันทำให้ชานยอลรู้สึกเบื่อหน่าย แต่ก็นั่นแหละพวกถูกกฎหมายแต่ก็ยังมีพวกนกพวกกามาคอยหาเบาะแสอยู่เรื่อยใครจะเข้ากัน ชานยอลเป็นห่วงพวกคาสิโนที่เขาแอบเปิดลับๆต่างหาก..
ก็แหงล่ะ นั่นมันแหล่งหาเงินชั้นดีเลยนี่...
เขาต้องลงทุนลงแรงเป็นกี่ปีกับการแอบสร้างคาสิโนเถื่อนไว้ทางเหนือของเกาหลีใต้โดยไม่ให้พวกตำรวจรู้เรื่องสักคน เปิดลับๆ เล่นลับๆ ในสถานที่ลับๆและก็รับเงินอย่างลับๆแบบนี้... เรียกได้ว่าคาสิโนที่ตรงนั้นสร้างเงินมากมายมหาศาลกว่าพวกที่เขาเปิดถูกกฎหมายเสียอีก เพราะอย่างนี้ร่างสูงจึงได้ใส่ใจและดูแลระบบเรื่องความปลอดภัยด้วยตัวเองเสียมากกว่า...
“แล้วเรื่อง ‘ผู้ชายคนนั้น’ ไปถึงไหน?” เอ่ยถามลูกน้องอีกครั้งทันทีที่นึกถึง ใช่แล้วล่ะ..ชานยอลยังไม่ลืมคำสัญญาที่เขาให้ไว้กับจีมิน เขายังจำมันได้ดี..
“รู้ที่อยู่แล้วครับคุณชานยอล”
“งั้นก็จับตัวมาได้เลย..” ลูกน้องคนสนิทเบิกตาโพลงขึ้นให้กับคำสั่งเจ้านายตัวเองด้วยความตกตะลึงเล็กน้อย ก่อนที่เขาจะค่อยๆแสดงความคิดเห็น
“แต่เราไม่เคยมีปัญหากับผู้ชายคนนั้นมาก่อนนะครับ ผมเกรงว่าถ้าจั--”
“ฉันไม่ชอบให้ใครมาขัดความคิดของฉัน..” น้ำเสียงนิ่งๆบวกกับแววตาดุดันที่มองผ่านเลนส์กระจกมองหลัง นั่นทำให้ลูกน้องที่นั่งข้างคนขับรถต้องรีบก้มหน้ายอมรับคำสั่งแต่โดยดี
“จับตัวยุนกิมาให้ได้และอย่าทำให้มันมีแผลเป็นอันขาด แม้แต่นิดเดียวก็ห้ามมี..”
“ครับ?”
“ก็ของเล่นใหม่จีมินทั้งที ฉันก็ต้องให้น้องในสภาพดีๆไม่ใช่เหรอ..”
“อีกไม่ถึงครึ่งชม.ก็ถึงแล้วน่า..” เสียงทุ้มเอ่ยตอบกลับคนในสายด้วยใบหน้านิ่งๆแต่กลับดูอารมณ์ดีสุดๆ ทั้งยังมืออีกข้างที่คอยบังคับรถก็ได้เคาะพวงมาลัยรถเป็นจังหวะไปมาตลอดทาง “เร่งขนาดนี้.. คิดถึงเหรอจ้ะ?”
( คิดถึงบ้าอะไรเล่า ฉันจะฝากนายซื้อของให้ต่างหากยุนกิ )
“คนสมัยนี้ใจร้ายเป็นบ้าจังนะ..” ยุนกิบ่นหน้าหงิกให้คนในสายทันที “ฉันอุตส่าห์รีบขับรถยังไม่ได้พักสักนิด ก็เพื่อเจอนายเลยนะแบคฮยอนอา ไม่เจอกันตั้งเดือนกว่าแหนะ..”
( นี่สรุปฉันควรดีใจใช่มั้ย? ) ปลายสายเอ่ยถามหยั่งเชิงยุนกิเล่นๆ เจ้าของเสียงทุ้มยักไหล่คนเดียวด้วยความน้อยใจก่อนจะเอ่ยออกมา
“แหงดิ.. กว่าจะได้เพลงล่าสุดแค่ฮาร์โมนิคต่างกันก็เล่นเอาแทบตาย พอเสร็จก็รีบบึ่งรถมาเลยนะเนี่ย”
( ถ้างั้นก็อย่าเถลไถล เดี๋ยวฉันจะทำอาหารรอ.. )
“ที่บอกไปเมื่อกี้เนี่ยไม่ได้บ่นหิวนะเว้ย..” ยุนกิบ่นให้คนในสายด้วยความเซ็งสุดๆที่ดูเหมือนแบคฮยอนจะไม่รู้เรื่องอะไรเลยว่าเขาต้องการอะไรกันแน่ เสียงถอนหายใจหน่ายๆดังเล็ดลอดออกมาจากสายนิดๆแล้วแบคฮยอนจึงค่อยๆเอ่ยขึ้น
( โคตรคิดถึงเลยว่ะไอ้หน้าเต้าหู้ยี้ รีบกลับมาซะ ไม่งั้นฉันได้ปิดประตูบ้านก่อนนายมาถึงแน่ๆ.. ถ้าพอใจแล้วก็แค่นี้นะ ) แบคฮยอนเล่นบทกดตัดสายหน้าตาเฉยโดยที่ไม่รอยุนกิเอ่ยลาแม้แต่น้อย แต่นั่นก็ไม่จำเป็นเท่าไรสำหรับเขา เพราะถึงจะตัดสายดื้อๆไปแบบนี้เขาก็รู้อยู่ดีว่าแบคฮยอนกำลังเขินแน่ๆ
เพราะเขาเองก็รู้สึกแบบนั้นเหมือนกัน..
.
อมยิ้มอยู่บนรถคนเดียวยังกับคนบ้าพร้อมกับความคิดที่อยากจะถึงบ้านแบคฮยอนให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ ยุนกิรีบเร่งเครื่องยนต์ทันทีแต่จู่ๆเขาก็สัมผัสได้ถึงความผิดปกติของรถคันหลัง..
รถตู้คันสีดำหรูไล่จี้เขาตั้งแต่หนึ่งชม.ที่แล้วจนถึงตอนนี้.. ตอนแรกยุนกิก็พยายามคิดในแง่ดีว่ามันไม่มีอะไรทั้งนั้น แต่หลังๆเขาก็ชักไม่แน่ใจซะแล้วสิ รถคันนี้พยายามจี้หลังเขาให้เสียหลักอยู่ตลอดเวลา ทั้งเบียดข้างบ้าง พยายามแซงบ้าง แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็พยายามเร่งเครื่องและออกห่างตลอด
ถนนสายยาวพาเขาเข้าสู่ทางอุโมงค์อย่างช่วยไม่ได้ นี่เป็นช่วงเวลาที่เขารู้สึกเกลียดที่สุดอย่างบอกไม่ถูก ถึงแม้ว่าบรรยากาศมันจะเหมือนหนังบู๊ แอคชั่นกระจาย แต่เขากลับรู้สึกเหมือนกำลังอยู่ในหนังสยองขวัญที่หนีตายมากกว่า
ถ้ายุนกิหยุดรถ เขาต้องตายแน่ๆ...
ปัง!!
เอี๊ยด!!!!!!
“เชี่ยเอ้ย!”
จู่ๆรถก็ส่ายไปมาอย่างควบคุมไม่ได้มันถึงกับทำให้ยุนกิสบถออกมา เขาพยายามประคับประคองและเหยียบเบรคให้หยุดช้าลง และจังหวะนั่นเอง ก็เป็นจังหวะเดียวกันกับที่เขามองไปทางกระจกมองหลัง หนึ่งในไอ้พวกที่นั่งอยู่ในรถคันนั้น ยกปลายกระบอกปืนเล็งมาที่รถของเขา..
โดนยิงที่ล้องั้นเหรอ??
ให้ทายว่าถ้ายุนกิสติหลุดและบังคับรถเมื่อกี้ไม่ได้ โอกาสที่รถจะเสียหลักหมุนเป็นวงกลมแล้วไปกระแทกเข้ากับกำแพงข้างทาง เขาจะมีสภาพเป็นยังไง..
ไม่ต้องเดามาก ไอ้พวกห่าพวกนี้กำลัง‘จับตาย’เขาแน่ๆ...
ทันทีที่รถค่อยๆหยุดในสภาพที่ไม่ดีสักเท่าไรนัก ยุนกิก็รีบเปิดประตูรถออกมาและประจันหน้ากับไอ้รถคันนั้นด้วยความหงุดหงิด สาบานได้ว่าตั้งแต่เกิดมาเขาไม่เคยมีเรื่องหนักถึงขั้นเอาให้ตายกันขนาดนี้ แต่เหตุการณ์เมื่อกี้เรียกว่าวินาทีชีวิตชัดๆ!
“พวกมึงแม่งเป็นเหี้ยอะไรวะ! เมื่อกี้กะจะฆ่ากูหรือไง!!!” ตะคอกเสียงหนักพร้อมกับเข้าไปกระชากคอเสื้อหนึ่งในคนพวกนั้น แต่ยังไม่ทันจะได้ตั้งตัว ยุนกิก็โดนจับตัวไว้ไม่ให้ไปไหนก่อนที่พวกมันจะหยิบเข็มฉีดยาออกมา และปลายเข็มแหลมก็ได้จิ้มเข้าไปที่ต้นแขนทันทีอย่างไม่รีรอ..
ทุกอย่างมันเกิดขึ้นเร็วมาก เร็วเสียจนยุนกิตั้งหลักไม่ถูกพูดอะไรไม่ได้ เขาพยายามเตะ พยายามต่อยคนพวกนี้ที่ไม่รู้จักด้วยแรงทั้งหมดที่มีอยู่ แต่ทำไมยิ่งเวลาผ่านไปนานเท่าไร เขาก็ยิ่งรู้สึกเหนื่อยขึ้นมากขึ้นเท่านั้น ไม่มีพละกำลัง ไม่มีแรงพูด หรือแม้แต่กระทั่งแรงลืมตาเสียด้วยซ้ำ..
และทุกๆอย่างหลังจากนั้น เขาก็ไม่ได้สติอีกเลย..
นี่สินะ..คือความรู้สึกของคนที่โดนฉีดยาสลบเข้าไปเต็มๆ
ร่างบางหิ้วถุงอาหารสดหลังจากที่ไปซื้อมาในห้าง วางใส่ในรถด้วยความทะมัดทะแมงพร้อมกับคิดเมนูอาหารที่จะทำให้คนที่เดินทางมาไกลในคืนนี้.. รอยยิ้มกว้างบนใบหน้าบ่งบอกถึงความสุขของเขาได้เป็นอย่างดีก่อนที่แบคฮยอนจะขับรถกลับไปที่บ้านของเขา..
ในขณะที่ขับรถแบคฮยอนก็คิดถึงเรื่องราวในสมัยก่อนไปอย่างเรื่อยเปื่อยด้วยความอารมณ์ดี ในตอนที่เขาและยุนกิยังเรียนที่มหาลัย ตัวแทบจะติดตลอดเวลาถึงแม้ว่าจะไม่ได้เรียนคณะเดียวกันก็ตาม มันอาจจะดูเป็นเรื่องตลกนิดหน่อยที่คุณอาจจะคิดว่าแบคฮยอนและยุนกินั้นคบหากันมานาน แต่นั่นไม่ใช่... ถ้าย้อนกลับไปช่วงแรกๆที่รู้จักกันเลยล่ะก็ ความบังเอิญต่างหากที่ทำให้พวกเขาได้มารู้จักกันในฐานะรูมเมท..
บังเอิญยังไงแบคฮยอนก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน แต่สิ่งที่เขาจำได้ดีนั่นก็คือใบหน้าเรียบนิ่ง พร้อมกับเสียงทุ้มต่ำที่เหมือนคนเมาเหล้าอยู่ตลอดเวลาของยุนกิ บางครั้งที่พูดจาไม่รู้เรื่องหรือแม้กระทั่งบางครั้งก็เหมือนจะเป็นใบ้ไปซะอย่างนั้นซึ่งตอนแรกมันก็อาจจะอึดอัดเล็กน้อย แต่พอได้รู้จักไปนานๆเข้า ยุนกิก็กลับมีหลายมุมที่น่าแปลกใจซะเหลือเกินสำหรับแบคฮยอน...
และอีกสิ่งหนึ่งที่ทำให้เขารู้สึกประทับใจคือยุนกิดูแลคนรอบข้างอย่างเงียบๆมากกว่าที่จะทำให้โจ้งแจ้งเสียมากกว่า..
จากที่ในหอก็แทบจะเหมือนคนไม่รู้จักก็เริ่มสนิทมากขึ้นเรื่อยๆเพราะค่อยๆปรับตัวเข้าหากัน จนในที่สุดความสัมพันธ์จากเพื่อนสนิทก็ได้เปลี่ยนเป็นคู่รักเมื่อห้าเดือนที่แล้ว...
บยอน แบคฮยอนยังจำเวลานั้นได้ดี...
“ฝีมือทำอาหารเหมือนแฟนกูในอนาคตเลย..” ก็แค่กำลังนั่งกินข้าวเย็นด้วยกันแล้วพูดออกมาอย่างนั้นหน้าตาเฉย ตอนนั้นสีหน้าของแบคฮยอนทั้งอึ้งทั้งงุนงงในการเลือกใช้คำของคนตรงหน้าที่ยังคงกินข้าวต่อไปไม่ท่าทีว่าจะเดือดร้อนอะไรเล็กน้อย
“เมื่อกี้พูดอะไร?”
“ก็อย่างที่ได้ยินไง..”
“...”
“ไม่ปฏิเสธก็แปลว่าเป็นแฟนกันแล้วดิ ทำหน้าโง่อยู่ได้..”
โคตรไร้ชีวิตชีวา โคตรฮาร์ดคอร์ และก็โคตรจะไม่มีความโรแมนติกสักนิด..
แต่อย่างนั้นแล้วพอได้ขึ้นชื่อว่าคบกับยุนกิ แบคฮยอนก็ว่ามันมีความสุขดีมาตลอดจนพวกเขาต่างคนต่างเรียนจบเมื่อสองเดือนที่ผ่านมาและก็ได้ทำงาน ทั้งยังคอยติดต่อหากันประจำ..
คิดเพลินมาตลอดทางแบคฮยอนก็ย่นคิ้วในทันทีเมื่อเห็นรถออดี้สีดำคันหรูจอดอยู่หน้าบ้านตัวเองพร้อมกับมีผู้ชายยืนรออยู่สองสามคน คิดได้อย่างนั้นแบคฮยอนก็ค่อยๆลงจากรถแล้วเดินเข้าไปหา
“มาหาใครครับ?” หนึ่งในชายร่างสูงหันหน้ามาหาเขาพร้อมกับรอยยิ้มแปลกๆจนร่างบางตัวสั่นนิดๆแต่ก็พยายามยิ้มเห่ยๆให้ ร่างสูงจ้องคนตรงหน้าด้วยท่าทางนิ่งๆอยู่ครู่นึงก่อนที่เขาจะเอ่ยขึ้นมา
“แบคฮยอน?”
“ฮะ..เอ่อ ครับ?” แบคฮยอนเกาหลังคอเงาะๆงะๆด้วยความงุนงงที่ร่างสูงหน้าขรึมเอาแต่จ้องเขา “คุณมาหาผมเหรอครับ” คนตรงหน้ายกยิ้มขึ้นมาอีกครั้งก่อนจะเดินเข้าไปใกล้ๆแบคฮยอน แววตาคมเข้มดูน่ากลัวแปลกๆจดจ้องมาที่คนตรงหน้าเต็มๆจนร่างบางทำตัวอะไรไม่ถูก อยากจะผลักตัวออกไปแต่พอเห็นไอ้สองคนที่อยู่ข้างๆทำหน้าโหดไม่แพ้กันแบคฮยออนก็รู้สึกหวั่นๆไปทั้งตัวแล้ว...
ดูก็รู้ว่าไอ้พวกนี้ไม่ใช่คนดีแน่ๆ...
“เปล่าหรอก..” ร่างสูงปฏิเสธหน้าตายก่อนที่เขาจะค่อยๆเลื่อนใบหน้าออกห่างแบคฮยอน “นายไม่มีความจำเป็นที่ฉันจะต้องมาหา..”
“ขนาดไม่มีความจำเป็นคุณก็ยังอุตส่าห์ผ่านมาทางบ้านผมและก็บังเอิญจอดรถรอตรงนี้เลยนะครับ..” เถียงตอบกลับไปทันทีที่คำตอบของคนแปลกหน้ามันพิลึกจนน่าปวดหัว “ถ้ามีความจำเป็นจะขนาดไหนกันเชียว?” ร่างสูงหัวเราะเสียงทุ้มในลำคอจนแบคฮยอนต้องขมวดคิ้วให้ด้วยความสงสัยกับท่าทีของเขา
“งั้นนายลองเป็นความจำเป็นของฉันมั้ยล่ะแบคฮยอน?” คนตรงหน้าที่เอาแต่ยิ้มทำให้แบคฮยอนอึดอัดจนอกจะแตก เขาไม่ได้รู้จักไอ้คนตรงหน้าเลยแม้แต่นิดเดียวแต่ทำไมผู้ชายคนนี้ดูเหมือนจะรู้จักเขา.. ร่างบางถอนหายใจเฮือกด้วยความหงุดหงิดก่อนที่เขาจะผายมือให้ชายแปลกหน้า
“ผมว่าความจำเป็นของคุณคือออกไปจากหน้าบ้านผมจะดีกว่านะครับ เชิญ..”
“นี่แกไล่คุณชานยอลอย่างนั้นเหรอ!” ชายชุดดำด้านหลังร่างสูงเดินเข้ามาพร้อมกับล้วงมือเอาไปในเสื้อทำท่าจะหยิบปืนออกมาแต่ก็โดนคนเป็นเจ้านายห้ามไว้ทันท่วงที
“ฉันบอกแล้วไงว่าอย่ายุ่ง..” ชายชุดดำก้มหน้าลงรับผิดทันทีก่อนจะกลับไปยืนที่เดิม เหตุการณ์เมื่อกี้ทำให้สติแบคฮยอนแทบตกไปอยู่ตาตุ่มเสียด้วยซ้ำ ไอ้พวกนี้เป็นใครกันคงเป็นคำถามที่เขาถามในใจตัวเองเป็นรอบที่สิบแล้วล่ะมั้งในตอนนี้.. แบคฮยอนพยายามปรับสีหน้าวางมาดไม่ให้ตัวเองดูหวาดกลัวจนเกินไปก่อนที่เขาจะเอ่ยขึ้น
“เชิญเอาลูกน้องที่มีท่าทางทุเรศแบบนี้ของคุณกลับไปด้วยนะครับ และก็หวังว่าเราจะไม่ได้พบกันอีก” คนตรงหน้าหัวเราะในลำคอให้แบคฮยอนอีกครั้ง ก่อนที่เขาจะจงใจโน้มหน้าเข้าไปใกล้ๆร่างบางแล้วเอ่ยขึ้นข้างๆกกหู
“แต่ฉันคิดว่าเราจะได้เจอกันอีกนะ..” ชายแปลกหน้าพูดเสร็จก็เดินหนีขึ้นรถในทันที แต่รอยยิ้มนั้นยังคงทำให้แบคฮยอนจำได้แม่น ร่างบางถอนหายใจเฮือกแรงด้วยความโล่งใจเมื่อเห็นรถคันสีดำได้ไปไกลจนสุดสายตา ไอ้คนเมื่อกี้มันประสาทชัดๆ มันทั้งรู้จักชื่อเขา ที่อยู่ พูดจาแปลกๆจนจะบ้า ได้แต่หวังต่อพระเจ้าจริงๆว่าคงจะไม่ให้เขาเจอคนแบบนี้อีกแต่ถ้ามันได้เจอกันอีกจริงๆล่ะก็...
แบคฮยอนนี่แหละ ที่จะทำให้มันไม่กล้าเจอเขาอีกเลย..
เจ้าของเสียงทุ้มสลบไสลอยู่บนเตียงของร่างบางอยู่ตลอดทั้งคืนโดยที่มีจีมินนั่งมองอยู่ข้างๆ ที่ยิ่งมองเขาก็ยิ่งรู้สึกเหมือนตกอยู่ในห้วงอะไรสักอย่างที่ไม่สามารถละสายตาหนีออกไปได้ ผู้ชายที่เคยมองผ่านรูปภาพมาตลอดหลายเดือนในตอนนี้ได้อยู่แค่เอื้อมมือของจีมินแล้ว..
อาจจะเพราะจีมินที่แทบไม่เคยออกจากบ้าน ทำให้เขาต้องรอคอยเวลาทุกวันที่จะออกจากคุกบ้าๆนี่อยู่ตลอด ใช่..บางครั้งเขาก็เข้าใจว่าทำไมชานยอลถึงให้เขาอยู่แต่ในห้องนี้ แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ไม่ใช่นักโทษที่ต้องอยู่ในคุกตลอดเวลา จีมินรู้ดีว่าโลกนี้มันอันตราย มันโหดร้ายและไร้ความยุติธรรม แต่เขาเป็นถึงน้องมาเฟียเลยนะ น้องชายแท้ๆของชานยอลที่ครอบครองด้านมืดทุกๆอย่าง ร่างสูงคนนั้นจะขังไว้ที่นี่ไปตลอดชีวิตไม่ได้..
ความคิดของเด็กที่ถูกพี่ชายเลี้ยงไว้เหมือนไข่ในหินก็เหมือนความคิดโง่เง่าที่หาเหาใส่ตัวเอง ครั้งนั้นเป็นครั้งแรกที่เขาวางแผนหนีออกจากบ้าน วิ่งไปตามทาง วิ่งโดยที่ไม่รู้ว่ามีอะไรอยู่ข้างหน้าบ้างที่เขาก็คิดที่จะเลือกหนี จนในที่สุดถนนที่เขาเลือกให้นำทางมันก็พาเขามาเจอกับผู้ชายเสียงทุ้มคนนั้น ผู้ชายที่ชื่อว่ามินยุนกิ..
“เฮ้! ทำไมหน้าซีดแบบนั้นล่ะ วิ่งหนีใครมารึเปล่า?”
“.....”
“ให้ช่วยมั้ย?”
“....”
“ถ้าไม่พูดก็แปลว่าตกลง งั้นรีบมาหลบในรถแล้วกัน...”
จีมินยังจำเหตุการณ์ครั้งแรกที่เขาเจอยุนกิได้ดี...
เขารีบก้าวเข้าไปหลบในรถทันทีด้วยความรีบเร่งพร้อมกับคอยดูเหตุการณ์ผ่านกระจก พวกลูกน้องสี่ห้าคนที่ตามกันมาไม่ห่าง สอดส่ายสายตาหาจนทั่วก่อนที่มันจะวิ่งมาหายุนกิที่กำลังยืนสูบบุหรี่อยู่นอกรถด้วยท่าทางไม่มีพิรุธ นั้นทำให้จีมินต้องรีบก้มหัวลงให้ต่ำที่สุดในทันที
“เห็นคนวิ่งมาทางนี้บ้างมั้ย?”
“อ้อ..แต่เห็นวิ่งไปทางนู้นแล้วนะ..”
จับใจความคร่าวๆได้แค่นี้ก่อนที่จีมินจะได้ยินเสียงฝีเท้าวิ่งไปทางอื่น ออกห่างไปเรื่อยๆจนไม่ได้ยินเสียงอะไรเลย ทันใดนั้นนั่นเองจู่ๆประตูรถที่เขาใช้กำบังก็ถูกเปิดออก
“มันไปแล้ว..”
“....”
“หลบอยู่ตรงนั้นไปตลอดไม่ได้หรอกนะ ลงมาคุยกันดิ..”
“โอ้ย..”
เสียงทุ้มเอ่ยขึ้นมาเบาๆฉุดจีมินออกจากภวังค์ในทันที ร่างบางรีบขึ้นไปนั่งบนเตียงพร้อมกับจดจ้องอยู่กับใบหน้าของคนที่นอนอยู่ ยุนกิอยู่ในสภาพที่ถูกมัดมือติดไว้กับหัวเตียงทั้งยังโดนผ้าปิดตาไว้มิดไม่ให้เห็นแสง เมื่อรู้สึกตัวได้ยุนกิจึงหงุดหงิดให้กับสิ่งที่เป็นอยู่ในทันที
“พวกมึงจับกูมาทำเหี้ยอะไรวะ!!” เสียงทุ้มตะคอกแข็งกร้าวด้วยความโมโหจนจีมินสะดุ้งแต่ก็กลับมีแต่รอยยิ้มกว้างบนใบหน้า ยุนกิพยายามดีดดิ้นตัวออกจากสิ่งที่รัดกุมมือเขาไว้ แต่ยิ่งดิ้นมากเท่าไร เชือกมันก็ยิ่งรัดแน่นขึ้นมากเท่านั้น
“ผมไม่ฆ่าพี่หรอก..”
“แต่ถ้ากูเห็นหน้ามึงกูฆ่ามึงแน่ๆ! แม่งเอ้ย! จับมาทำเหี้ยอะไรวะ!!” ยุนกิยิ่งแทบโมโหขึ้นเรื่อยๆกับความมืดมิดใต้ผ้าปิดตา ก่อนที่เขาจะรับรู้ถึงน้ำหนักของใครสักคนที่ขึ้นมานั่งทับบนตัวเขา และหลังจากนั้นเองผ้าปิดตาของเขาก็ถูกเจ้าของเสียงหวานปลดออกให้ในทันที
ใบหน้าขาวผ่องชมพูนวลแต่ดูซีด ริมฝีปากอวบอิ่ม ทั้งยังแววตาที่ดูใสซื่อมองมาหาเขาพร้อมกับรอยยิ้มแต่กลับน่าขนลุกแปลกๆ มือบางนั้นค่อยๆลูบไล้ใบหน้ายุนกิอย่างเบามือก่อนจะเอ่ยออกมา
“พี่ยุนกิ..พี่จำผมได้มั้ยครับ..”
“....” ไร้เสียงตอบรับใดๆทั้งสิ้นนอกจากการขมวดคิ้วให้แทนคำตอบ ยุนกิพยายามจดจ้องใบหน้าหวานได้รูปนั้นพร้อมกับใช้สมองนึกคิด แต่ไม่ว่าเขาจะนึกยังไง คนตรงหน้าก็กลับไม่ได้อยู่ในส่วนของความจำสักนิด...
“ผม..จีมินไงครับ..”
“จำไม่ได้..”
“....”
“ฉันว่าแกจับคนมาผิดแล้วล่ะ..”
“ผมไม่ได้จับใครมาผิดทั้งนั้นพี่ยุนกิ!!” ร่างบางกำหมัดกระชากเสื้อยุนกิด้วยความโมโหพร้อมกับแวตาที่แข็งกร้าว “ทำไมพี่ถึงจำผมไม่ได้ล่ะ! ทำไมพี่ถึงตอบแทนสิ่งที่ผมรอแบบนี้!! นึกหน้าผมดีๆสิ! นึกเดี๋ยวนี้!!!” ตะคอกใส่ยุนกิด้วยความผิดหวังในคำตอบ คนตรงหน้าที่ถูกตรึงแขนไว้พยายามนึกถึงจีมินว่าเขาเคยบังเอิญเจออะไรที่ไหนรึเปล่าในชีวิต จนในที่สุด..ยุนกิก็จำได้เสียที..
“แกมันเด็กที่เคยหนีออกไปจากบ้านนี่..”
“.....”
“ใช่จริงๆด้วย...ไอ้เด็กที่เคยหนีออกจากบ้าน!” เบิกตาโพลงทันทีเมื่อจำจีมินได้ แต่เท่าที่ยุนกินึกถึงเขาเจอเด็กคนนี้ไม่ถึงห้านาทีด้วยซ้ำ จีมินในวันนั้นที่วิ่งหนีอะไรสักอย่างในสภาพที่เหงื่อโชกทั่วตัว เขาก็แค่ยื่นมือเข้าไปช่วยอย่างไม่มีเหตุผลก็แค่นั้น แถมอีกอย่างเด็กนี่ก็วิ่งหนีไปเลยเมื่อเขาช่วยเสร็จซะด้วยซ้ำ แล้วแบบนี้จะให้ยุนกิจำคนตรงหน้าได้อย่างไรกัน.. “มึงจับกูมาทำไม! ปล่อยเดี๋ยวนี้นะเว้ย!!” แม้ว่ายุนกิจะมีสีหน้าที่ไม่พอใจมากแค่ไหนกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น จีมินก็ยังคงยิ้มให้กับคนตรงหน้าเขาด้วยใบหน้าระรื่น..
ถึงแม้จะรู้ว่าตัวเองไม่ได้สำคัญอะไรกับคนตรงหน้า แต่พอรู้ว่าอย่างน้อยเขาได้อยู่ในความจำของยุนกิบ้าง แค่นี้จีมินก็พอใจแล้ว..
“พี่ไม่ต้องกลัวนะครับ..ผมบอกแล้วไงว่าไม่ได้จับพี่มาฆ่า...”
“ไม่ได้มาฆ่าแล้วเอามาทำอะไรวะ! มึงปล่อยกูเดี๋ยวนี้!!!” ไม่ว่าเสียงทุ้มจะตะคอกดังมากแค่ไหนจีมินก็ยังคงยิ้มกว้างให้อยู่แบบนั้น มือบางที่กำเสื้อของยุนกิค่อยๆเลื่อนขึ้นมาบีบแก้มร่างโปร่ง จากที่บีบเบาๆก็ค่อยทวีความแน่นขึ้นมาเรื่อยๆจนยุนกิหน้าชาไปหมดแต่คนตรงหน้าก็กลับยกยิ้มให้เหมือนเดิม..
“พี่รู้มั้ยว่าตั้งแต่วันนั้น ผมก็ให้คนไปสืบประวัติพี่มาตลอด..”
“....”
“สืบตั้งแต่พี่ยังไม่ออกจากมหาลัย..”
“....”
“จนตอนนี้พี่มีแฟนแล้ว.. ” ทั้งน้ำเสียงและสีหน้าของจีมินเปลี่ยนไปในทันทีเมื่อพูดถึงประโยคนั้น เขากัดฟันกรอดด้วยความความคับแค้นใจก่อนก้มหน้าลงมาพูดข้างๆหูยุนกิ “ผมรอพี่มาก่อนมัน แต่ทำไมพี่ถึงไปคบกับมันล่ะครับ?”
“แกมันประสาท..”
“แต่ก็ช่างมันเถอะ.. เพราะไม่ว่าพี่จะมีเจ้าของอีกกี่คนยังไง..”
“....”
“ผมก็ยังชอบพี่อยู่ดี..”
“มึงโรคจิตแน่ๆ..” เสียงทุ้มเอ่ยออกมาเบาๆ คนตรงหน้าเขาทั้งแววตาและคำพูดดูไม่เหมือนคนปกติเลยสักนิดนั่นยิ่งทำให้ยุนกิมั่นใจว่าจีมินต้องมีปัญหาแน่ๆ.. ร่างบางยกยิ้มขึ้นอย่างพอใจกับคนที่เขานั่งทับบนตัวอยู่ตอนนี้ถูกมัดไม่มีทางสู้ได้ก่อนที่จีมินจะก้มลงไปพูดที่ข้างๆหูอีกครั้ง
“แค่รูปพี่ยังทำให้ผมคลั่งแทบบ้า...”
“...”
“แล้วถ้าเป็นตัวเป็นๆตรงนี้ล่ะ จะทำให้ผมคลั่งไคล้ขนาดไหน..”
“มึงมันโรคจิตชัดๆ! เอามือมึงออกไปจากตัวกูเดี๋ยวนี้!!” ยุนกิพยายามเบี่ยงใบหน้าออกจากการถูกบีบเค้นแต่ก็ไม่ได้ผล จีมินใช้มืออีกข้างปลดกระดุมเสื้อร่างโปร่งจนหมดอย่างยากลำบากแต่นั่นยิ่งทำให้ยุนกิรู้สึกหงุดหงิดกับสิ่งที่กำลังเกิดขึ้น ก่อนที่จีมินจะค่อยๆจงใจก้มลงไปหายใจรดต้นคอคนใต้ร่างด้วยความกระหาย..
“ผมเป็นแค่คนๆหนึ่งที่คลั่งพี่ก็แค่นั้น...”
“อย่าคิดทำอะไรบ้าๆนะไอ้เด็กเวร..”
“ไม่บ้าหรอกครับพี่ยุนกิ..ความสุขของผมมันไม่ใช่เรื่องบ้า” จีมินปล่อยมือออกจากแก้มยุนกิก่อนที่เขาจะค่อยๆลูบไล้หน้าท้องร่างโปร่งอย่างเบามือและยั่วอารมณ์พร้อมกับรอยยิ้ม “ผมขอร้องนะพี่ยุนกิ..”
“....”
“ช่วยทำให้ผมเป็นของพี่นะครับ ...”
วาร์ปได้ที่ไบโอทวิตค่ะ
TBC
ตอนแรกอาจจะบรรยายเยอะหน่อยนะคะ เพราะพูดถึงเรื่องอดีตทั้งแบคฮยอนและยุนกิ แล้วก็จีมิน ทั้งยังความเป็นอยู่ของชานยอลพอสมควร แต่ปมยังไม่ได้มีแค่นี้เนอะ... ขอบคุณทุกคนที่รอจริงๆ จะพยายามอัพบ่อยๆให้ได้นะคะ
ความคิดเห็น