คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #8 : Break time : Angel a day
Author: Monochrome bird
Category: สบายๆ สไตล์วันหยุด
Pairing: อาโอมิเนะ x คากามิ (แต่ที่จริงๆก็พูดเรื่องทั่วๆไปมากกว่า)
Rating: PG-13
Disclaimer: ทุกสิ่งทุกอย่าง เป็นของอาจารย์ฟูจิมากิค่ะ พวกเราแค่ยืมมาจิ้นเล่นเท่านั้น
Author notes: ว่างๆก็เลยลองเขียนอะไรสั้นๆ ก่อนจะต่อตอนยาวค่ะ
++++++++++
หากไม่มีงานอะไรเร่งด่วน คากามิจะชอบมานั่งเล่นอยู่ที่บ้านของคาซามัตสึเป็นประจำ ทั้งสองคนจะช่วยกันทำอาหารง่ายๆ บางครั้งก็ทำสวน หรืออาจจะแค่นั่งสนทนาเรื่องราวต่างๆในชีวิตประจำวันด้วยกัน ซึ่งหัวข้อในการสนทนาก็หนีไม่พ้นเรื่องราวของชายหนุ่มอีกสองคน ซึ่งทั้งคู่ทั้งรักและเอาใจใส่เป็นอย่างดี
“ทำไมถึงไม่ยอมไปอเมริกาล่ะ ??”
นั่นคือคำถามของคาซามัตสึที่กำลังยกขนมและน้ำชามาเลี้ยง คากามิที่อยู่ในชุดเสื้อยืดสบายๆกำลังนั่งเอกขนกอยู่บนเก้าอี้โซฟาตัวยาวราคาแพงระยับ หนึ่งในเฟอร์นิเจอร์ที่คิเสะขนมาจากต่างประเทศ
“ก็ดื้อน่ะสิ”
คำว่า ดื้อและเอาแต่ใจนั้น คือคำจำกัดความที่ดีที่สุดของนิสัยอาโอมิเนะ ไดคิ ไม่ใช่ว่าจะร้องโวยวายหรือลงไปดิ้นบนพื้นเหมือนเด็กๆหรอกนะ แต่ควรจะใช้คำว่า ไม่ยอมรับฟังอะไรจะดีที่สุด เพราะหากเจ้าตัวตัดสินใจแล้วว่า มันควรจะเป็นอย่างนั้น ก็จะไม่ยอมรับฟังอะไรทั้งนั้น ไม่ว่าสิ่งที่พูดจะมีเหตุผลมากแค่ไหนก็ตาม
“ทั้งที่เป็นโอกาสดีแท้ๆ”
อาโอมิเนะนั้น ตอนนี้อายุย่างเข้าปีที่สิบเจ็ด อีกประมาณสองเดือนก็จะอายุครบสิบเจ็ดปีเต็ม ทั้งที่เด็กขนาดนี้ กลับมีคนมองเห็นความสามารถทาบทามให้ไปเข้าทีมในอเมริกา ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องน่าประหลาดใจระคนยินดี เพราะหาได้ยากยิ่งที่จะมีคนเห็นความสามารถตั้งแต่เด็กขนาดนี้ นี่ยังไม่นับรวมเรื่องที่เป็นคนญี่ปุ่นไม่ใช่คนอเมริกาอีกด้วยนะ
“แล้วอาโอมิเนะบอกว่าอะไรล่ะ”
พอถึงคำถามนี้ คากามิก็เบ้ปากเหมือนกินของขม ยากนักที่จะเห็นคากามิทำหน้าแบบนี้ โดยเฉพาะเมื่อยามคุยเรื่องอาโอมิเนะ เพราะไม่ว่าจะเป็นเรื่องอะไร คากามิมักจะเห็นเป็นเรื่องน่ายินดีและสนุกสนานไปเสียหมด ถึงจะดูโมโหบ้าง หงุดหงิดบ้างในบางครั้ง แต่ก็มักจะเล่าเรื่องราวเหล่านั้นด้วยแววตาเอ็นดูและห่วงใย
“บอกว่า ขี้เกียจ”
“หา ?”
“ขี้เกียจน่ะ”
ไม่ต้องบอกก็รู้ว่า นี่เป็นการตอบคำถามกวนประสาทตามสไตล์อาโอมิเนะ ไดคิ คากามิดูจะโกรธจริงจังกับคำตอบที่ได้รับ แต่คาซามัตสึรู้ว่าอีกฝ่ายโกรธได้ไม่นานหรอก ขอแค่อาโอมิเนะเข้ามาอ้อนนิดๆหน่อยๆ เดี๋ยวก็ใจอ่อนยอมพูดด้วย ที่จริงคาซามัตสึออกจะแปลกใจอยู่สักหน่อย ถึงเหตุผลที่เด็กหนุ่มเลือกจะพูดกวนประสาทมากกว่าพูดความจริง
“จะต้องให้คำตอบทางนั้นเมื่อไหร่ ?”
“เจ้าเด็กบ้านั่นให้ไปแล้ว บอกว่าไม่ไป”
คาซามัตสึรู้ดีว่า คากามิเป็นห่วงอาโอมิเนะขนาดไหน เพราะหากได้อยู่ใกล้ชิดกันสักพักจะรู้ว่า เด็กหนุ่มเป็นคนที่ไม่เก่งอะไรเลยนอกจากบาสเก็ตบอล ไม่สิ ควรจะพูดว่า เป็นประเภทมีสมรรถภาพทางร่างกายดีเยี่ยม แต่ถ้าเป็นด้านการใช้สมองนี่ดูจะไม่ค่อยได้เรื่องได้ราวสักเท่าไร คากามิเองก็คงคิดเอาไว้เหมือนกันว่า อาชีพในอนาคตคงไม่พ้นนักกีฬา ซึ่งบาสเก็ตบอลก็เป็นกีฬาที่เจ้าตัวชื่นชอบ ถ้าได้เล่นเป็นอาชีพก็น่าจะดีไม่น้อย
“แต่...”
“คนคนนั้นดูอยากได้อาโอมิเนะมาก ก็เลยบอกไว้ว่า เปลี่ยนใจได้ทุกเมื่อ”
นับได้ว่าเป็นความโชคดีอย่างที่สุดของเด็กอายุไม่ถึงสิบเจ็ดปี แต่อันที่จริงแล้ว ถ้าใครได้มาเห็นลีลาการเล่นบาสเก็ตบอลของอีกฝ่ายแล้ว ก็คงจะรู้สึกได้ว่า ไม่ตะครุบเอาไว้ก็โง่แล้ว อายุแค่นี้ยังทำได้ถึงขนาดนี้ แล้วถ้าผ่านการขัดเกลาจะยิ่งเก่งขึ้นขนาดไหน
“แล้วคิเสะล่ะ ?”
“ไม่มีอะไรพิเศษหรอก ก็ร่อนไปร่อนมาทำงานเหมือนเดิม”
คาซามัตสึรู้ว่า คากามิถามเรื่องนี้ด้วยความเป็นห่วง และมักจะแวะมาที่บ้านบ่อยๆ เพราะกลัวว่าเขาจะเหงา ที่จริงแล้วเขาอยู่คนเดียวได้ไม่ลำบากอะไร จะมีเหงาบ้างก็จริงอยู่ แต่เขาเป็นผู้ใหญ่แล้ว เรื่องแค่นี้อดทนได้อยู่แล้ว คากามิเองก็มีงานมากมาย ไหนจะปัญหาเรื่องอาโอมิเนะที่ต้องขบคิดอีก คาซามัตสึไม่อยากให้เขาเป็นหนึ่งในเรื่องที่อีกฝ่ายจะต้องกังวล แต่ก็ไม่รู้ว่าจะเริ่มพูดเรื่องนี้ยังไงดี
“เจ้าบ้านั่น น่าจะอยู่ติดบ้านบ้างนะ”
“ปล่อยให้คาซามัตสึซังอยู่บ้านคนเดียว”
“เดี๋ยว...ใครก็มาคาบไปกินหรอก”
คำพูดนั้นทำให้เจ้าของบ้านหัวเราะออกมา นับตั้งแต่คากามิเห็นโรเบิร์ตมาบ้าน คอยมาเที่ยวตื้อให้เขากลับไปทำงานถ่ายภาพ ชายหนุ่มผมแดงก็รู้สึกวิตกมาตลอด เพราะคิดว่าโรเบิร์ตมาตามจีบเขา ถึงจะอธิบายไปกี่ครั้งก็ไม่เชื่อ เพราะยังเห็นฝรั่งผมทองคนเดิม ชอบแวะเวียนมาบ้านเขาอยู่เสมอ
“บอกแล้วไงว่า โรเบิร์ตน่ะเป็นรุ่นน้องที่มาตื้อให้กลับไปทำงาน”
“ฉันอายุขนาดนี้แล้ว ไม่มีใครมาจีบหรอก”
“จะว่าไปเด็กสาวคนนั้นของอาโอมิเนะเป็นยังไงบ้าง”
ประมาณอาทิตย์ก่อน มีเด็กสาวคนหนึ่งมาติดพันอาโอมิเนะ ซึ่งเจ้าตัวก็ยังยึดถือนโยบายเดิมคือ ทิ้งของทุกอย่างที่ผู้หญิงให้ทันทีที่เจอถังขยะ ไม่ว่าจะเป็นจดหมาย ขนม ลูกอม หรืออะไรก็แล้วแต่ อาโอมิเนะถือคติไม่รับอะไรทั้งนั้นที่จะสุ่มเสี่ยงต่อความเข้าใจผิดว่า เขามีใจให้อีกฝ่าย หากมีใครมาสารภาพรัก ก็จะตอบปฏิเสธทันทีด้วยคำพูดสั้นๆ ซึ่งความดิบเถื่อนและเย็นชานั่น เป็นจุดที่ทำให้สาวๆหลงใหลใฝ่ฝันถึงชายหนุ่มคนนี้ ตามปกติแล้วหากถูกทิ้งของหรือได้รับคำปฏิเสธ ก็จะเลิกเข้าหา เพียงแค่แอบดูอยู่ห่างๆเท่านั้น แต่สาวน้อยคนนี้ต่างออกไป เธอพยายามส่งของขวัญมาให้ทุกวัน ส่วนใหญ่เป็นขนมที่ทำเอง พยายามเข้ามาพูดคุย แม้ว่าอาโอมิเนะจะตัดบทและครั้งที่เป็นเรื่องใหญ่ที่สุดคือ เธอตามมาถึงบ้านคากามิ
วันนั้นเป็นวันที่พวกเราทุกคนอยู่กันครบพอดี เรียวตะแวะกลับมาเอาของนิดหน่อยที่บ้าน แวะพักค้างคืนหนึ่งคืน ก่อนจะบินกลับไปทำงานต่อที่อิตาลี คากามิจึงชวนให้ทุกคนไปกินอาหารกันที่บ้าน เพราะไม่ได้กินข้าวด้วยกันสี่คนนานแล้ว เย็นวันนั้น พวกเราได้ยินเสียงเอะอะโวยวายของอาโอมิเนะ จึงออกไปดูที่หน้าบ้าน เขากำลังเสียงดังโวยวายใส่เด็กสาวคนหนึ่ง แน่นอนว่า พวกเราต้องเข้าไปห้าม เพราะดูอย่างไร เธอก็เป็นฝ่ายโดนรังแก แต่หลังจากไกล่เลี่ย ลากเข้ามาสงบสติอารมณ์ในบ้าน ถามแล้วถามอีกถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้น สักพักเด็กหนุ่มถึงยอมเล่าแต่โดยดีว่า พักนี้ถูกเธอคนนี้ตามตื้อ จนน่ารำคาญ
“เห็นอาโอมิเนะบอกว่า เธอไปติดใจคนอื่นแทนแล้ว ก็เลยเลิกเข้ามายุ่งวุ่นวาย”
“ที่จริงก็สงสัยอยู่เหมือนกันนะว่า อาโอมิเนะมีอะไรดีหนักหนา สาวๆถึงได้ติดใจ”
คาซามัตสึวางถ้วยชาในมือลง แล้วจ้องมองคากามิ จ้องอยู่พักหนึ่งจนเจ้าตัวนึกสงสัยว่า อีกฝ่ายอยากจะพูดอะไรหรือเปล่า แล้วทำไมถึงไม่พูดออกมาเสียที ในตอนที่แล้วอดทนกำลังจะสิ้นสุดลง คาซามัตสึก็พูดขึ้นมาพอดี
“นี่ คากามิ...”
“ยังเรียกว่า อาโอมิเนะอยู่อีกเหรอ ?”
ในความคิดของคาซามัตสึนั้น คากามิใกล้ชิดสนิทสนมกับทุกคนเพิ่มขึ้น สำหรับคิเสะนั้นอาจจะไม่ค่อยเห็นเป็นรูปธรรมนัก แต่เขารู้สึกว่า เจ้าตัวลดกำแพงอะไรหลายอย่าง และยอมให้คิเสะเข้าไปในพื้นที่ส่วนตัวมากขึ้น สำหรับตัวเขาเอง คากามิเปลี่ยนวิธีการพูดคุยด้วย เลิกใช้คำสุภาพ แม้จะยังใช้คำว่า ซังต่อท้ายนามสกุล แต่วิธีการพูดก็เปลี่ยนเป็นสบายๆ ไม่ดูสุภาพจนห่างเหินเหมือนเมื่อก่อน
คาซามัตสึเคยคิดว่า คงมีสักวันที่คากามิจะยอมเรียกอาโอมิเนะด้วยชื่อ ซึ่งอาจจะเป็นวันที่สัญญาของทั้งคู่ได้รับการเติมเต็ม แต่จากวันนั้นมาจนถึงวันนี้ อาโอมิเนะยังไม่เคยเอาชนะคากามิได้สักเกม เพราะตอนนี้คากามิไม่สามารถเล่นบาสเก็ตบอลได้ เจ้าตัวตรวจพบปัญหาที่เข่า ทำให้หมอแนะนำว่า ไม่ควรกระโดดหรือทำอะไรที่สร้างภาระหนักให้เข่า ดังนั้นสัญญาจึงไม่มีวันได้รับการเติมเต็ม เพราะอาโอมิเนะจะไม่เซ้าซี้ให้คากามิเล่นบาสเก็ตบอล เพียงเพื่อจะตอบสนองความต้องการของตัวเองหรอก ถึงจะเอาแต่ใจขนาดไหน แต่สำหรับอาโอมิเนะแล้ว คากามิก็สำคัญเป็นอันดับหนึ่งเสมอ
“คาซามัตสึซัง...เรียกชื่อตัวเนี่ย...”
“มันไม่แปลกๆ...เหรอครับ”
คำตอบของคำถามที่คาซามัตสึสงสัยนั้นปรากฏอยู่บนใบหน้าของเจ้าตัว สีแดงระเรื่อที่ปรากฏขึ้นบนแก้ม สรุปว่า ก็แค่อายที่จะเปลี่ยนวิธีเรียกสินะ จะว่าไป ตอนแรกที่เขาโดนเรียวตะบังคับให้เรียกชื่อก็รู้สึกว่า มันเป็นเรื่องยากลำบากพอดู แต่ผ่านไปสักพักก็จะรู้สึกชินปากไปเอง
“ก็ลองเรียกดูสิ ไม่เห็นเสียหายอะไรเลย”
“จริงไหม ?”
คากามิพยักหน้าตอบรับเล็กน้อย แต่คาซามัตสึเดาว่า อีกฝ่ายต้องกำลังคิดภาพตัวเองเรียกชื่ออาโอมิเนะอยู่แน่ๆ เพราะสีแดงระเรื่อที่แก้มนั้น ดูจะเข้มขึ้น ท่าทางอาโอมิเนะอาจจะต้องอดทนรออีกสักหน่อยแล้วล่ะ
++++++++++
ขอร้องอย่าเพิ่งทวง COF แต่งแล้ว แต่ว่า ยังไม่เสร็จ เขียนไปได้ 5 หน้า อันนี้มันเขียนง่ายกว่า ก็เลยเขียนเล่นๆก่อน (ใช้เวลาเขียนชั่วโมงเดียวเอง)
เรื่องนี้ เป็นช่วงก่อนที่จะเข้าอีกตอนของซีรี่ย์นี้ แต่จะกลับไปเขียนซีรี่ย์โน้นก่อน ก็เลยคงดองยาวต่อ (หัวเราะ)
เป็นอะไรสั้นๆ ที่จริงๆมียาวกว่านี้อีกนิด แต่กลัวว่า อีกนิดจะยืดยาวกลายเป็น ยี่สิบหน้าบวกบวก ก็เลยตัดไฟแต่ต้นลม
ที่จริงช่วงนี้มีเรื่องเครียดแปลกๆ ก็เลยแอบหลบเข้ามาเขียนเป็นการะบายอารมณ์ (หัวเราะ)
ที่จริง(อีกที) เขียนบ่นอะไรไปยาวมาก แต่ตัดสินใจไม่โพสดีกว่า เลยลบไป เอาเป็นว่า ครั้งหน้าน่าจะได้เจอกันใน COF แล้วล่ะค่ะ
ตอบคอมเมนต์เช่นเคย
หมีฟันเหล็ก ^[+++]^ : แอบสงสัยว่า ชอบตอนไหนในฟิคบ้าง คราวหน้าเล่าให้ฟังบ้างนะคะ ว่าอ่านตรงไหนแล้วฟินที่สุด
terewasabi : ไม่ลำเอียงนะเธอ ที่จริงเรารักรุ่นพี่มากกว่านะ ดูสีหัวดูก็รู้ หรือว่าลำเอียงรักอะโฮ่มากกว่าหมา ?? แล้วก็หมาไม่ได้ปอดแฟ่บ หมาแค่กลัวมีเหงื่อแล้วไม่หล่อ เหนื่อยนิดนึงก็ต้องเลิก หอบแฮ่กๆ เดี๋ยวทำงานไม่ได้ ส่วนยามาโตะซัง ตามแต่ ergo proxy จะนำพา
hnee : คิเสะนี่ตั้งใจให้เป็นผู้ชายใจกล้าหน้าด้านและรู้สึกว่าชีวิตได้อะไรมาง่ายๆทุกอย่างค่ะ ฉะนั้นคาซามัตสึซังคือความท้าท้ายครั้งแรกในชีวิต (หัวเราะ) แกก็เลยนึกว่า ทุกคนได้อะไรมาง่ายๆเหมือนแก
เอาล่ะๆ กลับไปทำงานทำการได้แล้วเธอ
ความคิดเห็น