ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Gintama fic] Night...Night... (GintokixHijikata)

    ลำดับตอนที่ #6 : Chapter 6 Hijikata’s side คนประหลาด นำมาซึ่งความรู้สึกประหลาด

    • อัปเดตล่าสุด 8 ก.ย. 53


    Chapter 6 Hijikata’s side  คนประหลาด นำมาซึ่งความรู้สึกประหลาด

     

    งานเอกสารกองตั้งเป็นภูเขาเลากา เมือเกิดเหตุการณ์วุ่นวายกลางงานเลี้ยง ทุกอย่างต้องถูกเขียนเป็นรายงานทั้งหมด

    ค่าเสียหายคงเยอะเอาเรื่องอยู่ แต่ไม่น่ามีปัญหาอะไร เนื่องจากพวกบาคุฟุเงินหนาอยู่แล้ว

    คนที่ต้องมาตกระกำลำบาก นั่งเขียนรายงานคือ รองหัวหน้า ฮิจิคาตะ โทชิโร่

    เพราะขืนให้คนอื่นเขียน มีหวังได้ส่งขยะ ไปยังเบื้องบน คงจะโดนบ่น แถมมีงานเพิ่มมากขึ้นกว่าเดิม

     

    ฮิจิคาตะคุง~”

     

    เสียงเรียกชื่อเขา ห้อยท้ายด้วยคำพูดกวนประสาท เหมือนจะยั่วโมโหกัน ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าใคร

    ไอ้บ้าหัวเงินยืนทำหน้าปลาตายอยู่ตรงระเบียง ใครเชิญเข้ามาวะ ? อยู่ๆมายุ่มย่ามในที่ทำการชินเซ็นกุมิได้ยังไง

     

    มีคนฝากนี่มาให้

     

    มายองเนสมากมายในถุงของร้านสะดวกซื้อถูกส่งให้ พอถามกลับว่า อะไรของแก ก็ได้รับคำตอบว่า ได้รับการว่าจ้าง
    ให้ส่งมายองเนส มาให้ฮิจิคาตะ แต่ต้องขอปิดบังชื่อของผู้ส่ง เพราะเป็นความประสงค์ของผู้จ้างวาน

     

    เหอะ

     

    ฮิจิคาตะเอาถุงมายองเนสมาวางไว้ข้างตัว แล้วหยิบปากกา ตั้งใจจะทำงานต่อ ถ้าไม่บังเอิญเห็นว่า ไอ้บ้าร้านรับจ้างสารพัด
    ยังนั่งหัวโด่ ไม่สิ ลงไปนอนเอกขเนกอยู่บนพื้นห้องแล้ว

     

    ทำไมแกยังไม่ไปซะทีวะ ?

     

    ไม่คิดจะยกน้ำชา กับขนมมาเลี้ยงแขกหน่อยเหรอ ?

     

    ที่พูดน่ะ หวังขนมมากกว่าน้ำชาล่ะสิ อยากกินของหวานก็พูดมาตรงๆเถอะ แล้วที่สำคัญ แกไม่ใช่แขกโว้ย !! ไอ้บ้า !!

    ยังไม่ทันจะอ้าปากพูดอะไรออกไป คนที่นอนกลิ้งไปมา ยังกับเป็นบ้านตัวเอง ก็ชิงพูดขึ้นก่อน

     

    ดูสบายดีนะ

     

    ก็ไม่ได้แผลตรงไหนนี่

     

    เขาเห็นมุมปากของหมอนั่นยิ้มนิดๆ ดีใจอะไรนักหนา รีบๆไสหัวกลับไปซะที จะได้ทำงานต่อ

    แล้วพอจะทำเป็นไม่สนใจ ก้มลงเขียนงานต่อ ก็รู้สึกได้ถึงสัมผัสเบาๆตรงแก้ม

    เจ้าหมอนั่น มันลุกขึ้นมาตั้งแต่เมื่อไหร่วะ !! แถมเห็นอีกทีก็วิ่งหนีออกไป แล้วโบกอำลาด้วยท่าทางกวนประสาท

     

    อย่าคิดถึงฉันล่ะ ฮิจิคาตะคุง

     

    ใครจะคิดถึงแกวะ !!”

     

    ถึงจากนั้นฮิจิคาตะจะพ่นคำด่าออกมาอีกเป็นชุด แต่กินโทคิก็หนีไปไกลเกินกว่าจะได้ยินแล้ว

    ครั้นจะตั้งสมาธิเริ่มทำงานอีกครั้ง ในหัวกลับไม่สามารถเรียบเรียงเหตุการณ์วุ่นวายในวันนั้น ออกมาเป็นตัวหนังสือได้

    เพราะในสมอง เต็มไปด้วยเรื่องของไอ้บ้าหัวเงินบางคน ที่มาก่อกวนความวุ่นวาย จนถึงเมื่อกี๊

     

    ++++++++++

     

    มันหายหัวไปไหนวะ ??

     

    เกือบครบสัปดาห์แล้ว ที่ไอ้บ้านั่น ไม่มาวุ่นวายรอบๆตัวเขา จากที่ชอบเข้ามาพูดจากวนประสาท แกล้งกอดบ้าง จูบบ้าง

    อยู่ๆก็หายหน้าไปเสียเฉยๆ ราวกับเรื่องราวก่อนหน้านี้ เป็นแค่เรื่องโกหก แต่จะสนใจทำไมล่ะ ไม่มาก็ดีแล้วนี่

     

    มันก็แค่ตัวน่ารำคาญ...จะสนใจไปทำไม...

     

    พักนี้ไม่เห็นลูกพี่เลยเนอะ

     

    นั่นสิ คุณฮิจิคาตะรู้อะไรบ้างหรือเปล่าครับ ?

     

    พวกชินเซ็นกุมิเอง ก็เหมือนจะเคยชินกับการมีเจ้าบ้าหัวเงินเดินเข้าออกฐานที่มั่นไปแล้ว พอมันหายไปก็ดันถามหากัน
    ที่สำคัญคือ เจ้าโซโกะจะมาถามอะไรฉันวะ
    !! แล้วฉันจะไปรู้ได้ยังไงว่า ไอ้โง่นั่นหายไปไหน

     

    ฉันจะไปรู้เรอะ !!”

     

    แหม ผมก็เห็นสนิทกันดี นึกว่าจะรู้เรื่อง

     

    ยังไม่ทันจะอ้าปากด่า ก็มีเรื่องทำให้ทุกคนต้องวิ่งกันออกไป เพื่อไล่จับผู้ก่อการร้ายที่กำลังจะหนี

    ระหว่างไล่ต้อนผู้ก่อการร้าย จนไปถึงยังสะพาน ก็เห็นร่างของใครคนหนึ่งที่ไม่คาดคิดว่า จะอยู่ที่นั่น

     

    ทำไม มันชอบโผล่มาในที่แปลกๆอยู่เรื่อย !!

     

    ราวกับผู้กำกับสั่ง ซากาตะ กินโทคิยืนอยู่บนสะพานที่ผู้ก่อการร้ายกำลังวิ่งตรงไปทางนั้น อาจด้วยความเป็นพลเมืองดี
    หรืออย่างไรก็ไม่ทราบ ชายหนุ่มผมเงินตรงเข้าต่อสู้กับผู้ก่อการร้าย จนตกลงไปในน้ำด้วยกันทั้งคู่

    เมื่อวานฝนตกหนัก น้ำจึงขึ้นสูงและไหลแรง ทำให้ร่างทั้งสองถูกพัดหายไปอย่างรวดเร็ว

    พวกชินเซ็นกุมิต่างรีบขึ้นรถ ตรงไปยังปลายน้ำ แต่เนื่องจากทางเลียบแม่น้ำใช้การไม่ได้ จึงต้องขับอ้อมไป

     

    ฝนเบื้องบนเริ่มตกลงมา ทำให้ผู้คนทั้งหลายรีบเร่งกลับเข้าบ้านของตัวเอง น้ำในแม่น้ำเหมือนจะยิ่งไหลแรงขึ้น

    ในที่สุด ก็เห็นร่างของคนสองคน กำลังนอนสลบอยู่ริมฝั่งน้ำ ทุกคนวิ่งลงไปเพื่อจับกุมและดูอาการพลเมืองทันที

     

    เฮ้ย ไอ้ร้านรับจ้าง

     

    หลังจากเห็นว่า ผู้ร้ายถูกจับกุมขึ้นรถไปแล้ว ท่านรองก็หันมาสนใจร่างของพลเมืองดี (?) ที่นอนนิ่งอยู่

    พอเอื้อมมือไปแตะ หวังจะตบกบาลเรียกสติ ก็พบว่า เนื้อตัวเย็นเฉียบ จากการแช่อยู่ในน้ำเป็นเวลานาน

    ฮิจิคาตะกวาดสายตามองสำรวจ หาบาดแผล ก็พบว่า ใต้เสื้อที่ใส่อยู่นั้น มีผ้าพันแผลซึ่งเปียกชื้น

     

    ไอ้โง่นั่น มันบาดเจ็บอยู่นี่นา...

     

    จะปล่อยทิ้งไว้ ก็คงไม่ได้ เพราะนอกจากจะเป็นพลเมืองธรรมดาที่พวกเขามีหน้าที่ปกป้องแล้ว ยังทำคุณงามความดี
    ในการช่วยจับโจรอีก สุดท้ายก็เลยขนร่างที่ไร้สตินั้น กลับไปยังฐานที่มั่นด้วยกัน

     

    ++++++++++

     

    ทำไม ต้องเอามาไว้ห้องฉันด้วยวะ !!”

     

    สุรเสียงของท่านรอง ดังก้องไปทั่วทั้งฐาน เนื่องจากไม่พอใจที่เหล่าลูกน้อง ขนร่างของคนผมเงินเข้ามานอนในห้องทำงานเขา
    แถมยังจัดที่นอนให้เรียบร้อยอีกด้วย

     

    ก็คุณฮิจิคาตะเป็นคนสั่งให้พาเขากลับมานี่ครับ

     

    แล้วถ้าฉันไม่สั่ง แกจะไม่ทำหรือไง

     

    ผมเชื่อมั่นในตัวลูกพี่ครับ เดี๋ยวตื่นก็คงเดินกลับบ้านเองได้

     

    นั่นมัน เชื่อมั่น หรือ ทิ้งๆขว้างๆ ไม่ใส่ใจกันแน่ !!

     

    ด้วยความขี้เกียจจะโต้เถียงวุ่นวาย ประกอบกับทุกคนก็เหนื่อยกันมามากแล้ว แถมยังตัวเปียกปอนไปด้วยน้ำฝน

    ไม่อยากจะต่อปากต่อคำไปมากกว่านี้ ก็ยินดีรับไอ้บ้านี่ ให้นอนอยู่ด้วยกันในห้องนี้แล้วกัน

    เพราะโชคดีที่เจ้าพวกนั้น ช่วยกันเปลี่ยนชุดและผ้าพันแผลให้เรียบร้อยแล้ว ส่วนเปลี่ยนกันอีท่าไหน เขาไม่อยากรู้

     

    เออๆ ทิ้งมันไว้นั่นแหละ

     

    หมอก็มาดูอาการไปรอบหนึ่งแล้ว เห็นว่า ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง แค่ให้นอนพัก ระวังอย่าให้เป็นไข้ก็พอ

    หลังจากนั่งทำความสะอาดดาบจนเสร็จเรียบร้อยแล้ว ก็ลองเดินไปเอามืออังหน้าผากของคนที่หลับอยู่

    ร่างกายนั้นอุ่นขึ้นมาบ้าง แต่ไม่ร้อนจัดจนถือว่าเป็นไข้ เดี๋ยวตัวก็เย็น เดี๋ยวก็ต้องระวังตัวร้อน น่ารำคาญชะมัด

     

    แกนอนอยู่ดีๆนะ

     

    บอกกับคนป่วยที่นอนหลับอยู่ ก็ไม่รู้จะได้อะไร แต่ตัวเขาเองก็อยากไปอาบน้ำ เปลี่ยนเสื้อผ้าเสียที

    หลังจากนั้นก็เดินไปยังห้องอาบน้ำ รีบๆจัดการธุระส่วนตัวให้เรียบร้อย แล้วสวมกิโมโนตัวใหม่

    เมื่อกลับมาถึงห้อง ก็ยังเห็นร่างเดิมนอนนิ่ง เอามือวัดอุณหภูมิคร่าวๆ ไม่เห็นว่า จะร้อนขึ้นตรงไหน

     

    เมื่อไหร่จะตื่นวะ ไอ้บ้านี่

     

    ท่านรองขนเอางานขึ้นมาทำอีกครั้ง เพราะงานเอกสารมีมากมาย จนทำแทบไม่หมด

    แน่ล่ะ ก็เกือบทั้งหน่วย มีเขาคนเดียวที่ทำงานเอกสารได้เรียบร้อย จนไม่ต้องแก้ ให้คนอื่นทำก็เท่ากับทำงานสองรอบ

    เสียงของฝนที่ตกลงมากระทบหลังคาเป็นจังหวะ ไม่ได้รบกวนสมาธิเท่ากับ ร่างของใครอีกคนที่เขาเผลอเหลือบมองบ่อยๆ
    จะว่าเป็นห่วงก็ไม่ใช่ ออกจะเป็น ความรู้สึกเกะกะลูกตามากกว่า

     

    นอนดีกว่า

     

    นั่งทำงานไป ก็ไม่ค่อยคืบหน้า หลับตาพักผ่อนเอาแรง น่าจะดีกว่า พอหลับตาแล้ว ก็ไม่เห็นหน้าโง่ๆนั่น

    จะได้ไม่รู้สึกรำคาญ ไม่ต้องคิดอะไรวุ่นวายสับสน หลับตาแล้วก็นอนไปซะก็จบ

    เมื่อตัดสินใจได้ ก็เก็บงานที่ทำค้างไว้ แล้วลากฟูกที่นอนมาปูชิดริมกำแพงห้องอีกฝั่งหนึ่ง ไกลจากเจ้านั่นให้มากที่สุด

     

    หวังว่า มันคงไม่ทำอะไรพิลึกอีกนะ

     

    นอนตะแคงมองไปยังอีกคนหนึ่ง อย่างหวาดระแวง แล้วค่อยๆหลับตาลง

    มันไม่สบายอยู่ คงไม่ลุกขึ้นมาทำอะไรบ้าๆหรอก แต่ถ้าทำจริงๆ คราวนี้จะถีบให้กระเด็นเลยคอยดู

    พอหลับตาลง ความเหนื่อยล้าที่สะสมมาทั้งวัน ก็ทำให้ฮิจิคาตะหลับได้อย่างรวดเร็ว

     

    การนอนหลับพักผ่อนนั้นคงเป็นเรื่องที่ดี หากไม่มีความฝันตามมา เพราะตั้งแต่เกิดจนถึงตอนนี้

    ฮิจิคาตะยังไม่เคยฝันดีเลยสักครั้ง ไม่เคยฝันเห็นดอกไม้หรือว่าท้องฟ้าสดใส

    สิ่งที่มักผุดขึ้นมาในความฝันคือ ฟ้ามืดมัว และเลือดสีแดงสดที่ไหลนองเต็มไปหมด

    ศพมากมายนอนเกลื่อนกลาด รายล้อมตัวเขา บางคนก็ยังจำหน้าได้ว่า เป็นใคร

     

    ...คนที่เขาฆ่า...

     

    ดาบในมือถูกกำแน่น แม้อยู่ในความฝัน เลือดสีแดงที่ไหลนองอยู่บนพื้น เปื้อนใบดาบและเนื้อตัวของเขา

    มันเป็นเครื่องยืนยันว่า ใครเป็นคนพรากชีวิตของผู้อื่นไป ถึงจะไม่เสียใจและไม่คิดจะเปลี่ยนแปลงเรื่องที่ทำลงไป

    เพราะทางนี้ เป็นทางที่เลือกแล้ว ถึงจะต้องเหยียบย่ำใคร มากมายเพียงไหนก็ตาม

     

    ...ก็จะเดินต่อไป...

     

    แต่การฆ่าคนยังไงก็เป็นเรื่องผิด ถึงคนตายจะเลวเพียงใดก็ตาม ถึงคนที่ถูกสังหารอาจก่อความเสียหายไว้มากเพียงใด

    สุดท้ายแล้วการฆ่าคนก็ยังเป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้อง แม้มนุษย์จะพยายามเปลี่ยนแปลงมัน ยกข้ออ้างขึ้นมามากมาย

    แต่ความผิดก็คือความผิด เขาเองก็รู้และยอมรับในข้อนั้น ยอมรับว่าการปลิดชีพของผู้อื่น

     

    ...เป็นบาปที่จะต้องแบกรับ...

     

    ฝันครั้งนี้แปลกประหลาดกว่าครั้งอื่น เพราะมันไม่มีเลือด ไม่มีศพของผู้คน แม้จะยังรู้สึกได้ถึงน้ำหนักของดาบในมือ

    เขาได้ยินเสียงน้ำไหล และสัมผัสได้ถึงเม็ดฝนที่ตกลงมาจากฟากฟ้า ความเย็นที่แทรกซึมเข้ามาทางร่างกาย

    ร่างของใครคนหนึ่งนอนคว่ำอยู่ ห่างออกไปเล็กน้อย มีอะไรบางอย่างดึงดูดให้ก้าวเดินเข้าไปหาอย่างช้าๆ

     

    เมื่อย่อตัวลง พลิกร่างนั้นให้หงายขึ้น ก็รู้สึกเหมือนสมองตัวเองขาวโพลน ยามเมื่อเห็นว่าเป็นใคร

    ใบหน้าที่คุ้นเคยของคนผมเงินที่ชอบมาวุ่นวายกับชีวิตเขานั้น นิ่งสนิท เหมือนแค่หลับไป

    เพียงแต่มันขาวซีดจนน่ากลัว และสัมผัสจากปลายนิ้วของเขา ทำให้รู้ว่า ร่างกายนั้นเย็นเฉียบ

     

    ...เมื่อตรวจดู...ก็พบว่า...ไม่มีลมหายใจ...

     

    เขารู้สึกว่า มือตัวเองสั่นอย่างควบคุมไม่ได้ ร่างกายไม่อาจขยับเขยื้อน ได้แต่จ้องมองร่างตรงหน้า

    เหมือนทุกอย่างรอบตัวหยุดลง พร้อมกับความรู้สึกว่า คนตรงหน้าไร้ซึ่งชีวิต

     

    ทำไมกันนะ ก็แค่คนตายที่เห็นอยู่ทุกวัน...ก็แค่คนเคยเห็นหน้ากันต้องจากไป...

    มันเป็นเรื่องธรรมดา...สิ่งที่ยอมรับว่าต้องพบเจอ...เมื่อก้าวมาในเส้นทางนี้...

    แต่ทำไมตอนนี้...รู้สึกเหมือนตัวเองกลวงโบ๋...ข้างในมันว่างเปล่า...

     

    ...ราวกับตัวเอง...ตายตามคนคนนั้นไป...

     

    ++++++++++

    ดีใจและขอบคุณสำหรับคำคอมเมนต์นะคะ ที่หายไปนานพอสมควร ไม่ใช่งอนอะไรหรอกค่ะ

    เวียนหัว ไปหาหมอ บอกว่า น้ำในหูไม่เท่ากัน ต้องกินยาให้หาย ถึงจะมีปัญญาคิดฟิค

    เอาตอน 6 มาแปะก่อน เดี๋ยวจะกลับไปแต่ง ตอน 7 ต่อ

     

    ถึงท่านพี่ แอบฮา มาม่ากะฟัวร์กราอ่ะ ช่างเปรียบเทียบซะจริงนะ  ฟิคข้าพเจ้ายังฝีมือไม่เข้าขั้นหรอก ต้องให้ฮากว่านี้

    สำหรับเพนกวิน ไม่สามารถเวิร์สได้ค่ะ ต้องเป็นแพริ่งนี้เท่านั้น

     

    ถึง ท่าน metaldogemon เป็นฟิคเรื่องเดียวกะที่ลงบอร์ดนู้นล่ะค่ะ เป็นคนเดียวกัน เอามาโพสทั้งสองที่ล่ะค่ะ

    เรื่องท่านมิตสึบะ จะเก็บไว้เขียนภาคสอง ถ้าไปถึงนะคะ ตอนนี้ภาคหนึ่ง ยังไม่จบเลย ฮ่าๆ จะได้ต่อไหมนะ

    ที่จริงพยายามจะรั่วจะเสื่อมสุดชีวิตแล้วนะ แต่คนแต่งมันไร้ความสามารถ ทำออกมาได้แค่ดราม่าอ่ะค่ะ

     

    ยังไงก็ขอบคุณสำหรับคอมเมนต์ และทุกคนที่คลิกเข้ามาอ่านนะคะ

    ไว้พบกันตอนหน้าค่ะ

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×