ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Gintama fic] Night...Night... (GintokixHijikata)

    ลำดับตอนที่ #5 : Chapter 5 Gintoki’s side เหตุการณ์ซวยๆ อาจนำมาซึ่งความใกล้ชิด

    • อัปเดตล่าสุด 28 ส.ค. 53


    Chapter 5 Gintoki’s side เหตุการณ์ซวยๆ อาจนำมาซึ่งความใกล้ชิด

     

    หลังจากแกล้งทำเป็นหลับอยู่พักหนึ่ง กินโทคิก็ลืมตาขึ้นข้างหนึ่ง แอบดูว่า อีกฝ่ายหลับไปแล้วหรือยัง

    ตอนที่ทำท่าตบพื้นเป็นเชิงเรียกให้ฮิจิคาตะมานอนข้างๆ เจ้าตัวทำท่าสยองขวัญ แล้วหลบไปนั่งอีกมุมหนึ่ง

    ตรงที่นั่งนั้น ใกล้กับศพยิ่งกว่าใกล้กับเขา ดูท่าเรื่องคืนนั้นจะฝังใจน่าดู

     

    พอนั่งๆไปสักพัก จากสายตาที่ระแวดระวังอยู่ตลอดเวลา ก็คงมีเหนื่อยอ่อน เห็นเอนหลังพิงกำแพง แล้วหลับตาลง

    เหมือนต้องการพักสายตาสักครู่ แต่กลับกลายเป็นว่าหลับสนิทไปเสียอย่างนั้น

    กินโทคิขยับตัวลุกขึ้น เดินเข้ามานั่งใกล้ๆ เขาพิจารณาใบหน้าของคนที่กำลังหลับสนิท ถ้าไม่ได้อยู่ในสถานการณ์แบบนี้
    คงไม่มีโอกาสได้เห็น หน้าตาตอนหลับของรองหัวหน้าปีศาจแห่งชินเซ็นกุมิ ดูธรรมดากว่าที่คิดแฮะ

     

    ทำไมเวลาหลับ แกยังต้องขมวดคิ้ววะ ?

     

    อยากจะเอานิ้วไปจิ้มหน้าผากแรงๆ เพราะรู้สึกหงุดหงิดที่เห็นคิ้วผูกเป็นโบว์ไม่ว่ายามหลับหรือตื่น

    จะเป็นพวกจริงจังจนน่ารำคาญไปถึงไหน หัดปล่อยวางบ้างก็ได้ เหนื่อยแทนจริงๆ

    มือที่ตั้งใจจะเอาไปจิ้มระหว่างคิ้ว ด้วยความหมั่นไส้ เลื่อนขึ้นไปสัมผัสผมเบาๆ

    ผมสีดำขลับที่แข็งกระด้างเพราะเจ้าของไม่ค่อยใส่ใจ บวกกับโดนฝุ่นจากระเบิดเมื่อครู่ ไม่ต่างจากที่จินตนาการไว้

    แต่น่าแปลก ที่ถึงมันจะแข็งกระด้างและไม่นุ่มมือเลยแม้แต่นิดเดียว เขาก็ยังอยากจะสัมผัสมัน

     

    ตัวนาย..นี่มันแปลกจริงๆ..ฮิจิคาตะ...

    หรือไม่...คนที่แปลกน่ะ...คือฉันเอง...

     

    ระหว่างกำลังคิดอะไรเพลินๆ หาวิธีแผลงๆมาแกล้งคนที่กำลังหลับ อยู่ๆก็ได้ยินเสียงแปลกๆ เขาหันควับไปทางต้นเสียง
    ซึ่งน่าจะยังหลับอยู่ เหมือนได้ยินเสียงกระซิบอะไรบางอย่าง ร่างนั้นขยับตัวน้อยๆเหมือนจะอึดอัด

     

    เฮ้ย ฮิจิคาตะ !!”

     

    หลังจากสรุปได้ว่า อีกฝ่ายคงกำลังฝันไม่ดี เพราะดูท่าทางจะทรมานมาก ก็เลยตัดสินใจปลุก พอเขย่าตัวแรงๆครั้งหนึ่ง
    ร่างตรงหน้าก็ลืมตาขึ้นมา จ้องมองเขาด้วยแววตาที่ไม่คาดคิดว่า จะได้เห็นตรงๆ

    ก่อนหน้านี้ มันดุจดังภาพมายาในยามราตรี ไม่แน่ใจว่า แววตาแบบนี้นั้น เป็นความจริงหรือไม่

    แต่ในตอนนี้ไม่ได้เป็นเช่นนั้น ท่ามกลางแสงจากหลอดไฟ ที่แม้จะแตกหักไปบ้าง แต่ก็ยังเหลือพอจะส่องสว่างให้เห็นใบหน้า
    ได้ถนัดตา มันเป็นแววตาของความเสียใจ

     

    ฮิจิคาตะ...

     

    เดาว่าตัวเขาเองก็คงทำสีหน้าตกใจ ไม่แตกต่างกัน เมื่อเอ่ยเรียกชื่อนั้นออกไปอย่างแผ่วเบา เพราะตอนนี้
    เขารู้สึกเหมือนภาพฝันกลายมาเป็นความจริงที่อยู่ตรงหน้า เหมือนได้เห็นสิ่งที่แทบไม่มีใครมีโอกาสได้เห็น

    ความแข็งแกร่งซึ่งเป็นเปลือกหุ้มนั้นแตกออก หลงเหลือเพียงความรู้สึกที่แท้จริง

     

    ไม่เป็นไรนะ...ไม่เป็นไร...

     

    ในชีวิตไม่เคยคิดว่า จะได้ปลอบโยนใครอย่างจริงจัง แต่เขาก็กอดร่างที่สั่นเทาอยู่ในอ้อมแขน

    แม้จะไม่พูดอะไร แต่มือทั้งสองกลับกำเสื้อของเขาไว้แน่น เหมือนหวาดหวั่นต่อบางสิ่ง จนลืมตัวไปชั่วขณะหนึ่ง

    เขามองไม่เห็นว่า อีกฝ่ายกำลังแสดงสีหน้าอย่างไร รู้แต่เพียง ขอแค่ในตอนนี้ จิตใจสงบลง ก็คงพอ

     

    ปล่อย...

     

    เสียงที่พูดนั้นแผ่วเบา จนไม่อยากเชื่อว่า ออกมาจากปากของคนที่มีชื่อว่า ฮิจิคาตะ โทชิโร่

    แน่นอนว่า อ้อมแขนแกร่งนั้นไม่ยอมปล่อย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อคนที่พูดยังตัวสั่นอยู่

    ไม่มีคำพูดปลอบโยนใดๆ ดีเท่ากับความเงียบของราตรีที่จะปลอบประโลมให้ผู้คนคลายจากความทุกข์ตรม

     

    ปล่อย

     

    เสียงดังขึ้นมาอีกนิดนึง พร้อมกับมือทั้งสองที่ผลักไสคนตรงหน้าออกไป ซึ่งแรงแค่นั้น ไม่ได้ทำให้เขาสะดุ้งสะเทือนแม้แต่น้อย
    เพียงแต่ไม่อยากจะบังคับฝืนใจ ให้รู้สึกแย่ขึ้นไปอีก ก็เลยยอมปล่อยมือ

    ใบหน้าที่เหมือนจะร้องไห้ปรากฏอยู่ตรงหน้า ทำให้ในใจเขาเกิดความรู้สึกหลากหลายปะปนกันไปหมด

     

    ทำอะไรของแกวะ !!”

     

    ถึงเสียงจะดัง สมกับเป็นรองหัวหน้าปีศาจ แต่ร่างกายนั้นดูไร้เรี่ยวแรงจะต่อสู้ ยามเมื่อเขาดันร่างนั้นลงกับพื้นห้อง

    เครื่องแบบที่มีร่องรอยฉีกขาดจากการต่อสู้และความวุ่นวายตอนมีระเบิด ถูกเขากระชากออกอย่างง่ายดาย

    ร่างกายที่ปรากฏอยู่ตรงหน้านั้น ไม่ได้บอบบาง หรือขาวผ่องเหมือนกับร่างกายของหญิงสาว

    แต่ท่ามกลางแสงไฟที่สาดส่องลงมา มันกลับดูเย้ายวนอย่างแปลกประหลาด

     

    --ตัดฉากนะคะ ขออนุญาตทำตามกฏที่นี่ ไม่ถม ไม่ลิงค์ ฉากที่ไม่เหมาะสมกับเยาวชน ขออภัยที่ทำให้เสียอารมณ์ --

     

    ดวงตาสีดำที่เงยหน้าขึ้นมองกลับมา ไม่มีเสี้ยวของความกังวล หรือความเสียใจ

    อาจมีอารมณ์โกรธ หรือรำคาญอยู่บ้าง แต่เรื่องรกสมองที่ทำให้ตัวสั่นเมื่อครู่ คงกระเด็นหายไปแล้ว

    ดูเหมือนวิธีดึงความสนใจนี้จะได้ผลแฮะ แถมยังได้กำไรอีกต่างหาก

     

    ไปห่างๆเลยนะ ไอ้บ้า

     

    ด่าไอ้บ้าอีกแล้ว คิดคำด่าอย่างอื่นไม่ออกแล้วหรือไง แต่กินโทคิก็ยอมถอยแต่โดยดี มองอีกฝ่ายลุกขึ้น หาเสื้อผ้าตัวเอง

    น่าเสียดายที่กระดุมไม่อยู่ในสภาพใช้งานได้อีกแล้ว แถมตัวเสื้อเองก็ขาดกะรุ่งกะริ่งอยู่พอสมควรแล้ว

    เขามองฮิจิคาตะจ้องเสื้อผ้าตัวเอง ราวกับว่าการจ้องจะเติมเต็มให้เสื้อกลับมาสมบูรณ์ดังเดิม

     

    เอ้า

     

    เขาโยนเสื้อตัวนอกของตัวเองให้ แต่คนที่ไม่มีเสื้อจะใส่กลับถอยหนี ปล่อยให้เสื้อของเขาตกลงไปคลุกฝุ่นที่พื้น

    เจ้าตัวใส่สิ่งที่ไม่อาจเรียกว่าเสื้อได้แล้ว กลับคืน แล้วนั่งลง จ้องเขาเขม็งเหมือนกลัวว่า จะโดนทำอะไรแปลกๆอีก

    แม้ว่าจะหงุดหงิดหรืออารมณ์เสียไปบ้าง แต่ดูท่าทางคงจะหยุดคิดเรื่องไม่เป็นเรื่องได้แล้วนะ

     

    ไม่มีเสื้อใส่ แล้วยังจะหยิ่งอีก

     

    ไม่ใช่ธุระกงการอะไรของแก

     

    โอ๊ย เจ็บจี๊ดเลยนะเนี่ย

     

    ตอนที่ต่อปากต่อคำกันท่ามกลางซากของสิ่งก่อสร้าง ในพื้นที่ซึ่งถูกปิดล้อม มีเพียงแค่คนสองคน

    ระหว่างรอรุ่งอรุณมาเยือน เสียงก่นด่าที่ฝ่าความเงียบของยามค่ำคืนกลับเป็นสิ่งที่ประทับใจความทรงจำ

    เขารู้สึกได้ว่า ตัวเองกำลังหัวเราะอย่างสนุกสนานอยู่ในใจ แม้ว่าภายนอกจะทำท่าไม่พอใจเพียงใด

    คนที่อยู่ตรงหน้าเขากำลังขมวดคิ้ว ตะโกนด่าเขาแทบจะทุกประโยคที่พูดคุยกัน

     

    ถึงคำพูดเหล่านั้นจะไม่ใช่คำรื่นหู...แต่กลับฟังแล้วสบายใจ...

    ใบหน้าบึ้งตึง...ดวงตาข่มขู่คุกคาม...แต่กลับเห็นแล้วโล่งใจ...

    ต้องเป็นแบบนี้สิ...ไม่ใช่ผู้ชายที่ยืนอยู่เงียบๆและมองจันทรา...

     

    ...นี่สิ...ถึงจะใช่...ฮิจิคาตะ โทชิโร่...

     

    ถึงแม้มนตราแห่งแสงจันทร์และม่านหมอกแห่งความโศกเศร้าที่โอบล้อมตัวของคนคนนั้น จะดึงดูดให้เขาสนใจก็ตาม

    ถึงแววตาที่เต็มไปด้วยความเจ็บปวดและร่างกายที่สั่นเทาเมื่อสะดุ้งตื่นจากฝัน จะทำให้เขาอยากปกป้องก็ตาม

    แต่สุดท้ายแล้วสิ่งที่เหมาะกับแกที่สุด ก็คงจะเป็นหน้าตาแย่ๆ เสียงเห่ยๆที่ตะโกนคำหยาบคายใส่ฉัน

     

    ...เพราะมันเป็นเครื่องยืนยันว่า...แกยังสุขสบายดี...

     

    ++++++++++

     

    เวร เอาแล้วไง

     

    กินโทคิมองบางอย่างของตัวเองที่ตั้งเด่ในตอนเช้า แล้วบ่นออกมาดังๆ อย่าคิดมากไม่ใช่อะไรหรอก
    แค่ผมที่ไม่เคยชี้เป็นทรงของคุณกินนั่นแหละ เพียงแต่วันนี้ส่องกระจกแล้วอยากบ่นออกมาดังๆก็เท่านั้น

     

    หลังจากที่พระอาทิตย์ขึ้นได้ไม่นาน พวกชินเซ็นกุมิก็หาทางช่วยพวกเราออกไปได้สำเร็จ แม้ว่าหลายคนจะจ้องสภาพดูไม่จืดของ
    ฮิจิคาตะแบบไม่ปิดบัง แต่สายตาที่มองมา มันไม่ใช่แค่ความสงสัยหรือแปลกใจเท่านั้น มันเป็นสายตาของความสนอกสนใจและ
    ตื่นเต้นเสียมากกว่า เขาเองก็รู้สึกหงุดหงิดขึ้นมาเสียเฉยๆ กำลังจะลากเจ้าตัวไปให้พ้นการลวนลามทางสายตาของสาธารณชน
    แต่โซโกะเข้ามาจัดการเสียก่อน ถึงจะใช้วิธีการพูดยั่วโมโห เพื่อให้ฮิจิคาตะรีบไสหัวกลับไปยังที่ตั้งของชินเซ็นกุมิ แต่สายตา
    และคำพูดบางคำของหัวหน้าหน่วย
    1 ก็ทำให้พวกลูกน้องที่ยืนมองอยู่แอบเสียวสันหลังวาบ เพราะรู้ดีว่า กำลังถูกเอ่ยถึง
    ไม่สิ กำลังถูกขู่ทางอ้อมมากกว่า

     

    ...หวงพี่เอาเรื่องแฮะ...

     

    หลังจากยืนเกาหัวแกร่กๆอยู่สักพัก ก็เลยเนียนกลับมาพร้อมพวกชินเซ็นกุมิ กะว่ากินข้าวสักมื้อแล้วก็จะกลับ

    ไปๆมาๆ ก็มาหยุดลงที่ห้องน้ำ ยืนมองหัวกระเซิงไม่เป็นทรงของตัวเอง แล้วก่นด่าแรงระเบิดเมื่อคืน
    ทั้งที่ถึงจะมีหรือไม่มีเหตุการณ์ไม่สงบ หัวของคุณกิน ก็ไม่เคยเรียบ ดูเป็นทรงสวยเหมือนคนอื่นเขา

     

    เมื่อคืนลูกพี่คงสนุกมากสินะครับ

     

    อยู่ๆเจ้าโซโกะก็โผล่มาด้านหลัง ยังกับผี แถมยังทำหน้าน่ากลัว โอเค ถึงจะยิ้มอยู่ก็เถอะ
    แต่สัมผัสได้ถึงออร่าดำมืดที่แผ่ออกมาจากเจ้าตัว กินโทคิแอบกลืนน้ำลาย รู้สึกไม่อยากปะทะด้วย
    เพราะกลัวถ้าเป็นเรื่องใหญ่ จะไปเนียนกินข้าวด้วยไม่ได้ ก็บัญชีที่บ้านเดือนนี้ก็ยังคงติดลบตัวแดงเหมือนเคยนั่นแหละ

     

    เหอะ ติดอยู่กับเจ้าบ้ามายองเนส จะไปสนุกได้ไง

     

    อ้าว กระผมก็นึกว่า เล่นสนุกกัน จนคุณฮิจิคาตะได้รอยแดงๆที่คอมา

     

    เพียงแค่นั้น ก็หมดสิ้นคำพูดที่ยกขึ้นมาเถียงได้ ยังไม่ทันจะอธิบายหรือแก้ตัวอะไรให้สถานการณ์ตึงเครียดดีขึ้น

    โซโกะก็หมุนตัวหันหลังกลับ เหมือนไม่อยากจะมองหน้าเท่าไร

     

    อย่ามาหยอกคนคนนั้นเล่นนะครับ เขาเป็นคนจริงจังกับชีวิต

     

    จริงจังจนน่ากลัว...

     

    พอโซโกะพูดจบก็ทำท่าจะก้าวเท้าออกไป ในวินาทีกินโทคิเองก็คว้าไหล่อีกฝ่าย ดึงให้หันกลับมาฟังก่อน

    ถ้าจะบ่นว่า เรื่องที่ทำลงไปก็ยอมรับอยู่หรอกนะ เพราะตัวเองก็ทำไปจริงๆ ไม่ได้อยากแก้ตัวอะไร

    แต่หากพูดแบบนั้น มันเหมือนกล่าวหากันชัดๆ ก็เขานะ...ไม่ได้...

     

    ฉันไม่ได้ล้อเล่นนะ...

     

    ก็ฉันน่ะชอบ...

     

    เสียงของหล่น ทำให้ทั้งสองคนหันกลับไปมองตามเสียง ยามาซากิเผลอปล่อยข้าวของในมือร่วงลงกับพื้น
    ทำหน้าเหมือนกับช็อกมาก แล้วตะโกนขอโทษเสียงดังลั่น พร้อมกับวิ่งกลับไปตามทางที่มาอย่างรวดเร็ว

     

    อะไรของมัน ?

     

    ดูเหมือนเราจะถูกเข้าใจผิดแล้วนะครับ ลูกพี่

     

    จะว่าไป เขากำลังยืนจับไหล่โซโกะทั้งสองข้าง บังคับให้หันมาฟังเขาพูด แล้วยังไอ้คำพูดประโยคก่อนหน้านี้

    นี่มัน ฉากสารภาพรักในการ์ตูนเลยไม่ใช่เรอะ !! เฮ้ย เดี๋ยว !! เข้าใจผิดแล้วโว้ย !!

     

    +++++++++

    ขออภัยทุกท่านที่ตัดฉากนะคะ แต่ที่จริงฉากมันสั้นนิดเดียว แล้วก็ยังไปไม่ถึงปลายทางด้วย แค่ใช้มือ
    (เด็กๆที่ไม่เข้าใจ ไม่ต้องพยายามเข้าใจนะคะ 55+) ตอนแรกก็ไม่ได้อยากแต่ง แต่มันจำเป็นต้องมี
    เพื่อแสดงให้เห็นถึงความรู้สึกที่มีต่ออีกคนหนึ่ง และตามท้องเรื่อง เพื่อดึงสติฮิจิให้กลับมาโมโห
    ใครที่อยากได้จริงๆ (?) ทิ้งเมลล์ไว้แล้วกันค่ะ จะส่งตอนนี้แบบเต็มๆไปให้ ต้องขอโทษจริงๆที่ต้องตัด
    แต
    บ้านมีกฏบ้าน บอร์ดมีกฏบอร์ด เราก็อยากทำตามกฏบอร์ดค่ะ ขอความกรุณาด้วย

    - -" กระทำการทำให้ค้าง จะมีใครเมนต์ให้ไหม แต่ถ้าใครใจดี อ่านแล้วอย่าลืมเมนต์ให้ด้วยนะคะ
    (จะว่าไปปกติ ก็ไม่ค่อยมีใครอ่าน ใครเมนต์อยู่แล้ว 55+)
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×