คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : Chapter 2 Hijikata’s side สิ่งที่ตกค้างอยู่ในใจ มันเป็นเรื่องน่ารำคาญจริงๆ
Chapter 2 Hijikata’s side สิ่งที่ตกค้างอยู่ในใจ มันเป็นเรื่องน่ารำคาญจริงๆ
ความสุข...มิตรภาพ...เรื่องราวที่งดงามทั้งหลาย...
เสียงหัวเราะ...ความทรงจำ...สิ่งดีงามทั้งหลาย...
ชินเซ็นกุมิ...ให้ทุกสิ่งทุกอย่าง...เป็นทุกสิ่งทุกอย่าง...
...คนอย่างเขา...สมควรได้รับสิ่งที่ดีขนาดนี้...จริงๆหรือ...
++++++++++
ตั้งแต่จำความได้ ชีวิตของเขาก็มีแต่การทะเลาะวิวาทและความขัดแย้ง อาจเป็นผลกรรมแต่ชาติปางก่อนหรืออย่างไร
ใบหน้าและท่าทางของเขา ถึงได้สร้างความรำคาญใจให้กับมนุษย์คนอื่นง่ายดายนัก
แต่เกือบทุกครั้งที่มีการลงไม้ลงมือกัน คนที่ยืนอยู่คนสุดท้ายก็คือ...เขา
...ยืนอยู่ท่ามกลาง...ร่างที่เต็มไปด้วยเลือด...
ในตัวของเขาคงมีปีศาจหลับใหลอยู่ภายใน ความโหดร้ายที่ฝังรากลึก ยากจะไถ่ถอน
อย่าเข้ามาใกล้ อย่าได้มายุ่งมาวุ่นวาย เพื่อให้สิ่งนั้นถูกฝังเอาไว้ในตัวจนชั่วนิรันดร์
เกลียดการสัมผัส...เกลียดความใกล้ชิด...กับสิ่งมีชีวิตที่เรียกว่า..มนุษย์...
หรือแท้จริง...มันคือความหวาดกลัว...
หวาดกลัวว่าตัวเอง...จะทำร้ายผู้อื่น...
หวาดกลัวว่าผู้อื่น...จะปฏิเสธตัวเอง...
“โทชิ ไปกันได้แล้ว”
คำพูดธรรมดาๆ ที่คอยฉุดรั้งเขาเอาไว้ในแสงสว่าง ไม่ให้วิ่งหนีจากผู้คน กลับไปสู่ความมืดมิดอีกครั้ง
เมื่อก่อนเคยคิดว่า มันคงน่ารำคาญมาก เมื่อมีคนมาเฝ้าเรียกชื่อ เล่าเรื่องของตัวเองให้ฟัง ทั้งที่ไม่อยากฟังสักนิด
แต่ตอนนี้ คนคนนั้นกลับกลายเป็นคนสำคัญ ยิ่งกว่าชีวิตของตัวเอง
ดังนั้น...จะปกป้องเอง...
ด้วยสองมือ...และร่างกายนี้...
ด้วยชีวิตที่ยังเหลืออยู่...
...แม้ว่า...ต้องเหยียบย่ำลงบนกองซากศพ...ก็ตาม...
ดวงตาสีดำเบิกโพลง เมื่อสะดุ้งตื่นจากความฝันยามดึก สีแดงฉานของเลือดยังติดอยู่ในดวงตา
รู้สึกได้ว่า มือตัวเองชื้นเหงื่อ หัวใจเต้นระรัวอยู่ในอก เขาขยับร่างกายลุกขึ้นนั่ง เอามือลูบหน้าตัวเองแรงๆ
มันเป็นเพียงความฝันเท่านั้นแหละ....
แต่มันแจ่มชัดจนเกินจะปฏิเสธ
มันเป็นเพียงความฝันเท่านั้นแหละ...
แต่มันก็คือความจริงที่พยายามลืมเลือน
มันก็เป็นเพียงความฝันเท่านั้นแหละ...
แต่มันก็ทำให้เจ็บปวดทุกครั้งที่กลับมาหลอกหลอน
หากจิตใจยังไม่สงบอย่างนี้ ถึงจะพยายามข่มตาหลับก็คงไม่มีประโยชน์ ออกไปยืนรับลมหน่อยดีกว่า
ตอนที่คิดจะควักบุหรี่ขึ้นมาสูบ ก็พบว่า ไม่หลงเหลืออยู่สักมวน ก็เลยตัดสินใจว่า เดินออกไปซื้อมันเดี๋ยวนี้แหละ
แสงจันทร์เสี้ยวนั้น สาดส่องลงมา ทำให้ทางเดินนั้นดูแปลกตาไปจากช่วงกลางวัน แม้ในยามเดินตรวจตราในตอนกลางคืน
ก็ไม่ได้บรรยากาศเช่นนี้ ราวกับว่า จะมีมนต์มายาที่ล่อลวง เรียกภูตผีให้ปรากฏกาย
แต่สิ่งที่ปรากฏขึ้นมาตรงหน้า กับไม่ใช่ผีที่ไหน เป็นเจ้าผู้ชายผมหยักศกสีเงิน กำลังทะเลาะเสียงดังกับใครบางคน
ด้วยความรู้สึกไม่ค่อยชอบหน้ากัน ฮิจิคาตะจึงตัดสินใจหยุดเดิน เพราะไม่อยากไปพัวพันกับเหตุการณ์แปลกๆ
อาจเป็นเพราะแสงสีเงินของพระจันทร์ สีเงินนวลผ่องเช่นเดียวกับสีของเส้นผมนั้น
ถึงได้รู้สึกว่า คนคนนั้นมีใบหน้ายามหัวเราะที่มีความสุขมากเหลือเกิน
มีความสุข...จนน่าหมั่นไส้...
แม้แต่ตอนที่กำลังทะเลาะกับคนอื่น ก็ยังทำหน้าตาสนุกสนานแบบนั้น เจ้าคนไม่เคยจริงจังกับอะไร !!
แต่ก็น่าอิจฉา กับสมองที่ไม่เคยคิดอะไร ไม่ต้องแบกรับอะไร แค่คิดถึงวันนี้ก็พอ
นายคงไม่มีวัน...ที่นอนไม่หลับ...แบบนี้สินะ...
++++++++++
การเสี่ยงชีวิตเพื่อต่อสู้นั้น เป็นเรื่องธรรมดาของชินเซ็นกุมิ ยามเมื่อถือดาบนั้น สิ่งที่อยู่ในหัว คงมีเพียงการต่อสู้
แม้จะเห็นเลือดมากมายเพียงใด ถึงจะต้องสังหารผู้คนมากเท่าไร ในสมองก็ว่างเปล่า
มันเป็นการปกป้องอย่างนั้นหรือ...มันทำเพื่อความถูกต้องจริงหรือ...
ไม่หรอก...มันเป็นเพียงแค่การตอบสนองความต้องการเท่านั้น...
สิ่งที่ลึกลงไปในหัวใจ...สิ่งที่ทำให้ผู้คนเรียกขานเขาว่าปีศาจ...
เขาอยากจะกวัดแกว่งดาบนี้...เพื่อเข่นฆ่าผู้คน...เพื่อทำให้ตัวเองมีตัวตน...
หากไม่ต่อสู้แล้ว...กลัวว่าตัวเอง...จะไม่มีที่อยู่อีกต่อไป...
กว่าจะรู้สึกตัวอีกครั้ง เนื้อตัวก็เต็มไปด้วยเลือดสีแดงสด รอบตัวมีแต่ร่างของผู้คนที่ล้มลง บ้างก็สิ้นใจแล้ว บ้างก็หายใจรวยริน
ในมือของเขากำดาบเปื้อนเลือดเอาไว้แน่น ราวกับหวาดหวั่นว่า อาวุธหนึ่งเดียวที่ใช้ปกป้องตนเองจะหายไป
ปีศาจ...ไม่แปลกใจที่ผู้คนเรียกขานเขาว่า ปีศาจ...
เพราะสิ่งที่หลับใหลอยู่ในตัวของเขา...ช่างน่าหวาดกลัว...
แม้แต่ตัวเขาเอง...ก็ยังหวาดกลัวสิ่งนั้น...
++++++++++
ถึงจะกลับมาที่ตั้งของชินเซ็นกุมิ ผู้คนทั้งหลายต่างยินดีที่ได้รับชัยชนะ แต่เหน็ดเหนื่อยเกินกว่าจะเฉลิมฉลอง
ผู้คนทั้งหลายรีบกลับบ้านไปเข้านอน เตรียมตัวตื่นขึ้นมารับวันใหม่ที่อาจต้องเผชิญหน้ากับการต่อสู้อีกก็เป็นได้
“งั้นขอตัวก่อนนะครับ”
หลายคนทยอยออกจากกรมเพื่อกลับบ้าน เหลือเพียงแค่รองหัวหน้าที่นั่งเช็ดเลือดบนดาบอยู่อย่างเงียบงัน
เสื้อผ้าและใบหน้ายังเต็มไปด้วยเลือด แต่เจ้าตัวกลับเลือกที่จะทำความสะอาดดาบก่อน
ใบดาบแวววาวสะท้อนภาพใบหน้าของตัวเอง ริมฝีปากเม้มสนิทไม่มีรอยยิ้ม ดวงตาที่ไม่ฉายแววอะไร
...ภาพของปีศาจ...ความโหดร้าย...
หลังจากเสียบดาบกลับเข้าฝัก ตัดสินใจว่าจะอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อก่อน เพราะคงเดินถนนในสภาพนี้ไม่ได้แน่ๆ
ฮิจิคาตะถอดเสื้อตัวนอกออก แล้วแขวนไว้กับไม้แขวนเสื้อที่ผนังห้อง ก่อนจะหยิบยูคาตะ เพื่อใช้เปลี่ยนหลังอาบน้ำ
สายน้ำไหลผ่านตัว ชำระล้างโลหิตสีแดงให้ออกไป แต่บางสิ่งบางอย่างยังคงติดค้างอยู่กับร่างกายนี้
ถึงแม้จะไร้คราบเลือด ไร้ร่องรอยแห่งการต่อสู้ แต่ว่าสิ่งที่หลงเหลืออยู่ในใจ ไม่ได้จางหายไปแม้แต่น้อย
เมื่อชำระล้างร่างกายเรียบร้อยแล้ว ก็เปลี่ยนเป็นชุดยูคาตะ หยิบดาบที่เคยวางเอาไว้ห่างมือ แม้ในยามอาบน้ำ
ดวงตาสีดำสนิทจ้องมองมือของตัวเองกำดาบ ราวกับเห็นสีแดงของโลหิตยังคงเปรอะเปื้อนอยู่
มือนี้มันสกปรก...มันยังคงชุ่มโชกไปด้วยเลือด...
วางดาบผิงพนังไว้ แล้วล้างมือตัวเองกับอ่างล้างมืออีกครั้ง ถูมือไปมา หวังว่าจะล้างคราบเลือดออกไป
น้ำที่ไหลผ่านนั้น จะต้องชะเอาความสกปรกที่ติดมากับการสังหารครั้งนี้ออกไปได้
นิ้วเรียวยาวถูไปมาระหว่างฝ่ามือสองข้าง ซ้ำแล้วซ้ำเล่า...ซ้ำแล้วซ้ำเล่า...
มือนี้...เปื้อนเลือด...ต้องล้างให้สะอาดเสียก่อน...
แต่ไม่ว่าล้างสักเท่าไร ก็เหมือนยังมีบางสิ่งติดค้างอยู่ที่มือ สิ่งที่มองไม่เห็น แต่กลับรู้สึกได้
ไม่ใช่โลหิตสีแดงสดซึ่งใครๆก็เห็น หากแต่เป็นบาปที่ตัวเองมองเห็นเพียงลำพัง
ไม่เกรงกลัวความผิดบาปมิใช่หรือ...รองหัวหน้าปีศาจ...
แล้วเหตุใด...จึงอยากขจัดความรู้สึกแห่งการสังหารออกไปเล่า...
ในเมื่อเป็นคนลงดาบด้วยตัวเอง...ก็จงยอมรับมันซะ...
...แบกรับ...ความรู้สึกหลังการฆ่านั้น...
“พอได้แล้วน่า !!”
เสียงของใครบางคนที่ไม่คาดว่าจะมาอยู่แถวนี้ดังขึ้น พร้อมกับเจ้าจอมยุ่งนั่น ดันมาดึงมือเขาออกจากน้ำ
ช่วงเวลาที่เงยหน้าขึ้นมองใบหน้านั้น เหมือนสติกลับคืนมาอีกครั้ง
เขาจะไม่อ่อนแอ...ต้องไม่อ่อนแอ...
ทุกสิ่งทุกอย่างที่ทำลงไป...จะแบกรับไว้เอง...
ว่าแล้วก็ยกเท้าขึ้น ยันร่างตรงหน้าให้กระเด็นออกไป ในใจรีบกล้ำกลืนความรู้สึกทั้งหลาย ปกปิดให้มิดชิด
ใบหน้าที่เห็นในตอนนี้ คงเป็นหน้าตาแบบปกติที่ใครๆก็เห็นกัน
“แก มาทำอะไรแถวนี้วะ !!”
ตะโกนเสียงแข็งออกไป เพื่อไม่ให้สิ่งที่อยู่ภายในใจหลั่งไหลออกมาข้างนอก อย่าให้ใครล่วงรู้ ว่าเมื่อครู่คิดอย่างไร
การใช้สีหน้า ท่าทางแข็งๆ ใช้เสียงตะโกนดังๆ กลบเอาความรู้สึกนั้น ทำได้อย่างง่ายดาย
จะให้ใครเห็นความอ่อนแอไม่ได้...โดยเฉพาะเจ้าหน้าปลาตายนี่...
“ก็แกยืนล้างมือทำบื้ออะไรอยู่ตั้งนาน”
“แกมาแอบมองตั้งแต่เมื่อไหร่วะ !!”
“นานพอจะเห็นแก่ล้างมือเป็นสิบรอบแล้วกัน !!”
เมื่อได้ยินดังนั้น ก็แอบสะอึกไปเหมือนกัน รู้สึกได้ว่า มือตัวเองแสบ จากการถูไปมาเป็นเวลานาน
ทำเรื่องที่ไร้ประโยชน์ลงไปแล้วสินะ เรื่องที่ใครมาเห็นก็คงต้องหัวเราะ
ความรู้สึกที่ตกค้างหลังการฆ่า จะชำระล้างออกไปด้วยการล้างมือได้อย่างไร
ยิ่งมองใบหน้าที่จ้องมาทางเขา ราวกับคาดคั้นคำตอบถึงพฤติกรรมงี่เง่าเมื่อครู่ ก็ไม่อาจหาคำพูดใดมาอธิบายได้
“ก็แค่ล้างเลือด...”
สมเพชตัวเองที่ตอบออกไปแบบนั้น ด้วยน้ำเสียงไม่มั่นคงและแผ่วเบา
แหงนหน้าขึ้นมองท้องฟ้าสีดำสนิทเบื้องบน ดังเช่นทุกครั้งที่เขาระลึกถึงหลังจากทำภารกิจ
มีเรื่องเล่าหลายเรื่องบอกว่า คนที่ตายนั้นจะกลายเป็นดวงดาว อาจจะจริงก็ได้ เพราะดวงดาวมีมากมายเหลือเกิน
...มีมากมาย...เหมือนคนที่เขาฆ่า...
คนเหล่านั้นกำลังจ้องมองลงมาหรือเปล่า...จ้องมองว่าเขาทำอะไรอยู่...
คงนึกแค้นเคืองเขาอยู่สินะ...อยากให้เขาตายไปเร็วๆสินะ...
แสงกระพริบนั่นคือ คำสาปแช่งจากฟากฟ้าหรือเปล่า...
“ฮิจิคาตะ...”
ได้ยินเสียงกระซิบเรียกชื่อเขา แม้จะแผ่วเบา แต่กลับดึงเขากลับมาจากห้วงความคิด
สายลมพัดแรงจนรู้สึกเคืองตา แต่ก็หันไปมองใบหน้านั้นตามเสียงเรียก
ดวงตาคู่นั้นยังคงจับจ้องมาทางเขา ราวกับนึกแปลกใจกับภาพที่เห็นตรงหน้า
นั่นสินะ...แบบนี้ไม่สมกับเป็นฉันเลย...
ไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไรออกไป จึงได้ต้องเงียบอยู่อย่างนั้น นึกสมเพชตัวเองที่เป็นไปได้ขนาดนี้
อาจเพราะค่ำคืนนี้ พระจันทร์เว้าแหว่งร่ายมนตราลงมายังโลกมนุษย์ล่ะมั้ง
เขาถึงได้มีความรู้สึกเปราะบางที่น่ารำคาญ มากกว่าปกติ
แสงสีเงินยวง สาดลงมาในยามค่ำคืน...ช่างน่ารำคาญนัก...
...น่ารำคาญ...พอๆกับสายตาของคนผมสีเงิน...ที่กำลังจ้องมองมา...
++++++++++
โพสตอนสอง โดยยังไม่มีคอมเมนต์ เสียใจหน่อยๆ แต่จะแต่งต่อไปค่ะ
ขอบคุณคนที่แวะเวียนเข้ามาอ่าน แล้วคลิกเข้ามาดูนะคะ ขอบคุณมากค่ะ
ความคิดเห็น