คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : I wish I could be close to you
Author: Monochrome bird
Category: Drama เป็นหลัก แต่แบ็คกราวน์อยากให้มีกลิ่นอายฮาเฮ
Pairing: โฮลี่ออดอร์ x คุณเกียร์
Rating: PG-13 (ก็ยังไม่คืบหน้า)
Disclaimer: ทุกสิ่งทุกอย่าง เป็นของคุณภานุวัฒน์ค่ะ พวกเราแค่ยืมมาจิ้นเล่นเท่านั้น
Author notes: ยังคงคอนเซปเดิม คุณเกียร์เคะจริงๆ - -"
++++++++++
ความปรารถนาจากเบื้องลึกในจิตใจ...ยากยิ่งนักที่จะได้รับการตอบสนอง...
ยิ่งอยู่ใกล้...ก็ต้องพยายามหยุดยั้งความต้องการของตัวเองไว้...
ทำไม...ความรู้สึกเหล่านี้ถึงไม่ลดลง...ไม่จางหาย...
...มีแต่จะเอ่อล้น...และแจ่มชัด...มากขึ้นทุกวัน...
++++++++++
“ฝากนี่ไปให้หัวหน้าหน่อย...”
งานเอกสารปึกหนึ่งถูกวางลงบนกองแฟ้มที่กำลังถืออยู่ในมือ ทั้งหมดคือรายงานเกี่ยวกับเกมNeo universe ที่กำลังไปได้สวยใน
ขณะนี้ แม้ในเกมจะมีข้อผิดพลาดให้ฝั่งเทคนิคตามแก้ไขบ้าง แต่โดยรวมก็ถือว่า ราบรื่น
ความดีส่วนหนึ่งต้องยกให้เหล่า GM ลิงทโมนที่ทำหน้าที่กันอย่างขันแข็ง เข้าไปเล่นสนุกหาbug ในเกมกันทุกวัน
…จนเริ่มไม่แน่ใจแล้วว่า นี่มัน GM หรือว่า player กันแน่…
“ขออนุญาตนะครับ”
เนื่องจากว่ามือสองข้างไม่ว่าง ก็เลยไม่ได้เคาะประตูห้องทำงาน จะใช้เท้าเคาะแทนมือก็คงจะไม่ดี
แต่บอกขออนุญาตแล้ว คงไม่เป็นไรหรอกมั้ง ว่าแล้วก็ใช้ไหล่ดันประตูเข้าไปในห้อง
ใครที่ได้เข้ามาในห้องทำงานของหัวหน้า GM คงคิดว่าดูธรรมดากว่าที่คิด เพราะนอกจากโต๊ะทำงานและโซฟารับแขก
ทั้งห้องแทบจะเรียกได้ว่าโล่งและโล่ง เนื่องจากไม่มีของประดับตกแต่งอะไรเลย ต้นไม้สักต้นก็ยังไม่มี
“เอกสารครับ”
“โทษทีนะ”
ขมวดคิ้วทุกครั้งที่ได้ยินคำตอบรับนั้น เพราะไม่เข้าใจว่า มีเหตุอันใดให้ต้องขอโทษ แต่ก็ไม่ได้เอ่ยถามออกไป
เนื่องจากสายตามัวแต่จับจ้องกองงานตั้งสูง ซึ่งดูจะไม่ได้ลดลงจากที่เห็นเมื่อเช้าสักเท่าไร แล้วบวกกับกองที่เขาเพิ่งยกเข้ามาใหม่อีก
“งาน...”
“อ๋อ เดี๋ยวนะ ยังไม่เสร็จ”
“นั่นงานคุณหมดเลยหรือครับ ??”
คนที่นั่งทำงานอยู่พยักหน้าตอบ แต่ทำหน้าเหมือนกับอยากจะถามว่า มันกองอยู่บนโต๊ะทำงานฉัน ไม่ใช่งานฉันแล้วจะเป็นงาน
ใครไปได้ ถ้าดูจากกองงานที่สุมรวมกันอยู่ตอนนี้ เข้าใจแล้วว่า ทำไมคนคนนี้ถึงได้ทำงานล่วงเวลาบ่อยนัก
ก็เพราะงานเอกสารมันเยอะ จนทำไม่เสร็จน่ะสิ แล้วไหนจะต้องเข้าไปดูสภาพจริงในเกมอีก ไม่ทราบว่าชีวิตคุณมีอย่างอื่น
นอกจากเรื่องงานหรือเปล่าครับ
“ผมช่วยทำไหมครับ ?”
แน่นอนว่า งานหลักของGM ไม่ใช่งานเอกสาร แต่จะปล่อยให้หัวหน้านั่งทำอยู่คนเดียว คงไม่ดีเท่าไร
ถ้าเป็นงานบางอย่าง ผมคงพอช่วยทำได้ ที่ไม่ใช่เรื่องการตัดสินใจ อนุมัติหรือพวกการลงนามรับรอง
คนที่จับปากกาอยู่ นิ่งไปเล็กน้อย ก่อนจะส่งงานบางอย่างให้ผม แต่ไม่ลืมกำชับว่า ให้เอามาให้ดูอีกที ตอนทำเสร็จแล้ว
งานเอกสารเหล่านั้น ใช้เวลาในการทำสักพัก ตอนที่เดินกลับไปส่ง ก็พบว่า ปริมาณงานบนโต๊ะลดลงไปได้พอสมควร
แสดงให้เห็นว่า สปีดในการทำงานไม่ได้ชักช้า แต่ปริมาณงานมันกองเพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆต่างหาก
สังเกตจากสีหน้าตอนพลิกหน้ากระดาษตรวจเอกสารที่ผมทำ ก็เดาได้ว่า ผลงานคงเป็นที่น่าพอใจอยู่ไม่น้อย
“ขออนุญาตครับ !!”
คำพูดนั้นคงจะดูเป็นคำขออนุญาตอย่างสุภาพ หากคนพูดไม่ได้ตะโกนโหวกเหวก และคงดูมีมารยาท หากไม่ได้พูดหลังจาก
ผลักประตูเข้ามาในห้องแล้ว
“กองนี้ให้เอาไปเลยไหมครับ ?”
“อืม เอาไปส่งเลย”
คำถามนั้นดูเป็นเอาการเอางาน เหมือนจะรีบยกเอกสารออกไปส่งในทันที แต่กลับไม่เป็นเช่นนั้น เจ้าตัวยืนจ้อ เล่าเรื่องราวต่างๆ
ที่ได้ไปเจอในเกมอย่างสนุกสนาน อย่างกับเด็กๆไม่มีผิด จนนึกสงสัยว่า นี่มันที่ทำงานหรือโรงเรียนอนุบาลกันแน่
หัวหน้าพวกนายงานกองท่วมหัวอยู่แล้ว ยังจะมาพูดอะไรไร้สาระอีก
แต่ก็ต้องถอนหายใจ เมื่อเห็นใบหน้าที่มีรอยยิ้มนั้น ดูท่าทางจะยินดีที่ได้ฟังเรื่องราวเหล่านั้น
คุณเป็นผู้ปกครอง...พวกมันหรือไงครับ...
ไม่รู้ว่าความหงุดหงิดนั้นส่งไปถึงพระเจ้าหรือเปล่า เสียงโทรศัพท์มือถือตามตัวถึงได้ดังขึ้น แล้วผู้ที่กำลังเล่าเรื่องฉอดๆก็ต้อง
รีบหอบงานไปส่ง แล้วเข้าไปในเกมโดยทันที พอห้องเงียบอีกครั้ง เขาก็แอบชำเลืองมองงานที่มาใหม่
เฮ้ย !! นั่นมันงานเหรอ !!?!!
ลายมือไก่เขี่ยขยุกขยิกกับรูปวาดเลอะเทอะ เหมือนกระดาษที่โดนเด็กเขียนเล่นมากกว่างานเสียอีก !!
อย่าบอกว่าทั้งตั้งนี้ เป็นอย่างนี้หมด นี่สรุปคุณเป็นหัวหน้า หรือว่า เป็นคุณครูที่ตรวจการบ้านเด็กอนุบาลกันแน่
“อันนี้อะไรหรือครับ”
ผมยกกระดาษที่มีลายมือขยุกขยุยเกี่ยวกับสถานที่แห่งหนึ่ง ดูเหมือนจะเป็นรายงาน bug เล็กน้อย
แต่วิธีการเขียนรายงาน มันน่าโดนไล่ออกจริงๆ ภาษาที่เขียนคำง่ายๆ ลูกศรโยงเส้นไปมามั่วซั่ว
ภาพร่างของสถานที่ในเกม ดูแทบไม่ออกว่าเป็นที่ไหน นี่มันภาพวาดประกอบรายงาน หรือภาพแอ็บสแตรคกันแน่เนี่ย
“รายงานเกี่ยวกับการสำรวจในเกมน่ะ”
“รายงาน ?”
เจ้าขยะกองนี้ถูกเรียกว่ารายงานเหรอ ? แล้วคุณก็มีหน้าที่เปลี่ยนขยะกองนี้ให้กลายเป็นรายงานจริงๆ เพื่อส่งผู้บริหารใช่ไหมครับ
มัวแต่ทำเรื่องพวกนี้แล้วเมื่อไหร่งานเอกสารจะเสร็จล่ะครับ รายงานก็ต้องมีเข้ามาเรื่อยๆ
ผมว่า คุณไปฝึกเจ้าพวกนั้นให้เขียนรายงานเป็นจะดีกว่า จะได้ไม่ต้องแก้ไปแก้มาหลายรอบให้เสียเวลา
“ทำไมคุณไม่สอนคนอื่นๆให้เขียนรายงานดีๆล่ะครับ”
พอฟังน้ำเสียงบวกกับหน้าตาเหนื่อยหน่ายของผมก็คงเดาได้ว่า ผมกำลังรู้สึกอย่างไร คุณเกียร์ก็เลยหัวเราะออกมาเบาๆ
แน่นอนว่าไม่มีคำตอบสำหรับคำถามของผม เพราะเจ้าตัวกลับไปสนใจอ่านรายงานต่ออีกครั้ง
ผมจึงตัดสินใจ หอบเอางานศิลปะของเด็กอนุบาลมาแก้ไขให้กลายเป็นรายงานฉบับสมบูรณ์
เวลาผ่านไปไม่นานนัก ผมก็ทำรายงานกองนั้นเสร็จ น่าแปลกใจทีเดียวที่เศษกระดาษเหล่านั้น เข้าใจง่ายกว่าที่คิด
ถึงลายมือจะไม่ค่อยสวย แต่ก็อ่านออก ถึงรูปจะดูเละๆ แต่ส่วนสำคัญๆ ก็ชี้แจงไว้อย่างชัดเจน ทำให้สรุปรายงานได้อย่างรวดเร็ว
ถ้าปรับปรุงเรื่องสมองให้ปกติขึ้นอีกนิด ผมว่าพวกลิงทโมนจะต้องเป็นสุดยอดพนักงานแน่ๆ
“เข้าเกมกันเถอะ”
งานกองมหึมาที่อยู่บนโต๊ะอันตรธานหายไป ทั้งหมดถูกใส่ไว้ในกล่องเอกสารซึ่งเตรียมจะส่งไปยังแผนกอื่น บางครั้งผมก็สงสัยว่า
นอกจากในเกม คุณจะมีเลเวลสูงแล้ว นอกเกม คุณก็ยังมีสกิลในการทำงานสูงอีกด้วย ถ้าตะลุมบอนกับกองงานนี่คงชนะเห็นๆ
“ไม่ไปเหรอ ?”
คุณเกียร์เอ่ยถามอีกครั้ง เมื่อเห็นผมยืนนิ่งมองงานในกล่อง ใครจะไปคิดว่า สามารถทำเสร็จในเวลาไม่ถึงสองชั่วโมงได้
ผมพยักหน้ารับ แล้วคว้าหูฟัง สำหรับเข้าไปในเกม
สภาพรอบข้างกลายเป็นดาวของเหล่าGM ซึ่งคึกคักเหมือนกับสนามเด็กเล่น เมื่อเห็นว่าใครล็อกอินเข้ามาในเกม ก็ทำท่ากระดี๊กระด๊า
วิ่งกรูกันเข้ามายังกับเด็กเห็นคุณครูคนโปรด ส่วนคนที่มาด้วยกันก็ได้แต่ยืนเม้มปาก รอหัวหน้าเอ่ยทักทายทุกคน กว่าจะหลุดออก
มาจากวงล้อมได้ ก็เสียเวลาไปไม่น้อย แต่โชคดีที่มีพวกอาชีพเกี่ยวกับความเร็ว คอยขับยานราคาแพงลิบลิ่วไปส่งยังที่หมายกำหนด
การต่างๆก็เลยเปลี่ยนแปลงไม่มากนัก
“มี player ฆ่ากันเองแถวนี้บ่อยเหรอ”
พื้นที่ตรงนั้นดูสงบสุข มีแต่มอนสเตอร์ธรรมดาๆ เลเวลต่ำๆ จนไม่น่าเชื่อว่าเป็นพื้นที่ฆาตกรรมโหด จนกระทั่ง player ล้มตายนับสิบคน
“คนร้องเรียนมาค่อนข้างเยอะครับ”
ผมเห็นคุณเกียร์มองไปรอบๆ ก่อนจะหยุดยืนทอดสายตาไปยังที่ไกลๆ สายลมแรงพัดผ่านบริเวณนั้น จนต้องหรี่ตาลง
เพราะความระคายเคือง ภาพตรงหน้านั้นพร่าเลือนราวกับว่า...จะหายไป...
ราวกับว่า...คนตรงหน้า พร้อมที่จะหายไปได้ทุกเมื่อ...
++++++++++
เสียงโทรศัพท์มือถือปลุกให้ผมตื่นขึ้นกลางดึก หันไปมองนาฬิกา พบว่าเข็มสั้นของมันชี้ที่เลขสอง ตอนนี้ตีสองแล้ว ใครยังจะ
โทรมากวนอีก ไม่รู้จักคำว่า มารยาทหรือยังไง แต่พอมองเบอร์โทรศัพท์แล้วก็ต้องรีบกดรับทันที
“ฮัลโหล”
“ขอโทษครับที่โทรมาปลุกกลางดึก”
การพูดจาแสดงให้เห็นว่า เกรงใจกันสุดๆ แต่คงมีเรื่องจริงๆถึงได้โทรมา เพราะว่า เบอร์นี้มันเป็นเบอร์โทรศัพท์ที่บริษัทนี่นา
เขารับคำสั้นๆ แล้วถามต่อว่า เกิดอะไรขึ้น
“ระบบล็อกเอาท์ฉุกเฉินจากภายนอก ไม่ยอมทำงานครับ”
“คุณเกียร์ยังล็อกอินค้างอยู่เลยครับ ทำยังไงดี”
เมื่อตอนเย็นบอกว่า จะนั่งเคลียร์เอกสารอีกนิดหน่อยแล้วจะกลับบ้านไม่ใช่เหรอ ทำไมถึงเข้าไปในเกมอีกล่ะ เป็นคนที่ต้องให้
ดูแลจริงๆ เผลอนิดเดียว ก็เอาตัวเองไปยุ่งเกี่ยวกับปัญหา
“ล็อกอินตั้งแต่กี่โมง”
“ประมาณหกโมงเย็นได้ครับ”
นับเวลาคร่าวๆ ก็ปาเข้าไปแปดชั่วโมงแล้ว ตอนกลางวันก็เข้าไปในเกมมาแล้ว ตั้งหลายชั่วโมง
ไม่กลัวจะเป็นอันตรายต่อสมองของตัวเองบ้างหรือไง ทำไมเวลาทำงานถึงจัดการทุกอย่างได้เรียบร้อย
แต่เรื่องดูแลตัวเอง กลับไม่ได้เรื่องเลยสักนิด
“พยายามจะให้ล็อกเอาท์ออกมาด้วยการบังคับจากเครื่องควบคุมภายนอกแล้วครับ แต่ทำไม่ได้”
“ไม่เป็นไร เดี๋ยวฉันเข้าไป”
อยากจะล็อกอินจากที่บ้านเข้าไปอยู่หรอก แต่เนื่องจากอยู่กับเจ้าเกมนี้ทั้งวี่ทั้งวัน จนไม่มีอารมณ์อยากจะซื้อเครื่องเอาไว้ที่บ้าน
ก็เลยต้องรีบแต่งตัว ขับรถออกไปที่บริษัทอย่างรวดเร็ว
พอไปถึงก็เห็นเจ้าพวกลิงทโมนสองสามตัว กำลังยืนมองหัวหน้าที่ยังอยู่ในเกม ทำสีหน้าขอความช่วยเหลือแบบสุดๆ
อยากจะถามเหมือนกันว่า ทำไมถึงไม่ล็อกอินเข้าไปลากตัวออกมา แต่ก็คิดว่า เป็นการเสียเวลาโดยเปล่าประโยชน์
“เอาเครื่องมา”
ชายคนหนึ่งรีบส่งหูฟังให้ทันที ผมสวมมันเรียบร้อย ก็รีบเข้าไปในเกม
ตอนที่มายืนอยู่ในที่โล่งกว้าง เต็มไปด้วยหญ้าสีเขียวสด ก็นึกอยากด่าตัวเองขึ้นมา
เพราะลืมไปว่า ไม่สามารถติดต่อคุณเกียร์ได้ แล้วจะรู้ได้อย่างไรว่า อยู่ที่ไหน
เสียงของการต่อสู้ดังอยู่ใกล้ๆ เรียกความสนใจของเขาให้มุ่งไปหาโดยทันที ร่างที่เห็นเพียงแค่แว่บเดียวก็รู้ว่าเป็นใครนั้น
กำลังฟาดฟันอยู่กับ player อีกกลุ่มหนึ่งที่ดูท่าทางจะมีเลเวลไม่น้อย
หรือว่าล็อกเอาท์ไม่ได้ เพราะยังติดอยู่ในแบทเทิล ?
กำลังคิดจะเข้าไปช่วย แต่ปรากฏว่า เจ้าตัวกลับใช้ท่าไม้ตาย ทำให้ศัตรูนั้นพลังชีวิตลดลงกันจนเกือบจะตายยกทีม
หลังจากใช้ท่านั้นเหมือนคุณเกียร์จะหยุดเคลื่อนไหวไปครู่หนึ่ง จนเกือบจะถูกสวนกลับ หรือว่า ??
เสียงระเบิดดังขึ้นอีกครั้ง ทำให้เขาปัดความคิดไร้สาระออกไปจากหัว มัวแต่ทำอะไรอยู่นะ เข้ามาเพื่อลากตัวออกไปไม่ใช่เหรอ
ก็เข้าไปทำให้แบทเทิลมันจบๆเสียที
“โฮลี่ ออเดอร์...”
เหมือนเขาจะตกใจที่ได้เห็นผม ก็แน่ล่ะ ใครจะไปคิดว่า ตอนตีสองตีสาม จะมีเกม มาสเตอร์ที่ไม่ได้เข้าเวรมาเดินเล่นอยู่ในเกม
แบบนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนที่เพิ่งล็อกอินเข้ามาตอนกลางวัน
ผมไม่พูดอะไรตอบ เพียงแค่พยายามใช้สกิล เพื่อให้การต่อสู้จบลงอย่างรวดเร็ว แล้วก็เป็นดังที่วางแผนไว้ ถึงจะมีจำนวนมาก
ก็เลยตึงมือไปบ้าง แต่พอมีคนสนับสนุน ทุกอย่างก็ดูจะเรียบร้อยดี
“รีบล็อกเอาท์เถอะครับ”
ผมพูดทันทีที่แบทเทิลจบลง player พวกนั้นหนีหายกันไปอย่างรวดเร็ว บางคนก็ถึงกับเกม โอเวอร์ คงไม่มาก่อเรื่องวุ่นวายสักพัก
“ไม่ได้”
“ทำไมล่ะครับ ทำไมถึงไม่ยอมล็อกเอาท์ !!”
“ใจเย็นๆก่อน”
คุณเกียร์จับไหล่ผมที่ดูท่าทางอยากจะกระชากตัวเขาออกจากเกมเสียด้วยซ้ำ แต่เผอิญการล็อกเอาท์ไม่ใช่เรื่องที่จะ กำหนดแทนกัน
หรือบังคับกันได้ แม้จะอยู่ในเกมก็ตาม
“ไม่ได้ นี่หมายถึง...”
“ฉันล็อกเอาท์ ไม่ได้”
หลังจากนั้น เหมือนผมจะพูดอะไรออกไปมากมาย จนฟังไม่รู้เรื่อง คุณเกียร์ก็เพียงแต่ยิ้มรับเท่านั้น แล้วยังพูดปลอบให้ผม
ใจเย็นๆซ้ำอีกครั้ง
“bug หรือครับ จะได้ตามฝั่งเทคนิคมาแก้ไข”
“ก็อาจจะใช่...แต่ไม่ใช่ความผิดของฝั่งเทคนิคหรอก...”
“ฉันต่างจากคนอื่นๆน่ะ”
แม้คำอธิบายจะไม่ช่วยให้เข้าใจมากขึ้น แต่ใจผมก็ดูสงบลงอย่างไม่น่าเชื่อ อาจจะเพราะน้ำเสียง สีหน้าท่าทางในการพูด
เหมือนกับว่า ได้รับการปลอบประโลม มิน่า เจ้าพวกลิงทโมนถึงได้ติดคนคนนี้กันนักหนา
“นาย ล็อกเอาท์ออกไปก่อนเถอะ เดี๋ยวจะเกินเวลา”
“แล้วคุณจะทำอย่างไรต่อครับ...”
“ก็รอสักพัก ก็น่าจะออกได้”
ผมจ้องมองดวงตาคู่นั้น เพราะอยากค้นหาคำตอบ แต่ก็ไม่พบ อยากรู้ว่า ความหมายที่ซ่อนอยู่ในคำพูดนั้นคืออะไร
หากขอคำอธิบายในตอนนี้ คุณจะบอกผมหรือเปล่าครับ
คุณไว้ใจผม...หรือเปล่า...
“คุณ...เกียร์...”
มือข้างหนึ่งเอื้อมไปจับแขนข้างหนึ่งเอาไว้ ทั้งที่ก็ยืนอยู่ตรงหน้านี้ สามารถสัมผัสและจับต้องได้
แต่ทำไมรู้สึกห่างไกล ราวกับว่าผมไม่เคยเข้าไปใกล้ตัวตนที่แท้จริงของคุณ
“ผม...”
ในสมองนั้นมีเรื่องราวมากมาย แต่สิ่งที่เล็ดลอดออกมาจากริมฝีปากมีเพียงคำสั้นๆและแผ่วเบา ไม่รู้ว่าควรพูดอะไรออกไปบ้างดี
สัมผัสนี้ถึงจะไม่เลือนหายไป ยังคงรู้สึกได้ถึงความอบอุ่น ยามมือนี้สัมผัส
“ไม่ต้องเป็นห่วงหรอก...”
“เดี๋ยวฉันก็กลับไป...”
ถ้าเป็นคนอื่นๆ คุณเกียร์คงลูบหัวด้วยความเอ็นดู แต่เหมือนกับผม ยังคงเกรงใจอยู่บ้าง ก็เลยแค่ตบบ่าเบาๆ
รอยยิ้มของคุณนั้นทำให้ทุกคนสบายใจ แต่ตอนนี้มันกลับทำให้ผมรู้สึกกังวล เพราะคุณมักใช้มัน เพื่อบอกปัดความห่วงใยของ
คนอื่น ทำเหมือนไม่มีอะไรร้ายแรง ทุกอย่างกำลังเป็นได้ด้วยดี ทั้งที่ความจริงไม่ได้เป็นแบบนั้น
“สำหรับคุณแล้ว...”
“ผมน่ะ...”
ยังไม่ทันจะพูดจบ ก็รู้สึกเหมือนถูกแรงบางอย่างกระแทกเข้าอย่างจัง ก่อนที่จะลืมตาขึ้น มองเห็นเพดานของห้องทำงาน
ผู้คนมากมายรุมล้อมอยู่รอบตัวใครอีกคนหนึ่ง มีเพียงบางส่วนที่เข้ามาถามอาการผม ยอมรับว่า หัวสมองมึนๆเหมือนเพิ่งลงจาก
รถไฟเหาะตีลังกา แต่นั่งสักพักก็คงหาย ต่างจากอีกคนหนึ่งที่ล็อกเอาท์เรียบร้อยแล้ว แต่กลับไม่ฟื้น ขอคำยืนยันจากฝ่ายควบคุมเกมแล้ว
ก็พบว่า ในเกมไม่มียูสเซอร์นี้ กำลังออนไลน์อยู่
“ส่งโรงพยาบาลเถอะ”
ใครคนหนึ่งที่ดูจะเป็นผู้ใหญ่ของฝ่ายเทคนิคตัดสินใจอย่างรวดเร็ว ก่อนจะโทรเรียกรถพยาบาล แล้วบังคับให้ผมขึ้นรถไปตรวจที่
โรงพยาบาลพร้อมกัน หลังจากฟังคำอธิบายที่เต็มไปด้วยศัพท์เฉพาะของฝ่ายเทคนิค ทำให้ผมจับใจความได้เพียงว่า วิธีการลากผม
และคุณเกียร์ออกจากเกมเมื่อครู่ คล้ายคลึงกับการสับคัทเอาท์ลง ตัดไฟชั่วคราว จึงเหมือนกระชากตัวออกมา แบบไม่ปรานีปราศัย
แต่ก็ดีกว่าปล่อยให้ล็อกอินต่อไปเรื่อยๆ
คนในโรงพยาบาลพากันมาสแกนสมองให้วุ่นวาย เพราะกลัวว่าจะมีใครเป็นอะไร เนื่องจากการล็อกอินเกินเวลาหรือ
เครื่องกระชากให้ล็อกเอาท์อัตโนมัติ แต่ผลการตรวจพบว่า ทุกอย่างปกติดี เหตุผลที่ไม่ฟื้นอาจจะเพราะความเหนื่อยล้ามากกว่า
จากความวุ่นวายในครั้งนี้ ฝ่ายเทคนิคยืนคำขาดว่า ห้ามให้ใครล็อกอินเข้าเกมมากกว่า 7 ชั่วโมงต่อวัน เพื่อความปลอดภัยของสมอง
และความมั่นคงของบริษัท
“นอนโรงพยาบาลดูอาการสักคืนจะดีกว่านะ”
รูปประโยคดูเหมือนจะเป็นคำแนะนำหรือคำขอร้อง แต่น้ำเสียงบ่งชัดว่า เป็นคำสั่งต่างหาก ผมได้แต่พยักหน้ารับ
ถึงจะอยู่คนละแผนก แต่ถ้านับตามตำแหน่งก็สูงกว่า ลูกน้องอย่างผมคงได้แต่ปฏิบัติตาม
“กลับกันได้แล้ว”
ห้องทั้งห้องมืดสนิท มีเพียงแสงไฟที่ลอดเข้ามาจากมู่ลี่ที่หน้าต่างเท่านั้น อีกไม่กี่ชั่วโมงก็จะเช้าแล้ว แต่ผมกลับต้องมานั่งข่มตา
หลับให้ได้ แอบมองร่างของคนข้างๆที่ไม่มีการเคลื่อนไหวใดๆ นอกเหนือจากการหายใจ
ทำไม...คุณถึงยังล็อกอินเข้าไปในเกมอีกครับ...
ถ้าคุณอยากไป...ทำไมไม่พาผมไปด้วย...
หรืออย่างน้อย...ก็บอกผมสักคำ...
...คุณไม่เชื่อใจผมหรือครับ...
เดินลงจากเตียง ไปดูหน้าคนที่หลับสนิทใกล้ๆ เอามือเกลี่ยเส้นผมซึ่งตกลงมาโดนใบหน้าออก
คุณจะรู้ไหมครับว่า...เวลาอยู่ข้างๆคุณ...ผมเก็บอะไรไว้ในใจ...
คุณจะรู้ไหมครับว่า...เวลาที่พูดคุยกับคุณนั้น...ผมกำลังยับยั้งความรู้สึกแบบไหน...
คุณจะรู้ไหมครับว่า...แท้จริงนั้น...ผมต้องพยายามมากมายเพียงใด...
...ถึงจะหยุด...ความต้องการของตัวเองได้...
ยิ่งสัมผัส ก็ทำให้รู้ได้ว่า ต้องการคนคนนี้มากแค่ไหน...ต้องการในความหมายใด...
อยากจะกอดเอาไว้...อยากจะครอบครอง...อยากจะเป็นเจ้าของเพียงคนเดียวเท่านั้น...
หากคุณตื่นขึ้นมา...แล้วรู้ว่า...ผมกำลังจะทำอะไร...
คุณจะโกรธหรือเปล่า...
หากความต้องการของมนุษย์เปรียบเหมือนน้ำ...ความยับยั้งชั่งใจก็เหมือนกับแก้ว...
ตราบใดที่น้ำนั้นยังคงอยู่ในแก้ว...คงจะสามารถกักเก็บความรู้สึกเอาไว้...
ทำอย่างไรหยุดน้ำ...ไม่ไหลล้นออกมานอกแก้ว...
เคยคิดว่า...หากได้อยู่ข้างๆคุณ...ก็คงจะพอใจ...
หากได้สัมผัสคุณ...ความรู้สึก...ก็จะเบาบางลง...
แต่เมื่อได้สัมผัสกับริมฝีปากอุ่นๆนั้น...ผมรู้ได้ทันทีเลยว่า...ผมคิดผิด...
เพราะน้ำนั้นยังคงเอ่อล้นจากแก้ว...ไหลออกมาอย่างไม่สิ้นสุด...
++++++++++
ไม่แน่ใจว่าเมื่อไหร่ที่ตัวเองหลับไป พลิกตัวหันไปมองเตียงข้างๆ แล้วก็ต้องรีบดีดตัวขึ้นนั่ง เพราะเห็นว่า มันว่างเปล่า
ไร้วี่แววของคนที่หลับสนิทเมื่อคืน พอกวาดสายตาไปรอบๆ ก็เห็นว่าประตูระเบียงเปิดอยู่
ดวงตะวันในเช้านี้สาดแสงส่องสว่างจนต้องหรี่ตา เมื่อออกมายืนที่ระเบียง ภาพแผ่นหลังของใครคนหนึ่งที่ยืนอยู่ตรงนั้น
กลับอ้างว้าง จนรู้สึกอยากเข้าไปกอด บางทีมันอาจจะเป็นเพียงภาพมายาที่เกิดจากสายตาพร่าเลือนด้วยแสงตะวัน
“โฮลี่ ออเดอร์ ?”
ชายหนุ่มหันกลับมามอง เมื่อรู้สึกได้ว่า มีคนยืนอยู่ทางด้านหลัง รอยยิ้มที่ประดับอยู่บนใบหน้า ในขณะที่ดวงอาทิตย์ส่องแสงจาก
ทางด้านหลัง ยิ่งเพิ่มความรู้สึกเจิดจ้า ทำให้คนคนนี้ยิ่งเหมือนจับต้องไม่ได้
คุณกำลังคิดอะไรอยู่หรือครับ...
คุณกำลังจะทำอะไร...
คุณบอกผมได้หรือเปล่า...
ถึงในใจจะมีคำถามเหล่านี้ปรากฏขึ้นมา แต่สิ่งที่ลอดผ่านริมฝีปากออกไป มีเพียงคำถามธรรมดาๆเท่านั้น
“ยังปวดหัวอยู่หรือเปล่าครับ ?”
“ไม่นี่”
แล้วบรรยากาศรอบตัวก็เงียบสงบลงอีกครั้ง ท่ามกลางแสงแดดของยามเช้า ดวงตาของทั้งสองคนจ้องมองกันและกัน เพื่อค้นหา
คำถามและความจริงในตัวอีกฝ่าย แต่ไม่มีใครพูดอะไรออกมา
มันเป็นความรู้สึกแปลกประหลาด...ทั้งที่อยู่ใกล้ขนาดนี้...แต่กลับเหมือนห่างไกล...
สามารถเอื้อมถึง...สามารถจับต้อง...แต่กลับเหมือนไม่ได้สัมผัสสิ่งใด...
ตอนแรก...เคยขอแค่ได้...อยู่ข้างๆคุณ...
แต่ในตอนนี้...ผมรู้แล้วว่า...มันไม่เพียงพอ...
อยากจะเข้าใจคุณ...อยากจะแบ่งบันสิ่งต่างๆกับคุณ...
...คุณ....คิดอย่างไรกับผม...
“คุณเกียร์ครับ...”
“สำหรับคุณแล้ว...ผมน่ะ...”
คำถามที่ถามค้างเอาไว้ในตอนนั้น ถ้าเอ่ยถามออกมาในตอนนี้จะได้รับคำตอบหรือเปล่า
สงสัยว่า...คุณมองผมอย่างไร...สงสัยถึงความสำคัญของตัวเองที่มีต่อคุณ...
อาจจะดูหลงตัวเองที่ถามออกไปแบบนั้น...แค่อยากรู้ว่า...คุณต้องการผมบ้างหรือเปล่า...
...อยากให้ผมอยู่ข้างๆคุณไหม...
“ผม...ไม่ได้เรื่องเลยเหรอครับ ?”
“ทำไมคิดแบบนั้นล่ะ ?”
“ก็คุณ ไม่เคยเล่าอะไรเลยนี่ครับ...”
ไม่เคยตอบอะไร ไม่เคยพูดเรื่องของตัวเองด้วย ในหัวคิดอะไรอยู่ก็ไม่เคยแสดงออกมาให้เห็น
เอาแต่ยิ้ม แล้วก็พูดแต่เรื่องดีๆ เก็บเรื่องยุ่งยากทั้งหลายไว้กับตัวเอง
“นายอยากรู้อะไรล่ะ ?”
คำตอบง่ายๆ ก็เรื่องทั้งหมดของคุณไงครับ...
“ก็เหตุผลที่คุณทำเรื่องยุ่งยาก ทำเอาคนอื่นตกใจกันไปหมด...”
ใบหน้านั้น ยังคงมีรอยยิ้มไม่เปลี่ยนแปลง แม้ว่าดวงตาจะไหววูบด้วยความรู้สึกบางอย่างที่อยู่ภายใน
ถ้าเป็นคนอื่นคงไม่สังเกตเห็น แต่ผมกลับเห็นมันอย่างชัดเจน
“ทำไม...คุณต้องยิ้ม ทั้งๆที่ไม่อยากยิ้มล่ะครับ...”
บางครั้ง พอคำถามหนึ่งหลุดออกมาจากปาก คำถามอื่นๆก็ถูกถามออกมาอย่างง่ายดายจนไม่น่าเชื่อ
สิ่งที่คิดว่า จะกักเก็บเอาไว้ ไม่ถามออกไป กลับลอดผ่านริมฝีปากออกไปเรื่อยๆ
บางที...ผมคงมีคำถามที่อยากรู้ มากเกินไปแล้ว...
“ไม่ยิ้มจะดีกว่าเหรอ ?”
“ถ้าไม่อยากยิ้ม ก็ไม่เห็นต้องยิ้มนี่ครับ...”
“อย่างน้อยก็ต่อหน้าผม...”
ไม่แปลกที่อีกฝ่ายจะทำหน้างุนงง เมื่อได้ยินคำพูดนั้น ดูเหมือนว่า ความเงียบจะเข้ามาครอบครองพื้นที่อีกครั้ง
ผมเอื้อมมือไปแตะเส้นผมสีดำ ก่อนจะเลื่อนมือลงไปที่บริเวณแก้ม ลูบเรื่อยลงมาจนถึงลำคอ มันเป็นการรุกล้ำร่างกายอยู่ไม่น้อย
แต่อีกฝ่ายก็ยังคงยืนนิ่ง ดวงตาสีดำนั้นจ้องมาทางผมอย่างเหม่อลอย ไร้คำถาม ไร้การโต้ตอบใดๆ
“คุณเกียร์...”
“เหนื่อยเหรอครับ...”
เป็นคำถามที่ผมไม่ได้ต้องการคำตอบ เพียงแต่พูดเพื่อเรียกความสนใจ ดึงอีกฝ่ายออกมาจากภวังค์
ร่างตรงหน้าเคลื่อนไหวช้าๆ ขยับเข้ามาใกล้ผม แล้วซบใบหน้าลงกับไหล่
มือของผม ค่อยๆเลื่อนลงมาโอบกอดร่างนั้นไว้หลวมๆ รู้สึกได้ว่า หัวใจตัวเองเต้นเร็วขึ้น
“ก็คงจะเหนื่อย...”
ร่างกายในอ้อมแขน เหมือนจะอ่อนล้า ไร้เรี่ยวแรง พร้อมที่จะพังได้ทุกเมื่อ
ผมตัดสินใจดึงร่างนั้นเข้ามาใกล้ แม้จะกลัวว่า อีกฝ่ายจะรู้สึกได้ถึงหัวใจที่เต้นระรัวกับสถานการณ์แปลกๆนี้
ไม่มีคำพูดหรืออาการขัดขืนใดๆ มีเพียงมือที่ยกขึ้นกอดตอบเขาเท่านั้น
ความอบอุ่นของร่างกาย...กำลังแทรกซึมเข้าไปในหัวใจ...
ความสงสัยที่ไม่สิ้นสุด...กำลังกัดกร่อนบางสิ่งที่อยู่ภายใน...
ความเงียบเข้าโอบล้อม...ต้องการจะปกป้องหรือปิดบังกันแน่...
...ใครเล่าจะเป็นผู้ให้คำตอบ...
ในยามนี้..ผมรู้สึกหวาดกลัวเหลือเกินว่า...
ความคิดของผม...จะถูกบิดเบือนจากความเป็นจริง...
ผมไม่ได้คิดไปเองใช่ไหม...คุณเริ่มเข้าใจความหมายที่ผมอยากบอก...
...และกำลังตอบรับ...ความรู้สึกนั้น...
+++++++++
ยังไม่มีสักเมนต์ แต่ก็แต่งมาได้อีกตอน ด้วยความเพ้อเกินพิกัดจริงๆ
น่าจะแต่งต่อไปเรื่อยๆ จนกว่าจะไม่มีเวลา หรือความเพ้อหมดก็อก (อย่างหลังน่าจะยาก)
ยังไงก็ต้องขอบคุณคนที่คลิกเข้ามาอ่านนะคะ อย่างน้อยก็รู้ว่ามีคนอ่าน
ไว้พบกันในตอนหน้านะคะ ถ้าเป็นไปได้ ช่วยฝากคอมเมนต์ไว้ด้วยนะคะ อยากรู้ว่า แต่งเป็นยังไงบ้าง
ความคิดเห็น