ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [ExE fic] I wish (โฮลี่ออเดอร์Xเกียร์)

    ลำดับตอนที่ #12 : Extra III : My memorable wish (Release's side)

    • อัปเดตล่าสุด 12 พ.ย. 53


    Title: My memorable wish
    Author: Monochrome bird
    Category:  Drama เป็นหลัก แต่แบ็คกราวน์อยากให้มีกลิ่นอายฮาเฮ

    Pairing:
    โฮลี่ออดอร์ x คุณเกียร์  รีลิส x เกียร์ (?)
    Rating: 13+ (อาจแค่ G ก็ได้นะ แต่ตั้ง 13 ไว้ก่อน)
    Disclaimer: ทุกสิ่งทุกอย่าง เป็นของคุณภานุวัฒน์ค่ะ พวกเราแค่ยืมมาจิ้นเล่นเท่านั้น
    Author notes: อยากเขียนตอนนี้มาก พล็อตจริงละเอียดกว่านี้ แต่กลัวยาวเกิน จนตัดสั้นเหลือแค่นี


    ++++++++++

    สิ่งล้ำค่าในโลกนี้...มีมากมายหลายอย่าง...

    อาจเป็นเงินทอง...หรือเป็นแค่สิ่งของที่ไม่มีราคาค่างวดอะไร...

    อาจเป็นคน...หรือสัตว์...หรืออะไรก็ตามที่มีคนให้ความสำคัญ...

     

    ...สำหรับฉัน...สิ่งล้ำค่าที่สุดคงจะเป็น...ความทรงจำ...

    ++++++++++

    กล่องที่มีฝุ่นหนาทึบถูกหยิบออกมาวาง ก่อนที่เจ้าของจะเอาผ้าขี้ริ้วมาทำความสะอาดมัน กล่องหนังสีน้ำตาลที่มีตัวล็อกสีทองซึ่ง
    ตอนนี้กลายเป็นสีหม่นๆ
    เพราะไม่ได้ใส่ใจที่จะขัดถู แต่กล่องบรรจุนั้นไม่ได้สำคัญอะไร ของที่อยู่ข้างในต่างหากที่อยากจะดู
    หญิงสาวสอดกุญแจเข้าไป แล้วเปิดมันออกมา


    ยังอยู่ดีทุกอย่างเลยนะ


    เก็บไว้เยอะเลยนะเนี่ย

    วันนี้คุณหนูรีลิสชวนเพื่อนสนิทของเธอมาบ้าน เพื่อรื้อกล่องที่เธอเก็บของเก่าๆสมัยก่อนเอาไว้ ของทุกชิ้น ทำให้ระลึกถึง
    เหตุการณ์ซึ่งอาจเป็นเรื่องที่ดี ซาบซึ้งจนน้ำตาไหล หรือเป็นเรื่องขำขันที่นึกถึงทีไรเป็นต้องหัวเราะ


    รูปถ่ายใบแรกของพวกเรา

    ตอนนั้นเพิ่ง 16 กันเองนี่

    เกียร์หยิบรูปถ่ายนั้นไปดูใกล้ๆ รูปของทั้งสองคนตอนยังอยู่ม.ปลาย เจอกันครั้งแรกในโรงเรียนเอกชนที่ค่าเล่าเรียนแพงหูฉี่
    มีแต่ลูกคนรวยเข้าไปเรียนทั้งนั้น การจราจรหน้าโรงเรียนติดขัดอยู่เสมอ เพราะผู้ปกครองแต่ละคนต่างส่งราชรถไปเกยถึง
    หน้าประตูโรงเรียน


    ใครกันน้า ที่ตอนนั้นนั่งรถเมล์ไปเรียน

    ก็มันประหยัดดีออก

    ทำตัวจนไปได้

    ตั๋วรถเมล์ที่ระบุค่ารถสมัยยังไม่ขึ้นราคา ทำให้นึกถึงเรื่องราวสมัยก่อนได้ดี เพราะเกียร์เป็นคนเดียวในโรงเรียนที่ขึ้นรถเมล์มา
    ทั้งที่ฐานะทางบ้านก็ไม่ได้ด้อยไปกว่าคนอื่นสักเท่าไร สิ่งนั้นแหละที่ทำให้เธอเริ่มสนใจในตัวเขา เด็กผู้ชายที่ใส่เครื่องแบบ
    โรงเรียนเดียวกับเธอ แต่ดันวิ่งลงจากรถเมล์ เดินอยู่ริมถนน เป็นที่น่าแปลกใจ

    พอถามถึงเหตุผล ก็ดันคิดว่า เธอสนใจการนั่งรถเมล์ แล้วให้ตั๋วรถเมล์มาเป็นที่ระลึกเสียอย่างนั้น

    ตอนนั้นฉันโมโหมากเลยแหละ ทำยังกับฉันโง่ไม่รู้จักรถเมล์

    ก็ใครจะคิดว่า คุณหนูอย่างเธอจะสนใจฉันล่ะ ก็นึกว่า ไม่เคยเห็นรถเมล์

    ที่จริงรีลิสอยากจะตอบโต้คำพูดนั้นด้วยคำว่า บ้านเธอก็รวยเหมือนกันนั่นแหละ แต่ก็ยั้งคำพูดไว้ทัน
    เธอรู้ดีว่า เกียร์ไม่ค่อยอยากนึกถึงที่บ้านเท่าไรนัก เพราะพ่อแม่จากไปตั้งแต่เกียร์เพิ่งอายุ 10 ขวบ ด้วยอุบัติเหตุที่ยังคงค้างคาใจว่า
    อาจเป็นการฆ่าเพื่อผลประโยชน์ทางธุรกิจ ส่วนคุณปู่ แม้จะส่งเสีย รับผิดชอบค่าใช้จ่ายทุกอย่าง แต่ก็พยายามอยู่ห่างๆ เพราะกลัว
    จะเกิดเหตุการณ์เดิมขึ้นอีก


    แต่เธอก็ไม่พูดกับฉันเลยนะ เอาแต่เดินหนีท่าเดียว

    ก็คุยกับเธอทีไร มีแต่คนมองนี่นา

    แม้จะเป็นโรงเรียนของบรรดาลูกคนรวย แต่ก็มีทั้งรวยธรรมดา รวยมากและรวยล้นฟ้า ส่วนของเธอจัดอยู่ในจำพวกรวยล้นฟ้า
    และมีอำนาจหนุนหลังอีกต่างหาก ผู้คนจึงต่างให้ความสนใจว่า ตอนนี้เธอทำอะไรอยู่ สนใจใครเป็นพิเศษไหม เพื่อจะได้คาดเดา
    การเปลี่ยนแปลงของอำนาจได้ถูกต้อง

    ตัวเธอเองเคยชินกับการถูกมอง จึงไม่ค่อยสนใจเรื่องพวกนี้เท่าไรนัก แต่คนที่เคยชินกับการใช้ชีวิตธรรมดาอย่างเกียร์ก็คงอึดอัด
    ไม่น้อย ที่โดนจ้องตลอดเวลา


    ทำเป็นขวัญอ่อนไปได้ แล้วทีตอนหนีเที่ยว โดดเรียนล่ะ

    นั่นมัน....

    แม้เพื่อนเธอจะไม่โต้ตอบ แต่ในครั้งนั้นที่พวกเขาสองคนโดดเรียนออกไปข้างนอกด้วยกัน มีสองเหตุผล
    เหตุผลหลักคือ เกียร์ไม่สบายใจเรื่องทางบ้าน เนื่องจากคุณปู่เพิ่งเสียและญาติๆรุมทึ้งสมบัติที่ถูกทิ้งไว้เบื้องหลัง
    เหตุผลรองคือ เธออยากไปเที่ยวอย่างสบายใจ ไม่มีคนติดตาม ไปในที่ธรรมดาที่วัยรุ่นเขาไปกัน
    ทั้งสองคนที่แทบจะไม่เคยไปเที่ยวในย่านการค้า จึงโดดเรียนไปเดินสยามสแควร์ ต่อด้วยห้างดังอีกหลายแห่ง

    แต่สุดท้าย ก็ไม่เห็นมีอะไรน่าสนใจ แถมยังโดนดุอีกต่างหาก

    ก็นะ เพราะเราสองคน เคยชินกับการอยู่บ้านล่ะมั้ง

    ที่จริงเกียร์น่าจะใช้คำว่า เราสองคนมันแปลกกว่าชาวบ้าน จะตรงประเด็นมากที่สุด
    เพราะเกียร์เองก็ชอบหมกตัวอยู่แต่ในบ้าน เนื่องจากไม่อยากให้คุณปู่เป็นห่วง ส่วนตัวเธอเองก็ต้องเรียนอย่างอื่นเพิ่มเติมที่บ้าน
    ประกอบกับไม่อยากออกไปเดินถนนโดยมีคนติดตามเป็นพรวน


    จะว่าไป เราสองคนก็อยู่ด้วยกันมานานแล้วนะ ตั้งแต่มัธยมปลาย

    บางครั้งฉันก็สงสัยนะ....

    สงสัยอะไร ?

    ทำไมเธอถึงมาสนใจคนอย่างฉัน....

    คำถามนั้นทำให้รีลิสหัวเราะออกมา เพราะคำตอบนั้นมันช่างง่ายดายจนไม่ต้องใช้ความคิด
    เพียงแต่เธอไม่อยากบอกเจ้าตัวเท่านั้นเองว่าเพราะอะไร เธอถึงอยากเป็นเพื่อนกับเขาเหลือเกิน

    เรื่องแค่นั้น ก็คิดเอาเองสิ

    เธอยิ้มให้เกียร์ในขณะที่ลงมือเก็บของลงในกล่อง ไม่ว่าจะเป็นรูปถ่ายต่างๆ ตั๋วหนังที่แอบหนีผู้ติดตามทั้งหลายไปดูกันสองคน
    ถุงผ้าใบจิ๋วที่ซื้อมาจากตลาดนัด เปลือกห่อขนมไร้สาระที่ซื้อมาลองกินเล่น แล้วก็กบเหลาดินสอที่ทั้งสองคนเคยใช้ผลัดกันเหลา
    ก่อนเข้าห้องสอบ


    ฉันสนใจเธอ...เพราะเธอไม่เคยนึกสนใจฉัน...
    ฉันสนใจเธอ...เพราะเธอไม่เคยหาประโยชน์จากฉัน...
    ฉันสนใจเธอ...เพราะเธอทำให้ฉันได้ใช้ชีวิตแบบธรรมดา...

    อาจเพราะออกงานสังคมเสียจนเคยชิน ได้พบกับผู้คนมากหน้าหลายตา ตั้งแต่ยังเล็ก จึงสามารถมองเห็นใบหน้าที่ซ่อนอยู่
    ใต้หน้ากากที่มีรอยยิ้มฉาบเอาไว้ รู้ดีว่าคนไหน ยิ้มมาจากใจที่แท้จริง

    ถึงเธออาจไม่ได้ยิ้มจากใจทุกครั้ง แต่เธอไม่เคยยิ้มเพื่อประจบประแจง หรือเสแสร้งเพื่อหวังผลใดๆ
    เธอยิ้มเพื่อบอกว่าไม่เป็นไร...ยิ้มเพื่อไม่ให้คนอื่นต้องเป็นห่วง...ยิ้มเพื่อให้คนอื่นสบายใจ

    ...และนั่นก็คือเหตุผลสำคัญที่...ฉันชอบเธอ...

    ++++++++++

    แต่งงานหรือคะ ?

    คุณหนูรีลิสผู้ที่จัดการทุกอย่างในชีวิตได้อย่างยอดเยี่ยม ทั้งเรื่องงาน เรื่องส่วนตัว กำลังงุนงงอย่างหนัก
    หลังจากถูกคำว่า แต่งงานที่ออกจากปากบิดาพุ่งชนอย่างแรง


    มองใครไว้บ้างหรือเปล่า ?

    เธอพยายามใช้สมองขบคิด ประมวลผลภาพใบหน้าของเหล่าชายหนุ่มที่มักแวะเวียนมาโปรยคำหวาน
    บางคนก็มีของติดไม้ติดมือมาให้ เช่น ช่อดอกไม้ ช็อกโกแลต ไปจนถึงข้าวของเครื่องใช้จำพวกรองเท้า กระเป๋า
    หรือเครื่องประดับราคาแพงก็มี แต่นั่นไม่ได้ทำให้เธอนึกใบหน้าของใครออกเลย แม้แต่คนเดียว


    ก็ไม่มีใครเป็นพิเศษหรอกค่ะ

    มองไว้บ้างก็ดีนะ อายุลูกก็ไม่น้อยแล้ว

    ยอมรับเหมือนกันว่า ผู้หญิงที่อายุเลย 25 มาแล้ว ก็มักจะโดนผู้ปกครองเคี่ยวเข็ญให้เริ่มหาแฟน โดยเฉพาะคนฐานะอย่างเธอ
    ที่บ้านก็หวังอยากได้เขยดีๆสักคนมาเกื้อกูลช่วยเหลือในการทำธุรกิจ ไม่ใช่เก็บตกใครที่ไหนไม่รู้มาจากริมถนน แต่ถ้าให้สารภาพตรงๆ
    นอกจากคนที่ต้องติดต่อทำธุรกิจด้วยแล้ว เธอแทบไม่ใส่ใจที่จะจดจำหน้าตาหรือชื่อของคนอื่นใส่สมองเลย แม้แต่นิดเดียว


    มันเป็นแค่ข้อมูลขยะเท่านั้น....รกสมอง....เธอคิดอย่างนี้มาตลอด

    พอจะนึกชื่อใครสักคนมาแอบอ้างว่า สนใจอยู่ แต่ก็คิดไม่ออกจริงๆว่า ใครเอ่ยชื่อใคร
    ดอกพลับพลึงที่จัดเป็นช่อนั้นสวยแปลกตาและถูกใจเธอ จนเอาช่อดอกไม้นั้นมาประดับห้อง แต่ก็ดันจำไม่ได้ว่าใครให้มา
    แล้วยังเจ้าผ้าลายสวยที่เธอเอาไปทำผ้าเช็ดมือ ถ้าคนที่ให้มาเห็นอาจจะร้องไห้ได้ จะว่าไปใครให้มานะ ?


    คนที่ให้ดอกไม้มาเมื่อวาน ก็ไม่เลวนะคะ

    เมื่อวานมีช่อดอกไม้มาส่งที่บ้าน เป็นดอกอะไรสักอย่างที่เธอไม่รู้จักชื่อและไม่คิดจะสนใจว่าใครเป็นคนส่งมา
    ไม่รู้ด้วยซ้ำว่า ตอนนี้ดอกไม้ช่อนั้นไปอยู่ที่ไหนแล้ว

    ลูกแสดงความสนใจ โดยการเอาดอกไม้ของเขาไปไว้ในโรงรถรึ ?

    แม้จะเป็นคุณหนูที่เก่งกาจและทรงอำนาจขนาดไหน แต่พออยู่ต่อหน้าพ่อก็เป็นเหมือนเด็กสาวธรรมดานี่เอง
    พอโดนจับได้ว่า พยายามโกหก ก็เหมือนตัวจะลีบเล็กลงเรื่อยๆ นึกในใจว่า มันไปอยู่ในโรงรถได้ไง

    ไม่ต้องพยายามโกหกก็ได้ พูดกันตรงๆเถอะ

    ลูกไม่เคยมองใคร ไม่เคยสนใจใครเลยใช่ไหม ?

    หลังจากนิ่งคิด บวกลบคูณหารผลได้ผลเสียในหัว เป็นเวลาเกือบหนึ่งนาที เธอก็พยักหน้าแทนการตอบคำถามนั้น
    แล้วนั่งตัวแข็งเกร็งรอคอยว่า พ่อจะพูดอะไรต่อไป ลึกๆภาวนาไม่ให้พ่อพยายามจัดงานหาคู่ให้เธอเหมือนแม่
    เพราะแม่ชอบหาข้ออ้างจัดงานเลี้ยงแล้วเชิญลูกชายของคนนู้นคนนี้ มาที่บ้าน ตั้งใจให้มาจีบเธอ

    แล้วเกียร์ล่ะ ?

    คนที่เธอไม่คาดคิดถูกเอ่ยขึ้นมา เพราะในสายตาของเธอแล้ว เกียร์ไม่ใช่คุณชายที่อยู่ในรายชื่อยาวเหยียดซึ่งพ่อกับแม่จะสนใจ
    เธอลืมไปแล้วว่า นามสกุลของเกียร์เป็นหนึ่งในนามสกุลชื่อดังที่เธอมักได้ยินอยู่บ่อยๆ

    ถึงเจ้าตัวจะไม่ยุ่งเกี่ยวกับเรื่องทางบ้าน ใช้ชีวิตเพียงคนเดียว ไม่แตะต้องสมบัติใดๆ แต่ก็ได้ยินมาว่า ในพินัยกรรมของปู่
    ระบุชัดเจนถึงจำนวนทรัพย์สินที่ต้องการให้เกียร์เป็นคนรับมรดก แล้วยังสมบัติของพ่อกับแม่อีก


    ...มาคิดดูดีๆ...เพื่อนเราก็รวยเหมือนกันแฮะ...

    ใครจะไปเชื่อว่า คนที่รวยขนาดนั้น อยู่บ้านเล็กๆที่ไม่ได้อยู่ย่านใจกลางเมือง ชอบนั่งรถเมล์ไปทำงาน
    แถมยังแต่งตัวด้วยเสื้อผ้าที่ราคาธรรมดา แต่กลับดูดี เหมือนของราคาแพง


    เออ...ทำไมเกียร์ถึงเข้ามาในบทสนทนานี้ได้คะ ?

    แล้วทำไมถึงไม่ได้ล่ะ

    รีลิสนึกหาเหตุผลดีๆไม่ออก แต่เธอรู้สึกว่า เกียร์ไม่ควรถูกลากเข้ามาพัวพันในเรื่องของเธอ
    ส่วนทุกเรื่องที่เกิดขึ้นในชีวิตของเกียร์ ควรมีเธอเข้าไปยุ่งด้วย ถึงจะถูกต้อง


    พ่อเห็นว่า เกียร์กับลูกสนิทกันดี

    เกียร์ก็เป็นคนดี ไม่เสียหายอะไรที่จะคบกันนี่

    แต่...เกียร์...

    พ่อไม่ได้อยากให้ลูกคบกับผู้ชาย เพื่อหาประโยชน์จากเขานะ

    ยังไม่ทันความคิดในหัวของเธอจะลอดผ่านริมฝีปากออกไป พ่อของเธอก็ดันรู้ทันซะแล้ว แถมยังส่งสายตาตำหนิทำนองที่ว่า
    ไม่ชอบให้ใครหาประโยชน์จากเรา ก็ต้องคบคนอื่นโดยไม่หาประโยชน์จากเขาสิ คบกันแบบจริงใจ


    แต่กับเกียร์...

    เธอไม่สามารถวาดภาพออกมาได้เลยว่า เธอกับเกียร์จะเป็นแฟนกันได้อย่างไร ถ้ายิ่งคิดยาวถึงการสร้างครอบครัวด้วยกัน ยิ่งแล้วใหญ่
    เป็นไปไม่ได้หรอก แม้เธอจะชอบคุยกับเกียร์ ชอบไปกินข้าวด้วยกัน ใช้เวลาว่างทำเรื่องไร้สาระด้วยกัน
    แต่มันไม่ใช่ความสัมพันธ์แบบนั้นเสียหน่อย


    ไม่ต้องคิดมากจนขมวดคิ้วแบบนั้นก็ได้...

    ค่อยๆคิดไป จนกว่าจะได้คำตอบที่ถูกต้อง

    เธอมองหน้าผู้เป็นพ่อ ซึ่งดูคราวนี้ คงจะเอาจริงกับเรื่องแต่งงานของเธอ ถ้าเกิดเธอปฏิเสธไปอย่างจริงจังเรื่องเกียร์
    พ่อคงเข้าร่วมขบวนการกับแม่ เพื่อหาทางจับคู่เธอกับชายหนุ่มสักคน ถ้าเป็นแบบนั้น ยอมไปตกลงทำสัญญากับเกียร์
    เพื่อเป็นแฟนกันหลอกๆ ป้องกันไม่ให้ตัวเองโดนลากเข้าสู่ปาร์ตี้จับคู่ดีไหมนะ


    เธอยิ้มหวานอย่างเอาอกเอาใจพ่อ ก่อนจะพยายามปัดความคิดชั่วร้ายในหัวทิ้งไป
    เอาล่ะ คิดอย่างจริงจังสิ อย่างน้อยถ้าเป็นเกียร์ ก็ยังดีกว่าคบผู้ชายคนอื่น คงเชื่อใจ คงวางใจได้
    ถ้าเราสองคนเป็นแฟนกัน...ถ้าเราคบหากันจนแต่งงาน...ถ้าเรามีลูกด้วยกัน...แล้วก็...แล้วก็...

    โอ๊ย !! อยากจะบ้า !! ใครจะไปทำเรื่องพวกนั้นได้เนี่ย !!

    ++++++++++

    เครื่องบินลงจอดที่สนามบินในประเทศอังกฤษ ผู้คนมากมายเร่งรีบเดินไปยังจุดเรียกรถแท็กซี่
    ไม่เว้นแม้แต่ คุณหนูที่มีอำนาจล้นฟ้าในประเทศไทย ตอนนี้ก็เป็นแค่ผู้หญิงธรรมดาคนหนึ่งเท่านั้น


    ง่วงนอนชะมัด

    เกียร์ตอบรับคำบ่นของเธอด้วยรอยยิ้มบางๆบนใบหน้า แล้วเดินไปต่อคิวเรียกแท็กซี่ให้ไปส่งยังโรงแรมที่จองเอาไว้
    แม้จะรู้สึกสบายใจที่ได้สลัดฐานะอันสูงส่งออกไป เมื่ออยู่นอกประเทศ แต่มันก็มีเรื่องไม่สะดวกหลายอย่าง


    รีลิส

    เสียงเรียกชื่อเธอ เมื่อถึงคิวที่ได้ขึ้นรถแท็กซี่ เขาเดินมาช่วยลากกระเป๋าเธอ ยกไปใส่ท้ายรถตามมารยาทที่ดีซึ่งสุภาพบุรุษพึงกระทำ
    ในตอนนี้เกียร์ดูพึ่งพาได้ จนไม่อยากเชื่อว่า เป็นคนเดียวกับที่ทำให้เธอต้องกุมขมับหลายต่อหลายหน เวลาที่ได้ยินข่าวว่า
    เจ้าตัวถูกหามเข้าโรงพยาบาล


    ขอหลับแป๊บนึงนะ

    เธอเอนหัวพิงซบไหล่นั้นด้วยความเคยชิน ตั้งแต่คบกันมา พวกเธอสองคนมักก้าวข้ามเส้นแบ่งของเพศ
    การถูกเนื้อต้องตัวกลายเป็นเรื่องธรรมดา ไม่มีเรื่องของอารมณ์หรือความใคร่เข้ามาเกี่ยวข้อง แม้แต่นิดเดียว


    จะว่าไป...เราก็อ้อนเกียร์บ่อยเหมือนกันนะเนี่ย...

    ถึงจะดูเหมือนเป็นคนให้ความช่วยเหลือ คอยควบคุมดูแลเรื่องต่างๆรอบตัว แต่ที่จริงยามเมื่อเหนื่อยล้าหรือเบื่อหน่ายผู้คนรอบตัว
    คงจะมีแต่ที่ข้างๆคนคนนี้เท่านั้นแหละที่ทำให้สบายใจได้


    ถ้าได้แต่งงานกัน...คงได้อยู่ด้วยกันตลอดไปสินะ...
    คงจะดีไม่น้อยเลยทีเดียว...

    ตื่นอีกครั้งตอนที่ได้รับการปลุกอย่างอ่อนโยน เธอสะลึมสะลือเดินลงจากรถ เข้าไปติดต่อห้องพักที่จองเอาไว้
    เมื่อถึงเตียงนอน เธอก็ล้มตัวลง นอนหลับให้สมกับที่อยากนอนมานาน เพราะเธอไม่สามารถหลับได้สนิท
    หากยังอยู่บนพาหนะที่ใช้เดินทาง ไม่ว่าจะเป็นรถ เรือ หรือเครื่องบิน


    ตื่นขึ้นมาอีกครั้ง ท้องฟ้าข้างนอกก็กลายเป็นสีดำสนิท  เธอเงยหน้ามองเพื่อนร่วมทางที่ไม่กลับห้องของตัวอง
    มานั่งอ่านหนังสืออยู่ที่เก้าอี้ใกล้ๆ ราวกับรอให้เธอตื่น


    นั่งทำอะไรอยู่...

    อ่านหนังสือน่ะ

    เห็นอยู่หรอกว่า อ่านหนังสืออยู่ แต่ที่อยากถามจริงๆก็คือ ทำไมไม่ไปอ่านในห้องตัวเอง จะมานั่งเฝ้าดูเธอหลับทำไมกัน
    ไม่ใช่ว่าอายหรอกนะ เพราะเธอไม่เคยมีมาดตอนอยู่ต่อหน้าเพื่อนอยู่แล้ว แค่นึกสงสัยว่า ไม่เหนื่อยบ้างหรือไง
    เดินทางมาตั้งหลายชั่วโมง


    ไม่เหนื่อยเหรอ

    เธอเดินเข้าไปสังเกตใกล้ๆ อย่างน้อยหน้าก็ไม่ซีดล่ะ คงไม่เป็นไร ถ้าต้องเข้าโรงพยาบาลที่นี่ คงวุ่นวายน่าดู
    นาฬิกาดิจิตัลที่ข้างเตียงบอกเวลา 19.34 น. เธอจึงชวนลงไปหาอะไรกินข้างล่าง ไล่เขาไปแต่งตัวเปลี่ยนเสื้อผ้า
    ตัวเธอเอง ก็จะอาบน้ำแต่งตัวเหมือนกัน

    เวลาผ่านไปประมาณ 45 นาที คุณหนูรีลิสในชุดกระโปรงเรียบหรู ยืนหมุนตัวอยู่หน้ากระจก เธอแต่งหน้าบางๆ
    เพราะรู้สึกว่า ลงไปกินข้าวแป๊บเดียว เดี๋ยวก็กลับขึ้นมานอนแล้ว


    พอเปิดประตูออกไปหน้าห้อง ก็เห็นเพื่อนเธออยู่ในชุดเสื้อเชิ้ตกางเกงสีดำอย่างเคย มีไทด์ผูกไว้อย่างสวยงาม
    แต่งตัวยังกับจะไปทำงาน น่าเบื่อชะมัด ไม่มีสีสันเอาซะเลย จะว่าไป เธอเคยไปเปิดตู้เสื้อผ้าที่บ้านเกียร์ดู
    สมัยมาเรียนต่อที่อังกฤษด้วยกัน ก็เห็นว่า ทั้งตู้มีแต่เสื้อเชิ้ตสีขาว กับกางเกงสแล็คสีดำ ไม่มีเสื้อแบบอื่นเลย


    เอ้า พ่อคนขับรถ ช่วยพาคุณหนูไปกินข้าวทีสิ

    เพื่อนเธอยิ้มตอบเมื่อโดนแซว แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา อยู่ด้วยกันแบบนี้ก็สบายใจดี ไม่ต้องคิดอะไรให้มันยุ่งยากวุ่นวาย
    ถ้าเกิดมีสามีเป็นผู้ชายพูดมาก น่ารำคาญ สงสัยได้ทะเลาะกันบ้านแตกทุกวัน


    พรุ่งนี้จะไปกี่โมง ?

    เธอถามถึงธุระที่ทำให้ทั้งสองคนต้องบินมายังอังกฤษ ไม่ได้มาเที่ยวเล่นเรื่อยเปื่อยกันเสียหน่อย
    คิดว่าไม่เกินวันมะรืนก็คงกลับแล้วล่ะ ไม่งั้นงานที่สุมไว้ จะกองท่วมหัวจนทำไม่ทัน


    สัก 8 โมงเป็นไง

    หญิงสาวพยักหน้ารับ แล้วชวนคุยเรื่องอื่นต่อ ขณะที่รอให้ลิฟท์มารับคนทั้งคู่ ไปยังห้องอาหารของโรงแรม

    ++++++++++

    กลิ่นหอมสดชื่นของต้นไม้ทำให้เธอรู้สึกปลอดโปร่งอย่างบอกไม่ถูก แม้มันจะเป็นต้นไม้ในรั้วของโรงพยาบาลที่เต็มไป
    ด้วยกลิ่นน้ำยาฆ่าเชื้อ แต่มันก็ยังให้ความรู้สึกดี เกียร์เดินเข้าไปในตัวอาคาร ทักทายคนนู้นคนนี้ โปรยยิ้มไปตามประสา
    คนมีมนุษยสัมพันธ์ดี ทิ้งให้เธอยืนเบื่ออยู่แถวสวนคนเดียว


    เมื่อหลายปีก่อน เกียร์เข้ามารักษาตัวที่นี่ ด้วยโรคที่เป็นอยู่นั้น ไม่สามารถเยียวยาให้ดีขึ้นได้ด้วยเทคโนโลยีในประเทศ
    จึงต้องขอร้องแกมบังคับ ผสมด้วยล่อหลอกให้มาเรียนต่อที่อังกฤษด้วยกัน แล้วจับพามารักษา

    แน่นอนว่า อาการก็ดีขึ้นมาก จากสมัยมัธยมปลายที่ต้องเข้าๆออกๆ โรงพยาบาลราวกับเป็นบ้านหลังที่ 2 ก็คงเหลือเพียงแค่
    มาติดตามอาการเป็นระยะ ไม่ค่อยเป็นหนักจนต้องหามร่างไร้สติมาให้ถึงมือแพทย์


    ไม่เป็นไรนะ ไม่ต้องร้อง

    เธอมองเพื่อนที่กำลังปลอบเด็กซึ่งหกล้มจากการวิ่งเล่น จะผ่านไปกี่ปีก็ยังคงเหมือนเดิม
    บางครั้งเธอก็นึกสงสัยว่า การพาเกียร์มารักษาตัวที่นี่เป็นความคิดที่ถูกต้องหรือเปล่า
    ถึงเจ้าตัวจะดีขึ้น ด้วยเม็ดยาและการรักษาราคาแพง แต่ก็ดันมาเจอเจ้าเด็กนั่นที่นี่ ถ้าไม่มาก็คงไม่เจอ

    เธอมองใบหน้าของเด็กที่หยุดร้องไห้ แล้วคิดในใจว่า เพื่อนเธอช่างมีพรสวรรค์ ในการปลอบโยนคนอื่นจริงๆ
    เจ้าเด็กนั่นก็คงชอบเพื่อนของเธอตรงนี้ ถึงได้ติดอกติดใจ จนกลายเป็นเจ้าสัญญาบ้าๆนั่น

    เกียร์ได้เวลาแล้วนะ

    เธอพูดดักคอ ก่อนที่อีกฝ่ายจะยอมเดินตามไปเล่นกับเด็ก ถึงจะต้องรับบทเป็นคนใจร้าย คอยพรากผู้ใหญ่แสนใจดีไปจากเด็กๆ
    ก็ต้องทำ หากไม่มีฉัน เธอคงเที่ยวยอมทำตามที่ชาวบ้านพูดไปทั่วสินะ


    ถ้าเธอไม่มีฉัน อยากรู้นักว่า จะเป็นยังไง !!

    ทั้งสองคนใช้เวลาช่วงบ่ายมาเยี่ยมหลุมศพ ซึ่งเป็นเป้าหมายหลักในการมาอังกฤษครั้งนี้
    เด็กน้อยที่นอนหลับใหลอยู่ใต้หลุมศพนี้ เป็นเจ้าเด็กกวนประสาท อวดดี และโชคร้าย
    ทั้งที่น่าจะเติบโตมาอย่างแข็งแรงและมีชีวิตชีวา แต่กลับต้องจบชีวิตลงด้วยวัยเพียง 12 ปี จากอุบัติเหตุ


    ทิ้งไว้เพียงสัญญา...ที่เกียร์ยึดมั่นไว้เสมอ...

    เธอมองใบหน้าของชายหนุ่มที่คบหากันมาเป็นสิบปี ผู้ชายคนแรกและคนเดียวในโลกที่เธอถูกใจ
    แม้ไม่ใช่ในความหมายของคนรัก แต่เป็นคนที่เธออยากอยู่ด้วยมากที่สุด หากไม่นับพ่อและแม่บังเกิดเกล้า


    ใบหน้าที่ยิ้มบางๆ ไปยังหลุมศพหินอันเยือกเย็นและไร้ชีวิต ราวกับเห็นใครบางคนนั่งอยู่ตรงนั้น
    ทำเอาเธอนึกสงสัยว่า เพื่อนมีพลังวิญญาณมองเห็นอะไรได้หรือเปล่า ??

    แต่ใบหน้าที่อ่อนโยนนั่น ก็ทำให้เธอรู้สึกหดหู่แปลกๆ แม้การทำหน้าตาแบบนั้น จะสมกับเป็นเกียร์ก็ตาม
    ถึงเจ้าตัวจะแบกความทุกข์ของคนทั้งโลก ก็คงจะยิ้มออกมาอยู่ดี นั่นแหละ เกียร์

    เกียร์....คือว่า...

    เธอไม่คิดว่า ตัวเองจะพูดเรื่องนี้ ต่อหน้าหลุมศพของเจ้าเด็กแสบนั่น แต่ในที่สุดก็พูดออกมาตรงๆ
    เรื่องที่ครุ่นคิดอยู่ในสมอง ตั้งแต่อยู่กรุงเทพฯ จนมายังประเทศอังกฤษได้คำตอบที่ชัดเจนแล้ว

    พ่อถามฉันเรื่องแต่งงานล่ะ ?

    พ่อถามว่า ฉันคิดยังไงกับเธอ

    ไม่น่าแปลกที่อีกฝ่ายจะมีสีหน้าแปลกใจระคนกับลำบากใจ ส่วนเหตุผลน่ะ เธอก็รู้ดีอยู่แล้วว่า เพราะอะไร
    เกียร์ยังคงชอบใครคนหนึ่ง คนที่ทั้งโง่ทั้งบ้า ไม่เหมาะสมกับเพื่อนเธอสักนิด
    แน่นอนว่า เธอรู้ และไม่เห็นด้วยเท่าไรกับความรักครั้งนี้ แต่ถ้าเพื่อนเธอรักไปแล้ว ก็ช่วยไม่ได้

    ฉันขอถามเธอหน่อยเถอะ

    เธอคิดยังไงกับฉัน

    แม้จะรู้ดีว่า สายสัมพันธ์ของพวกเรา ไม่เคยเกินเลยไปกว่า คำว่าเพื่อน ทั้งเธอและฉันต่างก็รู้ดี แต่ฉันอยากฟังจากปากของเธอ
    ว่าเธอคิดอย่างไร พวกเราอาจไม่ต้องแต่งงานกันด้วยความรัก อาจไม่มีความปรารถนาในตัวของอีกฝ่าย แต่พวกเราน่าจะใช้ชีวิต
    อยู่ด้วยกันได้อย่างสนุกสนานทุกวัน


    ฉัน....

    เกียร์คงลำบากใจที่จะตอบคำถามนั้น และเจ้าตัวก็คงไม่รู้ว่า ควรจะเลือกใช้คำพูดไหนดี การบรรยายถึงความรู้สึกของตัวเองไม่ใช่
    เรื่องง่าย โดยเฉพาะยามเมื่อต้องบอกมันกับคนที่เราแคร์ความรู้สึกของเขาเช่นกัน


    ฉันชอบเธอนะ....

    แต่ฉันคิดว่า ฉันคงไม่สามารถแต่งงานกับเธอได้หรอก

    เพราะหมอนั่นเหรอ ?

    การตอบโต้ไปด้วยคำพูดนั้น ยิ่งทำให้เกียร์มีสีหน้าลำบากใจ แต่ช่วยไม่ได้ ถ้าเริ่มแล้วก็ต้องคุยให้รู้เรื่อง
    แม้ว่า จะเป็นการไล่ต้อนให้จนมุมก็ต้องทำ เพราะถ้าไม่ทำแบบนี้แล้ว เกียร์ไม่มีทางพูดความจริงออกมาจนหมด

    เพราะเธอต่างหาก...

    เอ๋ ?

    ความสุขของเธอล่ะ...

    เธอน่าจะแต่งงานกับคนที่เธอรัก

    คราวนี้ตัวเธอกลับเป็นฝ่ายอึ้งไปเสียเอง ใครจะไปคิดว่า ผู้ใหญ่วัยทำงาน ยังคงมีคนเชื่อเรื่องความรักกับการแต่งงานอยู่อีก
    ชีวิตนี้เขาแต่งงานกันด้วยความเหมาะสมต่างหาก แม้แต่เจ้าบ้าที่เธอรัก ฉันก็ไม่คิดว่า มันแต่งงานด้วยความรักทั้งหมดหรอก
    เป็นเพราะมันอยากหนีจากความรู้สึกที่มีต่อเธอต่างหาก


    เธอหัวเราะออกมาดังๆแบบไม่รักษามาด แม้แต่นิดเดียว ทำเอาคนที่กำลังจริงจัง ถึงกับงงเป็นไก่ตาแตก ว่าเธอขำอะไรนักหนา
    รีลิสก้าวไปข้างหน้าหลุมศพ เอามือตบด้านบน เหมือนกำลังตบบ่าหรือตบหัวเด็กแบบเอ็นดู


    คุณเกียร์ที่รักของเธอ เป็นของคนอื่นแล้วนะ

    เธอกินแห้วแล้วล่ะ เด็กน้อย

    รีลิส พูดอะไรน่ะ ?

    เธอหันกลับมามองหน้าเพื่อนสนิท ยิ่งมองก็ยิ่งย้ำถึงคำตอบที่มีอยู่ในใจแล้ว เธอยิ้มกว้างแล้วกระโดดกอดเพื่อนเหมือนเด็กๆ
    จนกระทั่งคนถูกกอดเกือบล้ม เพราะไม่ทันได้ตั้งตัว


    ฉันชอบเธอจริงๆนะเกียร์

    คงไม่สามารถชอบใครได้มากกว่าเธออีกแล้วล่ะ

    คำพูดที่เหมือนคำสารภาพรัก แต่น่าแปลกที่เธอมั่นใจว่า เขาสามารถเข้าใจความหมายที่แท้จริงของมัน
    ระหว่างพวกเรา ไม่มีทางที่จะก้าวข้ามเส้นของคำว่าเพื่อน แต่เขาก็คงเป็นเพื่อนเพียงหนึ่งเดียวที่เธอถูกใจมากที่สุด
    ถึงเธอจะรักใครสักคนและอยากแต่งงานกับคนคนนั้น ก็เชื่อว่า เธอจะยังเห็นเกียร์เป็นคนที่พิเศษยิ่งกว่า

    ขอเวลาส่วนตัวสักแป๊บสิ ฉันอยากคุยความลับกับเจ้าหนูหน่อย

    หา ?

    คงเป็นเรื่องแปลกที่เธอเกิดอยากคุยความลับกับหลุมศพขึ้นมา เพราะเธอมักบ่นว่า ก็เป็นแค่แผ่นหิน ไม่ได้รับรู้ถึงการมา
    ของพวกเขาเสียหน่อย จะมาทำไมทุกปี ให้ลำบาก การมาไม่ได้ช่วยให้ใครได้ขึ้นสวรรค์เสียหน่อย


    เอาน่าๆ แค่แป๊บเดียว

    ถึงวันนี้รีลิสจะทำแต่เรื่องให้ตกใจ แต่เกียร์ก็ยอมเดินห่างออกไป ยืนรอที่อื่นแต่โดยดี
    เมื่อเห็นว่าเกียร์อยู่ในระยะที่ไม่ได้ยิน รีลิสก็ยิ้มกว้างให้กับแผ่นหินที่สลักชื่อไว้อย่างสวยงาม

    คนที่เกียร์ชอบน่ะ ชื่อ โฮลี่ ออเดอร์

    เป็นคนที่ไม่ได้เรื่องเลยสักนิด แถมยังบ้าๆบอๆอีกต่างหาก

    แต่เกียร์ก็รักหมอนั่นมาก...มากเสียจนฉันต้องยอมรับเลยล่ะ...

    เธอถอนหายใจออกมายาวๆ เพิ่งรู้สึกว่า ตัวเองกักเก็บความไม่สบายใจ ยามเมื่อเห็นเพื่อนทุกข์ทรมานกับเรื่องความรักมากมาย
    ขนาดไหน การที่พูดให้ใครสักคนฟัง มันดีอย่างนี่เอง ถึงคนฟังจะเป็นแค่แผ่นหินก็เถอะนะ


    ที่จริง หมอนั่นก็รักเกียร์มากเหมือนกัน ไม่งั้นคงไม่ยอมเอาตัวไปเสี่ยงแบบนั้นหรอก

    ถึงจะไร้ประโยชน์ก็เถอะ เพราะเกียร์ยึดมั่นในสัญญานั่น

    สัญญาบ้าๆของพวกเธอ...

    รีลิสแหงนหน้ามองบนท้องฟ้า เมฆสีขาวลอยอยู่ด้านบนเต็มไปหมด เธอรู้สึกเหมือนเหนือเมฆนั้น อาจจะมีเจ้าเด็กแสบนั่น
    นั่งยิ้มมองลงมาเบื้องล่าง กำลังฟังเธอพูดเรื่องของเกียร์ให้ฟัง

    ถึงจะเป็นความคิดที่ดูปัญญาอ่อน แต่เธอก็คิดแบบนั้นจริงๆ

    นายเป็นเทวดาแล้ว จะต้องมีอำนาจสินะ

    ช่วยรับผิดชอบด้วยนะ เรื่องยุ่งยากที่เกิดจากสัญญาของพวกนายน่ะ

    สายลมแรงๆพัดผ่านไป ราวกับเป็นคำตอบรับของเด็กขี้เล่นที่บันดาลให้รับรู้ว่า เข้าใจแล้วน่า เชื่อมือฉันเถอะ
    เธออดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมาเบาๆอีกครั้ง ต้องยอมรับว่า คิดถึงเจ้าเด็กบ้านั่นจริงๆ

    ช่วยปกป้องความสุขของเกียร์ด้วยนะ...

    ฉันเองก็จะพยายามอย่างเต็มที่เหมือนกัน

    รีลิสหมุนตัวกลับเดินไปตามทางที่เพื่อนเธอออกไปก่อน สิ่งมากมายที่พูดออกไปนั้น ไม่ว่าวิญญาณจะได้ยินจริงๆ
    หรือเธอเพียงแต่พร่ำพูดเป็นบ้าอยู่คนเดียว แต่มันก็คุ้ม เพราะเธอรู้สึกสบายใจขึ้นมาก


    เธอมองร่างที่ยืนสงบนิ่ง เหม่อมองไปยังที่ไกลๆ เส้นผมสีดำสนิทนั้นไหวไปตามสายลมเบาๆ
    คนที่เธอถูกใจ...คนที่เธอชอบ...คนที่เธอรัก...แม้ไม่มีวันเป็นคนในครอบครัว แต่ก็ยังเป็นคนพิเศษกว่าใครๆ
    แม้ในความคิดของเธอ การแต่งงานไม่จำเป็นต้องเกิดจากความรัก การอยู่ร่วมกันขอเพียงมีความเข้าใจ
    ไม่ต้องมีความปรารถนาในตัว แค่สามารถใช้ชีวิตอย่างสนุกสนานเท่านั้นก็พอ

    เกียร์อาจเป็นตัวเลือกที่ดี ไม่ต้องนั่งปวดหัวกับอีโก้สูงเสียดฟ้าของเพศชาย ไม่ต้องรำคาญกับความไม่ได้เรื่อง
    แต่หากเธอแต่งงานกับเกียร์แล้ว สถานะระหว่างพวกเราคงเปลี่ยนแปลงไป

    กลับกันเถอะไป

    ชายหนุ่มเดินตามเธอออกไป ตลอดชีวิต เธอเป็นคนที่ชอบเป็นผู้นำ เดินไปข้างหน้าก่อนเสมอ
    เพื่อนของเธอยินดีที่จะเดินตาม โดยไม่ปริปากบ่นหรือถือตัวว่า ผู้ชายควรเป็นฝ่ายเดินนำ 

    อ๊ะ !!”

    ก่อนเธอจะล้มลง คนที่เดินตามมาข้างหลังก็ดึงตัวเอาไว้ได้ ถึงร่างกายอาจจะผอมบาง เพราะไม่ดูแลตัวเองไปบ้าง
    แต่ยังไงก็เป็นผู้ชาย แขนแข็งแกร่งนั้นสามารถประคองเธอไม่ให้ล้ม

    นั่นสินะ เกียร์เดินตามมาทุกครั้ง ทั้งยังคอยประคองและรอรับเสมอ เมื่อเธอล้ม

    ไม่เป็นไรนะ ?

    รอยยิ้มที่มีให้เธอเสมอ ความอ่อนโยนที่เธอสัมผัสได้ทุกครั้ง แม้มันจะถูกแจกจ่ายให้กับใครต่อใครไปทั่ว แต่เธอก็ยังยินดีทุกครั้ง
    ที่ได้รับมัน ความสบายใจที่เกิดขึ้นเพียงแค่เห็นหน้า ความสนุกสนานที่เกิดจากการพูดคุยไม่กี่คำ


    ไม่เป็นไร

    ฉันจะวิ่งนำไปก่อนเอง เกียร์ ฉันจะพยายามกำจัดทุกอย่างที่เป็นอันตรายต่อเธอ ด้วยทุกอย่างที่ฉันมี
    เพื่อการนั้น เราไม่ต้องอยู่ด้วยกันล่ะดีแล้ว ฉันจะได้ใช้อำนาจของฉันได้เต็มที่
    ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม ฉันจะทำทุกอย่าง เพื่อรักษาที่ที่ฉันจะมีชีวิตอยู่อย่างสบายใจ

    ...ฉันจะ...ปกป้องเธอเอง...

    รีลิสคิดหาคำอธิบายดีๆที่จะบอกกับพ่อ ยามเมื่อต้องให้คำตอบเรื่องแต่งงาน และคิดหาตัวตายตัวแทนที่เธอจะควงไว้เล่นๆ
    กันไม่ให้พ่อเซ้าซี้เรื่องแฟน คงต้องเป็นผู้ชายเงียบๆ ไม่น่ารำคาญ ไม่เรียกร้องอะไร

    แต่จะต้องคุยเรื่องเกียร์ให้รู้เรื่อง จะไม่ยอมให้ความสัมพันธ์อันเรียบง่ายและสงบสุขนี้ จากไปแน่

    แล้วเธอจะทำอะไรต่อล่ะ ?

    ตอนนี้เกียร์ลาออกจากบริษัทเดิมแล้ว อยู่ในภาวะว่างงาน ซึ่งเธอก็ใช้โอกาสนี้ ลากตัวมาเยี่ยมหลุมศพของใครบางคนที่ไม่ได้มาเสียนาน
    เพราะเพื่อนเอาแต่ทำงาน ทำงาน ไม่ยอมหยุด


    ไม่รู้สิ คงทำงานที่ไหนสักแห่ง

    อย่างน้อยเกียร์ก็ไม่ต้องเจอหน้าหมอนั่นสักพัก จนกว่าเกียร์จะดิ้นรนกลับเข้าไปในเกม เธอเองก็ไม่อยากเห็นหน้าหมอนั่นแล้ว
    คงไม่โผล่หน้ากลับไปในเกมอีก เดี๋ยวคันไม้คันมืออยากถล่ม
    GM ขึ้นมาจะกลายเป็นเรื่องใหญ่

    จะว่าไป...แต่งงานกับเกียร์ก็ดีนะ...
    เพราะอยากรู้ว่าหมอนั่นจะทำหน้ายังไง...ตอนรู้ข่าว....

    ++++++++++

    RELEASE'S Diary

    ปกติฉันเป็นคนที่เขียนไดอารี่เฉพาะเวลาที่อยากเขียนเท่านั้น ส่วนใหญ่ก็เป็นเรื่องสำคัญๆ
    เวลาย้อนกลับมาอ่านก็จะสัมผัสได้ถึงความทรงจำดีๆหลายอย่าง บางครั้งก็เป็นบทเรียนสำคัญของชีวิต
    เพราะฉะนั้นถึงจะเขียนไดอารี่มา10 กว่าปีแล้ว จำนวนไดอารี่ของฉันก็มีไม่มากนัก


    ช่วงนี้ฉันเขียนไดอารี่บ่อยเป็นพิเศษ จนเล่มที่ใช้อยู่หมดหน้ากระดาษลงอย่างรวดเร็ว ก็เลยนึกสงสัยตัวเองขึ้นมาว่า
    มีเรื่องอะไรที่ทำให้อยากเขียนไดอารี่นักหนา ก็เลยพลิกย้อนกลับไปอ่านดู




    วันที่XX เดือน XX ปี XXXX

    เป็นครั้งแรกที่ได้เจอผู้ชายชื่อ โฮลี่ ออเดอร์ ซึ่งมีคนรายงานให้ฟังว่า สนิทสนมกับเกียร์มากขึ้น ถึงเกียร์จะไม่เคยเปิดปากเล่าเรื่อง
    หมอนี่ให้ฟังสักครั้ง แต่ดูจากสายตาและวิธีการพูดถึงแล้ว ฉันค่อนข้างมั่นใจว่า เกียร์ถูกใจหมอนี่ไม่น้อย ถึงได้เอามาไว้ใกล้ๆตัว


    กลับมาที่เรื่องหมอนั่น ดูด้วยตา เป็นคนที่ไม่มีออร่าของความสง่างามเลย หน้าตาก็ใช่ว่า จะแย่ แต่ไม่รู้จักแต่งตัวให้ดูดี
    จะมีดีก็ตรงการเข้าสังคมล่ะมั้ง การพูดการจานั้นเห็นได้ชัดว่า ระมัดระวังในการเลือกใช้คำพูด โดยเฉพาะอย่างยิ่ง
    เมื่อคู่สนทนาเป็นคนที่ตำแหน่งสูงกว่า หรือมีผลต่อหน้าที่การงาน


    ต้องรอดูกันต่อไปว่า หมอนี่จะเป็นยังไง แต่ถ้าเข้าใกล้เกียร์ เพื่อหวังผลประโยชน์หรือมีเรื่องแอบแฝงที่ไม่ค่อยดีนัก
    ก็จะต้องจัดการกันต่อไป ถ้าเป็นพวกจัดการง่ายๆ ก็เขี่ยให้พ้นทาง หาทางให้ออกจากบริษัทไปซะ แต่ถ้าดื้อด้านน่ารำคาญ
    ก็หามือปืนมากำจัดมันให้หายไปจากโลกแล้วกัน ทุกอย่างจะได้เรียบร้อย


    วันที่XX เดือน XX ปี XXXX

    วันนี้ไปประชุมเรื่องเกม Neo Universe ทำให้คิดถึงเจ้าเด็กบ้านั่นชะมัด แต่ตำแหน่ง Key master ก็น่าสนใจไม่น้อย
    ยิ่งเป็นงานที่ได้มีส่วนร่วมกับเกียร์ยิ่งน่าสนุกเข้าไปใหญ่ ถึงพวกคุณหนู คุณชายคนอื่นๆที่มาเป็น
    Key Master
    อาจจะน่ารำคาญไปบ้าง แต่ก็คงจัดการได้ไม่ยากนัก


    ทั้งที่คิดว่า วันนี้จะเป็นไปอย่างราบรื่น ดันมีเรื่องวุ่นวายเกิดขึ้น เกียร์โดนมอเตอร์ไซด์ชน บาดเจ็บที่ขา ต้องพาไปโรงพยาบาล
    นั่นแหละปัญหา เกียร์เป็นคนที่ยอมไปโรงพยาบาลง่ายๆที่ไหนล่ะ แต่ถึงต้องทุบหัวให้สลบแล้วลากไป ก็ต้องพาไปให้ได้
    ไม่รู้ว่าโชคดีหรือโชคร้ายที่หมอนั่นโผล่มา เกียร์ก็เลยรีบบอกว่า จะให้หมอนั่นเป็นคนพาไป เพื่อไม่ให้ฉันเสียงาน 
    ฉันก็มั่นใจว่า เกียร์ต้องกลับคำ หลังจากฉันเดินไปแล้วแน่ๆ แต่ก็อยากเห็นเหมือนกันว่า หมอนั่นจะจัดการยังไงบ้าง ก็เลยยอมตกลง


    ถึงจะบังคับแบบทุลักทุเลไปบ้าง แต่อย่างน้อยก็บังคับให้เกียร์ไปจนได้ เอาเถอะอย่างน้อย ทุกอย่างก็ไม่ได้แย่ไปตามหน้าตา
    หรือรสนิยมการแต่งตัวไปซะหมด แต่ที่หงุดหงิดก็คือ สายตาที่เกียร์ใช้มองหมอนั่นต่างหาก
    ก่อนหน้านี้ยังไม่แน่ใจ แต่ตอนนี้ชัดแล้วว่า สองคนนั้นต้องมีอะไรมากกว่า ความเป็นเพื่อนร่วมงานแน่ๆ
    พูดแล้วมันน่าโมโหนัก มันเป็นใครที่ไหน ? ทำไมฉันถึงไม่รู้มาก่อน ต้องสืบประวัติโดยละเอียดซะแล้ว



    วันที่XX เดือน XX ปี XXXX

    หลังจากอ่านประวัติของหมอนั่นแล้ว ตั้งใจว่า จะขัดขวางสุดฤทธิ์ เพราะเป็นผู้ชายที่ไม่มีอะไรเลย และไม่เหมาะสมกับเกียร์เลยสักนิด
    เป็นคนที่เฉื่อยชาไปวันๆ อย่างนี้จะดูแลปกป้องเพื่อนฉันได้ยังไง
    !!
    ช่วงนี้เกียร์เริ่มพูดถึงหมอนั่นบ้างแล้ว ทำให้ยิ่งรู้สึกหมั่นไส้มัน !!

    หากเข้าไปขวางตรงๆ อาจจะเสียแผนได้ เกียร์ยิ่งเกลียดเวลาฉันใช้อำนาจบังคับคนอื่นให้เป็นไปตามต้องการ
    แต่ครั้งนี้ขอหน่อยเถอะ ยังไงฉันก็ต้องจัดการมันให้ได้ ก็ดูแล้ว หมอนั่นมันไม่สมควรได้ที่ข้างๆเธอไป !!
    อยากรู้นักว่า มีดีตรงไหนเธอถึงได้ชอบ หน้าตาก็ไม่ได้หล่อ ความสามารถก็ไม่เห็นโดดเด่นตรงไหน
    ฉันไม่ยอมให้เธอไปยุ่งกะมันแน่ๆ เกียร์ คอยดูนะ



    วันที่XX เดือน XX ปี XXXX

    วันนี้ตกใจแทบตาย ตอนเห็นเกียร์สลบอยู่หน้าบ้าน ว่าจะแวะมาหาเฉยๆ โชคดีนะเนี่ยที่แวะมา ไม่งั้นไม่รู้ จะมีใครมาช่วยเธอหรือเปล่า
    อาการทางระบบประสาทที่เธอเป็นนี่ ทำให้ฉันนึกโมโหทุกครั้งที่เธอไม่ยอมเลือกไปทำอาชีพอื่นที่ไม่เกี่ยวข้องกับเกมนี้ (แต่ก็เป็น
    เพราะเจ้าเด็กบ้านั่นแหละ) อุตส่าห์ไปอังกฤษ รักษาตัวจนกระทั่งควบคุมโรคไว้ได้ ดันมายุ่งเกี่ยวกับเกมที่เป็นตัวกระตุ้นอาการอีก


    เกลียดเวลาที่นั่งรอคอย ตอนหมอช่วยเธออยู่ เหมือนต้องมานั่งภาวนาทุกครั้งให้เธอรอดชีวิต อยากบังคับให้เธอเลิก
    แต่ทำไมถึงทำไม่สำเร็จสักทีนะ ในโลกใบนี้คงมีเธอคนเดียวล่ะมั้งที่ฉันบังคับไม่ได้

    ตอนที่ได้ยินเธอเรียกชื่อหมอนั่น ทั้งที่ไม่ได้สติ พร่ำขอโทษสิ่งที่ฉันไม่รู้เหตุผลว่า คืออะไร
    มันทำให้ฉันตัดสินใจได้แล้ว ฉันจะเลิกขัดขวางหมอนั่น โอเค อาจจะเลิกไม่ได้ทั้งหมด คงมีแกล้งขัดคอบ้าง
    แต่ฉันคงต้องยอมยกเธอให้หมอนั่นซะแล้ว ก็เธอรัก...ไปแล้วขนาดนั้นนี่นะ...

    คิดดูดีๆ ก็ไม่ได้แย่อย่างทิ่คิด หน้าตาถ้าโกนหนวดออกก็คงพอดูได้ จับเปลี่ยนเสื้อผ้าซะ เรื่องงานก็ทำใช้ได้ ถึงจะไม่ถือว่าเก่งก็เถอะนะ
    ยอมรับก็ได้ว่า หมอนั่นไม่ได้แย่ แค่หวงเพื่อนมากไปหน่อยเท่านั้น แล้วก็นึกหมั่นไส้ที่มันได้อยู่ข้างๆเกียร์ ทั้งที่ตรงนั้นเคยเป็น
    ที่ของฉันคนเดียวแท้ๆ มีเจ้าคนไม่เอาอ่าวมาฉกไป มันน่าเจ็บใจ

    แต่ก็ต้องยอมรับว่าหมอนั่นรักเกียร์จริงๆ หรือจะเรียกว่า เข้าขั้นหลงจนโงหัวไม่ขึ้นดี ?

    ถ้าทำให้เกียร์เสียใจ ฉันจะฆ่ามัน !! ฉันจะลากไส้มันออกมาทั้งที่เป็นๆ !!
    ให้สาสมกับสิ่งที่มันทำกับเพื่อนที่ฉันรักที่สุด



    วันที่XX เดือน XX ปี XXXX

    ตอนนี้ฉันอยากสารภาพบาปว่า ฉันอยากฆ่าคนจริงๆ !! ไม่ใช่แค่พูดเล่น
    พระเจ้า ช่วยสั่งให้ฟ้าผ่าเจ้าบ้า โฮลี่ ออเดอร์ให้ตายที  !! โทษฐานมันบังอาจทิ้งเกียร์ไปควงสาวอื่น

    ไอ้บ้านั่น คิดว่า ตัวเองมีดีอะไร กล้าดียังไงมาทิ้งเพื่อนฉัน ทั้งที่ฉันอุตส่าห์ยอมรับแกแล้วแท้ๆ
    มันน่าโมโหจริงๆ แถมใครๆยังบอกว่าสองคนนั้นเหมาะสมกัน ฟังแล้วยิ่งรู้สึกหงุดหงิด
    ฝั่งผู้หญิงก็ดีอยู่หรอก ทั้งสวยทั้งเก่ง ไม่รู้คิดยังไงดันมาเลือกเจ้าบ้านั่น คิดว่าทั้งโลกจะมีเพื่อนฉันหลงผิดคนเดียวซะอีก
    สงสัยชะมัดว่า เจ้าบ้านั่น มีดีที่ตรงไหน
    !! ทำไมใครๆถึงไปหลงรักมันได้

    สักวันฉันจะต้องฆ่ามันจริงๆให้ได้ แต่ต้องไม่ให้เกียร์รู้ ต้องเป็นแผนที่แนบเนียน
    สักวันจะต้องลบหมอนั่นให้หายไปจากโลกนี้ จากสายตาฉัน จากสายตาเกียร์



    วันที่XX เดือน XX ปี XXXX

    ฉันเกลียดโฮลี่ ออเดอร์
    ฉันเกลียดโฮลี่ ออเดอร์

    อยากเขียนประโยคนี้สักร้อยครั้ง แต่ไม่รู้จะเสียแรงเสียหมึกเพื่อด่าเจ้าบ้านั่นทำไม
    พอเกียร์รู้ข่าวมันแต่งงาน ก็เป็นอย่างที่คิด ไม่มีอาการเสียใจ ไม่ร้องไห้ เพียงแต่ร่างนั้นเหมือนถูกดูดกลืนความมีชีวิตชีวาไป
    กลายเป็นเพียงเหมือนตุ๊กตาเท่านั้น


    มันน่าโมโหชะมัด ถึงจะฆ่ามันสัก 100 ครั้งก็คงยังไม่หายโมโห แต่ตอนนี้ฉันฆ่ามันไม่ได้ แม้แต่ครั้งเดียว
    ถ้าเกียร์รู้ว่า หมอนั่นตาย ฉันไม่อยากจะคิดเลยว่า อะไรจะเกิดขึ้นบ้าง ฉันไม่อยากเห็นเพื่อนฉันเสียใจอีกแล้ว
    ถึงจะปลอบโยนด้วยคำพูดมากมายแค่ไหน ก็ไม่มีทางเยียวยาบาดแผลนี้ได้หรอก

    ไอ้บ้านั่น !! มันต้องชดใช้ !!
    สักวันนึงที่เกียร์เจอคนที่ดีกว่าแก ลืมแกได้ ไม่สนใจแกอีกต่อไป รอให้ถึงวันนั้นก่อนเถอะ
    ฉันจะจัดการแกอย่างช้าๆ ให้แกได้รู้เสียบ้างว่า ทำอะไรลงไป ทำร้ายเพื่อนฉัน แล้วจะเป็นยังไง

    แก้แค้น 10 ปี ยังไม่สาย !! จำเอาไว้นะ โฮลี่ ออเดอร์ !!



    วันที่
    XX เดือน XX ปี XXXX

    ตอนแรกคิดเอาไว้ว่า จะไม่เขียนถึงหมอนั่นอีกแล้ว ถึงจะมีเรื่องอะไรเกิดขึ้นก็ตาม
    สิ่งสุดท้ายที่อยากเก็บไว้ในความทรงจำคือ การแก้แค้น...


    พอผ่านไป ถึงจะหมั่นไส้ที่หมอนั่นมีความสุขมาตลอด ได้แต่งงานมีครอบครัว ทิ้งเพื่อนของฉันเอาไว้
    แต่ตอนนี้ ฉันจะยอมละทิ้งความแค้นนั่นก็ได้ เห็นแก่สิ่งที่ทำลงไปทั้งหมด แม้ทุกอย่างจะเป็นแค่เรื่องโง่ๆและไร้ประโยชน์ก็ตามที

    การที่นายยังคงวนเวียนอยู่รอบตัวเกียร์ ทั้งที่แต่งงานนั้น ทั้งน่าโมโห ทั้งน่าหมั่นไส้
    แต่ก็ต้องยอมรับว่า นายเป็นห่วงเกียร์จริงๆ  ขอบคุณที่ช่วยดูแลเพื่อนฉันนะ


    การที่นายเลือกเกียร์ ในช่วงเวลาที่ยากต่อการตัดสินใจ ในตัวเลือกที่ไม่อาจละทิ้งได้ นายเลือกเพื่อนฉัน ทิ้งคนที่นายควรดูแล
    แม้มันอาจจะดูเป็นเรื่องเลวร้ายในสายตาคนทั่วไป แต่สำหรับฉัน ขอบคุณนะที่นายมา

    ถ้าไม่ใช่นายอยู่ตรงนั้น ฉันไม่แน่ใจว่า เขาจะรอดไหม

    การที่นายยอมกบฏ ทรยศต่อทุกคนที่อยู่รอบตัวนาย ล้มล้าง GM เพื่อเป้าหมายให้เกียร์เลิกเล่นเกม เพื่อปกป้อง
    ยอมแบกรับความผิดทั้งหมดไว้ ยอมรับคำก่นด่าสาปแช่ง ขอบคุณนะที่พยายามจนสุดความสามารถ
    แม้ฉันจะรู้ดีว่า เรื่องที่นายทำลงไปนั้น เปล่าประโยชน์ที่จะทำ

    ถึงฉันจะเกลียดขี้หน้านาย แค้นนาย รำคาญนาย อยากให้นายหายไปจากโลกนี้ แต่ฉันจะช่วยภาวนาแล้วกัน
    ขอให้ความปรารถนาที่นายทุ่มเททุกสิ่งทุกอย่างเป็นจริง เพราะฉันก็ปรารถนาในสิ่งเดียวกับนาย


    อยากปกป้องคนคนนั้น...
    อยากเห็นรอยยิ้มนั้นตลอดไป...
    อยากให้เกียร์มีความสุข....

    แล้วก็เจ้าปากกาไร้สาระนั่น ฉันจะเก็บไว้ให้ก่อนแล้วกัน วันไหนที่นายกับเกียร์ย้อนกลับมาเป็นเหมือนเดิมได้
    ฉันจะคืนให้ก็แล้วกันนะ ที่จริงลึกๆฉันก็ภาวนาให้เป็นแบบนั้น ถึงจะรู้ว่า มันยากที่จะเกิดขึ้นก็ตาม
    ไม่ใช่ว่า ฉันยอมรับนายหรอกนะ แต่เพราะฉันรู้ว่า พอมีนายอยู่ข้างๆ เกียร์ก็มีชีวิตชีวามากขึ้น

    ถึงจะเกลียดนายขนาดไหน ถ้าทำให้เพื่อนฉันยิ้มได้ ฉันก็โอเค

    ++++++++++

    ลงตอนพิเศษอีกเช่นเคย ที่จริงตอนแรกลังเลระหว่าง เขียนการเจอกันครั้งแรกของรีลิสกับเกียร์
    เขียนการไปอังกฤษด้วยกันหลังเกิดการปฏิวัติของ GM หรือเขียนไดอารี่ของรีลิส
    ซึ่งตอนแรกก็ตกลงใจว่า จะเขียนเป็นไดอารี่ ไปๆมาๆ โลภมากเลยเขียนมันหมดเลย เอามาย่อๆรวมกัน
    ตอนของแครอทมีชื่อเล่นว่า sis-con ตอนนี้ก็เลยมีชื่อเล่นว่า "ไดอารี่ของสาววาย" 555+

    อยากเขียนตอนนี้เพราะว่า รีลิสกับเกียร์ค่อนข้างผูกพันกันมาก แต่อยากบอกท่านผู้อ่านว่า ไม่มีอะไรในกอไผ่
    ที่เขียน pairing นั่นเป็นมุขนะคะ 55+ แถมยังวางรีลิสไว้ข้างหน้าอีก (ตั้งใจวางไว้ในตำแหน่งนั้น)
    บางครั้งยังคิดเลยว่า รีลิสออกจะเหมือนแม่ มากกว่าเพื่อนหรือแฟน แต่ก็อยากให้ออกมาในแนวนี้
    จากรีลิสที่ดูสวยสง่าใน ExE กลายมาเป็นสาวมั่น ก็ไม่รู้ผิดไปจากที่ควรมากไหม แต่ก็เป็นไปแล้ว 555+

    ที่จริงอยากเขียนรีลิสก่นด่าโฮลี่ ออเดอร์ให้มากกว่านี้ เพราะตามท้องเรื่องรีลิสไม่ชอบขี้หน้าผู้ชายคนนี้เอาซะเลย
    ประมาณว่า ถ้าเพื่อนเธอไม่รัก ไม่ชอบ คงถูกสั่งให้กันออกไปให้ห่างจากชีวิตเธอ แต่ไม่แน่นะ เหตุผลที่เธอไม่ชอบ
    อาจเพราะ เพื่อนเธอดันแบ่งใจที่เธอเคยคิดว่า มีให้เธอคนเดียว ไปให้คนคนนั้นก็เป็นได้

    สุดท้ายแล้ว รีลิสเป็นตัวละครที่เขียนแล้วสนุกที่สุด อาจเพราะบิดคาแรกเตอร์ - -" น่าดู เขียนตามใจไปซะเยอะ
    สงสัยต้องขอโทษท่านผู้เขียนเรื่องออริจินัลมา ณ ที่นี้ แต่อารมณ์แต่งฟิคมันพาไป ชอบสาวมั่นอ่ะค่ะ
    ตอนต่อไปก็คงจะเขียนตอนพิเศษต่อ แต่จะเขียนตอนไหนก่อน ขอดูเวลาก่อน ที่แน่ๆ ต้องเขียนอดีตของเกียร์กะเด็กคนนั้นแน่ๆ

    เกือบลืม...ขอบคุณคำคอมเมนต์มากๆนะคะ และยังรอคำคอมเมนต์ในตอนนี้อยู่นะคะ
    ช่วงนี้งานยุ่งมากขึ้น เพราะย้ายฝ่าย - -" แต่ก็ยังอยากแต่งฟิคอยู่นะคะ
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×