ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [KnB fic] Blue Wizard (AoKaga)

    ลำดับตอนที่ #1 : ICE&FIRE

    • อัปเดตล่าสุด 23 มี.ค. 57


    Title: ICE&FIRE
    Author: Monochrome bird
    Category:  Drama (จริงๆนะ)

    Pairing: อาโอมิเนะ x คากามิ
    Rating: PG-13
    Disclaimer: ทุกสิ่งทุกอย่าง เป็นของอาจารย์ฟูจิมากิค่ะ พวกเราแค่ยืมมาจิ้นเล่นเท่านั้น 
    Author notes: ได้รับแรงบันดาลใจจาก FROZEN


    +++++++++

    กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว ณ ดินแดนอันไกลโพ้น เมืองแห่งหนึ่งถูกพ่อมดชั่วร้ายสาปให้มีหิมะตกลงมาปกคลุมตลอดทั้งปี ไม่มีพืชพรรณธัญญาหารใด สามารถเจริญงอกงามได้ ผู้คนใช้ชีวิตอยู่กันอย่างยากลำบาก อาหารการกินขัดสนและขาดแคลน เด็กๆที่โตขึ้นมาในช่วงเวลานั้น ไม่รู้จักความอบอุ่นของฤดูใบไม้ผลิ ไม่เคยได้สัมผัสกับดอกไม้ เคยเห็นแต่เพียงในภาพวาดเท่านั้น

    อยู่มาวันหนึ่งมีนักเวทแห่งไฟเดินทางผ่านมา ชาวบ้านทั้งหลายจึงขอร้องให้ช่วยขึ้นไปปราบพ่อมดผู้ชั่วร้าย นักเวทแห่งไฟรับปากที่จะช่วยเหลือและเดินทางขึ้นไปยังยอดเขาสูง ไปยังปราสาทของพ่อมดผู้ชั่วร้าย เวลาผ่านไปนานหลายเดือน จนชาวบ้านเริ่มจะถอดใจแล้วว่า นักเวทแห่งไฟคงไม่สามารถปราบพ่อมดผู้ชั่วร้ายได้สำเร็จ บ้างก็บอกว่า อย่าได้ขอร้องใครอีกเลย อย่าให้ใครต้องมาเดือดร้อน หรือเสียชีวิตเพียงเพราะปัญหาของพวกเรา

    แต่แล้ววันหนึ่ง ชาวบ้านก็พบดอกไม้สีชมพูดอกเล็กๆชูช่อบานอยู่ท่ามกลางหิมะสีขาวโพลน นั่นคือดอกไม้ดอกแรก ก่อนที่บรรดาพืชพรรณทั้งหลายจะค่อยๆเติบโตขึ้นในเมืองที่เคยมีแต่ความแห้งแล้งและหนาวเย็น ผู้คนต่างไชโยโห่ร้อง แต่งเพลงสรรเสริญสดุดีแก่นักเวทแห่งไฟ ผู้ปราบพ่อมดที่ชั่วร้าย ผู้นำความสงบสุขกลับคืนมาสู่หมู่บ้าน

    นี่คือ...ตำนานที่เล่าสืบต่อกันมา...ทีนี้เรามาลองฟังเรื่องจริงที่เกิดขึ้นกันดูบ้าง...

    ++++++++++

    อาโอมิเนะ !! ตื่นได้แล้ว !!

    ผ้าม่านสีหม่นถูกกระชากให้เปิดออก เพื่อให้แสงอาทิตย์ของยามเช้าสาดส่องเข้ามาภายใน ถึงคนที่อยู่บนเตียงจะพลิกตัวหลบอย่างเกียจคร้าน แต่สุดท้ายก็ต้องยอมตื่นอยู่ดี

     

    ใครจะไปเชื่อว่า...คนที่นอนอยู่บนเตียงนั้นคือ อาโอมิเนะ ไดคิ พ่อมดที่ได้สมญาว่าน้ำแข็งสีน้ำเงินแห่งทิศเหนือ ผู้มีพลังเวทแข็งแกร่งชนิดที่ต้องใช้นักเวทเป็นกองทัพถึงจะหยุดยั้งการโจมตีของคนคนนี้ได้ แถมยังขึ้นชื่อเรื่องอารมณ์แปรปรวน เอาแน่เอานอนไม่ได้ การพะเนาพะนอเอาใจ ใช่ว่าจะได้ผลลัพธ์ที่ดีเสมอไป ผู้คนจึงพยายามหลีกเลี่ยงการพบเจอ เพื่อตัดปัญหา

    ส่วนคนที่กล้าหาญชาญชัยเข้ามายุ่มย่ามในชีวิตของพ่อมดน้ำเงินคนนี้ ชื่อว่า คากามิ ไทกะ เป็นนักเวทผู้ใช้ไฟธรรมดาๆคนหนึ่ง แม้จะมีความสามารถโดดเด่นในหมู่นักเวทผู้ใช้ไฟ แต่ใช่ว่าจะสามารถเทียบเทียมกับพลังเวทของอาโอมิเนะ อาจพูดได้ว่า ต้องมีความคิดอ่านสวนทางกับคนปกติทั่วไป จึงจะกล้ามาอยู่ใกล้ตัวคนอารมณ์แปรปรวนอย่างร้ายกาจเช่นนี้

     

    ใครจะเชื่อว่า...เมื่อสองเดือนก่อน สองคนนี้ยังสู้กันอย่างเอาเป็นเอาตาย แม้จะไม่ใช่ครั้งแรกที่อาโอมิเนะ มีคนมาท้าประลองฝีมือด้วย แต่นี่เป็นครั้งแรกที่ได้สู้กับใครสักคนอย่างเต็มที่ ปกติแล้วแค่พ่อมดน้ำแข็งร่ายเวทชั้นต้น ศัตรูก็ถอยร่นเผ่นหนีกันไปเสียทุกราย ไม่เคยต้องลงทุนอัญเชิญมหาเวทชั้นสูง ไม่สิ แม้แต่เวทระดับกลางก็แทบไม่ได้ใช้ด้วยซ้ำ ความอ่อนแอของศัตรูนั้น ทำให้พ่อมดน้ำเงินรู้สึกเบื่อหน่าย บ่อยครั้งที่ไม่ปรากฏตัวออกไป แต่ร่ายเวทกับดักให้ทำงานแทน

    การต่อสู้กับนักเวทไฟนั้นต่างออกไป เจ้าตัวยืนหยัดอยู่ท่ามกลางพายุหิมะที่ถาโถมเข้ามาใส่ ใช้เวทไฟทำลายน้ำแข็งแหลมคมที่เข้ามาโจมตี ปัดป้องเวทมนต์ขั้นต้นทั้งหลายออกไปอย่างง่ายดาย แววตาในดวงตาสีแดงคู่นั้นทำให้เขารู้สึกสนใจเสียจนยอมออกไปปรากฏตัวให้เห็น แต่ก็ต้องผิดหวัง คู่ต่อสู้นั้นพ่ายให้แก่มนต์ชั้นกลางอย่างรวดเร็ว

    ในยามที่อ่อนแรงจนแทบสิ้นสติ เขายังเห็นอีกฝ่ายพยายามร่ายพลังเวทของตนออกมา ดวงตาคู่นั้นราวกับมีเพลิงลุกไหม้และยังไม่มอดดับ แม้ว่าเจ้าตัวจะแทบสิ้นสติเพราะความเหนื่อยล้าและเจ็บปวดก็ตาม

     

    “ข้าวเช้าเสร็จแล้ว รีบๆลงไปกินล่ะ”

    “เออๆ รู้แล้วน่า”

     

    อาหารเองก็เป็นสิ่งที่อาโอมิเนะแทบจะลืมเลือนรสชาติไปแล้ว หากไม่ได้พบกับคากามิ ร่างกายของผู้มีพลังเวทสายน้ำแข็งที่แข็งแกร่งนั้นจะเปลี่ยนแปลงจากมนุษย์ทั่วไป ราวกับถูกแช่แข็งเอาไว้ อายุขัยก็จะยืนยาวกว่ามนุษย์ทั่วไป ยืนยาวขึ้นตามความแข็งแกร่งของพลัง ความต้องการอาหารของร่างกายเองก็ลดต่ำลง จนแทบเรียกได้ว่า ไม่ต้องกินอะไรก็มีชีวิตอยู่ได้ อาจจะลำบากสักหน่อย หากต้องใช้พลังเวท แต่ถ้าเอาแค่ใช้ชีวิตปกติแล้วล่ะก็ ร่างกายก็ไม่จำเป็นต้องได้รับอาหาร

    ใครจะไปคิดว่า ศัตรูที่ถูกขังเอาไว้ในห้องใต้ดินนั้น จะเอาวัตถุดิบมาปรุงอาหาร

    พ่อมดน้ำแข็งโยนนักเวทไฟเอาไว้ที่ห้องใต้ดินของปราสาท พอฟื้นคีนสติแล้ว ค่อยทำทีเป็นเผอเรอ เผยทางหนีให้อีกฝ่ายรู้ ที่จริงแล้วอาโอมิเนะไม่ชอบเอาชีวิตใคร แต่กลับมีข่าวลือหนาหูว่า เขาชอบสังหารผู้คน แค่พูดจาไม่ถูกใจก็สามารถแข็งตายได้ภายในไม่กี่วินาที เวลาผ่านไปสักพักเขารู้สึกได้ถึงพลังเวท คิดว่าอีกฝ่ายคงจะพยายามละลายน้ำแข็งเพื่อหนีออกไป จึงไม่ได้ใส่ใจเท่าไรนัก แต่ไปๆมาๆ พลังเวทนั้นกลับอยู่นานเสียจนนึกแปลกใจ หรือว่าหมอนั่น ต้องการจะย้อนกลับมาสู้กับเขาอีก ไม่กลัวตายเลยหรืออย่างไร เมื่อลงไปดูที่ห้องใต้ดินก็พบกับความแปลกใจ ชายหนุ่มผมแดงกำลังทำซุปหม้อใหญ่ แถมยังเอ่ยเชิญชวนให้เขาไปกินอาหาร เหมือนไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้น

    ในตอนแรก อาโอมิเนะคิดว่า อีกฝ่ายคงต้องการฆ่าเขาด้วยยาพิษ เป็นลูกไม้ตื้นๆที่น่าสมเพชเสียเหลือเกิน แต่ไม่รู้ว่าเป็นโชคดีหรือโชคร้ายที่พ่อมดน้ำแข็ง ดันมีความสามารถในการตรวจจับพิษ เมื่อรู้ดีแล้วว่า ในชามที่ส่งมาให้นั้นไม่มีพิษใดๆผสมอยู่ ก็ยิ่งไม่เข้าใจการกระทำของคนตรงหน้ามากขึ้นไปอีก

     

    “เช้านี้เป็นซุปมันฝรั่งนะ กินกับขนมปัง”

    “คลังอาหารบ้านนายนี่ พอกินไปอีก 10 ปีเลยล่ะมั้ง”

    อาหารของเช้าวันนี้ เป็นซุปมันฝรั่ง เหมือนที่อาโอมิเนะได้กินในวันนั้น หลังจากลังเลอยู่นาน ความสงสัยก็เป็นฝ่ายชนะ เขาลองกินซุปมันฝรั่งในชามที่ถูกส่งมาให้ ด้วยความอยากรู้ว่า คนตรงหน้าต้องการอะไรกันแน่ มาจนถึงตอนนี้ สิ่งเดียวที่อยู่ในมันฝรั่งชามนั้นคือ รสชาติที่แสนอร่อยของอาหาร ซึ่งไม่ได้สัมผัสมานาน ไม่ว่าจะกี่ครั้งที่ได้กินอาหารของคากามิ ก็จะมีรสชาติแบบนั้นอยู่ภายใน เป็นเหมือนความสามารถพิเศษอีกอย่างหนึ่งของชายหนุ่ม

    คนแบบไหนกันนะที่ยื่นอาหารให้กับคนที่ทำร้ายตัวเอง แถมพอรู้ว่า เขาอาศัยอยู่ที่นี่เพียงลำพัง โดยไม่กินอาหาร ไม่มีอะไรทำเป็นเรื่องเป็นราว อีกฝ่ายกลับเห็นเป็นเรื่องใหญ่ ถือวิสาสะมาตั้งรกรากที่นี่ บอกว่าจะอยู่เป็นเพื่อน จะทำอาหารให้กินทุกมื้อ ชีวิตของนายมันน่าสงสารเกินไปแล้ว

    ...ชีวิตน่าสงสาร...

    ตั้งแต่เกิดมาจนมีชีวิตอยู่มาเกิน 100 ปี อาโอมิเนะไม่เคยถูกใครบอกว่า น่าสงสารเลยแม้แต่ครั้งเดียว แล้วเจ้าเด็กผู้ใช้ไฟกิ๊กก๊อกนี่ คิดยังไงถึงมาพูดแบบนี้ แต่ถึงจะขู่ ถึงจะทำให้บาดเจ็บอย่างไร ก็ไม่กลัว แถมยังท้าอีกว่า หากไม่ชอบใจยังไงก็ฆ่าทิ้งได้เลยตามสบาย แต่เขาจะไม่ไปไหนทั้งนั้น

    ความหัวดื้อแบบพิลึกนั้น ทำให้อาโอมิเนะจนปัญญาที่จะจัดการ ต้องปล่อยเลยตามเลย ตอนแรกก็ยังถือทิฐิไม่ลงไปยุ่งเกี่ยว ถึงอีกฝ่ายจะนำเอาอาหารที่ดูน่าอร่อย ส่งกลิ่นหอมยั่วยวนมากแค่ไหน ก็ปัดตกพื้น ทำลายเสียจนสิ้น แล้วยังได้แลกหมัดต่อยกำปั้นกันตัวต่อตัว แบบไม่ใช้พลังเวท เพราะคากามิโมโหที่อาโอมิเนะทิ้งขว้างอาหาร

    หลังจากนั้นอาโอมิเนะจึงเลิกคิดอะไรให้ปวดหัว อยากกินก็กิน อยากทะเลาะก็ทะเลาะ จากที่คากามิทู่ซี้อาศัยอยู่ในห้องใต้ดิน ทำอาหารแบบง่ายๆกินทุกวัน อาโอมิเนะก็เริ่มเอ่ยปากชวนให้ขึ้นมาด้านบน มาใช้ห้องครัวห้องนอน และห้องอื่นๆในปราสาทได้ตามสบาย

     

    “วันนี้ไปปั้นตุ๊กตาหิมะกันไหม ?”

    คำถามของคากามิ ทำให้อาโอมิเนะแทบทำช้อนตก มีนักเวทที่ไหนเขาไปปั้นตุ๊กตาหิมะเล่นกัน ไม่สิ ใครที่ไหนเขาชวนพ่อมดน้ำแข็งปั้นตุ๊กตาหิมะกันล่ะ ของแบบนั้นแค่โบกมือสองทีก็เรียบร้อยแล้ว จะปั้นไปทำไม !!

    “ใช้พลังเวทก็ไม่สนุกสิ ของแบบนี้ต้องทำด้วยตัวเอง”

    “น่าๆ มาปั้นกันเถอะนะ”

    และแล้วอาโอมิเนะ ไดคิก็ได้พบประสบการณ์ใหม่ที่ว่า การปั้นตุ๊กตาหิมะด้วยมือ ไม่ได้ง่ายอย่างที่คิด คงเพราะไม่มีน้ำเป็นตัวประสาน การปั้นจึงยิ่งลำบากมากขึ้น แถมร่างกายของพ่อมดน้ำแข็งเองก็ไม่มีความร้อนเหมือนมนุษย์ทั่วๆไป จะเอามือไปอังให้หิมะประสานตัวกันก็ไม่ได้ กลายเป็นเรื่องตลกขบขันสำหรับคากามิ ที่พ่อมดผู้ยิ่งใหญ่ พอไม่ใช้พลังเวท แค่ปั้นตุ๊กตาหิมะก็ยังทำไม่ได้

    สุดท้ายแล้วก็ได้ตุ๊กตาหน้าตาแปลกๆมาตัวหนึ่ง อาโอมิเนะเพ็งมองเจ้าตุ๊กตาหิมะแปลกประหลาดแล้วนึกสงสัยว่า เขาจะลำบากลำบนทำเจ้าตัวหน้าตาพิลึกอย่างนี้ไปเพื่ออะไร ปราสาทใหญ่โตที่อาศัยอยู่นั้นก็ทำจากน้ำแข็งทั้งหมด ใช้เวลาเพียงแค่ไม่ถึง 5 นาทีก็จัดการได้เรียบร้อย รูปทรงเองก็งดงาม แม้ว่าพวกเครื่องเรือนและเครื่องใช้หลายๆอย่าง จะเป็นของที่เอามาจากในเมือง แต่ส่วนใหญ่แล้วอาโอมิเนะค่อนข้างพอใจกับการร่ายเวทให้น้ำแข็งเป็นตามรูปร่างที่ต้องการมากกว่า ในตอนที่คิดจะใช้พลังเวททำให้เจ้าตุ๊กตาหิมะหัวเบี้ยวนั่นดูดีขึ้นมาบ้าง คากามิกลับรีบเข้ามาห้าม

    “อย่างนี้ก็ดีแล้ว”

    มันจะดีได้ยังไง...หน้าตาประหลาดออกแบบนี้...

    ...ไม่เข้าใจพวกนักเวทไฟเลย...

     

    คากามิมีแหวนอยู่วงหนึ่งที่เจ้าตัวไม่ค่อยยอมให้ห่างตัว เป็นแหวนสีเงินที่มีอัญมณีฝังอยู่รอบๆตัวเรือน เกือบทั้งหมดเป็นสีใสแวววาวงดงาม น่าจะเป็นเพชรน้ำดี มีเพียงแค่เม็ดเดียวเท่านั้นที่เป็นทับทิมสีแดงเข้ม นับว่าเป็นการออกแบบที่ประหลาดสิ้นดี แต่บางทีก็อาจจะเหมาะกับคนประหลาดๆอย่างคากามิก็ได้ เพราะวันดีคืนดี เจ้าตัวก็มักจะจ้องมองแหวน พร้อมกับบ่นพึมพำว่า เอ๋ แปลกจังเลยน้า

    พอถามว่าอะไรแปลก ก็ดันเฉไฉไปเรื่องอื่น ถามว่า ทำไมของในห้องใต้ดินถึงไม่เน่า ทั้งที่มีของสดเยอะพอสมควร โดยเฉพาะพวกผักผลไม้ แม้จะพยายามวนกลับมาถามว่า แหวนมีอะไรแปลก คากามิก็ยังยืนยันคำเดิมว่า ที่แปลกน่ะคือ ของในห้องใต้ดินที่ไม่เน่าเสียต่างหาก

    เหตุผลที่พวกผักผลไม้ไม่เน่าเสีย เป็นเพราะผลกระทบจากพลังเวทของอาโอมิเนะ ทำให้การเปลี่ยนผันของเซลล์ภายในช้าลง คล้ายถูกแช่แข็ง ทั้งที่ยังสภาพดีอยู่ ไม่แตกต่างจากร่างกายของพ่อมดน้ำแข็งทั้งหลายที่มีการแก่ชราช้ากว่าคนทั่วไป ผู้ที่แข็งแกร่งอย่างอาโอมิเนะนั้น ถึงจะอยู่มาเกินร้อยปีแล้ว แต่ก็ยังมีรูปลักษณ์เหมือนเด็กหนุ่มอายุ 16 ปี

    “แสดงว่า อะไรที่อยู่รอบตัวนาย ก็ได้รับผลกระทบทั้งหมดเลยน่ะสิ”

    “ใช่”

    “มิน่าล่ะ”

    อาโอมิเนะถามกลับไปว่า อะไรคือ มิน่าล่ะ คากามิก็บอกว่า มิน่าล่ะ เวลาทำอาหารมันถึงสุกยากเหลือเกิน ถ้าไม่ใช้พลังเวทช่วย สงสัยต้องหนีกลับลงไปทำห้องใต้ดิน จะได้อยู่ไกลๆนายหน่อย ไม่ก็ต้องไล่นายออกไปข้างนอก เวลาฉันทำอาหาร

    ออกไปข้างนอก เป็นสิ่งสุดท้ายที่อาโอมิเนะคิดจะทำ ตลอดเวลา 100 ปี หลังจากสร้างปราสาทแห่งนี้ขึ้นมา อาโอมิเนะไม่เคยย่างกรายลงจากภูเขา นานๆครั้งถึงจะออกนอกตัวปราสาทไปทำอะไรสักอย่าง ส่วนใหญ่ก็เป็นการตรวจกับดักเวทมนต์และวางตาข่ายมนต์ให้แข็งแกร่งมากขึ้น เวลาส่วนใหญ่ของเขาหมดไปกับการขัดเกลาเวทมนต์ของตนให้เฉียบคมยิ่งขึ้น เพื่อให้สามารถใช้งานได้อย่างคล่องแคล่วและรวดเร็ว ตามใจปรารถนา นอกเหนือจากนั้นคือการนอนและการสร้างน้ำแข็งเป็นวัตถุต่างๆเพื่อความบันเทิงเท่านั้น

    เหตุผลหลักที่อาโอมิเนะชอบอยู่กับตัวเองนั้นคือ ความรำคาญ เขารำคาญมนุษย์รอบข้าง รำคาญความอ่อนแอ รำคาญความหวาดกลัว เขาเกลียดสีหน้ายิ้มร่า แต่ภายในนั้นกรีดร้องด้วยความตื่นตระหนก ราวกับว่าเขากำลังใช้มือข้างหนึ่งบีบคออีกฝ่ายอยู่ การอยู่เพียงลำพังนั้นแสนสงบสุข ทุกอย่างเป็นไปตามใจปรารถนาของเขา ไร้ซึ่งความวุ่นวายใดๆ

    การอยู่กับคนอื่นน่ะ...มันแสนวุ่นวาย...

    ดูอย่างตอนนี้สิ...ชีวิตมันสับสนวุ่นวายขนาดไหน...เมื่ออยู่กับคากามิ...

    แต่มันก็เป็นความสับสนวุ่นวาย....ที่สนุกสนานมากมายเหลือเกิน...

     

    หิมะสีขาวที่ถูกแต่งแต้มด้วยสีแดงของเลือด เพราะความไม่ระมัดระวัง คากามิจึงถูกกับดักเวทมนต์เข้าเล่นงาน ขาข้างซ้ายถูกแท่งน้ำแข็งแทงจนทะลุ เลือดไหลออกมาไม่หยุด แต่เจ้าตัวก็ยังฝืนยิ้ม ขณะที่ลากขาตัวเองกลับเข้ามาในปราสาท อาโอมิเนะนั่งมองอีกฝ่ายทำแผลที่ขาของตัวเอง เขาอยากจะช่วย แต่คากามิรีบห้าม เพราะรู้ว่าเวทน้ำแข็งจะทำให้เนื้อบริเวณรอบแผลกลายเป็นเนื้อตายแล้วจะยิ่งยุ่งเข้าไปกันใหญ่ หน้าตาขาดซีดของนักเวทไฟทำให้พ่อมดเริ่มรู้สึกหวั่นใจ จนอดเอ่ยปากถามไม่ได้ว่า มีอะไรให้ช่วยหรือเปล่า คากามิทำท่าเหมือนจะปฏิเสธ แต่แล้วก็เปลี่ยนใจ

    “งั้นคืนนี้ นอนด้วยกันนะ”

    อาโอมิเนะไม่ค่อยเข้าใจคำขอนั้น จนกระทั่งคากามิบอกว่า ไอเวทมนต์ที่ระเหยออกมาจากตัวอาโอมิเนะ น่าจะช่วยในการรักษาได้ แต่ครั้นจะมาตัวติดกันตอนกลางวันก็รู้สึกพิลึก เอาเป็นว่า คืนนี้นอนด้วยกันสักคืนแล้วกันนะ พ่อมดน้ำแข็งก็ไม่ได้รู้สึกว่า คำขอนั้นลำบากแต่ประการใด จนกระทั่งถึงเวลาจริง นักเวทไฟเบียดชิดร่างกายเข้าไปใกล้ เหมือนจะหาไออุ่น แต่คงหาไม่ได้ เพราะร่างกายของพ่อมดนั้นเย็นเฉียบไม่ต่างจากน้ำแข็ง กลับเป็นฝ่ายอาโอมิเนะเสียมากกว่าที่ได้รับไออุ่นจากร่างกายของคนที่เบียดเข้ามาใกล้ จนอดไม่ได้ที่จะเอาแขนกอดรั้งร่างนั้นเข้ามาใกล้ขึ้นอีก

    ในชีวิตที่ผ่านมา ผู้คนต่างหวาดกลัวเขามากมายเหลือเกิน หวาดกลัวเสียจนไม่มีใครกล้าเข้าใกล้ ช่วงเวลาที่ได้สัมผัสกับผู้อื่นคือการทำร้าย การต่อสู้ สัมผัสที่อบอุ่นเช่นนี้ไม่เคยรู้จัก มันช่างให้ความรู้สึกดีเหลือเกิน

    ...จน...อยากจะอยู่อย่างนี้ตลอดไป...

     

    อยู่มาวันหนึ่ง คากามิถามเขาว่า ขอประลองเวทอีกได้ไหม คำถามนั้นทำให้อาโอมิเนะสะดุ้งเล็กน้อย ปกติแล้วการประลองเวทนั้นคือการต่อสู้กันด้วยเวทมนต์ จนฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งหมดสภาพในการต่อสู้ ผู้แพ้มักจะตายหรือไม่สามารถใช้เวทได้อีกตลอดชีวิต ที่ผ่านมาคนชอบมาตะโกนท้าประลองเวทกับอาโอมิเนะ แต่พอเจอเวทมนต์ชั้นต้นกลับโกยหน้าตั้งทั้งที่ยังไม่มีใครหมดสภาพต่อสู้ อาโอมิเนะรู้ดีว่า หากเป็นคากามิแล้วล่ะก็ คงต่อสู้กันจนหมดสภาพกันไปข้างหนึ่ง อาจจะถึงแก่ชีวิตจริงๆก็ได้ ครั้งที่แล้วรอดมาได้อย่างปาฏิหาริย์ เพราะคากามิไม่อาจทนความหนาวเย็นของเวทมนต์ที่ล้อมรอบตัวได้ แต่มาถึงตอนนี้คากามิรู้วิธีควบคุมเวทมนต์ให้เป็นเหมือนเสื้อผ้าปกคลุม ป้องกันตัวเองจากความหนาวเย็นนั้น การจะล้มลงคงมีแต่การโจมตีไปที่สภาพร่างกาย ซึ่งคงต้องใช้เวทมนต์ระดับกลางจนไปถึงระดับสูงที่ควบคุมได้ยากยิ่ง

    แล้วจู่ๆเกิดอะไรขึ้น ทำไมถึงอยากประลองเวท พอถามคำถามนี้กลับไป คากามิก็บอกว่า ลืมไปแล้วหรือว่า เขามาที่นี่เพื่อประลองเวท ไม่ได้ต้องการมาอาศัย เขาอาจจะอยู่อย่างสงบนานเกินไปแล้วก็ได้ มันไม่ใช่สิ่งที่เขาควรจะทำ เขาจะต้องต่อสู้ หากเขาแพ้ เขาก็ควรจะถูกฆ่า ไม่ใช่มาลอยชายไปมาอยู่อย่างนี้ มันไม่ใช่เรื่องที่ถูกต้อง มันไม่ใช่สิ่งที่ควรจะทำ มันเป็นการเสียเกียรติของนักเวทแห่งไฟ

    ไม่...นั่นคือคำตอบจากอาโอมิเนะ

    นายจะอาละวาดหรือจะทำร้ายฉันก็ตามสบาย แต่ฉันจะไม่ประลองเวทกับนาย เพียงแค่นายเท่านั้นที่ฉันจะไม่สู้ด้วย จากนี้และไม่ว่าเมื่อไหร่ ไม่ใช่เพราะนายไม่มีค่าพอที่ฉันจะสู้ แต่เพราะนายมีค่ายิ่งกว่านั้น นายอยากจะทำอะไรก็เชิญ จะทำอะไรก็ได้ ตามแต่ที่นายจะต้องการ ฉันไม่อาจบังคับนายได้ พอๆกับที่นายไม่อาจบังคับฉันได้เช่นกัน

    ทั้งสองคนจ้องตากันพักหนึ่ง ก่อนที่คากามิจะถอนหายใจยาว เจ้าตัวเดินเข้าไปกอดอาโอมิเนะแน่น ท่าทีที่เปลี่ยนไปมาอย่างรวดเร็วนี้ ทำเอาพ่อมดน้ำแข็งสับสน เขาไม่เคยเข้าใจคนตรงหน้าเลยแม้แต่นิดเดียว เป็นคนที่เปลี่ยนแปลงไปมาอย่างรวดเร็วจนตามแทบไม่ทัน แถมยังมีความคิดไม่เหมือนคนปกติทั่วไปอีกด้วย

    “ฉันกำลังจะตาย...”

    ++++++++++

    ที่จริงควรจะเขียนให้จบก่อนค่อยลง แต่ทนไม่ได้อยากลงฟิค 555+ เดี๋ยวจะไปเผาครึ่งหลังมาให้ไวนะ
    สอบเสร็จแล้วค่ะ แต่ผลยังไม่ออก ไม่รู้จะเป็นยังไง ลุ้นอยู่ค่ะ
    ส่วนท่านใดรอฟิค COF หรือฟิค Angel (เริ่มเรียกชื่อเล่น) รอหลังผลสอบออกก่อนนะ แล้วจะผลิต
    ใครที่อ่านมาตรงนี้อยากถามจริงๆว่า มันสนุกป่ะคะ 555+ มันเป็นสไตล์ที่อยากเขียนมานาน
    แต่เราว่า คนอ่านต้องรู้สึกแปลกๆแน่เลย เพราะมันเป็นการเขียนแบบที่หั่นเหตุการณ์เป็นท่อนๆ โดยไม่ค่อยต่อกัน
    แถมยังบีบบทพูดให้เหลือน้อยที่สุด (ตั้งใจ) ที่จริงไม่อยากให้มีบทพูด แต่มือไม่ถึง เขียนไม่ได้ 555+

    รอบแรกไม่ได้อยากเขียนอันนี้หรอก อยากเขียนให้ดราม่าและดาร์คกว่านี้ แต่เขียนๆแล้วติด
    สงสารทั้งคากามิ ทั้งอาโอมิเนะ เลิกเขียน เอาใหม่ ที่ท่านผู้อ่านเห็นนี้ เป็นเวอร์ชั่น 3 ลบเขียนใหม่ไปสองรอบ
    ต้องขอโทษทุกคนด้วยที่คาแร็กเตอร์เพี้ยนกันทั้งสองคนเลย คนเขียนก็รู้ แต่แนวเรื่องมันลากไป แก้ไม่ได้แล้วอ่ะ ขอโทษ OTL

    ยังไงก็รบกวนคอมเมนต์หน่อยค่ะว่า อ่านแล้วเป็นยังไงบ้าง ชอบไม่ชอบบอกกันตรงๆเลยค่ะ รับได้
    ส่วนน่ารักสดใส กุ๊กกิ๊ก รอผ่านชีวิตช่วงลุ้นสอบไปก่อนนะคะ แล้วจะขุดความกุ๊กกิ๊กมาเขียนค่ะ
    แล้วพบกันค่ะ ท่านผู้อ่าน

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×