ตอนที่ 1 : すきです : 00

ดวงอาทิตย์พึ่งลับขอบฟ้าไปแล้วถูกทดแทนด้วยแสงจากหลอดไฟข้างทาง สองเท้าก้าวไปข้างหน้าตามจังหวะการเดาะของลูกบาสเกตบอล
บรรยากาศรอบกายเงียบสงบอาจเป็นเพราะผู้คนส่วนใหญ่เวลานี้กำลังไปรวมตัวกันที่ลานกิจกรรมของหมู่บ้านเพื่อร่วมชมงานดอกไม้ไฟที่มักจะจัดขึ้นในช่วงต้นเดือนเมษา ถือเป็นเทศกาลฤดูร้อนของชุมชนญี่ปุ่นในไทยที่จัดขึ้นกันเองในหมูบ้านแห่งนี้
เดาว่าอีกไม่นานงานเทศกาลก็คงจะเริ่มขึ้น
เด็กหนุ่มตัวสูงเดาะลูกบาสไปด้วยระหว่างการเดินกลับบ้าน เขาไม่มีความสนใจเกี่ยวกับงานดังกล่าวเท่าไหร่ หลังสิ้นสุดการซ้อมประจำวันของชมรมก็รู้สึกเหนื่อยล้าจนอยากกลับไปนอนแผ่บนเตียงมากกว่า
อีกสาเหตุหนึ่งที่ทำให้สายหมอกไม่ได้รู้สึกกระตือรือร้นกับงานเทศกาลดังกล่าวอาจเป็นเพราะครอบครัวของตนเป็นครอบครัวคนไทยหนึ่งเดียวของหมู่บ้านแห่งนี้ก็ได้
ระหว่างกำลังคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อยลูกบาสลื่นหลุดจากมือกลิ้งไปกระทบกับกำแพงบ้านหลังหนึ่ง เด็กหนุ่มเสยผมชื้นเหงื่อของตัวเองอย่างนึกรำคาญใจก่อนจะเดินเข้าไปก้มลงเก็บ
จังหวะที่กำลังจะเงยหน้าขึ้นช้าๆ เงาร่างหนึ่งบนกำแพงพลันปรากฏในกรอบสายตาแต่เพราะความมืดจึงมีเพียงแสงสลัว
ผมยาวสยาย...กับเสื้อยืดกางเกงขาสั้น
“อะบุไน!!” (ระวัง)
ดวงตาทั้งสองคู่ต่างเบิกค้างยามสบกัน ทุกอย่างเกิดขึ้นภายในเสี้ยววินาที สายหมอกยังไม่ทันประมวลผลว่าสิ่งที่เกาะอยู่บนรั้วสูงเกือบสองเมตรนั่นคืออะไรกันแน่ ‘สิ่งนั้น’ ก็กระโจนลงมาเรียบร้อยแล้วไม่ทันแม้แต่จะลุกขึ้นหนีด้วยซ้ำ
“อั่ก”
ความจุกแล่นไปทั่วร่าง ลูกบาสหลุดจากมืออีกครั้งแล้วกลิ้งหลุนๆ ไปอีกด้านหนึ่ง สายหมอกหันกลับมามองคนที่ทับอยู่บนร่างของตนเองก่อนจะไอออกมาครั้งหนึ่ง
“เจ็บๆๆ” เขาร้องออกมา เจ็บทั้งหลังกระแทกพื้น แถมยังกลายเป็นเบาะรองมนุษย์เต็มๆ
คนบนร่างคล้ายพึ่งได้สติเช่นเดียวกัน ฝ่ายนั้นรีบลนลานลุกออกไปพร้อมกับกลิ่นหอมอ่อนจากปลายเส้นผมยาวที่แผ่สบายเต็มใบหน้าของสายหมอกเมื่อครู่เป็นช่วงเวลาเดียวกับที่ได้มองใบหน้าอีกฝ่ายอย่างชัดเจน
เด็กผู้หญิง?
“กะ โกเมนนาไซโกเมนนาไซ! อ๊ะ...” คนคนนั้นนั่งทับขาลงกับพื้นก่อนจะละล่ำละลักเอ่ยคำขอโทษแต่เหมือนจะนึกได้ว่ากำลังพูดผิดจึงรีบเปลี่ยนภาษาอย่างรวดเร็ว “ขะ ขอโทษครับ เป็นอะไรหรือเปล่า”
เดี๋ยว ไม่สิ เสียงแบบนั้นมันผู้ชายต่างหาก! สายหมอกเกาศีรษะ จ้องมองใบหน้าเหมือนจะร้องไห้ของคนตรงหน้า สุดท้ายกลับกลายเป็นว่าตัวเองต้องมานั่งปลอบแทน
“ขอโทษจริงๆ นะครับ”
“ฉันไม่เป็นไร นี่ เลิกขอโทษได้แล้ว” รีบเอื้อมมือไปหยุดคนที่กำลังจะก้มหัวโขกพื้น
“จริงนะ”
“อืม”
ดวงตากลมโตส่องเป็นประกายภายใต้เสาไฟริมทาง สองมือวางอย่างเรียบร้อยบนเข่า สายหมอกมองภาพนั้นแล้วก็ไม่รู้ว่าต้องพูดอะไรออกไปดี ตอนนี้อาการจุกยังไม่หายดี สุดท้ายเลยกลายเป็นภาพคนหนึ่งนั่งแหมะอยู่บนพื้นถนน ส่วนอีกคนก็นั่งคุกเข่าจ้องมองมาตาแป๋ว ดูท่าว่าจนกว่าสายหมอกจะลุกขึ้นอีกฝ่ายก็จะไม่ไปไหนเช่นกัน
มองแล้วเจ็บเข่าแทนชะมัด นั่นมันพื้นคอนกรีตนะเฮ้ย
ไม่มีใครพูดอะไรออกมาพักใหญ่สลับกันจ้องไปจ้องมาอยู่แบบนั้นแล้วก็เป็นสายหมอกอีกเช่นเดิมที่อยากจะรีบพาตัวเองออกไปจากสถานการณ์แบบนี้จึงคิดจะขอตัวลา
“นี่…”
ยังไม่ทันพูดประโยคที่เหลือเสียงหวีดหวิวแหวกอากาศดังแทรกขึ้นเรียกความสนใจจากคนทั้งสอง ประกายไฟเป็นทางยาวคล้ายหางว่าวทะยานสู่ท้องฟ้าก่อนจะระเบิดเป็นวงกว้างแล้วแตกกระจายเป็นประกายระยิบระยับปรากฏเป็นแสงสีต่าง ๆเต็มผืนฟ้าแข่งกันระเบิดตูมตามอวดความงดงามสร้างแสงสว่างไปทั่วทั้งหมู่บ้าน
เทศกาลเริ่มแล้วสินะ
สายหมอกจ้องมองแสงสีบนท้องฟ้าครู่หนึ่งค่อยหันกลับมา แล้วก็ต้องชะงักไปเพราะใครอีกคนที่กำลังเงยหน้ามองบรรดาพลุมากมายด้วยใบหน้าตื่นตาตื่นใจ ปากเป็นกระจับอ้าค้าง พึมพำว่า สุดยอดจริงๆ เป็นระยะ
แค่ดูพลุก็รู้สึกสนุกถึงขนาดนี้ ทั้งที่มันก็แค่พลุธรรมดาแท้ๆ
“ดอกไม้ไฟอันนั้นเหมือนดอกเยอบีร่าเลย ว้าว ยังกับมันจะตกลงมาใส่หน้าเราแหนะ!” ฝ่ายนั้นยกไม้ยกมือชี้ดอกไม้ไฟหลากสีสันบนฟ้าด้วยท่าทางตื่นตาตื่นใจก่อนจะหันมาชักชวนกันให้หันไปดูพร้อมรอยยิ้มกว้างจนตาหยี
“สวยจังเนอะ”
สายหมอกไม่ได้ตอบรับคำพูดเหล่านั้น ไม่คิดแต่จะเงยหน้าขึ้นไปมองแม้ตอนนี้ทั่วทั้งหมู่บ้านกำลังเต็มไปด้วยเสียงอึกทึกครึกโครม
สิ่งที่เขามองมีเพียงคนตรงหน้าซึ่งมีเบื้องหลังเป็นประกายจากดอกไม้ไฟแตกกระจายอยู่เต็มผืนฟ้า ใบหน้าน่ารักเห็นเพียงเลือนรางจากแสงของดอกไม้ไฟกระทบผิว
ทำไมต้องทำหน้าดีอกดีใจขนาดนั้น
ก็แค่ดอกไม้ไฟ ใช่ แค่ดอกไม้ไฟเอง
แปลกคน
แต่ก็...น่ารักดี
หวีดความน่ารักได้ที่ #ชอบคุณคารุ
ทวิต : @Monrita_novel
เพจ : Monrita
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

สายหมอกกกกก แหนะมีชงมีชม น่ารัก ร้ายยน้าาาา