ตอนที่ 38 : Special : Christmas Day
Special : Christmas Day
[1/2] ฮิลล์กับลูกชายแสนดื้อดึง
[2/2] ฉลองคริสต์มาส ณ ตระกูลคิม
Shot fic สั้นๆ 2 พาร์ทจบ โดยเนื้อหาในตอนนี้ไม่เกี่ยวกับเนื้อเรื่องหลักค่ะ ^^
วันคริสต์มาสมาเยือนอีกครั้ง แต่สำหรับปีนี้มีความพิเศษอยู่หนึ่งอย่างคือฟรานต้องกลับไปวินเทอร์ฟอลเพื่อร่วมเฉลิมฉลองกับครอบครัว ตระกูลคิมมีธรรมเนียมปฏิบัติคือการที่ในวันนั้นทุกคนในครอบครัวจะรวมตัวกันเพื่อรับประทานมื้อค่ำและทำกิจกรรมอีกเล็กน้อย เดิมก็ไม่ได้ต่างจากวันอื่นๆ นัก แต่สำหรับฟรานที่อาศัยอยู่ต่างเมืองแล้วเขาจะต้องกลับไป
ทางครอบครัวแลมเบิร์ตไม่ได้กระตือรือร้นกับงานเทศกาลมาก ตอนยังเด็กคุณพ่อกับคุณแม่มักจะมอบของขวัญให้ แต่ช่วงอายุ 15 เป็นต้นมา มีล่ากล่าวกับลูกชายของเธอว่านาวี่โตแล้ว ของเล่นและตุ๊กตาเหล่านั้นคนที่โตเป็นผู้ใหญ่ไม่ต้องการกันหรอก ดังนั้นพวกเราจึงมักจะฉลองกันด้วยมื้อเย็นอันแสนอบอุ่นแทน
นั่นเป็นเรื่องราวของปีที่ผ่านมา ส่วนปีนี้พอทราบข่าวว่าฟรานกำลังจะกลับไปวินเทอร์ฟอล คุณชายแลมเบิร์ตจึงรีบออดอ้อนขอติดตามไปด้วย ฟรานไม่ได้ห้ามอะไรแต่บอกให้นาวี่ไปขออนุญาตฮิลล์ก่อน คำตอบนั้นทำเอาใครบางคนหน้าตูม ทำไมต้องขออนุญาตด้วย เขาโตแล้วนะไม่ใช่เด็กสักหน่อยที่เวลาไปไหนต้องคอยรายงานผู้ปกครองน่ะ
“ทำไมลูกต้องไปฉลองกับบ้านนั้นด้วย” ฮิลล์ตอบในขณะที่สายตายังจับจ้องหนังสือพิมพ์รายวัน มือก็คอยพลิกเปิดหน้าถัดไปเป็นระยะ วันนี้เป็นวันคริสต์มาสอีฟ ฟรานจะเดินทางกลับวินเทอร์ฟอลช่วงบ่ายส่วนตอนนี้ชายหนุ่มกำลังตรวจสอบสภาพรถก่อนออกเดินทางไกลอยู่ที่บ้านพัก นาวี่จึงแยกตัวกลับมาคริสตัลสตรีมเพื่อบอกกล่าวเกี่ยวกับการเดินทางแก่บิดาถึงบ้าน
“ก็...” เอ่ยได้แค่นั้นแล้วก็เงียบไป นาวี่ไม่รู้จะตอบว่าอย่างไรถึงจะเหมาะสม เหตุผลจริงๆ แล้วแสนเรียบง่าย เขาก็แค่ไม่อยากอยู่ห่างกับฟราน ถ้าชายหนุ่มไปที่ไหนก็อยากไปด้วย อีกอย่างนาวี่ยังไม่เคยไปเยือนวินเทอร์ฟอลเลยสักนิด
“ลูกเคยพบคนของตระกูลคิมหรือยัง” จู่ๆ ฮิลล์ก็ถามขึ้นมา
“เคยครับ แต่คุยกันไม่นาน”
“ก็แสดงว่ายังไม่คุ้นเคย ถ้าหากลูกโผล่ไปแบบนี้ทางนู้นเขาไม่พอใจขึ้นมาล่ะ”
“คงไม่หรอกมั้งครับ...” นาวี่ตอบด้วยน้ำเสียงไม่ค่อยแน่ใจนัก สมองคิดไปถึงวันที่เคยพบคุณแอชลีย์กับท่านชายวาเลนเธียครั้งแรก
คุณแอชลีย์ให้ความรู้สึกคล้ายคลึงกับฟรานแต่ความน่าเกรงขามมีมากกว่า ส่วนท่านชายวาเลนเธียก็ดูใจดีออก... ทั้งสองคนคงไม่รังเกียจที่เขาขอเข้าไปร่วมฉลองด้วยหรอก..มั้ง?
แวบหนึ่งความกังวลผุดขึ้นมา
แต่เขาก็อยากไปนี่
“อีกอย่าง วินเทอร์ฟอลอากาศหนาวเกือบทั้งปี ยิ่งช่วงนี้ยิ่งหนาวมาก มีหิมะตกด้วย ลูกไม่ชอบอากาศหนาวๆ นี่? จะทนไหวหรือ”
ถ้าหนาวก็แค่กอดฟรานก็ได้นี่นา
“ที่นั่นธรรมเนียมปฏิบัติเคร่งครัดกว่าบ้านเรามาก ต่อให้ไม่ชอบลูกก็จะเอาแต่ใจตัวเองไม่ได้”
ความจริงเขาว่าง่ายออก เรื่องนี้ไม่ใช่ปัญหา!
“อาหารก็ไม่อร่อย ไม่มีของทะเลด้วยโดยเฉพาะกุ้ง” คล้ายประโยคสุดท้ายจะถูกเน้นย้ำเป็นพิเศษ
คราวนี้นาวี่เริ่มลังเล แต่สุดท้ายก็ยังคงไม่ละทิ้งอุดมการณ์
ไม่มีเป็นไร เขาจะอดทน มันก็แค่ไม่กี่วันเอง
“ยังอยากไปอยู่ไหม?”
“ไปสิครับ” นาวี่ตอบด้วยน้ำเสียงมั่นใจ
คราวนี้ฮิลล์ลดหนังสือพิมพ์ลงบนตัก ดวงตาสีน้ำทะเลเช่นเดียวกันหันมาสบพร้อมหัวคิ้วที่ขมวดขึ้น
“ที่พ่อพูดมาทั้งหมดหมายความว่า วันเทศกาลแบบนี้ฟรานซิสกลับไปหาครอบครัวของเขา ส่วนลูกก็กลับมาบ้าน ต่างคนต่างฉลองเทศกาลกับครอบครัวของตัวเอง ดังนั้นพ่อไม่อนุญาตให้ไป”
นาวี่บดริมฝีปาก ใบหน้างอง้ำ หันไปหาผู้เป็นบิดาทั้งตัว “ผมไม่ได้มาขออนุญาตคุณพ่อสักหน่อย ก็แค่มาบอกเท่านั้น”
“ไหนลูกลองพูดอีกสักครั้ง นาวี่” ฮิลล์เลิกสนใจหนังสือพิมพ์ในมือแล้ว ตอนเอ่ยประโยคนี้ออกมาน้ำเสียงยังคงราบเรียบดังปกติ แต่ไม่รู้ทำไมนาวี่ถึงรู้สึกขนลุกขนชันขึ้นมา สัมผัสได้ถึงลางไม่ดีชอบกล
ถึงอย่างนั้นก็ยังคงตอบกลับไป แม้น้ำเสียงจะติดสั่นเล็กน้อยโดยไม่รู้ตัว
“ผะ ผมจะไปวินเทอร์ฟอลกับฟรานตอนบ่าย!”
ฮิลล์จ้องลูกชายคนเดียวของตนเองเขม็ง “บ้านนั้นมีแต่อัลฟ่าเต็มไปหมด ลูกไม่กลัวเลยหรือไง”
“ฟรานเป็นอัลฟ่าของผม มีเขาอยู่ยังจะมีอัลฟ่าหน้าโง่ที่ไหนกล้าเข้ามาใกล้อีก” ลูกชายตัวจ้อยเถียงกลับอย่างไม่ยอมแพ้ ด้วยเหตุผลแสนเที่ยงตรงนั้นทำเอาเส้นเลือดตรงขมับของนายท่าเต้นตุบๆ
เหตุเพราะมันคือความจริง! กลิ่นฟีโรโมนอันเป็นเอกลักษณ์ของอัลฟ่านัยน์ตาอำพันปกคลุมอยู่ทั่วกายของลูกชายตนเป็นเครื่องยืนยัน
“นาวีเนซ” ฮิลล์สูดลมหายใจ
“พ่อเริ่มเลอะเทอะแล้ว สรุปเพราะเหตุผลไหนกันแน่ที่ไม่อยากให้ผมไปกับฟราน” เวลานี้แม้แต่คำว่าคุณพ่อก็ขี้เกียจจะเรียกแล้ว
และก่อนที่สงครามประสาทระหว่างพ่อลูกจะเริ่มต้นขึ้นอย่างเป็นทางการเสียงนุ่มนวลเสียงหนึ่งก็ดังขัดขึ้นมาเสียก่อน
“ลูกอยากไปก็แล้วแต่เขาสิ คุณจะมานั่งบ่นเป็นตาแก่ไปทำไม” มีล่าเดินถือถาดของว่างเข้ามาในห้องรับแขก เธอเป็นเบต้าที่มีรูปลักษณ์ธรรมดาทั่วไปแต่กลับมีเส้นผมสีสว่างที่งดงาม และดวงตากลมสวย
นาวี่มองพายอบตรงหน้าด้วยดวงตาพราวระยับ ตั้งท่าจะเอื้อมไปหยิบมาชิมสักชิ้นกลับถูกฟาดบนหลังมือด้วยแรงที่ไม่เบาเลยสักนิด
“อ๊า! คุณแม่”
“ลูกไม่อยู่ก็ดีเหมือนกัน ฉันขี้เกียจทำอาหารเยอะแยะสำหรับฉลองเทศกาล พรุ่งนี้เราอบไก่งวงตัวเล็กๆ สักตัวก็น่าจะพอ” มีล่าส่งส้อมเงินคันเล็กให้ลูกชายทั้งที่กำลังหันไปกล่าวกับสามี “คุณมีความเห็นว่ายังไงคะ”
ประโยคหลังนั้นถูกกล่าวด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม แต่น้ำเสียงไม่ได้เข้ากับความอ่อนหวานบนใบหน้าสักเท่าไหร่ ฮิลล์ถอนหายใจ ยกหนังสือพิมพ์ขึ้นมาอ่านต่อ ไม่คิดกล่าวสิ่งใดอีกเป็นอันว่ายอมรับโดยปริยาย
นาวี่เหล่มองบุพการีทั้งสองระหว่างเคี้ยวพายในปากไปด้วย ฮิลล์นั่งเงียบอ่านหนังสือพิมพ์เหมือนในตอนแรกส่วนมีล่ากำลังเติมกาแฟให้สามี
พอเห็นว่าทุกคนดูไม่มีปัญหาอะไร (หรือไม่คิดจะมีแล้วก็ไม่ทราบ) จึงนั่งทานพายต่ออีกหน่อยถึงค่อยขอตัวกลับ
“ถ้าอย่างนั้นเดี๋ยวผมกลับแล้วนะครับ ยังต้องจัดของอีกนิดหน่อย”
“จ้ะลูกรัก อย่าลืมพกเสื้อตัวหนาๆ ไปด้วยนะลูก”
“ครับ” เขารับคำแล้วหันไปทางบิดา “ผมกลับแล้วนะครับคุณพ่อ”
ฮิลล์ทำท่าทางอิดออดเล็กน้อยแต่สุดท้ายก็พยักหน้ารับแผ่วเบา เอ่ยอวยพรลูกชายคนเดียวด้วยน้ำเสียงไม่ยินดียินร้าย
“เดินทางปลอดภัย”
เด็กหนุ่มฉีกยิ้ม รีบกลับไปยังคฤหาสน์ริมทะเลเพื่อจัดเตรียมสิ่งของและออกเดินทางตอนบ่ายโมงตรง คราวนี้ฟรานขับรถด้วยความเร็วไม่มากไม่น้อย ค่อยๆ ขับไปเรื่อยๆ ระหว่างทางยังมีแวะพักรถอีกพักใหญ่เพราะกลัวคนตัวเล็กที่นั่งอยู่ข้างกันจะหิวจนตาลาย ซึ่งในตอนที่ทั้งสองเดินทางมาถึงคฤหาสน์ตระกูลคิมก็เป็นเวลาตะวันตกดินแล้ว
วินเทอร์ฟอลอากาศหนาวเย็นตลอดเวลาแทบไม่มีแสงแดด ดังนั้นจึงมักรู้สึกว่าเวลาช่วงกลางคืนยาวนานกว่ากลางวัน
ตอนลงจากรถ พ่อบ้านเป็นผู้ออกมาต้อนรับพร้อมให้เหล่าคนรับใช้ออกมาช่วยกันยกสัมภาระเข้าไปเก็บ ฟรานส่งกุญแจให้คนนำรถไปจอดส่วนตนเองก็เดินอ้อมมาโดยไม่ลืมเอ่ยแนะนำนาวี่ให้แก่อีริค
“สัมภาระของคุณชายแลมเบิร์ต...”
อีริคเป็นคนฉลาด หลังได้รับคำแนะนำแล้วก็พอจะคาดเดาฐานะและความสำคัญของคุณชายตรงหน้าได้ แต่ถึงอย่างนั้นก็ต้องถามเพื่อความแน่ใจอีกครั้ง
“จัดไว้ที่ห้องของผมได้เลย” ฟรานว่า
“รับทราบครับ” คุณพ่อบ้านอมยิ้มพลางผายมือเชิญให้ผู้เป็นนายเดินเข้าไปก่อน “ตอนนี้ท่านชายรออยู่ที่ห้องเรือนกระจกแล้วครับ”
ได้ยินพ่อบ้านเอ่ยดังนั้นนาวี่พลันรู้สึกตื่นเต้นขึ้นมา ถึงแม้จะไม่ใช่ครั้งแรกของการพบหน้า แต่สถานการณ์ในตอนนั้นกับตอนนี้มันต่างกันอย่างสิ้นเชิงจึงอดจะเงยหน้ามองคนตัวสูงข้างกายไม่ได้
ฟรานหัวเราะน้อยๆ ดูเหมือนคนที่กระตือรือร้นจะหายไประหว่างทางเสียแล้ว ตอนนี้เหลือเพียงลูกแมวตัวน้อยที่มีท่าทางตื่นสถานที่ เลยอดจะเย้าแหย่ไปหนึ่งประโยคไม่ได้
“พึ่งจะมาตื่นเต้นหรือยังไง”
“ผมคิดว่าตัวเองเตรียมตัวมาพร้อมแล้ว แต่พอได้ยินว่าคุณแม่...” นาวี่ส่ายหน้า รีบเปลี่ยนคำพูดใหม่ “ไม่สิ ท่านแม่ของคุณกำลังรอพบพวกเราอยู่ข้างในนั้นขามันก็ก้าวไม่ออกเสียแล้ว”
ฟรานส่ายหน้า ทั้งขำและเอ็นดู “ให้อุ้มเข้าไปไหม?”
“ล้อเล่นอยู่หรือไง!” คนอ่อนกว่าแหวเสียงขึ้นจมูก “คุณรีบนำทางไปเร็วเข้า ผมจะเดินตามข้างหลัง” นาวี่พยายามดันหลังฟรานให้รีบเดินไปเสียทีแต่ด้วยขนาดตัวที่แตกต่างมากอีกทั้งฝ่ายนั้นยังไม่ยอมให้ความร่วมมือสภาพในตอนนี้จึงไม่แตกต่างจากการผลักก้อนหินยักษ์
“เดินไปด้วยกันนี่แหละ” ฟรานดึงนาวี่ให้เดินเคียงกันผ่านโถงทางเดินเข้าไปในตัคฤหาสน์ แม้จะมีท่าทีอิดออดเล็กน้อย แต่สุดท้ายก็ยินยอมเดินคู่เข้าไปพร้อมกัน
ภายในห้องเรือนกระจก ซินเธียกำลังนั่งจิบชาอยู่ลำพัง แผ่นหลังเหยียดตรง ท่าทางสงบนิ่ง เส้นผมยาวสีแปลกตาทิ้งตัวไปตามแนวแผ่นหลังส่วนปลายยังสยายไปบนโซฟาตัวยาวแต่ทั้งหมดนั้นกลับไม่ได้ดูยุ่งเหยิงเลยสักนิด ตรงกันข้าม ท่านชายที่อยู่ตรงหน้านี้ดูคล้ายภาพวาดมากกว่า
ไม่ว่าจะได้มองอีกสักกี่ครั้งนาวี่ก็ยังคงไม่คุ้นชินกับท่าทางสูงศักดิ์และเอกลักษณ์เฉพาะของชาวแดนใต้ ในมุมมองของโอเมก้าด้วยกันแล้วเขาคิดว่าซินเธียเป็นกลุ่มคนประเภทที่โอเมก้าด้วยกันเกลียดชังเพราะความงดงามอันโดดเด่น หากทางนั้นไม่ใช่มารดาของฟรานแล้วล่ะก็สาบานได้เลยว่านาวี่จะต้องจิตใจรุ่มร้อนทุกครั้งยามได้เห็นซินเธียวนเวียนอยู่ในกรอบสายตาเพราะเกรงกลัวว่าโอเมก้าเช่นนั้นจะมาโปรยเสน่ห์ใส่อัลฟ่าของตน
“มากันแล้วหรือ” จิตใจที่ล่องลอยไปไกลของนาวี่ถูกดึงกลับมาด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล ซินเธียส่งรอยยิ้มอ่อนโยนมาให้พลางผายมือเชื้อเชิญให้นั่งลงบนโซฟาฝั่งตรงข้าม ตรงกลางระหว่างคนทั้งสามมีโต๊ะน้ำชาวางกั้นเอาไว้อยู่ “พวกลูกๆ เดินทางไกลมาคงเหนื่อยมาก รอสักเดี๋ยวนะ มื้อเย็นใกล้เสร็จแล้ว”
“ท่านชาย สวัสดีครับ”
นาวี่รีบโค้งให้อีกฝ่ายก่อนจะนั่งลงตามคำเชิญ หัวใจเต้นตึกตัก นอกจากซินเธียจะไม่แสดงอาการประหลาดใจกับการโผล่หน้าติดตามมาด้วยของตนแล้วยังให้การต้อนรับแสนอบอุ่น พูดคุยกันอย่างเป็นธรรมชาติราวกับว่าการปรากฏตัวของนาวี่เป็นเรื่องปกติ
“นาวี่ ใช่ไหม” ประโยคนี้ไม่ใช่คำถาม คล้ายว่าย้ำเพื่อความมั่นใจมากกว่า ซินเธียดันจานขนมหวานตรงหน้ามาให้พร้อมรอยยิ้มใจดี
“ได้ยินจากพี่ฟรานมาว่าชอบทานของหวานสินะ ถ้าอย่างนั้นก็ทานรองท้องไปก่อน...พายผลไม้นี้สมัยที่แม่ยังอุ้มท้องสองแฝดชอบมากเลยล่ะ น้องเฟรย์จนถึงตอนนี้ยังชอบอยู่เลยแต่ไม่รู้พี่ฟรานชอบไหม” ประโยคหลังซินเธียหันไปหัวเราะใส่ลูกชายคนโตซึ่งเอาแต่นั่งตีสีหน้าราบเรียบไม่ต่างจากคนพ่อเขา เมื่อครู่ก็เอ่ยเย้ากันไปอย่างนั้น ท่านชายทราบดีว่าลูกชายคนโตของตนไม่ได้ชื่นชอบขนมหวานเป็นพิเศษ
นาวี่แสดงออกชัดเจนว่าค่อนข้างเกรงใจ แต่ดวงตาทั้งสองกลับส่องประกายระยิบระยับยามจ้องมองพายที่เต็มไปด้วยผลไม้ลูกโตฉ่ำน้ำอัดจนเต็มผิวชั้นบน เห็นดังนั้นฟรานจึงช่วยเลื่อนจานมาวางใกล้เมื่อ
“ขอบคุณครับ ท่านชาย”
“ท่านชายอะไรกัน” ซินเธียโบกมือไปมาราวกับพึ่งได้ยินเรื่องไร้สาระ “เรียกท่านแม่ตามพี่ฟรานก็ได้”
“เอ่อ” นาวี่ยิ้มขวยเขิน ค่อยๆ หยิบส้อมมาถือไว้ด้วยสองมือ เอ่ยเสียงอ้อมแอ้ม “จะดีหรือครับ แบบนี้มันจะดู...”
อีกฝ่ายเป็นถึงเชื้อพระวงศ์เชียวนะ ต่อให้ตอนนี้กลายเป็นคนของตระกูลคิมแล้ว แต่ฐานันดรที่ติดตัวมาแต่กำเนิดก็ไม่ใช่สิ่งที่จะเปลี่ยนแปลงได้ หากจัดวางคนทั้งหมดอยู่ในพีระมิด ท่านซินเธียก็ต้องยืนอยู่จุดสูงสุดของยอดพีระมิดอย่างไม่ต้องสงสัย ส่วนตระกูลคิมถึงจะมีอำนาจมากมายและเป็นตระกูลเก่าแก่ในวินเทอร์ฟอลแต่ฐานะก็ยังอยู่รองลงมาหนึ่งขั้น ยิ่งครอบครัวของนาวี่ที่เป็นเพียงตระกูลวาณิช ต่อให้ร่ำรวย มีคนนับหน้าถือตามากมายแต่ตระกูลของเขาก็ไม่ได้จัดว่าเป็นชนชั้นสูงเช่นตระกูลคิม
การจะต้องมาเรียกท่านชายด้วยถ้อยคำสนิทสนมประหนึ่งกันจึงค่อนข้างกระดากปากเล็กน้อย
“มีตรงไหนไม่ดีหรือ” ซินเธียทำสีหน้างงงวย ดวงตากลมสีเงินเบิกขึ้นเล็กน้อยขณะยกถ้วยชาขึ้นใกล้ริมฝีปากด้วยท่วงท่าที่สง่างามสุดๆ ในสายตาของคนมอง ท่านชายจิบชาไปอึกหนึ่งแล้วพูดต่อด้วยความผ่อนคลาย คล้ายพูดเรื่องลมฟ้าอากาศ “หนูนาวี่ก็เป็นหนึ่งในครอบครัวของเราเช่นกัน ดังนั้นอย่าได้เลยเขินอายเลย”
“ท่านแม่ครับ” ฟรานกระแอมขึ้นครั้งหนึ่งอย่างช่วยไม่ได้ พอเหลือบมองคนข้างกายก็พบว่าใบหน้าน่ารักกำลังเห่อร้อนเต็มไปด้วยสีแดงก่ำ
“อ่า ต้องบอกว่าอีกไม่นานมากกว่า...ความหมายมันก็ไม่ต่างกันเท่าไหร่เนอะ”
นาวี่แทบอยากจะมุดทั้งหน้าซุกแผ่นหลังของฟรานแล้ว
หลังจากนั้นไม่นานสมาชิกที่เหลือของตระกูลคิมก็กลับมาครบ อีริครีบบอกให้คนตั้งโต๊ะทันที เฟย์ลินน์อารมณ์ดีมากหลังจากกลับมาแล้วพบพี่ชายนั่งคุยกับผู้เป็นมารดาอยู่ ตอนทานมื้อค่ำเขาย้ายตัวเองไปนั่งตำแหน่งด้านขวาถัดจากซินเธียอย่างรู้หน้าที่ ยกตำแหน่งซ้ายมือให้ฟรานและนาวี่
เวลาอาหารทุกคนไม่ได้มีใครพูดคุยกันมาก ส่วนใหญ่มักจะเป็นซินเธียที่ชอบเอ่ยถามหรือชวนให้เหล่าลูกชายลองชิมอาหารจานนู้นจานนี้อย่างกระตือรือร้น ในตอนที่มื้อค่ำจบลงฟรานกับนาวี่ถูกปล่อยให้ไปพักผ่อนก่อนเนื่องจากทั้งสองเดินทางไกลมาเหน็ดเหนื่อย เรื่องที่จะพูดคุยกันเอาไว้วันพรุ่งนี้ก็ไม่มีปัญหา
นาวี่เดินตามฟรานขึ้นมาบนห้องนอน ดวงตาสอดส่องไปทั่วด้วยความตื่นตาตื่นใจของความใหญ่โตโอ่อ่าของคฤหาสน์คิม แน่นอนว่าความกว้างขวางย่อมมากกว่าคฤหาสน์ริมทะเลของตระกูลแลมเบิร์ตเสียอีก วัดจากแค่ห้องนอนฟรานเผลอๆ อาจจะกว้างกว่าโถงรับแขกบ้านเขาด้วยซ้ำ
“ข้างบนนี้อุ่นกว่าเยอะเลย” นาวี่ลูบต้นแขนตัวเองเบาๆ เดินไปทิ้งตัวนอนบนเตียงหลังกว้าง ตอนนี้เด็กหนุ่มอยู่ในชุดนอนผ้านุ่มนิ่มยิ่งพอกลิ้งไปมาบนฟูกหนานุ่มความเมื่อยล้าจากการเดินทางหายไปเป็นปลิดทิ้ง
ตัวเขาไม่ค่อยชอบอากาศหนาว คำขู่ของคุณพ่อไม่ได้เกินจริงเลยแต่ตราบใดที่ไม่ได้ออกไปเที่ยวเล่นข้างนอกลมหนาวก็ไม่ค่อยจะมีผลต่อร่างกายเท่าไหร่
“ดื่มน้ำขิงสักหน่อย ร่างกายจะได้อุ่นขึ้น” ฟรานบอกหลังจากที่จุดไฟในเตาผิงเสร็จ ชายหนุ่มใช้ใบพยักพเยิดไปทางโซฟาชุดเล็กริมหน้าต่าง ก่อนหน้านี้ระหว่างที่นาวี่อาบน้ำเขาได้สั่งให้คนช่วยยกขึ้นมาให้
“มันไม่อร่อยอ่ะ” เด็กหนุ่มมีท่าทางอิดออดเล็กน้อยแต่สุดท้ายก็ยอมลากตัวเองลงจากเตียงอันแสนอบอุ่น รีบดื่มรีบกลืนแล้วก็วิ่งเข้าไปซุกตัวอยู่ในผ้าห่มใหม่อีกครั้ง
ฟรานส่ายหน้าในขณะมองภาพตรงหน้า เขาเดินเข้าไปที่เตียงพลางให้แขนโอบก้อนผ้าห่มที่มีนาวี่ขดตัวอยู่ด้านในอีกทอดหนึ่ง
“อุ่นขึ้นหรือยัง?”
“ไม่เท่าไหร่” คนตัวแสบอมยิ้ม ทำสายตาพราวระยับก่อนจะยืดตัวออกไปจุ๊บริมฝีปากคนตัวโตเร็วๆ หนึ่งที
แต่มีหรือที่ฟรานจะยอมเสียเปรียบ เขาไม่ปล่อยให้อีกคนลอยนวลง่ายๆ ใช้มือจับปลายคางล็อกเอาไว้แล้วโน้มใบหน้าลงไปมอบจูบที่เร่าร้อนยิ่งกว่าให้เป็นการลงโทษ
โทษของการทำตัวน่ารักไม่เลือกเวลา
“ฮื่อ”
นาวี่ครางแผ่วในตอนที่ริมฝีปากล่างถูกดูดจนแดงก่ำ ขณะกำลังเคลิ้มไปกับสัมผัสวาบหวามที่อีกคนมอบให้เสียงเคาะกระจก ก๊อกๆ ก็ดังขึ้นรัวๆ
คนกำลังเคลิ้มชะงักไป ส่วนฟรานที่หันหลังไปมองทางระเบียงก็ขมวดคิ้วมุ่น
เฟย์ลินน์ยืนเกาะกระจกจนใบหน้าและจมูกแนบกระจก เพราะลมหายใจของเขาจึงทำให้บริเวณนั้นมีฝ้าขึ้นเล็กน้อย คนด้านนอกเคาะไม่หยุดเนื่องจากทนความหนาวจากอากาศข้างนอกนานไม่ไหว
เพราะตรงระเบียงเป็นกระจกใสทั้งหมดอีกทั้งฟรานไม่ได้รูดผ้าม่านปิด สิ่งที่เกิดขึ้นภายในห้องนอนจึงถูกพบเห็นทั้งหมด แต่ก็ยังมีโชคดีอยู่หนึ่งอย่าง ตำแหน่งที่ฟรานนอนอยู่ฝั่งของระเบียงพอดี ดังนั้นทั้งร่างของนาวี่จึงถูกอัลฟ่าหนุ่มเจ้าของห้องบดบังจนเกือบมิด มองเห็นเป็นเพียงก้อนผ้าห่มและปอยผมสีอ่อนโผล่ออกมาเท่านั้น
“ขอโทษที่ต้องมาขัดบรรยากาศดีๆ นะ แต่ผมเดินออกมาแล้ว และอากาศข้างนอกมันก็หนาวมาก” เฟย์ลินน์ยิ้มแหย่ให้พี่ชายที่เดินมาเปิดประตูด้วยใบหน้าไม่ค่อยสบอารมณ์เท่าไหร่
ฟรานถอนหายใจ ไม่ได้ตำหนิน้องชายฝาแฝดแต่อย่างใดถึงแม้ว่าเขาจะไม่ค่อยพอใจ
“มีอะไรหรือเปล่า”
“อ้อ! เกี่ยวกับพรุ่งนี้ ฟรานก็รู้ธรรมเนียมของครอบครัวเราใช่ไหม ผมเดาว่าพี่คงไม่มีเวลาเตรียมมันดังนั้นจึงเอากระดาษมาให้ เพื่อว่าอยากจะใช้”
เป็นตอนนั้นเองที่พึ่งสังเกตว่าน้องชายฝาแฝดผู้นี้ไม่ได้มามือเปล่า เฟย์ลินน์หอบกล่องเล็กๆ มาด้วยใบหนึ่ง ด้านในมีกระดาษสำหรับทำการ์ดหลากหลายรูปแบบ
เฟย์ลินน์ชื่นชอบงานศิลปะมาก เขามีความสุขทุกครั้งเวลาได้ออกแบบสิ่งต่างๆ หรือทำงานฝีมือ ตระกูลคิมมีธรรมเนียมว่าในวันคริสต์มาสของทุกปีทุกคนในครอบครัวจะเขียนการ์ดคนละหนึ่งใบเพื่ออวยพร เฟรย์สนุกกับการได้ออกแบบการ์ดของตัวเองทุกปีในห้องของเขาจึงมีอุปกรณ์เตรียมไว้ครบครันเสมอ
“นาวี่...” เฟรย์เหลือบมองสีหน้าพี่ชายเล็กน้อย พอเห็นว่าสภาพอารมณ์คงที่จึงพูดต่อ “คุณอยากเข้าร่วมกับพวกเราไหมครับ ถ้าต้องการละก่อนใช้ของพวกนี้ได้ตามสบายเลย”
“ธรรมเนียมของครอบครัวเหรอครับ?” นาวี่มุดออกมาจากผ้าห่ม
“พวกเราจะเขียนคำอวยพรลงบนการ์ดคนละใบน่ะ” ฟรานหันไปอธิบายโดยมีน้องชายฝาแฝดช่วยเสริม
“ใช่แล้วครับ หลังจากทานมื้อค่ำเรียบร้อยแล้วทุกคนจะมารวมตัวที่ห้องนั่งเล่น พูดคุยกันเล็กน้อยจากนั้นตอนห้าทุ่มก่อนที่วันแห่งความสุขจะผ่านพ้นไป พวกเราจะเปิดการ์ดและอ่านคำอวยพรที่ตัวเองเขียนไว้ทีละคน”
เป็นกิจกรรมครอบครัวที่น่ารักจัง นาวี่รู้สึกกระตือรือร้นขึ้นมาหลังจากฟังทั้งหมดจบ จากความคิดที่จะรีบเข้านอนซุกตัวอยู่กับอกอุ่นๆ ของฟรานกลายเป็นว่าเขานั่งออกแบบการ์ดอยู่ค่อนคืน ส่วนเฟย์ลินน์หลังจากมอบของเสร็จก็ขอตัวกลับห้องของตัวเองไป โดยทิ้งท้ายว่าหากต้องการอุปกรณ์ตกแต่งเพิ่มสามารถเดินไปเคาะที่ประตูระเบียงได้ แถมยังขอโทษเบาๆ ด้วยที่มารบกวนช่วงเวลาคู่รัก
นาวี่แก้มแดงก่ำ อุตส่าห์ลืมไปได้แล้วไม่คิดว่าเฟย์ลินน์จะขุดขึ้นมาพูดอีก
“ค่อยทำพรุ่งนี้ก็ได้”
ฟรานนอนมองคนตัวเล็กปั้นหน้าเครียดอยู่ตรงมุมโซฟา นาวี่นั่งทับขาอยู่บนพื้นพรมและใช้โต๊ะกาแฟเป็นพื้นที่ออกแบบการ์ด ตามโต๊ะและพื้นรอบตัวมีข้าวของวางเกลื่อนกลาด เห็นนั่งแบบนี้มาสองชั่วโมงแล้วก็นึกเป็นห่วงอยากให้รีบพักผ่อนมากกว่า
“ผมคิดคำอวยพรดีๆ ไม่ออกเลย ไม่รู้ว่าต้องเขียนแบบไหนถึงจะเหมาะสม” พูดไปก็ทำหน้าขึงขังไป ฟรานมองแล้วนึกอยากจะใช้นิ้วจิ้มตรงหว่างคิ้วให้สิ่งที่กำลังขมวดจนแทบจะเป็นปมนั้นคลายตัวออกบ้าง ส่วนของตนนั้นใช้เวลาทำเพียงแค่สิบนาทีก็เสร็จสิ้น คำอวยพรของฟรานนั้นแสนเรียบง่าย ตัวการ์ดก็เลือกกระดาษสีน้ำเงินเข้มไร้ลวดลาย
“เขียนแบบไหนก็ได้ทั้งนั้นแหละ มานอนได้แล้ว”
“ไม่ได้ ของแบบนี้ต้องระมัดระวังสิ เขียนไม่ดีภาพลักษณ์ของผมต่อพ่อแม่ของคุณคงไม่ดีเท่าไหร่”
“ยังเหลือภาพลักษณ์อะไรอีก หืม? รีบมานอน”
“…” นาวี่ก้มหน้าก้มตาคิดคำอวยพรต่อไปไม่คิดสนใจคนตัวโตบนเตียงอีก
ฟรานลุกจากที่นอน ย่างสามขุมตรงไปยังคนที่นั่งหันหลังให้ตนอยู่
“อ๊า! ฟราน ปล่อยผมลงน้า~”
เพราะอยู่บ้านคนอื่น อีกทั้งคำข่มขู่เรื่องความเคร่งครัดของตระกูลคิมจากคุณพ่อยังตามหลอกหลอนนาวี่จึงไม่กล้านอนตื่นสายตามใจชอบถึงแม้เมื่อคืนจะโดนก่อกวนจนแทบไม่ได้พักก็ตาม
สิ่งที่ทำให้เขาค่อนข้างเชื่อก็เพราะขนาดฟรานยังเข้มงวดขนาดนี้ ต่อใหม่ไม่ได้เติบโตมาภายใต้ตระกูลคิมแต่ด้วยสิ่งที่ถ่ายทอดมาทางสายเลือด ลูกชายเป็นยังไงคุณพ่อคุณแม่ของเขาก็คงไม่ต่างกันอย่างแน่นอน!
นาวี่รีบตื่นแต่เช้า ยกแขนที่พาดบนสะโพกออกแผ่วเบาด้วยเกรงว่าจะทำคนที่กำลังนอนคว่ำหน้าอยู่ข้างๆ ตื่นขึ้น จากนั้นก็ย่องไปอาบน้ำแต่งตัวลงมาชั้นล่าง
ขณะนี้เวลาเจ็ดโมง ไม่ถือว่าสายแต่ก็ไม่ได้เช้ามาก สังเกตจากความเงียบสงบเดาว่าคุณพ่อคุณแม่ของฟรานน่าจะยังไม่ลงมาเช่นกัน ดังนั้นเขาจึงมุ่งหน้าไปทางห้องรับแขกแทน
คฤหาสน์หลังนี้มีมุมพักผ่อนอยู่สองจุด คือห้องเรือนกระจกและห้องรับแขกที่อยู่ด้านใน ห้องแรกทิวทัศน์งดงามมากจึงไม่แปลกใจเลยว่าทำไมท่านชายซินเธียถึงชอบไปนั่งจิบชาตรงนั้น แต่ว่าอากาศในห้องนั้นค่อนข้างเย็นนาวี่จึงตัดสินใจไปห้องรับแขกที่อุ่นกว่าแทน
“อรุณสวัสดิ์ครับ คุณชายนาวีเนซ” ระหว่างทางยังพบเข้ากับคุณพ่อบ้าน นาวี่ทักทายอีกฝ่ายกลับและยังได้รับคำถามอีกว่าตนอยากจะรับเครื่องดื่มสักแก้วหรือไม่ เขาขอนมร้อนๆ ไป คุณพ่อบ้านบอกว่าอีกสักครู่จะนำเข้าไปให้ในห้องรับแขก
ภายในห้องไม่ได้ว่างเปล่าอย่างที่คิด เฟย์ลินน์เองก็ตื่นเช้าเช่นกัน ตอนเขาเดินเข้าไปในห้องอีกฝ่ายคล้ายไม่รู้ตัวว่ามีคนเข้ามาเพราะกำลังจดจ่อกับกิจกรรมตรงหน้า
“อรุณสวัสดิ์ครับ คุณเฟย์ลินน์”
“ครับ ตื่นเช้าจังเลยนะครับ”
“อา...ครับ” นาวี่เกาแก้ม ไม่ได้บอกเหตุผลไปแต่เลือกจาะถามเบี่ยงประเด็นแทน “กำลังทำอะไรอยู่หรือครับ”
“ตกแต่งต้นคริสต์มาสครับ นาวี่อยากจะลองทำด้วยกันไหม?”
อีกฝ่ายชวนมาคนที่รออยู่แล้วก็รีบตอบตกลงทันที การตกแต่งต้นคริสต์มาสเป็นอะไรที่สนุกมาก อีกอย่างอุปกรณ์ของที่นี่ก็มีมากกว่าที่บ้านเขาเยอะเลย ทั้งลูกบอล กล่องของขวัญจิ๋ว ตุ๊กตาและอื่นๆ อีกมากมาย ทุกอย่างล้วนทำมาจากคริสตัล หรือวัสดุสีเงิน ตัวต้นสนก็เป็นสีขาวเช่นกัน พอทุกอย่างถูกตกแต่งจนหมดแล้วดูหรูหรามาก
“ผมพึ่งเคยเห็นต้นคริสต์มาสที่เป็นสีขาวครั้งแรกเลย” นาวี่ชวนคุยขณะพยายามห้อยลูกบอลสีเงินบนส่วนยอดของต้นสน แต่ไม่ว่าจะพยายามยังไงมันก็ดูลำบากเหลือเกิน ทำไมต้นไม้นี่สูงจัง สุดท้ายเฟย์ลินน์ที่ทนมองไม่ไหวจึงเป็นฝ่ายอาสาทำแทน ส่วนนาวี่มีหน้าที่เลือกของตกแต่งส่งให้อีกฝ่ายนำไปห้อยประดับ
“ท่านแม่ชอบสีขาวครับ คุณพ่อก็เลยไปซื้อมาเปลี่ยนให้หมดเลย” เฟย์ลินน์เล่าไปด้วยใบหน้ามีความสุข “อีกอย่าง พอทุกอย่างเป็นสีเงินแบบนี้ก็สวยแปลกตามาก ปีหลังๆ พวกเราจึงเลือกแต่สีพวกนี้มาตลอด”
นาวี่ครางรับในลำคอ “คุณแอชลีย์คงรักท่านชายมากๆ เลยนะครับ”
“แน่นอน คุณพ่อรักท่านแม่มากๆ แต่ก็รักพวกเราด้วย” คำพูดเหมือนเด็กๆ แบบนี้พอถูกพูดด้วยอัลฟ่าหนุ่มที่ตัวค่อนข้างโต (อย่างน้อยก็ตัวใหญ่กว่านาวี่) มันเลยฟังดูแปลกนิดหน่อย แต่เพราะใบหน้ายิ้มแย้มกับความนุ่มนวลของเขาเลยทำให้ทุกอย่างดูเข้ากันแบบไม่น่าเชื่อ
พอมาคิดถึงครอบครัวตนเองแล้ว อื้ม คุณพ่อเองก็รักคุณแม่มากเช่นกัน เพราะไม่ว่าเวลาคุณแม่พูดอะไรคุณพ่อจะฟังทุกอย่าง ไม่มีขัดเลย! ดังนั้นถึงจะรู้สึกดีที่ได้ฟังคำบอกเล่าเหล่านั้นแต่ก็ไม่ได้นึกอิจฉาอะไร
ตลอดทั้งวันนาวี่ตื่นเต้นมาก เขาเฝ้ารอให้ถึงช่วงเวลาสำคัญนั่นก็คือการเปิดการ์ด หลังจากที่เมื่อคืนโดนก่อกวนจนไม่สามารถเขียนได้ หลังมื้อเช้าเขาก็ขึ้นไปหมกตัวอยู่ในห้องของฟรานเพื่อตั้งใจเขียนอีกครั้ง ถึงจะขลุกขลักแต่สุดท้ายทุกอย่างก็ออกมาเรียบร้อยดี
เวลาห้าทุ่มตรง ทุกคนมานั่งรวมตัวกันในห้องนั่งเล่น ไฟทั้งหมดถูกปิดคงเหลือไว้เพียงโคมไฟสลัวทอแสงสีเหลืองนวล กับแสงไฟจากเตาผิง ใกล้ๆ กับโซฟาชุดมีต้นคริสต์มาสสีเงินตั้งอยู่ พอมันถูกตกแต่งอย่างสมบูรณ์อีกทั้งยังถูกแสงไฟตกกระทบทำให้เกิดภาพที่งดงามมากจนนาวี่ต้องลอบมองอยู่หลายครั้ง
ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมท่านชายถึงได้ชอบมันนัก
ผู้ใหญ่ทั้งสองให้เหล่าลูกชายเป็นคนเริ่มอ่านข้อความในการ์ดก่อน เริ่มจากฟรานคนแรก แต่ละถ้อยคำก็เป็นประโยคแสนเรียบง่ายอย่างขอให้สุขภาพของคุณพ่อและท่านแม่แข็งแรง ขอให้มีความสุขอะไรเทือกนั้น ต่อมาเป็นเฟย์ลินน์ที่มีทักษะทางภาษาดีกว่าพี่ชายฝาแฝด ข้อความของชายหนุ่มค่อนข้างยาว เริ่มตั้งแต่การบอกรัก คำขอบคุณลงท้ายด้วยคำอวยพรให้ขอทุกคนมีความสุข
ต่อมาเป็นนาวี่ เขาค่อนข้างตื่นเต้นเล็กน้อยยามดวงตาอำพันทั้งสามคู่จ้องเขม็งมา หากไม่รู้จักกันนาวี่คิดว่าสายตาเหล่านั้นต้องกำลังมองตนอย่างมุ่งร้ายอยู่แน่ หลังรวบรวมสติอยู่นานเขาก็เริ่มเปิดการ์ดของตัวเองและอ่านคำอวยพรช้าๆ
“ปีนี้เป็นปีแรกของผมที่ได้เข้าร่วมฉลองกับตระกูลคิม ดีใจมากๆ เลยครับ ขอบคุณสำหรับการต้อนรับที่อบอุ่น...” นาวี่เกริ่น ท่านชายซินเธียส่งรอยยิ้มเอ็นดูมาให้ ใจของเขาจึงชื้นขึ้นและเริ่มอ่านข้อความทั้งหมดต่อจนจบ
เฟย์ลินน์ชมว่าเขียนได้เยี่ยมมาก คุณแอชลีย์แม้จะไม่ได้พูดอะไรแต่ใบหน้าก็ดูยินดีรับถ้อยคำอวยพรนั้น ฟรานส่งยิ้มอบอุ่นมาให้พร้อมกับกระชับวงแขนข้างที่โอบสะโพกของตนอยู่ให้กายของพวกเราแนบชิดขึ้น
ลำดับต่อไปเป็นของท่านชายซินเธีย ก่อนจะเริ่มอ่านเขาระบายรอยยิ้มให้กับทุกคนและเริ่มเปิดอ่านการ์ดของตนเอง ประโยคเกริ่นแสนเรียบง่ายไม่ต่างจากของสามคนแรกที่ผ่านมา แต่จุดที่ทำให้นาวี่รู้สึกซาบซึ้งคือ ถ้อยคำในส่วนหลังนั้น
“ของขวัญที่ดีที่สุดในปีนี้สำหรับแม่คือการได้มองเห็นลูกๆ ทั้งสองคนนั่งอยู่เคียงข้างกันตรงหน้า” ซินเธียยิ้มแล้วยิ้มอีก แม้ว่าดวงตาจะเริ่มแดงเล็กน้อย น้ำเสียงก็เริ่มสั่น แอชลีย์เห็นภรรยาเป็นแบบนั้นจึงโอบเขาเข้าแนบอก กุมมือข้างที่ว่างเอาไว้เบาๆ เพื่อปลอบประโลม “อาจจะใช้เวลานานสักหน่อยกว่าที่พวกเราจะได้มาอยู่กันพร้อมหน้าแบบนี้ แต่พอได้มองลูกๆ ทั้งสองแม่ก็คิดว่าเวลาที่ผ่านมามันก็ไม่ได้ยาวนานอะไร อย่างไรก็ตาม ในปีหน้าและปีต่อๆ ไป เราก็จะได้ฉลองร่วมกันสี่คนแบบนี้อีก...ไม่สิต้องเป็นห้าคนแล้วนะ”
นาวี่ที่กำลังน้ำตาคลอชะงัก ลองนับจำนวนสมาชิกของตระกูลคิมอีกครั้งก็ยังคงนับได้สี่คนอยู่ดี แต่ท่านชายบอกว่าห้าคน... เด็กหนุ่มนิ่งค้างไป
“ในอนาคตอาจจะเพิ่มเป็นหกเป็นเจ็ดก็ได้” ฟรานก้มลงมากระซิบ เสียงหัวเราะทุ้มๆ ที่ดังอยู่ข้างใบหูให้ความรู้สึกคันยุบยิบตรงหัวใจ
“ท่านแม่ของคุณยังพูดไม่จบเลย ฟังท่านสิ!” นาวี่แยกเขี้ยวใส่
ซินเธียไม่ได้ถือสาภาพการทะเลาะกันเล็กๆ ที่เกิดขึ้นตรงหน้า ท่านชายยิ้มแย้มไม่หยุดก่อนจะเอ่ยคำอวยพรในส่วนที่เหลือจนจบ
คนสุดท้ายเป็นใครไปไม่ได้นอกจากประมุขของตระกูลอย่างแอชลีย์ คิม อัลฟ่าผู้นำตระกูลกวาดสายตามองทุกคนก่อนจะเริ่มเปิดการ์ดอ่าน
“อย่างที่ซินเธียพูดไป ปีนี้เป็นปีที่ดีมาก ถือเป็นการเริ่มต้นที่ดีดังนั้นหวังว่าต่อไปทุกคนจะมีแต่ความสุข”
ทุกคนในห้องต่างก็ตั้งใจฟังอัลฟ่าตรงหน้าอ่านถ้อยคำในการ์ด น้ำเสียงทุ้มต่ำที่คล้ายคลึงกับลูกชายแต่กลับให้บรรยากาศที่แข็งแกร่งกว่าหลายเท่า แม้ว่าแต่ละคำที่เขาเอ่ยออกมาจะไม่ค่อยเหมือนคำอวยพรเท่าไหร่ แต่ทุกคนก็ยิ้มรับมัน
หลังจบประโยคข้างต้นแอชลีย์ก็ไม่ได้พูดอะไรอีก นาวี่กะพริบตา จบแล้ว? แต่พอหันไปมองคนอื่นๆ ก็ไม่ได้เห็นว่าจะมีใครทำหน้าประหลาดใจราวกับว่าคุ้นชินกับคำอวยพรลักษณะนี้แล้ว
ความจริงทุกปีแอชลีย์มักจะเอ่ยคำอวยพรสั้นๆ พอเป็นพิธีมากกว่า แต่นาวี่เป็นคนนอกไม่คุ้นชินกับความเย็นชาของอีกฝ่าย ตอนแอชลีย์เริ่มพูดอีกหนึ่งประโยคจึงไม่ทันสังเกตว่าคนที่เหลือเริ่มแสดงสีหน้าประหลาดใจออกมาแล้ว
“นอกจากนี้ ดูเหมือนในอนาคตอันใกล้ครอบครัวของเราก็จะใหญ่ขึ้นกว่าเดิม นั่นเป็นพรที่ดีมากๆ” แอชลีย์แสยะยิ้ม เดาไม่ค่อยออกว่ากำลังคิดอะไรอยู่
“อา...” ซินเธียเงยหน้าขึ้นมองผู้เป็นสามี แต่ไม่ได้เอ่ยสิ่งใด
“ว่าแต่จะแต่งเมื่อไหร่ดีล่ะ”
“ครับ?” นาวี่กะพริบตา คิดว่าตอนแรกคุณแอชลีย์กำลังพูดกับลูกชายตนเองแต่ดวงตาอำพันจับจ้องตนเขม็ง ฉะนั้นก็ถามตนน่ะสิ!
“คือว่า...” คำถามนี้มาแบบไม่ทันตั้งตัวมากดังนั้นสมองของเขาจึงใช้การไม่ได้ชั่วคราว ครั้นพอจะหันไปขอความช่วยเหลือจากคนข้างกาย ฟรานกันดันพยักหน้าเป็นเชิงว่า คำถามนี้เป็นของคุณ เชิญตามสบายเลย
“เรื่องนั้น... เรื่องนั้น” นาวี่สับสนเล็กน้อย “ผมยังไม่ได้ถามความเห็นคุณพ่อ”
“ความเห็นของเขาสำคัญตรงไหนล่ะ แค่เธอตกลงก็พอแล้วไม่ใช่หรือ?” แอชลีย์สวนกลับมาด้วยท่าทางเกียจคร้าน ราวกับว่าประเด็นที่กำลังพูดถึงนี้บุคคลที่สามไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องอะไรเลยสักนิด
นาวี่อ้าปากค้าง พอหันไปมองคนอื่นๆ
ซินเธีย : ยิ้ม
แอชลีย์ : ใช้เล็บขูดเนื้อกระดาษของการ์ดอย่างไม่ใส่ใจ
เฟย์ลินน์ : นั่งเคี้ยวคุกกี้เงียบๆ ตัดขาดจากโลกภายนอก
ฟราน : หันไปดึงจานคุกกี้ตรงหน้าน้องชายมาแล้วหยิบป้อนนาวี่
นาวี่ : อ้าปากรับด้วยสติหลุดลอย
------------------------------------------------------------------
Merry Christmas ค่า
เพื่อฉลองคริสต์มาส ริต้าเลยเขียน shot fic สั้นๆ แก้คิดถึงค่ะ หวังว่าทุกคนจะมีความสุขนะคะ
ปล. ตอนพิเศษนี้ไม่เกี่ยวกับเนื้อเรื่องหลัก และจะลงให้ทั้งสองเรื่องค่ะ ทั้งของคุณแอชและของพี่ฟรานดังนั้นเลือกอ่านจากตรงไหนก็จะเหมือนกันนะคะ
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

ท่านพ่อก็เห็นเงียบๆๆก็ร้ายไม่เบาเหมืนเดิม
น้อง นารักมากกกก
แต่รอบหน้าขอบับงานแต่งนิดนึง ละรวบรัดไปมีน้องเลยได้เป่าคะ ><
Merry x-masนะคะไรท์