คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : 1 เด็กหนุ่ม
################################################################################################
บทที่ 1 เด็กหนุ่ม
################################################################################################
“อะ... โอ๊ย”
เสียงร้องด้วยความเจ็บของร่างบางในเครื่องแบบนักเรียนมัธยมปลายของโรงเรียนนานาชาติบลูคาสเซิลดังขึ้นยามถูกกลุ่มนักเลงประจำห้องทั้ง 3 กระชากคอเสื้อแล้วอัดเข้ากับบริเวณรั้วกันตกบนดาดฟ้าตึก
“ฮีโร่ ไปซื้ออาหารกลางวันมาให้พวกข้าหน่อยสิ” เสียงพูดที่ฟังดูเหมือนการขู่บังคับเสียมากกว่าของนักเลงคนหนึ่งที่มีร่างสูงใหญ่ ลำตัวหนาตัน ผิวสีเข้มคล้ำดุจใช้ชีวิตอยู่กลางแดดมาตั้งแต่เกิด ทรงผมและเครื่องแบบที่ใส่ผิดระเบียดแทบจะทุกส่วน....... ถูกส่งไปยังร่างบางของคนที่ถูกกระชากคอเสื้อ ตามด้วยอีกเสียงของร่างสูงผอมกะหร่องแต่งตัวผิดระเบียบพอๆกันที่อยู่ข้างๆจะพูดเสริมด้วยน้ำเสียงทำนองเดียวกัน
“วันนี้พวกข้าอยากกินข้าวมันไก่ไม่เอาหนังว่ะ เข้าใจนะ.... ฮีโร่?”
ใบหน้าคมคายล้อมกรอบด้วยเส้นผมสีดำเงยขึ้นช้าๆ ดวงตาสีน้ำตาลเป็นประกายจับจ้องมองที่คนตรงหน้าที่จับคอเสื้อของเขาเอาไว้แต่นั้นก็เพียงแค่ครู่เดียว.... ก่อนเขาจะก้มหน้าลงหลบสายตาอีกครั้งแล้วถามขึ้นด้วยน้ำเสียงเหนื่อยๆ
“อีกแล้วหรอ....”
แต่ไม่ทันที่จะมีใครได้พูดอะไรต่อประตูดาดฟ้าที่ปิดอยู่ก็เปิดออกเสียงดังปั้ง!! ทุกคนพร้อมใจกันหันไปมองคนที่เปิดประตูออกมา
“นี่พวกนาย!!”
เสียงของเด็กสาวในเครื่องแบบมัธยมปลายที่เป็นเพื่อร่วมชั้นมัธยม 5 ตะหวาดเสียงดังลั่นเมื่อเห็นภาพที่เกิดขึ้น.... ผมยาวสีดำพลิ้วไหวตามกระแสลมยามที่เธอรีบวิ่งเข้ามาตรงพวกหนุ่มๆ ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนสดใสเปล่งประกายกล้ายามเธอกระโดด.... เตะแบบเทควันโด้เข้ามาขว้างกั้นฮีโร่กับพวกนักเลงทั้ง 3 เอาไว้พร้อมกับแผดเสียงลั่น
“พวกนายทำอะไรกันน่ะ!?”
ฮีโร่ทรุดเข่านั่งลงกับพื้นก่อนจะค่อยๆเงยหน้าขึ้นมองร่างของเด็กสาวที่เข้ามาช่วยเขาเอาไว้เธอยังคงยืนจ้องตาอยู่กับพวกนักเลงอย่างไม่เกรงกลัว.... เรียวปากบางของฮีโร่ค่อยๆขยับยามที่เขาเรียกชื่อของเด็กสาว
“น้ำฝน....”
น้ำฝนยกมือขึ้นใช้นิ้วชี้หน้าพวกนักเลงทั้ง 3 พร้อมกับพูดต่อด้วยน้ำเสียงเฉียบขาด “พวกนายจะให้ฮีโร่วิ่งไปซื้อของให้อีกแล้วใช่ไหม?”
พวกนักเลงไม่ได้มีท่าทีเกรงกลัวหรือหวั่นเกรงแต่อย่างไรยังคงยืนอย่างสบายๆไม่ทุกข์ไม่ร้อน เป็นร่างสูงใหญ่คนที่กระชากคอเสื้อของฮีโร่ตอบออกมา... ด้วยน้ำเสียงตอแหลสุดๆ
“เปล่าซะหน่อย เราแค่ล้อกันเล่นนิดหน่อยเท่านั้นเอง”
“ใช่ๆ” นักเลงอีกคนเสริม
“โกหก” หน้าสวยของเด็กสาวตอนนี้ขุ่นมัวด้วยอารมณ์โกรธเธอพูดออกมาด้วยน้ำเสียงราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ “รังแกคนอ่อนแอกว่าแบบนี้เลวที่สุด!! จะแกล้งกันไปทำไมนัก?”
ประโยคคำพูดของน้ำฝนที่พูดออกมามันตรงเขาเล่นงานจิตใจของเด็กหนุ่มที่นั่งอยู่กับพื้นสีหน้าและแววตาของฮีโร่ตอนนี้ดูช่างเจ็บปวดยิ่งนัก เขากำหมัดแน่นมือสั่นเทา.... เหมือนในใจกำลังคิดอะไรบางอย่างแต่สุดท้ายก็ค่อยๆปล่อยมันออกและดันตัวลุกขึ้นพร้อมกับพูดออกมา
“น้ำฝน พอเถอะ”
“เอ๋!!” น้ำฝนหยุดพูดหันกลับมามองฮีโร่
“ไม่เป็นไร ฉันจะไปซื้อให้” เขาพูดขึ้นแกล้งทำสีหน้าให้ดูสบายๆ “ข้าวมันไก่ไม่เอาหนังใช่ไหม?”
“เอ๋!!” น้ำฝนร้องออกมาอีกครั้งคราวนี้เธอหันทั้งตัวมาเผชิญกับเด็กหนุ่มพร้อมกับสงสายตาประหลาดใจไปให้เขา
“ฝากด้วยนะ” นักเลงร่างใหญ่พูดขึ้นแทรก
“จากร้านในโรงเรียนไม่เอานะ” เสียงของคนที่ผอมกะหร่องสั่ง
“เอาจากล้านป้าสมศรีเลยนะ” นักเลงอีกคนที่ทำผมแหลมสูงรูปร่างไม่อ้วนไม่ผอมสั่งเพิ่ม
“ได้” น้ำมนต์ตอบรับด้วยรอยยิ้มก่อนจะหันหลังวิ่งลงบันไดดาดฟ้าลงไป
“อะ.... ฮีโร่” น้ำฝนเรียกเด็กหนุ่มแต่เขาก็ไม่สนใจ ทำให้เธอต้องรีบวิ่งตามลงไป
นักเลงทั้ง 3 หัวเราะหึๆ ก่อนที่คนร่างใหญ่ที่เป็นหัวหน้าจะตะโกนสั่งทิ้งท้าย “เอามาภายใน 10 นาทีนะ!!”
...................................................................................................................
ตื๊ดๆๆ!!!
เสียงสัญญาณเตือนดังขึ้นภายในห้องผู้อำนวยการในตึกทำการขององค์กรวิงค์ พร้อมๆกับการแจ้งเตือนบนจอโฮโลแกรมเบื้องหน้าของผู้อำนวยการ
“การโจมตีจากดาวเทียมติดอาวุธงั้นรึ? ฝีมือใครกัน?” เขาพูดขึ้นมาด้วยเสียงตกใจสีหน้าตอนนี้เต็มไปด้วยความวิตก สิ่งที่เหนือการคาดการของเขาเอาไว้ตอนนี้เป็นจริงขึ้นมาแล้ว....
“ยุทธภันฑ์เทวะถูกเบี่ยงเบน วิถีลงจอดเปลี่ยนไปค่ะ!!” เสียงผู้หญิงซึ่งเป็นเลขาที่อยู่หน้าจอคอมและเครื่องมือมากมายพูดขึ้นด้วยอาการตกใจพร้อมกับรีบกดปุ่มคีย์บอดคำนวณหาวิถีใหม่ทันที
...................................................................................................................
“นี่ ฮีโร่!!”
น้ำฝนเรียกเด็กหนุ่มเอาไว้ในขณะที่เขากำลังเข็นรถจักรยานไฟฟ้าที่ใช้ขี่ไปกลับโรงเรียนออกมาจากโรงเก็บ เธอดูมีท่าทีกระวนกระวายและพูดออกมาด้วยความเป็นห่วงในตัวเพื่อนรัก “ร้านป้าสมศรีน่ะอยู่ไกลจะตาย นายจะกลับมาเข้าเรียนไม่ทันนะ”
“ถ้าใช้ทางลัดที่ป่าหลังโรงเรียน ก็ไม่เกิน 10 นาทีหรอกน่า” ฮีโร่พูดออกมาด้วยท่าทีสบายๆ
แต่ด้วยท่าทีสบายๆที่แสดงออกมามันรี่เองยิ่งทำให้น้ำฝนฉุนขึ้นมาอีก “แล้วไปยอมมันทำไม?” เธอเท้าเอวยืนถามฮีโร่ “บอกว่าไม่ไปเลยสิ!!”
“ไม่เป็นไรน่า” ฮีโร่ที่เข็นจักรยานออกมาแล้วยืดอกขึ้นเขายิ้มแล้วพูดประโยคที่น้ำฝนได้ยินมาหลายต่อหลายครั้ง “สักวันพวกนั้นจะต้องนับถือฉัน เพราะฉันอยู่ฝ่ายยุติธรรมยังไงล่ะ.....”
.....เงียบกันไปพักหนึ่ง ก่อนที่น้ำฝนจะถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่แล้วพูดต่อ “อีกแล้วหรอ...”
ฮีโร่ยังคงไม่ยอมแพ้เขาพูดต่อพร้อมยกมือข้างหนึ่งขึ้นมาทุบอกหลับตาลงวาดฝันตัวเองตอนมีพลัง “ฉันมีพลังนะ พลังอันยิ่งใหญ่ที่รอวันตื่นขึ้น....”
“แล้วไอ้วันที่ตื่นน่ะมันจะมาถึงเมื่อไหร่ล่ะ?” น้ำฝนเดินเข้ามาใกล้ๆฮีโร่แล้วยื่นหน้าของเธอเข้าไปหาหน้าของเขาที่ลืมตาขึ้นมาสบ... ทั้งคู่สบตากันพักหนึ่ง เป็นน้ำฝนที่ถอนหายใจออกมาแล้วค่อยๆถอยห่างออกมาเปลี่ยนเป็นยืนกอดอกแทน “ไม่เปลี่ยนไปเลยน้า ฮีโร่”
“หนวกหูน่า” ฮีโร่ขึ้นเสียงใส่น้ำฝน “แล้วถ้าฉันเปลี่ยนไปล่ะ?”
“มีอะไรหรอ?” ก่อนที่ทั้งคู่จะเถียงไปมากกว่านี้ก็มีเด็กหนุ่มอีกคนเดินเอามือสองข้างล้วงกระเป๋าเข้ามาหา
ทั้งสองคนหันไปมองที่ต้นเสียงซึ่งเป็นเด็กหนุ่มรูปร่างสูงใหญ่สมวัยที่มีผมสีดำสนิทถูกเสยไปด้านหลังเผยให้เห็นใบหน้าขาวเช่นเดียวกับสีผิวที่ขาวจั๊ว ดวงตาสีดำจาง ดูถ้าทางเป็นลูกผู้ดี.... และก็เป็นน้ำฝนที่เรียกชื่อเด็กหนุ่มคนนั้นซึ่งเป็นเพื่อนรักของเธออีกคนด้วยความดีใจ “เซน”
“ฟังนะ เซน ฮีโร่น่ะ....” แล้วเธอก็เริ่มเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้ผู้มาใหม่ฟัง
...................................................................................................................
“ติดต่อถึงทุกจุดโปรเจค วิถีลงจอดของลูมินัสเปลี่ยนแปลงไปอย่างสิ้นเชิง!!” เสียงของเลขาสาวแจ้งเตือนผ่านจอภาพไปยังเจ้าหน้าที่ๆคอยดูแลจุดลงจอดของลูมินัสทุกคน
“จุงลงจอดใหม่คือ 40 องศา 10N 130 องศา 38E อยู่ในภาคตะวันออกของไทย จังหวัด ชลบุรี ค่ะ”
การแจ้งจุดลงจอดใหม่เสร็จสิ้นทุกคนต่างรีบเก็บข้าวของเพื่อย้ายพื้นที่อย่างเร็วที่สุด เพราะต่างก็รู้ดีว่านี่เป็นภารกิจที่มีความลับสุดยอดที่ปิดไว้ไม่ให้ประชาชนทราบ ไม่ใช่ภารกิจเล่นๆ แถมยังเกี่ยวพันไปถึงมนุษยชาติทุกคน
“ลูมินัส อยู่ที่ความสูง 100”
เสียงการแจ้งเตือนยังมีมาอยู่เลื่อยๆให้เจ้าหน้าที่ทุกคนที่อยู่บนยานขนส่งได้ยิน
“เข้าสู่ชั้นบรรยากาศแล้วค่ะ!!”
...................................................................................................................
“งั้นเหรอ พวกมันอีกแล้ว...” เซ็นพูดขึ้นเมื่อฟังเรื่องราวจากน้ำฝนจบ
“พวกนั้นน่ะชอบแกล้งฮีโร่ แถมฮีโร่ก็ยังยอมพวกมันอีก” น้ำฝนเสริมด้วยน้ำเสียงโมโหใส่ฮีโร่ที่หันหลังให้ทั้งคู่ตลอด “เซนก็พูดอะไรบ้างสิ” เด็กสาวหันไปขอร้องให้เพื่อนสนิทอีกคนช่วยพูด
เซนพยักหน้าให้น้ำฝนเบาๆก่อนจะหันไปหาฮีโร่แล้วเริ่มพูด “ฮีโร่ กับคนอย่างพวกมันน่ะนายต้องลุกขึ้นสู้นะ ถ้านายคนเดียวไม่ไหวฉันจะช่วยนายเอง” เขาเสนอพร้อมกับเดินเข้ามาเอามือวางบนบ่าของเพื่อนชาย
“ฮีโร่ผู้พิทักษ์ความยุติธรรม...” ฮีโร่หยุดพูดเขาสะบัดแขนของเซนที่วางอยู่บนบ่าออก
“ห๊ะ!!” เซนร้องออกมาด้วยความประหลาดใจในการกระทำของเพื่อนรัก
“ฉันดูแลตัวเองได้น่า!! ให้ฉันอยู่คนเดียวเถอะ” ฮีโร่ตะโกนใส่หน้าเซนก่อนจะขึ้นคร่อมจักรยานพร้อมกับปั่นออกไปด้วยความเร็วโดยไม่สนใจหันมาคุยกับเพื่อนทั้งสองอีก
“อะไรกันน่ะ เราอยากช่วยนายนะ พวกเรา 3 คน เมื่อก่อน....” น้ำฝนตะโกนไล่หลังแต่ฮีโร่นั้นได้ปั่นจักรยานเลี้ยวหายไปจากสายตาของเธอเสียแล้ว...
“ฮีโร่” ถึงจะรู้ว่าอีกฝ่ายไม่ได้ยินแต่น้ำฝนก็ยังคงตะโกนเรียกชื่อเขาครั้งสุดท้ายด้วยความเป็นห่วง เซนเองก็ได้แต่ยืนมองเพื่อนจากไปโดยไม่รู้ว่าเขาควรจะทำยังไงเช่นกัน
...................................................................................................................
“ลูมินัส อยู่ที่ความสูง 30 ความเร็วเคลื่อนที่ 12,000 กำลังตกลงมา ไม่ถึง 5 นาทีจะลงจอดค่ะ” เลขาสาวรายงานแก่ผู้อำนวยการขององค์กรที่นั่งอยู่บนโต๊ะประจำตำแหน่งที่มีหน้าจอโฮโลแกรม
“อีก 3 นาทีค่ะ.......”
“อีก 15 วินาทีจะลงจอดที่จุดใหม่” เลขาสาวรายงานยิ่งทำให้ผู้อำนวยการยิ่งเหงื่อตกตอนนี้เขาส่งทุกหน่วยที่มีออกไปแต่ล่ะสถานที่จนหมด และตอนนี้ก็ยังไม่มีใครเดินทางมาถึงเลยสักคน
...................................................................................................................
หลังจากซื้อของเสร็จเรียบร้อยฮีโร่ก็รีบปั่นจักรยานกลับทางเดิมซึ่งเป็นป่าแต่ก็มีทางลัดตัดผ่านเข้าสู่ตัวเมืองซึ่งเป็นทางลูกรัง เขาล่วงมือไปในกระเป๋ากางเกงควักโทรศัพท์มือถือเอามาดูเวลา
12.31
เมื่อดูเวลาแล้วก็ถึงกับทำให้เด็กหนุ่มตกใจมันเกินเวลาที่พวกนักเลงกำหนดมาหลายนาทีแล้ว เขาเก็บโทรศัพท์แล้วรีบปั่นจักรยานให้เร็วขึ้นเพื่อให้ไปถึงโรงเรียนไวๆ แต่รากไม้เจ้ากรรมที่โผล่พ้นพื้นดินขึ้นมาตรงกลางถนนก็ทำให้รถจักรยานของเขาที่ชนเข้าถึงกับหยุดกึกล้อหลังลอยขึ้นแซงล้อหน้าทำให้ทั้งคนทั้งรถล้มลงถะไหลไปกับพื้นกล่องข้าวมันไก่ที่อยู่ในถุงพลาสติกกระจายไปทั่ว
“อะ...โอ๊ย เจ็บเป็นบ้า” ฮีโร่เอามือลูบหัวตัวเองที่รู้สึกเจ็บจากการล้มกระแทกพื้นเมื่อครู่ เขาหันไปมองดูรอบๆพบว่าจักรยานล้มอยู่ไม่ไกล แต่ข้าวมันไก่กระจายเกลื่อนพื้นไปทั่ว เขาถอนใจออกมาเฮือกใหญ่เมื่อคิดว่าจะต้องเจออะไรเมื่อกลับไปโรงเรียน และตอนที่กำลังจะดันตัวลุกขึ้นจากพื้นมีเสียงบางอย่างเกิดขึ้นเบื้องบนฟ้าทำให้เข้าต้องเงยหน้ามอง
.
ท่ามกลางดวงอาทิตย์ดวงใหญ่ยามเที่ยงวัน.... มีจุดดำๆที่กำลังขยายใหญ่ขึ้นมาเลื่อยๆ และเพียงแค่พริบตาเดียวที่เด็กหนุ่มกระพริบตามันก็ลงมาอยู่ห่างเขาเพียงไม่กี่เมตร....
จริงอย่างที่เขาว่ากันชั่วเวลาไม่กี่วิในเวลาแห่งความเป็นความตายเรื่องราวในอดีตต่างๆมันจะผ่านเข้ามา.... เรื่องราวในสมัยเด็กที่เขามักจะโดนพวกคนที่แข็งแรงกว่ากลั่นแกล้งโดยเฉพาะพวกนักเลงทั้ง 3 ที่เรียนด้วยกันตั้งแต่ประถมพวกนั้นมักจะมาหาเรื่องมาทำให้เขาร้องไห้อยู่บ่อยๆ แต่ก็ได้เซนและน้ำฝนที่เป็นเพื่อนรักเข้ามาช่วยเอาไว้เสมอ....
เขาได้แต่เฝ้าฝัน.... แต่ที่จริงแล้วมันเหมือนเป็นการหรอกตัวเองเสียมากว่า.... เขารู้ดี.... ความฝันที่ว่าซักวันเขาจะแข็งแกร่งนั้น.... มันเป็นการหลอกตัวเองและเขานั้น.... ไม่มีทางหนีจากโลกแห่งความเป็นจริงไปได้....
เด็กหนุ่มค่อยๆหลับตาลงช้าๆและทุกๆความรู้ที่เคยมีความฝันที่เคยวาดไว้ก็พลันดำมืดแล้วสูญสลายไปในเสี้ยววินาที..... พร้อมๆกับการสัมผัสพื้นของลูมินัส.....
ตูมมมมมมมมมมมม!!!!
...................................................................................................................
ความคิดเห็น