ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Mutasia มิติเเห่งพลัง

    ลำดับตอนที่ #3 : ฝัน…มันเกิดขึ้นจริง

    • อัปเดตล่าสุด 25 เม.ย. 48


                                         3.ฝัน…มันเกิดขึ้นจริง



                           ณ หน้าของบ้าน ที่จริง เรียกว่าบ้านคงจะไม่ถูกนัก เพราะมันใหญ่โตยังกับปราสาทราชวัง เนื้อที่บริเวณหน้าบ้านมีสนามหญ้าอันกว้างขวาง กระถางสีขาวมีต้นไม้ที่ดัดเป็นรูปต่างๆกำลังถูกคนสวนนับสิบตัดเล็มตรงที่ที่มันยาวเกินออกอยู่ เด็กหนุ่มมาถึงหน้าประตูรั้วของบ้านเพื่อนของเขาเเล้ว



                        “ เอ่อ..ผม บีเซนซ์ เเอนเดอร์สัน มาหาคุณหนูเเจ๊สครับ” เขาเข้าไปพูดใส่อินเตอร์โฟนที่ติดอยู่กับกำเเพงด้านขวาของประตูรั้ว



                         “อ้อ คุณเเอนเดอร์สัน นั่นเอง งั้นซักครู่น่ะครับ เดี๋ยวผมเอารถออกไปรับ”เมื่อเสียงที่ตอบกลับมาพูดเสร็จ ประตูรั้วก็ถูกเปิดออก   สักครู่ ก็มีชายชราคนนึงนั่งรถที่ใช้ในสนามกอล์ฟออกมารับเขาเข้าไปในบ้าน



                     “คุณจะพาคุณหนูไปไหนหรอครับ คุณเเอนเดอร์สัน”ชายชราถามเมื่อรถกำลังเคลื่อนตัวใกล้จะถึงประตูบ้าน



                     “เอ่อ เเจ๊สกับผมนัดกันไปดูหนังครับ ”ผู้ฟังกล่าวตอบชายชรา



                    “เดทกันหรอคับ”



                    “ไม่ช่ายยยย เเล้วครับ” เด็กหนุ่มหันควับเมื่อผู้อาวุโสกว่าเขาหยอกล้อ



                     “ฮ่าๆๆ ครับๆๆ ผมเข้าใจครับ ล้อเล่นเฉยๆ” เขาหัวเราะอย่างอารมณ์ดี “เข้าไปข้างในก่อนเเล้วกันน่ะครับ”



                     ภายในบ้านอันกว้างใหญ่มาก พื้นของห้องถูกทำด้วยหินอ่อน เมื่อมองเข้าไปจะเห็นบันไดที่ให้เขา10คนเดินเรียงหน้ากันเดินขึ้นไปพร้อมกันยังได้ มีเเจกันที่บ่งบอกได้ว่ามีมูลค่ามหาศาลตั้งอยู่ รูปภาพตามฝาผนังนั้นมีเเต่รูปของศิลปินชื่อดังระดับโลก ด้านซ้ายของประตูบ้านมีทางเดินไปสู่สระว่ายน้ำที่อยู่ในตัวบ้านที่ตกเเต่งคล้ายกับน้ำตกอยู่  



                    “อ้าว บีเซนซ์เป็นยังไงบ้างจ๊ะ เปิดเทอมเมื่อวานวันเเรกนะ” หญิงคนนึงที่นั่งอยู่ที่โต๊ะอาหารถามขึ้นขณะจิบกาเเฟ



                   “อ้อคุณเเม่เเจ๊ส สวัสดีครับ ไม่รู้ซิครับ วันเดียวไม่รู้จะเปิดเทอมไปทำไม”



                  “จ้าๆๆ เเล้วนี่ มาทำถึงบ้านเลยจ๊ะเนี้ย กินอะไรหรือยังจีะเนี้ย กินข้าวต้มด้วยกันมั้ยจ๊ะ” หญิงคนนั้นถามขึ้นมา



                   “อ้อ เอ่อ..ไม่เป็นไรครับ ผมทานมาเเล้วครับ ผมนัดกับเเจ๊สไปดูหนังกันน่ะครับวันนี้”เด็กหนุ่มตอบอย่างนอบน้อม



                    “เดทหรอจ๊ะ อิ อิ” หญิงคนนั้นถามเเล้วยิ้มเเล้วหัวเราะออกมาเมื่อเห็นถึงอาการสะดุ้งของผู้ที่ถูกถาม



                    “ปะ…เปล่าครับ ไม่ใช่ครับ”



                    <เป็นอารายกานเนี้ย ก็เเค่ดูหนังอ่ะ>



                     “จ้าๆ ถ้าเป็นแจ๊สอยู่กับเธอ ฉันก็วางใจนะ เพราะเธอเสี่ยงตายช่วยชีวิตลูกสาวฉันไว้นี่จ๊ะ”



                    เมื่อฟังถึงตรงนี้ เขาก็นึกถึงเหตุการณ์เมื่อปีที่เเล้ว ที่เขาอยู่ม.3 เเล้วเกิดอุบัติเหตุอย่างหนึ่งขึ้น เหตุการณ์ครั้งนั้นเปลี่ยนเเปลงทุกสิ่งในชีวิตเขา เเล้วทำให้เขาเหมือนเป็นคนที่โกหก



                    “อ้าว บี มานานหรือยังจ๊ะ ไปกันเลยป่ะ” เด็กสาวที่เดินเข้ามาในห้องอาหารทักเพื่อนของเธอ เธออยู่ในชุดสายเดี่ยวสีฟ้าที่สวมเเจ๊คเก๊ตยีนทับใว้ กระโปรงยีนส์ที่ยาวประมาณเข่า  ผมสีทองที่มีกิ๊บสีฟ้าติดอยู่หลายตัว ทำให้เธอน่ารักเหมาะกับเด็กที่เพิ่งขึ้นมาอยู่ม.ปลายได้1วันเเล้ว



               “เอ่อ ก็ซักพักเเล้วเเหละเเจ๊ส คุยกับคุณเเม่เธอได้ซักพัก ไปกันเลยก็ได้นะ งั้นผมลาก่อนนะครับคุณเเม่เเจ๊ส” เด็กหนุ่มทักเพื่อนของเขา เเล้วหันไปกล่าวลาเเม่ของเธอ



                 “จ๊าๆๆ เเล้วจะไปกันยังไงล่ะเด็กๆ ให้คาลขับรถไปส่งมั้ย”



                “ไม่ค่ะเเม่ เดียวหนูนั่งรถเมล์ไปดีกว่า ไปกะคาลเดี๊ยวเค้าก็เเซวอะไรหนูอีก”



                 “จ้าๆ งั้นโชคดีน่ะ บีเซนซ์ดูเเลลูกน้าดีๆด้วยน่ะจ๊ะ”



                “ได้ครับ ดูเเลเท่าชีวิตของผมเลยครับ” เเล้วทั้งคู่ก็ไปยืนรอรถเมล์ที่หน้าประตูรั้ว เพื่อขึ้นรถไปยัง  เมเจอร์เวิลด์



                                                     +++++++++++++++++++++++++++++++



                เมเจอร์เวิลด์เป็นห้างสรรพสินค้าที่ใหญ่โตโอฬาร เป็นห้างฯที่รวบรวมความบันเทิงทุกอย่างใว้ในพื้นที่หลายร้อยไร่  ทั้งซุปเปอร์มาเก็ต สวนน้ำ สวนสนุก โรงภาพยนตร์  ลานโบวลิ่ง ลานสเก็ตน้ำเเข็ง ฟิตเนส คาราโอเกะ หลายอย่างอีกมากมาย



                ทั้งคู่เดินไปยังโรงภาพยนตร์ที่ถูกตกเเต่งคล้ายกับสมัยโรมัน มีรูปของเทพเจ้าตั้งตระหง่านอยู่เต็มไปหมด เซอุส เฮอร์คิวลิส อพอลโล่ จูปิเตอร์  วีนัส เเละอีกหลายๆองค์ ตั้งอยู่อย่างสง่า เเล้วยิ่งเเสงจากสปอร์ตไลท์ดวงเล็กๆที่ตั้งอยู่ตรงเท้าของรูปปั้นส่องขึ้นมา ทำให้รูปปั้นดูทรงพลังยิ่งนัก



                “เอ่อ เเล้วจะดูเรื่องไรล่ะ เเจ๊ส”



                 “The Wariror Of  Mar” เธอตอบขณะดูโปรเเกรมหนังอยู่



                “    ง่ะ หนังสงคราม เเอคชั่น บู๊เลือดพล่าน อ่ะน่ะ ถูกเซ็นเซอร์ตั้งเยอะที่มีฉากโหดๆอ่ะนะ” บีเซนซ์ตะลึงกับหนังที่เพื่อนของเธออยากดู



             “ทำไม  อยากดูหนังโรเเมนติกกะฉันหรอจ๊ะ หรือจะดูหนังผีเพื่อที่เธอจะได้มีโอกาสกอดฉันจ๊ะหนุ่มน้อย อิ อิ”

    ยั่วขึ้นเเหะ เมื่อเห็นสีหน้าของคนถูกยั่ว



              “พอๆ ตามใจเธอ ก็ได้ๆ ดูเรื่องนี้ก็ได้” คนถูกยั่วรีบเดินไปยังเคาน์เตอร์ที่มีพนักงานขายตั๋วที่ใส่ชุดเหมือนกับชาวโรมันเป็น



              “เรื่องอะไรดีค่ะ” พนักงานที่เห็นคู่หนุ่มสาวเดินมาถามขึ้นอย่างนอบน้อม



               “เอ่อ The Wariror Of  Mar ครับ ” เด็กหนุ่มถามขึ้นพร้อมกับควักกระเป๋าสตางค์ออกมาเตรียมจ่าย



               “เอ่อ เเน่ใจหรอค่ะ มันโหดมากน่ะค่ะ คงไม่เหมาะกับเด็ก….” เธอถามด้วยความหวังดี



                “2ที่ครับ” เด็กหนุ่มตอบก่อนที่พนักงานคนนั้นจะพูดจบ พร้อมกับจ่ายเงินสำหรับที่นั่ง2ที่



                “ได้ค่ะ นี่ค่ะ ดูหนังให้สนุกน่ะค่ะ ระวังฝันร้ายด้วยค่ะ ” เธอยื่นบัตรให้เขา พร้อมกับเตือนพวกเขาอีกรอบ



              “อิ อิ เธอจะโกรธอะไรหนักหนาจ๊ะ บี ” เด็กสาวถามขณะ เห็นสีหน้าหงุดหงิดของเพื่อนหล่อน



              “ช่างเหอะ ไปดูหนังกัน” เขาตัดบทเเล้วพากันเดินเข้าไปสู่ความมืดของโรงภาพยนตร์ก่อนที่หนังจะฉาย



                “ฮ่าๆๆ หนังสนุกจังเลยบี” เด็กสาวหัวเราะก๊ากที่เห็นภาพบนหน้าจอ



               “นี่เธอ อย่าเว่อร์ นี่มันไตเติ้ลน่ะ”



                “โฮ้ย ไรเนี้ย ม่ะเข้าใจคำว่ามุขเลยหรือไงนะเธอเนี้ย” เด็กสาวบอกกับเพื่อเธอที่ยังไม่หายหงุดหงิด



              “อืมๆ พอเหอะ หนังจะฉายเเล้ว” บีเซนซ์พูดขึ้นเมื่อหนังเริ่มเข้าสู่ต้นเรื่อง



              ภาพยนตร์เรื่องนี้ เกี่ยวกับดาวอังคารที่โดนอุกกาบาตพุ่งเข้าใส่ ซึ่งต่อมาก็มีเอเลี่ยนมาฆ่าผู้คนที่อาศัยอยู่บนดาวดวงนี้ ฉากการฆ่าของเอเลี่ยนมีเเต่โหดๆทั้งสิ้น  ทั้งฉากที่มันตวัดกรงเล็บของมันตัดคอของคนเลือดกระฉูด หรือมันฟาดหางของมันตัดกลางลำตัวของทหารนายหนึ่ง ไส้ทะลักพุ่งขึ้นมาเต็มไปหมด สร้างความสยดสยองให้กับผู้คนในโรงหนังที่ส่งเสียงเเห่งความสยองเป็นระยะๆ



                เเต่ภาพที่อยู่ตรงหน้าของเด็กหนุ่มนามว่าบีเซนซ์มีเพียงเเต่สิ่งที่สวยงาม ภาพของเด็กสาวที่นั่งอยู่ใกล้ๆเขา



                เเสงจากจอหนังส่องเข้ามากระทบกับผิวที่ขาวเนียนของเเจ๊ส ผมสีทองสว่างอยู่ในความมืด  ริมปากที่อวบอิ่มทาลิปสติกสีชมพูเป็นประกายน้ำทอเเสงกับเเสง เด็กหนุ่มจ้องเธออยู่นาน เเละเขาอยากหยุดเวลาที่เขาจะได้มีโอกาสมองเธอไปอย่างนี้ตลอดไป



                ตอนนี้สายตาของเขาจับจ้องอยู่ที่มือของเธอที่วางอยู่ที่ที่วางเเขนนิ้วมือที่เรียวยาว ชวนน่าสัมผัส



                <จับมือเธอดีมั้ยน่ะ>



    เขากำลังนึกอยู่ในใจ เเต่ส่วนลึกในก้นบึ้งของหัวใจเขามีเเต่คำว่า



                 ...จับ...



               เเต่ในขณะที่มือของบีเซนซ์กับลังจะเอื้อมมือไปจับกับมือของแจ๊ส มือของฝ่ายที่กำลังจะถูกสัมผัสกลับเป็นฝ่ายจับซะเอง



                “อยากจับก็จับซิ ลังเลอะไรอยู่ได้ มีความมั่นใจหน่อย เธอเป็นผู้ชายน่ะ” เด็กสาวพูดในขณะที่หันหน้าไปมอง เด็กหนุ่มที่กำลังนั่งเงียบ



              “เเล้วเป็นอะไร มองฉันอยู่ได้ หลงเสน่ห์ฉันเเล้วหรอจ๊ะ” เด็กสาวเเย๊บไปอีกหมัดเข้ากลางใจบีเซนซ์จังๆ



              “ใครจะมองเธอเนี้ย ไม่เห็นจะน่ารักเลย ถ้าใครจะไปหลงเสน่ห์เธอเนี้ย เเน่นอน คนๆนั้นไม่ใช่ฉัน”



               ...เอาเเล้ว..เบื่อจริง..ไอ้พวกปากไม่ตรงกับใจ....



                 “หรอ อืม ช่างเหอะ ดูหนังต่อก็ได้”



              มือที่จับเด็กหนุ่มอยู่ถูกยกออกไปวางที่เข่าตัวเอง ส่วนไอ้คนที่ปากไม่ตรงกับใจกลับไม่รู้เรื่องอะไรเลยซักนิด

          

                                                         +++++++++++++++++++++++++++++

            

                 “หนังหนุกดีน่ะเเจ๊ส ” บีเซนซ์พูดขึ้นเมื่อก้าวออกมาจากโรงหนัง พร้อมกับทำท่าเหมือนพระเอกที่บู๊ซะเลือดสาดทั่วจอ

    หนังจบ อารมณ์ ไม่จบ



                เเกร๊ง



              เสียงของอะไรบางอย่างหล่นลงมาจากเพดานด้านบน เเต่เสียงของมันไม่สามารถทำให้คนอื่นได้ยินได้ เพราะเสียงด้านล่างของบริเวณนั้นดังจนเกินกว่าจะได้ยินเสียงเบาๆอย่างนี้



              “บี เธอว่า คนเราถ้าเป็นเพื่อนกันนะ จะโกหกกันมั้ย คือเเบบว่า… ฉันมีคำถามนึงอยากจะถามเธอมาตั้งนานเเล้วนะ เเต่ไม่กล้าถามซะที”



             “ห๊า….”  เขาสะดุ้งเล็กน้อยเพราะไม่รู้ว่าจะเจอคำถามอะไรจากเพื่อนของเขา



            “ว่าไงล่ะ” เธอหันไปมองเพื่อนหล่อนที่สีหน้าไม่ดี



              “ก็เอ่อ เพื่อนกันจะโกหกกันทำไมล่ะ”



              ...เหงื่อเเตกซิก...



               “หรอ?”



              “อืมดิ” <โดนอะไรอีกล่ะเนี้ย ไปทำอะไรให้ว๊า>



             ...ดูมัน ยังไม่รู้เรื่องอีก โง่นิ๊...



              “เเน่ใจน่ะ?”



              “ชัวร์”



               <เอาเเล้วไง>



             “คือ ฉันอยากจะถามเธอมาตั้งนานเเล้วนะ เเต่ไม่กล้าถาม เพราะกลัวจะเสียใจเนื่องจากคำตอบที่หลุดออกมาจากปากเธอ คือเราอยากจะถามว่า…”



             ...เเต่เเล้วมันก็มีอะไรบางอย่างที่มาหันเหความสนใจของเด็กหนุ่มที่กำลังรับฟังคำถาม...



              เเกร๊ง



              เเกร๊ง



              เเกร๊ง



              …



               …



               …



               …



                …



                …



              เสียงของวัตถุหล่นลงมาเสียงดังถี่ขึ้นเรื่อยๆ เสียงของมันกังวานบ่งบอกว่าเป็นโลหะ ต่อมาเมื่อสังเกตดีๆจึงรู้ว่ามันคือ น๊อต ที่เชื่อมโครงเหล็กที่ทำเป็นเพดานท้องฟ้าของเพดานหน้าโรงหนังนั้นเอง



              เพล้งงงงงง



             กระจกเเต่ละบานเเต่ละบานที่อยู่เบื้องบนเหนือหัวของผู้คนที่อยู่ด้านล่างตกลงมาเเตกกระจาย ผู้คนที่อยู่เบื้องล่างกระโดดหนีออกจากที่ที่กระจกตกลงมา บ้างก็ยกมือยกเเขนขึ้นกันศรีษะ ตามเเขนจึงมีเลือดซึมออกมา เกิดรอยเเผลเต็มไปหมด



             เเต่บริเวณหนุ่มสาวคู่หนึ่งยังยืนอยู่อย่างปลอดภัย เพราะมีม่านพลังอะไรบางอย่างถูกกางขึ้นมาล้อมทั้งคู่เอาไว้



            “ บี ช่วยพวกเขาที” เด็กสาวร้องบอกเพื่อนหล่อนที่ตอนนี้ มือของเขามี ออร่าสีขาวเเพร่ออกมา พร้อมกับขาที่กำลังจะก้าวออกไปยังร่างของผู้ที่บาดเจ็บทั้งหลาย เเต่เเล้วมันก็มีอะไรบางอย่างที่มาทำให้ขาคู่นั้นหยุดก้าวออกไป



             โครงของสิ่งที่อยุ่ด้านบนร่วงหล่นลงมา



               โครมมมมมม



            โครงเหล็กสีขาวที่เป็นเเต่ก่อนเป็นโดมท้องฟ้าสดใส  หล่นลงมากระทบกับพื้นดังสนั่นหวั่นไหว คนที่สติดีกว่า ต่างวิ่งหนี ส่วนพวกที่มัวเเต่ตกตะลึงทำอะไรไม่ถูก โดนวัตถุตกลงมาจากเบื้องบน ทับร่างเเหลกเเหลว



              ปึง!        ปึง !



              ร่าง2ร่างกระโดดลงมาจากเบื้องบน กระโดดลงมา  พื้นเบื้องล่างบ่งบอกว่า ทั้งสองร่างนั้นมีขนาดเเละน้ำหนักมหึมา เพราะกระเบื้องปูพื้นตอนปริเเตกเป็นเเนวยาว เบื้องล่างที่เท้ามันยืนอยู่ลึกลงไปหลายสิบเซ็นต์



              ทันทีที่ร่าง2ร่างลงมาเบื้องล่าง มันก็ทำให้สายตาทุกคู่ที่อยู่หน้าโรงภาพยนตร์อันไปในจุดๆเดียวกัน พวกเขาทั้งหลายเห็นเเต่ความสยดสยองเบื้องหน้าที่มีต่อสัตว์ประหลาดทั้งสองร่างนั้น ในใจของพวกเขาอยากที่จะวิ่งหนีออกไปจากที่เเห่งนี้



             …เเต่ในเมื่อความกลัวขึ้นสมองของทุกคน มันจึงไม่สามารถสั่งการให้ขาทุกคู่พาร่างของพวกเขาออกไปได้…



              เด็กหนุ่มที่ยืนอยู่ บีเซนซ์ ตระหนักถึงความจริงที่ว่า ฝันร้ายเมื่อคืนวานก่อนของเขามันเป็นจริงขึ้นมาเเล้ว เเล้วก็รู้อยู่จับใจด้วยว่า พวกมันมากันเพื่ออะไร ความกลัวของเขาทำให้เขาตะลึง  ไม่สามารถที่จะทำอะไรได้ เพราะเขากลัวการตาย กลัวที่จะจากคนที่เขารักซึ่งอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลไป



              “เเจ๊ส หนีไปซะ! ” เด็กหนุ่มตั้งสติได้ในที่สุด เเล้วหันไปบอกกับเพื่อนของเขาที่อาการของเธอตอนนี้ก็ไม่ต่างอะไรไปจากเขาเมื่อสักครู่  



                “เเจ๊ส ฉันบอกให้เธอหนีไป”  เขาตะโกนดังกว่าเก่าเพื่อเรียกสติของคนถูกเรียกกลับคืนมา



                “อะไรน่ะ หนีทำไมล่ะ มันมาเพื่ออะไรเรายังไม่รู้เลย  เเล้วมันก็ยังไม่ได้ทำอะไรเลย” เธอสงสัยกับคำสั่งของเพื่อนของเธอเป็นอย่างมาก



              …ตอนนี้มันยังไม่ถึง เเต่อีกไม่นานคงจะไม่เหมือนตอนนี้…



              “เเจ๊ส ฉันบอกให้เธอหนีไป มันมาเพื่อจะฆ่าฉัน”

    เด็กหนุ่มได้ว่าความฝันมันเป็นจริงขึ้นมาเเล้ว ตอนเเรกก็ระเบิดกลางป่าเเซวู๊ด เเซฮิลล์ระเบิด เเล้วนี่ยังจะตัวอะไรไม่รู้2ตัวโผล่ออกมาอีก



             …เเต่มันยังมีอะไรบางอย่างที่มันยังไม่มา เขาก็กำลังนึกอยู่เหมือนกัน ว่าอะไร…



                ฟ้าวววววววว



               เเต่เเล้วไม่นานเกินรอ วัตถุบางอย่างก็ค่อยๆร่อนลงมาจากเบื้องบน



                มันมีลักษณะเป็นเหมือนลูกเเก้ว สีนิลดำเข้ม ข้างในมีดวงตาที่มีเปลวเพลิงล้อมรอบ มีตาดำเป็นเพียงรอยขีดลงมาเป็นทางยาว มันกำลังมองจับจ้องมาที่เขา



               ลูกเเก้ว ‘ไฟร์สไปรัล สโตน’

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×