ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Mutasia มิติเเห่งพลัง

    ลำดับตอนที่ #2 : ความเเตกต่าง

    • อัปเดตล่าสุด 25 เม.ย. 48


                                         2.ความเเตกต่าง  

                    

                          “เเฮ่กๆ…”

                      

                        ภาพของพลังที่ระเบิดออกมา เผาผลาญป่าทั้งป่าอย่างวอดวาย ทุกสิ่งทุกอย่างเกิดขึ้นอย่างฉับพลัน ควันที่คล้ายดอกเห็ดจากเเรงระเบิดลอยสูงขึ้นไปอย่างมาก มันเเผ่รัศมีออกไปหลายร้อยเมตร เปลวเพลิงเผาผลาญทุกสิ่งที่มันผ่าน สัตว์ป่าน้อยใหญ่หลายร้อย หลายพันชีวิต ไม่มีโอกาสรู้เลยว่ามันได้มาจากโลกอันสวยงามสู่ดินเเดน ที่ไม่สามารถกลับมาได้อีก

                      

                       ทั้งหมดนี้เป็นความฝันของเด็กหนุ่มคนหนึ่งที่นอนหลับอยู่บนเตียง เเต่ภาพเหตุการณ์ในความฝัน มันทำให้เหมือนกับว่า เขาอยู่ในเหตุการณ์นั้นจริงๆ  เหงื่อของเขาไหลท่วมตัวเหมือนกับโดนความร้อนจากเปลวเพลิงจากการระเบิด เสื้อนอนของเขาเปียกโชก เเต่เขาคงจะไม่หวาดกลัวอะไรขนาดนั้นหรอก ถ้าในเป้าหมายที่ต้องถูกกำจัดไม่ใช่ ชื่อของเขา

                    

                      “อะไรกันว่ะเนี้ย ” เด็กหนุ่มหอบเเฮ่ก จากฝันร้ายที่เกิดขึ้นกับเขา “สงสัยดูหนังมากไปเเล้วเรา  เก็บมาฝันเลยเนี้ย น่ากลัวอย่างเเรง”

                    

                       “จะหกโมงเเล้วหรอ” เด็กหนุ่มชำเลืองมองนาฬิกาที่บอกเวลาว่าจะใกล้ฟ้าสาง “เอาล่ะ ไปอาบน้ำดีกว่า เปิดเทอมวันเเรกด้วยซิ”



                      เเต่เมื่อเขานึกดูอีกที เขาอยากไปโรงเรียนจริงๆหรือเปล่า ในเมื่อที่เเห่งนั้นมีเเต่คนเกลียดเขา เเต่ไม่ว่าที่ๆเเห่งไหนที่มีคนรู้จักเขา ก็คงไม่อยากให้เขาอยู่ร่วมด้วย ในเมื่อเขาเเค่….เเตกต่างจากคนอื่น

                      

                       คุณจะรู้สึกอย่างไรบ้าง ถ้าที่เเห่งหนึ่งมีเเต่คุณเท่านั้นที่เเตกต่างจากคนอื่น เเตกต่างในที่นี้ไม่ใช่สูงหรือเตี้ยกว่าคนอื่น หน้าตาอัปลักษณ์ไม่เหมือนคนอื่น เเต่เป็นตัวประหลาด ตัวประหลาดที่ไม่มีใครอยากอยู่ร่วมด้วย

                    

                     หรือที่เขาเพียงเเค่อยากไปโรงเรียน ก็เพียงเพราะว่า ผู้หญิงคนนึง ผู้หญิงที่มีรูปของเธออยู่ใกล้ๆนาฬิกาบนหัวเตียงของเขา

                                                              

                                                             +++++++++++++++++++++++++++++++++++

                  

                        “เธอๆ ดูผู้ชายคนนั้นซิ น่ารักจัง”  เด็กหญิงในชุดนักเรียนม.ปลายกระซิบกับกลุ่มเพื่อนๆผู้หญิงของเธอบนรถเมล์ที่หนาเเน่นยามเช้ายังกับปลากระป๋อง โดยไม่รู้เลยว่าคนที่ถูกชมนะ ถ้าเธอรู้จักตัวตนของเขาจริงๆเเล้ว เธอจะชมว่าเขาน่ารักอีกหรือเปล่า

                  

                        “ ใช่ๆ น่ารักจริงๆด้วยเเหละ  จีบเขาดีมั้ยอ่ะเธอ” เพื่อนคนนึงในกลุ่มเอ่ยขึ้น

                  

                        “ บีเซนซ์จ๊ะ มาเเล้วน่ะ” เสียงของเด็กสาวคนนึงทักขึ้นเมื่อเธอก้าวขึ้นบันไดรถมาตอนที่รถเมล์จอด เธออยู่ในชุดสูทสีดำที่สวมทับเชิร์ตขาวสะอาด ทักกับเด้กหนุ่มคนที่กลุ่มสาวๆกรี๊ดกร๊าดกันอยู่

                  

                         “ว๊า มีเเฟนเเล้วนะเธอ เสียดายจริงๆเลย” เด็กสาวที่ยุให้เพื่อนของเธอไปจีบบ่นอย่างสุดเซ็ง เเต่ก็ทำให้เด็กหนุ่มที่ได้ยิน เเก้มขึ้นสีเเดงจางๆ

                

                         “อ้าวบีเซนซ์ เธอเป็นอะไรนะ ไม่สบายหรอ ตัวร้อนหรือเปล่า” ไม่พูดเปล่า เธอยังยกมือขึ้นไปเเตะหน้าผากเพื่อนของเธอ

                

                          “เอ่อ..เปล่าๆๆ ผมสบายดีครับคุณเเจ๊ส ไม่เป็นไรเเล้ว พอเหอะ อายคนอื่นเขา” ภาพที่เกิดขึ้นตรงหน้าสร้างความอิจฉาเป็นอย่างมากให้กับกลุ่มเด็กสาวที่ดวงตาเริ่มร้อนอยู่ขนาดนี้

                

                              เเต่จู่ๆ รถคันข้างหน้ารถเมล์ที่มีผู้โดยสารเเน่นยังกับปลากระป๋อง  เบรกอย่างกะทันหัน ทำให้คนขับรถเมล์เหยียบคันเร่งตัวโก่ง ทำให้ร่างเด็กสาวคู่คนนึงไปอยู่ในอ้อมเเขนของเพื่อนของเธอพอดิบพอดี  เเต่ด้วยความอาย ร่างทั้งสองก็พลันเเยกออกจากกัน พร้อมกับสีหน้าที่บ่งบอกถึงความเขินอายอย่างถึงที่สุด

              

                         “เอ่อ ขอโทษจ๊ะ บี เเจ๊สไม่ได้ตั้งใจนะ” เด็กสาวที่กำลังก้มหน้าหลบเพื่อนของเธอกล่าว

            

                          “เอ่อ.. ไม่เป็นไรหรอกครับ คุณเเจ๊ส” เด็กหนุ่มที่เขินพอๆกับเธอกล่าว



                                                                   +++++++++++++++++++++++++++++++++



                

                            ณ โรงอาหารของโรงเรียนโรงเรียนนึง บีเซนซ์ ที่กำลังเดินหาโต๊ะนั่งเเต่ก็ไม่มีที่ว่างให้เขา เเม้โต๊ะบางตัวจะสามารถนั่งได้ถึง10คน เเต่ในโต๊ะมีคนนั่งเเค่3-4คน ก็ไม่มีคนชวนเขานั่งซักราย เเต่พวกเขากลับขยับกลุ่มทำให้ไม่มีที่ว่างสำหรับเขา

                

                           “ไปตายซะเหอะ ไอ้ตัวประหลาด”

                

                             “มาทำไมว่ะ เเค่รู้ว่าต้องหายใจเอาอากาศร่วมกับเเก ฉันก็ยอมตายดีกว่า”

              

                             “โอ้ย กินข้าวไม่ลงโว้ย”

            

                           “ต๊ายยยย..ตาย เธอ ดูมันซิยังมีหน้ามาเรียนอีกหรอ ทำไมไม่ไปที่อื่นนะ”

                                                                                    

                                                                              ….ฯลฯ…..

              

                          คำกล่าวเล่านี้เกิดขึ้นตลอดทางที่เขาเดินผ่านตลอด มันทำให้เขารู้สึกท้อเเท้เป็นอย่างมาก ถ้าไม่มีคำพูดจากผู้หญิงคนนึงที่คอยให้กำลังใจเขาในการมีชีวิต

              

                          “เธอจะไปสนใจอะไรพวกเขา เธอเป็นคนดีออกอย่างนี้ เเล้วดูพวกเขาซิคิดว่าตัวเองวิเศษเลิศเลอมากหรือไง พวกเขากล้าที่จะเอาชีวิตเข้าเสี่ยงเพื่อช่วยเหลือคนอื่นเหมือนเธอไหมล่ะ พวกเขาหาว่าเธอประหลาด เเตกต่างจากคนอื่น เเต่ถ้าเธอเเตกต่างจากคนอื่นเพราะว่าเธอเป็นคนดี เธอทำเเต่สิ่งที่ดีๆให้กับคนอื่น ฉันว่าอย่างนี้มันยังดีเสียยิ่งกว่าอีก ”

                

                        “บีจ๊ะ ทางนี้ ว่าจ๊ะ” เเจ๊ส เด็กสาวที่กล่าวลาเพื่อนๆของเธอที่ลุดออกจากโต๊ะเมื่อเห็นคนที่เธอไม่อยากยุ่งกับคนที่กำลังเดินเข้ามาหา

              

                        “ขอบคุณครับ คุณเเจ๊ส ผมพึ่งสังเกตเห็นนะเนี้ย ว่ายูนิฟอร์มม.ปลายดูเหมาะกับคุณมากเลยล่ะ” คำทักของเขาทำให้ผู้ที่ถูกชมหน้าเเดงขึ้นมาเป็นครั้งที่2ของวันนี้

              

                        เด็กหนุ่มทักเธอเมื่อพึ่งสังเกตเห็น เพราะเมื่อเช้ารถเมล์มันเเน่นไปด้วยผู้คน เเถมยังเกิดเหตุกระตุ้นอารมณ์เขินให้กับเขาอีก เเล้วรถเมล์คันดังกล่าวก็มาส่งพวกเขาช้า ทำให้พวกเขาทั้งคู่มาสาย จนต้องรีบวิ่งเข้าโรงเรียน เเละทั่งคู่ก็นั่งคนละที่ถึงเเม้จะอยู่ห้องเดียวกันก็ไม่มีโอกาสได้เห็นหน้ากันเลย

                

                          “เอ่อ..ขอบคุณครับ เเล้วเพื่อนๆของคุณล่ะครับถ้าผมมานั่ง…”

              

                           “ฮะ..อะ..เอ่อ พวกเขาอิ่มเเล้วนะ”

                

                         “เป็นเพราะผมซินะคับ”

              

                         “บี เธอคิดมากอีกเเล้วนะ”



                   “ผมขอโทษครับ”



                 “ดีมากยิ้มเเย้มไว้ซิ เเล้วก็นะ เลิกเรียกว่าคุณ เเล้วก้อเเทนตัวเองว่าผมได้เเล้ว เราเป็นเพื่อนกันนะ มาตั้งนานเเล้วด้วย”



                  “ได้ครับคุณเเจ๊ส เอ้ยๆๆ  เเจ๊ส ”



                  “เอ้าเฮ้ย คุณหนูเเจ๊สผู้เเสนสวย ทำไมมานั่งโต๊ะเดียวกันกับสวะอย่างไอ้บ้าเนี้ยล่ะ” เสียงของคนผู้หนึ่งที่กล่าวออกมาอย่างเย้ยหยัน ด้านหลังของคนกล่าวมีกลุ่มเด็กผู้ชายร่างยักษ์ยืนอยู่รายรอบ บ่งบอกให้รู้ว่าเป็นขาใหญ่



                  “เเล้วมันเกี่ยวอะไรกับนาย ผู้ปกครองนายหนักอวัยวะเบื้องบนหรือไง”



                  “อ้าวเฮ้ยยายนี่ คนเค้าอุตส่าห์เตือนให้หัดเลือกคบคนใว้หน่อย ยังจะมาทำเป็นปากดีอีก” เสียงของขาใหญ่เอ่ยขึ้น



                  “ฉันมีความสามารถพอที่จะเเยกเเยะคนดีอย่างบีเซนซ์ ออกจากพวกเลวๆอย่างนายดีพอ ขอบใจนะ” เธอกล่าวอย่างไม่ใส่ใจ



                  “อ้าวเฮ้ย พูดงี้เดี๋ยวสวยซิว่ะ”



                 “ ขอบคุณนะ ฉันสะกดคำว่าสวย ก่อนที่เเม่นายจะปลงเเล้วคลอดนายออกมาซะอีก” พอพูดจบร่างของขาใหญ่ที่โดนด่าก็ทนไม่ไหว มันพาร่างของมันก้าวเข้าไปใกล้ๆกับโต๊ะของผู้ที่หน้าตาสวยเเต่ปากเหลือร้ายข้างหน้า เเต่ฉับพลันเด็กหนุ่มที่นั่งสะกดอารมณ์โกรธก็ลุกพรวดจากเก้าอี้ มือของเขามีพลังสีเเดงล้อมรอบอยุ่



                “โฮ้ยๆ โกรธเเล้วหรอไงว่ะ ไอ้ตัวประหลาด” ขาใหญ่ทำเป็นพูดกลบความกลัว เพราะขาของเขาก้าวถอยออกมา2-3ก้าวเเล้วตอนนี้



                “อย่านะบีเซนซ์อย่าไปยุ่งกับมันเลย มันก็รู้ๆกันอยู่เเล้วน่ะนะ ว่าใครกันเเน่ที่ทำตัวเป็นตัวประหลาดเเต่กลับไปกล่าวหา เทพบุตรที่กล่าวหาว่าเป็นอย่างมัน ไปกันเหอะ” ว่าเเล้วเธอก็พาเด็กหนุ่มออกไปจากโรงอาหาร ทิ้งไว้ให้เเต่ขาใหญ่กับพวกยืนโกรธกันจนตัวสั่น



                “เธอระงับอารมณ์โกรธหน่อยได้มั้ยบีเซนซ์ เเค่นี้เขาก้ยังหาว่าเธอเป็นตัวประหลาดเเล้ว ฉันรู้ว่าพลังของเธอไม่ถูกนำมาใช้พร่ำเพรื่อ เเต่คนอื่นเขาไม่คิดกันอย่างนี้นะซิ”



                “ฉันเเค่โกรธที่มันว่าเธอก็เท่านั้น ฉันไม่เเคร์หรอกว่า มันจะด่าฉันว่ายังไง ฉันไม่อยากให้พวกมันว่าเธอเสียๆหายๆ ก็เเค่นั้น”



              “อะ..เอ่อ ขอบคุณน่ะ เเต่ไม่ต้องเป็นห่วงหรอก ฉันว่า ฉันด่ามันไปเเรงกว่ามันอีกน่ะ สะใจจริงๆ”



              “ว่าเเต่ว่า เธอด่าเจ็บจังนะ ไม่น่าเชื่อว่าคุณหนูอย่างเธอจะด่าได้เจ็บนี้”



               “บี….”



              “ห๊า อารายหรอเเจ๊ส”



             “เธอ เรียกตัวเองว่าฉัน เลิกเรียกว่าคุณเเจ๊สได้เเล้วนี่ อิ อิ” เเจ๊สหัวเราะกับสิ่งเเปลกใหม่กับสิ่งที่ได้ฟัง



             “ก็เธอบอกเองนี่หน่า ฉันก้อฝืนเต็มที่เเล้วนะเนี้ย เรียกอย่างนี้มาตั้งเเต่เกิด ก็เธอเป็นคุณหนูที่สูงศักดิ์ ฉันมันก็เเค่เด็กกำพร้า ไม่กล้าพอที่จะเอ่ยเรียกชื่อเธอหรอกนะ” บีเซนซ์อธิบายให้กับเพื่อนของเขาฟัง



              “บี เราเป็นเพื่อนกันนะ ฉันคบกับเธอเป็นเพื่อนเพราะเธอมีจิตใจที่ดีงาม เเล้วก็ไม่เคยคิดถือตัวว่าฉันเกิดในตระกูลที่สูงศักดิ์”



              “เราขอโทษ เราจะไม่พูดอย่างนี้อีกเเล้ว”



               “พอเหอะๆ เปลี่ยนเรื่องคุยดีกว่า” เด็กสาวเห็นสีหน้าของเด็กหนุ่มที่เริ่มไม่ดี “เธอรู้ข่าวหรือยังที่ไฟไหม้ป่าเเซวู๊ดนะ ข่าวบอกว่าเกิดจากเเรงระเบิดอะไรซักอย่าง ฉันว่าพวกคนของทดลองอาวุธอะไรซักอย่างล่ะมั้ง เเล้วปกปิดเอาไว้”



              “ห๊า เธอว่ายังไงน่ะเเจ๊ส ” เด็กหนุ่มตกใจกับข่าวที่ได้ยิน เเล้วภาวนาให้มันเป็นเเค่เหตุบังเอิญกับความฝัน



              “ไฟ-ไหม้-ป่า-เเซ-วู๊ด” เเจ๊สสะกดออกมาทีล่ะคำอย่างชัดถ้อยชัดคำ “เเล้วก็นะ เเซฮิลล์ พังทลายลงมาด้วยล่ะ คงไม่ได้เป็นเเค่ไฟไหม้ป่าธรรมดาเเล้วเเหละอย่างนี้ฉันว่า”



             เเต่เด็กหนุ่มที่ได้ฟังข่าวจากเพื่อนของเขา เหงื่อไหลย้อยลงมาเป็นทาง เเววตาบ่งบอกถึงความหวาดกลัวที่ฝันร้ายของเขาจะเกิดขึ้นมาจริงๆ



              “บี เธอเป็นอะไรหรือเปล่า” เเจ๊สเอ่ยถามเมื่อเห็นอาการของบีเซนซ์



               เเต่เขาได้เพียงเเต่นึกถึงเหตุการณ์เมื่อคืนที่เขาฝันถึง ภาพของป่าที่หายไปพร้อมกับเปลวเพลิงอันน่ากลัว ภาพของร่าง2ร่างที่ต้องการกำจัดเขาทิ้ง



              “บี เธอเป็นอะไรหรือเปล่า” เธอเอ่ยขึ้นอีกครั้งด้วยเสียงที่ดังยิ่งกว่าเดิม ทำให้ผู้ฟ้งตื่นจากภวังค์เเห่งความคิด



              “เรียกฉันหรอ เปล่าๆ ไม่มีอะไรจริงๆ แค่คิดอะไรนิดหน่อยนะ” เขาเเจงให้เธอฟัง เเต่คงจะไม่สามารถทำให้เธอเชื่อได้



              “บี เราเป็นเพื่อนกันน่ะ ทำไมต้องปิดบังกันด้วย”



             “เปล่าๆเราไม่มีอะไรจริง” บีเซนซ์ปิดบังความจริง โดยไม่ได้บอกความฝันที่เกิดขึ้นกับเขา เพราะไม่อยากทำให้เธอเป็นห่วง



             “ก็เเล้วเเต่นะ ถ้าเธอไม่อยากบอกก็ไม่เป็นไร เเต่ให้รู้ไว้อย่างเเล้วกัน เราเป็นห่วงเธอมากนะ” เเจ๊สไม่อยากจะทำให้เขาลำบากใจจึงพูดให้จบๆ



              <เป็นห่วงหรอ คิดมากไปได้น๊า>



              “อ้าว ทำไมชอบเป็นห่วงกันจังนะ ไม่คิดจะเป็นลูกบาสฯกันมั้งหรือไงน๊า”เขาพูดขึ้นมาเพื่อให้เเจ๊สเธอรู้สึกดีขึ้น



               “นี่…”



               “ฮ่าๆ เธอนี่น่ะ หน้าตาตอนดุนี่ ฉันละชอบเธอจริง”



                เด็กสาวกำลังจะยกกำปั้นเข้าทุบกับอกของเด็กหนุ่มข้างหน้า เเต่มืออันใหญ่เเต่หนานุ่มของเราก็มาจับข้อมือของเธอไว้



                “ถ้าเป็นไปได้ เธอ...” เด็กหนุ่มพูดขึ้นมาพร้อมกับมองไปที่ดวงตาอันหวานเเหววที่อยู่ข้างหน้า “ช่วยดุฉันตลอดไปเลยได้มั้ย”



               “ตาบ้า พูดไร ไม่รู้เรื่องย่ะ พอๆ กลับห้องดีหว่า จะเข้าเรียนตอนบ่ายเเล้ว” เเจ๊สสละข้อมือของเธอออกจากมือของบีเซนซ์เเล้วหน้าของเธอก็เกิดปรากฏการณ์เป็นครั้งที่3ของวันนี้



                “ก็ได้อ่ะ ว่าเเต่ พรุ่งนี้วันเสาร์นะ เธอว่างมะ ไปดูหนังกัน”



                “เดท หรอ” เด็กสาวที่ยังหันหลังให้คนถาม กำลังหันมาพร้อมกับยิ้มเขินๆ



                 “เหอะๆๆ ไม่ใช่เเล้วนะอย่างนั้นน่ะ ไปดูหนังด้วยกันเฉยๆ”



                “เเน่ใจ?” เด็กสาวถามด้วยเสียงอันอ่อนหวาน



                 “ไม่ไปเเล้วงั้น” กล่าวจบก็กำลังจะเดินกลับห้องเรียน เเต่เธอก็ยังหัวเราะมาด้วยเสียงอันบ่งบอกถึงการได้ยั่วเขากลับคืน



                 “อิ อิ สะใจจัง จ้าๆ ไปจ้าไป เเล้วที่ไหนดีล่ะ”



                “เอาไว้คุยกันตอนเย็นอีกทีไม่ได้หรอ”



                “ไม่ได้หรอก วันนี้รถมารับนะ เเม่จะพาไปงานเลี้ยงนะ”

              

                 “อืมๆ ไม่เป็นไรงั้น เจอกันที่ เมเจอร์เวิลด์ เเล้วกันนะ ฉันไปหาเธอที่บ้านนะ เเล้วเจอกันน่ะครับ”



                “จ๊ะๆ เเล้วเจอกันจ๊ะสุดหล่อ อิ อิ”



                “เหอะๆ” เด็กสาววิ่งกลับไปที่ห้องเรียนทิ้งให้เด้กหนุ่มที่ยิ้มอย่างเจื่อนๆเพราะคำชมเมื่อครู่



                 ...วันนี้ช่างมีความสุขจัง เเต่มันจะเป็นอย่างนี้อีกนานหรอ ...

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×