คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #10 : เด็กอ้อน
ตอนที่ 10 เด็กอ้อน
ร่างสูงบีบแขนตัวเองเบาๆอย่างเมื่อยๆหลังจากเสร็จสิ้นการทำงาน ตาเรียวคมเหลือบมองนาฬิกาข้อมือที่บอกเวลาว่าปาเข้าไปเกือบจะ 5 ทุ่มแล้ว มือหนาข้างถนัดจัดการรูดคีย์การ์ดก่อนจะกดรหัสเพื่อเปิดประตูห้อง ตอนนี้เขาอยากอาบน้ำ อยากหาอะไรกิน และก็อยากจะพักผ่อนให้เต็มที่ เพราะความเหนื่อยอ่อนจากการถูกใช้แรงงานเยี่ยงทาสของไอ้หัวหงอกแจบอมนั่น
มาร์คคิดอย่างหงุดขณะที่เปิดประตูห้อง ก่อนที่ความเมื่อยล้าทั้งหมดของเขาจะถูกสลัดทิ้งหายไปเมื่อใบหน้าหล่อเหลาได้มองเห็นภาพๆหนึ่งที่ปรากฏเข้าสู่สายตา....
เด็กน้อยกำลังนอนตะแคงขดตัวบนโซฟากลางห้อง ใบหน้าใสดูอ่อนเยาว์ลงกว่าเดิมจนมาร์คอมยิ้มออกมาอย่างสุขใจ ใบหน้าหวานใสของเด็กน้อยที่กำลังนอนหลับอยู่นั้นทำให้มาร์ครู้สึกเอ็นดูและรู้สึกคุ้นเคยอย่างน่าประหลาด
มาร์คก้มลงมองคนตัวเล็กที่นอนขดตัวกลมอยู่บนโซฟาอย่างนึกเอ็นดู ร่างสูงค่อยๆเดินหายเข้าไปในห้องครัวเพื่อเอาอาหารที่เขาแวะซื้อตอนขากลับไปเก็บ ก่อนที่คนหัวแดงจะเดินออกมาอย่างเงียบๆแล้วยืนจ้องมองเด็กน้อยที่ยังหลับสนิทไม่รู้เรื่องรู้ราว ร่างสูงทรุดนั่งลงตรงที่ว่างบนโซฟาอย่างเงียบกริบ
“แบมแบม”
มาร์คเขย่าไหล่บางเบาๆขณะที่ปลุกเด็กน้อยให้ตื่นจากนิทรา เสียงครางฮือค่อยๆที่ดังขึ้นทำไห้มาร์คกลั้นยิ้มสุดชีวิต
เด็กน้อยเอ้ย.....
“แบม ลุกขึ้นมากินข้าวเย็นกัน”
แบมแบมลืมตาพรึ่บก่อนจะค่อยๆลุกขึ้นนั่งขยี้ตา มาร์คโยกหัวทุยเบาๆก่อนจะทำการสืบสวนสอบสวน(?)
“วันนี้แบมไปไหนมารึเปล่าครับ?”
“แบมออกไปเดินหาไรกินเองนะฮะฮยอง”
แบมแบมตอบด้วยเสียงค่อยๆก่อนจะแอบไขว้นิ้วอย่างรู้สึกผิดที่ต้องโกหกฮยองใจดี
เขาไม่มีทางเล่าเรื่องที่ตัวเองหนีเที่ยวแล้วไปยิงกะใครก็ไม่รู้หรอกนะ
มีหวังมาร์คฮยองจับเขาโยนออกจากคอนโดแน่ๆ
แบมแบมมองฮยองสุดหล่อที่พยักหน้าเบาๆก่อนจะแอบถอนหายใจอย่างโล่งอกที่เห็นท่าทีที่ไม่ติดใจสงสัยอะไร
“แบมบอกว่าหลงทางมาจากไทย นี่คือยังไง ไหนลองเล่าให้ฮยองฟังอย่างละเอียดได้มั้ย?”
ใบหน้าหวานเงยหน้ามองฮยองข้างกายอย่างตกใจเล็กน้อยก่อนที่แบมแบมจะก้มหน้าลงมองมือตัวเองเพื่อซ่อนความรู้สึกผิดที่ท่วมท้นเข้ามาในใจของเขาราวกับเขื่อนทะลัก
มาร์คฮยองใจดีกับเขาขนาดนี้....
เป็นห่วงเขาขนาดนี้.....
แต่ว่าเขากลับต้องโกหก เพราะเขายังไม่สามารถบอกความจริงให้กับมาร์คฮยองได้
ขอโทษนะฮะ มาร์คฮยอง....
“ครอบครัวแบมส่งแบมมาเรียนที่นี่ แต่ว่าแบมเกิดหลงที่สนามบิน แล้วก็หาทางไปบ้านญาติไม่ถูก แบมก็เลยเดินมาเรื่อยๆจนมาถึงคอนโดฮยองนั่นแหละฮะ”
คำโกหกมั่วซั่วที่แบมแบมเพิ่งคิดมาสดๆทำให้มาร์คเลิกคิ้วอย่างแปลกใจเล็กน้อยแต่ก็ไม่ได้สงสัยอะไร
“แล้วนี่แบมจะทำยังไง จะให้พี่ช่วยหาบ้านญาติของแบมมั้ย?”
“แบมอยากอยู่กะฮยองมากกว่าอ่า”
เด็กน้อยฉีกยิ้มร่าอย่างออดอ้อนก่อนจะกระโดดกอดแขนล่ำของฮยองสุดหล่อจนแน่น มาร์คส่ายหัวอย่างเหนื่อยใจก่อนจะจับเด็กหลงให้นั่งบนโซฟาเพื่อคุยกันดีๆ
“พี่กลัวครอบครัวแบมจะเป็นห่วงน่ะสิ ถ้าแบมอยากอยู่กับพี่จริงๆ ต้องโทรบอกทางบ้านก่อนนะ”
มาร์คไม่รู้ว่าพูดอะไรออกไป แต่ที่แน่ๆเขาแค่อยากจะให้เจ้าเด็กช่างจ้อนี่อยู่กับเขาที่นี่ เพราะเขารู้สึกเป็นห่วงเด็กคนนี้อย่างบอกไม่ถูกหากต้องปล่อยให้เด็กน้อยข้างกายคนนี้ต้องออกไปเผชิญโลกกว้างเพียงลำพัง
“ฮยองจะให้แบมอยู่กะฮยองจริงๆหรอฮะ”
แบมแบมตาโตก่อนจะยิ้มออกมาอย่างคาดหวังจนมาร์ครู้สึกเอ็นดูปนหมั่นไส้เด็กน้อยจนแทบอยากจะฟัดแก้มเด็กข้างๆให้ช้ำไปเลย (-0-)
“ต้องขออนุญาตครอบครัวก่อนนะ”
เสียงทุ้มเอ่ยอย่างกังวลใจเล็กน้อย เพราะหากครอบครัวเจ้าเด็กนี่ไม่ยอมอนุญาตล่ะ
ถ้าไม่อนุญาตเขาจับเจ้าเด็กนี่มัดไว้ในนี้ได้มั้ย?
“โห เรื่องแค่นี้เอง พ่อกับแม่แบมใจดี ต้องอนุญาตอยู่แล้ว งั้นแบมยืมโทรศัพท์หน่อยนะฮะ”
“เอาสิ”
มาร์คมองเด็กน้อยที่วิ่งถลาเข้าหาโทรศัพท์ด้วยท่าทางร่าเริงก่อนจะแอบจ้องมองอย่างกังวล ประโยคคำพูดที่ใช้ภาษาซึ่งเขาฟังไม่เข้าใจดังขึ้นเป็นระยะๆ ใบหน้าหวานดูเคร่งเครียดขึ้นเรื่อยๆขณะที่คุยโทรศัพท์อยู่
เฮ้อ ทำไมเขาถึงรู้สึกแบบนี้กับเจ้าเด็กคนนี้ได้เนี่ย
มาร์คคิดอย่างอ่อนใจ เพราะเขาก็อายุตั้ง 21 ปีแล้ว ประสบการณ์หลายๆอย่างก็มากมายกว่าคนปกติ ไม่ได้มุ้งมิ้งไร้เดียงสาจนไม่รู้ว่าความรู้สึกที่เขามีต่อเด็กหลงคนนี้เป็นแบบไหน
เขาคิดว่า......มันคงเป็นความรัก......
แต่ทำไมเขาถึงรู้สึกแบบนี้กับเจ้าเด็กหลงล่ะ?
ความรู้สึกคุ้นเคยเหมือนว่ารู้จักกันมานานแสนนาน
.....................................
“ทำงานพลาดแล้วยังมีหน้ากลับมาอีกเหรอ?”
เสียงเรียบนิ่งที่ไม่อาจระบุได้ว่าเป็นเสียงของผู้ชายหรือผู้หญิงดังขึ้นในห้องที่มืดมิด แสงสว่างจากหน้าต่างเพียงอย่างเดียวสาดส่องไปบริเวณกลางห้องที่มีชายทั้ง 5 ซึ่งกำลังนั่งคุกเข่าด้วยเนื้อตัวที่สั่นเทา ตอนนี้พวกเขาหวาดกลัวกับบรรยากาศภายในห้องที่มันรู้สึกเย็นยะเยือกอย่างน่าขนลุก
“แกตอบมาสิ ว่าทำไมพวกแกถึงจับเด็กมัธยมปลายแค่คนเดียวมาให้ฉันไม่ได้ ห้ะ!!”
“ผะ ผมไม่รู้ว่าเด็กคนนั้นจะฤทธิ์เยอะแบบนั้น นายท่าน ได้โปรด...”
“หุบปาก!!”
เสียงเรียบตวาดก้องจนชายทั้ง 5 สะดุ้งโหยง ใบหน้ากร้าวกร้านของเหล่าชายฉกรรจ์ทั้งกลุ่มชุ่มโชกไปด้วยเหงื่อแห่งความหวาดกลัว
“พวกแกรู้ใช่มั้ย ว่าคนทำงานพลาดจะต้องพบกับอะไร?”
“ได้โปรดเถอะครับท่าน ขอพวกผมได้พิสูจน์ตัวกันอีกครั้ง คราวนี้พวกผมจะไม่ประมาท...”
ชายทั้ง 5 ลนลานอย่างขวัญหนี เพราะต่างก็รู้ดีแก่ใจว่าบทลงโทษของคนที่ทำงานพลาดนั้นคืออะไร....
มันคือความตาย....
“ไม่มีครั้งที่สองสำหรับพวกแกหรอก เชิญไปพิสูจน์ตัวเองที่นรกเถอะ”
“ไม่ นายท่าน ได้โปรด...”
ปังๆๆๆๆๆๆๆๆๆ!!!
เสียงปืนที่ดังก้องในยามค่ำคืนหลายต่อหลายนัด ค่อยๆจบลงเมื่อผู้สังหารเห็นร่างไร้วิญญาณของสมุนปลายแถวที่ไร้น้ำยาจนไม่น่าชุบเลี้ยงเอาไว้ให้เปลืองข้าวสุก
ถือว่าคราวนี้น้องไอ้คุณมันดวงแข็งก็แล้วกัน.....
“เก็บศพไอ้พวกนี้ไปถ่วงทิ้งแม่น้ำฮันหน่อย แล้วก็เช็ดเลือดโสโครกๆของพวกมันออกจากห้องของฉันด้วย”
น้ำเสียงห้วนๆถูกส่งให้กับชายอีกคนที่ยืนอยู่ข้างๆ ซึ่งเป็นมือขวาคนสนิท ใบหน้าเรียบนิ่งมีแววเฉยชาก่อนที่เขาจะเดินออกจากห้องไปอย่างรวดเร็ว
“ครับนายท่าน ผมจะทำตามที่ท่านสั่ง”
ชายหนุ่มผู้เป็นมือขวากระซิบเบาๆก่อนจะเงยหน้าขึ้นด้วยแววตาที่อ่านยาก ร่างสูงมองดูร่างไร้วิญญาณของลูกน้องอยู่เงียบๆ
ฉันขออโหสิแทนท่านด้วยก็แล้วกันนะ
.............................................
มาร์คถือไอโฟนของตนอย่างไม่แน่ใจขณะที่เด็กน้อยข้างกายนั้นจ้องมองมาอย่างคาดหวังสุดๆ ชายหนุ่มผมแดงถอนหายใจเบาๆก่อนจะเปิดโหมดการสนทนาให้เป็นวิดีโอคอนเฟอเร้นท์
ใบหน้าของหญิงกับชายวัยกลางคนที่ปรากฏตรงหน้าจอโทรศัพท์ดูมีแววอาทรและเป็นมิตรมากกว่าที่มาร์คคิดไว้ เขาโค้งให้กับคนในโทรศัพท์อย่างเก้อเขินก่อนที่จะคุยเรื่องสำคัญกับพ่อแม่ของเจ้าเด็กหลงที่ยืนยิ้มจนแก้มตุ่ยอยู่ข้างๆ
“ผมมาร์คครับ อายุ 21 ปี คือว่าเรื่องที่ผมอยากจะคุยด้วยนั้น อ่า....”
มาร์คพูดแนะนำตัวด้วยภาษาอังกฤษอย่างลื่นไหลก่อนที่จะเกิดอึกอักเมื่อถึงประโยคสำคัญ
โถ่เว้ยยยย อย่าเพิ่งมาเกร็งตอนนี้ดิวะไอ้มาร์ค
“ฉันรู้จากแบมแบมแล้วจ๊ะว่าเธอจะช่วยดูแลแบมแบมระหว่างที่เรียนหนังสืออยู่ที่นู่น ยังไงก็ช่วยดูแลลูกชายของฉันให้หน่อยนะจ๊ะ”
หญิงวัยกลางคนที่ยังคงมีเค้าความงามบนใบหน้าตอบกลับด้วยท่าทางใจดีจนมาร์ครู้สึกหายเกร็งไปมาก
“ครับ ผมจะดูแลแบมแบมให้ดี”
“ถ้าลูกฉันดื้อ ฉันอนุญาตให้เธอดุเขาได้นะ”
“ครับ”
มาร์คอมยิ้มออกมาเล็กน้อยเมื่อเห็นท่าทางของเด็กข้างกายที่เริ่มงอแง ปากบางพึมพำเบาๆอย่างน่ารัก
“แบมไม่ดื้อจริงๆนะ ฮยองก็รู้หนิ”
“ครับ ไม่ดื้อเลย”
มาร์คหัวเราะหึหึ ก่อนที่จะหันกลับไปสนใจพ่อแม่ของเจ้าเด็กหลงอีกครั้งด้วยท่าทางแสนจริงจังที่แบมแบมเห็นแล้วบอกเลยว่า..........
มาร์คฮยองหล่อโฮกกกกกกกกกกก -///-
เนี่ยแหละ ว่าที่สามีแบมในอนาคต โฮะๆๆๆ (แฮ่ดว่ะแบม -*-)
“มาร์ค ฉันขอฝากลูแบมให้เธอดูแลด้วยนะ เราไว้ใจเธอ”
มาร์คมองชายวัยกลางคนที่กล่าวด้วยท่าทางที่ดูจริงจังขึ้นมา ก่อนที่เขาจะพยักหน้าให้กับมือถืออีกครั้ง
“ผมจะดูแลแบมแบมให้ดีที่สุดครับ”
“แต่ถ้านายทำน้องฉันร้องไห้ละก็ นายตายแน่”
จู่ๆ ใบหน้าคมคายของชายคนหนึ่งก็ปรากฏเข้ามาในจอ แบมแบมชะโงกตัวมองก่อนจะฉีกยิ้มดีใจสุดฤทธิ์ ซึ่งมาร์คเห็นแล้วรู้สึกขัดตาขัดใจอย่างบอกไม่ถูก
“พี่เบียร์ คิดถึงพี่จัง”
“ไม่ต้องมาอ้อนเลย พี่งอนแล้ว ไม่ค่อยโทรหาพี่บ้างเลย”
มาร์คมองชายหนุ่มที่นั่งลงข้างๆแม่ของแบมแบมอย่างพอจะเดาได้ว่าคงเป็นพี่ชายหรือไม่ก็คนในครอบครัวของแบมแบมแน่นอน
แต่เขารู้สึกหมั่นไส้ไอ้หมอนี่แฮะ
หน้าตาท่าทางมันกวนตีนเขาอย่างบอกไม่ถูก -*-
..........................................
“แม่กับพ่อไว้ใจไอ้หัวแดงนั่นให้ดูแลแบมแบมเหรอฮะ?”
เบียร์ถามพ่อแม่ด้วยใบหน้ามู่ทู่ตามประสาคนหวงน้องก่อนที่ผู้เป็นพ่อจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงเรียบๆ
“พ่อดูคนไม่ผิดหรอก ผู้ชายคนนี้ไว้ใจได้”
“แล้วแม่ว่าเขาหล่อดีนะ เหมาะกับแบมดี ลูกเขยหล่อๆแบบนี้หายาก”
หญิงวัยกลางคนกล่าวด้วยสีหน้าเคลิ้มฝันก่อนจะอมยิ้มออกมาน้อยๆเมื่อนึกถึงว่าที่ลูกเขยในอนาคตของตัวเอง
“โหแม่ มันไม่ใช่แบบนั้นดิ”
เบียร์กุมหัวอย่างปวดขมับก่อนจะมองไปที่รูปถ่ายครอบครัวเมื่อครั้งอดีตตั้งแต่ตอนเขายังอายุได้ 15 และแบมอายุได้ 11 ขวบ ที่ตั้งบนโต๊ะวางของ
น้องชายที่แสนจะน่ารักของเขาไม่คู่ควรกะไอ้กุ๊ยหัวแดงนั่นหรอก แม่ง -*-
“เอาน่า แกก็รู้ว่าน้องดูแลตัวเองได้ ไม่ต้องเป็นห่วงน้องมันมากขนาดนั้นหรอก”
ผู้เป็นพ่อตบบ่าลูกชายคนโตแรงๆก่อนจะหัวเราะออกมาอย่างอารมณ์ดี
“แล้วอีกอย่างนะ ไอ้หัวแดงนั่นมันก็หล่ออย่างที่แม่เราว่านั่นแหละ ถ้าได้มาเป็นลูกเขยคงไม่ขายขี้หน้าชาวบ้านชาวช่องเขาหรอก”
เว้ยยยยยยยยยยย
พ่อกับแม่นี่อะไรวะเนี่ย ไม่ห่วงไม่หวงแบมแบมมั่งเลยรึไงห๊า า า า า
เบียร์เดินหนีขึ้นห้องอย่างฟึดฟัดขัดใจก่อนที่ชายหญิงวัยกลางคนที่นั่งเคียงคู่กันจะหัวเราะออกมาเสียงดังสนั่นเมื่อสามารถแกล้งหยอกลูกชายคนโตให้โกรธจนหัวฟัดหัวเหวี่ยงได้
“นี่คุณ คุณว่าเจ้าหนุ่มหัวแดงนั่นจะรักลูกเราจริงเหมือนที่ลูกโทรมาบอกก่อนหน้านี้รึเปล่า?”
หญิงวัยกลางคนเอ่ยถามสามีที่นั่งข้างๆก่อนจะนึกไปถึงบทสนทนาที่เธอเพิ่งคุยกับลูกชายคนเล็กไปไม่นาน
.
.
“แม่ฮะ แบมหาลูกเขยไปช่วยพ่อสานต่อธุรกิจบ้านเราได้แล้วนะฮะ”
“ลูกเขย อะไรแบม แม่ส่งเราไปเรียนนะ ไม่ใช่ไปหาลูกเขยมาให้”
ผู้เป็นแม่เอ่ยด้วยน้ำเสียงแข็งๆก่อนที่จะหูผึ่งอย่างสนใจเมื่อลูกชายคนเล็กได้บอกเล่าสรรพคุณของว่าที่ลูกเขยในอนาคต(?)
“แต่พี่มาร์คหล่อล่ำน่าขบมากเลยนะฮะแม่ แถมยังขยัน หาตังค์เก๊งเก่ง มีแลมโบกินี่สีแดงขับด้วย”
“จริงหรอ ไหนแม่ขอเห็นหน้าหน่อยได้มั้ย ถ้าหล่อจริงแม่อนุมัติ”
แล้วชายหนุ่มเรือนผมสีแดงก็ปรากฏตรงหน้าจอมือถือ ใบหน้าหล่อเหลาของชายหนุ่มที่มีผิวขาวจัด ใบหน้าเรียวได้รูป ตาคมกริบ ริมฝีปากหยัก จมูกโด่งสวยรับกับรูปหน้าเพอร์เฟ็คนั้นจะสะกดสายตาของผู้เป็นแม่ได้ทันที
“โอเคลูก หล่อน่างาบมาก แม่ขอสั่งให้ลูกรีบรวบหัวรวบหางเจ้าหนุ่มนี่ให้ได้โดยเร็วที่สุด”
“แน่นอนฮะแม่ โฮะๆ”
.
.
“ผมว่าเขาก็คงจะรักลูกเราเหมือนกันแหละ ผู้ชายถ้าเขาไม่รักจริงเขาคงไม่สนใจที่จะแนะนำตัวเองให้คนเป็นพ่อเป็นแม่อย่างเราได้รับรู้หรอก”
“มันก็จริงนะคะ”
สองสามีภรรยาพูดคุยกันด้วยรอยยิ้มโดยไม่รู้เลยว่าลูกชายคนโตของตัวเองกำลังแอบฟังอยู่ตรงบันไดด้วยสายตาแน่วแน่
ยังไงเขาก็ไม่ยอมรับไอ้หัวแดงนั่นมาเป็นน้องเขยง่ายๆหรอกเว้ย!!!
มันต้องมีบทพิสูจน์รักแท้กันหน่อย หึหึ
เมื่อวานเก๊าขอโต๊ดดดดด ที่ไม่ได้เอาลง
ว่าจะเอาลงแล้ว แต่เพลียไม่ไหว เน็ตเป็นไรก๊ไม่รุ้
ก็เลยเอามาลงวันนี้ รีดคงไม่เตะไรต์หรอกเน้าะ แหะๆ
แต่งๆไปตัวละครเพิ่มมาอีกแระ 5555
เราแต่งไปก็ขำไปเหมือนกันนะ ชอบพ่อแม่แบมอ่ะ
แลดูบ้าๆดี ไม่หวงน้องด้วย
แต่พี่เบียร์นี่รีดทุกท่านต้องติดตามกันต่อไปอ่ะค่ะ หุหุ เพราะพี่เบียร์นี่จะแบบ......(สปอยให้อยากแล้วจากไป)
หลงคนอ่าน รักคนเม้นเหมือนเดิมค๊า จุ๊ฟๆ ^ ^
ความคิดเห็น