คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : มิตรภาพ
คาร์เมลฮัมเพลงเบาๆ อย่างมีความสุข เธอหลับตาพริ้มพลางวาดฝันถึงการทำงานในวันแรกของเธอที่สุดแสนจะราบรื่น เพื่อนร่วมงานที่เข้ากันได้เป็นอย่างดี เจ้านายที่เข้าใจและมีความกรุณาต่อผู้น้อย แล้วคาร์เมลยังได้คิดคำพูดแนะนำตัวสำหรับวันพรุ่งนี้ไว้อีกด้วย
“วาเนสซ่า คาร์เมลค่ะ ยินดีอย่างยิ่งที่ได้พบท่านค่ะ”
และไม่ใช่เพียงเท่านั้น..เธอยังทำท่าทางประกอบการสนทนา...โดยที่เธอไม่ได้คำนึงถึงเลยว่า ในขณะนี้นั้นเธอกำลังแช่น้ำนมบริสุทธิ์ในอ่างอาบน้ำใบใหญ่ที่ตั้งอยู่ใจกลางของห้องอาบน้ำสุดหรูแห่งหนึ่ง
ภายในห้องน้ำห้องนี้ ไม่มีข้าวของเครื่องใช้อื่นใดที่จะบ่งบอกได้ว่า นี่คือห้องน้ำ นอกเสียแต่อ่างอาบน้ำสีขาวนวลเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้น บริเวณรอบๆ อ่างอาบน้ำนั้นมีบานประตูสีขาวบานใหญ่จำนวนนับร้อยบาน ทุกบานจะสลักตัวอักษรสีทองไว้ ประตูเกือบทุกประตูปิดสนิทมีเพียงประตูบานที่สิบสามเท่านั้นที่เปิดโพล่งออกมา ด้านในของบานประตูบานนี้ มิใช่เส้นทางลับนำทางไปสู่ที่แห่งหนไหน มันมีเพียงแต่ความว่างเปล่าของอากาศธาตุเพียงเท่านั้น
เป็นเวลาพักใหญ่คาร์เมลถึงรวบรวมสมาธิเรียกสติของตนเองกลับมาจากความฝันอันเลื่อนลอยได้ เธอลุกขึ้นพลางก้าวขาออกจากอ่างอาบน้ำ พร้อมทั้งชี้นิ้วไปทางประตูบานที่สลักอักษรเลขเจ็ดไว้ บานประตูดังกล่าวเปิดออกราวกับมีสนามแม่เหล็ก พร้อมกันนั้นร่างของคาร์เมลที่เคยเปียกโชกด้วยน้ำนมกลับสะอาดและปราศจากหยดน้ำนมอย่างสิ้นเชิง และไม่เพียงเท่านั้นคาร์เมลยังได้สวมชุดรำลองสำหรับการทำงานของเธอเป็นที่เรียบร้อยแล้วเช่นกัน ชุดรำลองที่ว่านั้นเป็นชุดกระโปรงยาวสีขาวสะอาด คลุมทับด้วยเสื้อคลุมสีดำทึบซึ่งเข้าชุดกับรองเท้าบู๊ตยาวถึงหัวเข่าสีดำสนิท คาร์เมลชี้นิ้วไปทางบานประตูบานที่สิบสาม มันให้ผลเช่นเดียวกับบานประตูที่เจ็ด เพียงแต่ตรงกันข้ามกันนิดหน่อยก็ตรงที่ว่า บานประตูนั้นเหวี่ยงตัวปิดลง พร้อมทั้งอ่างอาบน้ำใบใหญ่ที่เคยตั้งอย่างเด่นสง่าเมื่อสักครู่นั้นได้มลายหายไปในอากาศราวกับว่ามันกำลังล่องหน
“โมน...โมน.” คาร์เมลเอ่ยเสียงเรียกในขณะที่เธอเดินทะลุประตูห้องน้ำออกมายังห้องรับแขก
ตรุบ !
“ทำไมนายถึงได้ซุ่มซ่ามอย่างนี้นะ”
“ก็ยังน้อยกว่าความขี้เซาของเธอก็แล้วกันล่ะ”
คาร์เมลขยับปากกำลังจะเถียง แต่เธอคิดว่านี้ไม่ใช่เวลาที่เธอจะมาเปิดฉากสงครามน้ำลายกับโมนอีก เพราะตอนนี้จวนจะเก้าโมงเสียแล้ว เธอไม่มีเวลามากพอ ดังนี้นเธอจึงได้แต่พูดปลอบใจดับตนเองว่าที่เจ้าโมนพูดออกมานั้นเพียงเพราะมันอิจฉาที่ไม่สามารถนอนขี้เซาได้เท่าเธอ
“ช่างเถอะ..ว่าแต่ฉันเรียกนายตั้งนาน...ทำไมนายเพิ่งจะออกมา”
โมนอ้ำอึงอยู่พักหนึ่งก่อนจะพูดออกมาอย่างยากเย็นว่า “ก็ฉันไม่ชอบชื่อนี้นิ”
คาร์เมลถึงกับสะดุ้ง เพราะนี่เป็นครั้งแรกในรอบสัปดาห์ที่เธอสัมผัสได้ถึงความน้อยอกน้อยใจที่เจือป่นมากับน้ำเสียงของมัน ไม่ใช่การดูหมิ่นหรือถากถางเหมือนกังเช่นในทุกครั้งที่มันพูดคุยกับเธอ
“เออ...นายไม่ชอบชื่อนี้เหรอ” คาร์เมลถามออกมาอย่างละอายใจ
เจ้าคร็อกสกายพยักหน้ารับ
“งั้น..ฉันตั้งชื่อให้นายใหม่เอามั๊ยล่ะ” ฉันถามอย่างเอาใจใส่
เจ้าคร็อกสกายพยักหน้ารับอีกครั้งอย่างมีความหวัง
เจ้าคร็อกสกายพยักหน้ารับอย่างดีใจ พลางส่งรอยยิ้มมาให้กับเธอเป็นครั้งแรก
คาร์เมลถึงกับสะดุ้งเป็นครั้งที่สอง เพราะความรู้สึกผิดที่กำลังพุ่งตรงมาทิ่มแทงเธออย่างจังอีกครั้งหนึ่ง รูกรู๊ฟ..แม้ว่ามันจะดีกว่า..โมน แต่มันก็เป็นชื่อของสุนัยบ้านเพื่อนของเธออยู่ดี
“เออ..(เธอมักจะตั้งต้นพูดเช่นนี้เสมอ เมื่อเธอรู้สึกผิด) รูกรู๊ฟ..นายอยากไปที่ศูนย์บัญชาการกับฉันไหม”
นี่เป็นข้อเสนอข้อเดียวที่เธอคิดออก และคิดว่านี่อาจเป็นสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับการไถ่โทษในครั้งนี้ของเธอ และเธฮยังมั่นใจอย่างยิ่งด้วยว่า เจ้าคร็อกสกายเนี่ยจะให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี สืบเนื่องด้วยว่า เจ้าคร็อกสกายหรือรูกรู๊ฟไม่เคยได้รับอนุญาตให้ย่างก้าวออกจากชายคาบ้านหลังนี้เลย เป็นเวลาหนึ่งสัปดาห์เต็มๆ แล้ว
“อะไรนะ เธอจะพาฉันไปศูนย์บัญชาการด้วยเหรอ ไม่ได้โกหกนะ” เจ้าคร็อกสกายเอ่ยถามอย่างรัวเร็ว
“แน่นอนอยู่แล้ว” คาร์เมลตอบพร้อมส่งรอยยิ้มสดใสให้กับรูกรู๊ฟเป็นครั้งแรก และมันก็ส่งรอยยิ้มตอบกลับมาอย่างมีความสุขเช่นเดียวกัน
ดูราวกับว่าความบาดหมางระหว่างคาร์เมลและรูกรู๊ฟที่เคยสะสมคั่งค้างไว้เป็นระยะเวลายาวนานกว่าหนึ่งสัปดาห์เต็มๆ นั้นได้มลายหายไปกับอากาศธาตุ และคำว่า “มิตรภาพ” ก็เข้ามาแทนที่อย่างฉับพลัน
อัพแล้วนะจ๊ะ..ยังไงก็อย่าลืมเมนต์ให้ด้วยน้า..*-*
ความคิดเห็น