คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : เหตุเกิดเพราะน้องตัวแสบ
ฉันเมล์ มาริสา เด็กสาวไฮสคูลผู้หนึ่ง ชีวิตฉันคงจะสงบสุขมากกว่านี้ หากฉันไม่ได้เกิดมาเป็นพี่สาวของนายปีศาจไมล์ คนที่สาวๆ ต่างคลั่งไคล้กันว่าหล่อ เท่ห์บาดใจ สรุปเอาว่าทุกย่างก้าวของหมอนั่นดูดีไปหมด แต่ทำไมสำหรับฉันแล้วหมอนั่นเป็นได้เพียงปีศาจ ปีศาจร้ายตนหนึ่งที่หลุดออกมาจากการควบคุมของยมทูต ปีศาจร้ายที่ชอบยัดเยียดอาชีพให้ฉัน ถึงแม้ว่าฉันจะปฏิเสธอย่างไร...ฉันก็ยังคงไม่หลุดพ้นจากอาชีพอันแสนจะน่าเบื่อนี้ซะที อาชีพอะไรนะเหรอ ฮึ ฮึ
"รับโทรศัพท์แทนหน่อย"
"ไม่" ฉันปฏิเสธเสียงแข็ง
"นะ แปบเดียวเอง" ปีศาจร้ายยังคงไม่ลดละความพยายาม
"เห็นฉันเป็นอะไร โอเปอร์เรเตอร์หรือยังไง" ฉันตอบกลับไปอย่างไม่สบอารมณ์ ฉันล่ะไม่ชอบเลยจริงๆ เวลาที่มีคนมาขัดจังหวะเวลาการรับประทานอาหารอันแสนสุขของฉันเนี่ย ToT
"นี่ ครั้งเดียวเอง" นายปีศาจกล่าวพร้อมทั้งยื่นโทรศัพท์มือถือมาทางฉัน โดยที่มันยังส่งเสียงเรียกเข้าเป็นเพลงบรรเลงอย่างไม่ขาดสาย
"ประโยคนี้รู้สึกว่ามันฟังคุ้นๆ หูนะ" ฉันกล่าวในขณะที่ยังคงก้มหน้าง่วนอยู่กับการทานข้าวเช้า จะไม่ให้มันคุ้นได้ยังไงละ ในเมื่อทุกครั้งที่ปีศาจบ้าเนี่ยจะให้ฉันรับโทรศัพท์แทน ก็จะมีคำพูดประโยคนี้หลุดออกจากปากเสมอ
"เห็นใจฉันบ้างซี ฉันเบื่อนิ ยัยนี่เกาะฉันยังกะปลิง วันดีคืนดีอาจจะดูดเลือดฉันก็ได้" ปีศาจไมล์กล่าวด้วยน้ำเสียงหวาดหวั่น และยังทำหน้าตาซะน่ารักเชียว ถ้าเป็นสาวๆ คนอื่นคงหลงหัวปรักหัวปรำและคงยอมทำทุกอย่างให้ตามคำขออย่างถวายชีวิต แต่ขอโทษเถอะ ที่ฉันไม่ได้บังเอิญอยู่ในกลุ่มพวกผู้หญิงเหล่านั้น
"อืม..ก็ดีนิ...ถ้ายัยนั่นจะดูดเลือดนายเมื่อไหร่ บอกฉันด้วย ฉันจะได้ไปเก็บศพนาย" ฉันพูดอย่างไม่แยแสต่อความทุกข์ร้อนของเค้า พร้อมลุกขึ้นจากโต๊ะทานข้าวเดินตรงเข้าไปยังห้องครัว เพื่อเก็บสำรับข้าว
"พี่สาว พี่สาว ช่วยเค้า" ปีศาจไมล์เอ่ยพร้อมทั้งเดินตามฉันอย่างไม่ลดล่ะ ดูท่าความพยายามที่จะให้ฉันรับโทรศัพท์แทนนั้นคงมีเต็มร้อย ส่วนแม่คนที่โทรศัพท์มานั้นก็คงมีมากไม่หยิ่งหย่อนไปกว่ากัน พิสูจน์ได้เลยจริงๆ จากเสียงสัญญาณโทรศัพท์ที่ดังลั่นสั่นประสาทจนหยุดนิ่งสนิทสลับกันไปมาอย่างไม่มีทีท่าว่ามันจะสิ้นสุดลง
สรรเสริญความพยายามของแม่นั่นจริงๆ
"เฮ่อ "
ฉันถอดหายใจอย่างเอือมระอากับเหตุการณ์ซ้ำซากที่ฉันกำลังเผชิญอยู่ตรงหน้า เชื่อฉันเถอะ ! หากคนที่เดินตามหลังฉันต้อยๆ นั้นไ ม่ใช่ปีศาจไมล์หรือไม่ใช่คนที่ได้ชื่อว่าเป็นน้องชายสุดที่รักของฉันแล้วล่ะก็ อย่าหวังเลยว่าฉันจะช่วย ในที่สุดฉันจึงตัดสินใจยื่นมือออกไป
ไมล์ยิ้มอย่างดีใจ พลางส่งโทรศัพท์มาให้ฉัน แล้วเดินอ้อมตัวมาโอบกอดเอวฉันทางด้านหลัง แล้วเกยคางไว้ที่ไหล่ของฉัน น้องปีศาจของฉันมักเป็นแบบนี้เสมอๆ ถึงแม้ว่าตอนนี้เค้าจะโตเป็นหนุ่มหล่อแล้ว แต่นิสัยที่ชอบออดอ้อนของเค้ายังคงไม่เปลี่ยนแปลง
"ใครละทีนี้" ฉันถามก่อนจะกดรับโทรศัพท์
"หนิง ชื่อหนิง"
ทันทีที่กดรับโทรศัพท์ โดยที่ฉันยังไม่ทันได้เอ่ยคำพูด เสียงหวานๆ ของหญิงสาวผู้หนึ่งก็ดังผ่านเข้าโสตประสาทของฉัน
"ไมล์ นี่หนิงเองนะ ไมล์เป็นอะไรรึเปล่า หนิงโทรหาไมล์แทบทุกวัน แต่ไมล์ก็ไม่ยอมรับสาย วันนี้ก็เหมือนกัน หนิงรอสายตั้งนานกว่าไมล์จะยอมรับ" เสียงปลายสายส่งเสียงออดอ้อนอย่างหวานหู
"ตอนนี้ไมล์ไม่สะดวกที่จะรับสายค่ะ มีอะไรจะฝากไว้ไหมคะ" ฉันกล่าว
"เธอเป็นใครน่ะ แล้วมารับโทรศัพท์ของไมล์ได้ยังไง"
"ฉันนะเหรอ ไม่รู้ซิ..แล้วเธอล่ะเป็นใคร”
"ฉันเป็นใคร? ฮึ นี่ฉันถามเธอนะ ทำไมโทรศัพท์ของแฟนฉันจึงไปอยู่กับเธอได้” เสียงหวานๆ เริ่มเกรี๊ยวกราด
"อ้าว ! เธอเป็นแฟนไมล์เหรอ ฉันต้องขอโทษด้วยล่ะกัน บังเอิญว่าเค้าไม่เคยพูดซักทีว่ามีแฟนแล้ว" ไมล์ก็ไม่เคยบอกกับฉันจริงๆ นะว่ามีแฟน
"เธอพูดอย่างนี้หมายความว่ายังไง หึ...ก็ได้” เสียงปลายสายหยุดพูดก่อนกล่าวต่อด้วยน้ำเสียงเน้นชัด
“ถ้าหากเธอยังไม่รู้ ก็จำใส่สมองอันน้อยนิดของเธอไว้ด้วย ว่าฉันเป็นแฟนของไมล์และเธอก็อย่าได้ไปยุ่งกับเค้า แม้แต่คิดเธอก็ห้ามทำ เพราะถ้าเธอทำเขาเรียกว่าหน้าด้าน"
ตอนนี้หัวของไมล์ยกขึ้นเล็กน้อย แล้วเลื่อนใบหูมาใกล้กับโทรศัพท์ที่ฉันถือให้มากขึ้นเพื่อเค้าจะได้ฟังการสนทนาในครั้งนี้ได้อย่างถนัดถนี่
"คนของฉัน ฉันไม่คิดจะให้ใครและไม่คิดที่จะแบ่งใคร ถ้าเธอยังไม่เลิกยุ่งกับเค้า อย่าหาว่าฉันไม่เตือน" ปลายสายเอ่ยขู่เข็ญ
ฉันหันหน้าไปมองไมล์ ด้วยสายตาที่สื่อความหมายได้ว่า "คนนี้ไม่ใช่เล่นๆ เลยนะ" ส่วนไมล์ก็ดูท่าว่าจะรู้ถึงความหมายของสารที่ฉันส่งไปให้ ไมล์จึงมองฉันด้วยสายตาสำนึกผิด
"งั้นหรอ
ก็ได้...ว่าแต่ไหนๆ เธอก็ตั้งใจโทรมาหาไมล์เค้าแล้ว อยากจะคุยกับเค้ามั๊ยล่ะ เดี๋ยวฉันจะปลุกเค้าให้" ฉันเอ่ยเสนอ
ฮึ...คนอย่างเมล์ มาริสา ไม่เคยยอมแพ้ใครอยู่แล้ว สู้กันสักตั้งเป็นไง !
"ปลุกเหรอ ! ” เสียงหวานเอ่ยอย่างตกใจ “เธอหมายความว่ายังไง.. พูดออกมาให้เคลียร์นะ” ในตอนนี้เสียงหวานเริ่มร้อนรนอย่างเห็นได้ชัด
"มีสมองไม่ใช่เหรอ..คิดซิคิด...หรือว่าเธอไม่มี..ถึงคิดอะไรไม่ออก” ไงล่ะ..อยากว่าฉันมีสมองน้อยนิดก่อนทำไม
เสียงปลายสายนิ่งเงียบไปนานก่อนเอ่ย "ฉันไม่รู้หรอกนะ ว่าตอนนี้เธอกับไมล์อยู่ด้วยกันที่ไหน และไม่สนใจด้วยว่าไปอยู่ด้วยกันได้ยังไง แต่ฉันขอเตือนเธออีกครั้ง เค้าเป็นของฉัน” เสียงหวานปลายสายสั่นเล็กน้อยแต่ยังคงแฝงไว้ซึ่งความแน่วแน่ ก่อนจะตัดสัญญาณการสนทนาในครั้งนี้ลง
ฉันยกโทรศัพท์ออกจากหู พลางคิดทบทวนกับตัวเองในใจ
ผู้หญิงคนนี้ไม่ธรรมดา จริงๆ ในความคิดของฉันผู้หญิงอย่างนี้ซิ ถึงจะเอาน้องชายปีศาจของฉันอยู่ แต่ในเมื่อวันนี้ไมล์บอกว่ายังไม่ใช่..ก็สุดแล้วแต่น้องชายของฉันแล้วกัน ...จบซะที...ฉันจะได้ไปโรงเรียนเสียที
ความคิดเห็น