คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #7 : [SF] Cupcake #1 [re-write]
Cup Cake #1
Date : 22.06.2012
Re-Write : 05.03.2013
ทำไมถึงชอบ กิน คัพเค้กน่ะเหรอ .. จ้างให้ก็ไม่บอกหรอก
ยามเช้าสดใสที่เด็กดีสุดหล่ออย่างจองยงฮวาเตรียมพร้อมสำหรับการเริ่มต้นวันใหม่ หรือถ้าจะให้บอกให้เข้าใจง่ายๆกว่านี้เด็กดีที่ว่าก็คือตัวผมเองนี่แหละ
ใครว่าเด็กผู้ชายต้องขี้เซา ในเมื่อผมไม่ได้เป็นแบบนั้นเลยสักนิด ตรงกันข้าม ผมว่าผู้หญิงต่างหากที่เป็นฝ่ายขี้เซา เอ๊ะ แต่อย่าเพิ่งคิดว่าผมจะเหมารวมว่าพวกคุณๆกันหมดล่ะ ผมแค่มองจากคนใกล้ตัวอย่างยัยผู้หญิงข้างบ้านที่ป่านนี้คงยังมุดอยู่ใต้ผ้าห่มเหมือนทุกทีนั่นแหละ ผมก็เลยต้องเหนื่อยมาสวมมาดคนดีช่วยจัดระเบียบสังคมให้ตื่นตัวทุกวัน
“ยัยขี้เซา!! จะนอนอะไรนักหนาเนี่ย!!” ผมส่งเสียงตะโกนไปยังหน้าต่างที่ถูกม่านสีขาวบดบังไว้พร้อมกับลากจักรยานคู่ใจออกมานอกรั้วบ้าน
“ยงฮวา! แม่บอกกี่ทีแล้วว่าอย่าไปแกล้งพี่เขา”
“แกล้งอะไรกันละฮะ ผมแค่ช่วยจัดระเบียบชีวิตให้ยัยนั่นเอง .. ยัยขี้เซา ถ้าไม่ตื่นฉันจะเขวี้ยงรองเท้าใส่หน้าต่างห้องเธอจริงๆนะ” ผมยังคงไม่ล้มเลิกกิจวัตรประจำวันก่อนไปโรงเรียน เชื่อสิ อีกไม่กี่นาทีข้างหน้า คุณจะได้เห็นยัยผู้หญิงหัวยุ่งหน้ามุ่ยโผล่หน้ามาตรงหน้าต่างบานนั้นแน่ๆ
“เดี๋ยวเถอะยงฮวา!”
“ไอ้บ้ายงฮวา! เงียบสักทีได้ไหม!!!” นั่นไงล่ะฮะ ยัยหัวยุ่งลุกขึ้นมายืนโหวกเหวกตรงนั้นจริงๆด้วย ฮึๆ ชุดนอนตลกเป็นบ้า ผู้หญิงอะไรโตป่านนี้ยังใส่ชุดนอนลายกบอีก
“เอ๊ะ คุณน้า! อรุณสวัสดิ์ค่ะ” โอ้โห พอหันมาเห็นแม่ผมก็รีบเปลี่ยนเสียงเป็นเด็กเรียบร้อยไร้เดียงสาทันทีเลยนะ
“น้าขอโทษแทนไอ้ตัวแสบด้วยนะจ้ะ”
“จะไปขอโทษทำไมล่ะฮะ ยัยนั่นต้องขอบคุณผมมากกว่าที่ผมทำตัวเป็นนาฬิกาปลุกให้ .. มีเรียนตอนสิบโมงไม่ใช่รึไง ดีแค่ไหนแล้วที่ฉันอุตส่าห์ปลุก”
“ใครขอร้องนายไม่ทราบ!”
“ไม่ต้องมีใครขอฉันก็รู้หรอกว่าเธอพึ่งตัวเองไม่ได้”
“ยงฮวา!”
“ไม่พอใจก็วิ่งลงมาเลยสิ แบร่~”
“พอแล้วยงฮวา ไปโรงเรียนได้แล้ว เลิกกวนพี่เขาสักที” สุดท้ายผมก็โดนคุณแม่สุดที่รักไล่จนได้ ฮึๆ แต่แค่ได้กวนประสาทยัยเด็กกะโปโลนั่นก่อนไปโรงเรียนทุกเช้าผมก็พอใจแล้วล่ะ
ช่วงเวลาของผมในรั้วโรงเรียนผ่านไปไวจนคุณคงไม่อยากเชื่อ เพราะผมจดจ่อกับช่วงเวลาหลังเลิกเรียนมากกว่า อ้อ อย่าสงสัยเชียวนะครับว่าวันๆผมไม่มีงานมีการบ้านรึไง ถึงจะเห็นผมชอบแกล้งยัยเด็กกะโปโลแต่จริงๆแล้วผมเป็นคนมีความรับผิดชอบและหัวดีนะครับ เพราะงั้นก็เลยไม่ค่อยมีการบ้านและงานอะไรมากวนใจนัก
ไฟในครัวของบ้านหลังข้างๆเป็นสัญญาณให้ผมล็อคเป้าหมายได้อย่างง่ายดาย เพราะทุกๆเย็นครัวของบ้านนั้นจะถูกยัยคนที่ผมแกล้งเมื่อเช้าบรรจงทำขนมแสนรักอย่างมีความสุข และแน่ล่ะว่าผมนี่แหละจะไปป่วนความสุขของยัยนั่นให้สนุกไปเลย
“ไง” ผมทักทายด้วยคำง่ายๆพร้อมกับเชิญตัวเองเข้าไปในครัวบ้านคนอื่นเสร็จสรรพ
“นี่! ฉันบอกนายเป็นล้านรอบแล้วไม่ใช่เหรอว่าอย่าปีนหน้าต่างเข้ามาแบบนี้” เสียงใสตอบกลับคำทักทายของผมกลับมาด้วยสีหน้าหงุดหงิด อะไรกัน ผมอุตส่าห์ทักทายดีๆ
“ฉันก็ทำให้เห็นเป็นล้านรอบแล้วไม่ใช่รึไงว่าฉัน ‘ไม่ฟัง’ ” เน้นคำสุดท้ายให้อีกคนได้เดือดปุดๆเหมือนเตาอบที่กำลังส่งไอร้อนตรงหน้า
“โอ้โห ทำเค้กอีกแล้ว ถึงว่าล่ะกลิ่นไหม้ลอยไปถึงบ้านฉันนู่น”
“ไหม้บ้าอะไร หยุดพูดมั่วๆสักทีเถอะ แล้วก็ไปให้พ้นหน้าฉันเลย”
“แน่ใจเหรอว่าจะให้ไป ถ้าไม่มีฉันสักคนไอ้เค้กในเตาอบของเธอใครจะเสียสละกินให้”
“ฉันก็ไม่ได้ขอร้องอะไรนายนี่ นายเป็นฝ่ายเสนอตัวเข้ามาทั้งที่ฉันไม่ได้ต้องการเลยสักนิด”
“ฮึ ยัยกะโปโล เพราะฉันเป็นคนดีเกินกว่าจะยอมปล่อยให้คนอื่นเป็นเหยื่อผู้เคราะห์ร้ายที่ต้องชิมเค้กฝีมือเธอหรอก”
“ไอ้บ้ายงฮวา! หยุดเรียกฉันว่ากะโปโลสักทีได้ไหม! ฉันอายุมากกว่านายอีกนะ แล้วที่สำคัญฉันมีชื่อ ถ้าเราจะญาติดีกันไม่ได้นายก็ไม่ต้องเข้ามาเหยียบบ้านฉันเลย” ยัยกะโปโลทำหน้าไม่พอใจอย่างถึงที่สุดจนได้ ไอ้ผมแค่อยากแกล้งให้ชีวิตมันมีสีสันก็เท่านั้น เพราะงั้นคงไม่ดีแน่ถ้าทำให้ยัยนี่โกรธขึ้นมาจริงๆ
“แค่นี้ทำเป็นงอแงไปได้ ฉันเรียกชื่อเธอก็ได้ ซอฮยอน พอใจมะ”
“ไม่พอใจ ฉันอายุมากกว่า นายควรจะเรียกฉันว่าพี่ซอฮยอน”
“ฝันไปเถอะ” ผมยืนยันคำตอบของตัวเองพร้อมกับปักหลักนั่งลงที่เก้าอี้ คอยให้ไฟสีส้มในเตาอบดับลง ระหว่างนั้นก็ไม่ค่อยได้คุยอะไรกับยัยกะโปโลเท่าไหร่ เพราะถ้าไม่หาเรื่องแกล้ง ผมก็ไม่มีเรื่องอะไรให้คุยนักหนาหรอกครับ
หลังจากที่เสียงสัญญาณบอกให้รู้ว่าขนมอบเสร็จเรียบร้อยแล้ว ยัยกะโปโล ไม่สิ ซอฮยอนก็เอามันมาพักไว้แล้วบรรจงแต่งหน้าเค้กอย่างมีความสุขจนแทบจะลืมว่ามีตัวป่วนอย่างผมนั่งเป็นตอไม้อยู่ข้างๆ .. พอได้ทำสิ่งที่ชอบก็ลืมทุกสิ่งเลยนะ!
ผมเองก็ไม่อยากจะกวนอะไรเกินไปนักก็เลยนั่งมองยัยนั่นยิ้มน้อยยิ้มใหญ่อยู่กับการวาดลวดลายบนเค้ก จะว่าไปมันก็เพลินดีนะครับ ซอฮยอนมีมุมเล็กๆที่น้อยคนนักจะเห็น และผมก็เป็นหนึ่งในจำนวนคนพวกนั้นที่ได้เห็น
“เสร็จแล้วใช่มะ” ผมเอื้อมมือไปคว้าเค้กถ้วยเล็กมาถือไว้อย่างวิสาสะ
“ไม่ได้นะ! ฉันยังไม่ได้ถ่ายรูปเลย” ซอฮยอนพูดพร้อมกับรีบแย่งเค้กไปวางไว้ที่เดิม ก่อนจะวิ่งขึ้นไปหยิบกล้องบนชั้นสอง
“เรื่องมากจริง” ถึงผมจะบ่นแต่ก็ต้องนั่งรออยู่ดีแหละครับ ทำไงได้ก็ยัยนี่เล่นทำขนมแบบนี้ทุกวันถ้าผมไม่เป็นคนดีมาช่วยจัดการ สุดท้ายชะตากรรมของเค้กเล็กๆก็คงหนีไม่พ้นลงถังขยะ เพราะถึงแม้มันจะน่ากินแต่ถ้าต้องกินทุกวันคงเบื่อน่าดู โชคดีนะที่ผมไม่ใช่คนขี้เบื่อ
“ได้แล้ว” ซอฮยอนยิ้มออกมาทันทีที่รูปในแผ่นโพลารอยด์ชัดเจนขึ้นมา
“กินได้แล้วใช่มะ”
“อื้อ”
“แหวะ ไม่เห็นอร่อยเลย รสชาติไม่ได้เรื่อง” ผมร้องออกมาทันทีที่งับแป้งเค้กเข้าไปคำแรก
“อะไรกัน”
“ไม่เชื่อก็ลองดูสิ ฝีมือเธอไม่ได้พัฒนาขึ้นเลยเหอะ” ซอฮยอนกำลังจะยื่นมือมารับเค้กแต่ขอโทษเถอะยัยกะโปโล เธอรู้ไม่ทันฉันหรอก
“นาย!” ผมจัดการเสิร์ฟหน้าเค้กเล็กๆจิ้มลงไปบนจมูกซอฮยอน แค่นี้ก็โมโหตาเขียวขึ้นมาเลย
“ก็เธอเดินเข้ามาเองอ่ะ”
“อย่ามาทำเป็นพูดดี นายแกล้งฉัน”
“เปล่าสักหน่อย”
“ไอ้คนโกหก”
“อ่ะๆ เช็ดให้ก็ได้ ทำเป็นโมโหไปได้เรื่องแค่นี้เอง” แล้วผมก็ช่วยเช็ดผลงานตัวเองให้ด้วยกระดาษทิชชู่ .. คุณรู้ไหมว่าเวลายัยนี่ทำตาโตตอนโมโหน่ะมันตลกแค่ไหน เพราะงั้นผมก็ไม่ได้แค่แกล้งพร่ำเพื่อหรอกนะ
หลังจากเช็ดครีมเค้กออกไปจากหน้าหมดแล้ว ซอฮยอนก็หยิบเค้กอีกถ้วยขึ้นมาลองชิมบ้าง
“นายมั่วแล้ว อร่อยออก”
ผมก็มั่วจริงๆนั่นแหละครับ ฝีมือทำขนมของยัยนี่น่ะ จะเรียกว่าขั้นเทพก็เกือบจะได้ แต่จะให้ผมชมออกหน้าออกตา ไม่มีทางซะหรอก
“เธอสิมั่ว ฝีมือตัวเองก็คิดเองน่ะสิว่าอร่อย มันต้องให้คนกลางอย่างฉันเป็นคนบอกว่าอร่อยหรือไม่อร่อย”
“นายเป็นกลางตายแหละ ฉันจะลองเอาไปให้คนอื่นชิม”
“ถ้าเขาบอกอร่อยก็เพราะอยากรักษาน้ำใจเธอหรอก”
“แล้วทำไมนายไม่รักษาน้ำใจฉันบ้างล่ะ กี่ครั้งๆก็บอกว่าไม่ได้เรื่องตลอด ลิ้นนายน่ะสิที่เพี้ยนไม่ใช่ฝีมือฉัน”
“ฉันหวังดีกับเธอหรอก ถ้าฉันบอกว่าอร่อยเธอจะพัฒาฝีมือตัวเองได้ไง” ซอฮยอนทำท่าเหมือนกำลังจะกัดเค้กในมืออีกคำเพื่อทดสอบรสชาติให้แน่ใจผมก็เลยถือโอกาสนั้นยื่นหน้าเข้าไปชิงกัดเค้กซะก่อน
“นาย!” ทำไมยัยนี่ต้องร้องออกมาแบบนี้น่ะเหรอ ก็ตอนนี้หน้าเราสองคนก็เลยห่างกันแค่คัพเค้กกั้นเท่านั้นน่ะสิ ฮ่ะๆ ยัยกะโปโลหน้าแดงแจ๋เชียวนะ แล้วอย่างนี้ยังจะมาบอกให้เรียกว่าพี่อีก .. เธอน่ะมันเด็กจริงๆเลย
“หยุดแกล้งฉันสักทีเถอะน่า” ซอฮยอนผลักให้ผมถอยหลังลงไปนั่งที่เก้าอี้
“แกล้งอะไร”
“ที่นายทำอยู่นี่ไง พอทีเถอะ อย่าพยายามแกล้งทำให้ฉันหวั่นไหวหน่อยเลย ฉันไม่หลงกลนายหรอก” ถึงจะพูดแบบนี้แต่หน้ายัยซอฮยอนก็แดงจนผมมองเห็น
“ก็ไม่ได้แกล้งฉันทำจริงๆ แล้วเธอน่ะ ..” จบประโยคสุดท้ายผมลุกขึ้นยืนอีกครั้งแล้วขยับเข้าไปใกล้ก่อนจะก้มลงกระซิบให้ฟังเบาๆ
“.. จะไม่หวั่นไหวสักนิดจริงๆเหรอ”
“ไม่มีทางหรอก! นายก็แค่มาหาฉันเพราะนายอยากกินเค้กฟรีเท่านั้นแหละ!” ซอฮยอนผลักผมอีกครั้งแต่คราวนี้ตัวเองเป็นฝ่ายถอยหลังห่างออกไป
“ว๊า~ นึกว่าจะหลงกล”
“จะไม่บอกฉันจริงๆเหรอว่าทำไมนายถึงชอบกินคัพเค้กนัก”
“นั่นมันเรื่องของฉัน เธอมีหน้าที่ทำก็ทำไปเถอะน่า”
“หนอย! งั้นกินเสร็จแล้วก็รีบๆไปจากบ้านฉันเลยนะ” ยัยซอฮยอนขับไล่ไสส่งทันทีที่คำตอบเดิมหลุดจากปากผม แล้วก็เป็นอันว่าสิ้นสุดบทสนทนาของวันด้วยการที่ผมโดนไล่ออกจากครัวทุกวัน ไว้พรุ่งนี้ค่อยตื่นมาป่วนแต่เช้าแล้วกัน
“ไปล่ะนะ”
“เชิญไปให้พ้นๆเลยไอ้เด็กบ้า”
“ถ้าไปจริงอย่าให้เห็นว่าคิดถึงแล้วกัน” ผมยังไม่เลิกแหย่
“ฉันจะโล่งใจน่ะสิ ถ้าไม่ต้องตื่นมาเห็นหน้านายทุกวัน”
“ปากแข็ง”
“จะไม่หยุดพูดใช่ไหม!”
ผมวิ่งออกมาให้ห่างจากหน้าต่างทันทีที่เห็นยัยกะโปโลหยิบถาดใส่เค้กขึ้นมาถือไว้ในมือ ขืนอยู่ต่ออีกสักนาทีหัวผมคงจะปูดแน่ๆ ผมไม่ได้อยากจะไม่ตอบยัยนั่นสักหน่อย แต่ใครใช้ให้ถามเรื่องนั้นล่ะ
พวกคุณเองก็คงจะสงสัยเหมือนกันใช่ไหมล่ะครับว่าทำไมผมถึงชอบคัพเค้ก ทำไมผมถึงต้องตื่นมาตะโกนโหวกเหวกแต่เช้าทุกวัน ทำไมจะต้องหาเรื่องแกล้งแบบนั้น
ถ้าผมไม่ตะโกนเรียก แล้วผมจะได้เห็นหน้ายัยนั่นก่อนไปโรงเรียนได้ยังไง ถ้าผมไม่หาเรื่องแกล้ง ก็คงไม่ได้เห็นยัยนั่นถลึงตาดุๆใส่ ทั้งที่ไม่ได้รู้เอาซะเลยว่าไอ้ที่ทำน่ะมันไม่ได้น่ากลัวเลยสักนิดเดียว แล้วที่สำคัญ พวกคุณรู้แล้วอย่าไปบอกซอฮยอนเชียวนะ! ยัยนั่นคงโกรธแน่ถ้ารู้ว่าผมบอกพวกคุณแต่ไม่ยอมบอกตัวเอง คำถามที่เธอเอาแต่ถามผมว่า ..
‘ทำไมถึงชอบกินคัพเค้ก’
จะให้ตอบว่ายังไงล่ะ ในเมื่อผมไม่ได้ชอบกินคัพเค้ก
แต่ที่กิน ..
เพราะชอบคนทำคัพเค้กต่างหากล่ะ!
ความคิดเห็น