คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #6 : [SF] LOCKER (Yonghwa's Part) [re-write]
LOCKER [Yonghwa’s Part]
Date : 21.10.2011
Re-Write : 05.03.2013
ยงฮวากำลังยืนอยู่ตรงหน้าผู้หญิงหนึ่งคนพร้อมกับหยิบกระดาษสีชมพูรูปดาวมาให้เธอดู และเมื่อทำแบบนั้นมันก็แทบจะกักเก็บรอยยิ้มเอาไว้ไม่อยู่ เมื่อได้เห็นเธอตรงหน้ากำลังแสดงออกมาจนหมดเปลือกว่าชอบเขามากแค่ไหน
“เมื่อสองปีที่แล้วพี่บังเอิญเจอดวงดาวตกลงมาจากท้องฟ้าน่ะสิ”
ใช่แล้ว .. หากย้อนกลับไปเมื่อสองปีที่แล้วตอนที่เขาก้าวพ้นจากการเป็นน้องใหม่ปีหนึ่งในโรงเรียนมัธยมปลาย ตอนที่โรงเรียนมีการเรียนปรับพื้นฐานของเด็กปีหนึ่งรุ่นต่อมา ทั้งที่เขาไม่จำเป็นต้องมาโรงเรียนในเวลาปิดเทอมแบบนี้เลย แต่เพื่อนตัวดีก็บังคับให้เขามาเป็นโค้ชฝึกบาสจำเป็นชั่วคราวและวันนั้นเองนั่นแหละที่ทำให้เขาได้รู้ว่า .. ดาวที่ตกลงมาจากฟากฟ้ามันเป็นยังไง
“ไอ้ยงฮวา มึงอยู่ใกล้สุดไปเก็บลูกบาสมาด่วนๆ” เพื่อนสุดที่รักที่บังคับขู่เข็ญให้ยงฮวาละจากการนั่งอ่านการ์ตูนอย่างสบายใจในเวลาปิดเทอมต้องถ่อสังขารมาเป็นโค้ชจำเป็นให้กำลังตะโกนจิกหัวสั่งให้ยงฮวาแอบหัวเสียนิดๆ แต่เพราะเห็นว่าเป็นเพื่อนรักที่มุ่งมั่นว่าปีนี้อยากจะเล่นเป็นตัวจริงเหมือนเขาก็เลยไม่ได้ถือโทษโมโหอะไรเท่าไหร่
ยงฮวาวิ่งตามลูกบาสที่กลิ้งมายังตึกเรียนของปีหนึ่ง จัดการหยิบลูกกลมๆมาไว้ในมือเตรียมวิ่งกลับไปที่สนาม แต่แล้วจู่ๆเสียงร้องก็ดังมาจากตึกด้านบนพร้อมกับกระดาษมากมายโปรยลงมาตามแรงลม
“ว้าย!!”
“ซอฮยอนเธอนี่ซุ่มซ่ามจริงๆเลย ปลิวลงไปข้างล่างรึเปล่าเนี่ย!” เสียงผู้หญิงอีกคนตะโกนขึ้นมาบ้าง
“โอ้ยถ้าปลิวลงไปข้างล่างฉันจะเก็บหมดได้ยังไงเนี่ย”
“รีบเก็บบนนี้ก่อนเถอะ”
ยงฮวาที่ยืนอยู่ตรงนั้นและได้ยินบทสนทนาที่ดังมาจากชั้นบนเกือบทั้งหมดก็ตัดสินใจว่าถ้าช่วยเก็บกระดาษให้รุ่นน้องมันคงไม่เสียเวลาอะไรมากนัก
กระดาษในมือของยงฮวาที่อัดแน่นไปด้วยวิชาเรียนถูกขีดด้วยปากกาเน้นข้อความ ปากกาสี ถูกวาดรูปด้วยดินสอ หรืออะไรต่างๆนานามันคงไม่แปลกตามประสาเด็กผู้หญิง เพียงแต่รูปทุกรูปในกระดาษพวกนี้ ..
“อะไรวะเนี่ย ทำไมมันมีแต่รูปดาว”
กวาดสายตามองซ้ายขวาเกือบทุกซอกทุกมุมเท่าที่สายตาจะสอดส่องได้และคาดว่ากระดาษคงไม่ปลิวไปที่อื่นแล้วก็ตั้งใจจะรอให้เจ้าของลงมาเอาแต่เพื่อนตัวดีที่เห็นว่าเขาหายไปนานก็ตะโกนเรียกขึ้นมา
“ไอ้ยงฮวา!”
“เออๆ ไปแล้วๆ”
ยงฮวาวางกระดาษที่เรียงเอาไว้เรียบร้อยดีพร้อมกับใช้หินก้อนเล็กๆที่หาได้แถวนั้นมาทับไว้แล้วหยิบลูกบาสวิ่งไปรวมกลุ่มกับเพื่อน คลาดกับเจ้าของแผ่นกระดาษที่วิ่งลงมาด้านล่างไม่ถึงนาที
“ไปซื้อลูกบาสอยู่รึไงวะ!”
“กูไปช่วยน้องปีหนึ่งเก็บกระดาษอยู่เว้ย”
“เออ ไอ้พระเอกมึงหยุดทำตัวเป็นคนดีสักทีเหอะแค่นี้รุ่นพี่ก็หลงมึงทั้งโรงเรียนแล้ว จะกวาดรุ่นน้องไปอีกรึไงเอาเวลามาสอนวิชายุทธ์ให้กูดีกว่า กูจะได้เข้าทีมไปให้สาวๆกรี๊ดแบบมึง ฮ่าๆๆๆ”
ตุ๊บ!
“ไอ้บ้า หยุดฝันแล้ววิ่งตามกูให้ทันก่อนเหอะ” ยงฮวาโยนลูกบาสใส่เพื่อนตัวดีให้ฝันกระเจิงก่อนจะหัวเราะออกมา นี่แหละเหตุผลที่เพื่อนเขาอยากเป็นตัวจริงทีมโรงเรียน เพราะมันอยากมีสาวๆมากรี๊ด
ทั้งที่เล่นบาสอยู่แต่หางตาคมก็ดันเห็นเหมือนมีใครมาหยิบกองกระดาษที่เขาวางเอาไว้ มองไปก็เห็นเด็กผู้หญิงผมยาวแต่งตัวเรียบร้อยคนหนึ่งกำลังหยิบกระดาษนั้นขึ้นมาแล้วมองซ้ายมองขวา .. เธอคงกำลังสงสัยอยู่ล่ะมั้งว่าใครเป็นคนเก็บให้
และนั่นก็ไม่ใช่ครั้งแรกที่ยงฮวาบังเอิญเจอกับเด็กหญิงดาวที่เขาแอบเรียกอยู่ในใจ เพราะหลังจากนั้นเขาก็เจอเธออีกครั้งที่ตู้ล็อคเกอร์ของตัวเอง บังเอิญว่าเห็นเธอกำลังจะไขประตูเบอร์สิบเอ็ดที่อยู่ด้านบนตู้ของเขา ตอนนั้นเองที่เขาได้เห็นหน้าเธอชัดๆได้คุยกับเธอจริงๆ
“ครบไหม” ผมถามออกไปแบบไม่มีปี่มีขลุ่ย
“ค.. คะ?”เธอหันมามองผมงงๆผมเองก็ลืมคิดไปว่าเธออาจจะตกใจก็ได้ ก็เลยขยายความให้เข้าใจอีกนิด
“กระดาษที่ปลิวลงมาไง”
“เอ่อ .. ครบค่ะ ขอบคุณนะคะ”
ผมพยักหน้าตอบรับคำขอบคุณและส่งยิ้มไปให้เธอบางๆก่อนจะแยกตัวออกมา ถ้าจะถามว่าความบังเอิญมันมีอยู่จริงๆบนโลกนี้ไหม ผมเองก็ตอบไม่ได้เพียงแต่ที่ผมรู้คือจากวันนั้นเป็นต้นมาผมก็บังเอิญเจอเธอบ่อยขึ้น ตามทางเดิน ที่โรงอาหาร หรือที่ๆปีหนึ่งกับปีสองได้เรียนใกล้กันเพราะปกติโรงเรียนของผมจะแยกตึกเรียนตามระดับชั้นกันอย่างชัดเจน แต่มันก็มีบ้างบางวันที่ผมบังเอิญเจอเธออยู่ในห้องสมุด .. แต่อย่าเพิ่งคิดว่าผมเป็นเด็กเรียนที่เข้าห้องสมุดทุกพักเที่ยงนะครับ ผมกำลังจะบอกว่าผมเจอเธอที่ห้องสมุดโดยที่ตัวผมเองเล่นบาสอยู่ที่สนาม แค่บังเอิญว่าวันนั้นผมหันไปเห็นเธอกำลังหาหนังสือในตู้ที่อยู่ติดกับกระจกบานที่มองเห็นสนามโรงเรียนและหลังจากนั้นทุกๆพักกลางวันผมก็เห็นเธออยู่ที่ตู้นั่นตลอด ผมไม่ใช่พวกหลงตัวเองนะครับแต่มันก็มีบ้างที่ผมจะคิดเข้าข้างตัวเองเพราะในโรงเรียนผมเองก็แอบดังอยู่นิดหน่อย และข่าวลือของผมก็ดังกระฉ่อนไปทั่วโรงเรียน ข่าวลือที่ว่า .. จองยงฮวา ไม่เคยสนใจผู้หญิงคนไหนที่คอยไล่ตามเขาทั้งนั้น
ผมไม่รู้ว่าใครเป็นคนปล่อยข่าวลือนั้นออกมา แต่มันก็มีมูลความจริงอยู่เพราะผมไม่ได้สนใจคนที่เรียกตัวเองว่าแฟนคลับของผมเท่าไหร่นัก เพราะผมคิดว่าพวกเธอก็แค่หาอะไรสนุกๆทำเท่านั้น มันก็เหมือนแฟชั่นในโรงเรียนพอจบออกไปก็ไม่มีใครมาชอบผมจริงๆจังๆหรอกครับ และผมก็คาดว่าเธอคนนั้นก็คงจะรู้ หรือไม่เธอก็อาจจะไม่ได้สนใจผมจริงๆ เพราะหลังจากที่ผมทักเธอไปที่ล็อคเกอร์ ผมก็ไม่เคยเห็นเธอไปที่นั่นอีกเลย
ผมเดาเอาว่าเธอคงไม่อยากมีปัญหาทั้งที่เพิ่งเข้ามาเรียนปีแรกถึงได้ตัดสินใจไม่ไปใช้ล็อคเกอร์นั้น เพราะมันเป็นตำแหน่งที่อยู่ใกล้ๆกับของผม ผมก็เลยตั้งใจว่าจะไม่ทำตัวว่าตัวเองรู้จักเธอ เพราะเอาจริงๆแล้วชื่อเธอผมยังไม่รู้จักเลยด้วยซ้ำ จะเหมาเอาว่าการที่ผมช่วยเธอนิดๆหน่อยๆแล้วจะไปทำตัวสนิทสนมมันก็น่าเกลียดเกินไป
ใครหลายๆคนพอมาเจอแบบนี้อาจจะคิดไปว่าที่ผมให้ความสนใจกับเธอมันเป็นเพราะผมตกหลุมรักเธอรึเปล่า .. ผิดถนัดเลยครับ ผมไม่ได้มีความคิดที่จะชอบเธออยู่เลย เพียงแต่เพราะความบังเอิญที่ได้เจอเธอบ่อยๆ มันทำให้ผมค่อยๆจดจำเธอไปทีละนิดๆโดยที่ผมไม่รู้ตัวเลย ไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าสัญลักษณ์รูปดาวที่ติดตัวเธอไปไหนมาไหนตลอดเวลา ไม่ว่าจะเป็นในกระดาษโน็ต ลายกระเป๋า และก็รูปวาดอะไรมากมายที่ผมบังเอิญเห็นบนกองชีทงานบนโต๊ะอาจารย์เวลาไปช่วยงานที่ห้องพักครู ตอนนี้มันกลายเป็นสัญลักษณ์ประจำตัวผมจนคนรู้กันทั่วโรงเรียนแล้ว
หลังจากนั้นจนกระทั่งเปิดเทอมของปีสาม ผมไม่เคยทักทาย ไม่เคยเข้าไปหาเธอเลยสักครั้ง ตลกดีไหมละครับที่ผมเห็นทุกๆอย่าง รับรู้ทุกสิ่งที่เธอทำ จนสามารถยืนยันกับตัวเองจนแน่ใจได้แล้วว่า .. เธอหลงรักผมเข้าแล้วล่ะ
ถ้าถามว่าผมรู้ได้ยังไง .. ผมบอกให้ง่ายๆว่าการกระทำของเธอมันฟ้องน่ะสิ ผมรู้ทุกครั้งเวลาที่เธอกำลังมองตอนที่ผมเล่นบาสอยู่กลางสนาม รู้ทุกครั้งเวลาที่ผมไปหยิบของในล็อคเกอร์แล้วเธอกำลังซ่อนตัวอยู่ในห้องเรียนว่างๆ รู้ทุกครั้งที่เธอชอบไปแอบอยู่ตามมุมของโรงเรียนเวลาที่ผมเดินไปแถวนั้นแล้วทำดาวพับหล่นเกลื่อนเต็มพื้นไปหมด นี่ยังไม่นับกระดาษรูปดาวสีชมพูที่กลายเป็นขาประจำล็อคเกอร์ผมทั้งเช้าเย็นอีกนะ
อาจเพราะความพยายามของผู้หญิงตัวเล็กๆคนหนึ่งที่ทำให้ใครอีกคนโดยที่ไม่เคยหวังให้เขารับรู้ มันทำให้หัวใจของใครคนนั้นค่อยๆซึมซับความหวังดีนั้นเข้ามาทีละนิดๆ ในตอนนี้ผมกำลังจะยอมรับกับคุณแล้วล่ะครับว่าผมรู้สึกยังไงเพราะในตอนนั้นที่ผมบังเอิญเจอกับเธอที่ร้านขายเครื่องเขียน
“ให้ฉันช่วยหาไหมคะ คุณอยากได้สีอะไร” เสียงใสถามผมขึ้นมาอย่างร่าเริง
“สีฟ้าครับ” แล้วผมก็ตอบกลับไปพร้อมกับเงยหน้าขึ้นมอง
ตอนนั้นนั่นแหละที่ผมรู้สึกเหมือนโลกมันนิ่งไป เธอคนนั้นยืนอยู่ตรงหน้าผมแต่เธอกำลังอึ้ง ผมเองก็เหมือนกันเพราะความกังวลผมก็เลยก้มหน้าลงมามองพื้นแล้วก็เห็นกระดาษรูปดาวสีชมพูตกอยู่ที่ปลายเท้าของเธอ ผมไม่อยากให้เธอรู้ว่าผมรู้แล้วว่ามันเป็นของใคร ถึงได้เอื้อมมือไปหยิบแล้วบอกว่าเป็นของผมเอง
ตลอดเวลาเธอหากระดาษสีแบบลุกลี้ลุกลน ไม่ยอมพูดจา อันที่จริงเธอไม่ยอมหันหน้ามามองผมเลยสักนิด ผมก็เลยต้องชวนเธอคุย แต่ไม่ว่าจะกี่คำถามคำตอบที่ผมได้มันกลับเหมือนเดิมนั่นก็คือ ..
“อะ .. เอ่อ ค่ะ”
ผมชักหวั่นใจแต่ก็จัดการแนะนำตัวเองอย่างเป็นทางการจนในที่สุดก็รู้จักชื่อของเธอ(จริงๆผมรู้อยู่แล้วนะ เพราะเคยแอบเปิดสมุดเธอดูตอนที่อยู่ในห้องพักครู) แค่นั้นมันก็น่าจะพอแล้วกับสิ่งที่คนขี้ขลาดอย่างผมควรจะได้ หลังจากได้กระดาษสีตามที่ผมต้องการเราสองคนก็ออกไปข้างนอกพร้อมกัน แต่ดูเหมือนคนบนฟ้าจะเมตตาผมอยู่บ้างถึงได้เสกให้ท้องฟ้ามืดครึ้มและร้องโครมครามแบบนั้น ผมก็เลยรวบรวมความใจกล้าหน้าด้านทั้งหมดออกมาเพื่อเสนอว่าจะไปส่งเธอที่บ้าน และผมก็ได้ทำแบบนั้นจริงๆ แล้วเรื่องราวทั้งหมดมันก็ดำเนินไปตามที่ผมอยากจะให้มันเป็น ติดอยู่ที่เดียวตรงที่ผมทำให้เธอเจ็บ แต่ผมจะคิดว่ามันคือโอกาสอีกครั้งที่ใครบางคนตั้งใจให้ผมกล้าสารภาพบางอย่างออกไปสักที
“เมื่อสองปีที่แล้วพี่บังเอิญเจอดวงดาวตกลงมาจากท้องฟ้าน่ะสิ”
นี่คือคำสารภาพที่ผมพูดออกไป .. ถ้ามีใครถามผมว่าทำไมผมถึงต้องทำตัวเป็นคนดีเหมือนเทพบุตรที่น่าหมั่นไส้ให้ผู้หญิงทั้งโรงเรียนไล่ตาม ผมก็จะบอกเขาไปว่า .. ผมไม่ได้อยากเป็นเทพบุตรหรือนายสุดฮอตในสายตาใคร ผมแค่อยากทำตัวให้ดีพอจนกว่าวันที่ผมจะแน่ใจว่าผมพร้อมและคู่ควรกับความรู้สึกดีๆที่ผู้หญิงคนนึงมีให้ผมตลอดมา
และตอนนี้ผมก็คิดว่าผมพร้อมแล้วที่จะเลิกทำเป็นมองไม่เห็นเธอสักที ผมเองก็เหนื่อยกับการต้องแกล้งทำเป็นไม่รู้เรื่องแล้วลับหลังก็ต้องแอบวิ่งไปหักห้ามหัวใจตัวเองให้เลิกกระหน่ำแสดงอาการให้ใครเห็นเหมือนกัน
“ถ้าไม่มีอีกดวงมาให้พี่วันนี้ งั้นพรุ่งนี้เราต้องไปเปิดล็อคเกอร์เบอร์สิบเอ็ดด้วยกัน”
ก่อนผมจะกลับบ้านผมทิ้งปริศนาเอาไว้ให้เธอสงสัยอย่างนึงเพื่อที่ว่าผมจะได้แน่ใจว่าเธอจะไม่คิดถึงเรื่องอื่นนอกจากเรื่องของผม .. ตลกดีไหมล่ะครับ จองยงฮวาที่ผู้หญิงกรี๊ดทั้งโรงเรียนกำลังตะเกียกตะกายหาวิธีให้ผู้หญิงเพียงคนเดียวรู้สึกเป็นห่วง คิดถึง และอยากเป็นคนสำคัญ
...
ล็อคเกอร์เบอร์สิบเอ็ดที่ตอนนี้ไม่ได้มีเพียงแค่เจ้าของตู้ยืนอยู่ตรงหน้า ยังมีจองยงฮวาและบรรดาแฟนคลับที่สงสัยและไม่พอใจที่เห็นยงฮวาพาเด็กปีสองนั่งซ้อนจักรยานที่เขาบรรจงเอาไปเพิ่มเบาะนั่งมา
“เปิดเลยสิ”
“แต่พี่คะ .. คนอยู่เยอะแยะเลยนะคะฉันไม่อยากให้ใครรู้ว่าตู้นี่เป็นของฉัน”
“ไม่รู้ตอนนี้สักวันก็ต้องรู้นะ” ยงฮวาเกลี้ยกล่อมให้อีกคนยอมเอากุญแจไขตู้ออกมาสักที
“ .. ก็ได้ค่ะ” ซอฮยอนได้แต่คิดเดาไปเองว่ามันควรจะมีอะไรอยู่ในล๊อคเกอร์ที่ยง ฮวาและซันนี่คะยั้นคะยอให้เปิด ยังไม่ทันจะคิดไปไกลทันทีที่ประตูเปิดออกกระดาษสีฟ้าก็ไหลทะลักออกมาจากตู้ แค่นั้นมันคงทำให้ซอฮยอนตกใจไม่พอเพราะเมื่อมองไปที่กระดาษเหล่านั้นแล้วมันชัดเจนเลยว่า .. เป็นกระดาษสีฟ้าที่ถูกตัดเป็นรูปดาว
“พ.. พี่”
“ถ้าไม่ใช้พี่ว่า .. เอามันไปให้คนที่อยากได้เถอะ” พูดจบยงฮวาก็คว้ากุญแจเล็กๆจากมือซอฮยอนไปแล้วโยนไปที่ฝูงคนที่มามุงดู
“ใครอยากได้ล็อคเกอร์เบอร์สิบเอ็ดผมยกให้เพราะเจ้าของมีไว้ก็ไม่ได้ใช้”
“พี่คะ! แต่นั่นมัน .. ของฉันนะคะ”
“ก็เราไม่ใช้นี่นา”
“แต่ว่า ..”
“พี่จะไม่เอามันมาใส่ในล็อคเกอร์เธออีกแล้ว เพราะฉะนั้นไม่จำเป็นต้องมีหรอก” ซอฮยอนดูเศร้าลงไปทันทีที่ได้ยินเขาพูดแบบนี้ เมื่อกี้เพิ่งจะดีใจที่เห็นดาวสีฟ้า เมื่อกี้เพิ่งจะคิดเข้าข้างตัวเองว่าเขาก็คงรู้สึกเหมือนกัน แต่ตอนนี้มันกลับรู้สึกน้อยใจที่เขาทำแบบนี้โดยที่ไม่สนใจว่าเธอจะรู้สึกยังไง
“เพราะว่าอะไรรู้ไหม ..”
“เพราะว่าดาวดวงนี้จะเป็นดวงสุดท้ายที่พี่จะตัดมาให้เธอ” มือเรียวหยิบดาวกระดาษจากกระเป๋าเสื้อยื่นให้ซอฮยอน ให้เธอพลิกดูข้อความที่เมื่อคืนเขาบรรจงเขียนแล้วขยำทิ้งเป็นเป็นร้อยแผ่นกว่าจะกล้าเขียนประโยคนี้ขึ้นมา ประโยคที่ว่า ..
‘ย้ายมาใช้ล็อคเกอร์เดียวกับพี่เถอะนะ’
ความคิดเห็น