คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : [SF] LOCKER 2-2 [re-write]
LOCKER [2-2]
Date : 20.10.2011
Re-Write : 05.03.2013
“ซอฮยอน! ขาไปโดนอะไรมา” เพื่อนสนิทคนหนึ่งของซอฮยอนถามขึ้นมาทันทีที่เห็นซอฮยอนเดินกะเพลกเข้ามาในโรงเรียน
“ตกบันไดน่ะ แต่มันไม่เป็นไรหรอก” ซอฮยอนส่งยิ้มกลับไปให้พร้อมคำตอบ มันไม่เจ็บหรอก .. ไม่เจ็บเลยสักนิด เมื่อนึกถึงอะไรตั้งมากมายที่ได้รับกลับมา
“วันนี้เธอมาสายคงเอา ’อันนั้น’ ไปส่งให้เขาไม่ได้แล้วล่ะ เพราะวันนี้เขามาตั้งแต่เช้านู่น”
“อ่า .. จริงเหรอ ฉันไม่รู้เลยว่าวันนี้เขาจะมาโรงเรียนเร็วขนาดนี้” ซอฮยอนบอกเพื่อนไปเบาๆพร้อมกับหันไปมองใครคนนั้นที่กำลังพูดถึง ยงฮวานั่งที่ม้านั่งอีกฝั่งตรงข้ามกับประตูโรงเรียนกับกลุ่มเพื่อน เขาไม่มีท่าทีว่ามองเห็นเธอที่ยืนอยู่ตรงนี้เลยสักนิด
มันก็เป็นแบบนี้มาตั้งนานแล้วนี่ ..
ซอฮยอนเดินไปทางตึกเรียนปีสามเร็วที่สุดเท่าที่ขาเจ็บๆจะอำนวยไหว ปล่อยให้เพื่อนๆตรงดิ่งไปทางโรงอาหาร บางที .. ฉันอาจจะแอบเอามันไปใส่ทันก็ได้
คิดเอาไว้ว่าจะทำแบบนั้นแต่แล้วอยู่ๆก็ได้ยินเสียงกรี๊ดเบาๆของกลุ่มเด็กผู้หญิงดังมาจากด้านหลัง ซอฮยอนเดาเอาว่าคงจะเป็นยงฮวาอีกนั่นแหละที่เป็นแหล่งกำเนิดของเสียงนั่น บางทีเขาอาจจะลุกขึ้นไปหยิบลูกบาสมาเล่นหรืออะไรก็แล้วแต่ .. แต่ซอฮยอนไม่ได้หันหลังกลับไปมองเพราะหากทำแบบนั้นทุกคนก็จะรู้ว่าเธอเองก็เป็นอีกคนที่ชอบเขาและอาจจะเลยเถิดไปถึงขั้นที่เขาเองนั่นแหละจะรู้ความลับนี้เข้า
“ซอฮยอน” เสียงนุ่มของใครบางคนเรียกชื่อเธอเอาไว้ เสียงที่ทำให้เลือดในกายพุ่งพล่านขึ้นมากระจุกรวมกันอยู่บนใบหน้า
“อย่ารีบเดินแบบนี้สิ เดี๋ยวขาก็ระบมหนักกว่าเก่าหรอก” ยงฮวาวิ่งมาจนทันที่จะเดินไปข้างๆคนขาเจ็บ คว้ากระเป๋าที่เธอคล้องไว้ที่แขนไปถือเอาไว้ในมือ
“มานี่ พี่ถือให้ .. เมื่อเช้าพี่มีธุระด่วนอาจารย์นัดมาโรงเรียนแต่เช้าก็เลยไม่ได้ไปรับที่บ้าน ขอโทษนะ”
“ไปรับที่บ้าน?” ไม่ต้องมีคำถามมาถามซ้ำยงฮวาก็น่าจะเข้าใจความหมายของใบหน้าที่งุนงงของซอฮยอน
“ก็พี่เป็นต้นเหตุให้เราเจ็บตัวนี่นา พี่ก็ควรจะรับผิดชอบ”
“ฉันบอกพี่แล้วว่าพี่ไม่ได้..”
“จุ๊ๆ ไม่เอาๆแบบนี้จะทำให้พี่นิสัยเสียนะ”
ไม่พูดเปล่ายงฮวายังเอานิ้วชี้ส่ายไปมาอยู่ตรงหน้าซอฮยอน พร้อมกับทำหน้าเหมือนคุณครูอนุบาลกำลังดุลูกศิษย์ที่เผลองอแง
“ว่าแต่เรากำลังจะไปไหนล่ะ” คำถามนี้ทำเอาคนถูกถามหาคำตอบไม่เจอ
“เอ่อ .. ก็ .. ขึ้นห้องไงคะ”
“แต่ว่าตึกปีสองมันอยู่ทางนู้นนะ” ยงฮวาพูดออกมาธรรมดาๆแต่คนฟังเกือบจะเก็บอาการตกใจเอาไว้ไม่อยู่
“อะ .. คือ”
“แต่ลิฟต์อาจารย์อยู่ทางนี้นี่นาพี่ลืมไป เราขาเจ็บอยู่คงขึ้นลิฟต์ได้อาจารย์ไม่ว่าหรอก เนอะ” คนแสนดีจบประโยคสุดท้ายด้วยการหันหน้ามายิ้มให้คนที่กำลังเหวอเพราะหาทางรอดแทบไม่เจอ และเมื่อเขาทำแบบนั้นซอฮยอนก็รู้สึกว่าใบหน้าของตัวเองร้อนผ่าวมากขึ้นไปอีก
“เลิกเรียนแล้วพี่มารับนะ”
“ค.. คะ?! อย.. อย่าเลยค่ะ” ตอนเย็นก็จะมาอีกเหรอ! แค่นี้ .. หัวใจฉันก็ทำงานหนักเกินไปแล้วนะ
“ทำไมล่ะครับ”
“ฉัน ..”
“ถ้าหาเหตุผลมาบอกพี่ไม่ได้ พี่จะถือว่าตกลงตามนี้ พี่เข้าใจว่าเราอาจจะลำบากใจแต่อย่างน้อยก็ขอให้พี่ดูแลเราจนกว่าขาเราจะหาย” ยงฮวาบอกความต้องการของตัวเองออกมาด้วยใบหน้าที่ฉายชัดว่าเขาตั้งใจจะทำแบบนั้นจริงๆ แต่เมื่อเห็นว่าซอฮยอนนิ่งไปเหมือนถูกดุ ยงฮวาเลยต้องขยับเข้าไปใกล้มากขึ้นอีกนิด เอื้อมมือมาลูบหัวอีกคนก่อนจะยิ้มบางๆแล้วพูดให้หัวใจของคนอ่อนไหวยิ่งละลาย ประโยคแผ่วเบาที่รู้กันแค่สองคน
“ตั้งใจเรียนนะครับแล้วเย็นนี้เจอกัน”
“กรี๊ดดด” เสียงร้องจากคนหลายคนที่แอบฟังบทสนทนาร้องออกมาอย่างเก็บกักความอิจฉาเอาไว้ไม่ได้อีกต่อไป แม้จะไม่รู้ว่ายงฮวาพูดอะไรแต่การกระทำเมื่อครู่ก็ทำเอาบรรดาแฟนคลับตาร้อนขึ้นมาแบบฉุดไม่อยู่
ทันทีที่ยงฮวาวิ่งกลับไปยังตึกของตัวเอง ซอฮยอนก็รีบเข้าไปนั่งที่โต๊ะของตัวเองทันที เตรียมตัวรับความเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้น อีกไม่นานเรื่องนี้ก็คงจะรู้กันไปทั่วโรงเรียนแล้วเธอก็จะต้องโดนรังควาน นี่แหละเหตุผลว่าทำไมซอฮยอนถึงไม่อยากให้ใครรู้ว่าเธอชอบยงฮวา บรรดาแฟนคลับของเขาจะเอาแต่กลั่นแกล้งกันไปมา แย่งชิงยงฮวาทั้งที่ความจริงทุกคนก็รู้อยู่แก่ใจว่าเขาไม่มีวันจะสนใจ .. คนที่คอยวิ่งไล่ตามเขาเด็ดขาด
...
“ยัยซอฮยอน! เกิดอะไรขึ้นเล่าให้ฉันฟังเดี๋ยวนี้เลยนะ!” ซันนี่วิ่งโร่มาจากอีกห้องเพื่อเข้ามาถามเรื่องทุกอย่างจากซอฮยอน เธอรู้ว่าซอฮยอนชอบยงฮวา ชอบมาตั้งนานแล้ว เธอเองก็คอยยุให้ซอฮยอนไปสารภาพแต่เจ้าตัวก็ไม่เคยกล้าไปสักที แล้วอยู่ๆตอนนี้อะไรๆมันกลับสับสนไปหมด แล้วเธอจะยอมพลาดข่าวได้ยังไงกัน!
“ไม่มีอะไรสักหน่อย” คำตอบจากปากกับความจริงจากสีหน้ามันช่างต่างกันลิบลับ ปากก็ปฏิเสธปาวๆว่าไม่มีอะไรแต่ใบหน้ากลับแดงแจ๋เป็นลูกเชอร์รี่ ซันนี่ถึงต้องเค้นคอจนในที่สุดคนปากแข็งก็ยอมเล่าให้ฟังจนหมด
“มันก็แค่บังเอิญน่ะ แล้วเขาก็แค่ .. เป็นคนดีมากๆเท่านั้นเอง”
“อืม .. แต่มันก็มีบางอย่างน่าคิดนะ”
“ไม่ๆ .. ไม่มีอะไรหรอก เธอรู้แล้วห้ามไปบอกใครนะ ฉันไม่อยากให้ใครรู้”
“ฉันเนี่ยนะจะไปบอกใคร ถ้าฉันจะบอกนะฉันบอกพี่ยงฮวาไปตั้งนานแล้วล่ะ แล้วล็อคเกอร์เธอน่ะจะไปจองไว้ทำไม มีไว้ก็ไม่ใช้ คนอื่นเขาอยากจะได้อันนั้นกันใจจะขาด”
“ก็ล็อคเกอร์อันนั้นมัน ..”
“มันคือเบอร์สิบเอ็ดที่อยู่แถวบนตรงกับล็อคเกอร์เบอร์ยี่สิบสองของจองยงฮวาใช่ไหมล่ะ” ซอฮยอนพยักหน้าหงึกๆให้กับซันนี่ที่ยิ้มๆเป็นเชิงหยอกเพื่อนเล่น
“เอาเถอะๆ ว่างๆก็ลองไปเปิดมันดูบ้างล่ะ ป่านนี้หนูเข้าไปทำรังแล้ว ฉันกลับห้องก่อนล่ะเดี๋ยวอาจารย์เข้าแล้วจะโดนดุอีก”
หลังจากได้ยินซันนี่บอกมาอย่างนั้น ในคาบสุดท้ายที่บังเอิญว่าวันนี้อาจารย์ไม่เข้าสอนซอฮยอนจึงแอบหยิบดาวสีชมพูหย่อนใส่กระเป๋าเสื้อมาหนึ่งแผ่นแล้วออกไปจากห้องตรงดิ่งไปยังชั้นสาม
อาจเป็นเพราะความโชคดีที่ช่วงเวลาอย่างนี้ไม่มีใครอยู่ที่ชั้นสาม เพราะห้องอื่นๆมีเรียนคาบสุดท้ายกันอยู่ ซอฮยอนจึงสอดกระดาษสีชมพูใส่ลงไปในตำแหน่งเดิมที่เคยชิน ไม่ลืมที่จะส่งผ่านในสิ่งที่อยากบอกไปกับกระดาษเปล่าๆไปนั้นด้วย และเมื่อมายืนอยู่ตรงหน้าล็อคเกอร์ของตัวเองที่แทบไม่เคยเปิดเลยสักครั้ง ซอฮยอนก็เตรียมหยิบกุญแจมาไขเพื่อดูความเป็นไปข้างในบ้าง ถึงแม้จะรู้อยู่แล้วว่ามันเป็นแค่ตู้เปล่าๆก็เถอะ
“นั่นยัยซอฮยอนปีสองนี่!” เสียงเล็กๆดังแสบหูมาจากทางเดินอีกฝั่งของบันได เมื่อได้ยินอย่างนั้นแล้วเจ้าของชื่อก็รีบหันหลังเดินกลับไปอีกทาง
“จะรีบไปไหนห๊ะ ฉันมีเรื่องจะถามเธอเยอะแยะ!” เล็บจากใครอีกคนในกลุ่มจิกเข้าที่ไหล่ของซอฮยอนดึงให้เธอหันหน้ากลับไปเผชิญกับทั้งสามคน
“เธอมายุ่งอะไรกับยงฮวาของเรา แล้วไปทำอีท่าไหนให้เขาแทบจะอุ้มเธอไปส่งที่ห้องอย่างงั้น!!”
“ฉันเปล่า”
“อย่ามาโกหก!”
ปัง! เสียงเนื้อกระทบเหล็กดังขึ้นเมื่อใครคนหนึ่งผลักซอฮยอนให้เซไปกระแทกกับตู้ล็อคเกอร์
“โอ้ย ..”
“นี่ถือว่าเป็นการเตือนจากเรานะ ถ้าเธอยังไม่ถอยห่างออกมาจากเขาเธอจะเจอมากกว่านี้!” สิ้นคำขู่ทั้งสามคนก็เดินหายไปกลับไปทางเดิม ทิ้งให้ซอฮยอนนั่งกุมข้อเท้าอยู่ที่พื้น ไม่ได้อยากจะอ่อนแอแต่ความเจ็บปวดมันยากที่จะทนไหวจนในที่สุดก็ถูกกลั่นกรองออกมาเป็นน้ำตาหยาดใสที่ไม่มีแม้แต่เสียงสะอื้น
หมดสิ้นแล้วสินะ .. เวลาของความสุข
ซอฮยอนได้ยินเสียงฝีเท้าของใครบางคนใกล้เข้ามา จึงรีบปาดน้ำตาออกอย่างลวกๆแล้วรีบพยายามลุกขึ้นยืน แต่ทว่าขาที่แต่เดิมก็เจ็บอยู่แล้วตอนนี้มันยิ่งบวมแดงมากขึ้นกว่าเก่า อย่าพูดถึงเรื่องที่จะเดินกลับบ้านเลย แค่จะลุกขึ้นยืนยังทำแทบไม่ได้
“โอ้ย” .. หมับ วงแขนแกร่งรวบตัวซอฮยอนเอาไว้ได้ทันเวลาก่อนที่จะทรุดลงไปกับพื้นอีกครั้ง และเมื่อเงยหน้าขึ้นมองซอฮยอนก็อยากจะหายตัวไปซะตรงนั้นเพราะใครคนนั้นที่เข้ามาคือคนที่ซอฮยอนไม่อยากเจอในเวลาอย่างนี้มากที่สุด
“ทีนี้ยังจะปฏิเสธอีกไหมว่าเราไม่ได้เจ็บเพราะพี่” แววตาและน้ำเสียงที่นิ่งจนเกือบจะน่ากลัวทำเอาซอฮยอนไม่กล้าพูดอะไรออกมาได้แต่ฟังคำสั่งจากเขาว่าให้ยืนรออยู่นิ่งๆเขาจะไปหยิบของในล็อคเกอร์แล้วจะพาไปส่งบ้าน
ยงฮวาเดินตรงไปเปิดตู้ที่ไม่เคยล็อคกุญแจของตัวเอง ขนมลูกอมมากมายเกือบจะไหลออกมาจากตู้ ซึ่งเขาก็ไม่ได้สนใจอะไรเท่าไหร่ ซอฮยอนที่มองเห็นอย่างนั้นก็ยิ่งรู้สึกบีบหัวใจมากขึ้นไปอีก จะไปเสียใจทำไม .. ก็ให้เขาไปแล้วเขาจะรับหรือไม่รับไว้ก็ช่างสิ
หากซอฮยอนไม่เบือนหน้าหนีไปอีกทางเธอคงจะทันได้เห็นว่ามือเรียวหยิบกระดาษแผ่นบางๆมาใส่ไว้ในกระเป๋าเสื้อ .. กระดาษรูปดาวสีชมพู
“ไปกันเถอะ”
“พี่หยิบของเสร็จแล้วเหรอคะ?” ซอฮยอนงุนงงกับสิ่งที่อีกคนทำ บอกว่าจะมาหยิบของแต่เธอยังไม่เห็นว่าเขาจะหยิบอะไรออกมาสักอย่าง ก็เดินกลับมามือเปล่าเหมือนตอนแรกนี่นา
“ขึ้นมา”
“คะ!”
ที่ร้องออกมาไม่ได้ไม่เข้าใจความหมายที่พูดเพราะยงฮวาแสดงท่าทางประกอบคำพูดว่า ‘ขึ้นมา’ ด้วยการนั่งหันหลังให้เธอ แต่ที่ร้องก็เพราะว่าใครมันจะไปคิดว่าจองยงฮวาจะทำแบบนี้
“อย่า .. อย่าเลยค่ะ”
“ไม่ต้องไปกลัวคนพวกนั้นหรอก พี่ขอโทษที่มาช้าไป แต่พี่สัญญาว่าจะไม่ยอมให้เกิดเรื่องแบบนี้อีก”
“ฉันไม่ได้กลัว ..”
“ถ้าไม่กลัวก็ขึ้นมา”
“แต่ ..”
“งั้นมีสองตัวเลือกให้เลือก” ซอฮยอนทำตาโตขึ้นมาทันทีที่ยงฮวายื่นข้อเสนอ
บางทีถ้าแค่พยุงกลับบ้านก็อาจจะยังดีกว่าขี่หลังเขากลับบ้านล่ะนะ .. ถึงมันจะเสี่ยงพอกัน แต่ก็อาจจะทำให้หัวใจระเบิดได้ช้ากว่า!
“จะขี่หลังหรือว่า ..”
“จะให้พี่อุ้มไป” ซอฮยอนแทบจะอ้าปากเหวอให้กับตัวเลือกที่เพิ่มขึ้นมา ยังไม่ทันจะให้คำตอบคนใจร้อนก็จัดการอุ้มซอฮยอนขึ้นมาในท่าเจ้าหญิงจนอีกคนร้องลั่น
“พี่ยงฮวาคะ .. อย่า .. อย่าทำแบบนี้เลยค่ะ ฉันเดินไหว”
“ก็รู้อยู่แก่ใจว่ายังไงมันก็ไม่ไหว”
“แต่ ..”
“งั้นก็ขี่หลัง โอเคไหม”
“เอ่อ ..”
“ชักช้าพี่จะเลือกให้เองนะ”
“ค .. ค่ะ ขี่หลังก็ได้ค่ะ”
กว่าจะถึงบ้านได้ซอฮยอนก็แทบจะหมดแรงไปกับการห้ามปรามหัวใจที่เต้นโครมคราม แค่ยงฮวาไม่รู้สึกถึงมันก็ดีเท่าไหร่แล้ว
“ขอบคุณนะคะ”
“อืม ..” ยงฮวาพยักหน้าพร้อมกับส่งยิ้มอบอุ่นกลับมาให้
“กลับบ้านดีๆนะคะ แล้วเอ่อ .. พรุ่งนี้ ..” ซอฮยอนอยากจะถามว่าพรุ่งนี้เขาจะมารับเธอจริงๆรึเปล่าหรือแค่พูดหลอกให้เธอแค่หลงดีใจ แต่ก็ไม่รู้จะพูดออกไปยังให้มันไม่ดูเหมือนว่าเธอกำลังดีใจที่เขาสัญญาว่าจะไปรับไปส่งจนกว่าขาจะหายเจ็บ
“พรุ่งนี้ .. นั่นสิ พรุ่งนี้พี่จะมารับดีไหมนะ” อยู่ๆยงฮวาก็เปลี่ยนท่าทีไปแบบแปลกๆ ทำเอาคนมองแอบวูบไหวกลัวว่าเขาจะแค่แกล้งหยอกเธอเล่นจริงๆ
“พี่ว่าเราคงลืมอะไรไป” ยงฮวาแบมือแล้วยื่นออกมาตรงหน้าให้ซอฮยอนยิ่งไม่เข้าใจมากขึ้นไปอีก
“คะ?”
“ถ้าอยากให้มารับก็เอาสิ่งที่พี่ควรจะได้มาก่อน”
“สิ่งที่พี่ควรจะได้?”
ยิ่งพูดมากเท่าไหร่ก็ยิ่งไม่เข้าใจมากเท่านั้น แต่เพียงชั่วครู่ความสงสัยก็แปรเปลี่ยนเป็นอาการตัวชาที่ความร้อนวาบแผ่กระจายไปทั่วร่างก่อนจะตามมาด้วยการกระหน่ำเต้นของก้อนเนื้อในอกข้างซ้าย เมื่อยงฮวาหยิบกระดาษบางๆออกมาจากกระเป๋าเสื้อ
“วันนี้พี่เพิ่งได้แค่ดวงเดียวเองนะ”
“พี่ .. รู้” ยงฮวาไม่ได้ตอบอกมาเป็นคำพูดแต่เพียงแค่เขายิ้มบางๆออกมาซอฮยอนก็เข้าใจได้ทุกอย่าง
“ทำไมถึงเอาดาวสีชมพูมาให้พี่ล่ะ”
“เอ่อ .. ก็ ..”
“เพราะฉันคิดว่าพี่ชอบดาว .. แล้ว ..” ซอฮยอนครุ่นคิดคำตอบอีกอย่างอยู่ภายในใจ เหตุผลที่เธอไม่เคยบอกใครมาก่อน
“เพราะว่าสัญลักษณ์รูปดาวคือสิ่งที่เราสองคนชอบเหมือนกันใช่ไหมล่ะ” ซอ ฮยอนตาโตกับคำพูดของยงฮวา เขารู้ได้ยังไง .. ว่าฉันเองก็ชอบรูปดาว
“แล้วไม่อยากรู้เหรอว่าทำไมพี่ถึงชอบรูปดาว”
จะมีใครบ้างไม่อยากได้คำตอบของคำถามนี้ จองยงฮวาที่ไม่ว่าจะทำอะไรที่ไหนก็จะต้องมีสัญลักษณ์รูปดาวติดตัวอยู่ตลอดเวลา ไม่เคยมีใครหาคำตอบได้เพราะเขาไม่เคยสักครั้งที่จะพูด
“เมื่อสองปีที่แล้วพี่บังเอิญเจอดวงดาวตกลงมาจากท้องฟ้าน่ะสิ”
คำสารภาพเบาๆจากเขาทำให้ความทรงจำเก่าๆย้อนกลับเข้ามาในใจของเธอ และเมื่อแน่ชัดในความเข้าใจเธอก็ยิ้มให้กับช่วงเวลาสองปีที่เธอคอยแต่หลบๆซ่อนๆเพื่อไปหย่อนดาวสีชมพูลงในล็อคเกอร์เบอร์ยี่สิบสองโดยที่ไม่เคยรู้เลยสักนิดเลยว่าสาเหตุที่ทำให้เขาชอบรูปดาวนั่นก็เพราะว่า ..
ดาวดวงนั้นที่ตกลงมาจากฟ้า .. มันก็คือตัวเธอเองนั่นแหละ
ความคิดเห็น